PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561

มากกว่าเดิมพันอำนาจ

มากกว่าเดิมพันอำนาจ



ฟุตบอลโลกฟีเวอร์กลบกระแสการเมืองเงียบลงไปถนัดตา
เสียงนกเสียงกาในหมู่นักเลือกตั้งอาชีพก็ลดโทนลงไปผู้คนไม่สนใจฟัง อาการอุปาทานหมู่ปัญหาปากท้องของชาวบ้านร้านตลาด พ่อค้าแม่ขาย ก็ซาลงชั่วขณะ
ตามจังหวะดีๆที่เอื้อให้รัฐบาล คสช.กลับมาสู่สถานการณ์ตามยุทธศาสตร์ของตัวเอง
ล่าสุด “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. นำคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เหินฟ้าเยือนประเทศฝรั่งเศสและประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 20–25 มิถุนายน
ยกระดับเครดิตผู้นำรัฐบาล คสช.ที่โกอินเตอร์ต่อเนื่อง
จากทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกา จับเข่าคุยสองต่อสองกับประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์”
มาถึงคิวอังกฤษเซย์ฮัลโหลกับ “เทเรซา เมย์” นายกฯ เมืองผู้ดี และจับมือประธานาธิบดี “เอ็มมานูเอล มาครง” แห่งฝรั่งเศส
ถึงตรงนี้แรงต้าน “ผู้นำอำนาจพิเศษ” จากต่างชาติแทบไม่เหลือ
และอีกมุมก็เป็นการโรดโชว์ “เมกะโปรเจกต์เรือธง” โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลนักลงทุนในภูมิภาคยุโรป ภายหลังจากที่ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 ได้ประกาศใช้แล้ว
โดยเป้าหมายของ “นายกฯลุงตู่” และทีมเศรษฐกิจ คือการเชิญชวนนักลงทุนให้เข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมถึงแผนจะขยายความร่วมมือกับบริษัทแอร์บัส หลังจากที่ บมจ.การบินไทย ได้ลงนามในโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา เมื่อปลายปี 2560
จูนเครื่อง เดินหน้าเนื้องานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่วางโปรแกรมไว้
นี่คือภารกิจสำคัญของผู้นำที่ทำให้เกิดเนื้องานที่แตะต้องสัมผัสได้จริงๆ
ถ้าเทียบกับสิ่งที่เรียกว่า “กระพี้” ประเด็นการเมืองร้อนๆรายวันที่ “นายกฯลุงตู่” ถูกลากเข้าไปตะลุมบอนในสงครามไซเบอร์ที่รัฐบาลไม่ถนัด
แน่นอน มันคือภาพความชัดเจนในทางปฏิบัติที่หักลบกับกระแสฉาบฉวยในโลกโซเชียลฯ
และโดยเงื่อนไขสถานการณ์มาถึงตรงนี้ ก็เริ่มสะท้อนถึงความเด่นชัด เนื้องานอันเกิดจากการบริหารมา 3—4 ปี มองกันตามยุทธศาสตร์ในทางยาวๆของ “นายกฯลุงตู่” กับทีมงาน “สมคิด” โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ เป็นการวางแผนพัฒนาประเทศอย่างเป็นระบบ
ถือว่าครบวงจร ในการรองรับเศรษฐกิจและการเมืองโลกยุคใหม่
เมกะโปรเจกต์อีอีซี โดยมีระบบคมนาคม รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ เชื่อมเครือข่ายคมนาคมทั้งซีกตะวันออกกับซีกตะวันตก รองรับโครงการพัฒนาร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน
วางไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ความมั่นคง ในภูมิภาคอาเซียน
ไม่ได้เขียนนโยบายกันมั่วๆ จบเทอมรัฐบาลแล้วก็เลิกไป ทุกอย่างมาจากแนวคิดวางโครงสร้างพื้นฐานรองรับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ที่แน่ๆมันเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงชัดเจน เมื่อย้อนไปเทียบกับวิกฤติก่อนเดือนพฤษภาคม 2557
นี่คือสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ กับผลงานทีม “นายกฯลุงตู่” ที่ผิดฟอร์มรัฐบาลท็อปบูต
ซึ่งนั่นก็ตรงกันข้ามกับเสียงด่า ด้วยคำพูดลอยๆของคนยี่ห้อเพื่อไทยและประชาธิปัตย์
นักการเมืองทุกป้อมค่ายกำลังรวมหัวปรองดองอัตโนมัติ
ส่งสัญญาณกันชัดๆ พร้อมฉีกแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รื้อทิ้งโครงการอีอีซี หรืออะไรที่รัฐบาล คสช.วางรากฐานไว้มีหวังโดนรื้อทิ้งหมด
นี่แหละคือสิ่งที่เป็นคำตอบว่า ทำไม “สมคิด” ถึงจำเป็นต้องประกาศหนุน “ลุงตู่” ตีตั๋วต่อ
เพราะขืนปล่อยไปตามเกม ตามวิสัยของนักการเมืองอาชีพ ที่พอเปลี่ยนรัฐบาลทีก็โละทิ้งกันที อะไรที่ไม่ได้ประโยชน์ โครงการที่ไม่ได้ฟาดหัวคิว
ต้องล้มโต๊ะไปตีเมืองขึ้นกันใหม่
นักลงทุน นักธุรกิจ ก็ไม่กล้าเสี่ยงบนความไม่แน่นอน
ตามเงื่อนไขสถานการณ์เดิมพันมันจึงไม่ใช่แค่การยื้ออำนาจไม่ให้ฝ่าย “ทักษิณ” กลับมาช่วงชิงคืน หรือแม้แต่ปล่อยประชาธิปัตย์เอาไปเล่นเสียของ
แต่มันหมายถึงแผนพัฒนาประเทศระยะยาวที่รัฐบาลวางฐานกันมาตลอด 3–4 ปี
เข้าใจอย่างนี้แล้ว ก็อย่าได้แปลกใจ ถ้าสถานการณ์จะเป็นแบบที่ย่างเข้าโหมดเลือกตั้ง ตามคิวล่าสุดที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุได้นำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.และการเลือกตั้ง ส.ส.ขึ้นทูลเกล้าฯ ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา
พร้อมๆกับการทยอยเปิดหน้าเปิดตัวของนักเลือกตั้งอาชีพระดับบิ๊กเนมร่วมทีม “พลังประชารัฐ”
ถึงเวลาได้สัมผัส “พลังแท้จริง” ทีมหนุน “ลุงตู่”.
ทีมข่าวการเมือง

คุก"สุรพงษ์"2ปีไม่รอลงอาญา


วันที่ 19 มิ.ย.61 เวลา 12.30 น. ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ตัดสินคดีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกยื่นฟ้องในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ออกหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกหมายจับในคดีก่อการร้าย และคดีอื่นๆ 
.
โดยศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา เนื่องจากการกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือนายทักษิณได้รับความสะดวกในการเดินทางไปต่างประเทศ และเป็นการบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม
.
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนฟังคำตัดสินว่าหากศาลมีคำพิพากษาว่านายสุรพงษ์ มีความผิดก็พร้อมยื่นอุทธรณ์ ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงนายสุรพงษ์
.
ภาพ : กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร