PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ย้อนปรากฏการณ์อำนาจพิเศษ“ยกเครื่อง”ประเทศ : ปฏิรูปอืด สตาร์ตไม่ติด

ย้อนปรากฏการณ์อำนาจพิเศษ“ยกเครื่อง”ประเทศ : ปฏิรูปอืด สตาร์ตไม่ติด

ดีกรีความขัดแย้งของโลกใบนี้ ต้องสังเวยด้วยชีวิตและเลือดเนื้อหนักขึ้นทุกวัน

ล่าสุดขบวนการก่อการร้ายก่อเหตุขับรถตู้พุ่งชนผู้คนย่านกลางเมืองบาร์เซโลนา แหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับโลกของประเทศสเปน ทำให้มีคนตาย 13 ศพ บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

โดยกลุ่มก่อการร้ายไอเอสออกมาประกาศอยู่เบื้องหลังการก่อการร้าย

ตัดฉากมาที่เมืองไทย ก็มีสถานการณ์ที่กลุ่มโจรใต้ แนวร่วมขบวนการบีอาร์เอ็นอาละวาดปล้นรถจากจังหวัดสงขลา ไปก่อเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

สุมไฟความขัดแย้งทางเชื้อชาติ ศาสนาไม่ให้ดับง่ายๆ

ในขณะที่ผลตกค้างจากความแตกแยกทางการเมือง นาทีแห่งการลุ้นระทึกคืบเข้ามาทุกขณะ
เข้าสู่ห้วงสัปดาห์สุดท้าย นับถอยหลังวันพิพากษา 25 สิงหาคม 2560

วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดตัดสินคดีสำคัญ 2 คดีในวันเดียวกัน
คดีแรกกรณีการทุจริตโครงการระบายข้าวในโครงการรับจำนำแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีโดยมิชอบ ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และพวกเป็นจำเลย

อีกคดีกรณีการปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายจากการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ซึ่งแถลงปิดคดีด้วยลายลักษณ์อักษรไปแล้ว

เดิมพันชะตากรรมของลูกข่าย “ทักษิณ”

รอดไม่รอด คุกไม่คุก ถึงตรงนี้คนที่ตกเป็นจำเลยคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ

และโดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่เร้าไปกับบรรยากาศแห่งความระทึกอกระทึกใจ ก็เป็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายความมั่นคง คสช.ที่ต้องขยับเตรียมพร้อมรับสถานการณ์

ประชุมหน่วยข่าว เกาะติดกันแบบวันต่อวันตามรูปการณ์ต่อเนื่องกับการที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ร่อนหนังสือถึงกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทยในการจับตาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะแฝงการระดมมวลชนเข้ามาให้กำลังใจอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงในวันพิพากษาคดีจำนำข้าว

ข้อมูลการข่าวย่อมมีน้ำหนักตามสถานะขององค์กร

สอดคล้องกับการที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เลขาธิการ คสช. ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ (กกล.รส.) ได้สั่งหน่วยทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ให้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวการชักชวนมวลชนในพื้นที่รับผิดชอบของตัวเอง ห้ามละสายตา

ประเมินมวลชนมาให้กำลังใจ “ยิ่งลักษณ์” ประมาณ 1-2 พันคน

แต่จุดสำคัญ เป็นห่วงมือที่สามจะแทรกเข้ามาก่อสถานการณ์

ในขณะที่เบอร์หนึ่งฝ่ายความมั่นคงอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ก็แสดงความมั่นใจว่าไม่น่าจะมีเหตุวุ่นวายบานปลาย

ใช้แค่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์ก็พอ

โดยเฉพาะการอารักขาความปลอดภัยคณะตุลาการศาลฎีกาฯ

ไม่ถึงขั้นซีเรียส แต่ก็ไม่กล้าประมาท

นั่นก็เพราะยุทธศาสตร์ของอีกฝ่าย ผลพวงจากแอ็กชั่นของอดีตผู้นำหญิงและเครือข่ายพรรคเพื่อไทยในการสื่อสารกับมวลชนผู้สนับสนุน เรียกคะแนนสงสาร ขอความเห็นใจ

ยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวว่าไม่ได้ทำอะไรผิด

อิทธิฤทธิ์ของ “น้ำตานารีพิฆาต” มันมีอานุภาพมากกว่าอาวุธสงคราม

แน่นอนผลทางคดีก็สุดแท้แต่ศาลจะพิจารณาตัดสิน

แต่จุดที่ห้ามกันไม่ได้ก็คืออารมณ์ความรู้สึกของผู้คนในสังคม ตามรูปการณ์ที่ประเมินได้ล่วงหน้า ไม่ว่าผลของคดีจะออกมาผิดหรือ

ไม่ผิด ก็หนีไม่พ้นต้องมีฝ่ายที่ไม่พอใจกับผลคดีที่ตัวเองตั้งธงไว้ในใจไม่ต่างจากแผ่นดิน ไหว ต้องมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาแน่

และโดยปรากฏการณ์ภายหลังผลการตัดสินคดีจำนำข้าวนี่แหละ จะเป็นตัวชี้วัดห้วงเปลี่ยนผ่านวิกฤติการเมืองประเทศไทย

จะก้าวพ้นหลุมดำความขัดแย้ง หรือถอยหลังกลับวังวนเก่า

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่โยงกับการ “ปรองดอง” ที่รัฐบาล คสช.ได้ดำเนินกระบวนการจัดทำ “สัญญาประชาคม” คืบหน้าอย่างเป็นรูปเป็นร่างมากกว่ารอบที่แล้วๆมา

จะได้นำไปใช้หรือเก็บใส่ในลิ้นชัก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยเงื่อนไขตามโปรแกรมการปฏิรูปประเทศที่เป็นไฟต์บังคับของรัฐบาลทหาร คสช.ก็ยังต้องเดินหน้าตามสัญญาประชาคมจากการขอสิทธิใช้อำนาจพิเศษจากประชาชน

ถึงตรงนี้ผ่านปีที่ 3 เข้าสู่ปีที่ 4 ยังมีความเป็นนามธรรมมากกว่าจับต้องได้

เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง

ล่าสุดมีการประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆจำนวน 11 คณะตาม พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ พ.ศ.2560 ประกอบด้วย

1.ด้านการเมือง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธาน 2.ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน นายกฤษฎา บุญราช ประธาน 3.ด้านกฎหมาย นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน

4.ด้านกระบวนการยุติธรรม นายอัชพร จารุจินดา ประธาน 5.ด้านเศรษฐกิจ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธาน 6.ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายรอยล จิตรดอน ประธาน

7.ด้านสาธารณสุข นพ.เสรี ตู้จินดา ประธาน 8.ด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ นายจิระชัย มูลทองโร่ย ประธาน 9.ด้านสังคม นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธาน

10.ด้านพลังงาน นายพรชัย รุจิประภา ประธาน 11.ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน

ตามโควตาทั้งหมด 120 คน มีกำหนดระยะในการดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 5 ปี

ดูตามรายชื่อก็มีแต่คนเก่าๆ ชื่อเดิมๆ หน้าซ้ำๆ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ฯลฯ

วนอยู่ในทีมงานแม่น้ำ 5 สายที่กระโดดลง “เรือแป๊ะ” มาตั้งแต่ต้น

นั่นก็ไม่แปลกที่จะไร้เสียงขานรับจากสังคม ในอารมณ์ผู้คนไม่รู้สึกถึงความแปลกใหม่

ยิ่งเป็นอะไรที่ฟังจาก พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจกแจงภารกิจคณะกรรมการปฏิรูปทั้ง 11 คณะจะต้องติดตามการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ รัฐสภา ศาล กระทรวง กรม องค์กรอิสระ และหน่วยงานอื่นๆ จากนั้นทำรายงานเสนอ ครม.และรัฐสภาให้ทราบถึงการดำเนินการ

แต่ถ้าหน่วยงานใดไม่ทำตามคณะกรรมการปฏิรูป จะมีการเจรจาพูดคุยเพื่อขอทราบเหตุผลว่า ทำไมถึงไม่ทำ ถ้าสามารถรับฟังได้ก็ค่อยว่ากัน แต่ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ให้รายงานนายกฯ หรือรายงานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่จะแต่งตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ดำเนินการกับหน่วยงานเหล่านั้นได้
สถานะลอยๆ ภารกิจคลุมเครือ อำนาจหน้าที่ไม่ชัดเจน

เอาเข้าจริงก็แค่ตั้งขึ้นมาตามที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น

และคนที่สะท้อนภาพได้ตรงที่สุดก็คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่วิจารณ์แบบแรงๆเลยว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปดูแล้ววนไปวนมา

จนสังคมเกิดอาการสำลักการปฏิรูปแล้ว

นั่นก็เพราะย้อนปรากฏการณ์ปฏิรูปภายใต้อำนาจพิเศษ การเดินหน้ายกเครื่องประเทศตั้งแต่หลังการรัฐประหาร คสช.มีการตั้งคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปไม่รู้กี่คณะต่อกี่คณะ

เฝือไปหมด จำแทบไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการย่อยในคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)
ยังไม่นับปลีกย่อยอย่างคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ คณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาแห่งชาติ ฯลฯ
งานซ้ำซ้อน ย้อนไปย้อนมา

นั่นไม่เท่ากับว่า โดยกระบวนการของการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปชุดต่างๆต้องสิ้นเปลืองทั้งเรื่องของเวลา และเงินภาษีประชาชน

แต่ถึงตรงนี้ก็ยังไม่ได้ผลผลิตอะไรที่สัมผัสจับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน

ปฏิรูปยังอืด สตาร์ตไม่ติด.

“ทีมการเมือง”

กม.ห้ามมีกิ๊ก



ได้ใจ "เมียหลวง" ไปเต็มๆ..."บิ๊กตู่"บอก กำลังออกกฎหมาย "ห้ามมีกิ๊ก"
พล.อ.ประยุทธ์ บอกกับชาวโคราช ว่า ขออย่ามัวสนใจแต่ ข่าวดารา จะรักจะเลิกกัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย อยากให้เขากลับมาคืนดีกัน แต่ตัวเองผัวยังทิ้งอยู่เลย
"ใครผัวทิ้งมาบอกผม ผิดกฎหมายไม่ได้ กฎหมายให้มีเมียเดียว จะมีกิ๊กก็ไม่ได้ กฎหมายกำลังออก" นายกฯกล่าว

เร่งจัดการเด็ดขาด จริงจัง จนท.รัฐทุจริต

"เลขาฯคสช."สั่ง เร่งจัดการเด็ดขาด จริงจัง จนท.รัฐทุจริต ที่"ศูนย์ร้องเรียนฯ"ส่งให้ ศอตช.129 เรื่อง และ ส่งต้นสังกัด ตำรวจ-ทหาร 110เรื่อง/ สั่ง รปภ.เข้มนายกฯ ครม.สัญจร รวบรวมเรื่องร้องเรียน
วันนี้ที่ กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ./เลขาธิการคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. กล่าวว่าในที่ประชุม พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า การช่วยแก้ปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน ที่ส่งข้อมูล จนท.รัฐ ทุจริต ให้ ศอตช.129 เรื่อง และ ต้นสังกัด ตำรวจ-ทหาร110เรื่อง
พลเอกเฉลิมชัย ได้มอบหมายให้ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ สรุปผลการทำงาน โดยเฉพาะผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการนำข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากประชาชนเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ
พร้อมนำไปชี้แจงให้สังคมได้รับทราบถึงความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวเป็นระยะๆ
ทั้งนี้ นอกจากจะให้ความสำคัญกับเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐถูกร้องเรียนว่าทุจริตแล้ว ขอให้หน่วยต้นสังกัดได้เร่งตรวจสอบกรณีได้รับข้อมูลจากศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ถึงการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ในลักษณะผู้มีอิทธิพล หรือสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน
โดยให้รีบดำเนินการอย่างเด็ดขาดและจริงจัง เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางที่รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้วางยุทธศาสตร์ไว้
พลเอกเฉลิมชัย ได้กล่าวถึงการดูแลภาพรวมในเรื่องการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ระหว่าง ๒๑ – ๒๒ สิงหาคมนี้ ซึ่งได้มอบหมายให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ ๒ ประสานการปฏิบัติกับทุกส่วนราชการให้กิจกรรมดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ทั้งนี้ในโอกาสต่อไปหากนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรี มีแผนจะลงพื้นที่เพื่อพบปะกับประชาชนและรับฟังปัญหาในทุกภูมิภาค
ขอให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในแต่ละพื้นที่ได้เตรียมความพร้อมให้การสนับสนุน และให้มีการรวบรวมปัญหาของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานเตรียมให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบด้วย

"บิ๊กเจี๊ยบ" ประชุม เลขาฯคสช.ย้ำความพร้อม รับ"วันอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว"

"บิ๊กเจี๊ยบ" ประชุม เลขาฯคสช.ย้ำความพร้อม รับ"วันอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว"ประเมิน มวลชน มา 3,000-3.500 พันคน/สั่งทหารเข้ม ดูแลคลังข้าวในพื้นที่ 9 จังหวัด ปริมาณข้าว ที่ขนย้ายแล้ว 45ล้านตันเศษ คงเหลือ ข้าวรอการขนย้ายอีก 22 ล้านตันเศษ

วันนี้ที่ กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ./เลขาธิการคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. กล่าวว่าในที่ประชุม พลเอกเฉลิมชัยได้กล่าวถึง วันที่25สิงหาคมนี้ ซึ่งจะมีการอ่านคำพิพากษาคดีสำคัญในโครงการรับจำนำข้าว ที่สังคมให้ความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง
พลเอกเฉลิมชัย ได้กำชับให้แต่ละหน่วยงาน กำกับดูแลให้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกส่วนเป็นไปตามแนวทางซึ่งได้กำหนดไว้แล้วจากการประชุม สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการปฏิบัติ และดูแลในภาพรวมภายใต้การใช้กฎหมายปกติ โดยมีกระทรวงมหาดไทยและ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จะเป็นส่วนให้การสนับสนุน
ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคง ประเมินว่าจะมีประชาชนมาร่วมรับฟังความคืบหน้าของคดีในวันดังกล่าวประมาณ 3,000-3,500 คน ซึ่งอาจจะทำให้พื้นที่โดยรอบเกิดความไม่สะดวกในบางเรื่อง อาทิ ปัญหาการจราจร สภาพอากาศ ความแออัดของพื้นที่ รวมทั้งกระบวนการอ่านคำพิพากษาอาจต้องใช้ระยะเวลานาน
พลเอกเฉลิมชัย มีความห่วงใยในข้อจำกัดดังกล่าว ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเตรียมการรองรับให้เหมาะสมกับสภาพการณ์
รวมทั้งการกำกับดูแลไม่ให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมายในทุกด้าน เพื่อให้ภาพรวมของเหตุการณ์ มีความเรียบร้อยที่สุด
ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะไม่มี การจัดประชุมในเรื่องดังกล่าวอีกแล้ว
การประชุมในวันนี้ พลเอกเฉลิมชัย ยังได้กำชับให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยสานต่อการสนับสนุนงานบริหารราชการแผ่นดิน
โดยเฉพาะการดูแลคลังข้าวสารในสต็อกของรัฐ การร่วมตรวจสอบการระบายข้าวและการช่วยควบคุมการขนย้ายข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภค ให้เป็นไปตามกลไกและมาตรการที่ภาครัฐกำหนด มีความโปร่งใส สังคมเกิดความเชื่อมั่น
ซึ่งขณะนี้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 1 และ 3 ได้เข้าช่วยสนับสนุนการขนย้ายข้าวแล้วในพื้นที่ 9 จังหวัด ปริมาณข้าวที่ขนย้ายแล้ว 45ล้านตันเศษ คงเหลือข้าวรอการขนย้ายอีก 22 ล้านตันเศษ

ใครจะไปเลือกตั้ง บ้าง?...บิ๊กตู่ ถามชาวโคราช แต่ เงียบ ไม่มีใครกล้ายกมือ...

ใครจะไปเลือกตั้ง บ้าง?...บิ๊กตู่ ถามชาวโคราช แต่ เงียบ ไม่มีใครกล้ายกมือ...
นายกฯ บอก ไม่ต้องกลัวผม เพราะสนับสนุนการเลือกตั้งอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมา
ได้คนห่วย ขออย่าเลือกคนผิดอีก เปรย กำลังออก กม. จะมีกิ๊กก็ไม่ได้
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องการให้โคราช ภาคอีสาน และทุกภาค เจริญเติบโต และลูกหลานมีความสุข หรือว่ามีใครไม่ต้องการ
หรือจะสู้อีกว่า หากมีใครในใจให้ยกมือลองตอบมาซักคนว่าเลือกใคร"
ซึ่งช่วงนี้มีประชาชนตะโกนว่า "เลือกนายกฯ"
จากนั้น นายกฯ ถามประชาขน ใครจะไปเลือกตั้งบ้าง ให้ยกมือ
แต่กลับ ไม่มีเสียงตอบรับ
นายกฯ จึงบอกว่า "ไม่ต้องกลัวผม เพราะสนับสนุนการเลือกตั้งอยู่แล้ว "
แต่ที่ผ่านมาได้คนห่วยมาตลอด เพราะคนดีไม่ได้ไปเลือก
ส่วนจะเลือกใครก็ไปเรื่องของประชาชน อย่าเลือกคนผิดอีก
พร้อมถามประชาชนอีกว่า "หากมีใครในใจให้ยกมือ ลองตอบมาสักคน ว่าเลือกใคร ซึ่งช่วงนี้มีประชาชนตะโกนว่า "เลือกนายกฯ"
พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า "ขอบคุณ เดี๋ยวพรุ่งนี้สื่อ ก็เล่นผมเละอีก
แต่ไม่รู้ จะเข้าไปได้ไง ไม่ได้เลือกตั้ง ก็ไปดูกันต่อ ทุกอย่างเป็นเรื่องชะตากรรมของบ้านเมือง
และผมก็ต้องรับชะตากรรมอยู่แล้ว ในเมื่อได้เข้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว แต่ความหมายของการเลือกตั้ง คือจะต้องได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง
แต่สามารถแสดงออกด้วยวาจา ซึ่งต้องชัดเจน
พูดแบบ ผมบางครั้ง ก็แรงไปบ้าง แต่ไม่มีอะไรต้อง ปกปิดพวกท่าน มีปัญหาผมก็บอกท่าน อย่ารอรับ การให้อย่างเดียว
คนไทยทั้งประเทศต้องได้รับการดูแลจากรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ไม่ใช่เลือก ส.ส.มาแต่ไม่ได้อะไรเลย ถามว่าไม่เสียใจบ้างหรือ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอประชาชน อย่าไปเชื่อคนที่บอกว่าจะให้โน้นให้นี่
ในเรื่องราคาของ แล้วรัฐบาลต้องซื้อเก็บไว้ทำให้เสียหาย ซึ่งขณะนี้ยังดีที่ราคาข้าวสูงขึ้น แต่ขออย่าปลูกกันเยอะแต่ขอให้ปลูกข้าวในพื้นที่ที่เหมาะสม และจะต้องมีการตรวจสอบโรงสีและคลังข้าว ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาที่รัฐบาลได้ฝากไว้ด้วยว่า สร้างในพื้นที่ใด เสียค่าเช่าและมีความคุ้มค่าหรือไม่
นอกจากนี้ ขออย่ามอง ทุกอย่างเป็นเรื่องการเมืองอย่างเดียว ใครผิดถูกทะเลาะเบาะแว้ง ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัว
"คนไทยรักกัน เหมือนที่ทุกคนรักผม ใครมารังแกผม พวกท่านก็ไม่ชอบ แต่ขอให้รักใครให้ถูกวิธี
ถ้าผมทำผิด ก็ไม่ต้องมารัก ไม่ใช่ชอบเสียอย่าง ผิดถูกก็ช่างมัน จะโกงหรือแบ่งกันก็ได้ แบบนี้ถือว่าผิดศีลธรรม คงเห็นประชาชนมีแววตาซื่อ จะไปหลอกอะไรไม่ได้ คนไทยมีความซื่อสัตย์ โอบอ้อมอารี ใครให้อะไรก็บอกว่าดีกลัวเสียน้ำใจ
ซึ่งผมไม่ได้ว่าใคร แต่อย่าไปหลงเชื่ออีก อย่าให้เขาพาไปติดคุกอีก หลายคนที่ติดคุกถูกทิ้งอยู่ ไม่มีใครไปดูแล รู้สึกสงสารแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรในเมื่อผิดกฎหมาย"
"ขออย่ามัวสนใจแต่ ข่าวดาราจะรัก จะเลิกกัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย อยากให้เขากลับมาคืนดีกัน
แต่ตัวเองผัว ยังทิ้งอยู่เลย ใครผัวทิ้งมาบอกผม ผิดกฎหมายไม่ได้ กฎหมายให้มีเมียเดียว จะมีกิ๊กก็ไม่ได้ กฎหมายกำลังออก"

บิ๊กตู่ ยกเพลง คสช. "ขอเวลาอีกไม่นาน แต่ไม่ไปสักที

บิ๊กตู่ ยกเพลง คสช. "ขอเวลาอีกไม่นาน แต่ไม่ไปสักที ผมก็ไปตามขั้นตอน ไปได้ก็ไป อย่าไล่ผม ถ้าไล่ ยังไม่ไป"...อ้อนเว้าอิสาน.."คิดถึงกันบ้างเด้อ ทหารพูดอะไรโกหกไม่ได้ เป็นคำมั่นสัญญา"
นายกฯ โชว์เหรียญย่าโม บอก" วันนี้ตนพูดความจริงต่อหน้าย่าโม"
"คิดถึงกันบ้างเด้อ ทหารพูดอะไรโกหกไม่ได้ เป็นคำมั่นสัญญา ที่ต้องการทำเพื่อประชาชน"
"เคยฟังเพลงกันใช่มั้ย หรือคิดว่า ขอเวลาอีกไม่นาน แต่ไม่ไปสักที ผมก็ไปตามขั้นตอน ไปได้ก็ไป อย่าไล่ผม ถ้าไล่ ยังไม่ไป"

"พลทหาร ท่าโร่

"พลทหาร ท่าโร่
"มทบ.45"งัด ภาพ วงจรปิด ยืนยัน ไม่พบการ ทำร้าย "พลทหาร ท่าโร่" มีแต่ให้ออกกำลังกายรวม แต่อาจมีตอนไหนหรือไม่..แต่สงสัย ตอนออกไปงานBig Bike"นอกหน่วย ยันมีภาพ นั่งรอรถมารับไปข้างนอก ท่าทางปกติ ไม่บาดเจ็บ/ บิ๊กเจี๊ยบ"สั่งตั้ง กก.สอบสวน ยันหาก พบ ทหาร ไม่ว่าระดับใด เกี่ยวทำร้ายร่างกาย การกระทำนอกกฎระเบียบราชการ จะถูกลงโทษ แน่นอน
พันเอก วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณี พลทหาร นพดล วรกิจพันธ์ หรือ ทาโร่ สังกัด มทบ.45 สุราษฎร์ธานี เสียชีวิต ว่า พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ได้ สั่งการ มณฑลทหารบกที่ 45 ตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง
รวมทั้งประสานใกล้ชิดกับ ตร. เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายในการหาสาเหตุของการเสียชีวิตของ พลทหาร นพดล วรกิจพันธ์ อย่างตรงไปตรงมา
ในเบื้องต้นหน่วยให้ข้อมูลว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ
สำหรับข้อมูลจากการสอบสวนจากบุคคลภายในหน่วย และจากบันทึกของกล้องวงจรปิดภายในหน่วย
ล่าสุดยัง ไม่พบข้อมูลว่ามีการกระทำนอกกฎระเบียบราชการ
โดยเฉพาะ ตั้งแต่เวลาช่วงตอนเย็นหลังจากที่ญาติมาส่งประมาณ 19.00 ถึงช่วงเวลา ประมาณ 20.45น. ที่ พลทหาร นพดล ได้มานั่งคอยรถที่จะมารับออกไป "งานบิ๊คไบค์"ข้างนอกหน่วย.
โดยมองเห็นได้ด้วยภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดว่า เจ้าตัวมานั่งคอยรถ ด้วยท่าทางปกติ
ส่วนเรื่องของการมีให้รวมแถวอบรม และมีการให้ออกกำลังกาย ในช่วงเวลา 1920.นั้น จากข้อมูลบุคคล และข้อมูลจากกล้องฯ พบมีลักษณะเป็นการออกกำลังกายแบบเป็นส่วนรวมทั้งกองร้อย
ล่าสุด ไม่พบว่าช่วงเวลานี้ มีการกระทำอะไรที่อยู่นอกกรอบกฎระเบียบโดยเฉพาะไม่มีข้อมูลเรื่องของการทำโทษที่รุนแรงแบบถูกเนื้อต้องตัวกัน
ขณะนี้ทางหน่วยต้นสังกัดคงอยู่ระหว่างการต้องไปเจาะลึกเพิ่ม ไปในช่วง เวลาสั้นๆ ที่หลังจากมีการอบรมและออกกำลังกายเสร็จแล้ว.
"สิบเวร ได้มีการปล่อยให้ทหารได้ไปอาบน้ำและพักผ่อนกันตามอัธยาศัยนั้น ที่ในช่วงสั้นๆ นี้จะมีช่วงไหนตอนไหน ที่มีการกระทำอะไรที่ไม่เหมาะสมของสิบเวร หรือ เพื่อนพลทหารด้วยกันเองหรือไม่
หรือต้องรวมไปถึงช่วงเวลาที่ พลทหาร นพดลฯ ไปใช้เวลาอยู่ภายนอกพื้นที่ของหน่วยอย่างละเอียดควบคู่ไปด้วย"

พันเอกวินธัย กล่าวว่า อาจต้องรอให้ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการจากหน่วย และจากทางตำรวจอีกครั้ง. และเชื่อว่าถ้าผลการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด ได้ข้อสรุปสมบูรณ์แล้ว. ปรากฎพบว่ามี กำลังพล ไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม ประพฤติปฏิบัตินอกเหนือกฏระเบียบราชการกำหนด จะต้องถูกดำเนินการไปตามขั้นตอน ของกฎหมายบ้านเมือง และกฎหมายทหาร อย่างแน่นอน

"บิ๊กตู่"ไม่สนใจ ขาลง คนเบื่อ

"บิ๊กตู่"ไม่สนใจ ขาลง คนเบื่อ
นายกฯบอก ไม่สนใจ โพลล์บอก คะแนนลดลง...รู้ดี คนไทย นิสัยขึ้เบื่อ รู้ตัว 3ปีคนเบื่อหน้า พูดเยอะรำคาญ...ชี้ รัฐบาล ไม่ใช่ดารา ไม่ได้สร้างละคร แต่กำลังทำเรื่องจริง "ทำความฝันให้เป็นจริง"'
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า โพล บอกว่าคะแนนลุงตู่ ลดลง แต่ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะคนไทยมีนิสัยขี้เบื่อ
"ปีที่แรก มองว่ายังดี และชื่นชม
แต่พอปีที่2 เริ่มเบื่อหน้า พูดเยอะรำคาญ
พอมาปีที่3 ยิ่งเบื่อกันไปใหญ่
เหมือนกับดูละคร ที่มีหน้าใหม่เข้ามา แต่รัฐบาล ไม่ใช่ดารา และไม่ได้สร้างละคร แต่กำลังทำเรื่องจริง ทำความฝันให้เป็นจริง
เพราะต้องการให้โคราช ภาคอีสาน และทุกภาค เจริญเติบโต และลูกหลานมีความสุข หรือว่ามีใครไม่ต้องการ หรือจะสู้กันวันนี้ ให้มีการเปลี่ยนแปลง เอาคนนั้นคนนี้มา ซึ่งยังไม่ถึงเวลา ต้องรอให้ถึงเวลาก่อน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ"ลูกย่าโม".

นายกฯ"ลูกย่าโม"....ลูกอิสาน ไม่เคยลืม สูติบัตร ก็เกิดที่นี่ ในค่ายสุรนารี แม่เป็นคนชัยภูมิ แต่เป็น"เขยโคราช"ไม่ได้ เป็นเรื่องแน่ !!!
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมให้ความสำคัญกับภาคอีสาน ก่อนเป็น อันดับแรก โดย ครม.มาทั้งคณะ
จึงถือเป็นโอกาสดีในการรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลพอรับทราบปัญหามาบ้างแล้ว และอยากพูดให้คนทั้งประเทศเข้าใจด้วย
ผมกราบสักการะย่าโม เพราะผมเกิดที่นี่ ในค่ายสุรนารี โดยในสูติบัตร ก็เขียนไว้เท่ากับเป็นคนที่นี่ จึงเป็นลูกหลาน ชาวอีสาน ไม่เคยลืม

"ไม่ว่าใคร ก็จะลืมถิ่นที่เกิดที่อยู่ ที่กินไม่ได้ พ่อเป็นทหารที่โคราช ส่วนแม่เป็นคนชัยภูมิ "
เมื่อเช้า ผู้ว่าราชการฯ นำลอดประตู ชุมพล พร้อมบอกว่า ถ้าเดินลอดประตูแล้วจะเป็นเขยคนโคราช ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผมเป็นเขยคนกรุงเทพแล้ว หากเป็นอีกเขยก็ต้องเป็นเรื่องแน่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ ได้โชว์เหรียญย่าโม พร้อมกล่าวว่า วันนี้ปมพูดความจริงต่อหน้าย่าโม
และช่วงหนึ่งนายกฯ ยังกล่าวเป็นภาษาอีสานด้วยว่า "คิดถึงกันบ้างเด้อ ทหารพูดอะไรโกหกไม่ได้ เป็นคำมั่นสัญญาที่ต้องการทำเพื่อประชาชน"
เคยฟังเพลงกันใช่มั้ย หรือคิดว่า ขอเวลาอีกไม่นาน แต่ไม่ไปสักที ผมก็ไปตามขั้นตอน ไปได้ก็ไป อย่าไล่ผม ถ้าไล่ยังไม่ไป"