PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จตุพร ไม่รู้จัก ลุงวิศวะมือบึ้ม

16 มิ.ย. 60 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ให้สัมภาษณ์กรณีทหารควบคุมตัวนายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรรัฐวิสากิจแห่งหนึ่ง ที่สารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุวางระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า และอีกหลายจุด ซึ่งล่าสุด พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้ขออนุมัติหมายจับ ว่า เรื่องนี้ได้ติดตามข่าวตั้งแต่ต้น นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า มีการจ้างตำรวจ ทหารนอกแถว มากระทำการ จนมีการจับกุมตัว วิศวกรการไฟฟ้าที่เกษียณอายุ ภาพข่าวมีนาฬิการูปนายทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) มีผ้าพันคอสีแดงสภาพใหม่ อุปกรณ์ประกอบระเบิด และมีการให้ข่าว ผู้ต้องหาได้กระทำการตั้งแต่ปี 50 จนถึงวันครบรอบ 3 ปี รัฐประหารเมื่อ 22พ.ค.60 ก่อนหน้า นปช.ออกแถลงการณ์ประณามการวางระเบิดในรพ.พระมงกุฎเกล้าฯ เหตุระเบิดนั้น อย่าว่าแต่เป็นคนเสื้อสีใดเลย เป็นคนยังไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่มีใครเห็นด้วย เพราะผู้ที่ไปรักษาอาการเจ็บป่วยไม่ว่าจะเป็นทหาร พลเรือน ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่ควรได้รับชะตากรรม ตามหลักกฎหมาย จนกว่าคดีถึงที่สุด ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตามขั้นตอนอยากให้ทหารปล่อยให้ตำรวจ การนำตัวไปไว้7วันก่อนมาส่งตัวให้ตำรวจ พร้อมคำรับสารภาพนั้น พวกเราอยู่ในหมู่บ้านกระสุนตก ทั้งนาฬิกา ผ้าพันคอใหม่เอี่ยม เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เป็นเรื่องความชินชา ใครอยากให้ใครเชื่ออย่างไรก็ทำตามสบาย แต่คนที่ทำผิดจริงๆ ควรได้รับการประณาม สาปแช่ง ถือเป็นความอำมหิต
นายจตุพร กล่าวว่า รูปแบบคดีต่างๆ สิ่งที่คนไทยอยากเห็นคือการทำคดีตรงไปตรงมา พวกเราไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้ ไม่รู้จักวิศวกรเป็นการส่วนตัว คนจบวิศวกร ไม่รู้จบจากสำนักไหน นอกจากเก็บของไว้ใหม่เอี่ยม เก็บหลักฐานรอไว้ครบ ทั้งที่เหตุการณ์ผ่านไปร่วมเดือน ไม่รู้วิศวกรสถาบันแห่งนี้อบรมสั่งสอนกันอย่างไร แต่ก็เอาเถอะ ใครผิดก็ว่าตามผิด ไม่มีใครไปปกป้องอะไร เพราะพฤติกรรมไม่ว่าใคร ต้องได้รับการประณาม ทางข้อกฎหมายควรให้ประชาชนสบายใจ ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เอานาฬิการูปทักษิณ ผ้าแดงใหม่มาวาง แล้วสรุปเป็นเพราะต้องการแก้แค้นการสลายการชุมนุมปี 2553 อธิบายว่า วางระเบิดตั้งแต่ปี2550 โดยที่ยังไม่มีเหตุการณ์ปี 2553 การอธิบายก็ขัดกันไปกันมา แต่ถ้าต้องการให้คนเชื่ออย่างนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร
นายจตุพร กล่าวว่า นปช.เรามีแนวทางสันติวิธี ไม่มีวิธีอื่น ไม่สนับสนุนวิธีอื่น ส่วนรูปแบบการเชื่อมโยง การตั้งข้อกล่าวหา ตั้งข้อสงสัยก็ทำเหมือนทุกครั้งที่เคยทำมา ไม่รู้จักเบื่อกันหรือ มันง่ายเหลือเกิน นาฬิกาใหม่ ผ้าแดงใหม่เอี่ยม อุปกรณ์ก็ใหม่ ทหารควรเอาตัวไปให้ตำรวจสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา เพราะเรื่องนี้กระทบกระเทือนต่อจิตใจคนไทย
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ในส่วนของแกนนำคนเสื้อแดงที่ถูกควบคุมตัว ทางทนายความ ครอบครัวกำลังปรึกษาหารือจะยื่นประกันตัวอีกครั้งเมื่อใด คนที่ถูกคุมขัง มีบางคนเจ็บป่วย ขอความเมตตาจากศาล แนวร่วมเสื้อแดงทุกคนปรับตัว เข้าใจในชะตากรรม ที่ตนเคยพูด บนหนทางต่อสู้ไม่ตายก็ติดคุก ส่วนคดีของตนที่สภ.พัทยา ยังอยู่ในขั้นตอนพนักงานสอบสวน ทั้งที่เป็นอำนาจของสน.ดุสิตแต่ต้น การจะยกสำนวนมาที่พัทยา มันมีปัญหาตามป.วิอาญามาตรา18 19 แต่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน คงว่ากันตามแนวทางการต่อสู้ต่อไป

ย้อนรอยระเบิด37จุด

ย้อนรอย 5 ปี คดีบึ้มป่วนกรุง 37 ครั้ง ตร.ยังวืดจับคนร้ายไม่ได้

ชุดสืบสวนนครบาลพลิกแฟ้มคดีย้อนหลังเหตุการณ์ระเบิดสนั่นกรุงในช่วง 5-6 ปี มาเทียบเคียงแผนประทุษกรรมของคนร้าย และลักษณะการประกอบระเบิดอย่างละเอียดได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า เหตุระเบิดหน้ารามคำแหงไม่สอดคล้องกับการวางระเบิดในจุดใดๆ ที่ผ่านมา ทำให้ตัดประเด็นทางการเมืองทิ้งไปเนื่องจากสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันไม่ร้อนแรง จึงยังคงเหลือเพียงประเด็ป่วนเมือง และความขัดแย้งตัวบุคคลเท่านั้น

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนนครบาลได้รวบรวมรายละเอียดเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นย้อนหลังที่ผ่านมา พบว่าในรอบปี 2550 ที่ผ่านมา จนถึงปี 2555 และช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นในพื้นที่ กทม.จุดต่างๆ ทั้งหมด 36 ครั้ง หากนับรวมครั้งล่าสุดบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 เป็น 37 ครั้ง โดยเกิดเหตุระเบิดคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ถึง 00.05 วันที่ 1 มกราคม 2550 รวม 9 จุด มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บ 36 ราย แบ่งเป็นครั้งที่ 1 เวลา 18.00 น. บริเวณป้ายรถประจำทางหน้าภัตตาคารพงษ์หลี ใกล้ห้างเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ท้องที่ สน.พญาไท มีผู้บาดเจ็บ 18 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 2 ราย

ครั้งที่ 2 เวลา 18.00 น. บริเวณป้อมสัญญาณไฟจราจรสี่แยกสะพานควาย ท้องที่ สน.บางซื่อ มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ครั้งที่ 3 เวลา 18.00 น. ป้อมจราจรสี่แยกแคราย จ.นนทบุรี ไม่มีผู้บาดเจ็บ ครั้งที่ 4 เวลา 18.05 น. ป้อมจราจรสุขุมวิท 62 ท้องที่ สน.บางนา ไม่มีผู้บาดเจ็บ ครั้งที่ 5 เวลา 18.10 น. บริเวณตลาดคลองเตย 2 ชุมชนไผ่สิงห์โต สะพานลอยข้ามถนนพระราม 4 ท้องที่ สน.ท่าเรือ มีผู้บาดเจ็บ 7 ราย เสียชีวิต 1 ราย ครั้งที่ 6 เวลา 18.30 น. ลานจอดรถจักรยานยนต์ ห้างซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ ท้องที่ สน.ประเวศ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ครั้งที่ 7 เวลา 24.05 น. บริเวณตู้โทรศัพท์ หน้าห้างเกษรพลาซ่า ตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์ ท้องที่ สน.ลุมพินี มีผู้บาดเจ็บ 10 คน เป็นชาวไทย 2 คน ชาวต่างชาติ 8 คน ครั้งที่ 8 เวลา 00.01 น. บริเวณท่าเทียบเรือประตูน้ำเชิงสะพานเฉลิมโลก ตรงข้ามห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ท้องที่ สน.ลุมพินี มีผู้บาดเจ็บ 3 คน และครั้งที่ 9 เวลา 00.40 น. ที่ร้านบัดดี้ ถนนข้าวสาร ไม่ได้รับความความเสียหาย ครั้งที่ 10 ระเบิดถังขยะร้านแมคโดนัลด์ สาขาเมเจอร์รัชโยธิน ตรวจสอบพบภายหลังจากแม่บ้านนำขยะไปทิ้ง โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยเหตุบึ้มป่วนกรุงครั้งนั้นอยู่ในสมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี หลังมีการรัฐประหาร

ครั้งที่ 11 ปี 2553 เกิดเหตุระเบิดถี่ยิบหลายจุด วันที่ 15 มีนาคม 2553 คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปที่ ร.1 รอ. และ ร.พัน 1 รอ. ท้องที่ สน.บางซื่อ และ สน.บางเขน ครั้งที่ 12 วันที่ 16 มีนาคม 2553 คนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่บ้านเลขที่ 22/18 ซอยลาดพร้าว 23 พื้นที่ สน.ลาดพร้าว ครั้งที่ 13 วันที่ 20 มีนาคม 2553 คนร้ายใช้ระเบิดเอ็ม 67 ขว้างใส่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี ครั้งที่ 14 เวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายยิงจรวดอาร์พีจี ใส่กระทรวงกลาโหม ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ออกหมายจับคนร้าย 2 คน คือ ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม และนายศุภรัฐ หรือโก้ หุลเวช อายุ 43 ปี ครั้งที่ 15 วันที่ 22 มีนาคม 2553 คนร้ายปาระเบิดเอ็ม 67 ใส่แขวงการทางธนบุรี ท้องที่ สน.บางพลัด ครั้งที่ 16 วันที่ 23 มีนาคม 2553 ยิงเอ็ม 79 ใส่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ครั้งที่ 17 คนร้ายขว้างระเบิดเอ็ม 67 ใส่กรมบังคับคดีบางขุนนนท์ ท้องที่ สน.บางขุนนนท์

ครั้งที่ 18 วันที่ 26 มีนาคม 2553 คนร้ายปาระเบิดเอ็ม 67 ใส่สำนักงานอัยการสูงสุด ท้องที่ สน.พหลโยธิน ครั้งที่ 19 วันที่ 27 มีนาคม 2553 เกิดระเบิดหลายจุด ยิงเอ็ม 79 ใส่ร้านบ้านลุงใหญ่ พื้นที่ สน.บางชัน ครั้งที่ 20 คนร้ายยิงระเบิด เค 75 ใส่อาคาร 120 ปี กรมศุลกากร พื้นที่ สน.ท่าเรือ ครั้งที่ 21 พบระเบิดเอ็ม 67 จำนวน 2 ลูก บนถนนนวมินทร์ พื้นที่ สน.บึงกุ่ม ครั้งที่ 22 คนร้ายขว้างระเบิดเอ็ม 67 ใส่สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 พื้นที่ สน.ดินแดง ครั้งที่ 23 คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 พื้นที่ สน.สุทธิสาร ครั้งที่ 24 วันที่ 28 มีนาคม 2553 ยิงเอ็ม 79 ใส่กรมทหารราบที่ 11 พื้นที่ สน.บางเขน ครั้งที่ 25 ปาระเบิดเอ็ม 67 ใส่บ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา ครั้งที่ 26 วันที่ 30 มีนาคม 2553 ปาระเบิดเอ็ม 67 ใส่อาคารมูลนิธิรัฐบุรุษ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี

ครั้งที่ 27 วันที่ 3 เมษายน 2553 ระเบิดชุมสายโทรศัพท์ทีโอที สาขาผดุงกรุงเกษม และกองขยะริมทางเท้า หน้าบ้านเลขที่ 260-262 ถนนหลานหลวง ครั้งที่ 28 วันที่ 4 เมษายน 2553 ระเบิดคาร์บอมบ์ สถานอาบอบนวดโพไซดอน เป็นระเบิดแสวงเครื่องชนิดทีเอ็นที มีรถยนต์เสียหาย 1 คัน ตำรวจออกหมายจับ นายอัครเดช สุขลักษณ์ ชาว จ.เชียงราย ครั้งที่ 29 วันที่ 6 เมษายน 2553 คนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่บ้านเลขที่ 48 หมู่บ้านมงคลนิเวศน์ ซอยวิภาวดีรังสิต 44 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.ตำรวจมุ่งปมธุรกิจ ครั้งที่ 30 วันที่ 7 เมษายน 2553 คนร้ายปาระเบิดเอ็ม 26 ถล่มป้อมที่ทำการตำรวจชุมชน (ศูนย์อยู่เย็น) ถนนนวมินทร์ และนำถังน้ำยาดับเพลิงบรรจุปุ๋ยยูเรียผสมน้ำมันดีเซลและวงจรนาฬิกา วางใกล้ห้างแฟชั่น ไอส์แลนด์

ครั้งที่ 31 วันที่ 8 เมษายน 2553 คนร้ายยิงเอ็ม 79 และเอ็ม 16 ถล่มที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ ถนนพระสุเมรุ และตึกทีพีไอ ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ครั้งที่ 32 วันที่ 10 เมษายน 2553 ยิงเอ็ม 79 ใส่กองปราบปราม และวันเดียวกันนั้น กลุ่ม นปช. และทหารปะทะกันรุนแรง ที่สี่แยกคอกวัว มีผู้เสียชีวิตกว่า 25 ราย บาดเจ็บกว่า 800 คน ครั้งที่ 33 วันที่ 12 เมษายน 2553 คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ตึกไซเบอร์ ถนนรัชดาภิเษก และยิงเอ็ม 79 ใส่บ้านเลขที่ 11 ถนนประดิพัทธ์ ซอย 15 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. ครั้งที่ 34 วันที่ 19 เมษายน 2553 คนร้ายวางระเบิดแสวงเครื่องหน้าบริษัทเคแอล แกรนิต เลขที่ 31/48-49 ซอยเอกชัย 10/1 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม. ตำรวจคาดปมขัดแย้งธุรกิจ

ครั้งที่ 35. นที่ 23 เมษายน 2553 คนร้ายยิงเอ็ม 79 จำนวน 5 ลูก ใส่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศาลาแดง และย่านใกล้เคียง มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 คน ครั้งที่ 36 วันที่ 26 เมษายน 2553 พบระเบิด เค 75 จำนวน 2 ลูก ที่หน้าโชว์รูมคาร์แม็กซ์ ถนนพระราม 9 ซอย 22 และค่ำวันเดียวกันคนร้ายได้ปาเอ็ม 67 ใส่บ้านนายบรรหาร ย่านบางพลัด อีกครั้ง ครั้งที่ 37 วันที่ 27 เมษายน 2553 เวลา 03.00 น. เกิดระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาตลิ่งชัน

นอกจากข้างต้นแล้วไม่นับรวมถึงระเบิดที่ยิงใส่กลุ่มม็อบไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในแถบปริมณฑลในชาวงเวลาเดียวกันหลายจุดในช่วงสถานการณ์การเมืองร้อนระอุ

โดยเหตุระเบิด 9 จุดในวันส่งท้ายปีเก่า กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด ตรวจสอบพบว่าตรงกับเหตุระเบิด 3 จุด สำคัญ คือ 1.ระเบิดหน้าตู้โทรศัพท์ เมเจอร์รัชโยธิน ในวันที่ 9 เมษายน 2550 2.ระเบิดปากซอยราชวิถี 24 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2550 และ 3.เหตุระเบิดหน้ากองบัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2553

"บิ๊กป้อม" เผย "มือระเบิด" สารภาพ ก่อเหตุหลายจุด เพราะไม่ชอบทหาร

"บิ๊กป้อม" เผย "มือระเบิด" สารภาพ ก่อเหตุหลายจุด เพราะไม่ชอบทหาร รอชยายผล พอใจ การทำงานของฝ่ายความมั่นคง
พลเอกประวิตร รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง พอใจ การจับมือระเบิด ได้ ในฐานะดูแลความมั่นคง ชี้จนท.ทำงานตลอดมา แต่ต้องใช้เวลาเพราะ ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนจำนวนมาก
ชี้ กำลังขยายผล แต่เบื้องต้น ยังไม่โยง ทหารนอกแถว...ยัน "ลุงวัฒนา" ตัวจริง สารภาพ วางระเบิด 6 จุด ทั้ง กองสลาก-โรงละครแห่งชาติ-รพ.พระมงกุฎฯ และ ในปี 2550 อีก3 ครั้ง
แต่ให้รอตำรวจแถลง เพราะมีการสอบปากคำ และสืบสวนสอบสวนเพิ่ม หลังกุมตัว ภริยา คนที่2 ของ นายวัฒนา มาสอบเพิ่ม
ชี้ยังไม่อาจเบาใจ ได้ว่า จะไม่มีเหตุอีก แม้เราจะจับ นายวัฒนา ได้แล้ว ก็ตาม เผยเหตุ เขาบอกไม่ชอบทหาร

"เลขาฯสมช."ชี้ ทางการลาว บล็อค Youtube "โกตี่"

"เลขาฯสมช."ชี้ ทางการลาว บล็อค Youtube "โกตี่" ใช้เป็นช่องทางเผยแพร่ ความเห็น ความเคลื่อนไหว
พลเอก ทวีป เนตรนิยม เลขาฯสมช. กล่าวถึง การประสานกับทางการลาว ในการตามตัว "โกตี๋" ว่า ตอนนี้ทางการมีการตอบรับที่ดี ในการสกัดกั้น ไม่ให้ "โกตี๋" ใช้ Youtube เป็นช่องทาง ในการเผยแพร่ ความคิดเห็น ต่างๆ เข่นที่เคย. ทั้งๆนี้ แม้เราจะไม่ได้ ระบุไปว่า เราตัองการให้เขาช่วยเหลือเรื่องใดบ้าง แต่ทางการลาว ก็มี response ที่ดี เพราะเราย้ำกับเขาไปว่า โกตี๋ เคลื่อนไหว และแสดงความคิดเห็น ที่มันกระทบจิตใจ คนไทย
ส่วน Facebook นั้น เราไม่มั่นใจว่า ทางการลาว ทำอะไรหรือไม่ แต่เชือว่า อะไรที่เราขอไป ทางเขาก็ตอบรับดี เพราะความสัมพันธ์ที่ดี
แต่นี่ อาจเป็น สาเหตุที่ มีข่าวว่า โกตี๋ หนีไปเขมรแล้ว

รอบสุดท้าย!!

รอบสุดท้าย!!
"บิ๊กเจี๊ยบ"ผบ.ทบ.ประชุมเคาะ ร่างสัญญาประชาคม ก่อนส่งเข้าที่ประชุมใหญ่ ของบิ๊กป้อม จันทร์นี้ ....หลังนำให้ นายกฯ ดูที่ทำเนียบฯ แล้ว เมื่อเช้า.... ก่อนนำไปเปิดรับฟังความเห็น ประชาชน ทั่ว ประเทศ ...โดยหากต้องมีการปรับแก้ ก็จะให้เสร็จ ภายในปลาย มิย.นี้ ก่อนประกาศ เป็น "สัญญาประชาคม" ที่ทุกฝ่าย ต้องยอมรับร่วมกัน โดยไม่ต้องลงนาม
ทั้วนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กำหนดให้จัดการประชุมคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ครั้งที่ ๔/๒๕๖๐ เพื่อพิจารณาแนวทางการนำเสนอร่างเอกสารความเห็นร่วมเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองและแนวทางการ จัดทำ"ร่างสัญญาประชาคม" ตลอดจนแนวทางการจัดเวทีสาธารณะที่จะจัดขึ้นทั้ง 4 ภาค ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน - 7กรกฎาคม 2560 ในวันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน นี้ ที่ ห้องยุทธนาธิการ ในศาลาว่าการกลาโหม

ร่างสัญญาประชาคม..ฉบับ สังคมคาดหวัง



ร่างสัญญาประชาคม..ฉบับ สังคมคาดหวัง
"บิ๊กเจี๊ยบ"ถกนักวิชาการ เคาะ"ร่างสัญญาประชาคม" แล้ว ชี้เป็นการทำงานภายใต้ความคาดหวังของสังคม หวัง"สัญญาประชาคม"ฉบับนี้ จะได้รับการตอบรับด้วยดี จากคนไทยทุกคน"/ เตรียมสนอคณะกรรมการเตรียมการปรองดอง19มิย. จากนั้นเตรียมนำไปจัดเวทีชี้แจงประชาชนใน 4 ภูมิภาค ที่ กทม.นครราชสีมา พิษณุโลก และ นครศรีธรรมราช
​​
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง (คณะอนุกรรมการชุดที่ 3) เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการฯ ครั้งสุดท้าย
โดยการประชุมในวันนี้ได้ข้อยุติใน 2เรื่อง คือ ร่างสัญญาประชาคม และแนวทางการจัดเวทีสาธารณะชี้แจงประชาชน
​โดยร่างสัญญาประชาคมฉบับสมบูรณ์ได้ผ่านความเห็นชอบและการกลั่นกรองตามขั้นตอนอย่างรอบด้าน พร้อมที่จะนำเสนอให้คณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองพิจารณาใน 19 มิถุนายน นี้ ที่ มี พลเอกประวิตร เป็นประธาน
สำหรับสาระสำคัญในร่างสัญญาประชาคมประกอบด้วย 3 ส่วนคือ บทนำ, ความเห็นร่วมเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง และบทสรุป
​สำหรับแนวทางการจัดเวทีสาธารณะนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อนำร่างสัญญาประชาคมและข้อมูลข้อคิดเห็นร่วมที่ได้จากประชาชน รวมถึงหลักการทำงานของคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มจนจบกระบวนการ ไปชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจในสาระสำคัญ เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือตามบริบทในสัญญาประชาคมต่อไป
ทั้งนี้การชี้แจงผ่านเวทีสาธารณะดังกล่าวจะดำเนินการโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีกำหนดจัดขึ้นใน 4ภูมิภาค ใน 4 จังหวัดได้แก่ กทม.นครราชสีมา พิษณุโลก และ นครศรีธรรมราช
​การประชุมในครั้งสุดท้ายนี้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ระบุว่าการทำงานจนได้ข้อยุติและได้ร่างสัญญาประชาคมฉบับสมบูรณ์ เป็นผลจากการทำงานร่วมกันของคณะอนุกรรมการทุกฝ่าย และเป็นการทำงานภายใต้ความคาดหวังของสังคม
สำหรับร่างสัญญาประชาคมฉบับนี้เกิดขึ้นจากการกลั่นกรองข้อมูลที่มาจากความคิดเห็นของประชาชน และความคิดเห็นของพรรค/กลุ่มการเมือง ทั้งสิ้น โดยดำเนินการภายใต้เจตนารมณ์ที่ดี ที่ต้องการสร้างให้เกิดความสามัคคีปรองดองอย่างแท้จริง
"หวังว่าสัญญาประชาคมฉบับนี้ จะได้รับการตอบรับด้วยดีจากคนไทยทุกคน"

ดึงจังหวะรอหวดลูก?

ดึงจังหวะรอหวดลูก?

สารพัดแรงกระเพื่อมกระแทกใส่อำนาจพิเศษ กลบข่าว “โจทย์สำคัญ” ของรัฐบาล คสช.ไปเสียหมด
จนมีคำถามภารกิจ “ปรองดอง” ไปถึงไหน
นาทีนี้ก็น่าจะพอเห็นอะไรที่พอจับต้องได้ คิวงานคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ใน ป.ย.ป.ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน
ยังเคลื่อนไปตามโปรแกรม

นอกจากกระบวนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ ตามที่ “บิ๊กต้อง” พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ รายงานความคืบหน้า สรุปเบื้องต้นถึงความเห็นประชาชน
มุ่งไปที่ปมกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม เป็นสาเหตุสำคัญ
รากเหง้าปมขัดแย้ง
ขณะที่เดินงานควบคู่กับการรับฟังความคิดเห็นมาตลอด อย่าง “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อการสร้างความสามัคคีปรองดอง
นัดประชุมทีมก่อนรวบรวมเสนอทีมใหญ่ที่ “บิ๊กป้อม” นั่งคุมงาน ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้
แฟ้มบรรจุ “เอ็มโอยูปรองดอง” รอขึ้นแท่นแล้ว
นั่นก็เป็นความคืบหน้าของงาน ในส่วนรับผิดชอบของอีกผู้ถือดุลอำนาจรัฐบาลอย่าง “บิ๊กป้อม” ที่แม้จะมีช่วงพัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหยุดงานช่วยน้อง
หลายเรื่องต้องมี “พี่ใหญ่” ออกโรงช่วย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.
ชะลออัตราเร่งเกมปั่นป่วน
ล่าสุดกับเรื่องร้อนในยุทธจักรสีกากี จากรายการแฉโพยวิ่งเต้นซื้อขายเก้าอี้ นอกจาก “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต้องออกโรงปกป้ององค์กร ถึงขั้นขู่ฟ้องคิวแฉ และปรากฏชื่อ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ.(191) โดนลากโยงในข่าย
“ผู้การ” ที่โดนเหน็บว่า “ใหญ่กว่า ผบ.ตร.” เอี่ยวจัดโผแต่งตั้งโยกย้าย
เรื่องร้อนที่ “พี่ใหญ่” เองก็เคลียร์เหนื่อย
โดนคำถามโยงสัมพันธ์ “พลตำรวจตรี” เป็นสีกากีใกล้ชิดในเครือข่าย “พี่ใหญ่” ฝุ่นตลบถึงขั้นเกมลากสู่คนในเครือข่ายบ้านสี่เสาฯ “ลูกป๋า” กลายเป็นเกมประจันหน้า
ขย่มยุทธจักรสีกากี เขย่าเครือข่ายขั้วอำนาจใหม่
ถึงคิวที่ “พี่ใหญ่” ทันเกม ล่าสุดสั่งตัดไฟก่อนลามวงกว้างกว่านี้ ส่งสัญญาณให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง บอกปัดสัมพันธ์ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” เกี่ยวข้องแค่เรื่องงาน
ไม่ใช่คนในเครือข่ายแนบแน่น ไม่เกี่ยวปมโยกย้ายตำรวจ
ในห้วงที่ผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” อยู่ในจุด “ลอยตัว” รอหวดลูกตามน้ำ “จับให้มั่นคั้นให้ตาย”
ปมตำรวจ อีกปมปัญหาที่ “บิ๊กตู่” ตั้งโจทย์ตีธงเข้มๆมาตั้งแต่ต้น
ตั้งแต่ฤดูแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี 2559 ออกกฎเหล็กจ่อล้างปมซื้อขายเก้าอี้ต่อเนื่อง ทั้งคำสั่ง คสช.ให้ ผบ.ตร.จัดโผ วางแผนให้มีบอร์ดกลั่นกรองแต่ละระดับ กระทั่งชี้ช่องร้องเรียนกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรม
แนะให้ไปป้อนลูกเข้าศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.)
ผู้นำถือแส้รอเคลียร์ให้
หรือล่าสุด เมื่อต้นปี 2560 ในช่วงมีกระแสเรียกร้องปฏิรูปตำรวจเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง “บิ๊กตู่” ต้องนำเรื่องเข้าหารือในวง คสช. ประกาศเตรียมวางแนวทางปฏิรูปตำรวจ แก้ปัญหาฉาวโฉ่วิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง
ทำท่าเงื้อกระบองยักษ์มาตรา 44 แต่ก็แค่เงื้อ จนปมฉาววงการสีกากีกลับมาฉายซ้ำอีกรอบ
เลยถึงจุดที่ต้องจับตา ในห้วงที่ฝุ่นตลบ ศึกถล่มยุทธจักร
สีกากีเริ่มลามไปเป็นการประจันหน้าของขั้วฝ่ายอำนาจ “บิ๊กตู่” จะเลี้ยงลูกดึงจังหวะเพื่อ “บริหารดุลอำนาจ” ท่ามกลางเกมงัดข้อหนักหน่วงไปได้แค่ไหน
หรือถึงจุดที่ผู้นำต้องตัดสินใจ “หวดลูก” ตามน้ำกันแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง