PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560

“ป๋าเปรม” ฝากเด็กใต้”

“ป๋าเปรม” ฝากเด็กใต้” แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของเธอ ในเมื่อเกิดแผ่นดินนี้พวกเธอจึงมีหน้าที่รักษาไว้ ย้ำ รักษาความเป็นไทย สร้างความเป็นธรรม
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" รุ่นที่ 31
ที่จัดโดย มูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรมฯ ที่มี
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ประธานมูลนิธิรัฐบุรุษฯ
โดยมี พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมงานฃ

พลเอกสุรยุทธ์ กล่าวว่า โครงการนี้ เป็นการนำเยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งไทยพุทธ และมุสลิม มาใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวอุปถัมภ์ และชุมชนสังคมพหุวัฒนธรรม ทำให้เยาวชนได้รับประสบการณ์ตรงและมีความเข้าใจบริบทของสังคมไทยมากยิ่งขึ้น
โดยมีเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ เป็นเยาวชน ที่นับถือศาสนาอิสลาม 215 คน และเยาวชนที่นับถือศาสนาพุทธจำนวน 104 คน รวม319 คน
พล.อ.เปรม กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่พวกเราควรภาคภูมิใจว่า พวกเราได้พร้อมเพรียงกันมาทำงาน เพราะเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินอีก
ทั้งนี้ผมขอจดจำและนำไปใช้ประโยชน์ในความเอื้อเฟื้อของผู้ใหญ่ กระทรวง ทบวง กรม รวมถึงผบ.เหล่าทัพต่างๆ
และขอให้มีความภูมิใจทุกท่านมีส่วนร่วมสร้างเด็กให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีตามที่เราปรารถนา
ผมภูมิใจ ถ้าเราสามารถสร้างเด็กให้เข้าใจวัตถุประสงค์โครงการได้ คิดว่าจะประสบผลสำเร็จ สังคม ชาติอันเป็นที่รัก และเป็นเจ้าของจะมีความสำเร็จ"

พล.อ.เปรม กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดซ้ำมาเสมอ คือสิ่งสำคัญที่จะต้องทำ คือ ต้องรักษาความเป็นไทยไว้ให้ได้ และมีความเป็นธรรมต่อชาติบ้านเมืองของเรา ถ้าเราเป็นคนไทยเรามีสิ่งที่จะทำได้มากมายก่ายกอง ถ้าเราพูดถึงความเป็นธรรมจะทำอย่างไรให้มีความเป็นธรรมต่อชาติ ดังนั้นเราคงมีงานที่ทำมากมายก่ายกอง จึงเป็นหน้าที่ผู้ดำเนินโครงการนี้ดำเนินการต่อไป

“ผมดีใจ และภูมิใจที่เห็นพวกเรามุ่งมั่น ทุ่มเท และพยายามสร้างโครงการนี้ให้ยืนยง มั่นคง ต่อไปได้ ผมคิดว่าท่านทั้งหลาย คงรักเด็ก รักชาติบ้านเมืองเหมือนกันทุกคน ถ้าเรามีผู้ใหญ่ต่างๆให้ความร่วมมือ มีความปรารถนา มีความใจบุญกับโครงการนี้ คิดว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการหนึ่งที่ช่วยจะชาติบ้านเมือง
"และขอให้พวกเธอเข้าใจว่านี้เป็นแผ่นดินของเธอ ในเมื่อเกิดแผ่นดินนี้พวกเธอจึงมีหน้าที่รักษาไว้ และต้องทำให้มีความรักความสามัคคี มีความพัฒนา สร้างชาติบ้านเมืองของเราให้มั่นคง เพื่อคนไทยทุกคนจะได้ขอบคุณพวกเธอที่ช่วยกันทำชาติบ้านเมืองของเรา ให้โอกาสในสังคมโลก ”ประธานองคมนตรี กล่าว

"บิ๊กป้อม" ไม่ตอบแล้ว เรื่อง"เลือกตั้งปี61" ให้ถาม นายกฯเอง

"บิ๊กป้อม" ไม่ตอบแล้ว เรื่อง"เลือกตั้งปี61" ให้ถาม นายกฯเอง "มีรัฐบาลใหม่ ปี62" ลั่น จะไม่ตอบเรื่องการเมืองแล้ว
จากการที่ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวกับชุมชนชาวไทยในสหรัฐอเมริกา ว่าจะมีการเลือกตั้งในปี2561 และมีรัฐบาลใหม่ในปี 2562 นั้น พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ผมไม่ขอตอบคำถามเรื่องการเลือกตั้งแล้ว ให้รอ นายกรัฐมนตรีกลับมาตอบคำถามเหล่านี้เอง
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญานจะอยู่ในตำแหน่ง ต่อหลังการเลือกตั้ง หากประชาชนให้การสนับสนุน พล.อ ประวิตร ปฎิเสธที่จะตอบคำถามนี้ แต่กล่าวว่า ผมไม่รู้ เพราะยังไม่ได้คุย กับพล.อ ประยุทธ์
ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ไม่ขอตอบเรื่องทางการเมือง

"บิ๊กป้อม"ท่องคาถา "ไม่รู้ ไม่รู้" "ยิ่งลักษณ์"ขอลี้ภัยการเมือง ในอังกฤษ-ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

"บิ๊กป้อม"ท่องคาถา "ไม่รู้ ไม่รู้" "ยิ่งลักษณ์"ขอลี้ภัยการเมือง ในอังกฤษ-ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ยัน ไม่รู้ "ปู" มาลอนดอน ช่วงที่ไปเยือนอังกฤษ ชี้ทำงานตลอดทุกวัน ลั่น "หากเจอกัน ก็ปิดกันไม่มิดหรอก ไม่มีทาง "
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า อดีตนายกฯ"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" กำลังเดินเรื่องขอลี้ภัยทางการเมือง ที่ประเทศอังกฤษ นั้นว่า ผมไม่รู้ไม่ทราบ
ส่วน กรณีการวิเคราะห์ข่าวของบีบีซี.ไทยที่ว่า น.ส ยิ่งลักษณ์ จะขอลี้ภัยที่อังกฤษสำเร็จ นั้น พลเอกประวิตร กล่าว ว่า ผมไม่ทราบ เพราะยังไม่มีข้อมูล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางเข้าลอนดอน ของน.ส ยิ่งลักษณ์ เป็นวันเดียวกับที่ พล.อ ประวิตร มีภารกิจอยู่ที่กรุงลอนดอน มีรายงานในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ ประวิตร กล่าวว่า ผมจะไปเจอได้ยังไง
"หากเจอกัน ก็ปิดกันไม่มิดหรอก ไม่มีทาง "
แล้ว น.ส ยิ่งลักษณ์เข้าไปที่ลอนดอนเมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้ ผมทำงานตลอด2วัน ไปพบรมช.ต่างประเทศ และรมว.กลาโหม อังกฤษ แล้วก็เดินทางกลับ
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ มีรายงานว่าน.ส ยิ่งลักษณ์ยังอยู่ที่ กรุงลอนดอนหรือไม่ พลเอดประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ มีแต่คนพูดกัน ต้องให้ น.สยิ่งลักษณ์ออกมาเปิดเผยตนเอง จึงจะรู้ว่าใช่
เมื่อถามว่า ได้ข่าวว่าน.ส ยิ่งลักษณ์ จะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นหรือไม่ พล.อ ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้ข่าวอะไรเลย
///

นายกตู่ไปทำอะไรที่สหรัฐ

ผมชอบใจจัง!
ยังไม่ทันที่ "นายกฯ ประยุทธ์" จะกลับถึงไทย
หลังเสร็จภารกิจ
พบประธานาธิบดีทรัมป์ พบนักธุรกิจ-นักลงทุนสหรัฐฯ ที่วอชิงตัน ดี.ซี.ระหว่าง ๒-๔ ตุลา ๖๐
อยู่ทางนี้..........
"คนพวกหนึ่ง" คงไม่ต้องให้เอ่ยว่า "พวกไหน" เหมือนหมาขี้เรื้อนถูกเหยียบหาง
ไม่ว่าตัวเมีย-ตัวผู้ ทั้งร้องและวิ่งพล่านไปหมด!
นั่นแสดงว่า ที่นายกฯ ไปครั้งนี้ "ได้ผล"
แต่แยกเป็น ๒ ผล.............
ผลหนึ่ง เป็น "ผลดี" ต่อสังคมชาติและประชาชน
คือประเทศมีภาพ "เสถียรยิ่งขึ้น" ในสายตาชาวโลกทันที
และประชาชนคนไทย พึงพอใจต่อบทบาทนายกฯ ค่อนข้างมาก ที่การเจรจาความบ้าน-ความเมือง
ยึดประโยชน์ "ชาติ-ประชาชน" เป็นตัวตั้ง!
ส่วนอีกผล..........
เป็น "ผลร้าย" ต่อกลุ่มการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ระบอบทักษิณ
พวกนี้ จะกินไม่ได้-นอนไม่หลับ เดือดร้อน พาลจนพล่านไปหมด ดังที่เห็นอยู่ตอนนี้
เพราะเขามองว่า.........
การที่รัฐบาล คสช.หรือนายกฯ ประยุทธ์มีผลงานเข้าตาประชาชนมากเท่าไหร่
ผลร้ายทาง "อนาคตการเมือง" ว่าด้วยการเลือกตั้ง ย่อมมีมากสำหรับพวกเขา
ตามตรรกะโจรจะบอกว่า
ผลงานที่นายกฯ ไปสหรัฐฯ เที่ยวนี้ "ชิงประชาชน" ที่เขามอมไว้ด้วยนโยบาย "โกงมาแบ่งกัน" ไปได้แทบเกลี้ยง
ฉะนั้น จึงไม่ละอายที่จะหยิบยก "ทุกเรื่อง-ทุกเม็ด" แม้เม็ดกระดุมกางเกงนายกฯ มาอมค่อนแคะและระบายป้ายสี
การทำเช่นนี้ ผมมองว่า.........
แทนที่จะเป็นการรักษาฐานพรรค-ฐานคะแนน-ฐานศรัทธามวลชนระบอบทักษิณ
กลับจะเป็นผลร้าย ถึงขั้นเซาะทำลาย "พรรคเพื่อไทย" ซึ่งเป็น "ตัวพ่อ" ระบอบทักษิณในที่สุด
เป็นธรรมชาติ "สัตว์เลื้อยคลาน" ย่อมมองไม่เห็นหางที่ตัวเองลากไป
แต่ทั้งคนและสัตว์อื่นทั้งหลาย......
เขามองเห็นทางที่ "หางลาก" ว่ามันคด-มันตรง, มันงามหรือมันน่าเกลียด ถึงขั้นพอรับได้
หรือขนาดฝืนว่า "พวก" แล้ว..........
ก็ยัง "ยากรับ"!
เพราะการหยิบทุกเรื่องมาบิดเบือนด่า "นายกฯ ประยุทธ์" เหมือนคนบ้า คนถ่อย-เถื่อน แยกแยะผิด-ถูก ไม่ได้ ด้วยพาล ด้วยอิจฉา
อย่าว่าแต่ "คนชอบ-คนเฉย" ในตัวนายกฯ เลย
คนระบอบทักษิณด้วยกันเองก็เถอะ ที่เขาพอมี "เหตุและผล" อยู่บ้าง
เมื่อเห็นการพาลด่า "ด้วยอิจฉา" ที่เห็นอีกฝ่าย "ดี-เด่น-ดัง" เกินหน้า แล้วไฟธาตุแตกกันเช่นนี้
เขาก็หนี.......
ไม่ได้หนีไปซบประยุทธ์หรือซบใครหรอก
หนีห่างจากพวกกเฬวรากห่วยๆ ไปเอง เพราะเขาไม่ต้องการได้ชื่อว่าเป็นไอ้ห่วยลากหางให้แม้ว "เข้าเนื้อ-เข้าตัว" ไปด้วย!
บอกตรงๆ...........
ปกติ ผมมองข้าม เพราะไม่เห็นราคา แต่เห็นพฤติกรรมตัวผู้-ตัวเมียตะแบงเที่ยวนี้แล้ว
มันขยะแขยง อดสู-สมเพช ในมุมที่เขามีการศึกษา มีฐานะทางสังคม
แต่ทำไมจะต้อง "เลว" เพื่อแม้วไปทุกดอกได้ขนาดนี้?
แค่เกรงไปเองว่า.........
ที่นายกฯ ประยุทธ์ทำ มัน "เกินหน้า" ระบอบทักษิณกินเมือง
นานไป...........
ระบอบประยุทธ์ จะทำให้ "ประชาชนมีกินด้วยกันทั้งเมือง"
เลยต้อง "ตะแบง" ทุกเม็ด
เพื่อพิทักษ์ระบอบทักษิณให้อยู่กินเมือง?
เลวสถุลชาติจริงๆ ไม่น่ามีคนอย่างนี้เกิดในแผ่นดินไทยเลยนะ
ที่หยิบ-ที่ยก "มาชมชื่น-มาชิงชัง" ตามหน้ากระดาษ หน้าจอ หน้าโซเชียลมีเดีย กันน่ะ
ว่ากันตรงๆ ส่วนมากแค่ "พิธีกรรม" ในการต้อนรับมาพูด-มาเพ่งเล็งในทางจับผิด-จับถูกกัน
สังคมไทยก็ถนัดนัก กับประเภทดรามา สีสัน อย่างละครน้ำเน่า
แต่ที่เป็น "เนื้อๆ" และสังคมชาติได้ จากที่นายกฯ ยกคณะไปเป็นแขกเมือง-แขกประเทศสหรัฐฯ
ชนิดจับต้องได้ชัด.........
ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ โดยสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน และสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา ที่โรงแรม Four Seasons วอชิงตัน ดี.ซี.
ที่นี่ น่าสนใจมาก กลับไม่มีใครพูดถึง?
ขอบอกว่า ตลอด ๓ ปี ที่นายกฯ ลุงตู่ขึ้นไปพูด ไม่ว่าเวทีไหน-ที่ไหน ผมก็ได้แต่นึกในใจตลอด
"คนเป็นแต่ทหารมา ๔๐ ปี ขึ้นเวทีพูดการบ้าน-การเมืองได้แค่นี้ ก็หรูแล้ว"
ฟังจากคลิป ตอนกล่าวตอบในพิธีกับทรัมป์ จริงใจน่ะ...ใช่
แต่ลื่นไหลเหมือนนักพูดการเมืองอาชีพ ท่านยังไม่อาชีพ
แต่เมื่อวานเย็น ผมดูโทรทัศน์ช่อง ๑๘ รายการข่าวคุณอัญชะลี ไพรีรัก
เขานำเทปที่นายกฯ ขึ้นไปพูด "สไตล์ประยุทธ์" บนเวที ให้พ่อค้า-นักธุรกิจ-นักลงทุน ทั้งไทย ทั้งอเมริกันฟัง
ขนาดตัดต่อนะ...........
ผมยังต้องขอบอก นี่มัน "อเมซิง ประยุทธ์" แท้ๆ!
เหมือนเพลงรุ่งเพชร แหลมสิงห์ แต่เรียบเรียงจังหวะ-ทำนองใหม่ และให้ "จอห์นนี ฮอร์ตัน" ร้อง
ไม่นึกว่านายกฯ ลุงตู่ จะลุยสดให้ฝรั่ง-ไทยฟัง ประทับจิต-ประทับใจ เซอร์ไพรส์ได้ขนาดนั้น
กับฝรั่ง เรื่องพูดนี่ ต้องมาก่อน บอกได้เลย ที่นายกฯ พูดในงานคืนนั้น
ได้เนื้อ-ได้หนัง เป็นทั้งรูปธรรม-นามธรรม สังเกตได้ว่านักธุรกิจอเมริกันมีความเข้าใจประเทศไทย-เศรษฐกิจเพื่อการลงทุนในไทย "ชัดเจน-พอใจ"
รวมทั้งเข้าใจความเป็นรัฐบาล "เผด็จการจำเป็น" ซ่อนรูประบอบประชาธิปไตยแบบไทยแท้!
ประเทศไทยน่ะ...ประเทศเล็ก
แต่จำเป็นต้อง "เสียงดัง" เพราะอะไร อยากให้ไปหาฟัง-หาอ่านกัน และไทยวันนี้ ไม่ใช่ไทยเพื่อรับ-เพื่อเอา เหมือนแต่ก่อน
เป็นไทยอยู่ในระดับ "ผู้ให้" แล้ว!
ที่มา ไม่ใช่มาแบมือ มาเกาะขากางเกงสหรัฐฯ แต่มาด้วยใจแห่งมิตร และมาเที่ยวนี้
บริษัทไทย SCG ซื้อถ่านหินสหรัฐฯ
PTTGC America LLC เซ็นเอ็มโอยูกับ JobsOhio ร่วมพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ
และ PTTGC จะลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่โอไฮโอเพื่อใช้ก๊าซอีเทนจากก๊าซธรรมชาติที่ผลิตจากชั้นหินดินดาน (Shale Gas)
ศักยภาพไทย โดย ปตท.-ปตท.สผ.วันนี้ อยู่ในขั้นผู้ชำนาญด้านปิโตรเคมีและด้านสำรวจขุดเจาะระดับโลกแล้ว
ในขณะที่ทรัมป์ยึดหลัก "อเมริกาเฟิสต์"...........
สปีชนายกฯ ในคืนงานเลี้ยงพ่อค้าที่วอชิงตัน ดี.ซี. "นายกฯ ประยุทธ์" เปล่งศักยภาพบนเวทีสากล ให้เห็นตัวตนผู้นำ "ไทยเฟิสต์" แท้จริง
ผมว่า ทางกระทรวงต่างประเทศ หรือทางกรมประชาสัมพันธ์ หรือใครก็ช่าง
ควรนำเทปคืนนั้นเผยแพร่ให้ประชาชนได้รู้-ได้เห็น
เพราะนั่น "เป็นเนื้อ-เป็นหนัง" ทั้งด้านธุรกิจ-การค้า-การลงทุน และการเมือง จากที่นายกฯ นำคณะไปสหรัฐฯ เที่ยวนี้
เผื่อใครดูแล้วจะได้ "คิดใหม่-ทำใหม่"
เลิกการเมืองแนวกลับมา "โกงใหม่-กินใหม่" ซะที!

ประยุทธ์ ทรัมป์ “เศรษฐกิจ-การค้า”นำ แลกเปลี่ยนสัมพันธ์

ประยุทธ์ ทรัมป์ “เศรษฐกิจ-การค้า”นำ แลกเปลี่ยนสัมพันธ์


มีความจำเป็นทั้งในทางเศรษฐกิจ และความจำเป็นทั้งการเมืองระหว่างประเทศและการเมืองในประเทศอย่างแน่นอน

ที่ผู้บริหารประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย จะต้องเดินสายไปพบปะพูดคุยกับผู้บริหารของประเทศมหาอำนาจ

ไม่ว่าจีน สหรัฐอเมริกา หรือรัสเซีย

ดังเช่นกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เดินทางไปเยือนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในครั้งล่าสุด

สำหรับไทย “ไพ่อเมริกา” นอกจากจะสามารถเอามาร่วมกับ “ไพ่ญี่ปุ่น” เพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับ “ไพ่จีน” แล้ว

การแสวงหา “ความชอบธรรม” จากการยอมรับของประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจของโลกประชาธิปไตย

ก็มีความหมายต่อการดำรงอยู่ของรัฐบาล และ คสช.ไม่น้อย

แต่ทุกอย่างในโลกมีราคาที่ต้องจ่าย

ในขณะที่ไทยหวังผลการเยือนอย่างผสมปนเปกันไป

จุดมุ่งหมายของสหรัฐอเมริกากลับตรงๆ ง่ายๆ กว่ากันมาก

นั่นคือเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกัน

เป็นการค้าที่ชัดเจนอย่างยิ่งว่า สหรัฐอเมริกาต้องการขายมากกว่าซื้อ

เหมือนที่นายทรัมป์พูดกับ พล.อ.ประยุทธ์ในทันทีที่แรกพบหน้าว่า

“ผมคิดว่า ถ้าเป็นไปได้ เราน่าจะพยายามขายของให้กับคุณมากขึ้นอีกสักหน่อย”

เหมือนที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐรายงานก่อนการพบกันของผู้นำทั้งสองประเทศว่า เมื่อปีที่แล้วสหรัฐขาดดุลการค้าไทย 18,900 ล้านดอลลาร์

มากที่สุดเป็นอันดับ 11 ในบรรดาประเทศคู่ค้าทั้งหมดของสหรัฐ

ดังนั้น ถึงบรรยากาศการหารือในห้องรูปไข่จะเป็นไปอย่างอบอุ่น

จนกระทั่งกำหนดเวลาในการพบปะหารือที่เดิมกำหนดไว้ 2 ชั่วโมง ยืดยาวเพิ่มขึ้นเป็น 3 ชั่วโมงครึ่ง

และอบอุ่นถึงขนาดที่นางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ

เป็นไกด์นำเที่ยวพา พล.อ.ประยุทธ์ และภริยา ออกทัวร์ทำเนียบขาวในแทบทุกซอกทุกมุม

แต่ผลของการเจรจาก็ออกมา “อย่างที่รู้ๆ กัน”

ด้านหนึ่ง สหรัฐกลับมา “พร้อมขาย” อาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพไทยอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากลดระดับความสัมพันธ์กับกองทัพไทยมาตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 2549

ในจำนวนนี้นำหน้าด้วยเฮลิคอปเตอร์แบล๊กฮอว์ก

จะเป็น 4 ลำ จะเป็น 6 ลำ หรือจะเป็นเท่าไหร่ “ฟูล ออปชั่น” ขนาดไหน

อยู่ที่ “กระเป๋า” ของฝ่ายไทยว่าใบใหญ่พอหรือไม่

ถ้ามีมากพอ นายทรัมป์กล่าวกับนายกรัฐมนตรีไทยว่า แม้กระทั่งเครื่องบินขับไล่เอฟ 18 ก็พร้อมจะขายให้ได้

ที่ยังรอการแถลงผลการหารืออย่างเป็นทางการ แต่เป็นประเด็นมาก่อนหน้าการเดินทางของ
พล.อ.ประยุทธ์

ก็คือกรณีการเปิดตลาดสินค้าเกษตรระหว่างทั้งสองประเทศ

ที่เป็นข่าวมาตลอดว่า สหรัฐกดดันให้ไทยเปิดตลาดนำเข้าเนื้อและเครื่องในหมูจากสหรัฐ

ตลาดที่มีมูลค่าปีละหลายแสนล้านบาท

ลองพิจารณาจากการพบปะของนายกรัฐมนตรี กับนักธุรกิจไทยที่ร่วมคณะไปเยือนสหรัฐในวันที่ 3 ตุลาคม ดู

ขณะที่ PTT Global Chemical ได้รับเกียรติทำพิธีลงนามถึงในทำเนียบขาว

ก็เพราะนำเงินเข้าไปลงทุนในสหรัฐหลักพันล้านบาท และจ้างคนงานกว่า 8,000 คน ในรัฐโอไฮโอ
ตามแนวทาง America First ของนายทรัมป์

เครือซิเมนต์ไทย (SCG) ก็เตรียมลงนามซื้อถ่านหินจากภาคเอกชนสหรัฐ 2 ฉบับ รวม 155,000 ตัน เพื่อใช้ในการผลิตปูนซีเมนต์ ทดแทนการซื้อถ่านหินจากอินโดนีเซีย

เพราะปัจจุบันอินโดนีเซียมีความต้องการใช้ถ่านหินสูงขึ้น SCG จึงต้องมองหาแหล่งถ่านหินใหม่

โดยเห็นว่าถ่านหินจากสหรัฐมีคุณภาพดีและคุ้มค่าต่อการลงทุน

ในโลกของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ที่มิตรไมตรีหรือการต้อนรับอย่างอบอุ่นนั้นเป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของฝ่ายตนให้ได้มากที่สุด

สหรัฐและนายทรัมป์แสดงให้เห็นแล้วว่า

เมื่อผลประโยชน์มา หลักการเป็นเรื่องสำคัญรองลงไป

ประเด็นก็คือ รัฐบาลไทยที่ได้ “หน้าตา” เพิ่มขึ้นจากการเดินทางเยือนสหรัฐครั้งนี้

จะต้องใช้อะไรไปแลกเปลี่ยน

และการแลกเปลี่ยนนั้นเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่จริงหรือไม่

ประกาศวันเลือกตั้ง โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข

ประกาศวันเลือกตั้ง โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังพบปะกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ถามถึงเรื่องการเมืองไทย แต่ตนยืนยันว่า ไทยจะเดินหน้าตามหลักประชาธิปไตย ในปีหน้าเราจะประกาศวันเลือกตั้งตามโรดแมป จะไม่มีการเลื่อนใดๆ ทั้งสิ้นและจะไม่บิดเบือนอย่างที่หลายคนกล่าวอ้าง

และยืนยันอีกครั้งในระหว่างร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่จัดโดยสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน และสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา

ที่จริงฟังรวมๆ ก็เหมือนจะชัดเจนและเข้าใจได้ว่า ปีหน้า 2561 คงจะมีเลือกตั้ง เพราะนายกฯบอกว่า จะไม่มีการเลื่อนใดๆ แต่มีนักเลงดีทักขึ้นมาว่าฟังให้ดีๆ ละกัน

นายกฯบอกว่าจะประกาศวันเลือกตั้งปีหน้า ไม่ได้บอกว่าจะเลือกตั้งปีหน้า

วันเลือกตั้งที่จะประกาศในปีหน้า 2561 อาจไม่ได้อยู่ในปี 2561 ก็ได้

แถมบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังออกมากล่าวว่า นายกฯไม่ได้บอกว่าจะเลือกตั้งปีหน้า

แต่บอกว่าจะประกาศวันเลือกตั้งปีหน้า หลังจากกฎหมายลูกเสร็จให้นับไปอีก 150 วัน เพราะฉะนั้น อย่าไปพูดอย่างนั้น ต้องพูดว่านายกฯประกาศว่า เลือกตั้งวันใดหลังกฎหมายลูกเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ถ้านายกฯ พูดแบบนั้น แล้วรองนายกฯมาขยายความแบบนี้ ก็เป็นอันว่า คำถามเรื่องจะเลือกตั้งวันไหน เดือนไหน ปีไหน จะต้องตามหลอกหลอนผู้มีอำนาจหน้าที่ต่อไปอีก

ก็อาจจะมีรายการหงุดหงิดอารมณ์เสียว่า ก็ระบุชัดเจนแล้วขนาดนั้นแล้วยังจะถามอะไรกันให้มากอีก

อาจจะแถมด้วยว่า จะรีบเลือกตั้งกันไปทำไม เลือกไปก็ไม่เห็นจะได้ดิบได้ดีอะไรขึ้นมา มีแต่นักการเมืองรอทุ่มเงินจะเข้ามากินบ้านกินเมือง

ที่จริงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่จะมีการทวงถามเรื่องวันเลือกตั้งกันอยู่เรื่อยๆ

เพราะกำหนดเวลาต่างๆ ในเรื่องการยกร่างกฎหมายลูก อันเป็นเงื่อนไขของการเลือกตั้ง เขียนไว้ชัดในรัฐธรรมนูญ

แต่พอจะกระชับให้ชัดว่า ถ้ากฎหมายต่างๆ เสร็จตามกำหนดเวลา การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเวลาไหน กลับไม่มีใครอยากพูดถึง

กกต.ชุดที่รักษาการอยู่ เคยเปิดปฏิทิน แล้วระบุเปรี้ยงๆว่า จะตกประมาณ วันที่เท่านั้นเท่านี้ เดือนสิงหาคม 2561 แต่พอไปถามผู้มีอำนาจตัวจริง กลับปฏิเสธกันเป็นแถวๆ

ทำให้วันเลือกตั้ง กลายเป็น “ปริศนา” ยอดนิยม ที่มีการถาม และวิเคราะห์ วิแคะกันมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่ถามๆ กันว่า จะเลือกตั้งกันไปทำไม ไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา

เรื่องนี้ก็ต้องเข้าใจว่า อาจจะมีคนที่ชื่นชอบ “ประชาธิปไตยแบบไม่มีเลือกตั้ง” อยู่มาก

แต่คนที่ไม่ได้นิยมแบบนั้นก็มีอยู่เช่นกัน

จะมากกว่าหรือน้อยกว่า ต้องลองประกาศวันเลือกตั้งกันดู

………………..
วรศักดิ์ ประยูรศุข

150 วันสั้นเกินไป

150 วันสั้นเกินไป

ตอนอยู่เมืองไทย ใครต่อใครถามกันจังว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่??

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ยอมตอบลูกเดียว

แต่พอไปเยือนอเมริกา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ทันถามว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่??

พล.อ.ประยุทธ์ รีบตอบเองว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งใหญ่ภายในปีหน้า 2561 ตามโรดแม็ปเดิม

โดยรัฐบาลไทยจะประกาศวันเลือกตั้งล่วงหน้าอย่างชัดเจน

จากนั้นนับไปอีก 150 วัน พี่น้องชาวไทยจะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งใหม่สมใจนึกบางลำพู

พร้อมย้ำว่าจะไม่เลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีกอย่างแน่นอน!!

ถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ผู้นำรัฐบาล คสช.แจ้งให้ผู้นำอเมริกาอภิมหาอำนาจโลกได้รับทราบอย่างเป็นทางการ

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ว่าปีหน้า 2561 จะมีการเลือกตั้งใหญ่แน่นอน

แต่ที่กั๊กไว้อีก 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่าจากปีนี้จนถึงปลายปีหน้าจะไม่มีเหตุพลิกผันต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไป

ดังนั้น การเลื่อนการเลือกตั้ง... ยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ข้อสำคัญ โรดแม็ป คสช.ก็เคยเลื่อนแล้วเลื่อนอีกมาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 ครา

ตอนแรกยืนยันว่าเลือกตั้งใหม่ในปี 2559

แต่ก็เลื่อนออกไปเป็นปี 2560

แล้วก็เลื่อนไปอีกเป็นปี 2561 อย่างที่ทราบกัน

ฉะนั้น ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 4 ก็ไม่เห็นจะต้องแปลกใจ

อย่างไรก็ดี...ถ้าไม่มีเหตุขัดข้องเร่งด่วนฉุกเฉินจริงๆ “แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นภายในปีหน้า 2561 ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลั่นวาจาไว้ต่อหน้าประธานาธิบดีทรัมป์ อย่างแน่นอน

ส่วนกำหนดวันเลือกตั้งจะประกาศเมื่อไหร่? ต้องรอให้กฎหมายลูก 4 ฉบับ คลอดออกมาก่อนเป็นสำคัญ
หลังจากนั้น รัฐบาลจะปลดล็อกให้พรรคการเมืองกลับมาดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อเตรียมเข้าสู่การเลือกตั้งอีก 150 วัน

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าการปลดล็อกให้พรรคการเมืองเตรียมตัวลงเลือกตั้งเพียง 150 วัน มันฉุกละหุกเกินไป
เพราะ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ฉบับใหม่ ผลงานทิ้งทวนของ อจ.มีชัย ฤชุพันธุ์ ได้เพิ่มเงื่อนไขพิสดารให้พรรคการเมืองทั้งเก่าทั้งใหม่มากมายหลายกระบุงโกย

เช่น กำหนดให้พรรคการเมืองต้องทำบัญชีสมาชิกพรรคใหม่ให้เสร็จภายใน 180 วัน

บังคับให้สมาชิกพรรคการ เมืองไม่น้อยกว่า 500 คน ต้องจ่ายค่าบำรุงพรรคคนละ 100 บาท ให้ เสร็จภายใน 6 เดือน

ต้องประชุมเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค เลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และตำแหน่งอื่นๆให้ครบถ้วน ตามกติกา

ต้องเสนอนโยบายพรรคอย่างละเอียดให้ กกต.พิจารณารับรองความถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ

ข้อสำคัญ บังคับให้ทุกพรรคต้องจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบทุกภาค เพื่อร่วมคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.เขตโดยตรง ฯลฯ

ปัดโธ่...ให้เวลาแค่ 150 วัน ใครจะทำเสร็จทันล่ะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

เหลือการเมืองภายใน

เหลือการเมืองภายใน

ฉายกัน 3 วัน 3 คืนไม่จบ

กับเบื้องหลังฉากความสำเร็จของการพบปะกันระหว่าง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้นำเบอร์หนึ่งของโลก ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐอเมริกา ณ ทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี.

ในระดับที่มีการใช้คำว่า “ให้เกียรติอย่างยิ่ง”

ตามข้อเท็จจริงแบบที่มีผู้นำวีไอพีไม่กี่คนที่จะได้พบทั้งเบอร์หนึ่งประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” เบอร์สองรองประธานาธิบดี “ไมค์ เพนซ์” เบอร์สาม “พอล ไรอัน” ประธานสภาผู้แทนราษฎร และเบอร์สี่ผู้อาวุโสสูงสุดวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา

และอย่างที่เห็นภาพข่าว ประธานาธิบดี “ทรัมป์” ขนวงใหญ่ ทั้งกลาโหม กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มานั่งประชุมร่วมกับคณะของผู้นำรัฐบาลไทย ตั้งแต่เที่ยงครึ่งถึงบ่ายสาม

โดยไม่มีการเอ่ยถามถึงปมการเมืองในประเทศไทย

บ่งบอกถึงการให้น้ำหนักกับทีม “นายกฯลุงตู่” มากขนาดไหน

แม้แต่ช็อตเล็กๆที่แปลความหมายแล้วยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา ตามปรากฏการณ์ที่ “อิวานกา ทรัมป์” ลูกสาวประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังมาร่วมถ่ายรูปกับผู้นำไทยและภริยา

กระชับความสัมพันธ์ในทุกระดับทุกมิติ

ตอกย้ำสถานะของแขกวีไอพีที่ไม่น้อยหน้าชาติมหาอำนาจระนาบเดียวกัน

ทั้งหมดทั้งปวง จากฉากการพบปะกับประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” มันทำให้ผู้นำรัฐบาลไทยมาอยู่ในจุดที่อยู่ตรงกลางตามเชิงยุทธศาสตร์การเมืองโลก

ขณะนี้ประคองเกมถ่วงดุลได้แล้วทั้งสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย

เคลียร์แรงกดดันจากต่างประเทศลงไปได้ระดับหนึ่ง

ซึ่งนั่นก็เหลือแค่แรงเสียดทานจากการเมืองภายใน ตามรูปการณ์ที่แปรผกผันกับช็อตที่สะท้อนนัยเป็นชัยชนะทางการเมืองของ “นายกฯลุงตู่” จากฉากความสำเร็จในการเยือนสหรัฐฯ

มันก็กระตุกแรงกระแทกจากนักการเมืองไทยทันควัน

ตามรูปการณ์แบบที่มีเสียงเหน็บจากฝั่งตรงข้าม ดักคอประจานการต้อนรับอย่างดีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ต้องแลกด้วยการซื้ออาวุธ ถ่านหิน และการนำเข้าหมูเนื้อแดงจากสหรัฐฯ

ขัดคอไม่ให้ “นายกฯลุงตู่” คุยฟุ้งอวดความสำเร็จด้านเดียว

และไม่ได้มีแค่นักการเมืองเท่านั้น ในจังหวะแรงเสียดทานจากคนกันเองก็ยิ่งวางใจไม่ได้

กับปรากฏการณ์ปมร้อน “ภาษีน้ำ” ตามเงื่อนไขในร่าง พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำฯที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลังพิจารณา โดยไม่ได้มีที่มาที่ไปจาก ครม.แต่อย่างใด

แบบที่ “นายกฯลุงตู่” ออกอาการงงๆ ส่งข้อความถึง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เกี่ยวกับเรื่องกฎหมายภาษีน้ำ

“กูไปสั่งมันตอนไหนวะ”

กลายเป็น สนช.เขี่ยลูกไปเข้าทางนักการเมืองทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย โหนกระแสอุ้มชาวนา กระตุกกระแสดราม่า เรียกร้องรัฐบาลอย่าซ้ำเติมเกษตรกรคนยากคนจน

พากันรุมขย่ม ถล่ม “นายกฯลุงตู่” โดนด่าฟรีไป

เหมือนจงใจ “เจาะยาง” คนกันเองแอบทิ่มกันเอง

และยังไม่ทันหายจากอาการสำลัก “ภาษีน้ำ” ดี ก็มีเหตุแทรกที่กระทรวงการคลังต้องรีบแถลงการณ์เคลียร์กระแสข่าวกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาประกาศพระราชกฤษฎีกา จนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า รัฐบาลจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวตเป็นร้อยละ 9 ทั้งๆที่ของจริงยังคงร้อยละ 7 เท่าเดิม
หน้ากระดานข่าวเต็มไปด้วยมาตรการภาษีหลอนๆ

เข้าเหลี่ยมตีปี๊บประจานรัฐบาลถังแตก บริหารห่วย ทำเศรษฐกิจเจ๊ง

เป็นจังหวะให้นักการเมืองเร่งเกมไล่จี้ “จุดบอด” ตามโจทย์ที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล คสช.กำลังแก้ปมที่ผูกโยงกันอยู่ ทั้งแรงบีบเลือกตั้งจากนักการเมือง เรื่องของการซื้อใจชาวนาที่ยังทำได้ไม่เท่ารัฐบาลยี่ห้อจำนำข้าว การกระจายเงินยังไม่ถึงคนจนเต็มเม็ด เต็มหน่วย เพราะส่วนใหญ่ย้อนกลับมาที่กลุ่มทุนใหญ่
แรงกระแทกการเมืองภายในรุมถล่มจนไม่รู้มาจากทิศทางไหนเลย.

ทีมข่าวการเมือง