PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สถานีคิดเลขที่ 12 : คนรุ่นใหม่ในพรรคเก่า : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

สถานีคิดเลขที่ 12 : คนรุ่นใหม่ในพรรคเก่า : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน



พลังคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งกำลังจะเข้าร่วมใช้สิทธิทางการเมืองครั้งแรก หลังจากการเลือกตั้งในครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2554 นั้น เป็นจุดน่าสนใจ ด้วยจะมีมากมาย 5-6 ล้านเสียง
ถือเป็นพลังที่มีจำนวนไม่น้อยเลย และเป็นกลุ่มคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นอนาคตของประเทศชาติอย่างแท้จริง
ด้วยความที่ประเทศไทยเรา มีการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 แล้วทิ้งช่วงไปยาวนาน หากนับไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ ถ้าเป็นไปตามคำสัญญาของ คสช. ก็คงต้นปี 2562
นั่นเท่ากับเกือบ 8 ปีเลยทีเดียว
ความจริง ในปี 2556 ซึ่งเกิดวิกฤตม็อบ แล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมยุบสภา เพื่อเปิดให้เลือกตั้งใหญ่ในต้นปี 2557
ถ้าวันนั้นแกนนำม็อบ เลือกแนวทางรักษาประชาธิปไตย โดยให้ประชาชนทั้งประเทศ ได้ร่วมกันตัดสินใจอนาคต เราก็คงได้มีการเลือกตั้งในต้นปี 2557 ระบบการเมืองที่อำนาจอยู่ในมือชาวบ้าน ยังเดินหน้าต่อไป
แต่ลงเอยเกิดปฏิวัติรัฐประหารแทน เพราะอยากปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ซึ่งขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง ทั้งการฉุดการเมืองให้ถอยหลัง ไม่สอดคล้องอะไรเลยกับข้ออ้าง การปฏิรูปการเมืองให้ก้าวไปข้างหน้า
เหมือนปากบอกว่าจะไปข้างหน้า แต่จริงๆ เดินถอยหลังไปเรื่อย
เอาเป็นว่า ถ้าต้นปี 2562 มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น โดยไม่เลื่อนอีก เราจะได้เห็นคนหนุ่มสาว 5-6 ล้านคน เข้าสู่การเมืองในวิถีทางที่คนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมปกครองประเทศ
อยู่กับความคิดที่แตกต่างได้ ถกเถียงโต้แย้งกันได้ มีกติกาการแก้ปัญหาด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยอำนาจของคณะผู้ถือปืน
เพื่อร่วมผลักดันสังคมให้หลุดพ้นวงจรล้าหลัง เลิกเสียทีขัดแย้งหรือเห็นต่าง แล้วเดินขบวนเรียกหารถถังออกมายึดอำนาจ นั่นมีแต่ทำให้เราล้าหลังไปเรื่อย

แต่ก็น่ายินดีด้วยมีสัญญาณที่ดีว่า คนรุ่นใหม่ตื่นตัวและกระหายกับการเข้าสู่ประชาธิปไตย พร้อมจะเข้าสู่การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
เช่น การเกิดของพรรคอนาคตใหม่ โดยคนยุคใหม่ การเมืองแนวใหม่ และเสียงตอบรับจาก คนวัยหนุ่มสาว ปัญญาชน เป็นไปอย่างกว้างขวาง
ผลโพลกี่ครั้งกี่หน เป็นต้องมีชื่อ พรรคอนาคตใหม่และหัวหน้าพรรค ติดอันดับนิยมระดับต้นๆ ทุกครั้ง
ไม่มีนักการเมืองอาชีพรุ่นเก่า ไม่มีระบบหัวคะแนน แต่มาด้วยกระแส และสอดรับกับโลกยุคดิจิทัล สังคมของคนรุ่นใหม่จริงๆ
ปรากฏการณ์นี้ จึงทำให้เราได้เห็น ลุงตู่ดิจิทัล ราวกับจะเข้ามาชนกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับเขาด้วย
ได้เห็นพรรคใหญ่ๆ แทบทุกพรรค ต้องมีทีมผู้สมัครเลือดใหม่ ต้องมีเจเนอเรชั่นใหม่ลงสนาม
ย่อมขึ้นอยู่กับพรรคนั้นๆ ว่ามีแนวทางสอดรับกับคนรุ่นใหม่ๆ จริงๆ หรือแค่เห็นว่ามีพื้นที่ก็ต้องหาเด็กหน้าใสๆ เข้ามาแต่งตัวลงสมัครด้วย
แน่นอนคงไม่ใช่แค่พรรคอนาคตใหม่พรรคเดียว ที่ยึดครองคนรุ่นใหม่ได้ทั้งหมด พรรคการเมืองแนวเสรีประชาธิปไตย แนวคิดใหม่มองไกล ก็มีอยู่
แต่พรรคที่มีคนรุ่นใหม่ ต้องอยู่ภายใต้แนวทางของพรรคอนุรักษนิยมล้าหลัง คลั่งไคล้อำนาจนอกระบบ ก็คงคล้ายภาพเยาวชนแดง ยุวชนเรดการ์ด อะไรแบบนี้มากกว่า
เราอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน การเมืองมีพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ แต่ที่สำคัญพรรคสังกัดต้องมีเนื้อแท้มุ่งสู่สังคมยุคใหม่จริงๆ ด้วย
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

น.3 คอลัมน์ : มาตรการ กำกัด กำจัด พรรคเพื่อไทย แต่ ‘ขจัด’ ไม่ได้

น.3 คอลัมน์ : มาตรการ กำกัด กำจัด พรรคเพื่อไทย แต่ ‘ขจัด’ ไม่ได้



แม้รัฐธรรมนูญจะสามารถ “กำกัด” และ “กำจัด” พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ได้ในระดับที่แน่นอนหนึ่ง

เห็นได้จากที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550

เห็นได้จากที่พรรคพลังประชาชนถูกยุบเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551

และเห็นได้จากเสียงคำรามอันดังมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และการขานรับอย่างฉับพลันทันใดโดย พ.ต.อ.ทรงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในการเก็บ รวบรวม พยานหลักฐานเพื่อพิจารณาว่าจะจัดการอย่างไรกับพรรคเพื่อไทย

แต่กรณีจากการยุบพรรคไทยรักไทย และจากการยุบพรรคพลังประชาชน กำลังให้บทเรียนอย่างลึกซึ้งมายังพรรคเพื่อไทย

นั่นก็คือ ท่านสามารถ “กำกัด” ได้ ท่านสามารถ “กำจัด” ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถ “ขจัด” การดำรงอยู่ของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ภายในพรรคเพื่อไทยได้

จำเป็นต้องเข้าใจต่อคำว่า กำกัด กำจัด และขจัด

หากเปิดพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ไปยังหน้า 120 สดมภ์ 2 บรรทัดแรก เลยก็จะพบกับคำ

กำกัด ก.จำกัดเข้า จำกัดให้แคบเข้า

ขณะเดียวกัน หากเปิดพจนานุกรม ฉบับมติชน พ.ศ.2547 ไปยังหน้า 83 สดมภ์ 2 บรรทัดที่ 12 นับจากล่างก็จะพบกับคำ

กำจัด ก. ขจัด ขับไล่ ทำให้สิ้นไป

นั่นเห็นได้จากการยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2550 นั่นเห็นได้จากการยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551

จึงได้เกิดพรรคเพื่อไทย

น่าสังเกตว่าเมื่อยุบพรรคไทยรักไทยก็เกิดพรรคพลังประชาชนและกำชัยจากการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม 2550 เมื่อยุบพรรคพลังประชาชนก็เกิดพรรคเพื่อไทยและกำชัยจากการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2554


แสดงว่า กำกัดได้ กำจัดได้ แต่มิอาจ “ขจัด” ได้อย่างสิ้นเชิง

ความจริง ความหมายของ “กำจัด” กับ ความหมายของ “ขจัด” มีลักษณะเหลื่อมซ้อนและใกล้เคียงกันเป็นอย่างยิ่ง

พจนานุกรมฉบับมติชน หน้า 114 สดมภ์ 1 บรรทัด 27 นับจากล่าง

ขจัด ก. กำจัด ทำให้สิ้นไป

กระนั้น จุดต่างอย่างสำคัญก็คือ “กำจัด” ให้ความรู้สึกในเชิงกายภาพ หรือในเชิงรูปธรรม ขณะที่ “ขจัด” มีความลึกซึ้งยิ่งกว่า

นั่นก็คือ ให้ความรู้สึกในเชิง “นามธรรม”

เพราะว่าความตรึงตราของประชาชนที่ยังเลือกคนของพรรคพลังประชาชน ที่ยังเลือกคนของพรรคเพื่อไทย เพราะประทับใจในความสำเร็จของพรรคไทยรักไทย

ความสำเร็จของพรรคไทยรักไทยต่างหากที่กำกัด กำจัด ได้ แต่มิอาจ “ขจัด”

แน่นอน ความสำเร็จนี้ผูกติดอยู่กับ 2 นามสำคัญ คือ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หาก คสช.หรือพรรคการเมืองใดก็ตามต้องการเอาชนะพรรคเพื่อไทยจะใช้มาตรการ “กำกัด” หรือ “กำจัด” อย่างเดียวคงไม่ได้

จำเป็นต้อง “ขจัด”

นั่นก็คือ เอาความสำเร็จที่เหนือกว่า ใหญ่กว่า มาทำลายล้างจินตภาพและความฝังใจที่มีต่อพรรคไทยรักไทยและต่อเนื่องมายังพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย

การยุบพรรคจึงแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย

“บิ๊กตู่”เปิดงานเกม นำร้องเพลง”สู้เพื่อแผ่นดิน”เด้งรับไอเดีย’ปันปัน’เปิดศูนย์สู้ข่าวปลอม

“บิ๊กตู่”เปิดงานเกม นำร้องเพลง”สู้เพื่อแผ่นดิน”เด้งรับไอเดีย’ปันปัน’เปิดศูนย์สู้ข่าวปลอม



“ตู่ดิจิทัล”เอาใจคนรุ่นใหม่ สวมบทเกมเมอร์ รับฟังแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อนุมัติรับหลักการนำไปสานต่อ พร้อมโชว์สกิลเบียดแซงชนะเซียนเกมเปิดงานThailand Game Show 2018
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 26 ตุลาคม ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. สวมบทเกมเมอร์ร่วมกับ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พี่แป้ง zbing z.หรือ น.ส.นัยรัตน์ ธนไวทย์โกเศส เจ้าของ chanel youtube zbing z. และ น้องปันปัน BNK48 หรือ น.ส.ปัญสิกรณ์ ติยะกร เล่นเกม Super Mario Party ด้วยเครื่อง Nintendo switch 4 Joys หรือ เกมจักรยานมาริโอ ปาร์ตี้ เปิดงาน Thailand Game Show 2018 มหกรรมงานเกมสุดยิ่งใหญ่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 ตุลาคมนี้ ที่สยามพารากอน โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินมาถึงภายในงานมีเยาวชนส่งเสียงต้อนรับจำนวนมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยิ้มและโบกมือทักทาย พร้อมทำท่าแด๊บซึ่งเป็นท่าทางที่กำลังฮิตกระแสอยู่ในขณะนี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี นั่งเก้าอี้เกมมิ่ง สำหรับฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ Predator Thronos รับฟังแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยเกมและไอทีจากมุมมองของเกมเมอร์และตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่มุ่งหวังสานฝันนักเล่นเกมไทย ให้กับอุตสาหกรรมเกม ภายใต้กิจกรรมลุงตู่อยู่กับเกมเมอร์ด้วย
โดยพี่แป้ง zbing z.หรือ น.ส.นัยรัตน์ ธนไวทย์โกเศส เจ้าของ chanel youtube zbing z.เป็นผู้เสนอเสนอเป็นกรมประชาสัมพันธ์ของเยาวชน ให้กับรัฐบาล เพื่อติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเยาวชน แบบทันสถานการณ์และเป็นภาษาเดียวกับ ด้านพล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความเห็นดังกล่าวว่าที่ผ่านมารัฐบาลต้องฟังแนวคิดจากทุกภาคส่วน มาตลอด 4 ปี วันนี้ตนเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ และวันนี้กรมประชาสัมพันธ์มาด้วยก็จะให้ประสานงานต่อไป
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเห็นด้วยและอนุมัติในหลักการ แผนของ นายกฤต เซ่งเจริญ ที่เสนอให้รัฐบาลจัดอีสปอตเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเจริญเติบโต และให้รัฐบาลอำนวยการความสะดวกในการจัดการแข่งขัน พร้อมกันนี้ ยังกล่าวกับเยาวชนด้วยว่าอยากขอให้ใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช้ภาษาไม่สร้างสรรค์ อย่างเช่นในเฟซบุ๊กที่มีการเขียนให้ร้ายกันอยู่ตลอดเวลา
พล.อ.ประยุทธ์ ยังเห็นด้วย กับนายวริศ ตู้จินดา ผู้นำเสนอ ศูนย์รวมไอเดียคนรุ่นใหม่ หรือ โอเอซิส รวมถึงปกป้องไอเดีย ทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งนายกรัฐมนตรี อยากให้ทุกคนมีความสร้างสรรค์ วันนี้รัฐบาลตั้งศูนย์รวม และไอเดียโอเอซิส วันนี้ก็ถือว่าสามารถนำไปเป็นสาขาหนึ่งของดาต้าเช็นเตอร์ได้ อย่างไรก็ตามวันนี้ขอให้ฟังคนที่พูดให้ดี บางคนพูดว่าจะทำนั้นทำนี่ให้ แต่ความจริงทำไม่ได้ทั้งหมด ไม่เหมือนลุง อันไหนทำได้ก็บอก อันไหนทำไม่ได้ก็บอก ดังนั้นอย่าไปเชื่อมากนัก ของให้มองในสิ่งที่เป็นจริง วันนี้มีคนพูดเยอะไปหมด พูดเอาดีเอาสนุกไม่ได้ พูดกันเยอะแยะมากมาก
ขณะที่ น.ส.ปัญสิกรณ์ ติยะกร หรือ น้องปันปัน BNK48 เสนอเรื่องโซเซียลมีเดียที่คนไทยเล่นอินเตอร์เน็ตไม่ต่ำกว่า 9 ชั่วโมง และบางเนื้อหายังบิดเบือน มีข่าวปลอมเกิดขึ้น เสนอการเปิดศูนย์ป้องกันข่าวปลอม โดยเชื่อมโยงกับสำนักข่าวต่างๆ

พล.อ.ประยุทธ์ ยังเห็นด้วยกับแผนนี้ ที่จะเปิดศูนย์ป้องกันข่าวปลอม เพราะปัจจุบันมีแต่ข่าวปลอมเรื่องการเมืองจำนวนมาก แม้จะนั่งอยู่ตรงนี้ ก็มีข่าวบิดเบือนเกี่ยวกับตนเกิดขึ้นอยู่ตลอดแล้ว แต่ก่อนจะตั้งศูนย์ป้องกัน สิ่งสำคัญ คือก่อนการตั้งศูนย์ฯจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างการเรียนรู้ คนจะเห็นบ้านเมืองเป็นอย่างไรถ้าโพสต์สิ่งไม่ดี จึงอยากให้โพสต์เรื่องดีๆมากกว่าเรื่องให้ร้ายประเทศ เพราะโอกาสแก้ไขเป็นเรื่องยาก จึงขอให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการโพสต์หรือใช้โซเชียลมีเดีย โดยขอให้ตรวจสอบข่าวที่แชร์ด้วย
โดยพล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า ดีใจได้มาร่วมงานเกมโชว์ 2018 เพราะแสดงให้เห็นภาพลักษณ์ที่ดี ของคนไทย ที่มีความคิดไม่เป็นรองใคร คนไทยเก่ง แต่ก็มีทั้งคนดีและไม่ดี ซึ่งต้องทำให้คนดีมีที่ยืน โดยรัฐต้องสนับสนุน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุค 4.0 ในอนาคต รัฐบางหน้าอาจจะมีปัญหาในการใช้อำนาจ แต่ดิจิทัลต้องเข้ามาช่วยบางอย่าง ซึ่งอาจจะดีกว่าเก่า หรือแย่กว่าเก่า
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวขอบคุณทุกคนที่ร่วมจัดงาน ซึ่งกิจกรรมนี้ถือเป็นความพร้อมในการจัดงานของประเทศไทย ซึ่งในปีหน้าประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน วันนี้ตนไปหลายประเทศ ทุกประเทศให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก วันนี้รัฐบาลมีการขับเคลื่อนในรูปแบบประชารัฐ ประชาสังคม และคนทุกวัยต้องมาช่วยกันขับเคลื่อน กระตุ้นการเล่นเกมที่สร้างสรรค์ ผู้ผลิตมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้น เราสามารถนำไปประกอบการเรียนรู้ได้ จะทำให้ทุกคนมีอาชีพมากขึ้น วันนี้เรากำลังเดินหน้าไปสู่ 4.0 ใช้เทคโนโลยีทั้งสิ้น คนไทยทุกคนต้องปรับตัว ทำงานกับเครื่องจักร หุ่นยนต์ได้ ขออย่าไปเกรงว่าจะตกงานถ้าเรามีการพัฒนาตนเอง
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ยังขอชื่นชมเยาวชนทั้ง 4 ท่าน โดยตนจะรับข้อเสนอไปดำเนินการปฏิบัติให้ได้ และทำให้คนไทยพัฒนาอย่างไร อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงบูรณาการทางด้านกฎหมาย เพราะทุกอย่างมีทั้งวิกฤติและโอกาส ขอให้พัฒนาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่รัฐบาลทำมาตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี พูดมาถึงตอนนี้ ได้กระเซ้าเยาวชน ว่าหลายคนฟังแล้วเริ่มห้าว เดี๋ยวจะโดน หนีมาจากวันศุกร์ก็มาเจอที่นี่ ไม่เป็นไร บันทึกไว้หมดแล้ว ทั้งนี้ทุกคนต้องรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร หาตัวเองให้เจอเพื่อจะได้มีงานทำ พร้อมขอให้เยาวชนที่เล่นเกมต่างๆ ใช้เวลาให้เหมาะสม เพราะการเรียนเป็นสิ่งสำคัญ แต่การเรียนรู้ก็ยิ่งสำคัญเช่นกัน ในวันข้างหน้าจะได้นำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในเรื่องของเทคโนโลยี และเชื่อว่าคนจะมาร่วมงานนี้มาพอสมควร จึงขอให้ใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ทั้งนี้ ก่อนการเปิดงานนายกรัฐมนตรี ได้นำเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” มาเปิดให้เยาวชนรับฟังด้วย พร้อมร้องตามด้วย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมเยาวชนทั้ง 4 คน ได้ร่วมเล่นเกม Nintendo Switch 4 Joys หรือ เกมจักรยานซูปเปอร์มาริโอ ปาร์ตี้ เพื่อเป็นงานเปิดงานดังกล่าว ทั้งนี้ระหว่างเล่นนายกรัฐมนตรีได้สะบัดมือด้านขวาที่ยังคงมีอาการเจ็บ จากนิ้วซ้น รวมทั้งระหว่างเล่นนายกรัฐมนตรีได้แสดงอารมณ์สนุกสนาน กับเกมดังกล่าว แต่เนื่องจากเป็นเกมรุ่นใหม่ของเด็ก ทำให้นายกรัฐมนตรีไม่ถนัด ในการเล่นเกมดังกล่าว แต่ก็ยังสามารถชนะ และเข้าสู่เส้นชัย เพื่อทำการเปิดงานได้สำเร็จ เนื่องจากเยาวชนมีการออมมือหยุดรอก่อนถึงเส้นชัย

เซ็งกันยาวๆ


โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กม. ซึ่งกำหนดจะเริ่มก่อสร้างปีหน้า คงต้องเลื่อนการก่อสร้างไปอีกหลายปี
หรือดีไม่ดีอาจต้องล้มเลิกโครงการนี้ไปเลย
ใครที่รอจะนั่งรถไฟชินกันเซ็ง ฟังข่าวนี้แล้วคงเซ็งไปตามๆกัน
“แม่ลูกจันทร์” สรุปย่อๆว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ วงเงินลงทุนกว่า 4 แสนล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นฝ่ายละ 50 เปอร์เซ็นต์
รัฐบาลโฆษณาว่าโครงการนี้จะใช้รถไฟหัวจรวดชินกันเซ็งของญี่ปุ่น วิ่งด้วยความเร็วสูง 250 กม.ต่อชั่วโมง
แบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ช่วง พร้อมเปิดบริการได้ภายใน 5 ปี
ช่วงแรก กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 418 กม.
ช่วงที่สอง พิษณุโลก-เชียงใหม่ ระยะทาง 254 กม.
คิดค่าโดยสารจิ๊บๆแค่ 1,089 บาทต่อเที่ยวต่อคน
ย่นเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯถึงเชียงใหม่เพียง 3 ชั่วโมง
ถ้าออกจากกรุงเทพฯ 8 โมงเช้าจะไปถึงเชียงใหม่ทันพระฉันเพล
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า โครงการนี้รัฐบาลไทยเทียวไล้เทียวขื่อเจรจารัฐบาลญี่ปุ่นมาแล้ว 2 ปีเต็มๆ
เพื่อขอร้องเชิญชวนให้รัฐบาลญี่ปุ่นร่วมลงทุนกับรัฐบาลไทย
แต่รัฐบาลญี่ปุ่นยังลับลวงพรางไม่ยอมตอบโอเค
ล่าสุด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ลงทุนนำคณะใหญ่บินไปจับเข่าคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงขนส่งของญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขอคำตอบชัดๆจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่าตกลงจะร่วมทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงสายนี้หรือไม่? เมื่อไหร่? อย่างไร?
ปรากฏว่าครั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงขนส่งญี่ปุ่นมีคำตอบชัดเจน
คือยืนยันว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่ร่วมลงทุนกับฝ่ายไทย
ขอให้รัฐบาลไทยควักกระเป๋าลงทุนเองทั้งงานก่อสร้างโยธา งานระบบอาณัติสัญญาณ การจัดซื้อขบวนรถไฟ และการซ่อมบำรุงครบวงจร
แต่...ถ้ารัฐบาลไทยยังสนใจจะซื้อรถไฟชินกันเซ็งจากญี่ปุ่นอย่างเดิม รัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมจะให้รัฐบาลไทยกู้เงินโครงการนี้ด้วยความยินดี
เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นตอบปฏิเสธอย่างนี้ก็เอวัง
รมว.คมนาคม ตัวแทนรัฐบาลไทยก็ผิดหวังอย่างแรง
โครงการร่วมทุนที่วางแผนล่วงหน้าไว้ทุกขั้นตอนต้องเสียเวลาฟรีๆไป 2 ปีเต็มๆ
รถไฟชินกันเซ็ง มันทำเซ็งอย่างนี้แหละโยม
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลญี่ปุ่นปฏิเสธไม่ร่วมทุนกับรัฐบาลไทย เพราะผลการศึกษาของทีมผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นสรุปว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่มีความเสี่ยงสูง
ไม่คุ้มค่าการลงทุน
ประเมินจำนวนผู้โดยสาร และรายได้จากค่าโดยสารยังต่ำกว่าผลตอบแทนทางการเงินบานตะเกียง
ขาดทุนบักโกรกทั้งระยะสั้น และขาดทุนระยะยาว
“แม่ลูกจันทร์” หวังว่ารัฐบาล คสช.จะไม่ดันทุรังใช้เงินภาษีประชาชนกว่า 4 แสนล้านบาท ไปลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่เองทั้งหมด ตามที่รัฐบาลญี่ปุ่นแนะนำ
ทางออกที่ดีที่สุดคือ เก็บโครงการนี้แช่ตู้เย็นไว้ก่อน 10 ปี!!
เพราะโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน สายกรุงเทพฯ-โคราช-หนองคาย ที่รัฐบาล คสช.หลวมตัวลงทุนเอง 100 เปอร์เซ็นต์ จะต้องขาดทุนอ่วมอรไทไปอีก 10 ปี 20 ปี
แค่สายเดียวก็สาหัสแล้ว ขืนขาดทุน 2 สายก็ไอซียู.
“แม่ลูกจันทร์”

คิด ‘ท่ายาก’ ไว้แก้เกม


ไม่ติด “โรคเลื่อน” อีกแล้ว เพราะนาทีนี้ เมื่อ “คนคู่ คสช.” ทั้ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช. “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ประสานเสียงชัด
ดีเดย์เลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 นั่นก็เป็นคำตอบ
ส่วนที่เกิดปัญหาขึ้น โปรแกรมสอบวิชาความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) ปี 2562 กำหนดช่วงสอบตรงกับวันเลือกตั้งใหญ่ กระทบนิวโหวตเตอร์ที่จะได้เลือกตั้งครั้งแรก 6 ล้านกว่าคน
“เป็นเรื่องของกระทรวงศึกษาที่จะต้องไปดูและเลื่อนวันสอบ ส่วนวันเลือกตั้งยืนยันไม่เลื่อน”
คิว “บิ๊กป้อม” ออกโรงยืนยัน จบปมระแวงวาระแฝงจ้องยืดเลือกตั้ง ทุกขั้วฝ่าย เร่งสปีดกันต่อไปได้
แน่นอน ในห้วงนี้โฟกัสอยู่ที่ 2 ขั้วใหญ่ คือฝ่ายกุมอำนาจรัฐบาลพิเศษ และฝั่งพรรคเพื่อไทยเครือข่ายนายใหญ่ ออกหมัดแย็บลองเชิงกันเป็นชุดๆ
หลังจาก “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร” โผล่ให้สัมภาษณ์สื่อประเทศญี่ปุ่น ปั่นตัวเลขกวาดแต้ม ส.ส.ทะลุ 300 จน กกต.เด้งรับพี่ใหญ่ คสช. เก็บข้อมูลบี้โยงเพื่อไทย ปล่อยคนนอกค่ายแทรกแซง ครอบงำ
จ่อตั้งแท่น “ยุบพรรค”
แต่ก็อย่างว่า ณ นาทีนี้ยังแค่ “ขู่มา-ขู่กลับ” แย็บเล่นเชิงเก็บคะแนน รอรัวแต้มยกสุดท้ายกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ที่หนักหนากว่าน่าจะเป็นฝั่งเพื่อไทย ต้องเตรียมแผนยันเกมบุก ประเมินสถานการณ์ เลวร้ายสุดคือโดนยุบพรรค ไม่เฉพาะจากคิววาจาฝีปาก “นายใหญ่” ทำสะเทือนไปทั้งค่าย
ยังรวมถึงกรณีที่ 9 แกนนำเพื่อไทยวิพากษ์วิจารณ์ห้วงครบ 4 ปีรัฐประหาร ขัดคำสั่ง คสช. ที่อัยการเลื่อนนัดฟังคดีจากปลาย ต.ค.นี้ ไปเป็นวันที่ 28 พ.ย.
ลากเวลาส่งขึ้นเขียงเชือด-ไม่เชือด เพื่อไทยระทึกยาวๆ
งานนี้จึงเป็นอย่างที่เห็น พรรคเพื่อไทยถึงได้เปิดยุทธการ “แตกตัว-แยกค่าย” ตั้งสารพัดยี่ห้อ “เพื่อ” เผื่อเหตุฉุกเฉิน ทั้งเพื่อไทย-เพื่อธรรม-เพื่อชาติ ล่าสุดมี “ไทยรักษาชาติ” ชื่อย่อ “ทษช.” ที่มีคนแปลความ “ทักษิณ ชินวัตร”
นัยว่าเป็นพรรคสำรองของจริง เพราะนาทีนี้ ค่าย “เพื่อธรรม” ก็น่าจะยกให้ “เจ้าแม่วังบัวบาน” ไปลุยสร้างบ้านของตัวเอง ส่วนพรรคเพื่อชาติ ยังมีข้อสงสัยในทีท่า “แกนนำเสื้อแดง-มือขวานายใหญ่”
สแกนความเสี่ยงแล้ว “ไทยรักษาชาติ” จะเป็นอีกค่ายสำรองของจริง
เพียงแต่นาทีนี้ยังไม่ชัด ยุบ-ไม่ยุบ ต้องเร่งบริหารจัดการพรรคเพื่อไทยเป็นโมเดลไว้
แว่วว่าเคาะสูตรแล้ว จะแยกกำลังเป็น “ทัพหน้า-ทัพหลัง”
ในส่วนทัพหน้า “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ถือธงแม่ทัพเปิดเกมรุก นำขุนพลลุยหาเสียงสนามเลือกตั้ง โดยจะไม่เป็นกรรมการบริหารพรรค เพื่อลดความเสี่ยง “ตายยกเข่ง” ส่วนทัพหลังจะเป็นฝ่ายบุ๋น นำโดย “พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์” ที่วางคิวเป็นหัวหน้าพรรคเต็มตัว
โมเดลนี้จะยกไปใช้ค่ายใหม่ด้วย ถ้าเห็นท่าไม่ดี ต้องอพยพไพร่พลหนีตายตามยุทธวิธี “ทิ้งค่ายร้าง”
ทั้งหมดทั้งปวงก็มีดีเดย์สุดท้ายก่อน 26 พ.ย.นี้ เส้นตายสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 90 วัน ถ้ายึดตามโปรแกรมเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 จะเพื่อไทย–เพื่อธรรม–ไทยรักษาชาติ ก็ต้องชัด
ส่วนกรณีถ้าเกิดเหตุ “ทุบ” ในห้วง 90 วันก่อนเลือกตั้ง ยามนี้ไพร่พลนายใหญ่เริ่มคิด “ท่ายาก” ไว้รองรับ
เริ่มมีรายงานทางสื่อถึงแผน “โหวตโน” เพื่อพลิกเกม
ทั้งลากเข้าปมปัญหา จำนวน ส.ส.เปิดประชุมสภาฯ และเป้าหมายต่อเนื่อง เพื่อคืนร่างคืนสถานภาพผู้สมัคร “คนของนายใหญ่” ในพื้นที่ที่ต้องเลือกตั้งใหม่
เป็นสารพัดสารพัน “ท่ายาก” ของขั้วนายใหญ่
นั่นก็ไม่แพ้ “ท่ายาก” ของฝั่งเครือข่ายหนุนอำนาจพิเศษ ที่เตรียมแก้เกม กรณีหากจำเป็นต้องอยู่ในสถานภาพรัฐบาลเสียงข้างน้อย เดินหน้าแค่ไหนแค่นั้น ไปไม่ได้ก็ยุบสภา แบบยุบแล้วยุบอีก
ล้างกันหลายรอบ ให้อีกฝ่ายฝ่อไปเอง
ต่างฝ่ายต่างคิดท่ายากเตรียมไว้แก้เกมกันหลายชุด.

ทีมข่าวการเมือง