PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เลิกสงสัยได้ว่าพลเอกประยุทธ์จะนำทัพเองไหม?


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้ความเป็นรัฎฐาธิปัตย์ ของคสช.ขับเคลื่อนการทำ งานของคสช.ตลอดช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งสัญญานบอกชัดเจนถึงงานใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบเดินหน้าต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 หลังจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ภายในเดือนกันยายน

เลิกสงสัยได้ว่าพลเอกประยุทธ์จะนำทัพเองไหม?

ที่ยังน่าสังสัย อาตู่ จะควบตำแหน่งรมว.กลาโหมอีกตำแหน่งหรือไม่ หลังกองเชียร์ ลุงป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ออกมายิงสลุตให้พล.อ.อนุพงษ์ ว่ามีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงกับตำแหน่งรมว.กลาโหมคนใหม่ ที่นักการทหารหลายคนยังเห็นว่า "อาตู่"เป็นเองแจ่มจันทร์ที่สุด เอาลุงป๊อกมาปวดหัวเปล่าๆ ผลงานเรื่องเรือเหาะ 400-500 ล้านบาท ยังบานตะเกียงไม่ลงตัว ใช้งานเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้สักที แล้วยังมีเรื่องรถเกราะนิสสันอีก 250 คัน กว่า 700 ล้านบาทจัดหาสมัยลุงป๊อกเหมือนกัน อันนี้ก็บานตะไท เล่นเอากำลังผลในพท.ที่ใช้บริการรถเกราะดังกล่าวปวดตับไปตามๆกัน …หนึ่งในผู้สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ควบทั้งสองตำแหน่งคือ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา ที่เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ มีความเหมาะสมพร้อม

"วันนี้ความมั่นคงของชาติยังอยู่ในระดับต่ำ ต้องการคนที่มีความเข้าใจ และความเข้มแข็ง และสามารถควบคุมผู้คนได้ ผมมองว่าพลเอกประยุทธ มีคุณสมบัติ และคุณลักษณะพร้อม ที่จะดูแลเรื่องความมั่นคงของชาติต่อไป ท่านก็เหมาะที่จะเป็น รมว.กลาโหมไปก่อน คือเป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมด้วย

"สถานการณ์วันนี้ มีปัญหาตั้งแต่ความมั่นคงชาติรอบด้าน ความมั่นคงชาติภายในและความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีมากมาย และต้องมีความรู้ มีขีดความสามารถในปัจจุบัน ควบคุมพลังและกำลังได้ด้วย ถ้าหากท่านเป็นหัวหน้าคสช. ท่านเป็นนายกและคุมกลาโหมคุมงานด้านความมั่นคง ท่านก็สั่งการได้คนเดียวเลย มันจะได้รวดเร็ว"

///
พี่เป๊บซี่ เสริมสุข

ปปช.เผยรอดูจะนำเรื่อง"ยิ่งลักษณ์"ยื่นพยานเพิ่ม๘ปากเข้าพิจารณาหรือไม่

นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการและรองโฆษก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.เดินหน้าป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น อย่างจริงจัง เจ้าหน้าที่ภาครัฐควรเป็นแบบอย่างในการสร้างความเข้มแข็งและแข็งแกร่งให้องค์กรป้องกันการทุจริตให้กับภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และประชาชน คณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงและแก้ไขข้อกฎหมายในหลายข้อเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะใช้กฎหมาย ป.ป.ช.ได้เต็มศักยภาพและช่วยให้ภาพรวมการขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นสมบูรณ์ คาดว่า ภายใน 1 สัปดาห์จะสามารถสรุปรายงานการปรับปรุงกฎหมาย ป.ป.ช.ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) พิจารณาและรับทราบได้ การดำเนินงานอย่างจริงจังในการปราบปรามการทุจริตของ คสช.ช่วยส่งเสริมกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันยังเกิดความล่าช้าอยู่ในหลายขั้นตอน

ส่วนกรณีที่ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นเพิ่มพยานในไต่สวนคดีอาญาโครงการจำนำข้าว จำนวน 8 ปาก ว่า ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ คงต้องรอดูวาระภายในสัปดาห์หน้า ว่าจะมีกรณีดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมหรือไม่

ทหาร จับคลังแสงที่อุดร

ทหารจากกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี!! เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 462 หมู่ 2 ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ในเขตเทศบาลตำบลบ้านผือ ซึ่งเป็นบ้านของ ดต.ปราโมทย์ บุพศรี อายุ 62 ปี อดีตนายตำรวจ สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลังจากสืบทราบว่า มีส่วนพัวพันฆ่า นางบังอร ทองอ่อน อายุ 52 ปี ราษฎรบ้านดงบัง ต.โนนทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เจ้าแม่เงินกู้ในพื้นที่ ที่ถูกพบศพถูกเผานั่งยางบริเวณป่าทางเข้าบ้านคำบอนเวียงชัย หมู่ 3 ต.หนองแวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2557 จากการตรวจค้นพบของกลางเป็นจำนวนมากประด้วย รถยนต์ มาสด้า 1คัน กระสุน เอ็ม 79 จำนวน 8 นัด กระสุนปืน อาก้า 10 นัด กระสุนขนาด 11 มม. 2 นัด กระสุนปืน เอ็ม16 จำนวน 216 นัด กระสุนปืน .375 จำนวน 18 นัด กระสุนปืนขนาด ปลย. 88 จำนวน 19 นัดกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 อีก 1 นัด ปืนไทยประดิษฐ์ อีก 2 กระบอก วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว
เครดิตแนวหน้า

นำตัว 'จิตรา' เข้าห้องขังกองปราบฯ เตรียมส่งศาลทหารพรุ่งนี้เช้า

นำตัว 'จิตรา' เข้าห้องขังกองปราบฯ เตรียมส่งศาลทหารพรุ่งนี้เช้า
19.10 น. ที่กองปราบปราม หลังเจ้าหน้าที่สอบสวน จิตรา คชเดช นักสหภาพแรงงาน ซึ่งถูกออกหมายจับข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. เสร็จได้นำตัวเข้าห้องฝากขังที่กองปราบฯ โดยจะนำตัวส่งศาลทหารในวันพรุ่งนี้(14 มิ.ย.)เวลา 10.00 น.
จิตราถูกควบคุมตัวจากสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่ 8.00 น. วันนี้ พร้อมถูกสอบสวนตลอดวัน โดยมีทนายร่วมรับฟังด้วย
ทั้งนี้จิตรา เดินทางกลับจากสวีเดนถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเช้านี้ ตามที่เคยเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ก่อนถูกกักตัวที่ ตม. และส่งตัวมายังกองปราบฯ
โดยจิตรา ถูก คสช. เรียกเข้ารายงานตัวตามคำสั่งที่ 44/2557 แต่ไม่สามารถเดินทางมารายงานตัวได้เนื่องจากติดภารกิจที่ประเทศสวีเดน ซึ่งเดินทางไปตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร และเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา จิตราได้เดินทางไปรายงานตัวที่สถานเอกอัคราชทูตไทย ประจำกรุงสต๊อคโฮม สวีเดน แล้ว
หมายจับดังกล่าวถูกออกหลังจิตราไม่ได้เดินทางเข้ารายงานตัวตามกำหนดที่สโมสรกองทัพบก เทเวศ นอกจากจิตราแล้วยังมีผู้ถูกออกหมายจับเนื่องจากไม่ได้มารายงานตัวตามกำหนดอีก 9 คน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : กักตัว 'จิตรา'ขณะเดินทางเข้าประเทศ เตรียมส่งกองปราบ http://prachatai.org/journal/2014/06/53974

แถลงการณ์ สหประชาชาติ (UN.) ต่อสถานการณ์ในไทย

แถลงการณ์ สหประชาชาติ (UN.) ต่อสถานการณ์ในไทย

" ณ กรุง เจนีวา สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ 13 มิถุนายน 2014
ความมีเสถียรภาพและความปรองดองจะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดซึ่งหลักสิทธิมนุษยชน สหประชาชาติขอให้คืนความเป็นประชาธิปไตยและสิทธิขั้นพื้นฐานโดยทันที
ณ ขณะนี้เป็นที่ประจักชัดว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารได้เกินกว่าขอบเขตของกฏหมาย นับตั้งแต่คณะทหารได้เข้ายึดอำนาจการปกครอง รัฐธรรมนูญก็มีสภาพเสมือนสิ้นสุดลง มีการกระทำมากมายที่ไม่เป็นที่ยอมรับได้ในมาตรฐานของอารยประเทศ เช่น สิทธิในการแสดงความคิดเห็น และการรวมกลุ่มแสดงความไม่เห็นด้วยโดยปราศจากอาวุธ
การเรียกให้ผู้คนเข้ารายงานตนถึง 440 คนรวมถึง นักการเมือง นักศึกษา สื่อ และนักกิจกรรมโดยนำไปกักขังในค่ายทหารและยังมีอีกมากมายที่ไม่ได้รับการปล่อยตัวโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อครอบครัวหรือทนายโดยไม่แจ้งว่าอยู่ที่ใดนั้น
สหประชาชาติขอตั้งขอสังเกตว่าอาจเกิดการทรมานขึ้นก็เป็นได้ การปิดกั้นสื่อ หรือการให้พรรคการเมืองหมดสภาพ รวมไปถึงห้ามชุมนุมเกินกว่าห้าคนนั้นยอมรับไม่ได้ การเปิดพื้นที่สำหรับการถกด้วยเหตุผลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
สหประชาชาติ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยซึ่งได้ลงนามร่วมในภาคีของสหประชาชาติทำรายงานการกระทำทั้งหมดของคณะทหารตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2014 สหประชาชาติจะทำการพิจารณากรณีสถานการในประเทศไทย ณ ที่ประชุมใหญ่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สิ้นสุดแถลงการณ์ "
“Fundamental rights at stake in Thailand” – UN experts concerned about arbitrary detentions and restrictions
GENEVA (13 June 2014) – “Stability and reconciliation can hardly be achieved in Thailand if human rights guarantees are neglected,” a group of United Nations independent experts* said today, while urging the current authorities to reverse all measures affecting basic rights and to restore democratic rule in the country.
“In moments of political crisis and turbulence, it is crucial to promote the full respect of the rule of law,” the human rights experts stressed.
“The various limitations to fundamental rights put in place since the military assumed control of the country and the Constitution was suspended are deeply disturbing,” they noted. “Reportedly numerous individuals remain arbitrarily detained, and unacceptable restrictions continue to be imposed on freedoms of expression, association and peaceful assembly.”
Particular concern was expressed with regard to the chilling effects of the summoning by the military of more than 440 individuals, including political leaders, academics, journalists and activists to army bases. Many remain in detention without access to family or lawyer. Some are held incommunicado in unknown locations and may be at risk of torture or ill-treatment.
“Public criticism of authorities and the freedom of the Thai media are negatively affected by various measures, including the ban on political gatherings of more than five persons and the reported closure of a vast number of community radios,” they said.
“Restoring the space for public dialogue is crucial to allow durable solutions to the political impasse affecting Thailand to be forged,” the experts underscored.
The group of experts requested information from the current authorities on multiple allegations of human rights violations they received after the imposition of martial law on 22 May 2014.
“We remain ready to engage in dialogue with the country authorities,” concluded the experts.
(*) The experts: Mr. Mads Andenas, Chair-rapporteur of the Working Group on Arbitrary Detention; the Working Group on Enforced or Involuntary Disappearances; Mr. Frank La Rue, Special Rapporteur on the right to freedom of opinion and expression; Mr. Maina Kiai, Special Rapporteur on the rights to freedom of peaceful assembly and of association and Mr. Juan E. Méndez, Special Rapporteur on torture and other cruel, inhuman or degrading treatment or punishment.

ธิดา ถาวรเศรษฐ์:เรื่องเล่าการถูกควบคุมตัว 22-28 พ.ค. 57

อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ เพิ่ม 3 รูปภาพใหม่
เรื่องเล่าการถูกควบคุมตัว 22-28 พ.ค. 57
การประชุม 7 คณะ ที่สโมสรทัพบกที่ ผบ.ทบ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขอนัดหลายฝ่ายรัฐบาล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ กปปส. นปช. คณะกรรมการ กกต. วุฒิสภา และผู้บัญชาการเหล่าทัพ พร้อม ผบ.ตร. เพื่อพบปะกัน โดยอ้างว่าเชิญมาตกลงเจรจากันเพื่อหาทางออกให้ประเทศ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทุกฝ่าย ฝ่ายละ 5 คน
การเจรจาในวันแรก (21 พ.ค.) ให้ต่างฝ่ายแสดงความคิดเห็น ทิ้งประเด็นไว้ให้กลับมาพูดคุยใหม่ อันเกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี, รัฐบาลกลาง, การเลือกตั้ง, การลงประชามติ, การสร้างบรรยากาศที่ดีและการยุติการชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย
ในวันรุ่งขึ้น (22 พ.ค.) ก็นัดประชุมใหม่เวลาบ่าย 2 โมง สำหรับพวกเรากลุ่ม นปช. ส่วนมากของแกนนำถูกฟ้องข้อหาก่อการร้าย ศาลนัดไต่สวนพยานในวันที่ 22 และขอให้ศาลอนุญาตให้ไปประชุมได้ในเวลาบ่าย 2 โมง กับคณะของพลเอกประยุทธ์ (กอ.รส. ปัจจุบันกลายเป็น คสช.) พวกเรา นปช. 5 คนมี จตุพร, ณัฐวุฒิ, ผู้เขียน, ก่อแก้ว และคุณวีระกานต์ ก็ไปรับประทานอาหารพูดคุยกันก่อนเวลานัดหมายประชุม ก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากมาย เพราะมีแฟนคลับบ้าง แขกที่บังเอิญเห็นบ้างเข้ามาทักทายเป็นระยะ ๆ แล้วก็ออกเดินทางไปถึงสถานที่ประชุมเวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง เพื่อเตรียมตัวเข้าประชุม
ครั้นได้เวลาประชุมฝ่ายรัฐบาลก็เปิดการประชุมด้วยการยินดีถอยร่นให้คณะรัฐมนตรีได้ลดบทบาท Low Profile ให้ปลัดกระทรวงทำงานเป็นหลัก ยกเว้นเรื่องที่ต้องให้รัฐมนตรีทำ เช่น การรับสนองพระบรมราชโองการ งานรัฐพิธี ราชพิธี เท่านั้น ตามข้อเสนอสูตรหนึ่งของ กกต. เพื่อเตรียมการเข้าสู่การเลือกตั้ง แน่นอนว่าฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์โดยคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เห็นด้วย ส่วน นปช. โดยคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ยังใช้ข้อเสนอเดิมคือทำประชามติก่อน ในที่สุดฝ่าย กปปส. ขอเวลานอกให้ได้พบปะกับ นปช. เป็นการขอเจรจาอ้างว่าขอความร่วมมือฝ่ายประชาชนด้วยกัน ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการเจรจา ยังไม่มีข้อยุติใด ๆ ทหารก็มาเตือนให้กลับเข้าห้องประชุมใหญ่
เมื่อกลับมายังห้องประชุมคุยกันได้ไม่กี่ประโยคลงท้าย ผบ.ทบ. ก็ลุกขึ้นยืนบอกว่า “ผมยึดอำนาจแล้ว” จากนั้นทหารถืออาวุธกรูกันเข้ามาในห้องประชุมแล้วก็เชิญออกมาควบคุมตัวขนาบ 2 ข้างทีละราย ที่ผู้เขียนเห็นคนแรกคือท่านรัฐมนตรีชัชชาติ ถัดมาเป็นคุณวีระกานต์ ต่อมาเป็นคุณจตุพร แล้วก็เป็นผู้เขียน ตามด้วยคุณก่อแก้ว จากนั้นจะควบคุมตัวใครอย่างไรผู้เขียนก็ไม่มีโอกาสรู้ จะควบคุมตัวฝั่ง กปปส. และพรรคฝ่ายค้านไปด้วยหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ แต่เดาว่าเขาคงควบคุมตัวด้วยชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วคงปล่อยไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ 5 คน
ส่วนตัวผู้เขียนเองถูกควบคุมตัวขึ้นรถตู้ เข้าใจว่ามีคุณก่อแก้วนั่งมาด้วย สักพักก็มีทหารใช้หมวกไหมพรมดำมาครอบหัวจงใจปิดตาเพื่อไม่ให้มองเห็น แล้วเอาเอ็นรัดข้อมือมามัดมือ 2 ข้างไว้ด้วยกัน หมวกไหมพรมครอบศรีษะ ปิดตาใช้ครอบซ้ำ 2 ชั้นเพื่อไม่ให้มองเห็นได้เลย ผู้เขียนคาดเดาว่ารถตู้ที่นำมาเพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ก็เป็นความจริง ก่อนหน้านี้ ณัฐวุฒิได้พูดในวงอาหารแล้วว่า ได้ข่าวว่ามีการเตรียมเฮลิคอปเตอร์ น่าจะเอา 2 ฝ่ายไปเก็บหมด แต่ไม่ได้ตระหนักว่าเป็นความจริง รวดเร็วเพียงไร แต่ละฝ่ายขนหัวหน้ามาหมด ยกเว้นฝ่ายรัฐบาลที่คุณนิวัฒน์ธำรงไม่มา และคุณจารุพงศ์หัวหน้าพรรคไม่มา
นี่ต้องยอมรับว่าฝั่งเราประเมิน ผบ.ทบ. ต่ำไปในแง่นี้ แต่ถามว่าการสรุปทางออกว่าอย่างไร เขาต้องทำรัฐประหารแน่นั้นเราสรุปเช่นนี้มาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราศรัยของผู้เขียนใน 2-3 วันก่อนรัฐประหารว่า เมื่อวิถีทางต่าง ๆ ล้มเหลวในการกำจัดรัฐบาลและสิ่งที่เรียกกันว่า “ระบอบทักษิณ” ผู้เขียนได้ประเมินด้วยว่าจะประกาศใช้กฎอัยการศึกและทางสุดท้ายเขาจำเป็นต้องทำรัฐประหารในที่สุด นี่เป็นคำปราศรัยหลายครั้งที่ถนนอักษะ
เมื่อเฮลิคอปเตอร์บินมาสักพักก็จอด (ก่อนหน้าขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แว่นตาผู้เขียนก็ถูกยึดไป และได้รับคืนในเวลาต่อมา) ผู้เขียนถูกนำตัวขึ้นรถปิ๊กอัพ ยังถูกหมวกไหมพรมคลุมหัวจนถึงจมูก แล้วก็ถึงบ้านที่เขาให้เก็บตัว มีทหารถือปืนรักษาการณ์เข้มแข็ง หน้าบ้านและหลังบ้านมีลวดหนามกลมขนาดใหญ่เต็มล้อมบ้านไว้ ตอนแรกยังคาดว่าจะได้อยู่กับก่อแก้ว แต่กลายเป็นอยู่คนเดียว แล้วก็มาเสื้อผ้าชุดเดียว ไม่มีกระเป๋าติดมาเลย ปกติต้องกินยารักษาความดันโลหิตทุกวัน ก็บอกเขาแล้วว่ายารักษาโรคความดันโลหิตสูงต้องรับประทานทุกวัน และยาสำหรับผู้สูงอายุอื่น ๆ ที่สำคัญคือยาความดันโลหิต
วันที่ 23 เช้า ยังออกมายืดเส้นยืดสายได้บ้าง แต่ไม่ถึงชั่วโมงทหารก็ขอให้ขึ้นไปอยู่เฉพาะในห้องข้างบน จะอยู่ภายในบ้านชั้นล่างก็ไม่ได้ ดังนั้นจากวันที่ 23 ถึงวันที่ได้รับการปล่อยตัวผู้เขียนก็ต้องอยู่ในห้องเล็ก ๆ 3.5 x 3.5 เมตร ตลอดเวลา...คนเดียว...ไม่มีหนังสือพิมพ์ ในวันที่ 26 จึงได้รับอนุญาตให้ดูทีวีได้ ดังนั้น 3 วันแรกนับจากถูกตำตัวออกมาจากห้องประชุม 7 ฝ่ายนั้น ผู้เขียนไม่ได้รับรู้ข่าวคราวข้อมูลใด ๆ ของพี่น้องประชาชนและสังคมไทยเลย
สิ่งที่ตัวเองได้รับการปฏิบัติ ไม่ว่าจะใช้ถุงครอบหัวและมัดมือดุจอาชญากร ไม่ได้ทำให้วิตกกังวลใด ๆ เมื่อเทียบกับชะตากรรมของพี่น้องประชาชนเสื้อแดงที่ถนนอักษะและในทุกพื้นที่ที่ไม่รู้ว่าจะเผชิญสภาพเลวร้ายเพียงใด เมื่อได้ดูทีวีจึงพอรับรู้ข้อมูลว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างเท่าที่โทรทัศน์จะสามารถให้ข้อมูลได้ อย่างน้อยก็ได้รับรู้ประกาศของ คสช.
ความจริงผู้เขียนต้องการเขียนบันทึกทุกวัน แต่เขาไม่ให้แม้แต่กระดาษเปล่า จึงเขียนได้ 4-5 หน้า หนังสือที่เอามาให้อ่านก็มีแต่หนังสือธรรมะแบบเดียวกับคนในคุก ประมาณว่าเป็นอาชญากร สมควรอ่านหนังสือธรรมะได้อย่างเดียว ผู้เขียนก็บอกว่าหนังสืออะไรก็ได้ ประวัติศาสตร์ ท่องเที่ยว อะไรก็ได้ เพราะตอนนั้นไม่แน่ใจว่าจะถูกขังอยู่นานเท่าไร?
ไม่ได้พูดกับใครเลย เขาให้อยู่ชั้นบน ห้องขนาด 3.5 x 3.5 เมตร แต่ยังดีมีแอร์คอนดิชั่น และช่วงหลังได้ดูทีวีบ้าง ของไทยไม่มีอะไรดูก็ไปดูสารคดีและหนังต่างประเทศบ้าง วันแรก ๆ ผู้เขียนมอง ๆ ดูชั้นล่างเห็นหนังสือชีวประวัติอาจารย์เสาร์ เล่มเบ้อเริ่ม อ่านแล้วได้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของพระป่าธรรมยุติและประวัติศาสตร์ของประชาชนอีสานส่วนหนึ่ง ถือว่าได้หนังสือดี ได้รับรู้เรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ของพระสายธรรมยุติอีสาน สายอาจารย์เสาร์ อาจารย์มั่น ที่ผู้เขียนพูดกับนักข่าวว่า หนังสือธรรมะก็สนุกเหมือนกันคือเล่มนี้นี่เอง มีเรื่องราวกบฏ
ผีบุญ ซึ่งผู้เขียนเพิ่งรู้ว่าไม่ได้มีคนเดียว
สถานที่ที่ควบคุมตัวเป็นบ้านพักนายทหาร มองออกมามีต้นไม้ใหญ่ ด้านหน้ามีไม้ใหญ่เช่นมะม่วง ด้านขวามือมีต้นมะขามใหญ่ หน้าบ้านมีไม้ดอกลีลาวดีต้นใหญ่ รอบบ้านถูกล้อมด้วยลวดหนาม (หีบเพลง) มีทหารเฝ้าหน้าบ้าน หลังบ้าน ในบ้าน
แรก ๆ ก็ให้รับประทานอาหารกล่องแบบเดียวกับทหาร แต่หลังจากนั้น 2-3 วันก็เริ่มมีอาหารใส่จานเดินมาส่ง และก็พยายามบริการอาหารเครื่องดื่มดียิ่งขึ้น แต่ไม่เห็นมีใครมาคุยเลย โดยเฉพาะนายทหารคงจะไม่มีเวลากระมัง จนถึงวันสุดท้ายที่จะปล่อยตัว จึงมีนายทหารมาแจ้งและได้คุยกันเล็กน้อย พร้อมทั้งแจ้งว่ามีกระเป๋าเสื้อผ้าและยาจากครอบครัว
ผู้เขียนเข้าใจว่าคุณหมอสลักธรรมคงจะพยายามฝากยาและเสื้อผ้าให้แม่และพ่อ ลูกของเราคงจะยากลำบากในสถานการณ์เช่นนี้ และมารู้ภายหลังว่าในเย็นวันที่ 22 มีทหารมาค้นบ้าน ดีที่หมอสลักธรรมอยู่บ้านจึงได้เชิญตำรวจมาร่วมตรวจสอบและลงบันทึกหลักฐานและการตรวจสอบ วันรุ่งขึ้นทหารก็เอาเอกสารที่เก็บไปมาคืนที่สถานีตำรวจ
นอกจากนั้นลูกได้ไปยื่นหนังสือกับ ผบ.ทบ. ในนามครอบครัวร่วมกับภรรยาแกนนำอื่น ๆ เพื่อขอเยี่ยมในฐานะคนในครอบครัว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกฎหมายระหว่างประเทศและข้อตกลงให้สัตยาบันกับองค์กรสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ ต้องเปิดเผยสถานที่คุมขัง ญาติต้องเยี่ยมได้ แต่ในที่สุดแม้จะเป็นประกาศกฎอัยการศึกเองก็รวมให้คุมขังไม่เกิน 7 วัน ไม่ว่าจะถูกคุมขังแบบไหนก็ตาม ซึ่งจริง ๆ หลักการของสังคมอารยะชน การจำกัดสิทธิเสรีภาพ การคุกคามและเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
จึงอยากเรียกร้องมายังผู้กระทำรัฐประหารและประกาศกฎอัยการศึกให้เข้าใจประชาชนที่เขาต้องออกมาคัดค้านการทำรัฐประหารว่า ไม่ใช่เรื่องเกลียดชังส่วนตัว แต่เป็นปัญหาหลักการของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ดังที่ท่านก็ทราบดีว่าวิธีการทหารไม่อาจแก้ปัญหาทางการเมืองได้จริง แต่อารยชนในสังคมโลกและสังคมไทยย่อมไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารยึดอำนาจประชาชน การจับกุมคุมขังประชาชน และต้องการให้คืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว
คืนวันที่ 27 พ.ค. ก็มีนายทหารมาพูดคุยแจ้งว่าให้เตรียมตัวกลับพรุ่งนี้เช้าเวลา 06.00 น. ขอให้ตื่นตั้งแต่ 04.30 น. โดยจะให้ทหารมาเรียกที่ประตูพร้อมทั้งมีกระเป๋าใบเบ้อเร่อฝากมาให้ เราก็บอกเขาว่าต้องรีบเอามานะเพราะกลับไปแล้วจะต้องมาทวงคืนแน่นอน ก็ได้ผลคือเขารีบเอามาให้หลังจากนั้นทันที คุณหมอหวายขนเสื้อผ้ากับยามาเพียบเลยโดยเฉพาะยากับหนังสือสองเล่ม คงเข้าใจว่าแม่ต้องอยู่นานกระมัง ก็เลยได้มีโอกาสใช้ครีมล้างหน้าเพราะก่อนหน้าแชมพูสระผมเพียงขวดเดียวใช้งานในทุกกรณี
ผู้เขียนตื่น 04.00 น. โดยไม่ต้องมีใครมาปลุก จากนั้นทหารมาเรียกให้ลงไปรอประมาณตีห้าเศษและใช้ผ้าปิดตา ต่อมามีนายทหารมาโวยวายและขอโทษเพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องปิดตาและออกมารอ
จากนั้นประมาณหกโมงเศษก็ถูกนำขึ้นรถตู้และปิดตามาจนถึงกทม. สังเกตว่าบ้านใกล้ ๆ ก็มีรถตู้มาจอดอยู่ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นบ้านที่ควบคุมตัวคุณวีระกานต์ จนมาถึงใกล้สนามบินสุวรรณภูมิเขาก็เปิดตา ถือว่าเข้าเขตกรุงเทพฯ แล้ว ก็ตรงมาที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เมื่อรถจอดจึงเห็นว่ามีรถตู้ตามกันมา 5 คัน ก็เข้าใจได้ว่าคงจะตามมาด้วยจตุพร ณัฐวุฒิ ก่อแก้ว ครบ 5 คนพอดี แล้วได้มาพบกันพร้อมหน้าในห้องประชุมเล็กเพื่อพูดคุยกันจนถึงบ่าย จากนั้นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ (มาก ๆ) ก็มาคุยแลกเปลี่ยนขอความเห็นใจในการทำรัฐประหารและขอความร่วมมือ
ผู้เขียนก็ได้แสดงความคิดเห็นดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นคือ คนที่ต่อต้านการทำรัฐประหารนั้นเป็นปัญหาหลักการของผู้รักประชาธิปไตยไม่ใช่ปัญหาส่วนตัว ขอให้หลีกเลี่ยงการจับกุมคุมขัง ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนพวกเราตกลงกันว่าให้คุณจตุพรเป็นผู้แถลงต่อหน้าสื่อเพียงคนเดียว และอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นกังวลสักเท่าไร เพราะมีสื่อของกองทัพเพียงสื่อเดียวเท่านั้น จากนั้นนพ.สลักธรรมก็มารับพ่อกับแม่กลับบ้าน
มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ได้แลกเปลี่ยนกันก่อนหน้านี้ได้ถามผู้เขียนว่าทำไมหน้าตาเฉย ๆ ไม่ยิ้มแย้มดีใจที่ได้กลับบ้าน ผู้เขียนกล่าวว่าจะยิ้มและดีใจได้อย่างไรเพราะยังมีคนที่ไม่ได้รับการปล่อยตัวอีกมาก!!!
เป็นอันว่าจบเรื่องไปตอนหนึ่ง ต้องถือโอกาสขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความเป็นห่วงปัญหาความปลอดภัยของแกนนำทุกท่าน แต่ว่าจริง ๆ เราเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนมากกว่า ดังนั้นความลำบากหรืออิสรภาพในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ไม่เท่ากับความห่วงใยซึ่งกันและกันของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกคน ขอบคุณและยังไม่รู้ว่าจะมีเรื่องทำนองนี้ให้เล่าในเวลาต่อไปอีกหรือเปล่า.
รักและห่วงใยพี่น้องทุกคน
ธิดา ถาวรเศรษฐ
13 มิ.ย. 57