PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2560

โพลสถาบันพระปกเกล้าเผย คนเชื่อมั่น‘ทักษิณ’มากกว่า‘บิ๊กตู่’ ประชาธิปัตย์ได้คะแนนนิยมต่ำสุด


สถาบันพระปกเกล้า นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เปิดเผยแบบสำรวจความคิดเห็นประชาชน ปี 2560 ในโอกาสครบรอบ 19 ปีสถาบันพระปกเกล้า โดยสำรวจเกี่ยวกับผู้นำรัฐบาล ส่วนราชการ ศาลและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยและพัฒนาของสถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) และสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยสุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ อายุ 18 ปีขึ้นไป รวม 33,420 คน เก็บข้อมูลวันที่ 24 เม.ย.-15 พ.ค.2560
ผลสำรวจแจกแจงความเชื่อถือของนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2545-2560 พบว่า นายกฯ ที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาคือ นายทักษิณ ชินวัตร ได้รับความนิยมถึง 92.9 % ในปี 2546 แต่ลดลงมาเหลือ 77.2 % ในปี 2549 ก่อนมีการรัฐประหาร ขณะที่นายกฯ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในลำดับถัดมาคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ 87.5 % ในปี 2558 ซึ่งเป็นหนึ่งปีหลังรัฐประหาร โดยความนิยมลดลงมาเล็กน้อยใน 2 ปีถัดมาที่ 84.6 % และ84.8 %

นายกฯที่ได้รับความนิยมต่ำสุดคือ นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 37.6 % ในปี 2551 ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2553 คือ 61.6% ตกลงมาเหลือ 51.2 %ในปี 2554 ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2555 คือ 69.9 % แต่ตกลงมาเหลือ 63.4 % ในปี 2556-2557 น่าสังเกตว่าความนิยมตกต่ำของนายกฯที่มาจากพลเรือนทั้ง 3 คน จะตกลงในช่วงที่มีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองสูงสุดของยุครัฐบาลนั้นๆ

ส่วนความเชื่อมั่นที่มีต่อทหาร อยู่ที่เฉลี่ย 77.98 % ในช่วง 15 ปี โดยมีความเชื่อมั่นต่ำสุดในปี 2550 สมัยพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ และความเชื่อมั่นสูงสุดในปี 2558 สมัยที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ
ความเชื่อมั่นต่อตำรวจ อยู่ที่เฉลี่ย 60.42 % โดยตกต่ำที่สุดในปี 2557 ช่วง คสช.ทำรัฐประหาร และสูงสุดในปี 2548 ช่วงที่นายทักษิณ เป็นนายกฯ
ผลสำรวจความเชื่อมั่นต่อบุคคลหรือคณะบุคคล พบว่า 5 อันดับแรก ประกอบด้วย แพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐ 86.4 % แพทย์ในโรงพยาบาลของเอกชน 85.6 % ทหาร 85.1 % พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ 84.8 % และ คสช. 82.3 % ขณะที่ความนิยมต่ำสุด 5 อันดับ ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ 36.8 % องค์กรพัฒนาเอกชน 38.3 % พรรคเพื่อไทย 39.4 % พรรคการเมืองโดยรวม 43.5 % และคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) 47.6 %
ทั้งนี้ ความพึงพอใจที่มีต่อนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันนั้น พบว่า 5 อันดับแรกได้แก่ การปกป้องเชิดชูพระมหากษัตริย์ 97.2 % เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ 92.4 % โครงการหลักสุขภาพถ้วนหน้า 92 % การแก้ปัญหาบุกรุกที่ดิน ป่าไม้ ทะเล 89.7 % และการควบคุมราคาสลากกินแบ่ง 89.4 % โดยจุดที่ประชาชนพึงพอใจน้อยที่สุด คือเรื่องปัญหาสินค้าอุปโภค บริโภคราคาแพง 43.9 % รองลงมาคือราคาพืชผลเกษตร 54 %
หน่วยงานองค์กรที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุด คือ ศาลยุติธรรม 83.6 % รองลงมาคือศาลรัฐธรรมนูญ 80.3 % ศาลปกครอง 80.2 % ผู้ตรวจการแผ่นดิน 71.8 % และ ป.ป.ช. 70.7 % ส่วนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ที่ได้รับความพึงใจต่ำสุด ก็ยังมีถึง 62.6 %

ประวิตร เปล่าบอกเลือกตั้งช้า

"บิ๊กป้อม" เปล่า บอกว่า เลือกตั้ง ช้า แต่ขึ้นกับ กม.ลูก ..เสร็จ เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น" ...ท่องคาถา "ยึด โรดแมพ"

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม  ยันยึดโรดแมพ เลือกตั้ง เป็นไปตามโรดแม็พ 

ส่วนที่ตนเอง ไม่มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดปี 61 นั้น มันก็แล้วแต่กฎหมายลูก 

"ผม ไม่ได้บอกว่า การเลือกตั้งจะช้า ถ้ากฎหมายลูกเสร็จ เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น"

คนพาหนีต้องรับผิดชอบ

"บิ๊กป้อม" ลั่น คนพา"ปู"หนี ต้องรับผิดชอบ เปรย เดี๋ยวถึงเวลา มันก็ออกมาเอง  ชี้ จะทำไงได้ "ปู"หนี เหมือน"ทักษิณ" ระบุ เราก็ดูแลเต็มที่แล้ว  แต่ก็เหมือนคนทั่วไป ที่หลบหนี ไป

จากกรณีที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ระบุถึง การเตรียมแจ้งความบุคคลที่พา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหลบหนี นั้น

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูลอะไร และตนเองก็ยังไม่ได้เจอ พล.ต.อ.ศรีวราห์ 

เมื่อถามว่ากรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีเหมือนกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ก็ทำไงได้ เราก็ดูแลเต็มที่แล้ว ก็เหมือนคนทั่วไป ที่ได้หลบหนีไป" 
      
เมื่อถามว่าผ่านมา 2 สัปดาห์ทราบที่กบดานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลย และยังไม่รู้ว่าใครพาหนี 

ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานข้อมูลไปแล้ว 190 กว่าประเทศ แต่ยังไม่มีข้อมูลกลับมา

เมื่อถามว่า หนักใจในการดำเนินการหรือไม่นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้หนักใจ 

"เดี๋ยวถึงเวลา มันก็ออกมาเอง และคนที่พาหนีก็ต้องรับผิดชอบ"

"บิ๊กตู่"ก้าวข้าม..."ทักษิณ" แล้ว !!!

"บิ๊กตู่"ก้าวข้าม..."ทักษิณ" แล้ว !!!
เผย ลืมชื่อนี้ ไปตั้งแต่วันแรก ที่เข้ามา ติงนักข่าว นั่นแหล่ะไม่ก้าวข้าม ถามทุกวัน....ยั้วะแทน "บิ๊กป๊อก" โดนถามเล่นงาน ฉะ ไม่เคยถามเรื่องที่เป็นประโยชน์ ไม่เคยถามผมไปประชุม มาเหนื่อยมั้ย
"นายกฯบิ๊กตู่" เมิน โพลล์ คะแนนนิยม"ทักษิณ" ในรอบ 15 ปี มาเป็นอันดับ 1 ที่ถูกมองว่า ยังไม่ก้าวข้าม "ทักษิณ ชินวัตร"
"เป็นเรื่องของพวกคุณ คุณไปถามใครกันมา"
"ผมก้าวพ้นไปนานแล้ว สื่อ พวกคุณหลายคน ก็ยังก้าวไม่พ้นอยู่ เสนอกันทุกวัน ก็เสนอกันไปซิ ก้าวไม่พ้นสักที ผมลืมไปแล้ว
เป็นเรื่องของกฎหมายก็ไปว่ากันมา เรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะต้องดำเนินการ
"การก้าวพ้น คือการสร้างการรับรู้ ที่มันทำให้ไม่พ้น เพราะฉะนั้นวิธีการที่จะก้าวให้พ้นคือ ลืมๆ ไป. แล้วให้กฎหมายเขาดำเนินการตามกระบวนการ
แต่ถ้ามัวคิดถึง แต่ตรงนั้น ไม่ต้องทำอะไร ประเทศไม่ต้องเดินหน้าไปไหน พวกคุณเข้าใจมั้ย ว่าความผิดมันยังมีอยู่ สื่อก็ช่วยกันบอกสิว่าความผิดนั้นยังมีอยู่
สำหรับผมก็ได้อธิบายให้ต่างประเทศเขารับทราบแบบนี้ว่า มีความผิดอย่างไร แต่จะผิดหรือถูกขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ถ้าหนีไปก่อนก็พิจารณาไม่ได้ คดีก็จะต้องติดค้างอยู่แบบนี้ เรื่องมีแค่นี้เอง
รัฐบาลไม่ได้ต้องการไปไล่ล่าใครทั้งสิ้น เรื่องนี้มันมีความผิดเกิดขึ้นมาก่อน ก่อนที่ผมจะเข้ามาด้วย"
เมื่อถามว่า แล้ววันนี้รัฐบาลก้าวข้ามชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "มีแต่พวกคุณนั้นแหละ ที่ไม่ก้าวข้าม ถามกันอยู่ทุกวัน
"เมื่อวานก็ไปสอบถาม รมว.มหาดไทย ถูกเล่นงานมาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้ยังมาถามผมอีก "
สำหรับผมก้าวข้ามทุกคน ที่เป็นความขัดแย้ง และผมไม่ได้ก้าวข้ามหัวเขานะ
ไม่ได้ไปดูถูก การก้าวข้ามของผมคือ การไม่นึกถึงเขา ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ เพราะไม่ได้ทำอย่างที่เขาพูด ขอให้สื่อคิดแบบผมบ้าง จะได้ตั้งคำถามที่เกิด
ประโยชน์มากกว่าเดิมหน่อย
"สื่อไม่เคยถามเลยว่า ผมไปประชุม BRICS ที่ประเทศจีนมานั้น เหนื่อยมั้ย เขายอมรับประเทศไทยแค่ไหน สื่อไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลย สื่อสนใจแต่เรื่องการก้าวข้าม หรือไม่ก้าวข้ามอยู่นั้นแหละ พวกคุณนั้นแหละที่ไม่ก้าวข้าม ไม่ใช่ผม ผมก้าวข้ามตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่แล้ว ก็ให้กลไกของกระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป นั้นคือวิธีการก้าวข้ามของผม ไม่ใช่การปล่อยปละละเลย ก็เพราะที่ผ่านมามันไม่ทำกัน เพราะมันไม่ก้าวข้ามปลุกประชาชนออกมาสู้กันอยู่นั้นแหละ แล้วสื่อจะไปปลุกกันขึ้นมาอีกหรือ ไปให้กำลังใจให้แต่ละฝ่ายออกมากัน ทะเลาะกันไปมาสุดท้ายก็รุมด่านายกฯ คนเดียว นี่คือวิธีการที่สื่อทำกันวันนี้ ขอให้เข้าใจกันบ้าง อย่ามาบอกว่าผมไม่รู้เรื่อง สร้างความขัดแย้ง อย่าคิดว่าผมไม่ได้ติดตามการทำงานของสื่อนะ ผมติดตามมาโดยตลอด เพียงแต่ไม่ได้ความสำคัญในบางเรื่อง แต่เรื่องดีๆ ผมก็สนใจ ส่วนเรื่องห่วยๆ ผมขี้เกียจอ่าน ไร้สาระ"
"ผมอยากรู้ว่าทำไมสื่อ ไม่เคยถามว่าเหนื่อยหรือไม่ ไปแล้วจะกลับมาหรือเปล่า ฉันไปเที่ยวไหนมาหรือเปล่า ฉันไปเที่ยวไหนมาหรือเปล่า แล้วไม่ต้องมาถามตอนนี้เพราะมันเลยเวลามาแล้ว กลับมาถึงก็โดนสื่อบี้ กลับไปเรื่องเดิมแล้วก็มาถามว่าผมก้าวข้ามไหม พวกคุณนั้นแหละที่ไม่ก้าวข้ามเอง" นายกฯ กล่าวอย่างมีอารมณ์

มีแต่ถาม "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"ทุกวัน ไม่ก้าวข้าม

เฮ้อ!! ..."บิ๊กตู่" ฉะนักข่าว เคยถาม ผมมั้ยว่า เหนื่อยมั้ย ไปประชุมมา ....มีแต่ถาม "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"ทุกวัน ไม่ก้าวข้าม
พลเอกประยุทธ์ กล่าวในช่วงหนึ่ง ในตอนท้ายของการให้สัมภาษณ์ ด้วยว่า นักข่าวไม่เคยถามเลยว่า ผมไปประชุม BRICS ที่ประเทศจีนมานั้น เหนื่อยมั้ย เขายอมรับประเทศไทยแค่ไหน
"สื่อไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลย สื่อสนใจแต่เรื่องการก้าวข้าม หรือไม่ก้าวข้ามอยู่นั้นแหละ 
พวกคุณนั้นแหละที่ไม่ก้าวข้าม ไม่ใช่ผม ผมก้าวข้ามตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่แล้ว ก็ให้กลไกของกระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป นั้นคือวิธีการก้าวข้ามของผม ไม่ใช่การปล่อยปละละเลย ก็เพราะที่ผ่านมามันไม่ทำกัน
เพราะมันไม่ก้าวข้ามปลุกประชาชนออกมาสู้กันอยู่นั้นแหละ แล้วสื่อจะไปปลุกกันขึ้นมาอีกหรือ ไปให้กำลังใจให้แต่ละฝ่ายออกมากัน ทะเลาะกันไปมา
สุดท้ายก็รุมด่านายกฯ คนเดียว นี่คือวิธีการที่สื่อทำกันวันนี้ ขอให้เข้าใจกันบ้าง อย่ามาบอกว่าผมไม่รู้เรื่อง สร้างความขัดแย้ง อย่าคิดว่าผมไม่ได้ติดตามการทำงานของสื่อนะ ผมติดตามมาโดยตลอด เพียงแต่ไม่ได้ความสำคัญในบางเรื่อง แต่เรื่องดีๆ ผมก็สนใจ ส่วนเรื่องห่วยๆ ผมขี้เกียจอ่าน ไร้สาระ"
"ผมอยากรู้ว่าทำไมสื่อ ไม่เคยถามว่าเหนื่อยหรือไม่ ไปแล้วจะกลับมาหรือเปล่า ฉันไปเที่ยวไหนมาหรือเปล่า ฉันไปเที่ยวไหนมาหรือเปล่า
แล้วไม่ต้องมาถามตอนนี้เพราะมันเลยเวลามาแล้ว กลับมาถึงก็โดนสื่อบี้ กลับไปเรื่องเดิม แล้วก็มาถามว่าผมก้าวข้ามไหม พวกคุณนั้นแหละที่ไม่ก้าวข้ามเอง" นายกฯ กล่าวอย่างมีอารมณ์

ก้าวข้าม"ทักษิณ"

ฉุน !! นักข่าว เล่นงาน "บิ๊กป๊อก" พี่เลิฟ ....ถาม เรื่อง"ปู"หนี -ทักษิณ ฉะ สื่อไม่ก้าวข้าม
พลเอกประยุทธ์ อารมณ์เสีย ถูกนักข่าวถามเรื่อง โพลล์ คะแนนนิยม"ทักษิณ"ยังที่1 และ การหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
"มีแต่พวกคุณนั้นแหละ ที่ไม่ก้าวข้าม ถามกันอยู่ทุกวัน
"เมื่อวานก็ไปสอบถาม รมว.มหาดไทย ถูกเล่นงานมาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้ยังมาถามผมอีก "
"ผมก้าวข้ามทุกคน ที่เป็นความขัดแย้ง และผมไม่ได้ก้าวข้ามหัวเขานะ ไม่ได้ไปดูถูก
การก้าวข้ามของผมคือ การไม่นึกถึงเขา ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ เพราะไม่ได้ทำอย่างที่เขาพูด ขอให้สื่อคิดแบบผมบ้าง จะได้ตั้งคำถามที่เกิดประโยชน์มากกว่าเดิมหน่อย"

'ซูเปอร์เพาเวอร์' เพื่อการพาหนี

นี่ยังละเมอหา "ยิ่งลักษณ์" กันไม่จบอีกหรือนี่?
ตอนเธออยู่........
ขยะแขยงกันเหมือนมูตร-คูถ ขับไล่ไสส่ง ประหนึ่งเป็นตัวกาลกิณีบ้าน-กาลกิณีเมือง ไม่เว้นแต่ละวัน
ครั้น "หายตัว-หายหัว" จากบ้านจากเมืองไป
แทนจะดีใจที่แผ่นดินสูงขึ้น กลับทำเหมือนโหยหาอาลัย ตื่นเช้าขึ้นมา เจอหน้าใคร ก็เอาแต่ถาม
ยิ่งลักษณ์อยู่ไหน...ใครพายิ่งลักษณ์หนี?
เหมือนทารกยังไม่หย่านม ซึ่งมันได้ประโยชน์อะไร ที่ต้องซักไซ้-เซ้าซี้ เหมือนอยากได้ของเหม็นกลับมาดอมดม
นี่ถ้าผมรู้ใครพาหนี จะขอปิดทองเลย ฐานที่มีจิตสาธารณะ ช่วยนำร่องขยะให้พ้นภาพ ทั้งรก-ทั้งเหม็นเมือง
ใครจะไปฆ่าแกงเธอ ทำไม่ได้แน่ และผมก็ไม่ยอม
สมมุติเอาไปติดคุก..........
ขัง ๘ ไม่แตกหรือ?
ตื่นเช้าขึ้นมา เธอเรียกหาคนพอกหน้ากลบหลุมอุกกาบาตให้ ในคุกมีบริการหรือ?
และวันๆ เจ้าหน้าที่ก็ไม่เป็นอันได้ทำอย่างอื่นแน่ แค่คอยหรี่เสียงตะโกนข้ามกำแพง ยิ่งลักษณ์สู้..สู้
กับจัดแถว-แจกบัตรคิวให้ "ปูแฟนคลับ" เข้ามอบกุหลาบแดง ก็หัวหมุน-ตาลายแล้ว
ฉะนั้น เธอจะหนีนอกหรือหลบใน ก็ปล่อยเธอไปตามสบายเถอะ คอยลุ้นวันที่ ๒๗ กันยาตามศาลนัดอีกที ค่อยว่ากัน
ตอนนี้ ถือว่าอยู่ในช่วง "ทดเวลาหนี"
เธอจะหนีชั่วคราว หรือหนีลับชั่วกัป-ชั่วกัลป์ การหนีของเธอ "เป็นคุณ" ประเทศสถานเดียว
ส่วนเรื่องคนพาหนีน่ะ ..........
ไม่ต้องไปพร่ำถามหาให้มากความหรอก เพราะเรื่องลักษณะนี้เป็นแนวทางสืบต่อกันมาแต่อดีต ถึงปัจจุบัน ยันอนาคต ของคนระดับนายกฯ
ไม่ใช่ยิ่งลักษณ์เป็นคนแรก เพียงแต่เงื่อนไข-เหตุผลการหนีของแต่ละอดีตนายกฯ มันต่างกันไปเท่านั้น
"พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี" ผู้ที่ทักษิณซื้อใจได้ด้วยรองเท้ากอล์ฟคู่เดียว ยังพูดเลย........
"ท่านยิ่งลักษณ์นายผม อยากหนีทำไมไม่บอก ผมจะพาหนีเอง"
เพราะรู้ๆ กันอยู่
การหนีออกนอกประเทศนั้น ถ้าไม่มีระดับซูเปอร์เพาเวอร์-ขี้โล้เพาเวอร์ เป็นคนนำ-คนพาละก็
หนีไม่ได้หรอก!
เรื่องยิ่งลักษณ์หนี คนที่ยืดอกพูดด้วยความรับผิดชอบแบบชายชาติทหารน่านับถือ ผมยกให้
"พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท" ผบ.ทบ.
นับแต่วันแรก ถึงนาทีนี้ ท่านไม่ปฏิเสธถึงความบกพร่อง และไม่ปฏิเสธประเด็น คนมีเพาเวอร์อยู่เบื้องหลังการหนี!
ประเทศไทย นับจาก ๒๔๗๕ ถึงปัจจุบัน มีนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ๒๙ คน
ใน ๒๙ นายกฯ มีถึง ๘ นายกฯ ถูกปฏิวัติ-รัฐประหาร แต่จับใครไม่ได้ซักคน
ซูเปอร์เพาเวอร์บ้าง ขี้โล้เพาเวอร์บ้าง พาหนีออกนอกประเทศไปทุกคน!?
ยกเว้นคนเดียวคือ "นายกฯ ชาติชาย ชุณหะวัณ"
ถูก "พลเอกสุนทร คงสมพงษ์" ผบ.สูงสุด นำคณะ รสช.ยึดอำนาจเมื่อ ๒๓ ก.พ.๓๔
จับพลเอกชาติชาย คาเครื่องบิน C 130...........
ขณะพา "พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก" ไปเชียงใหม่ เพื่อเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับตำแหน่ง รมช.กลาโหม
คุมตัวไว้แค่ ๑๕ วัน ก่อนปล่อยเป็นอิสระ
แต่ด้วยสปิริตการเมือง ท่านเดินทางไปอยู่อังกฤษเงียบๆ พักใหญ่ ด้วยไม่ต้องการอยู่ เพราะเกรงตัวเองจะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารของรัฐบาลใหม่
เมื่อทุกอย่างเข้าที่ ก็กลับเข้ามาเงียบๆ แบบไม่เป็นคลื่นกระแทกรัฐบาลใหม่!
กรณียิ่งลักษณ์ ไม่ต้องห่วงจะเป็นความลับดำมืดตลอดไป ว่าใครพาหนี
ถึงจังหวะ-ถึงเวลา "ชาตินี้-ชาติไหน" ระบอบทักษิณคืนอำนาจ พวกพาหนี จะกรูกันออกมาชูทั้งหน้า-ชูทั้งคอ
แย่งรับเหรียญ "Pedigree"!
มาย้อนเก่า-เล่าอดีต เป็นการศึกษาวัฒนธรรมการเมืองไทย ว่าด้วยเรื่อง "หนีคุก-หนีภัย" ของ ๘ อดีตนายกฯ ดับกระหาย "ยิ่งลักษณ์อยู่ไหน" กันดีกว่า
-"พระยามโนปกรณ์นิติธาดา"
ถูกพวกเดียวกัน คือ "พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา" หัวหน้าคณะราษฎร ยึดอำนาจ เมื่อ ๒๑ มิ.ย.๗๖
ก็ไม่จับไว้-ไม่ฆ่าแกง .........
ใส่รถไฟเนรเทศไปอยู่เกาะปีนัง และอยู่ที่นั่นจนตาย ทุกวันนี้ร่างของ "นายกฯ ประชาธิปไตย" คนแรกของไทย
ยังฝังอยู่ในสุสานที่ปีนัง!
-"ปรีดี พนมยงค์”
ถูกกดดัน จากกรณีสวรรคต ร.๘ ลาออก ให้ "พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์" ขึ้นเป็นนายกฯ แทน
๘ พ.ย.๙๐ "พลโทผิน ชุณหะวัณ" ทำรัฐประหาร ปรีดีหนีการจับกุม มีคนพาหนีออกนอกประเทศ ลี้ภัยอยู่สิงคโปร์ ๒ ปี ก่อนไปอยู่จีน กว่า ๒๐ ปี
พยายามกลับเข้ามายึดอำนาจคืน แต่ไม่สำเร็จ สุดท้าย ต้องไปอยู่ฝรั่งเศส จวบวาระสุดท้ายชีวิต "รัฐบุรุษอาวุโส"
-พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
จากรัฐประหาร ๘ พ.ย.๙๐ ขณะกำลังทหารบุกไปจับตัวที่บ้าน แต่มีการข่าวบอกให้รู้ตัว หนีไปได้ฉิวเฉียด
ก็มีคนพาหนีไปอยู่ฮ่องกง แต่ได้กลับมาตายในมาตุภูมิหลังจากนั้น
-"จอมพล ป. พิบูลสงคราม"
"จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ขุนพลข้างกาย ในฐานะ ผบ.ทบ.ด้วยประชาชนเรียกร้อง "ยึดอำนาจ" เมื่อ ๑๖ กันยายน ๒๕๐๐
ลูกน้องพาจอมพล ป.หนีการไล่ล่าเพื่อจับตัว จากกรุงเทพฯ ไปทางตราด เข้าเขมรทางเกาะกง
ก่อนไปลี้ภัยทางการเมืองต่อที่ญี่ปุ่น และจบชีวิตที่นั่น
-จอมพลถนอม กิตติขจร
จากเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๑๖ ต้องลาออกจากนายกฯ และไปขึ้นเครื่องบินที่ดอนเมือง หลบไปอยู่บอสตัน สหรัฐฯ
ก็อยู่ไม่ได้ คนไทยที่นั่นต่อต้าน ต้องไปปักหลักที่สิงคโปร์ แล้ว ๖ ตุลา ๑๙ อันเป็น "๑๔ ตุลา ภาค ๒" ก็เกิดขึ้น
เมื่อบวชเป็นสามเณรกลับเข้ามาไทย!
คนต่อมาคือ "พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ" ก็ตามที่เล่าไปแล้วข้างต้น
-ทักษิณ ชินวัตร
"พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน" ผบ.ทบ.ยึดอำนาจ ขณะตัวไปประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก เมื่อ ๑๙ กันยา ๔๙
เป็นอดีตนายกฯ คนแรก ที่อ้างคำว่า "ลี้ภัยทางการเมือง" เพื่อขออยู่ประเทศไหนไม่ได้
เนื่องจากไม่มีภัยทางการเมืองอะไร ที่ทำให้ทักษิณจะกลับไม่ได้ อีกทั้งไม่มีใครห้ามมิให้ทักษิณกลับ
เหตุที่ไม่กลับ เพราะ "ทักษิณไม่กลับเอง"!
ทักษิณไม่ต้องคดีทางการเมืองใดๆ..............
หากแต่ทักษิณ "ต้องคดีอาญา" ข้อหาทุจริต-คอร์รัปชัน ข้อหาใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ ข้อหาหนีคดี-หนีโทษคุก หลายคดี
นั่นคือ ทักษิณเป็นทั้งนักโทษหนีคุก เป็นทั้งผู้ต้องหาคดีอาญา เป็นทั้งผู้ต้องหาหนีประกัน จึงไม่ยอมกลับเข้ามา
สิ่งยืนยันว่าทักษิณกลับได้ แต่ไม่กลับเอง ก็ตอนปี ๕๑ เมื่อนอมินีอำนาจเป็นรัฐบาล ก็กลับเข้ามากราบแผ่นดิน
แต่พอรู้ว่า "คุก" แน่........
ก็อ้างศาลรับเชิญโอลิมปิกที่จีน แล้วฉวยโอกาสพาเมียหนีเตลิดแต่บัดนั้น ถึงบัดนี้!
รายนี้ หนีด้วยลำแข้งตัวเอง ไม่มีซูเปอร์ หรือขี้โล้เพาเวอร์ "นำทางหนี" เหมือนรายอื่นๆ ในจำนวน ๘ ราย
-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เป็นรายที่ ๘ บทบาทนายกฯ ของเธอห่วยมาก แต่บทบาท "หลอกลูกน้องไปศาล" เพื่อให้ตัวเองหนี "ถึงบท-ถึงบาท" เยี่ยมมาก
มีการดึงเอาพระมาเข้าฉากซะด้วย!
แต่จริงๆ แล้ว การหนีของยิ่งลักษณ์ คนละเงื่อนไขกับอดีตนายกฯ อื่นๆ ยกเว้น "ทักษิณ" คนเดียว หนีด้วยเงื่อนไขเดียวกัน
คืออดีตนายกฯ อื่น หนีในฐานะ "นักโทษการเมือง" ขอลี้ภัยได้
แต่ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ไม่ใช่นักโทษการเมือง หากแต่เป็นจำเลย-ผู้ต้องหา-นักโทษ "หนีคดีอาญา"
ที่เหมือนกัน ก็ตรงมีซูเปอร์เพาเวอร์ พาหนีเท่านั้น!
"นักโทษการเมือง" หนีแล้ว คลื่นลมสงบ อยากกลับ ก็กลับสบาย ไม่มีข้อหาทางคดีอาญาให้ต้อง "นับอายุความ" ตามกฎหมายใหม่
อย่างยิ่งลักษณ์-ทักษิณ นั่นตะหาก เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา
เมื่ออยากหนี ก็ "ปล่อยโซ่" ไปเลย...........
ให้ไปตายที่อื่น ถ้าอยากกลับมาตายรัง ก็ต้องมาเข้ากระบวนการศาล นับ ๑ "อายุความ" วันนั้น นั่นแหละ.

อย่ามั่นใจ

อย่ามั่นใจ

ถึงจะรู้ชะตากรรมล่วง หน้าว่าต้องโดนเซ็ตซีโร่ยกทีม

แต่ห้าเสือ กกต.ก็ยังเดิน หน้าเตรียมการเลือกตั้งครั้งใหม่สุดลิ่มทิ่มประตู

ล่าสุด ที่ประชุม กกต.ได้กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วประเทศครั้งใหม่ ใน “วันที่ 19 สิงหาคม 2561”

ปักธงล่วงหน้าไว้ 1 ปี เพื่อให้นับถอยหลังกันยาวๆ

“แม่ลูกจันทร์” ขอนำกรอบเวลาเตรียมการเลือกตั้งใหญ่ของ กกต.มาฉายเรียกน้ำย่อย ดังนี้คือ

เดือนมีนาคมปีหน้า กกต.จะประกาศระเบียบการเลือกตั้ง ส.ส.แบบ ใหม่ เลือกได้ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยใช้บัตรใบเดียว

เดือนเมษายน กกต.จะประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ ที่เปลี่ยน แปลงไปจากเขตเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

เดือนมิถุนายน กกต.จะเปิดรับสมัคร ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อทุกพรรค ทุกเขต ทั่วประเทศพร้อมกัน
และวันที่ 19 สิงหาคม 2561 จะเป็นวันที่คนไทยต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อกำหนดอนาคตการเมืองไทย
ปลายเดือนสิงหาคม กกต.จะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

หลังจากนั้น ใครจะจัดตั้งรัฐบาล? ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี? ไม่ใช่เรื่องของ กกต.อีกต่อไป

เพราะหน้าที่ กกต.คือจัดเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเดียว

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.ที่ กกต.วางล็อกไว้ให้เป็นวันที่ 19 สิงหาคม 2561

กกต.ไม่ได้คิดเองเออเองตาม อำเภอใจ แต่ยึดตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเป๊ะๆ ทุกขั้นตอน
โดยมาตรา 267 และมาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญฉบับ คสช.ขีด เส้นตายให้ สนช.ต้องคลอดกฎหมายลูก 4 ฉบับ ได้แก่ 1, พ.ร.บ.พรรคการ เมือง 2, พ.ร.บ.กกต. 3, พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และ 4, พ.ร.บ.ลากตั้ง ส.ว.ภายใน 8 เดือน หรือ 240 วัน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

จากนั้นให้จัดการเลือกตั้ง ส.ส.ให้เสร็จภายใน 5 เดือน หรือ 150 วัน

กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ จึงลงล็อกวันที่ 19 สิงหาคม 2561 ตามที่ กกต.ปักธงไว้ด้วยประการฉะนี้แล
อย่างไรก็ดี “แม่ลูกจันทร์” ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าการเลือกตั้งใหญ่จะเป็นวันที่ 19 สิงหาคมปีหน้า 100 เปอร์เซ็นต์

เพราะ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายเนติบริกร ออกมาแทงกั๊กว่ารัฐบาลยังไม่ยืนยันว่าการเลือกตั้งใหญ่จะเป็นวันใดแน่นอน

แม้ กกต.จะมีหน้าที่กำหนดวันเลือกตั้งก็จริง แต่การนำ พ.ร.บ.ลูกทั้ง 4 ฉบับ ขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล

อือม์...มันก็ถูกอย่างที่คุณพี่วิษณุชี้แจง

เพราะตราบใด ก.ม.ลูก 4 ฉบับยังไม่คลอดออกมาเป็นตัว วันเลือกตั้งใหม่ก็ยังกำหนดไม่ได้แน่นอน

อาจมีเหตุขัดข้องทางเทคนิค ทำให้ ก.ม.ลูก 4 ฉบับ ขัดลำกล้อง คลอดไม่ทันกำหนด 240 วัน??

หรืออาจมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนฉุกเฉินต้องเลื่อนการเลือกตั้งปุบปับฉับพลัน??

ข้อสำคัญเคยเลื่อนโรดแม็ปเลือก ตั้งมาแล้ว 2 ครั้ง 2 ครา ถ้าจำเป็นต้องเลื่อนการเลือกตั้งอีกครั้งก็ไม่น่าแปลกใจ

ของมันเลื่อนกันได้ อย่าคิดอะไรเลยคุณ.

“แม่ลูกจันทร์”

หนีแรงสะท้อนอำนาจ

หนีแรงสะท้อนอำนาจ

เกมอำนาจ “3 ก๊ก” ฉบับประเทศไทย ยิ่งใกล้ฉากจบโรดแม็ป ยิ่งสลับซับซ้อน

ตามท้องเรื่องมาถึงตอนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังเดินหน้าทวงแค้น

เอาคืนยุทธการ “เซ็ตซีโร่” ด้วยการเทกแอ็กชั่นจัดประชุมผู้อำนวยการเลือกตั้งทั่วประเทศ

ปล่อยไทม์ไลน์ จัดเลือกตั้ง ส.ส.ได้ในเดือนสิงหาคม 2561 และลากตั้ง ส.ว.ได้ในเดือนมิถุนายนปีหน้า
นัยว่ามัดคอกดดันกันในที ตามจังหวะล้อกับเสียงทักดักคอของคนยี่ห้อประชาธิปัตย์รีบดักทางถ้าไม่เป็นไปตามไทม์ไลน์ กกต.แสดงว่า รัฐบาลทหาร คสช.ส่อยื้อเลือกตั้ง

อีกทางหนึ่งก็เป็นนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ มืองานปรองดองของ คสช.ที่โยนทุ่น “เงื่อนไขพิเศษปรองดอง” โยงเรื่องของ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ล่องหน” หลบคำพิพากษาคดีจำนำข้าว เป็นดีลอำนาจเพื่อนำไปสู่การแตะมือกันหลังเลือกตั้งเป็นรัฐบาลแห่งชาติ

เรียกแขกให้ฝ่ายต้านยุทธการฮั้ว ตีปี๊บประจานเกมเกี้ยเซียะ

หรือการที่คนระดับ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาและกรรมการ ป.ป.ช.ออกมาชี้ช่องให้ญาติเหยื่อต่อสู้คดีสลายชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง นปช.เมื่อปี 2553

ที่ศาลฎีกายกฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ.

โยนบ่วงรัดคอ “อภิสิทธิ์–สุเทพ” ยังไม่รอดปลอดภัย ชะตากรรมยังป้วนเปี้ยนๆอยู่หน้าคุก แบบพวกที่มีส่วนทำให้บ้านเมืองวิกฤติจนเกือบรัฐล่มสลาย

นี่คือหมากเกมซ่อนเงื่อน ดักคอ ตีกัน กดดัน หวังผลได้ทั้งทุบฝ่ายตรงข้ามและล่อเป้าฝ่ายเดียวกัน
แกะรอยตามกันเหนื่อย เพราะโจทย์พันกันมั่วไปหมด

แต่ที่แน่ๆด้วยประการทั้งหมดทั้งปวง ณ เบื้องนี้ แรงกดทับตกไปอยู่ที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.

แบกหลังแอ่นหนักกว่าใครเพื่อน

และเหมือนทุกอย่างจะไหลย้อนกลับมาเข้าตัวหัวหน้า คสช.ทุกช็อต

ไม่ว่าจะปรากฏการณ์ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยเบื้องหลังมีการแฉเรื่องของผลประโยชน์นัวเนียกับ “บิ๊กสีกากี” ตามกระแสเกี่ยวโยงกับพลตำรวจเอก กับอีกหนึ่งพลตำรวจตรีที่มีบารมีมากกว่าพลตำรวจเอก มีเอี่ยวกับการไล่ทุบบริษัทเอกชนแล้วแกล้งเล่นบทมวยล้มต้มคนดู

แต่จุดสำคัญมันโยงคำสั่งตรงจาก “นายกฯลุงตู่” ในการจัดการขบวนการทัวร์ราคาถูกตามที่รับปากกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต่างก็เสียหายมหาศาลจากทัวร์ศูนย์เหรียญ

งานนี้คนหนีไม่พ้นความรับผิดชอบก็คือ “นายกฯลุงตู่”

สถานการณ์เดียวกับการใช้มาตรา 44 ปิดเหมืองทองคำใหญ่ในพื้นที่จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก ที่กำลังมีการกระพือกระแสเอกชนต่างชาติเดินหน้าฟ้องร้องค่าเสียหายนับหมื่นล้าน

ก็มีการมุ่งเป้าความรับผิดชอบไปที่ “นายกฯลุงตู่” ในฐานะผู้ออกคำสั่ง

หรือการยกเครื่องแรงงานต่างด้าวที่เป็นจุดทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก โจทย์ก็ย้อนมาที่ “นายกฯลุงตู่”
แม้แต่การจัดระเบียบฟู้ดสตรีทที่เป็นโครงการของกรุงเทพมหานครภายใต้การนำของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.ที่มีเสียงวิจารณ์ว่ากระทบชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนระดับล่าง โดยไร้มาตรการรองรับ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากสะดุด

กระแสก็พาลด่า “นายกฯลุงตู่” และรัฐบาล คสช.

นั่นก็คือแรงสะท้อนกลับของ “อำนาจพิเศษ” ที่กระแทกตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์

และนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ “นายกฯลุงตู่” น่าจะต้องเริ่มคิด

จากข้อเสนอที่หลายฝ่ายเรียกร้องมาเป็นระยะในการปรับ ครม.ลดโควตารัฐมนตรีท็อปบูต

ตามจังหวะเดินเข้าเหลี่ยมยุทธศาสตร์นำร่องสู่โหมดปรองดอง ถ้าจะมีการเปิดทางให้นักบริหารมืออาชีพจากทุกภาคส่วน รวมถึงนักการเมืองเข้ามาเสริมทีมบริหารของรัฐบาล

เพื่อปั่นเนื้องาน เข้าถึงชาวบ้าน ลดแรงเสียดทานมวลชนขั้วขัดแย้ง

ยกระดับความชอบธรรมของรัฐบาลเฉพาะกิจเพื่อการปฏิรูปใหญ่ประเทศ

โดยที่ยังไม่ต้องเลือกตั้งก็มี “รัฐบาลแห่งชาติ” ได้.

ทีมข่าวการเมือง