PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เปลว:บึ้มราชประสงค์



คนปลายซอย : เปลว สีเงิน
ก็....พูดอะไรไม่ออกครับ!
กับการก่อวินาศกรรมสี่แยกราชประสงค์ โดยนำระเบิดไปซุกไว้บริเวณศาลท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ เมื่อหัวค่ำวาน (๑๗ ส.ค.๕๘)
บ้านเมืองที่ประคบ-ประหงมมา ยังไม่ทันฟื้นไข้จากการเมืองและความขัดแย้งของคนในชาติในรอบ ๑๐ ปี
ก็ "ทุกข์ซ้ำ-กรรมซัดวิบัติเป็น" อีกเมื่อคืน..........!
เป็นย่านหัวใจเมือง มีผู้เสียชีวิตทันที ๑๕ ราย บาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่าร้อย ทั้งไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ไม่อยากพูดว่า บ้านเมืองดำดิ่งสู่ความมืดมิดอีกครั้ง!
แต่อยากพูดว่า......
ถ้าจับตัวการได้ ขอบารมีท่านท้าวมหาพรหมช่วยด้วยเถิด ขออย่าให้มัน...ผู้ลอบวางระเบิดรายนี้ "เป็นคนไทย" เลย
ทำใจไม่ได้ครับ.....
ถ้า "มันคนนั้น" เป็นคนไทย!
เมื่อทราบข่าว ผมไม่ตกใจเรื่องระเบิด แต่ตกใจ..เศร้าใจ..ผิดหวัง..รันทด..หดหู่ กับ "ใจคน" ที่มันทำได้อย่างนี้
สี่แยกราชประสงค์ ตรงศาลท่านท้าวมหาพรหม ทุกคนย่อมทราบ ช่วงเย็น ประมาณ ๑ ทุ่ม จนถึงประมาณ ๓ ทุ่ม ไม่เพียงผู้คนสัญจรไปมาหนาแน่น เพราะเป็นย่านธุรกิจการค้า และช็อปปิง
แต่ยังเนืองแน่นไปด้วยผู้มาสักการะท่านท้าวมหาพรหม รวมถึงนักท่องเที่ยวที่พักโรงแรมเอราวัณ และผู้มางานในโรงแรม
มันคนนั้น.....จงใจตั้งเวลาระเบิดในเวลานั้น!
ไม่ใช่แค่การก่อเหตุป่วนบ้าน-กวนเมือง หรือหวังสร้างภาพลบ มุ่งเป้าโค่นล้มรัฐบาล คสช.
แต่พฤติกรรมที่ก่อ ระบุบ่งชัดเจนสูงไปกว่านั้น ถึงขั้น...โค่นล้ม ทำลายล้างบ้านเมืองให้แตกหักกันไปเลย!
จงใจ มุ่งร้าย อำมหิต หวังใช้การฆ่าหมู่ ไม่เลือกเพศ เลือกวัย ไม่เลือกชาติ หวังให้คำว่า "แดนอันตราย" เกิดคู่กับคำว่า "ประเทศไทย"
เพราะไม่ใช่ระเบิดลูกเดียว แต่วางเป็นจุดๆ ถึง ๒-๓ ลูก กระทั่งตอม่อ "รถไฟฟ้า"
ก็ยังนำระเบิดไปซุก.....!
ลองคิดดูซิว่า ถ้าระเบิดทำงาน และขณะนั้น รถไฟฟ้าซึ่งอัดแน่นด้วยผู้โดยสารนับพันวิ่งมาพอดี
ภาพรถไฟฟ้าถูกระเบิดพร้อมผู้โดยสาร.......
มันจะเป็นภาพโหด-อำมหิต เป็นประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่ถูกกระทำขึ้นในเมืองไทยที่ "คนทั้งโลก" จะจำด้วยเข็ดขยาด จากปัจจุบัน ตราบประวัติศาสตร์ไปยาวนานขนาดไหน
จะโจษจันกันไปมิสิ้นสุด.........!
ณ กลางเมืองหลวง อันติดอันดับ ๑-๒ ของโลก ด้านความสวยงามและความเป็นสยามเมืองคนมากน้ำใจที่ใครๆ ก็อยากมาเที่ยว
แต่กลับเกิดเหตุที่ "คนทั้งโลก" เขาไม่ทำกัน และคนที่ทำนั้น อาจจาก "น้ำมือคนไทย" กันเองด้วยซ้ำ?
พระสยามเทวาธิราชยังทรงคุ้มครอง.........!
ระเบิดเพียงด้านล่าง ที่ตอม่อรถไฟฟ้าไม่ระเบิด ซึ่งแค่นี้ ความเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับโลก
ก็แทบจะดับวูบแล้ว!
ความรู้สึกของผู้คนที่สะท้อนจากเหตุการณ์นี้ ประเทศไทยเกิดภาพลบเป็นแดนมิคสัญญี
รัฐบาลทหารไม่สามารถควบคุมความสงบเรียบร้อยให้เป็นความมั่นใจที่จะมาเที่ยว หรืออยากมาคบค้าสมาคมกับประเทศที่ "เสี่ยง" ต่อสถานการณ์อันรัฐบาลให้ความคุ้มครองไม่ได้
กับสถานการณ์ที่ "มัน" จงใจสร้างขึ้น.........
ยังไม่ทันสิ้นเสียง-สิ้นควันระเบิดด้วยซ้ำ สื่อทุกแขนง โดยเฉพาะสื่อต่างชาติ โหมประโคม ละเลงภาพ "สยามยับเยิน" ทั้งตรงจริง-เกินจริง สู่สังคมโลกแทบจะวินาทีระเบิดนั้น
พร้อมบทวิเคราะห์สาเหตุ เช่น การชิงตำแหน่ง-ชิงอำนาจ ขัดแย้งการแต่งตั้ง-โยกย้าย ผบ.เหล่าทัพ ปรับ ครม.-ย้าย ครม. นายกฯ ประยุทธ์ไม่พอใจบิ๊กป้อม บิ๊กป้อมไม่พอใจนายกฯ ประยุทธ์
รวมถึงประเด็นว่า........
นี่คือ...คำตอบของคำว่า "รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ"
และนี่คือ คำตอบของคำว่า "คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ" อันเป็นอำนาจคุม "รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ"
แต่เชื่อเถอะ....
สื่อต่างชาติ ซึ่งเป็นสื่อสังกัดจักรวรรดินิยมอำนาจ จะไม่นำขบวนการระบอบทักษิณเข้าไปอยู่ในข่าวลักษณะผู้ไม่หวังดีต่อสถานการณ์บ้านเมือง!
คงห้ามใครไม่ให้ตระหนก-ตกใจ หรือหวาดกลัวไม่ได้
เพราะผมก็ยอมรับว่า การวินาศกรรมที่ราชประสงค์-ศาลท่านท้าวมหาพรหมครั้งนี้
ร้ายแรงเหนือคาดหมายว่า......
เมืองไทย...คนไทย จะทำกันได้ขนาดนี้!?
แต่ผมขอร้อง.....
อย่าตีโพย-ตีพาย และเที่ยวโทษกันวุ่นวายไปเลย เช่น โทษฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายข่าวกรอง ฝ่ายตำรวจ ฝ่ายทหาร และรัฐบาล คสช. โดยพลเอกประยุทธ์ ผู้นำบริหาร และพลเอกประวิตร ผู้กำกับ-ดูแลความมั่นคง!
ณ ขณะนี้.......
บ้านเมืองเรา ตกเป็นเป้า "ก่อการร้าย" แล้ว!
สิ่งแรกที่ต้องทำ เราทุกคนต้องมีสติ "ให้ใจ" รัฐบาลเขาไปทำหน้าที่เฉพาะหน้าก่อน
บ้านเมืองเป็นของเราทุกคน เจ็บนี้-ตายนี้ เราเจ็บ-เราตาย ด้วยความรู้สึกปวดร้าวเท่ากันทุกคน
ผนึกความรู้สึกมั่นคงต่อชาติ เทหัวใจรวมกันที่จะป้องกัน-ดูแลบ้านเมือง อย่าเกี่ยงเขา-เกี่ยงเรา อย่าสะใจ สมน้ำหน้าใคร
เพราะ ณ ยามนี้........
ประเทศชาติต้องการรัก-ผูกพัน-สามัคคี เป็นหนึ่งเดียว เพราะศัตรูชาติแท้จริง คือศัตรูคนเดียวกันของเราทั้งผอง
โซเชียล มีเดีย ทั้งหลาย โปรดใช้สติก่อนโพสต์-ก่อนแชร์ ว่าภาพนั้น เรื่องนั้น เมื่อโพสต์-แชร์ไปแล้ว เป็นการตอกย้ำซ้ำเติม ขยายบาดแผลและความเจ็บปวดให้ประเทศชาติของเราหรือเปล่า
เป็นการ "สาวไส้ให้กากิน" หรือเปล่า?
ถ้าทำแล้วเท่ากับช่วยกระพือความยับเยิน ทำลายบรรยากาศบ้านเมือง อย่าเลยครับ...อย่าโพสต์-อย่าแชร์เลย
เอาเท่าที่พอให้รู้ว่า...อะไรเกิดขึ้น ก็พอแล้ว!
ท่านท้าวมหาพรหมนี้ เมื่อประมาณตี ๑ ของวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๙ ท้ายรัฐบาลทักษิณ เคยมีคนที่สรุปว่า "เสียสติ" บุกเข้าไปทุบจนแหลกละเอียด และชายคนนั้น ก็ถูก "ทุบตาย" ไปพร้อมกับ "ความลับดำมืด" ของการมาทุบ ทุบเพราะอะไร ใครจ้างวานมาหรือไม่ จนถึงขณะนี้!
องค์ที่อยู่ปัจจุบัน เป็นองค์ที่ทักษิณให้กรมศิลปากรสร้างขึ้นใหม่ โดยนำเศษแตกหักองค์เก่าบรรจุไว้ข้างในด้วย
ทำพิธีอัญเชิญกลับมาประดิษฐานที่ "ศาลท่านท้าวมหาพรหม" ทุกวันนี้ เมื่อ ๒๑ พ.ค.๔๙
และตรงนี้ เป็นจุดที่ นปช.ยึดเป็นเวทีในเหตุการณ์จลาจลเผาบ้าน-เผาเมือง เมื่อพฤษภา ๕๓
ก็เมื่อคืน เป็นจุดคนร้าย ซึ่งยังไม่ทราบเชื้อชาติ-ศาสนา-กลุ่ม-แก๊งใด ได้ยึดเป็นจุดก่อวินาศกรรม เป็นการก่อการร้าย ที่....
เจ็บปวดหัวใจคนไทย...เกินกลั้น!
เป็นกำลังใจให้นายกฯ ประยุทธ์ ตำรวจ-ทหาร และพี่น้องประชาชนร่วมชาติทุกคน ทุกคนล้วนมีหน้าที่ ณ ตอนนี้ ใครมีหน้าที่ใด จงทำหน้าที่นั้น จงเป็นกำลังใจให้กันและกัน
อย่าเพิ่งพูดหรือทำอะไรให้เป็นที่บาดหมาง ขุ่นเคืองกันเลย เพื่อทุกคน-ทุกฝ่ายจะได้ "มีใจ" มุ่งมั่นกับภารกิจอันเป็นปัญหาชาติเฉพาะหน้า
ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บทั้งหมด รัฐบาลควรรีบประกาศ "รับภาระ" ทั้งหมด ญาติ-พี่น้อง ของเขาอยู่ที่ไหน ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ รัฐบาลควรรับภาระในการมา-การอยู่ ในการนี้ทั้งหมด
บาดแผลร่างกาย บาดแผลบ้านเมือง....ก็ทำไปตามขั้นตอน
แต่...บาดแผลใจ ของผู้เจ็บ ผู้ตาย และญาติ ต้องรักษาก่อนและสมานก่อนในทันทีครับ.

การก่อการร้ายบึ้มราชประสงค์ กับเกมการเมืองระดับโลกของมหาอำนาจ?



1.
มีความเกี่ยวข้องอะไรระหว่างการก่อการร้ายCharlie Hebdoที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส, การถล่มสถานกงสุลสหรัฐที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี, การระเบิดท่อน้ำมันที่มอสโคว ประเทศรัสเซีย, การระเบิดระดับน้องๆฮิโรชิมาที่เทียนจิน ประเทศจีน, และการวางระเบิดพระพรหมเอราวัณที่สี่แยกราชประสงค์ กลางกรุงเทพมหานคร?

ในวันที่5มกราคม2015 ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายFrancoise Hollandeออกรายการวิทยุพิเศษเรียกร้องให้สหภาพยุโรปยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามกับรัสเซีย หาทางยุติวิกฤติยูเครนและรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างอียูและรัสเซียที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ 

อีก2วันต่อมา คือวันที่7 มกราคม 2015 ผู้ก่อการร้ายมุสลิมโจมตี Charlie Hebdo สื่อนิยมยิวรายสัปดาห์ที่ออกแนวล้อเลียนนักการเมือง รวมทั้งศาสนาอิสลาม ทำให้มีผู้เสียชีวิต11คนและบาดเจ็บ11คน

รัฐบาลฝรั่งเศสจัดแคมเปญJe Suis Charlie เพื่อแสดงออกถึงความเข้มแข็งของฝรั่งเศส และประเทศต่างๆที่ไม่ยอมสยบต่อลัทธิการก่อการร้าย โดยมีผู้นำชาติต่างๆมาร่วมมากมาย นายโอแลงด์ต้องยอมเล่นละครไปตามบทไป

นั้นคือฉากหน้า หรือภาพที่เรามองเห็น

อีกด้านหนึ่งของเรื่องCharlie Hebdoคือการการกระทืบเบรคใส่ความริเริ่มของออลลองด์ที่จะขอฟื้นคืนดีกับรัสเซีย เพราะว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น นายโอแลงด์เงียบไปเลย ไม่พูดถึงความริเริ่มที่จะให้อียูฟื้นสัมพันธ์กับรัสเซียอย่างออกหน้าออกตาอีก 

เพราะว่าทั้ง สหรัฐ อิสราเอล อังกฤษและเยอรมันที่กำลังเล่นเกมการเมืองระหว่างประเทศไล่บี้รัสเซียอยู่ ไม่เอาด้วยกับข้อเสนอของโอแลงด์เพราะว่าอุตสาห์วางสนุ๊กรัสเซียด้วยการสร้างวิกฤติยูเครนมากับมือ นายโอแลงด์จะมาทำให้เสียแผนได้อย่างไร

ที่น่าตลกคือ หลังเหตุการณ์ Charlie Hebdo แทนที่โอแลงด์จะส่งเจ้าหน้าที่ทหารตามไล่ล่าแก๊งค์ผู้ก่อการร้าย แต่เขากลับประกาศว่าจะส่งทหารไปช่วยพันธมิตรตะวันตกรบกับพวกไอซิสในอิรักแทน
กลายเป็นหนังคนละม้วนไปเลย คนอิรักซวยไป

ฝรั่งเศสโดนสหรัฐต้อนซ้ายต้อนขวา ศาลสูงของสหรัฐปรับธนาคารBanque BNP Paribasถึง$9,000ล้านในข้อหาที่ไปทำธุรกรรมการเงินกับคิวบา อิหร่านที่สหรัฐแซงชั่น 

รัฐบาลฝรั่งเศสโดนสหรัฐบล๊อคไม่ให้ส่งมอบเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์Mistralให้รัสเซีย จำนวน2ลำมีมูลค่า1,200ล้านยูโร เพราะว่าอยู่ในระหว่างการแซงชั่น ทำให้ฝรั่งเศสเสียหายและเสียหน้าเป็นอย่างมากเพราะว่าต้องเสียค่าปรับให้รัสเซีย

โอแลงด์ยอมสยบต่อกลุ่มแองโกลอเมริกันและเยอรมันทุกอย่าง แต่ก็แอบไปคุยกับวลาดิเมียร์ ปูตินผู้นำรัสเซียว่าฉากหน้าทั้งสองประเทศอาจจะเป็นศัตรูกัน แต่ฉากหลังเป็นพันธมิตรกันนะ เพราะว่าฝรั่งเศสรู้ดีถึงศักยภาพทางทหารของรัสเซีย 

ฝรั่งเศสรบกับรัสเซีย มีแต่จะราบเรียบเป็นหน้ากลอง ในเมื่อฝรั่งเศสฉลาดขอเอาตัวรอด เล่นไพ่สองหน้า นาโต้จะขยับทางทหารเพื่อปิดล้อมรัสเซียได้ไม่ถนัดมือ

ดูตัวอย่างก็แล้วกันว่า ประเทศมหาอำนาจยิ่งใหญ่อย่างฝรั่งเศส ยังแทบเอาตัวเองไม่รอด แล้วไทยแลนด์สมันน้อยจะทานแรงบีบของมหาอำนาจโลกได้อย่างไร? เกมมหาอำนาจเขาเล่นกันแรงแบบพวกเจ้าพ่อ ไม่ได้เล่นขายขนมครกอย่างที่เราเข้าใจกัน
thanong
18/8/2015

ภัยก่อการร้ายสากล


Chanin Klayklung
สิ่งที่ผมขอระบายจากหัวใจในฐานะที่จบมาจากสถาบันทหาร
ผมอยากให้คนเสื้อแดงใช้สติคิดกรณีทหารสร้างการณ์ ขึ้นมาเอง หรือมีความขัดแย้งภายใน เพื่อต่ออายุ ในอำนาจการปกครองประเทศ เนื่องจากความไม่สงบ
ผมมั่นใจ ทหารต่อให้เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาขนาดไหน แต่ย่อมไม่มีทางฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีเหตุจูงใจหวังผลทางการเมืองขนาดนี้ หรือถ้าจะทำ ไม่ทำแบบนี้แน่นอน
มันต่างจากกรณีเสื้อแดง ที่ทหารชั้นผู้น้อย โดนปลุกปั่นว่าเสื้อแดงล้มเจ้า. ไม่เอาสถาบัน แบบนี้ทหารยิงไม่เลี้ยง
แต่กรณี ระเบิดที่ศาลพระพรหม. มันคือการต่อสู้และแสดงความหมายทางความเชื่อและการเมืองระดับโลก
เป้าหมายคือรูปเคารพ ชาวจีน และตอบโต้รัฐบาลไทย กรณีอุยกูร์
ประเทศจีน ระเบิดตายเกลื่อนมันยังปิดเรื่องเงียบได้ แต่ประเทศไทย มันสมประสงค์มากกว่า
และสุดท้ายในฐานะผู้ที่มีศรัทธาต่อ พระเจ้า ผมขอประณามผู้ที่กระทำเช่นนี้อีกครั้ง ว่าท่านขาดจากความเป็นมุสลิม
และขอให้ท่านนึกถึงท่านซาลาดิน เป็นตัวอย่าง ท่านคือสุภาพบุรุษ ในสงครามอย่างแท้จริง. อย่าได้อ้าง อัลเลาะห์(ซ.บ.) เพื่อฆ่าคนบริสุทธิ์อีกเลย
/////////////
ภัย ‪#‎ก่อการร้ายสากล‬ จะเข้ามาในประเทศไทยนั้น ได้รับการแจ้งเตือนจาก cia. &mi6 มานานแล้ว. เพราะเขามีข้อมูลที่เหนือกว่า. แต่รัฐบาลเผด็จการทหาร ประยุทธด้วยความที่ไปซบจีน ทำให้การเชื่อมโยงทางการข่าวของเราและอเมริกาลดน้อยลงไป
การระเบิดที่ศาลพระพรหมนั้น คือการมุ่งตอบโต้ทำลายความเชื่อในรูปเคารพ สิ่งศักดิ์สิทธ์ ที่มีกลุ่มชาวจีนและชาวไทยไปกราบไหว้จำนวนมาก นั่นคือจุดที่เขาต้องการสื่อออกมา
คนไทยยามนี้มีสงครามระดับโลก นั่นคือสงครามความเชื่อทางศาสนาเข้ามาพัวพัน เพียงเพราะความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนจากเศษเงิน
ที่รัฐบาลจีนโยนให้คณะรัฐบาลทหาร จากการ ที่แลกเปลี่ยนผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ คืนให้กับทางการจีน
‪#‎ความมั่นคงของชาติ‬. สั่นคลอนเพราะการกระทำของคนที่อ้างตนว่ารักชาติเหนือคนไทยคนอื่น
ขณะที่มีภัยเข้ามาแล้วยังไม่วายปัดความรับผิดชอบโยนความผิดให้กับผู้เห็นต่างทางการเมืองของตนเอง ทั้ง ๆที่ คณะเผด็จการนั่นแหละ ที่ ‪#‎เสือก‬ ‪#‎แส่หาเรื่อง‬ ‪#‎ชักศึกเข้าบ้าน‬ ด้วยตนเอง
และเศรษฐกิจไทยจะพังพินาศย่อยยับตามมา ‪#‎เจ๊ง‬
‪#‎บัดซบจริงๆ‬

ทหารเคยรับคำเตือนก่อนเกิดเหตุ?


กองบัญชาการทหารสูงสุด ได้รับข้อมูลกลุ่มขบวนการก่อวินาศกรรม ตั้งแต่แรกก่อเกิดเหตุอย่างน้อย 7 วัน ที่มีเป้าประสงค์จะก่อเหตุ ในงานสำคัญ แต่จนท.รัดกุมในการป้องกัน ยึดเนินสูงข่ม และวางกำลังอย่างแน่นหนา ปรับแผนรับมือเต็มที่
พันโทรัฐเขต รายงานเหตุนี้ให้ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนสนิทนายกฯทราบ ที่มีรายละเอียดทั้งบุคคลผู้ก่อการ การประชุม จุดเก็บอาวุธ ที่พักอาศัยของผู้ประสานงาน แต่ผู้บังคับบัญชาไม่เชื่อ คิดว่าเป็นเพียงข่าวโคมลอย พอคนร้ายทำงานในงานสำคัญมิได้จึงก่อเหตุที่ราชประสงค์ เพราะรับงาน เงินมาแล้วหลังระดมทุนไปก่อนหน้านี้
เหตุการณ์นี้ทำให้หวนคิดถึงในอดีตสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 มีนายทหารยศพันโทได้เตือน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ว่า สัมพันธมิตรจะบุกที่หาดนอร์มังดี แต่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ไม่เชื่อ เพราะจุดนั้น ลม ฝน คลื่น แรง สุดท้ายก็เกิดยุทธการเพิร์ส จนเป็นความพ่ายแพ้ของเยอร์มันในสงครามโลก สุดท้าย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ยิงตัวตายพร้อมเมียเก็บในห้องใต้ดินที่เยอรมัน
เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
18 สิงหาคม 2558

เสธน้ำเงิน: เผย..มือที่มองไม่เห็นต่างชาติ ส่งสัญญาณผ่านคนแดนไกลที่ฟินแลนด์ ?


เผย..มือที่มองไม่เห็นต่างชาติ ส่งสัญญาณผ่านคนแดนไกลที่ฟินแลนด์ สู่ระเบิดราชประสงค์ทำลายไทย
Cr:แฉ..ความลับ@เสธ นํ้าเงิน

คนที่ตามเพจนี้มาตลอดก็จะจำได้ว่า เคยวิเคราะห์เตือนมาเป็นระยะว่าช่วงหลังวันเกิดคนแดนไกล จนถึงก่อนกลางเดือนกันยายน 2558 มือที่มองไม่เห็นจ้าวลัทธิประชาธิปไตยต่างชาติ และอั้งยี่ มีแผนจะก่อการร้าย ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่มีทางสู้ เพราะสิ่งคล้ายคนพวกนี้ไม่ต้องการให้ประเทศไทยสงบ และปั่นป่วนทำลายการท่องเที่ยวไทยที่นักเที่ยวกำลังบูมสุดขีด

บางคนแถไม่เชื่ออีกโดยที่ไม่โผล่เขาทุยออกมาจากคอก ทุกรายงานทั้งไทยและต่างประเทศตรงกันว่าประเทศไทยคือชาติที่ต่างชาติอยากมามากที่สุดลำดับ 2 ของโลก และข้อมูลการเข้าเมืองของนักท่องเที่ยวปี 2558 นี้พุ่งสูงลิ่วมากกว่ายุคเลือกตั้งทุกสมัย เฉพาะคนจีนชาติเดียวครึ่งปีแรกก็ 8 ล้านคนเข้าไปแล้ว ชาติอื่นๆ รวมกันอีกมหาศาล

ค่ำวันที่ 17 ส.ค.58 เวลา 06.45 น. มีผู้หญิงพูดไทยชัดเจน ถือถุงสีฟ้า บรรจุระเบิด TNT แสวงเครื่องมีลูกเดียว 3 กิโล เป็นท่อแป๊บห่อด้วยผ้าสีขาวตั้งเวลาไว้ ทำทีเป็นจะมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาฝาก รปภ.ให้ถือถุงให้ แต่ รปภ.ไม่รับฝาก จึงวางถุงนี้ไว้บริเวณประตูทางเข้าด้านซ้าย ข้างรั้วหน้าศาลพระพรหม ใกล้แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ใต้สกายวอล์ค

ตรงจุดเกิดเหตุนั้นเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชาวจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ชอบมาสักการะพระพรหม จากนั้นอีกราว 15 นาที คือ ประมาณ 19.00 น. เกิดเหตุก่อวินาศกรรมระเบิดรุนแรงขึ้น เกิดหลุมลึก 20 ซม.รัศมีทำลายล้าง 100 เมตร ไฟลุกท่วมรถยนต์ เบื้องต้นมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วราว 18 ราย (มีคนจีน 3 รายชายหญิง และฟิลิปปินส์รวมอยู่ด้วย) ผู้บาดเจ็บกว่า 117 ราย (ตัวเลขยังไม่นิ่ง) รถยนต์และมอเตอร์ไซต์เสียหายกว่า 40 คัน

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าวัตถุระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยมีการค้นพบแผงวงจรระเบิดตกอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ 30 เมตร คนไทยขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต บาดเจ็บและญาติพี่น้องทั้งไทยและต่างชาติทุกคนมา ณ ที่นี้ ไม่ขอนำภาพผู้ตายที่ชัดเจน เห็นใบหน้า และไม่น่าดูมาเผยแพร่เพื่อให้เกียรติผู้ตาย แต่เพียงให้เห็นภาพความโหดร้ายของอั้งยี่ภาพรวมๆ ตามสถานการณ์โดยรอบตามจริงเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ค้นพบวัตถุต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 3 จุด คือ บริเวณตอม่อใต้สะพานเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ตรงข้ามศาลพระพรหมจุดเกิดเหตุ และบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเกษรพลาซ่า ซึ่งได้กันสื่อมวลชนและผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุให้ออกห่างจากจุดดังกล่าว พบเพียงถุงขยะเท่านั้น

ใครจำได้ไหมว่าแยกราชประสงค์สำคัญอย่างไร ?? “ เมื่อปี 2553 ที่นี่คือรัฐไทยใหม่ ที่แก๊งค์อั้งยี่แดง มาก่อเหตุเผาบ้านเผาเมือง จนราบเละเป็นหน้ากลอง เจ้าหน้าที่ตรวจยึดอาวุธจากบริเวณ ที่ชุมนุมของกลุ่มก่อการร้ายแดงมาโชว์ให้ทูต และสื่อมวลชนดู ซึ่งมีทั้งระเบิด เอ็ม 79 ,ระเบิดเอ็ม 67 ,ระเบิดขว้างเอ็ม 26
ระเบิดเพลิง ,ปืนอาก้า(เอเค 47) ,ปืนเอ็ม 16 ,ปืนคาร์บิน ,ปืนลูกซอง ,ปืนทราโว ,กระสุนปืนขนาดต่างๆ , ประทัดยักษ์ , ระเบิดปิงปอง ,ระเบิดเพลิง ,ระเบิดดินดำแสวงเครื่อง ,ประทัดยักษ์ ,ประทัดยักษ์แสวงเครื่อง(พันด้วยตะปู) , ดอกไม้เพลิง , ระเบิดแก๊สน้ำตา , ถังแก๊ส ,ถังน้ำมัน ,ถังสารเคมี , ถังดับเพลิงที่ประกอบเป็นระเบิดแล้ว , มีด ฯลฯ

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบรถยนต์ที่มี “สารก่อวัตถุระเบิด” ในบริเวณที่ชุมนุมของกลุ่มก่อการร้ายแดง จำนวน 4 จุด เช่น ที่สะพานชิดลม พบรถคอนเทนเนอร์ ที่ดัดแปลงอย่างสมบูรณ์พร้อมใช้เป็นคาร์บอมบ์ โดยกลุ่มก่อการร้ายแดงได้พยายามเผายางรถยนต์ เพราะหวังจุดชนวนระเบิด แต่ระเบิดเกิดไม่ทำงาน

ตู้คอนเทนเนอร์คันดังกล่าวยังได้ต่อกลไกที่สลับซับซ้อน หากทหารยกรถขึ้นระเบิดจะทำงานทันที ลักษณะคาร์บอมบ์ที่พบเป็นการประกอบคาร์บอมบ์ที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมา “..นี่คือความจริงในปี 2553 ที่บันทึกไว้ในหนังสือแฉ ความลับ เล่ม 2 แล้ว ที่ตรงนี้อั้งยี่แดงเคยก่อวินาศกรรมมาแล้ว พวกทุยแดงอย่ามาแถโลกสวยแก้ตัว กลับไปนอนกินหญ้าอัดเม็ดกับฟางแคปซูลในคอกทุยต่อไปดีกว่า
ตอนนี้ทหาร และตำรวจ เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ปิดการจราจรแยกราชประสงค์แล้ว บริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปตามที่เพจนี้วิเคราะห์เตือนมาล่วงหน้าหลายวันแล้ว ว่ามือที่มองไม่เห็นต่างชาติกำลังดำเนินการก่อวินาศกรรมหลายพื้นที่ทั่วโลก ซีเรีย อิรัก ยูเครน เยเมน เทียนจิน (จีน) รัสเซีย ฯลฯ


และส่งสัญญาณผ่านคนแดนไกลที่ฟินแลนด์ แต่ลงมือทำไม่ถนัดเมื่อวันที่ 16 ส.ค.58 เพราะการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด การฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ คือวิธีการกดดันให้มีเลือกตั้งของลัทธิประชาธิปไตย..”ย้ำว่านี่คือการกระทำของพวกคลั่งลัทธิเลือกตั้งประชาธิปไตย” พวกนี้ทนไม่ได้ที่เห็นภาพคนไทยในยุคอนุรักษ์นิยม สามัคคีมีความสุขกันมากมาย

ตามคำที่ว่า "ถ้าเขาไม่มีความสุข คนไทย และประเทศไทยก็ต้องไม่มีความสุขด้วย " คนชั่วทนไม่ได้ที่เห็นเมืองไทยสงบ ค่ำคืนนี้ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงแยกราชประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ลักษณะแบบนี้อาจมีวางดักไว้อีกแถวนั้น..ถ้าประชาชนเห็นสิ่งผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ให้จับตาสื่อยิวไซออนิสต์ใหญ่ๆ และสื่อแดงประโคมข่าวทำลายเศรษฐกิจไทยจนผิดปกติ

และขอให้ระวังการตกเป็นเหยื่อข่าวลือ เช่น ลือว่าจะปิดสถาบันการเงิน และโรงเรียน หรือสถานที่ราชการ ฯลฯ หากสื่อใดและใครส่งต่อลือมาแบบนี้แสดงว่าท่านตกเป็นเหยื่อปล่อยข่าวลือของมือที่มองไม่เห็น และอั้งยี่แล้ว เพราะพวกนี้ต้องการทำลายเศรษกิจไทยเป็นหลัก ความจริงคือรัฐไม่เคยมีคำสั่งใดๆ เรื่องนี้
พวกที่โลกสวยที่บอกไม่ให้แชร์ภาพสถานการณ์นั้น ก็ตกเป็นเหยื่ออั้งยี่อีก เพราะภาพหลักฐานจากมุมต่างๆ ที่ประชาชนโดยรอบถ่ายไว้ได้ในช่วงเวลานั้นที่ไม่ใช่ภาพผู้ตายโจ่งแจ้ง เมื่อปะติดปะต่อภาพสถานการณ์หลายๆ ภาพกัน ก็สามารถจะเชื่อมโยงกับหลักฐานกล้องวงจรปิดทางราชการได้ ภาพต่างๆ จากประชาชนในเหตุการณ์นี่แหละเบาะแสชั้นดีเลย

พวกไม่ให้แชร์ภาพสถานการณ์โดยรอบจากผู้เห็นเหตุการณ์นั่นแหละ คือ เหยื่อโลกสวยของอั้งยี่ ต้องมองหมากซ้อนหมากด้วย หากใครอยู่ที่นั่นก่อนและหลังการระเบิด หลายคนต้องมีหลักฐานชิ้นสำคัญในมือถือ หรือ ในกล้องถ่ายรูป ให้ตรวจดูรุปทุกรูป แล้วส่งมอบวีดิโอและภาพถ่ายไว้ให้กับทหาร ตำรวจ
ผู้ก่อการร้ายต้องถูกบันทึกไว้ในวีดิโอหรือภาพถ่ายแน่ๆ เพราะคนมักจะถ่ายรูปกันในบริเวณนั้น คงถึงคราวแผ่นดินไทยนี้ต้องล้างใหญ่ คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น ชายผู้ไม่ยิ้ม เดือดปุดสั่งการดูแลประชาชนและ “จัดการ” ให้ได้แล้ว พวกสวะของชาติอยู่ไปก็เปลืองอากาศหายใจ

"คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ"..ป็อบคอร์นคงได้ขายอีกแล้ว !!

@เสธ นํ้าเงิน2

(ย้อนอดีตข่าว)"ทักษิณ"ตะลึงหนุ่มโรคจิต ทุบพระพรหมพังทั้งองค์

"ทักษิณ"ตะลึงหนุ่มโรคจิต ทุบพระพรหมพังทั้งองค์ 

หนุ่มโรคประสาทพกค้อนบุกเข้าทุบพระพรหม แยกราชประสงค์เสียหายทั้งองค์ ชาวบ้านวิ่งไล่จับก่อนรุมประทัณฑ์ตายอนาถหน้าโรงแรมชื่อดัง ตำรวจเรียกพ่อค้าแม่ค้าเค้นสอบหากลุ่มสหบาทาพิฆาต ตั้งข้อหาร่วมกันทำร้าย "ทักษิณ" ตะลึง!!! ให้กระทรวงวัฒนธรรมดูแล


เหตุชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์หนุ่มโรคประสาทบุกใช้ค้อนทำลายองค์พระพรหม เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 21 มีนาคม โดยพ.ต.ต.ธนิต รตโนภาส สารวัตรเวร สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุมีชายถูกทำร้ายเสียชีวิตบริเวณหน้าประตูทางเข้าโรงแรมไฮแอทเอราวัณ ถ.เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับชาทราบจากนั้นเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแพทย์ รพ.จุฬาฯและเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ต่อมา พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.),พ.ต.อ.ธัชชัย หงษ์ทอง รองผบก.น.5,พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผกก.สน.ลุมพินี ,พ.ต.ท.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย สว.สส.เดินทางไปร่วมตรวจสอบด้วย 

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าทางเข้าโรงแรมไฮแอทเอราวัณ พบศพชายอายุประมาณ 30 ปี นุ่งกางเกงขายาวพับขา สวมเสื้อยืดสีขาวแขนสั้น สวมรองเท้าผ้าใบ นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนทางเท้า มีเลือดไหลออกจากปาก ตรวจสอบกระเป๋าสตางอยู่ในกระเป๋ากางเกง แต่ไม่มีเอสารระบุว่าเป็นใคร มีเพียงบัตรเอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ 1 ใบ และยาแก้อากาศ 1 กระปุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง ที่หน้าท้องมีเหรียญ 5 บาท 1 เหรียญและเหรียญบาท่จำนวน 3 เหรียญตกอยู่ที่หน้าท้อง และบริเวณหัวไหล่สักคำว่า"อามีน"และติดกันเขียนเป็นภาษาอาหรับ ที่ศรีษะมีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งยาวประมาณ 4 นิ้ว ที่คิ้วซ้ายแตก โหนกแก้มและบริเวณหลังมีรอยฟกช้ำจำนวนมาก ใกล้ศพพบค้อนตอกตะปูตกอยู่ 1 อัน 

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ชายคนดังกล่าวถูกชาวบ้านรุมทำร้ายจนเสียชีวิต เนื่องจากใช้ค้อนเข้าไปทุบทำลายได้รับความเสียหาย จึงเดินทางไปตรวจสอบบริเวณศาลท้าวมหาพรหมซึ่งอยู่ห่างจุดพบศพประมาณ 50 เมตร พบว่าบริเวณภายในรั้วมีเศษปูนแตกกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ และพบเศียรท้าวมหาพรหมตกอยู่ที่พื้นภายในรั้ว เจ้าหน้าที่โรงแรมไฮแอเอราวัณจึงได้เก็บและนำผ้าขาวขนาดใหญ่มาคลุมองค์ท้าวมหาพรหมเพื่อให้ประชาชนที่เลื่อมใสเกิดความสะเทือนใจ ส่วนองค์ท้าวมหาพรหมถูกทุบแตกเหลือเพียงหน้าตักและฐานเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงได้นำเชือกมากั้นรอบ ๆ นอกรั้วเพื่อไม่ประชาชนเข้าไปเนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปดู และหลายคนที่เดินทางไปสักการะเมื่อเห็นภาพดังกล่าวก็ถึงร้องไห้ 

จากการสอบสวนนางวันดี วิชัย อายุ 42 ปี แม่ค้าขายพวงมาลัยให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งขายพวงมาลัยบริเวณรั้วด้านนอกและเป็นจุดสักการะบูชา เห็นชายคนดังกล่าวยืนอยู่บนฐานท้าวมหาพรหม จากนั้นก็ล้วงเอาค้อนออกมากระเป๋าแล้วทุบไปที่องค์ท้าวมหาพรหมหลายครั้ง รู้สึกตกใจมาก จึงร้องตะโกนให้คนมาช่วย แต่บริเวณรอบ ๆ ศาลท้าวมหาพรหมไม่มีใครอยู่ หลังจากชายคนดังกล่าวทุบองค์ท้าวมหาพรหมได้รับความเสียหายแล้ว ก็รีบวิ่งลงมาแล้วปีนข้ามรั้วด้านข้างโรงแรมออกมา ขณะนั้นได้มีคนขับรถแท็กซี่ที่จอดอยู่หน้าโรงแรมวิ่งเข้ามาช่วย แต่ชายคนดังกล่าวได้คว้าค้อนขึ้นมาทำท่าจะทำร้ายและพยายามวิ่งหนี ระหว่างนั้นก็มีชาวบ้านประมาณ 4-5 คนวิ่งเข้ามาช่วยกันจับและรุมทำร้าย แต่ยังไม่เสียชีวิต แต่สาเหตุที่เสียชีวิตน่าจะเป็นเพราะถูกลงโทษในสิ่งที่เขาทำ 

"ฉันขายพวงมาลัยช่วงดึกจุดนี้ประมาณ 30 ปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นเหตุการณ์แปลก ๆ ชายคนนี้ก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ตอนที่เขาเข้าไปทุบนั้นทำเหมือนคนคลุ้มคลั่ง คิดว่าไม่น่าจะเป็นปกติ เพราะคนปกติไม่น่าจะทำอย่างนี้ ปกติช่วงดึก ๆ จนถึงเช้าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอยู่ แต่ก่อนเกิดเหตุไม่ทราบว่าไปไหน รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ท้าวมหาพรหมเป็นสิ่งที่คนไทยเคารพบูชา"นางวันดีกล่าว

นายสมยศ ศรีคำสุข อายุ 46 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ กล่าวว่า ปกติจะจอดรถแท็กซี่รอผู้โดยสารหน้าโรงแรม ขณะนั่งอยู่ในรถได้ยินเสียงผู้หญิงร้องช่วยด้วย ตอนแรกคิดว่า ผู้หญิงถูกคนร้ายวิ่งราวทรัพย์ แต่เมื่อเดินออกมาก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังปีนรั้วออกมา จึงจะวิ่งเข้าไปจับส่งตำรวจ แต่ถูกชายคนดังกล่าวใช้ค้อนจะทำร้ายจึงหลีกออกมา สักครู่ก็มีกลุ่มผู้ชายที่เห็นเหตุการณ์วิ่งเข้ามาช่วยกันจับ และเห็นอีกครั้งก็พบว่า ชายคนดังกล่าวล้มลงและถูกทำร้ายเสียชีวิต 

ต่อมา เวลา 03.00 น.ได้มีนายสายันต์ ภักดีผล อายุ 51 ปี เดินทางไปที่ สน.ลุมพินีพร้อมกับแสดงตัวว่า เป็นบิดาของชายที่เสียชีวิต โดยกล่าวว่า คนตายชื่อนายธนกร ภักดีผล อายุ 27 ปี และชื่อเดิมคือ"อามีน"ครอบครัวนับถือศาสนาอิสลาม เป็นโรคประสาท เริ่มมีอาการตั้งแต่อายุ 21 ปี หลังจากไปเกณฑ์ทหารแต่จับได้ใบดำ เมื่อกลับมาบ้านก็มีอาการเซื่องซึมและอารมณ์ร้าย จึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์ระบุว่าเป็นโรคเครียด ก็รักษาตลอดเวลาหลายโรงพยาบาล ล่าสุดก็ไปตรวจและรับยาที่โรงพยาบาลพระมงกุฏตามแพทย์ และยาส่วนใหญ่ก็เป็นยาแก้โรคเครียด 

"วันนี้ ผมไปทำงาน ส่วนลูกชายก็ไปหาเพื่อนที่รามคำแหงและนั่งรถแท็กซี่กลับมาถึงบ้านประมาณ 2 ทุ่มแล้วขึ้นไปนอนในห้อง ผมก็เอายาแก้แพ้และหวัดไปให้ แต่เขาตาขวางและเริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียวจะทำร้ายคนในบ้าน กระทั่งประมาณเที่ยงคืนได้เดินไปนอกบ้านแต่ไม่ทราบไปไหน ผมจึงโทรศัพท์แจ้ง 191 เรียกตำรวจตามหาเพราะกลัวไปก่อเหตุ แต่ตำรวจก็ไม่มา ส่วนผมรอลูกอยู่ที่บ้านฟังวิทยุ จส 100 กระทั่งได้ยินข่าวว่ามีคนใช้ค้อนทุบท้าวมหาพรหมและในตัวก็มียาแก้แพ้ รู้สึกเอะใจจึงเดินทางมาที่สน.จึงทราบว่าเป็นลูกชาย รู้สึกเสียใจที่ทำลายท้าวมหาพรหมซึ่งเป็นที่เคารพของคนไทย"นายสายันต์กล่าวและว่า ลูกชายคนนี้เรียนจบกศน.จากนั้นก็สมัครงามตามที่ต่าง ๆ แต่ทำได้ไม่นานก็ต้องออก เนื่องจากมีอาการเครียด และเมื่อมีปัญหาก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ที่ผ่านมาไม่เคยทำลายสิ่งของ 

ด้านพ.ต.อ.สุพิศาลเปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ชายคนดังกล่าวตั้งใจเข้าไปทำลายองค์ท้าวมหาพรหมและถูกชาวบ้านรุมทำร้ายเสียชีวิต แต่ยังไม่ทราบว่า เป็นใครบ้าง ขณะนี้ก็ได้เรียกพ่อค้าแม่ค้า 4 คน มาทำการปากคำแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำร้าย อย่างไรก็ตาม จะแจ้งความดำเนินคดีกับคนทำร้ายในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และวันนี้ (21 มี.ค.)จะประสานกับโรงแรมให้นำฉากมากั้นไว้เพื่อไม่ให้ผู้ที่เคารพต้องสะเทือนใจ 

ทั้งนี้ ศาลท้าวมหาพรหมของโรงแรมไฮแอทเอราวัณ ราชประสงค์ มีผู้เลื่อมใสศรัทธาพากันแวะเวียนไปกราบไหว้บูชา บนบานศาลกล่าวขอให้ช่วยเหลืออยู่เป็นประจำมิได้ขาด ถวายเครื่องสักการะบูชา เครื่องเซ่นเครื่องสังเวย พวงมาลัย ดอกไม้ ธูปเทียน ช้าง ม้า ผ้าแพรพรรณ ละคร ระบำ รำฟ้อน ฯลฯ ให้ช่วยประทานพร หรือเมื่อกระทำการใดๆ สำเร็จในสิ่งอันพึงปรารถนาแล้วจึงมาแก้สินบนตามที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้

ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตร รักษาการนายกรัฐมมนตรี ซึ่งปฎิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงราย เมื่อทราบข่าวช่วงเช้าวันนี้(21มี.ค.) มีสีหน้าที่อยู่ในอาการตกใจและไม่ได้แสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด

เพียงบอกว่าเรื่องการบูรณะ คงต้องให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงวัฒนธรรมเข้าไปดูแล
จาก นสพ คม ชัด ลึก

เผย 20 เหยื่อระเบิด! เป็นคนไทย 4 ต่างชาติ 14 อีก 2 ศพไม่สามารถระบุได้

ผบ.นิติเวชฯ เผย 20 ศพ เหยื่อระเบิดราชประสงค์ เท่าที่พิสูจน์ได้เป็นคนไทย 4 ราย ชาย 2 หญิง 2 ต่างชาติเป็นชาย 4 ราย หญิง 10 ราย ส่วนอีก 2 รายไม่ทราบเพศเพราะพบชิ้นส่วนเพียงลำตัวส่วนบน 1 ศพ และกะโหลกศีรษะ 1 ศพ...


เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 58 ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีศพผู้เสียชีวิตอยู่ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ทั้งสิ้น 17 ราย ที่ รพ.จุฬาฯ จำนวน 3 ราย โดยทั้ง 20 ราย สามารถพิสูจน์ว่าเป็นคนไทยได้ 4 ราย แบ่งเป็นชาย 2 ศพ และหญิง 2 ศพ นอกนั้น เป็นศพชาวต่างชาติที่สามารถระบุเป็นเพศชายได้ 4 ราย และเพศหญิง 10 ราย ส่วนอีก 2 รายไม่ทราบเพศ เนื่องจากพบเพียงชิ้นส่วนอวัยวะลำตัวส่วนบน 1 ศพ และกะโหลกศีรษะ 1 ศพ
พล.ต.ต.นพ.พรชัย กล่าวว่า ขณะนี้ทางนิติเวชได้ระดมแพทย์นิติเวชทั้งหมดมาทำการตรวจสอบศพของผู้เสียชีวิต ซึ่งจะเร่งตรวจพิสูจน์ทราบสาเหตุการเสียชีวิต โดยคาดว่าจะเสร็จภายในวันนี้
"หากการตรวจเสร็จสิ้นก็สามารถส่งศพให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาได้ทันที ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้สามารถเข้ามาติดต่อรับศพได้โดยให้นำข้อมูล อาทิ ประวัติการทำฟัน รูปร่างลักษณะการแต่งกายในวันเกิดเหตุ เข้ามายื่นเพื่อยืนยันตัวบุคคล ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ส่วนใหญ่เกิดจากแรงอัดของระเบิด" พล.ต.ต.นพ.พรชัย กล่าว

"ไปป์บอมบ์"บึ้มท่าเรือสาทร "สมยศ"เชื่อคนร้ายกลุ่มเดียวกับ"ราชประสงค์"เป็นคนไทยทำกันเอง

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
18 สิงหาคม 2558 18:24 น

ตรวจสอบเหตุระเบิดโป๊ะท่าเรือสาทร เป็น"ไปป์บอมบ์"คล้ายระเบิดแยกราชประสงค์ เจ้าหน้าที่นำกระสอบทรายกั้นเร่งสูบน้ำออกหาหลักฐานเพิ่ม พร้อมเร่งตรวจภาพวงจรปิด ด้าน ผบ.ตร.ตรวจที่เกิดเหตุระบุคนร้ายจุดไฟไปป์บอมบ์แล้วโยนใส่ เป็นกลุ่มเดียวกับที่ราชประสงค์แน่นอน เชื่อเป็นขบวนการ คนไทยทำกันเอง
วันนี้(18 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ภิรมย์เอี่ยม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ยานนาวา ได้รับแจ้งเหตุระเบิดภายในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ใกล้เคียงสถานีบีทีเอสสะพานตากสิน ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทรัพย์ลออ ผกก.สน.ยานนาวา พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น. พ.ต.ท.สัญชัย มาตร์คำจันทร์ รอง ผกก.สส.สน.ยานนาวา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สุนัขตำรวจ และ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตยานนาวา
      
       ที่เกิดเหตุอยู่ห่างบันไดทางขึ้นลงสถานีบีทีเอสสะพานตากสิน ประมาณ 50 เมตรใกล้โป๊ะท่าเรือสาทร พบสะเก็ดระเบิดเป็นลูกเหล็กทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มิลลิเมตร กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นราวๆ 20 ชิ้น จึงกั้นพื้นที่พร้อมกันผู้ไว้มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากจุดเกิดเหตุก่อนเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
      
       จากการสอบสวน นางรติษา เอี่ยมละออ อายุ 36 ปี แม่ค้าเสื้อผ้าบริเวณนั้นให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.กำลังขายของอยู่ตรงใกล้จุดเกิดเหตุห่างออกมาราว 30 เมตร ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อ 1 ครั้ง ดังมาจากในน้ำตรงโป๊ะท่าเรือสาทร เมื่อหันไปดูพบน้ำกระจายขึ้นมาสาดสิ่งปลูกสร้างและนักท่องเที่ยวจนตัวเปียกไปหลายราย ตนจึงรีบวิ่งหนีตายออกมาทางถนนเจริญกรุงเพื่อตั้งหลักพร้อมกับชาวบ้านหลายคน พอตั้งสติได้ก็รีบโทรศัพท์แจ้งที่เบอร์ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่เหตุการณ์นี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
      
       มีรายงานว่า สำหรับแนวทางการติดตามหาตัวคนร้ายในคดีนี้นั้นพบว่า หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานฝ่ายทหารที่ดูแลพื้นที่และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรบริเวณสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ฝั่งมุ่งหน้าแยกวิทยุ และกล้องวงจรปิดบนสถานีบีทีเอสสะพานตากสิน ร่วมกัน เบื้องต้นพบภาพน้ำกระจายจากแรงระเบิดเมื่อเวลา 12.59 น. แต่ยังไม่พบภาพคนร้ายที่โยนวัตถุระเบิดจากสะพานสู่แม่น้ำเจ้าพระยาคาดว่าต้องใช้เวลาไล่กล้องวงจรปิดอีกสักระยะ อย่างไรก็ตามขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ประสานเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำเพื่อช่วยงมหาหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณใต้โป๊ะท่าเรือสาทรแล้วเพื่อนำมาระบุชนิดระเบิดและเป็นเบาะแสติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีแล้ว
      
       พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เมื่อเวลา 13.20 น.ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายโยนระเบิดจากสะพานตากสิน (ขาเข้า) คาดว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิดไปป์บอม ซึ่งพบสะเก็ดระเบิดเป็นลูกปืนรถ จยย.ขนาดประมาณ 6 มิลลิเมตร และยังพบตัวจุดถ่วงเวลาซึ่งกระเด็นไปตกอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยระเบิดดังกล่าวตกลงไปในน้ำ ทำให้น้ำเป็นกำแพงเขื่อนช่วยรับแรงระเบิดไว้ จากเหตุครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเกิดเหตุที่มีคนสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย ซึ่งปกติบริเวณนี้ในช่วงเช้า หรือช่วงเย็นจะมีผู้คนเป็นเป็นชาวไทยและชาวต่างชาติใช้บริการจุดนี้สัญจรผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นบริเวณท่าเรือสาทร ที่เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีตากสิน โดยจุดเกิดเหตุพบสะเก็ดระเบิดเป็นชิ้นส่วนท่อแป๊บเหล็ก และลูกปลายขนาดเล็ก ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมากั้น และนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออก เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยระเบิดที่เกิดขึ้นวันนี้มีลักษณะคล้ายกับระเบิดที่เกิดเหตุบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวานนี้ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุเมื่อวานหรือไม่ โดยต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบหลักฐานจากที่เกิดเหตุ รวมทั้งนำหลักฐานของทั้ง 2 คดี มาทำการเปรียบเทียบกัน ว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงหรือไม่
      
       พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มใด ซึ่งกรณีมีการแชร์ภาพในโลกโซเชียลมีเดีย ว่ามีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้นั้น ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการควบคุมผู้ต้องสงสัยได้แต่อย่างใด ซึ่งหาทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้นั้น จะมีการแจ้งให้สื่อมวลชน และประชาชนทราบอย่างแน่นอน สำหรับมาตรการให้การดูแลความปลอดภัยของประชาชนนั้น ขณะนี้ได้มีมาตรการในการตรวจเข้มมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบมาช่วยเฝ้าระวังด้วย อย่างไรก็ตามหากประชาชนท่านใดมีภาพในที่เกิดเหตุบริเวณแยกราชประสงค์ตั้งแต่เวลา 18.40 น.-18.55 น. หรือภาพผู้ต้องสงสัยที่เป็นชายสวมเสื้อสีเหลืองนั้น สามารถแจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หมายเลข 191 หรือสายด่วน 1599 ได้ตลอดเวลา
      
       เบื้องต้นหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ และละแวกใกล้เคียงเพื่อติดตามหาผู้ลงมือก่อเหตุครั้งนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
      
       จากนั้นเมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
      
       พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ไม่ใช่กลุ่มก่อการร้ายแน่นอน แต่ก่อเหตุหวังเอาชีวิต ก่อให้เกิดความวุ่นวายในการบริหารประเทศของรัฐบาล คนที่ทำไม่ปรารถนาดี ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นไปป์บอมแบบจุดไฟ คนร้ายใช้จุดไฟแล้วโยนลงมา ถือเป็นระเบิดลักษณะใกล้เคียงกับระเบิดที่แยกราชประสงค์เมื่อวาน แต่วันนี้เกิดเหตุในที่โล่งแจ้ง แรงอัดแรงดันต่างกัน สันนิษฐานว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุเมื่อวาน ขณะนี้ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาล เป็นปัญหาของประเทศชาติแล้ว เพราะหากเกิดปัญหาเช่นนี้บ่อยๆ จะส่งผลกระทบต่อเศรษกิจไทยแน่นอน นักท่องเที่ยวจะไม่มั่นใจในการเดินทางเข้ามา หากพบผู้ต้องสงสัยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา ส่วนภาพผู้ต้องสงสัยเมื่อวานที่ได้มีการเผยแพร่ไปนั้น หากผู้ใดพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะใกล้เคียงก็สามารถแจ้งได้ แต่ตนเชื่อว่าคนร้ายจะต้องมีการปลอมตัวแน่นอน เหตุวันนี้เชื่อว่าไม่ได้มีคนร้ายคนเดียวต้องทำกันเป็นขบวนการ ต้องมีคนขับจักรยานยนต์มีคนซ้อนเป็นผู้โยนลงมา คนในประเทศไทยทำกันเอง
      
       "หลังเกิดเหตุดังกล่าวท่านนายกรัฐมนตรีและท่านรองนายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีการสนธิกำลังของตำรวจทหารทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยสร้างความมั่นใจให้ประชาชน ในเรื่องของการข่าวนั้นเรามีการข่าวมีข้อมูล แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ขอให้เป็นความลับของเจ้าหน้าที่ด้วย" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
      
       พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. กล่าวว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดไปป์บอม ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่เกิดเหตุที่บริเวณแยกราชประสงค์ มีรัศมีการทำลายล้าง 35-50 เมตร ให้สายชนวนในการถ่วงเวลาการระเบิด ซึ่งระเบิดที่คนร้ายโยนลงมาจากสะพานตากสิน (ฝั่งขาเข้า) ใช้การจุดชนวนด้วยมือแล้วโยนลงมาจากสะพาน ก่อนตกลงไประเบิดในน้ำ ซึ่งหากคนร้ายจุดระเบิดโยนลงมาจากสะพานตากสิน(ฝั่งขาออก) ระเบิดอาจะตกลงมาบริเวณท่าเรือข้ามฟาก ซึ่งอาจทำให้มีผู้บาดเจ็บก็เป็นได้ สำหรับระเบิดชนิดทีเอ็นที กับระเบิดไปป์บอมบ์ มีลักษณะที่เหมือนกัน เนื่องจากคนร้ายได้นำระเบิดชนิดทีเอ็นทีอัดใส่ท่อเหล็กพร้อมกับลูกปราย เพื่อเพิ่มอัตราทำลาย ซึ่งหลังจากนี้จะนำหลักฐานที่ได้จากที่เกิดเหตุสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
       
       

       
       
       
       

การก่อการร้ายเป็นกลไกหนึ่งของสงครามหรือความขัดแย้ง


Vachara Riddhagni 

( 1 ) การก่อการร้ายเป็นกลไกหนึ่งของสงครามหรือความขัดแย้ง ซึ่งมีมาช้านานแล้ว แต่นักประวัติศาสตร์กำหนดให้การก่อการร้ายสมัยใหม่ เกิดขึ้นในยุคปฏิวัติฝรั่งเศส 1792 โดย แมกซิมิเลียน โรเบสแปร์- Maximilien Spespierre ฉายาว่า "คนตรงที่ซื้อไม่ได้" Incorruptible " หัวหน้ากลุ่มโจโกแบง-Jocobin กลุ่มนิยมความหฤโหด ในการปกครองและขจัดศัตรูทางการเมือง

แมกซิมิเลียน โรเบสแปร์ สังหารผู้ที่ขัดขวางการปฏิวัติและแนวร่วมขุนนางและกลุ่มกษัตริย์หรือผู้สนับสนุน นับเป็น หมื่นๆศพในห้วง 1ปี ระหว่าง 1793-1794 เขากล่าวไว้ว่า "ความหฤโหดไม่ได้ต่างไปจาก ความยุติธรรม การปฏิบัติการแบบทันทีทันควัน ความเด็ดขาด และเถรตรง"

การก่อการร้ายแยกเป็น 3 ประเภทหลักๆ การก่อการร้ายเพื่อผลทางการเมือง การกอ่การร้ายเพื่ออาชญากรรมและก่อการร้ายเพราะความบ้าคลั่ง

แต่แท้จริงแล้วมีสาเหตุมากมายและหลายตำราหรือหลายสำนักแยกสาเหตุแตกต่างกันออกไปตามแต่ธรรมชาติของการก่อการร้ายในแต่ละสมรภูมิก่อการร้าย

แต่ที่เห็นเป็นประจักษ์สาเหตุการก่อการร้ายในหลายสนามรบหรือธรรมชาติของความขัดแย้ง คือ การสูญเสียอำนาจการเมืองของคนกลุ่มหนึ่ง-Political Grievance ซึ่งหมายถึง การสูญสิ้นอำนาจรัฐอย่างสิ้นเชิง หรือถูกอำนาจรัฐกดดันหรืออำนาจรัฐต่อต้านหรือทำลายอำนาจกลุ่มที่ที่มีสถานะขัดแย้งทารงการเมือง
การสูญเสียอำนาจการเมืองนั้นมีขอบเขตตั้งแต่เกิดขึ้นภายในสังคมประเทศตนเอง และขยายความเข้มข้นจนถึงขั้นการก่อการร้ายสากล เพราะว่ามีอำนาจการเมืองภายนอกมากดดันโดยตรงหรือกดดันร่วม เช่นกรณี ISIS

นิยามการเมือง มีขอบเขตกว้าง เพราะเป็นทั้งระบบการเมือง ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเงิน ความสัมพันธ์ต่างประเทศ สังคมจิตวิทยา วัฒนธรรมและศาสนาเป็นต้น เช่นในตะวันออกกลาง แต่ในการสูญเสียอำนาจการเมืองภายในประเทศนั้นๆทำให้กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่หมดหนทางควบคุมและถูกอำนาจรัฐขจัดอำนาจออกไปอย่างสิ้นเชิง เช่นพวกกลุ่มค้ายาเสพติดในอเมริกาใต้

การก่อการร้ายเป็นยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่จะต่อสู้กับอำนาจรัฐนั้นได้เพราะว่าการก่อการร้ายลงทุนน้อยมาก หาโอกาสลอบทำร้ายได้ง่ายมากและกระทำได้ตลอดเวลา อาวุธราคาถูก ไม่มีเทคโนโลยี่ซับซ้อนและอุปกรณ์หาได้ง่าย เช่นระเบิดแสวงเครื่อง(คนทำสามารถแสวงหาสิ่งอุปกรณ์มาประกอบได้ง่าย)

แต่การก่อการร้ายได้ผลทางจิตวิทยาและสร้างผลกระทบได้มากในเรื่องของขวัญของชนในชาติในสังคมเพราะการก่อการร้ายกระทำต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ไร้การป้องกันตัว

เงินลึกลับ 2 หมื่นล้านในบัญชีนายกฯ กับปฏิวัติซ้อนในมาเลเซีย

เงินลึกลับ 2 หมื่นล้านในบัญชีนายกฯ กับปฏิวัติซ้อนในมาเลเซีย

เขียนวันที่
วันอังคาร ที่ 18 สิงหาคม 2558 เวลา 10:49 น


580818 kuala lumpur edit
ระเบิดลงที่ปุตราจายา
เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซียสั่นสะเทือนประหนึ่งระเบิดลง เมื่อจู่ๆ หนังสือพิมพ์ดิวอลสตรีทเจอร์นัลของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า ในเดือนมีนาคม 2556 ก่อนการยุบสภาฯและการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน มีมือลึกลับโอนเงินจำนวนมหาศาลประมาณเกือบ 23,800 ล้านบาท (700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)เข้าในบัญชีส่วนตัวของนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรี
เงินก้อนนี้เงินมาจากบริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลชื่อว่า 1Malaysia Development Berhad ที่รู้จักกันในนาม “วันเอ็มดีบี” (1MDB)
1MDB เป็นบริษัทของรัฐภายใต้กระทรวงการคลัง ซึ่งนายนาจิบนั่นแท่นเป็นรัฐมนตรีว่าการฯควบตำแหน่งนายกฯมาตลอด
ดิวอลสตรีทเจอร์นัลอ้างว่าข้อมูลที่ได้รับ มาจากเอกสารการสอบสวนของคณะทำงานเฉพาะกิจของรัฐบาล ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบกรณีความไม่ชอบมาพากลของการบริหารเงินของ 1MDB ที่อยู่ในสภาพเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวรวมๆแล้วราว374,000 ล้านบาท (1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนดังกล่าวประกอบด้วยหน่วยงานหลักคือ ธนาคารแห่งชาติมาเลเซีย คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งมาเลเซีย และสำนักงานอัยการสูงสุด 
เอกสารการสืบสวนชิ้นนี้แสดงการเคลื่อนที่ของเงินจาก 1MDB ผ่านหน่วยงานของรัฐบาลบางองค์กร ไปสู่ธนาคารและบริษัทเอกชนบางแห่ง ก่อนจะไหลเข้าบัญชีเงินฝากในประเทศมาเลเซียของนายกฯนาจิบราซัค ที่มีมากกว่าหนึ่งบัญชี
ปฏิกิริยาแรกของนายนาจิบคือการปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เป็นการปฏิเสธที่มีเนื้อหาแบ่งรับแบ่งสู้ โดยโฆษกรัฐบาลทำหน้าที่เป็นตัวแทนนายกฯออกมาประกาศกับสื่อมวลชนว่า นายนาจิบไม่เคย “ใช้เงินใดเพื่อประโยชน์ส่วนตัว” อย่างไรก็ตาม ตัวนายนาจิบเองที่ภายหลังจำต้องพูดเรื่องนี้ในหลายโอกาส ก็ไม่เคยพูดให้ชัดเจนว่า ไม่มีเงินจำนวนนี้อยู่ในบัญชีของตน
ปฏิวัติซ้อน
คะแนนนิยมของนายกฯ นาจิบ เริ่มดิ่งลงเหวตั้งแต่รัฐบาลประกาศเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อหารายได้เข้ารัฐไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่พอใจต่อการบริหารประเทศหนาหูขึ้นจากประชาชนที่แบกรับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ประกอบกับปัญหาราคาสินค้าหลักของประเทศคือน้ำมันและปาล์มตกต่ำในตลาดโลก ฉุดค่าเงินริงกิตต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง ไม่นับการถูกอดีดนายกฯคนดัง มหาเธร์ โมฮัมหมัด ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีเรียกร้องให้ลาออกอย่างไม่ไว้หน้า ทำให้ความมั่นคงทางการเมืองของนายนาจิบดูง่อนแง่นชอบกล
ข่าวเงินสองหมื่นล้านบาทในบัญชีของนายนาจิบจึงฟางเส้นสุดท้ายที่หลุดลอยไป ผลักให้นายกฯหลังชนกำแพง ถ้าสู้ก็ (อาจ)รอด ถ้าไม่สู้ก็คุก จึงนำไปสู่เหตุการณ์ระทึกใจดังต่อไปนี้
วันที่ 28 กรกฎาคม นายนาจิบสั่งปลด นายมูยิดดีน ยาซีน รองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการอีกสี่คน ออกจากคณะรัฐมนตรี เหตุผลอย่างเป็นทางการคือ “เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวในการบริหารราชการ” นอกจากนั้นยังสั่งปลด นายอับดุล กานี ปาเทล อัยการสูงสุด ผู้ที่กำลังจะเกษียณอายุในอีกไม่กี่เดือน ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ
นายมูยิดดีน เป็นนักการเมืองอาวุโสร่วมพรรคอัมโนของนาย นาจิบเพียงคนเดียว ที่กล้าออกมาวิพาก์วิจารณ์นายกฯ หลังจากข่าวเรื่องเงินในบัญชีถูกเปิดโปงขึ้นมา 
หลังถูกปลดไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ออนไลน์ฉบับหนึ่งตีพิมพ์คลิปวิดีโอแสดงภาพนายมูยิดดีน รับแขกวีไอพีส่วนตัวซึ่งประกอบด้วยนักการเมืองระดับสูงในพรรคอัมโนบางคนทีเข้าเยี่ยมให้กำลังใจที่บ้านพัก โดยในวิดิโอแสดงภาพและเสียงนายมูยิดดีนที่เล่าให้แขกเหล่านี้ฟังว่า นายนาจิบบอกเขาเองเป็นส่วนตัวว่า มีเงินส่งเข้ามาในบัญชีของตนจากใครบางคนที่ตะวันออกกลาง
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับการสืบสวน 1MDB อีกห้าราย พร้อมทั้งตามล่าอดีตผู้บริหาร 1MDB อีกสองรายที่ลาออกไปก่อนหน้านั้น 
บุคคลที่ถูกสั่งปลดหรือจับกุมล้วนแล้วแต่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสืบสวนสอบสวน หรือเป็นผู้ส่งเสียงคัดค้านนายกฯในเรื่อง 1MDB ทั้งสิ้น เมื่อใครต่อใครรวมทั้งอัยการสูงสุดถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว สายตาของคนทั้งประเทศก็หันขวับมาที่ นางเซติ อาซิซ ผู้ว่าการแบงก์ชาติมาเลเซียที่เป็นหนึ่งในคณะตรวจสอบ และเก็บตัวเงียบไม่ออกสื่อพักใหญ่ จนกระทั่งออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้าอันซีดเซียวเมื่อไม่กี่วันมานี้ โดยพูดสั้นๆว่า ได้ส่งข้อมูลการตรวจสอบทั้งหมดให้รัฐบาลแล้ว โดยแบงก์ชาติตรวจสอบเฉพาะ 1MDB ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินในบัญชีของนายกฯแต่อย่างใด
เธอยอมรับว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่แบงก์ชาติหลายรายกำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวสอบสวนเพื่อตามหาตัวคนปล่อยข้อมูลไปถึงมือหนังสือพิมพ์เอเซี่ยนวอลสตรีทเจอร์นัล
การปลดและจับแบบสายฟ้าแลบประหนึ่งการทำรัฐประหารโดยไม่ต้องใช้กองทัพนั้น สร้างความมึนงงให้ประชาชนคนธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แต่ในหมู่ผู้ใกล้ชิดอำนาจรัฐ ก็อดมีเสียงแว่วมาให้ได้ยินไม่ได้ว่า เรื่องนี้อาจไม่ใช่การรัฐประหารเสียทีเดียว แต่เป็นรัฐประหาร หรือปฏิวัติซ้อนจากฝั่งนายนาจิบต่างหาก
นั่นก็คือเป็นการป้องกันตัวจากการถูกจับกุมและปลดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในข้อหาโกงกิน โดยเว็บไซต์ ซาราวักรีพอร์ต ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษและเป็นเว็บไซต์ที่เริ่มต้นขุดคุ้ยเรื่อง 1MDB ก่อนใครเพื่อน ตีพิมพ์ร่างเอกสารจากสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งตั้งข้อหา นายนาจิบ สองข้อหา ข้อหาแรก คือ การทุจริตโกงกินตามกฎหมายต่อต้านการทุจริต และประเด็นที่สองคือ การกระทำผิดหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามกฎหมายอาญา
ซาราวักรีพอร์ตระบุว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้เตรียมเอกสารฉบับนี้ไว้ ก่อนที่ตัวอัยการสูงสุดจะถูกปลดสายฟ้าแลบ อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดคนใหม่ออกมาปฏิเสธว่าเป็นเอกสารปลอม
แต่ลองคิดเล่นๆดูว่า หากเอกสารชิ้นนี้เกิดเป็นเอกสารจริงขึ้นมา ก็หมายความว่านายนาจิบก็หวิดกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์มาเลเซียที่ถูกจับขึ้นศาลในข้อหาทุจริต โดยหน่วยงานของรัฐเอง และอาจโดยสหายร่วมพรรคเช่นนายมูยิดดีน รองนายกฯ เองก็เป็นได้
เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดขึ้นก็ไม่ใช่อื่นใดนอกจากการรัฐประหารเงียบที่ไม่ต้องใช้ปืนผาหน้าไม้ แต่ใครจะไปยอมติดคุกกันง่ายๆ“ปฏิวัติซ้อน” จึงเกิดขึ้น 
เงินบริจาค
หลังจากปากแข็งไม่ยอมรับแต่ไม่ปฏิเสธมาหลายสัปดาห์ ในที่สุดก็นายกฯนาจิบก็มีอัศวินม้าขาวกระโดดเข้าช่วยให้คำตอบเรื่องเงินเจ้าปัญหา
ต้นเดือนสิงหาคม คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งมาเลเซีย กล่าวว่า เงินในบัญชีของนายกฯนั้นเป็น “เงินบริจาค” ที่ไม่เกี่ยวกับ 1MDB ตามมาด้วยนักการเมืองพรรคอัมโนออกมาประสานเสียงตอบรับโดยที่นายกฯนาจิบไม่ต้องเอ่นปากใดๆ รัฐมนตรีอีกผู้หนึ่งขยายความต่อว่าเป็นเงินบริจาคจากตะวันออกกลาง
นักการเมืองพรรคอัมโนของนายนาจิบอีกรายให้ข้อมูลเพิ่มว่าไม่สามารถบอกชื่อผู้บริจาคได้เพราะบุคคลผู้นั้นไม่ปราถนาจะถูกเอ่ยนาม นักการเมืองอาวุโสพรรคเดียวกันอีกผู้หนึ่งต่อให้ว่า บุคคลผู้นี้บริจาคเงินเพื่อตอบแทนในการที่รัฐบาลของนายนาจิบให้ความร่วมมือในการต่อสู้กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ISIS
อย่างไรก็ตาม วันที่ 15 สิงหาคม ซาราวักรีพอร์ต รายงานว่า เงินจำนวน 650 ล้านเหรียญสหรัฐฯจาก 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้ถูกโอนออกจากบัญชีเงินฝากในธนาคาร AmBank ของนายนาจิบ หลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2556 และบัญชีนี้ได้ปิดไปแล้วเงินจำนวนนี้ถูกโอนกลับไปยังบัญชีของบริษัทแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกันกับที่โอนเงินเข้าบัญชีนายนาจิบตั้งแต่แรก
หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คงเป็นคำตอบให้ข้อสันนิษฐานของหลายฝ่ายที่ว่า เงินก้อนนี้ถูกโอนมาเพื่อพรรคอัมโนใช้ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา เพื่อรักษาเก้าอี้ที่กำลังง่อนแง่นในหลายๆรัฐหรือไม่ ส่วนคำถามที่ว่าเงินก้อนนี้มาจากไหน จาก 1MDB หรือจากผู้บริจาคลึกลับ คงต้องรอต่อไปว่าคำตอบจะละลายหายไปในสายลมหรือไม่
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร
ดูเผินๆนายกฯนาจิบน่าจะรอดจากสถานการณ์คับขันไปได้แม้จะเฉียดฉิว แต่เอาเข้าจริงๆการเมืองมาเลเซียเวลานี้ก็หักเหลี่ยมเฉือนคมกันไม่ผิดอะไรกับหนังยอดฮิต Game of Thrones ที่ติดกันงอมแงมข้ามประเทศ
เมื่อวันสองวันมานี้ นักข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งโคจรไปเจอตัวประธานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่กำลังลาป่วยอยู่ จึงถามว่าเมื่อไหร่จะกลับไปทำงาน ท่านประธานฯตอบว่าจะกลับไปเร็วๆนี้ เพื่อตามงานที่ค้างอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบกรณีบริษัท SRC
คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่พบศึกหนักหลังการเปิดโปงของ เอเซี่ยนวอลสตรีทเจอร์นัลโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบกรณี 1MDB กลายเป็นผู้ถูกจับชั่วคราวและถูกสอบสวนเสียเอง เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสสองรายถูกโยกย้ายไปประจำหน่วยงานอื่น ส่วนคนอื่นๆกำลังร้อนๆหนาวๆกลัวภัยที่มองไม่เห็น
SRC International ที่ท่านประธานฯพูดถึง ในอดีตเป็นบริษัทลูกของ1MDB ต่อมาแยกตัวเป็นบริษัทเดี่ยวในสังกัดกระทรวงการคลังมาเลเซีย ทำหน้าที่เกี่ยวกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ
ซาราวักรีพอร์ต และ ดิวอลสตรีทเจอร์นัล รายงานว่า นอกจากเงินก้อนใหญ่ในแล้ว ยังมีเงินจำนวน 42 ล้านริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณกว่า 865 ล้านบาท จาก SRC International โอนเข้าบัญชีนายกฯในอีกวาระหนึ่ง
หน่วยงานที่ตรวจสอบเรื่องนี้คือคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งมีขอบเขตอำนาจเต็มที่ในการตรวจสอบกรณีทุจริตภายในประเทศ ข้อมูลการโอนเงินจากบริษัท SRC International ซึ่งเป็นบริษัทภายในประเทศ เข้าบัญชีภายในประเทศของนายกรัฐมนตรี จึงเป็นข้อมูลที่อยู่ในมือคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยตรง ในขณะที่การตรวจสอบกรณีเงินสองหมื่นล้านก้อนแรกที่เดินทางไปหลายประเทศก่อนจะย้อนกลับสู่มาเลเซีย จำเป็นต้องอาศัยมือธนาคารชาติในการขอความร่วมมือจากประเทศอื่น
ถ้าคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีหลักฐานอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว ก็ให้สงสัยตะหงิดๆว่า ร่างเอกสาร“ปลอม?”จากสำนักงานอัยการสูงสุดที่ตั้งข้อหานายนาจิบข้างต้น หมายถึงกรณีเงินก้อนไหนกันแน่ 
โปรดติดตามตอนต่อไป...

ญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตเหตุระเบิดกรุงเทพฯ โยงกลุ่มต้านรัฐบาล มุ่งทำลายเศรษฐกิจ



ญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตเหตุระเบิดกรุงเทพฯ โยงกลุ่มต้านรัฐบาล มุ่งทำลายเศรษฐกิจ 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
18 สิงหาคม 2558 07:06 น. (แก้ไขล่าสุด 18 สิงหาคม 2558 09:56 น.)
ญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตเหตุระเบิดกรุงเทพฯ โยงกลุ่มต้านรัฐบาล มุ่งทำลายเศรษฐกิจ (ชมคลิป)
        สื่อมวลชนของญี่ปุ่นรายงานข่าวเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯอย่างใกล้ชิด พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นฝีมือของกลุ่มการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาล และผู้ที่ต้องการทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทย
       

       “ระเบิดกรุงเทพฯ ท้องถนนอลหม่าน เสียงร้องไห้ขอความช่วยเหลือดังสนั่น”  พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ไมนิจิ ชิมบุน ถึงเหตุการณ์ระเบิดที่กรุงเทพฯ ซึ่งสื่อมวลชนของญี่ปุ่นทั้งโทรทัศน์, หนังสือพิมพ์ และสื่อออนไลน์ต่างรายงานข่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมระบุว่า เป็นเหตุรุนแรงที่สุดใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย และส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในความปลอดภัยของประเทศไทยอย่างมาก
ญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตเหตุระเบิดกรุงเทพฯ โยงกลุ่มต้านรัฐบาล มุ่งทำลายเศรษฐกิจ (ชมคลิป)
        ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ของญี่ปุ่น ที่รายงานสดจากพื้นที่หลังเกิดเหตุไม่นาน ระบุว่า แยกราชประสงค์เป็นย่านการค้าที่สำคัญของกรุงเทพฯ มีโรงแรม, ห้างสรรพสินค้า และนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งชาวญี่ปุ่นก็นิยมมาที่นี่
      
       เบื้องต้น สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย รายงานว่า มีชายชาวญี่ปุ่น 1 ราย คือ “นายอันโด โคตะ” วัย 31 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่หน้าท้อง โดยขณะนี้ทางสถานทูตญี่ปุ่นกำลังตรวจสอบว่ามีชาวญี่ปุ่นรายอื่นได้รีบบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่
ญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตเหตุระเบิดกรุงเทพฯ โยงกลุ่มต้านรัฐบาล มุ่งทำลายเศรษฐกิจ (ชมคลิป)
        นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในขณะที่เกิดเหตุ เล่าด้วยความระทึกใจว่า เห็นแสงไฟและเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว โดยชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในโรงแรมและอพาร์ตเมนต์ใกล้กับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร บนถนนราชดำริ ก็ยังรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากระเบิด ชาวญี่ปุ่นระบุว่าเหตุครั้งนี้ทำให้รู้สึกกังวลใจถึงความปลอดภัย
ญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตเหตุระเบิดกรุงเทพฯ โยงกลุ่มต้านรัฐบาล มุ่งทำลายเศรษฐกิจ (ชมคลิป)
        หลังเกิดเหตุไม่นาน สื่อมวลชนญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเหตุก่อการร้ายหรือไม่? แต่ต่อมาได้ประเมินว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาล และผู้ที่ต้องการทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทย ตามที่พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์
      
       ทั้งนี้ สื่อมวลชนญี่ปุ่นยังให้ข้อมูลว่า สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยไม่มั่นคงต่อเนื่องมานานหลายปี หากแต่เหตุระเบิดครั้งนี้ถือเป็นเหตุร้ายแรงที่สุดครั้งแรก นับตั้งแต่กองทัพเข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว 

ซันนี่ เบิร์นส์ ครูออสเตรเลียแจง ไม่เกี่ยวเหตุระเบิด



ข่าวต่างประเทศ
ซันนี่ เบิร์นส์ ครูออสเตรเลียแจง ไม่เกี่ยวเหตุระเบิด
วันที่ 18 สิงหาคม 2558 เปิดอ่านแล้ว 132311 ครั้ง
     
     ซันนี่ เบิร์นส์ ครูสอนภาษาอังกฤษ และนายแบบชาวออสเตรเลียที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งถูกเชื่อมโยงว่าเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ โพสต์อินสตราแกรมถึง แม่ พ่อ และเพื่อนๆชาวออสเตรเลียว่าเค้าปลอดภัยดี 

     โดยบอกว่าเกิดระเบิดขึ้นในย่านช็อปปิ้งกลางเมือง “เซ็นทรัล เวิล์ด” ซึ่งเค้าไปอยู่บ่อยๆ มันน่าเศร้าและน่ากลัว และโชคดีที่ขณะนั้นเค้ากำลังสอนอยู่ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งเค้ารู้สึกเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย เค้ายังรู้สึกปลอดภัยในประเทศไทย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ควรมีผลต่อการตัดสินใจของทุกคน ที่จะเดินทางมายังประเทศไทย