PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

"ไปป์บอมบ์"บึ้มท่าเรือสาทร "สมยศ"เชื่อคนร้ายกลุ่มเดียวกับ"ราชประสงค์"เป็นคนไทยทำกันเอง

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
18 สิงหาคม 2558 18:24 น

ตรวจสอบเหตุระเบิดโป๊ะท่าเรือสาทร เป็น"ไปป์บอมบ์"คล้ายระเบิดแยกราชประสงค์ เจ้าหน้าที่นำกระสอบทรายกั้นเร่งสูบน้ำออกหาหลักฐานเพิ่ม พร้อมเร่งตรวจภาพวงจรปิด ด้าน ผบ.ตร.ตรวจที่เกิดเหตุระบุคนร้ายจุดไฟไปป์บอมบ์แล้วโยนใส่ เป็นกลุ่มเดียวกับที่ราชประสงค์แน่นอน เชื่อเป็นขบวนการ คนไทยทำกันเอง
วันนี้(18 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ภิรมย์เอี่ยม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ยานนาวา ได้รับแจ้งเหตุระเบิดภายในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ใกล้เคียงสถานีบีทีเอสสะพานตากสิน ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทรัพย์ลออ ผกก.สน.ยานนาวา พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น. พ.ต.ท.สัญชัย มาตร์คำจันทร์ รอง ผกก.สส.สน.ยานนาวา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สุนัขตำรวจ และ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตยานนาวา
      
       ที่เกิดเหตุอยู่ห่างบันไดทางขึ้นลงสถานีบีทีเอสสะพานตากสิน ประมาณ 50 เมตรใกล้โป๊ะท่าเรือสาทร พบสะเก็ดระเบิดเป็นลูกเหล็กทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มิลลิเมตร กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นราวๆ 20 ชิ้น จึงกั้นพื้นที่พร้อมกันผู้ไว้มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากจุดเกิดเหตุก่อนเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
      
       จากการสอบสวน นางรติษา เอี่ยมละออ อายุ 36 ปี แม่ค้าเสื้อผ้าบริเวณนั้นให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.กำลังขายของอยู่ตรงใกล้จุดเกิดเหตุห่างออกมาราว 30 เมตร ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อ 1 ครั้ง ดังมาจากในน้ำตรงโป๊ะท่าเรือสาทร เมื่อหันไปดูพบน้ำกระจายขึ้นมาสาดสิ่งปลูกสร้างและนักท่องเที่ยวจนตัวเปียกไปหลายราย ตนจึงรีบวิ่งหนีตายออกมาทางถนนเจริญกรุงเพื่อตั้งหลักพร้อมกับชาวบ้านหลายคน พอตั้งสติได้ก็รีบโทรศัพท์แจ้งที่เบอร์ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่เหตุการณ์นี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
      
       มีรายงานว่า สำหรับแนวทางการติดตามหาตัวคนร้ายในคดีนี้นั้นพบว่า หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานฝ่ายทหารที่ดูแลพื้นที่และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรบริเวณสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ฝั่งมุ่งหน้าแยกวิทยุ และกล้องวงจรปิดบนสถานีบีทีเอสสะพานตากสิน ร่วมกัน เบื้องต้นพบภาพน้ำกระจายจากแรงระเบิดเมื่อเวลา 12.59 น. แต่ยังไม่พบภาพคนร้ายที่โยนวัตถุระเบิดจากสะพานสู่แม่น้ำเจ้าพระยาคาดว่าต้องใช้เวลาไล่กล้องวงจรปิดอีกสักระยะ อย่างไรก็ตามขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ประสานเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำเพื่อช่วยงมหาหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณใต้โป๊ะท่าเรือสาทรแล้วเพื่อนำมาระบุชนิดระเบิดและเป็นเบาะแสติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีแล้ว
      
       พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เมื่อเวลา 13.20 น.ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายโยนระเบิดจากสะพานตากสิน (ขาเข้า) คาดว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิดไปป์บอม ซึ่งพบสะเก็ดระเบิดเป็นลูกปืนรถ จยย.ขนาดประมาณ 6 มิลลิเมตร และยังพบตัวจุดถ่วงเวลาซึ่งกระเด็นไปตกอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยระเบิดดังกล่าวตกลงไปในน้ำ ทำให้น้ำเป็นกำแพงเขื่อนช่วยรับแรงระเบิดไว้ จากเหตุครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเกิดเหตุที่มีคนสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย ซึ่งปกติบริเวณนี้ในช่วงเช้า หรือช่วงเย็นจะมีผู้คนเป็นเป็นชาวไทยและชาวต่างชาติใช้บริการจุดนี้สัญจรผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นบริเวณท่าเรือสาทร ที่เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีตากสิน โดยจุดเกิดเหตุพบสะเก็ดระเบิดเป็นชิ้นส่วนท่อแป๊บเหล็ก และลูกปลายขนาดเล็ก ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมากั้น และนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออก เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยระเบิดที่เกิดขึ้นวันนี้มีลักษณะคล้ายกับระเบิดที่เกิดเหตุบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวานนี้ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุเมื่อวานหรือไม่ โดยต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบหลักฐานจากที่เกิดเหตุ รวมทั้งนำหลักฐานของทั้ง 2 คดี มาทำการเปรียบเทียบกัน ว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงหรือไม่
      
       พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มใด ซึ่งกรณีมีการแชร์ภาพในโลกโซเชียลมีเดีย ว่ามีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้นั้น ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการควบคุมผู้ต้องสงสัยได้แต่อย่างใด ซึ่งหาทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้นั้น จะมีการแจ้งให้สื่อมวลชน และประชาชนทราบอย่างแน่นอน สำหรับมาตรการให้การดูแลความปลอดภัยของประชาชนนั้น ขณะนี้ได้มีมาตรการในการตรวจเข้มมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบมาช่วยเฝ้าระวังด้วย อย่างไรก็ตามหากประชาชนท่านใดมีภาพในที่เกิดเหตุบริเวณแยกราชประสงค์ตั้งแต่เวลา 18.40 น.-18.55 น. หรือภาพผู้ต้องสงสัยที่เป็นชายสวมเสื้อสีเหลืองนั้น สามารถแจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หมายเลข 191 หรือสายด่วน 1599 ได้ตลอดเวลา
      
       เบื้องต้นหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ และละแวกใกล้เคียงเพื่อติดตามหาผู้ลงมือก่อเหตุครั้งนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
      
       จากนั้นเมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
      
       พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ไม่ใช่กลุ่มก่อการร้ายแน่นอน แต่ก่อเหตุหวังเอาชีวิต ก่อให้เกิดความวุ่นวายในการบริหารประเทศของรัฐบาล คนที่ทำไม่ปรารถนาดี ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นไปป์บอมแบบจุดไฟ คนร้ายใช้จุดไฟแล้วโยนลงมา ถือเป็นระเบิดลักษณะใกล้เคียงกับระเบิดที่แยกราชประสงค์เมื่อวาน แต่วันนี้เกิดเหตุในที่โล่งแจ้ง แรงอัดแรงดันต่างกัน สันนิษฐานว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุเมื่อวาน ขณะนี้ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาล เป็นปัญหาของประเทศชาติแล้ว เพราะหากเกิดปัญหาเช่นนี้บ่อยๆ จะส่งผลกระทบต่อเศรษกิจไทยแน่นอน นักท่องเที่ยวจะไม่มั่นใจในการเดินทางเข้ามา หากพบผู้ต้องสงสัยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา ส่วนภาพผู้ต้องสงสัยเมื่อวานที่ได้มีการเผยแพร่ไปนั้น หากผู้ใดพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะใกล้เคียงก็สามารถแจ้งได้ แต่ตนเชื่อว่าคนร้ายจะต้องมีการปลอมตัวแน่นอน เหตุวันนี้เชื่อว่าไม่ได้มีคนร้ายคนเดียวต้องทำกันเป็นขบวนการ ต้องมีคนขับจักรยานยนต์มีคนซ้อนเป็นผู้โยนลงมา คนในประเทศไทยทำกันเอง
      
       "หลังเกิดเหตุดังกล่าวท่านนายกรัฐมนตรีและท่านรองนายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีการสนธิกำลังของตำรวจทหารทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยสร้างความมั่นใจให้ประชาชน ในเรื่องของการข่าวนั้นเรามีการข่าวมีข้อมูล แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ขอให้เป็นความลับของเจ้าหน้าที่ด้วย" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
      
       พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. กล่าวว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดไปป์บอม ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่เกิดเหตุที่บริเวณแยกราชประสงค์ มีรัศมีการทำลายล้าง 35-50 เมตร ให้สายชนวนในการถ่วงเวลาการระเบิด ซึ่งระเบิดที่คนร้ายโยนลงมาจากสะพานตากสิน (ฝั่งขาเข้า) ใช้การจุดชนวนด้วยมือแล้วโยนลงมาจากสะพาน ก่อนตกลงไประเบิดในน้ำ ซึ่งหากคนร้ายจุดระเบิดโยนลงมาจากสะพานตากสิน(ฝั่งขาออก) ระเบิดอาจะตกลงมาบริเวณท่าเรือข้ามฟาก ซึ่งอาจทำให้มีผู้บาดเจ็บก็เป็นได้ สำหรับระเบิดชนิดทีเอ็นที กับระเบิดไปป์บอมบ์ มีลักษณะที่เหมือนกัน เนื่องจากคนร้ายได้นำระเบิดชนิดทีเอ็นทีอัดใส่ท่อเหล็กพร้อมกับลูกปราย เพื่อเพิ่มอัตราทำลาย ซึ่งหลังจากนี้จะนำหลักฐานที่ได้จากที่เกิดเหตุสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
       
       

       
       
       
       

ไม่มีความคิดเห็น: