รายงาน : เจตนา เป้าหมาย คสช.ร่าง รัฐธรรมนูญ แด่ พลังประชารัฐ
ก็ได้กลายเป็น “ไวรัล” ในทางการเมือง
กลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ กลายเป็นประเด็นข่าวทางโทรทัศน์ และโซเชียลมีเดียได้นำไปเผยแพร่อย่างกว้างขวาง
ทุกสื่อล้วนให้การขานรับ
ถือเป็นการนิยามและให้ความหมายต่อ “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560” ได้อย่างแจ่มชัด กระจ่างใสในทางรูปธรรม
เท่ากับเป็นการสรุปและตีตรงเป้า
ทำให้ภาพแห่งการก่อรูปขึ้นของคณะกรรมาธิการยกร่างเรื่อยไปจนถึงคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจากยุค นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ถึงยุค นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ยืนเด่นเป็นสง่า
นั่นก็คือ ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อ “พรรคพลังประชารัฐ”
ไม่ว่าคำนิยามจากพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้มีสมุหฐานมาจากอะไร จากประสบการณ์และความจัดเจนในทางการเมือง
จากความฮึกห้าว เหิมหาญ ด้วยความมั่นใจ
มั่นใจว่าไม่ว่าบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 อันเป็นผลและความต่อเนื่องจากการรัฐประหารมีเป้าหมายเพื่อการนี้
เท่ากับยืนยันใน “เจตจำนง” อันเด็ดเดี่ยว แน่วแน่ของ “คสช.”
นั่นก็คือ ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามบทเพลงที่ว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงาม จะคืนกลับมา”
ไม่เพียงแต่เป็นความต้องการใน 4-5 ปีแรก
ยาวนานร่วม 10 และ 20 ปีจากปี 2557
ภายในความมั่นใจของ “คสช.” ความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งจึงสำแดงออกผ่าน 1 รัฐธรรมนูญ 1 พรรคพลังประชารัฐ และ 1 โดยการเปล่งประกาศออกมา
คำถามอยู่ที่ว่า ประชาชนจะคิดเรื่องนี้อย่างไร
คำถามอยู่ที่ว่า เวลานับจากเดือนพฤษภาคม 2557 มายังเดือนพฤษภาคม 2562 ร่วม 5 ปีนี้ประชาชนรู้สึกอย่างไร
รู้สึกชมชอบกับผลงานของ “คสช.”หรือรู้สึกว่าวิธีการบริหารจัดการกับปัญหาในทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของ “คสช.” มิได้นำความสุขมาให้
ตรงนั้นต่างหากที่สำคัญ
สำคัญเพราะว่าหากประชาชนเขาพอใจและเห็นว่าเป็นความสำเร็จเขาก็จะเลือกพรรคพลังประชารัฐ แต่ถ้าหากเขาเห็นเป็นตรงกันข้ามประชาชนก็จะปฏิเสธ
บัตร “เลือกตั้ง” ที่อยู่ในมือจึงทรง “ความหมาย”
ถ้อยคำเพียงประโยคเดียวที่ว่า “รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์เพื่อพวกเรา” อันดังออกมาจากภายในพรรค
พลังประชารัฐจึงอธิบายได้อย่างยอดเยี่ยม
อธิบายถึงรัฐประหารเมื่อปี 2557
อธิบายถึงฝีมือและความสามารถในทางการบริหารราชการแผ่นดินนับจากเดือนพฤษภาคม 2557 กระทั่งเดือนพฤษภาคม 2562 ว่าเป็นอย่างไร
ควรทำต่อไป หรือควรจบได้แล้ว