PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เอกสารลับเปิดโปง สหรัฐฯและอังกฤษสอดแนมอิสราเอล


เอกสารลับเปิดโปง สหรัฐฯและอังกฤษสอดแนมอิสราเอล
เอกสารลับฉบับล่าสุดเปิดโปงว่า สหรัฐฯและอังกฤษได้สอดแนมการเคลื่อนไหวทางทหารของอิสราเอลมาเป็นเวลานานตั้งแต่เมื่อปี 1998
เอกสารดังกล่าวถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 29 ม.ค. โดยนายเอ็ดเวิร์ด โจเซฟ สโนว์เดน อดีตผู้รับจ้างเทคนิคชาวอเมริกันของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA)
ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า NSA และศูนย์บัญชาการติดต่อสื่อสารของรัฐบาลอังกฤษ (GCHQ) ได้สอดแนมการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในฉนวนกาซา ซีเรีย อิหร่าน และอีกหลายจุดในตะวันออกกลาง โดยภารกิจสอดแนมนี้มีชื่อว่า “อนาธิปไตย (Anarchism)” และมีกองบัญชาการอยู่ในไซปรัส
รายงานชี้ว่าเมื่อปี 2008 ศูนย์บัญชาการติดต่อสื่อสารของรัฐบาลอังกฤษ (GCHQ) ได้ให้ความเห็นว่าภารกิจสอดแนมนั้น “ขาดไม่ได้” อีกทั้งยังช่วยให้สหรัฐฯและอังกฤษเข้าใจถึงการฝึกและปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลด้วย
ด้านรัฐบาลอิสราเอลแสดงความไม่พอใจเมื่อรู้ว่าถูกสอดแนม โดยนายยูวาล สไตนิตส์ รัฐมนตรีกระทรวงข่าวกรองของอิสราเอล กล่าวว่าภารกิจสอดแนมนี้อาจจะไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ “ความลับสุดยอดของอิสราเอล” แต่ยังไงก็ต้องมีการพิจารณาการเปลี่ยนระบบการเข้ารหัสใหม่

รัฐบาลไทยขอกูเกิล/เฟสบุ๊ก/ไลน์ คุมเนื้อหา เตรียมซื้อระบบติดตามกวาดข้อมูลผู้ใช้


รัฐบาลไทยขอกูเกิล/เฟสบุ๊ก/ไลน์ คุมเนื้อหา เตรียมซื้อระบบติดตามกวาดข้อมูลผู้ใช้

 0
รัฐบาลทหารของไทยเตรียมขอโซเชียลมีเดียอย่างเฟสบุ๊กและไลน์ให้จัดการเนื้อหาที่เป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อย โดยก่อนหน้านี้ได้ขอทางกูเกิลแล้ว และเตรียมจะจัดซื้อระบบติดตามเพื่อกวาดข้อมูลผู้ใช้
พลตำรวจตรีพิสิษฐ์ เปาอินทร์ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า รัฐบาลมีแผนที่จะพูดคุยกับฝ่ายบริหารของเฟสบุ๊กและไลน์ในอีกสามเดือนข้างหน้านี้ โดยรัฐบาลได้รับคำสั่งศาลอนุญาติให้จัดการกับเนื้อหาในอินเตอร์เน็ตที่กระทบกับสถาบันกษัตริย์และความสงบเรียบร้อยของประเทศได้ แต่บริษัทดังกล่าวก็ไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือ จึงจะมีการพูดคุยทำความเข้าใจเพิ่มเติมในอนาคตอย่างรวดเร็ว
โดยเมื่อวันที่ 22 มกราคม ทางการไทยก็ได้มีการร้องขอลักษณะนี้กับบริษัทกูเกิลเช่นเดียวกัน
และเมื่อวันที่ 28 มกราคม เพจเฟซบุ๊กกลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway: Thailand Internet Firewall ก็ได้มีการเผยแพร่เอกสารการหารือระหว่างสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านสื่อสารมวลชนของไทย กับกลุ่มผู้บริหารของกูเกิล
เอกสารดังกล่าวระบุว่า เป็นการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข 219 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา โดยมีเรื่องที่พิจารณาคือ แนวทางและมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์และการส่งเสริมการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญนาย Matt Sucherman รองประธานและที่ปรึกษากฎหมายในประเด็นระหว่างประเทศ บริษัท กูเกิล เอเชีย แปซิฟิก จำกัด เข้าร่วมประชุม
เอกสารดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้กล่าวกับผู้แทนบริษัท กูเกิล ว่า การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่เป็นไปในทางสร้างสรรค์นั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ทั้งด้านการมุ่งทำลายสถาบันสำคัญของชาติ หรือละเมิดกฎหมายหรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงอยากขอความร่วมมือให้ทางบริษัท กูเกิลฯ ช่วยถอดเว็บไซต์ที่มีลักษณะดังกล่าว ที่เผยแพร่ผ่านเครือข่ายของกูเกิล เช่น ยูทูบ เป็นต้น ไม่ให้ออกเผยแพร่ เพื่อสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นต่อไป
ขณะที่ตัวแทนกูเกิล ระบุว่า ทราบดีว่าการเผยแพร่เว็บไซต์บางเรื่องเป็นสิ่งต้องห้ามและอาจมีปัญหาจากแนวคิดทางสังคมและวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม กูเกิลฯ มีบริการและนโยบายที่เป็นมาตรฐานเหมือนกันทั่วโลก การถอดถอนหรือป้องกันการเผยแพร่เว็บไซต์ผิดกฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่งนั้น บริษัท กูเกิลฯ ไม่อาจพิจารณาหรือตัดสินใจเองได้ จำต้องได้รับการร้องขอจากหน่วยงานที่มีอำนาจของประเทศนั้นและมีขั้นตอน กระบวนการอันเป็นที่ยอมรับได้ในระดับสากล คือการขอให้ศาลมีคำสั่งระงับ ยับยั้งการเผยแพร่เว็บไซด์ดังกล่าว ซึ่งทางกูเกิลฯ ได้ถือปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกประเทศทั่วโลก
จากนั้น คณะกรรมาธิการฯ ระบุว่าที่ผ่านมา มีการขออำนาจศาลอยู่แล้ว เพียงแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วน อยากให้กูเกิลฯ เร่งรัดกระบวนการในการถอดเว็บไซต์หากมีคำขอจากหน่วยงานที่มีอำนาจ เพื่อให้ทันต่อการยับยั้งความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจไม่ทันการหากต้องรอให้ผ่านกระบวนการทางศาล พร้อมระบุว่าขั้นตอนการร้องขอดังกล่าว อย่างไรก็ต้องผ่านการพิจารณาของหน่วยงานที่มีอำนาจยับยั้งการกระทำผิดกฎหมาย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกระทรวงไอซีที
ด้านผู้แทน กูเกิล ระบุว่า จะนำข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณา โดยจะคำนึงถึงความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน พร้อมแนะนำว่า วิธีป้องกันการเผยแพร่เว็บที่มีปัญหาได้พอสมควร คือ หากประชาชนเห็นว่าเว็บใดมีเนื้อหาไม่พึงประสงค์เพราะขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี สามารถใช้วิธีปักธง (flagging) เว็บนั้น ซึ่งจะทำให้บุคลากรของกูเกิลที่มีความรู้และประสบการณ์คอยสอดส่องเว็บดังกล่าว หากเห็นว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่สมควรเผยแพร่ก็จะระงับหรือถอดออกจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตต่อไป
ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าว ระบุด้วยว่า ในตอนท้าย คณะกรรมาธิการฯ ได้ขอให้ กูเกิลฯ คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีที่ประชาชนมีต่อประเทศสหรัฐอเมริกา และความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกูเกิลฯ นำไปเป็นข้อพิจารณาด้วย พร้อมกันนี้หากมีปัญหาหรือความกังวลใดๆ ในการประกอบธุรกิจของ กูเกิลฯ ในประเทศไทย และอยากให้ช่วยเหลือ ขอให้เสนอทางรัฐบาลไทยได้และทางคณะกรรมาธิการฯ พร้อมพิจารณาผลักดันและให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่
(ตัวเอกสารสามารถดูได้ที่http://www.parliament.go.th/ewtcommittee/ewt/drive_communication/download/article/article_20160127161649.pdf)
24373533010_b5eb62acd2_c24042260213_5780dee1b7_c
24642863376_97f97b90ca_z
เตรียมซื้อระบบติดตามกวาดข้อมูลผู้ใช้
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จัดประกวดราคาซื้อระบบติดตามข้อมูลสังคมออนไลน์อัตโนมัติ โดยเก็บข้อมูลจากเฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, และพันทิป
ระบบนี้ดึงข้อมูลจากโพสและคอมเมนต์ที่เป็นสาธารณะเท่านั้น โดยเฟซบุ๊กนั้นสามารถดึงข้อมูลได้ทั้งหน้าเพจและหน้าโปรไฟล์ สำหรับทวิตเตอร์มีข้อจำกัดเพิ่มเติมคือดึงได้ไม่เกิน 1,000 บัญชี ที่น่าแปลกสักหน่อยคือพันทิปที่เก็บข้อมูลได้จำนวนมากรวมถึงจำนวนผู้แสดงความรู้สึก
ซอฟต์แวร์เช่นนี้คงไม่ต่างจากซอฟต์แวร์ที่แบรนด์ต่างๆ ใช้งานกันมากนัก ความต่างสำคัญคงเป็นการตรวจสอบภาพใบหน้าจากฐานข้อมูลหมายจับและจากบุคคลทำประวัติจากสถานีตำรวจ โดยสามารถตรวจสอบจากภาพโปรไฟล์ของเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ รองรับฐานข้อมูลขนาดไม่เกิน 500,000 คน
ด้านฮาร์ดแวร์ใช้เซิร์ฟเวอร์ถึง 22 เครื่อง เป็นเครื่องหลัก 2 เครื่อง วางเซิร์ฟเวอร์ไว้ในศูนย์ข้อมูลสองแห่ง
(ร่างเอกสารการประกวดราคาสามารถดูได้ที่ http://process3.gprocurement.go.th/egp2procmainWeb/jsp/FPRO9951A_2.jsp?tor_project_id=59016147809)
12644831_939615542758392_4274347714354301505_n12524075_939615579425055_7485783422172939666_n 12548996_939615509425062_1942084428666246132_n
SHARE.

สองนักกฎหมายสำนักเดียวกัน



สองนักกฎหมายมือดี จบการศึกษาจากสำนักเดียวกัน อายุเท่ากัน อยู่ในแวดวงการเมืองเหมือนกัน
คนหนึ่งเคยออกมาต่อต้านการยึดอำนาจโดยเผด็จการทหาร ยอมติดคุกอย่างสง่างาม2ปีเต็ม เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยของประเทศชาติ
อีกคนหนึ่งฉวยโอกาสออกรับใช้สนองเผด็จการเพื่อไต่เต้าตำแหน่งทางการเมือง ทุกครั้งที่มีบ้านเมืองมีการยึดอำนาจ
คนหนึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นอาจารย์ มือกฎหมายชั้นยอด อีกคนหนึ่งเป็นนักการเมือง ที่ยังคงยืนหยัดเพื่อระบอบประชาธิปไตย
ทั้งสองคนถูกบันทึกไว้แล้วในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่เป็นการเมืองคนละหน้า หน้าสะอาดและหน้าสกปรก ในฐานะวีรบุรุษ และทุรบุรุษทางการเมือง

'หมอเผด็จ'โพสต์ปวดใจมากหลังได้อ่านแถลงการณ์ม.มหิดล เรื่องอาจารย์เบี้ยวทุน


'หมอเผด็จ'โพสต์ปวดใจมากหลังได้อ่านแถลงการณ์ม.มหิดล เรื่องอาจารย์เบี้ยวทุน
Cr:http://tnews.teenee.com/etc/130561.html
ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวต่อแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัย'มหิดล' เรื่อง อาจารย์สาวเบี้ยวใช้ทุนคืน10ล้าน ซึ่งระบุว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
‘มหิดลออกแถลงการณ์แบบให้ตัวเองดูดี ทั้งๆที่เป็นคนอนุมัติ แต่อ้างว่าติดต่อเค้าไม่ได้ ตลกไหมครับ รู้อยู่แล้วว่าเค้าอยู่ Harvard แต่ปล่อยให้เรื่องยืดยาว ถ้าเค้าจะตามจริงหรือ ประสานกงศุล เราจับดลฤดีได้ตั้งแต่กุมภา58แล้ว เค้าเข้ามาเมืองไทย10กว่าวัน แต่มหิดลไม่รู้เรื่องเลย เค้าบอกช่วยเหลือผู้ค้ำ แต่ผมอยากบอกผู้ค้ำเป็นคนวิ่งเต้นเอง เดินเรื่องเองถ้า รอมหาลัยคงไม่ได้อะไร เพราะเจ้าหน้าที่โยนกันไปมา แถมตอนท้ายยังบอกว่าเรื่องแบบนี้มีมากแต่ไม่เป็นข่าว แสดงถึงความรู้สึกปกติ ไม่ได้สนใจแต่พอเป็นข่าวก็ต้องออกแถลงการณ์ ผมอ่านแล้วปวดใจมากครับ
"อยากให้เป็นบรรทัดฐานแก่หน่วยงานราชการให้เห็นแก่ผู้ค้ำ ในกรณีลูกหนี้มีตัวตน มีทรัพย์สมบัติ ควรหาทางจัดการกับเค้าก่อน ไม่ใช่มาจัดการกับผู้คำในประเทศที่ทำง่ายกว่า ที่น่าปวดใจคือ 2 คนทำงานถวายหัวให้ม.มหิดลจนเกษียณและอีกคนใกล้เกษียณ แต่ไม่มีมาตรการเยียวยา มีแต่ให้ชำระคืนเท่านั้น ส่วนดลฤดีซึ่งทำงานให้ต่างประเทศสุขสบาย ผมว่าถึงเวลาที่ควรปรับปรุงการทำงานของฝ่ายกฎหมายให้แข็งแรงขึ้น และจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่เป็นเรื่องปกติแต่ไม่เป็นข่าว ลองพิจารณาดูกันนะครับ"'
ทั้งนี้แถลงการณ์ดังกล่าว ของ มหาวิทยาลัย มหิดล มีว่า
‘กรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลว่าอดีตอาจารย์หญิงรายหนึ่งของภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร์ได้ขอทุนรัฐบาลเพื่อไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยได้มีผู้คำประกัน 4 รายแต่ปรากฎว่าเมื่อจบการศึกษาอาจารย์หญิงคนดังกล่าวไม่กลับมาทำงานใช้ทุนที่ประเทศไทย ซึ่งมีเงื่อนไขว่ากรณีไม่ทำงานใช้ทุนจะต้องจ่ายเงินคืน 3 เท่าจากทุนที่ได้รับ 10 ล้านบาท หรือจำนวน 30 ล้านบาท ทำให้ผู้คำประกันทั้ง 4 รายต้องชดใช้แทนแต่ได้มีการเจรจาต่อศาลเพื่อขอลดหย่อนชดใช้ตามจำนวนทุนที่ได้รับ 10 ล้านบาท ว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2536 ทางมหาวิทยาลัยได้เสนอชื่ออาจารย์หญิงคนดังกล่าว เพื่อขอเข้ารับทุนจากรัฐบาล
เนื่องจากเห็นว่าเป็นคนเก่ง เรียนดี และมองว่าจะสามารถกลับมาทำประโยชน์ให้แก่ประเทศได้ ซึ่งตามกระบวนการแล้วการขอทุนจากรัฐบาลก็จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด คือเมื่อเรียนจบกลับมาต้องชดใช้ทุน โดยทำงานให้หน่วยงานต้นสังกัด ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยมหิดล และเพราะในตอนขอทุนรัฐบาลนั้น อาจารย์หญิงคนดังกล่าวนั้นเพิ่งเรียนจบและทำงานได้เพียง 1 ปีจึงต้องมีผู้คำประกันให้ ก็ตามที่ปรากฎข่าวว่ามีผู้ค้ำประกัน 4 ราย อย่างไรก็ตาม อาจารย์หญิงคนดังกล่าวขอทุนเพื่อศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก จึงทำให้ใช้ระยะเวลาในการเรียนประมาณ 10 ปีทุนประมาณ 10 ล้านบาท
ประมาณปี 2547 อาจารย์หญิงคนดังกล่าวได้แจ้งมายังมหาวิทยาลัย ในฐานะต้นสังกัด ขอยกเลิกที่จะกลับมาทำงานใช้ทุนคืน ซึ่งตามเงื่อนไขการขอทุนรัฐบาลก็ต้องชดใช้เงินคืน ทำให้กระทรวงการคลัง ได้ประสานมายังมหาวิทยาลัยให้เร่งรัดติดตามอาจารย์คนดังกล่าวชดใช้เงินคืนเพราะเป็นเงินของประเทศ แต่เมื่อติดต่อไม่ได้ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย ประสานและติดตามไปยังผู้ค้ำประกันทั้ง 4 รายชดใช้แทน โดยตลอดมา มหาวิทยาลัยไม่นิ่งนอนใจให้การช่วยเหลือ เจรจาต่อศาลเพื่อขอลดหย่อนเงินที่ต้องชดใช้คืนให้กับรัฐบาล เหลือจำนวนเท่าเงินทุน 10 ล้านบาท
"ทางอาจารย์หญิงคนดังกล่าวไปมีครอบครัวที่นั่น แล้วปฏิเสธที่จะกลับมาทำงานและใช้ทุนคืน เมื่อกระทรวงการคลังเร่งรัดมาที่มหาวิทยาลัยในฐานะต้นสังกัด เราก็ต้องไปติดตามจากผู้ค้ำประกัน เพราะเงินดังกล่าวไม่ใช่ตามกลับมาแล้วจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่ต้องคืนให้กับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบุคคลที่ขอทุนรัฐบาลไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วเบี้ยวไม่กลับมาชดใช้มีอยู่ประปราย รายนี้ไม่ใช่รายแรก แต่ที่ผ่านมาสังคมยังไม่มีสื่อโซเชียลมากขนาดนี้ อีกทั้ง ปัจจุบันคนในสังคมไม่ยอมรับคนที่ไม่มีจริยธรรม ไม่คำนึงถึงความถูกต้อง จึงทำให้เรื่องดังกล่าวแพร่กระจายรวดเร็ว เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีมาตรการทางสังคมแบบที่เป็นอยู่ก็ต้องปล่อยไป"รองอธิการบดี มม.กล่าว
ในการคัดเลือกคนเพื่อจะเสนอให้ขอทุนรัฐบาลจะต้องมีมาตรการเข้มข้นหรือไม่นั้น ความจริงแล้วทุกอย่างมีการตรวจสอบเข้มข้น ดูภูมิหลัง ความประพฤติของบุคคลนั้นๆ แต่ก็เป็นการดูในเวลาปัจจุบัน ซึ่งไม่มีทางตอบได้เลยว่าในอีก 10 ปีจากนี้บุคคลนั้นจะเปลี่ยนไปหรือไม่ เช่นกรณีอาจารย์หญิงคนดังกล่าว ซึ่งเห็นว่าเป็นคนเก่งมีความรับผิดชอบ น่าจะมาทำประโยชน์ให้ประเทศได้มาก แต่เมื่อไปเรียนต่อเขาไปมีครอบครัวและสุดท้ายก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้

ทบ.เสนอให้ นำศอ.บต.มาอยู่ใน กอ.รมน. แต่ไม่ใช่การยุบ แต่บูรณาการรวมทั้งสองหน่วยงานเข้าด้วยกัน



ทบ.เสนอให้ นำศอ.บต.มาอยู่ใน กอ.รมน. แต่ไม่ใช่การยุบ แต่บูรณาการรวมทั้งสองหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีความเชื่อมโยงและเป็นเอกภาพ พร้อม ปรับโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. เพิ่มหน้าที่ให้ครอบคลุมเกี่ยวกับภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติ/ พร้อม วางระบบ CCTV ใหม่ จับมือICT ใช้ระบบ GIN (Government Information Network) ให้ปล่อยสัญญาณความเร็ว 200 Mbs เชื่อมต่อสัญญาณภาพจากอำเภอ-จังหวัด-ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้-กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า-ศูนย์ควบคุมของกองทัพบก /จัดตั้งศูนย์ควบคุมประจำพื้นที่ เชื่อมโยงระบบ ทดสอบการใช้งาน ไปจนถึงเดือน เม.ย.59
ที่ บก.ทบ. พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ./รอง ผอ.รมน. เป็นประธานการประชุมชี้แจงและสั่งการของ ผบ.ทบ. ต่อ ผบ.หน่วยขึ้นตรงทบ.(ผบ.นขต.ทบ.)
พล.ต.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า กอ.รมน.ได้นำเรื่องมาชี้แจงให้ที่ประชุมได้รับทราบ เรื่องแผนการใช้งานและเชื่อมโยงระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ในพื้นที่ จชต. จะจัดตั้งศูนย์ควบคุมประจำพื้นที่ เชื่อมโยงระบบ ทดสอบการใช้งาน ไปจนถึงเดือน เม.ย.59
ขณะเดียวกันจะเริ่มเฝ้าตรวจ ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง ตั้งแต่เดือน มี.ค.59 พร้อมให้มีการประเมินและรายงานผลตามห้วงเวลาที่กำหนดไปจนถึงเดือน ก.ย.59 โดยจะขอรับการสนับสนุนสัญญาณจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในระบบ GIN (Government Information Network) ให้ปล่อยสัญญาณความเร็ว 200 Mbs เชื่อมต่อสัญญาณภาพจากอำเภอ-จังหวัด-ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้-กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า-ศูนย์ควบคุมของกองทัพบก
ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.58 ให้มีการพิจารณาโครงสร้างองค์กร อำนาจหน้าที่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ กอ.รมน. และ ศอ.บต. ในการบูรณาการรวมทั้งสองหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีความเชื่อมโยงและเป็นเอกภาพ
รวมทั้งแก้ไขอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. ให้ครอบคลุมเกี่ยวกับภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติด้วย หลังจากนั้น กอ.รมน. ได้จัดมีการประชุมพิจารณามาแล้วหลายครั้ง
ทั้งนึ้ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ม.ค.59 พลเอกพิสิทธิ์ สิทธิสาร เลขาธิการ กอ.รมน. ให้เร่งรัดสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับรวม ศอ.บต. ไว้ใน กอ.รมน. โดยมิใช่เป็นการยุบหน่วยงานเดิม และเสนอปรับปรุงข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. ในด้านภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เรื่องการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลของ กอ.รมน. ได้แก่ การบูรณาการ ประสานงานด้านการข่าว ติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวัง ป้องกันการก่อเหตุร้าย ตั้งแต่พื้นที่ชายแดนจนถึงพื้นที่ตอนใน การสร้างการรับรู้ยุทธศาสตร์ประชารัฐโดยประสานพลังจากทุกภาคส่วนร่วมพัฒนาสังคมและประเทศชาติ มุ่งสู่ความ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” การสนับสนุนส่วนราชการรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรในราคาที่รัฐบาลกำหนด และได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร สำรวจประชากรแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในพื้นที่ทุกจังหวัด เพื่อบังคับใช้ให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
พลเอกธีรชีย ผบ.ทบ./รอง ผอ.รมน. ได้สั่งการเพิ่มเติม ให้ แม่ทัพภาค.4/ผอ.รมน.ภาค 4 บูรณาการการใช้งานกล้อง CCTV ให้เห็นผลตามแผนงานภายในเดือน เม.ย.59 โดยเน้นย้ำให้ดูแลการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ในส่วนเรื่องการสนับสนุนรัฐบาล และ คสช. ตามนโยบายที่มอบไว้ให้แล้ว ทุกหน่วยต้องกำกับดูแลให้มีความคืบหน้าตลอดเวลา

ผบ.ทบ. สั่งผบ.หน่วยทั่วประเทศ นำร่างรธน.ร่างแรกชี้แจงประชาชน สร้างความเข้าใจสู่ การทำประชามติ




ผบ.ทบ. สั่งผบ.หน่วยทั่วประเทศ นำร่างรธน.ร่างแรกชี้แจงประชาชน สร้างความเข้าใจสู่ การทำประชามติ เผยมีปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าประเทศ ยันทบ.ต้องทุ่มเทปฏิบัติงานในภาระหน้าที่รับผิดชอบอย่างดีที่สุด ยึดประโยชน์ส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง และทำงานเป็นทีม เพื่อร่วมประคับประคองให้ประเทศเดินหน้าไปตามโรดแม็ปที่กำหนดไว้
ที่ บก.ทบ. พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก(ผบ.นขต.ทบ.)
พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก ทบ. เผยว่า การประชุมในวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ให้ความสำคัญกับงานที่กองทัพบกให้การสนับสนุนรัฐบาล และ คสช. ในขณะนี้ โดยให้กองทัพบกยังคงดำรงความต่อเนื่องในการลงพื้นที่พบปะประชาชน ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในการบริหารงานของรัฐบาล และ การรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
พลเอกธีรชัย กำชับให้ทุกหน่วยเดินหน้าการสร้างความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอ ครอบคลุมในทุกชุมชน ให้ประชาชนได้รับรู้ในข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะในเรื่องหรือมาตรการของรัฐที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์โดยตรง
ส่วนงานขับเคลื่อนตามโรดแม็ปของรัฐบาล และ คสช. ในเรื่อง ร่างรัฐธรรมนูญ ที่ได้เริ่มเผยแพร่อยู่ในขณะนี้นั้น ให้ทุกหน่วยให้การสนับสนุนตามกระบวนการของภาครัฐ
ทั้งในด้านการเผยแพร่ สร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วม เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องรอบด้าน เป็นพื้นฐานไปสู่การออกไปใช้สิทธิ์ลงประชามติอย่างพร้อมเพรียง
ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังอาจเผชิญกับปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าประเทศ ในฐานะที่กองทัพบกดูแลงานด้านความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย จึงขอให้ทุกหน่วยทุ่มเทปฏิบัติงานในภาระหน้าที่รับผิดชอบอย่างดีที่สุด ทำทุกอย่างโดยยึดประโยชน์ส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง และทำงานเป็นทีม เพื่อร่วมประคับประคองให้ประเทศเดินหน้าไปตามโรดแม็ปที่กำหนดไว้
รวมทั้งการทำงานสนับสนุนนโยบายรัฐบาล เช่น การสนับสนุนการรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรรายย่อย งานบริหารจัดการน้ำแก้อุทกภัยและภัยแล้ง ด้วยการจัดทำแก้มลิงในพื้นที่ภาคอีสาน การกำจัดผักตบชวาในแหล่งน้ำทั่วประเทศ งานดูแลเกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชใช้น้ำน้อย การบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ โครงการหยุดภัยแล้งด้วยแสงอาทิตย์ ซึ่งงานดูแลช่วยเหลือประชาชนตามที่ได้กล่าวข้างต้น มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ทุกหน่วยของกองทัพบกกำลังเร่งดำเนินการโครงการต่างๆ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และเกิดประโยชน์กับประชาชนโดยตรง
โดยล่าสุดในเรื่องการรับมือกับภัยแล้ง ทางรัฐบาลกำลังจะมอบหมายให้กองทัพบกเข้าช่วยสนับสนุนโครงการขุดลอกคูคลองทั่วประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดสรรและแบ่งมอบงานจากรัฐบาล
ผบทบ.ได้ชื่นชมการปฏิบัติงานของหน่วยทหารในห้วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะการดูแลประชาชนและงานรักษาความสงบเรียบร้อย ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากสังคม
และขอให้ดำรงมาตรฐานการทำงานดังกล่าวในทุกเทศกาลและสถานการณ์
ส่วนการทำงานในหน้าที่รับผิดชอบทั้งด้านการทหารนั้น ขอให้เน้นเรื่องการฝึกทบทวนและฝึกให้เกิดความพร้อมทั้งกำลังพลและหน่วยงาน สามารถเข้าปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลดีต่อบ้านเมืองและเป็นศักดิ์ศรีของประเทศ
พลเอกธีรชัย ยังได้กำชับให้ผู้บังคับหน่วย ให้การดูแลสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของกำลังพลให้ดีขึ้น ให้เกิดความภาคภูมิใจในหน่วยงาน ล่าสุดได้อนุมัติโครงการซ่อมปรับปรุงอาคารสิ่งปลูกสร้างและสาธารณูปโภคให้กับกำลังพลชั้นผู้น้อย เพิ่มเติมจากโครงการซ่อมแซมบ้านพักกำลังพลที่มีอยู่ในแผนงานประจำปี ๕๙
รวมทั้งได้ปรับลดอัตราค่าบริการอาคารที่พักในแหล่งท่องเที่ยวของกองทัพบก เพื่อให้กำลังพลและครอบครัวได้ไปใช้บริการอย่างมีความสุข

พลิกปูมอาจารย์สาวหนีทุนมหิดล


แรงไม่หยุด! กับกรณีอดีตอาจารย์สาวหนีทุน ที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมขณะนี้ จนชาวเน็ตตามขุดคุ้ยประวัติของทันตแพทย์หญิงระดับด็อกเตอร์ที่ไม่กลับมาทำ งานใช้ทุนตามสัญญา จนผู้ค้ำประกันต้องชดใช้เงินแทน
ไล่เรียงเหตุการณ์ เริ่มจากที่ ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ ทันตแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่งในจ.สระบุรี เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่ได้ชดใช้เงินค้ำประกันราว 2 ล้านบาท แทนทันตแพทย์หญิงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์คณะทันตแพทย์ ม.มหิดล ซึ่งขอทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อปริญญาโทและปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วไม่กลับมาทำงานใช้ทุนตามสัญญาว่า
“สิ้นสุดสักทีกับกรรมเก่า ผมได้ชดใช้ให้แล้ว รวมยอดกับที่ต้องชำระให้อีกร่วมล้าน กับการค้ำประกัน นางสาวxxx อดีตอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก คณะทันตแพทย์ ม.มหิดล ผู้ซึ่งรับทุนศึกษาต่อที่อเมริกา โดยมีผมซึ่งเข้ามาเรียนที่มหิดลในฐานะคนรู้จัก แต่ด้วยความที่เห็นแก่คณะและวิชาชีพจึงยอมค้ำประกันร่วมกับ อาจารย์และเพื่อนร่วมงานและเพื่อนอีกคนของ นางสาวxxx หวังว่าเค้าจะกลับมาทำประโยชน์แก่ส่วนรวม
 แต่สิ่งที่ผมและทุกคนได้รับคือบอกว่าไม่มีเงิน ทั้งๆที่เค้าทำงานเป็นนักวิจัยที่ ม.xxx รับเงินเดือนสูง อยู่อพาร์ทเม้นท์หรูหราในอเมริกา
เค้าทำได้แม้อาจารย์ผู้สั่งสอนและสนับสนุนให้เค้าได้เรียน ผู้ร่วมงาน เพื่อน อย่างไม่ละอายแก่ใจ พ่อของเค้าและญาติพี่น้องก็ไม่สนใจ เค้าเคยโทรหาผมแค่ครั้งเดียวว่าจะไม่ทำให้ผมเดือดร้อน ผมยังต้องส่งเสียลูกอีก4คน แต่ผมต้องนำเงินมาชำระแทนเค้า เลยขอให้เรื่องนี้เตือนสติแก่ผู้ที่จะค้ำประกันใคร การศึกษาและชาติตระกูลไม่ได้ช่วยอะไร
  เค้าวางแผนล่วงหน้าแล้วให้พ่อเค้ารับผิดชอบน้อยที่สุดและมาชดใช้ให้หมดแต่ ไม่ยอมชดใช้ให้คนอื่น ช่วยแชร์กันนะครับ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ และผู้ที่จะทำธุรกรรมกับคนในครอบครัวนี้หรือบุคคลอื่น แม้ท่านจะปรารถนาดีก็ตาม”
12642445_10206680341461556_955376991845016102_n
ไม่นานนักข้อความของทพ.เผด็จก็ถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็วในโลกโซเชียล
เรื่องดังกล่าวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่พ.ศ. 2536 โดยทางมหาวิทยาลัยมหิดลได้เสนอชื่ออาจารย์หญิงคนดังกล่าวขอทุนจากรัฐบาล แต่เนื่อจากอาจารย์หญิงคนนี้เพิ่งเรียนจบและทำงานได้เพียง 1 ปี จึงต้องมีผู้คำประกันให้ โดยปรากฏชื่อผู้ค้ำประกัน 4 ราย
อาจารย์หญิงรายนี้ใช้เวลาเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 10 ปี โดยใช้ทุนประมาณ 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทุนการศึกษาของรัฐบาลนั้นจะมีเงื่อนไขในสัญญาที่แตกต่างกันไป แต่โดยปกติจะมีการชดใช้ 2 รูปแบบ คือ เวลากับเงิน การชดใช้ด้วยเวลา คือต้องกลับมาทำงานชดใช้เป็นเวลา 1 หรือ 2 เท่า จากที่ใช้เวลาเรียนไป และหากไม่กลับมาทำงานก็ต้องชดใช้เป็นเงิน ในกรณีนี้มีเงื่อนไขว่ากรณีไม่ทำงานใช้ทุนจะต้องจ่ายเงินคืน 3 เท่าจากทุนที่ได้รับ
ต่อมาพ.ศ.2547 อาจารย์หญิงแจ้งกลับมาทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัดว่า ปฏิเสธการกลับมาทำงานและใช้ทุนคืน ซึ่งจำนวนเงินที่จะต้องชดใช้เงินคืน เป็นจำนวน 3 เท่าของ 10 ล้านบาท นั่นหมายถึง 30 ล้านบาท ทางมหาวิทยาลัยจึงติดต่อไปยังผู้ค้ำประกันทั้ง 4 รายเพื่อชดใช้เงินแทน คือ ทพ.เผด็จ-อาจารย์ของทันตแพทย์หญิง-เพื่อนร่วมงานของทันตแพทย์หญิง-เพื่อนของ ทันตแพทย์หญิง
ภายหลังผู้ค้ำประกันได้มาเจรจาต่อศาลเพื่อขอลดหย่อนชดใช้ตามจำนวนทุนที่ ได้รับ 10 ล้านบาท และทยอยชดใช้เงินจนหมด ก่อนที่ทพ.เผด็จจะโพสต์เฟซบุ๊กเผยแพร่เรื่องราวจนเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง
ทพ.เผด็จ ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กอีกว่า “ขณะนี้ได้ตั้งทนาย พร้อมส่งจดหมายแจ้งเรื่องดังกล่าวไปถึงอาจารย์ที่เป็นคู่กรณีและ มหาวิทยาลัยxxx ปรากฏว่าอาจารย์คนดังกล่าวได้ตั้งทนายสู้คดี ทั้งยังข่มขู่ทนายของตนด้วย ส่วนทางด้านมหาวิทยาลัยxxxมีจดหมายตอบกลับมาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว จึงไม่สามารถเข้ามาช่วยจัดการได้”
และให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมภายหลังว่า
“อาจารย์หญิงคนดังกล่าวแจ้งความจำนงว่าจะไม่กลับมา และขอลาออกจากการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยมหิดล โดยปัจจุบันเธอเป็นหมอฟัน และเป็นนักวิจัยของมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศอเมริกา และเท่าที่ทราบมาพบว่า อาจารย์หญิงคนนี้มีชีวิตที่ดีอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่หรูหรา ซึ่งผู้ค้ำประกันทุกคนต่างเดือดร้อนถึงขนาดต้องนำบ้านไปจำนองและยื่นกู้ เพื่อนำเงินมาใช้ในส่วนนี้ ขณะที่ตนก็ทำเรื่องยื่นกู้เช่นกัน โดยจ่ายเงินจำนวน 2 ล้านบาทไปให้ทางมหาวิทยาลัยมหิดลแล้ว”
หลังจากที่ทพ.เผด็จติดต่อไปยังมหาวิทยาลัยที่ทันตแพทย์หญิงทำงานอยู่ปราก ฎว่า ทางมหาวิทยาลัยตอบกลับมาว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ทางมหาวิทยาลัยไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
กรณีนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในโลกออนไลน์ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กบางรายไปตามขุดประวัติ ที่อยู่ สถานที่ทำงาน ภาพบ้านหรูในสหรัฐอเมริกาของทันตแพทย์หญิงคนดังกล่าว
0054ผู้ใช้เฟซบุ๊กตามไปคอมเม้นท์ต่อว่าในแฟนเพจหน้าหนึ่งซึ่งปรากฏชื่อและภาพของอดีตอาจารย์สาว
ภายหลังจากมีกระแสกดดัน ทันตแพทย์หญิงได้ติดต่อกลับมา โดยทพ.เผด็จ เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กไว้ว่า
“ขอบคุณทุกท่านครับ กระแสSocial ทำให้นางตอบมาแล้วครับ บอกยืนยันคำเดิม จนจัง ให้จ่ายไปก่อนนะ จริงๆก็จ่ายไปแล้ว และนางไม่มีสำนึกที่จะขอโทษที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย คงยากที่sheจะคิดได้ ขนาดSocialแรงแล้วนะ”
12642472_1723291544552092_7464392489366322468_n
แน่นอน กรณีของอดีตอาจารย์สาวรายนี้ไม่ใช่รายแรกและรายสุดท้าย ยังมีผู้ขอทุนอีกหลายรายที่ไม่ได้กลับมาชดใช้ทุนตามสัญญา ซึ่งแต่ละรายก็ต้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย นับเป็นกรณีตัวอย่างที่เตือนใจถึงผู้สนใจศึกษาต่อต่างประเทศว่าในการขอทุน แต่ละทุนนั้นต้องศึกษาเงื่อนไขข้อผูกมัดให้ดีก่อนตัดสินใจ
เพราะหากทำผิดสัญญาแล้วอาจทำให้เดือดร้อนถึงบุคคลอื่นดังเช่นในกรณีนี้
- See more at: http://www.prachatalk.com/webboard/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99#sthash.1uF9RFbH.dpuf

คณิณ บุญสุวรรณ: รธน.คลุมถุงชน



- See more at: http://www.prachatalk.com/webboard/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%8A%E0%B8%99-%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B0-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93#sthash.XaWRW1KQ.dpuf

ทะเลจีนใต้ระอุ...จีนประกาศว่าได้ "ขับไล่" เรือพิฆาตมะกัน Curtis Wilbur ออกจาก "น่านน้ำจีน"

12. จอร์จ โซรอสนำทัพถล่มกำแพงเมืองจีน
วันนี้ ทะเลจีนใต้ระอุ...จีนประกาศว่าได้ "ขับไล่" เรือพิฆาตมะกัน Curtis Wilbur ออกจาก "น่านน้ำจีน" ใกล้หมู่เกาะ Xisha ด้วยกองทัพเรือและอากาศ
โซรอสกำลังทุบหยวนและฮ่องกงดอลล่าร์ สหรัฐจึงต้องออกแรงช่วยด้วยการปั่นความขัดแย้งทางทหารเข้าไปจะได้ทำลายความมั่นใจในหยวน และฮ่องกงดอลล่าร์
โซรอสต้องการทุบHK dollar ให้ระบบค่าเงินคงที่พังไปเลยเหมือนที่ทุบบาทปี1997 ทำให้บาทต้องลอยตัวลดค่ามหาศาล
เกมโยกจากซีเรียมาทางนี้
 
รูปภาพของ Thanong Fanclub
- See more at: http://www.prachatalk.com/webboard/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%86%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-curtis-wilbur-%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81#sthash.y6vx7Bcr.dpuf

“อุทัย”เตือน“บิ๊กตู่”ดูนักปฎิวัติรุ่นพี่ไปไม่รอดซักราย ซัดทำผิดมาตลอด-อย่ามาโทษปชช.






ที่มา มติชนออนไลน์
30 ม.ค. 59

อุทัย ตั้งชื่อ รธน.ฉบับมีชัย รธน.ใส่หมวก เพื่อปกปิดบางอย่าง ติง ส.ว.แขนคอก ไม่ใช่เพื่อ ปวงชน เหน็บบิ๊กตู่ ไม่มีความอดทน เลือกตั้งมาตกแน่ ชี้ ผู้นำต้องมีความกล้าหาญแต่ไม่ใช่กล้าหาญแบบทหาร เตือน ฟังรุ่นพี่ทหารที่เคยปฏิวัติ ไม่มีใครมีจุดจบดี อย่าอ้างปรองดองเป็นสาระสำคัญ สภาจะจัดการเรื่องนี้เอง ร้องเพลงไม่ช่วย

เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่โรงแรมรามา การ์เดนส์ ถ.วิภาวดีรังสิต สภาพัฒนาการเมืองได้จัดงานวันสถาปนาพัฒนการเมืองครบรอบรอบ 8 ปี ภายใต้แนวคิดที่ว่า “พลเมืองไทยร่วมใจพัฒนาการเมือง” ภายในงานประกอบผลงานการวิจัย บทความเชิงวิชารเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระดับชาติและระดับท้องถิ่น การสัมมนาเชิงวิชาการและการแสดงนิทรรศการต่างๆ โดยนาย ธีรภัทร์ เสรรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง ทำหน้าที่เป็นประธานเปิดงานและกล่าวว่า สภาพัฒนาการเมืองเป็นขั้นตอนแรกของการกล่อมเกลาทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์วัฒนธรรมทางการเมืองในสังคมไทยต่อไป โดยสภาพัฒนาการเมือง ตั้งขึ้น ตาม พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากรเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรมและจริยรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในทางการเมือง ทั้งนี้การจัดงานในวันนี้ก็เป็นถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ประชาชนเป็นส่วนหนึ่งทางการเมือง

ต่อมานายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในเรื่อง การพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า การเมืองทุกวันนี้ถูกย่ำยี น่าอับอายขายหน้า จนคนไม่เห็นประโยชน์ของการเมือง คำว่านักการเมืองถูกมองเป็นเหมือนตัวเสนียดจัญไรของบ้านเมือง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตนต้องมาพูดในวันนี้และตนรอไม่ได้ให้บ้านเมืองไม่มีการเมือง โดยหากพูดถึงการเมืองระบอบประชาธิปไตย บางคนไม่เข้าว่าคืออะไร นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของของสหรัฐอเมริกาได้อธิบาย ว่าคือ การปกครองเพื่อประชาชนโดยประชาชนของประชาชน จะขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ ไม่ใช่การปกครองโดยประยุทธเพื่อประยุทธ อันนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่ทั้งนี้ท่านก็เข้าใจว่าตัวเองไม่ใช่ประชาธิปไตย รอเพียงเวลาเปลี่ยน แต่เวลาเปลี่ยนผ่านนั้นจะนานเท่าไหร่เราก็เดาใจยากเพราะเลื่อนไปเรื่อยๆ

นายอุทัย กล่าวว่า การปกครองเพื่อประชาชนโดยประชาชนของประชาชน นั้นต้องมีการตกลงปรึกษาหารือกัน มีการเลือกตั้ง มีสภาที่ดี โดยสภา คือ ที่พูด ให้พูดกันเพื่อไม่ให้ตีกันหรือคว้างแฟ้มกัน ซึ่งตรงนี้อยากให้นักการเมืองอธิบายให้ประชาชนเจ้าใจ ว่าทำไมสภาถึงมีแต่คนเลว เปิดสภาก็มีแต่การพูดเรื่องเลว ขอทำความเข้าใจ ว่าเพราะสภาเป็นที่พูด ให้พูดเรื่องเลวกับคนเลวเท่านั้น เรื่องดีไม่ต้องพูด มีคนเลวช่วยกันรุม เพื่อป้องกันคนเลวกระเทือนความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้ประชาชนเสียโอกาส ทำหน้าที่ปกป้องประชาชน ใครมาทำร้ายประชาชนผู้แทนต้องสู้อภิปรายอย่าทำเลย ไม่ควรอยู่ไปเลยจึงมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่างไรก็ดีคนทั้งสภาไม่มีเสียหมด อย่างดีก็เสียเพียงสองสามคน และการพูดในที่สภาก็จะทำให้เราทราบว่าต่อไปอย่าเลือกคนเลวนี้มาอีก และโอกาสนี้เพื่อให้ประชาชนเป็นใหญ่

นายอุทัย กล่าวว่า ทั้งนี้การเลือกตั้งใกล้เข้ามา รัฐธรรมนูญกำลังจะคลอด โดยรัฐธรรมนูญหลายฉบับมีฉายา บางฉบับก็ว่าฉบับฟันปลอม มาคราวนี้นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน กรธ.กลับมาร่างอีกและเมื่อเวลาร่างก็ใส่หมวกทุกครั้ง ฉบับนี้จึงน่าจะมีฉายาฉบับใส่หมวก การใส่หมวกเพื่อปกปิดบางอย่าง จะกันลมเพราะกระหม่อมบางเป็นไปได้ กันเย็นเป็นไปได้ก็แล้วแต่ แต่ทั้งนี้การใส่หมวกนั้นก็เพื่อปกปิดอะไรบ้างอย่าง เช่น การบอกว่าให้ผู้แทนมาจากการคัดสรรดีกว่าเลือกตั้ง ซึ่งคนภูมิใจ ว่าการคัดสรรบุคคลมาเป็น ส.ว. คือ ได้ตัวแทนแต่ละกลุ่มอาชีพมีความรู้จริง แต่ท่านรู้ไหมผู้แทนกลุ่มอาชีพมา กลายเป็นผู้แทนแขนคอก คือ ยืดแขนไกลตัวไม่ได้ เข้าหาตัวได้ แต่ไกลตัวไปไม่ได้ ดังนั้นเลือกคนจากกลุ่มอาชีพก็จะเกาะอาชีพตัวเป็นหลักไม่ไปอย่างอื่นไม่งั้นเสียประโยชน์ กลายเป็นคอกใครคอกมัน อย่างรัฐธรรมนูญ ปี 50 มีผู้แทนแขนคอกเข้ามา ยืดอายุข้าราชการจาก 60 ปีเป็น 70 ปี ซึ่งผู้แทนกลุ่มอาชีพเป็นผู้แทนปวงชนไม่ได้ เป็นผู้แทนอาชีพใครผู้แทนอาชีพมัน ดังนั้นจึงให้มีการเลือกตั้งเพราะการเลือกตั้งเป็นระบบคัดผู้นำ

นายอุทัย กล่าวต่อว่า เราเป็นมนุษย์และมนุษย์เป็นสัตว์ฝูง สัตว์ไปไปไหนไปตามกันเพราะผู้นำชำนาญ โดยมนุษย์ต้องมีผู้นำ ซึ่งการหาผู้นำก็ด้วยการเลือกตั้งเป็นระบบคัดผู้นำที่ดี โดยพระพุทธเจ้ากล่าวว่าการเป็นผู้นำที่ดีตามหลักพุทธศาสนานั้นสามารถนำมาจับกับการเมืองได้คือ ต้องมีความกล้าหาญ แต่ต้องขอทำความเข้าใจ ว่า ทหารกับความกล้าหาญคนละเรื่องกัน ซึ่งผู้ที่มีความกล้าหาญต้องมีคุณสมบัติในตัว 5 อย่าง คือ 1.มีศรัทธา เช่น หากบอกว่ามาเพื่อความจำเป็นก็ให้รีบไปให้เร็ว ถ้าบอกว่ามาเพราะชอบเชื่อ มั่นใจ ข้อที่หนึ่งผ่าน 2.มีศีล 3.รู้มาก ฟังมากเห็นมาก และที่เขาบังคับให้หาเสียก็เพื่อให้คุณรู้มาก ฟังมาก เห็นมาก บางที่ตำบลนั้นเราไม่รู้เป็นไงก็ไปฟังให้รู้ ไม่รู้เขาสอนก็ต้องฟัง แล้วนำมาประกอบการพิจารณาการปกครอง 4.มีความอดทน โดยเฉพาะความอดทนกับประชาชน ถึงแม้จะโดนด่าก็ต้องทนฟัง แต่นายกรัฐมนตรีเราเก่งนะแต่ความอดทนไม่มี ถ้าเลือกตั้งก็ตกแน่ แต่ดีที่ท่านไม่คิดเลือกตั้ง อีกอย่างผู้ช่วยรัฐมนตรีท่านหนึ่งไปฟังปัญหายางไปไม่ถึงครึ่งทาง คนถามอะไรไม่รู้หนีเลย นี้ขาดภาวะผู้นำแต่ตนไม่ว่าท่านนะเพราะท่านไม่คิดเป็นผู้นำและ 5.มีปัญญา คือต้องเป็นคนฉลาด แต่ทั้งนี้ซึ่งที่เหนือกว่าปัญญา คือ ปาก หากรู้ดีแต่ปากหมาก็เจ๊งเหมือนกัน

นายอุทัย กล่าวว่า ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้กล่าวว่าคนที่จะเป็นผู้นำได้ต้องมีความกล้าหาญและคนที่มีความกล้าหาญได้ต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติสำคัญดังข้างต้น ซึ่งทหารกล้าหาญมันคนละเรื่อง ทั้งนี้เพื่อความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย ว่ามีความสำคัญอย่างไร เพราะหลายคนมองว่าประชิปไตยไว้ก่อน ปากท้องก่อน เนื่องจากคนจนเยอะ ทำให้คณะปฏิวัติทุกคณะที่ประสบความสำเร็จเนื่องจากบอกว่าขณะนี้บ้านเมืองแตกความสามัคคีประชาชนยากจน คนเลวเข้าสภา ก็เข้ามาปฏิวัติ แต่ถามว่านักปฏิวัติอยู่รอดปลอดภัยกี่คน อย่าง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ประชาชนขับไล่ด้วยซ้ำ จอมพล ผินไปไหน นี้ระดับจอมพล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดียมบาลนำตัวไปก่อนอยู่นานก็โดนประชาชนขับไล่เหมือนกัน นี่ทหารทั้งนั้นที่ยุ่งการเมืองไปไม่รอดสักราย ไปไม่ช้าด้วยไปเร็ว

“ไหนพูดแล้วมีทหารมาฟังหรือไม่ ถ้าฟังขอบใจมาก ถ้าไม่มีพูดแล้วไร้ค่า ผมอยากปรับทัศนคติบางคน ว่า นี่ดูรุ่นพี่ๆบ้างนะ ล้วนเป็น พล.อ. จอมพลทั้งนั้นจุดจบตรงไหน คุณก็เป็นรุ่นน้อง หากคิดว่าเก่งกว่าเขาก็อยู่ต่อไปแต่หากคิดว่าไม่เก่งกว่าเขาก็รีบถอยออกไป และทุกวันนี้อย่าไปเชื่อคำพูดคนสองพวกที่พูดว่าอยู่ต่ออย่างนี้ต่อไปดีแล้ว และที่บอกว่าให้อยู่ต่อเพราะยังทำหลายเรื่องที่ไม่เรียบร้อยจะทำให้การปฏิรูปเสียของ แต่ผมห่วงว่าจะเสียคนมากกว่าซึ่งเป็นการเสียคนทางการเมือง และผมอยากให้มีคนดีเหลือไว้บ้าง เพื่อมีวิกฤติจะได้เข้ามาได้อีก ทั้งนี้คนที่บอกนายกฯว่าให้อยู่ต่อไป คนพวกนั้นคือคนที่สบายแล้ว มีอันจะกิน แต่คนพวกอื่นนั้นเขาสบายหรือไม่ก็ไม่รู้ และหากเรื่องที่ค้างอยู่ เรื่องที่ทำไม่ได้ก็ปล่อยให้รัฐบาลที่เขามาจากการเลือกตั้งทำต่อไปก็ได้”นายอุทัยกล่าว

นายอุทัย กล่าวว่า ทั้งนี้คำพูดของผู้นำถือเป็นสัญญาประชาคม ท่านพูดทำตามโรดแมป ทำไปเถอะ ไม่มีบ้านเมืองไหนเรียบร้อยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะในต่างประเทศแม้จะสถานการณ์ไม่สงบ มีสงครามกับต่างประเทศก็ยังมีเลือกตั้ง และการเลือกตั้งทำให้ผู้มีข้อขัดแย้งได้มาพบกันในสภา ไม่งั้นคนที่มีความขัดแย้งคงต้องไปพบกันตามป่าเขา และอย่าห่วงเรื่องการปรองดอง ตนเป็นห่วงแทนฟังที่ท่านพูดเพลงที่ท่านร้อง ท่านคงยังไม่รู้ว่าปรองดองไม่ได้เกิดได้เพราะเสียงเพียง เพราะงั้นอย่าเอาคำว่าปรองดองมาเป็นสาระสำคัญมากนัก ขนาดพี่น้องพ่อแม่เดียวกันมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ยังไม่ปรองดองกันเลย บางครั้งฆ่ากัน แล้วประชาชนผลประโยชน์ต่างกันจะปรองดองได้อย่างไร อย่าฝืนธรรมชาติเป็นไปไม่ได้ หากต้องการทำให้บ้านเมืองสงบหาผลประโยชน์ให้ลงตัว โดยวิธี คือ ปล่อยให้เลือกตั้ง อยู่ในสภาเจอกัน มันต้องพูดกันได้ด้วยเหตุผลชัดเจน ตรงนี้คือที่มาของความปรองดอง ตรงนี้ทั่วโลกห่วงไทย เนื่องจากประชาธิปไตยมีค่า มีราคา มีความหมาย แต่ตนก็ยังกังวลว่าหากมีการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใส่หมวกอย่างนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ทั้งนี้คนไทยไม่ได้กินแกล็บ ซ้อนอะไรไว้เขาเห็น และนี่ก็ใกล้วันรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่างๆซึ่งคิดว่าจะไม่มีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเพราะเขาคิดว่าเขาทำดีแล้ว แต่ถ้าประชาชนบอกไม่ดีก็อย่ามาโทษประชาชน เพราะคุณทำผิดมาตลอด และ อย่าบอกว่าที่ไปไม่รอดต้องโทษคนที่บอกว่าไปไม่รอด เพราะมันจะเหมือนทำของบูดให้กินแล้วคนท้องเสีย จะโทษคนกินไม่ได้ และนี่ก็พูดเพื่อผู้นำทั้งหลาย ใครทำไม่ดีก็ไปไม่รอด เพราะสภาทำให้คนไม่ดีไปไม่รอดอย่างจอมพลถนอม เจอสภาเล่าความเลวร้ายก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้น หากมีประชาธิปไตย อย่าห่วง ทั้งนี้การที่ผู้นำจะอยู่ได้นานเมื่อมีปัญหา ต้องมีการถ่ายยา นั้น คือการยุบสภา โดยในยุคพล.อ.เปรม ที่ถือว่าอยู่นานสุด ก็ยุบสภาบ่อยสุดเพราะถ่ายยานั้นเอง ซึ่งถือว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุด ยุบเอาคนไม่ดีออก คนดีเข้ามาแทน

ต่อมานายอุทัย ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่ผ่าน ตนไม่อยากชี้นำ เดี๋ยวร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะมาโทษตนอีก ซึ่งแนวทางประชาธิปไตยจะไปอย่างไร คิดว่าประชาชนมีความรู้เยอะอยู่แล้ว โดยตนเสนอว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็อาจให้นายกฯมาจากการเลือกตั้งโดยตรงแล้วอยู่ต่อ 4 ปีและถ้านายกฯมาจากการเลือกตั้งโดยตรงก็ไม่ต้องห่วงว่า ส.ส.จะมีความผูกพันกับรัฐบาลอย่างไรเพราะสามารถแยกฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารได้ และให้ฝ่ายนิติบัญญัติมีวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปี โดยทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รวมถึงการตรวจสอบงบประมาณว่าเหมาะสมหรือไ

ooo

วันสถาปนาสภาพัฒนาการเมือง ครบรอบ 8 ปี และงานสมัชชาพัฒนาการเมือง ประจำปี พ.ศ. 2559

คนส่วนใหญ่ ไม่แน่ใจว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการลงประชามติ


ผลสำรวจความคิดเห็นชิ้นล่าสุดของสวนดุสิตโพล ที่สอบถามประชาชน ทั่วประเทศ 1,338 คน เมื่อวันที่ 26-30 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่าคนส่วนใหญ่ ไม่แน่ใจว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการลงประชามติ และเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นกลาง เน้นอำนาจรัฐ เอื้อประโยชน์พวกพ้องจะไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน คนส่วนใหญ่ยังรอฟังกระแสสังคมประกอบการตัดสินใจ เพราะไม่เข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญถ่องแท้

ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลล์พบว่าคน 60.92% ไม่แน่ใจว่าร่างรัฐธรรมนูญ จะผ่านการลงประชามติ เพราะที่ผ่านมามีประเด็นที่สร้างความขัดแย้งมาโดยตลอด ทำให้ประชาชนตัดสินใจลำบาก เพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจ เรื่องรัฐธรรมนูญที่ชัดเจน คงต้องรอฟังกระแสสังคม หรือการวิพากษ์วิจารณ์ จากผู้รู้หลาย ๆ ท่าน 

อย่างไรก็ดี คนราว 22.62% เห็นว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญเพราะอยากเห็นบ้านเมืองพัฒนา เดินหน้าต่อไปได้ โดยที่คนอีก 16.46% เห็นว่าจะไม่รับร่างด้วยเหตุผลหลายประการ รวมทั้งเหตุผลที่ว่าไม่ว่าจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับใด บ้านเมืองก็ยังคงวุ่นวายเช่นเดิม

ทั้งนี้ คน 75.78% เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นกลาง เน้นอำนาจรัฐ และเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง จะไม่ได้รับประชามติจากประชาชน ขณะที่คน 78.48% เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ได้มาตรฐาน เป็นไปตามหลักสากล เป็นประชาธิปไตย จะผ่านการลงประชามติ และคน 67.86% เห็นว่าหากร่างรัฐธรรมนูญมีความเสมอภาค คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพและ การมีส่วนร่วมของประชาชน คนก็จะยอมรับ

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้เผยแพร่ร่างแรกเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ให้ข้อมูลว่า หลังจากนี้จะต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คาดว่าขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณสองเดือน โดยที่ร่างรัฐธรรมนูญจะเสร็จสมบูรณ์ พร้อมส่งให้คณะรัฐมนตรีปลายเดือนมีนาคม 2559 จากนั้นจะมีการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ จัดส่งให้ประชาชน ก่อนจะประกาศวันลงประชามติ โดย กกต.กำหนดวัน ออกเสียงประชามติเบื้องต้นไว้ในวันที่ 31 ก.ค.2559

ประชาธิปัตย์ค้าน 'นายกคนนอก-กาบัตรใบเดียว' ด้าน นปช. ไม่อยากให้องค์กรอิสระมีอำนาจมากขึ้น


ประชาธิปัตย์ค้าน 'นายกคนนอก-กาบัตรใบเดียว' ด้าน นปช. ไม่อยากให้องค์กรอิสระมีอำนาจมากขึ้น

พรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการเปิดทางให้มีนายกคนนอกและการลงคะแนนด้วยการกาบัตรใบเดียว เพราะอาจไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ด้าน 'จตุพร พรหมพันธุ์'  ประธาน นปช.ไม่เห็นด้วยกับการบัญญัติให้องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจมากขึ้นโดยเชื่อว่าเป็นอำนาจเหนือรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
 
31 ม.ค. 2559 ThaiPBS รายงานว่านายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ควรปรับแก้ คือ การเปิดทางให้มีนายกฯ คนนอก ตามกระบวนการปกติ ด้วยบทบัญญัติที่กำหนดให้พรรคการเมืองเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.เพราะพรรคเห็นว่า ผู้ที่จะเข้ามาใช้อำนาจรัฐควรต้องมีส่วนยึดโยงกับประชาชน
 
พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่เห็นด้วยกับการลงคะแนนเสียงโดยใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว เพราะเชื่อว่า ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชน กรณีที่ต้องการเลือกตัวบุคคลและพรรคการเมืองต่างกัน พร้อมเป็นห่วงถึงดุลยภาพอำนาจในสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่มีการกำหนดให้มีรองประธานสภาผู้แทนราษฎรจากฝ่ายค้านรวมอยู่ด้วย อาจทำให้เกิดปัญหาเสียงข้างมากลากไป เหมือนในอดีต แต่ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีข้อสรุปว่า จะรับ หรือ ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยจะหารือกันภายในสัปดาห์หน้า เพื่อส่งความคิดเห็นและข้อเสนอแนะกลับไปยัง กรธ.
 
ก่อนหน้านี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้นไม่ยึดโยงประชาชนโดยเฉพาะบทเฉพาะกาล ไม่เป็นนิติรัฐและไม่มีหลักนิติธรรม ขณะที่การออก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ และการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปสำคัญ กลับเกิดขึ้นภายใต้กระบวนการที่นายจาตุรนต์ระบุว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย
 
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ไม่เห็นด้วยกับการบัญญัติให้องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจมากขึ้นโดยเชื่อว่า เป็นอำนาจเหนือรัฐบาลจากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะรูปแบบการตักเตือนการทำงานของรัฐบาล ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เมื่อกำหนดว่าต้องมีเสียงสนับสนุนร้อยละ 10 จากทุกพรรคการเมือง เท่ากับประชาชนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากออกเสียงประชามติคว่ำร่างฉบับนี้
 
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ไม่กังวลกับเสียงวิจารณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้น แต่พร้อมรับฟังข้อคิดเห็นที่มีเหตุผล โดยนำเสนอทั้งประเด็นที่ไม่เห็นด้วย และข้อเสนอแนะ พร้อมย้ำว่า ร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้นมีจุดเด่นที่การปราบโกง และการทำให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนมีผลในทางปฏิบัติ โดยระบุให้เป็น หน้าที่ของรัฐ ซึ่งเป็นหมวดใหม่ และหาก กรธ.มีโอกาสได้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ ป.ป.ช.จะพิจารณาเพิ่มโทษให้รุนแรงขึ้น อาจถึงขั้นประหารชีวิต
 

ล้ม รธน.เลือกตั้งเร็วกว่า? ทายท้าวิชามาร


ใบตองแห้ง

ป่วยการพูดว่า ร่างรัฐธรรมนูญ “มีชัยใส่หมวก” เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ในเมื่อวิษณุ เครืองาม อ้างว่า ไม่มีรัฐธรรมนูญที่ไหนเป็นประชาธิปไตย 100% พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็บอกว่าคิดแต่เรื่องประชาธิปไตยประเทศจะถอยหลังไปเรื่อยๆ (อ้าว แล้วจะร่างรัฐธรรมนูญกลับสู่ประชาธิปไตยไปทำไม)
ประเด็นสำคัญที่จะชี้ชะตาการเมืองไทย คือร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านประชามติไหม (ถ้าไปถึงประชามติ)
หากย้อนไปดูรัฐธรรมนูญ 2550 ก็มีจุดอ่อนที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเช่นกัน แต่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ชูจุดขาย “รับรัฐธรรมนูญเลือกตั้งเร็ว” รับไปก่อนแก้ทีหลัง แก้ง่ายนิดเดียว อาศัยคนไทยกำลังเบื่อหน่ายรัฐบาลขิงแก่ อยากเลือกตั้งเต็มทน คิดว่ารับก่อนค่อยมาแก้ (ที่ไหนได้)
รัฐธรรมนูญมีชัยใส่หมวกตรงกันข้าม ไม่มีรับไปก่อนแก้ทีหลัง มีแต่รับแล้วต้องใช้ชั่วกัปกัลป์ เพราะมาตรา 253 ให้ใช้เสียง ส.ส.ทุกพรรครวมกัน อย่างน้อย 10% ของพรรคที่มี ส.ส. 10 คนขึ้นไป แม้กระทั่งพรรคต่ำสิบ ถ้ามี ส.ส.รวมกันเกินสิบ ก็ต้องได้ 10% มันเป็นไปได้ที่ไหน กระทั่งสองพรรคใหญ่จับมือกันยังแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้
เอ้า ต่อให้ ส.ส.ทั้งสภาจับมือกัน ก็ยังต้องใช้ 1 ใน 3 ของวุฒิสภาสาขาอาชีพ สมมติแก้ให้วุฒิสภากลับไปเลือกตั้ง ใครมันจะทุบหม้อข้าวตัวเอง หรือต่อให้ ส.ส. ส.ว.ทั้งหมดจับมือแก้อำนาจศาล ที่มาองค์กรอิสระ ฯลฯ การแก้ไขขั้นสุดท้ายต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถ้าศาลบอกทำไม่ได้ ก็มีความผิดฐานล้มล้างระบอบการปกครองกันทั้งสภา
รัฐธรรมนูญมีชัยใส่หมวก รับแล้วยังเลือกตั้งช้า ใช้เวลาอย่างน้อย 15 เดือนกว่าจะเลือกตั้ง โดยระหว่างนั้นคนไทยไม่ต้องเหงาหู ลุงตู่ยังออกทีวีทุกคืนวันศุกร์ เพราะมาตรา 257 ให้ คสช.ยังมีอำนาจ ม.44 ครบมือจนตั้งรัฐบาลใหม่ คสช.ยังออกคำสั่งย้ายข้าราชการ ยังเรียกคนไปปรับทัศนคติได้ แม้รัฐธรรมนูญใหม่เขียนสิทธิเสรีภาพไว้ ก็ไม่มีผลอะไร เพราะรัฐธรรมนูญถาวรอยู่ใต้รัฐธรรมนูญชั่วคราว
มาตรา 259 ลากยาวให้ กรธ.เขียนกฎหมายลูก 10 ฉบับ 8 เดือน สนช.พิจารณาอีก 2 เดือน แล้วจึงเลือกตั้งใน 5 เดือน จากโรดแมพ 6-4 กลายเป็น 8-2-5 รวม 15 เดือน โดยหมกเงื่อนไขอีกว่า ถ้า กรธ.เขียนไม่เสร็จให้ยุบ แล้วให้หัวหน้า คสช.ตั้ง กรธ.ชุดใหม่ ซึ่งไม่มีใครทราบว่าใช้เวลาอีกกี่เดือน
รัฐประหารครั้งไหนๆ ก็ไม่เคยลากยาวเท่านี้ ปี 2550 ประกาศรัฐธรรมนูญแล้วเลือกตั้งใน 4 เดือน คมช.ยังอยู่แต่ไม่มีอำนาจ กระทั่ง “บิ๊กบัง” หนีไปเป็นรองนายกฯ
เมื่อเทียบกันจึงเห็นชัด รัฐธรรมนูญมีชัยทิ้งจุดขาย (หรือภาพลวงตา) ที่รัฐธรรมนูญ 2550 เคยใช้ รับรัฐธรรมนูญก็เลือกตั้งช้า ไม่มีคำว่ารับไปก่อนแก้ทีหลัง ใครที่เห็นด้วย 70-30 ก็ยังคิดหนักว่าถ้ารับแล้ว 30 นั้นแก้ไม่ได้เลย
มีชัยขู่ว่าถ้าประชามติคว่ำร่างใหม่โหดกว่านี้ยังมีอีก ทำราวกับว่าถ้าประชามติคว่ำ เสถียรภาพการเมืองจะยังเหมือนเดิม
ระวังนะครับ ชาวบ้านจะคิดได้ว่า “ไม่รับ” เสียดีกว่า เพราะยังไงๆ พล.อ.ประยุทธ์ก็ลั่นวาจาสัตย์ มีเลือกตั้งในปี 2560 ถ้าประชาชนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ คสช.ก็ต้องรับฟัง ต้องร่างใหม่ให้ยืดหยุ่น และรีบถอยทัพกลับสู่เลือกตั้ง ดีกว่าอยู่นานจนเป็นอย่างที่อุทัย พิมพ์ใจชน เตือน

ใบตองแห้ง: รัฏฐาธิปัตย์ "หม่าฮั่น"


ใบตองแห้ง: รัฏฐาธิปัตย์ "หม่าฮั่น"


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อ่อนน้อมถ่อมตนน่ารักจัง เปรียบตัวเองเป็นหวังเฉา หม่าฮั่น ไม่ใช่ท่านเปา (หน้าดำ) และไม่ใช่ "พระเอก" อย่างจั่นเจา เป็นแค่เจ้าพนักงานจับนักการเมืองเข้าเครื่องประหารหัวสุนัขตามคำสั่งศาล
โห อุตส่าห์เสี่ยงทำรัฐประหารเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ท่านมีอำนาจเท่านั้นเองหรือครับ
มองมุมหนึ่งก็ใช่ รัฐประหารไทยแต่โบราณไม่ยุ่งกับศาล ขณะที่ศาลฎีกาก็รับรองรัฐประหารเป็นรัฏฐาธิปัตย์ (ใครอย่าบังอาจฟ้องร้อง) ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เกิดโน้น
รัฐประหารไทยจึงอยู่คู่ "กระบวนการยุติธรรม" (เฉยเลย) เว้นแต่จะใช้อำนาจ ม.17 ปุปุ โดยไม่ต้องขึ้นศาล หรือเว้นแต่ใช้ศาลทหาร ทั้งที่มองอีกด้าน ศาลต้องใช้ประกาศคำสั่งคณะรัฐประหารเป็นกฎหมาย เช่นสั่งห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ศาลจะตัดสินว่าไม่ผิดได้ไง หรือต่อให้ผู้พิพากษากล้าตัดสินไม่กลัวใคร ก็ยังต้องถาม ตำรวจ อัยการอยู่ใต้อำนาจใด สังคมที่ปิดกั้นเสรีภาพ จำเลยมีโอกาสสู้คดีแค่ไหน
แต่สังคมไทยก็เชื่อตลอดมา ว่าศาลยุติธรรมอยู่นอกอำนาจรัฐประหาร จนหลังรัฐธรรมนูญ 2540 ตั้งองค์กรอิสระ เราเกิดรัฐประหาร 2 ครั้ง ระบบ "แยกอำนาจ" ยิ่งพิลึกพิลั่น เพราะยกเลิกรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ยุบองค์กรอิสระ มีที่ไหนในโลกที่ Human Rights Watch ด่าฉอดๆ เป็นเผด็จการ แต่เรายังมีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก้มหน้าก้มตาทำงานจนครบวาระ (เลือกเข้ามาใหม่อีกต่างหาก)
ยุค คสช.เคารพศาลและองค์กรอิสระยิ่งกว่า คมช.อีกนะครับ เพราะไม่ยุบศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ไม่มีรัฐธรรมนูญ ไม่ยุบ กกต.ทั้งที่ไม่มีเลือกตั้ง ไม่ยุบศาลปกครอง แต่ใช้ ม.44 ย้ายข้าราชการ ไม่แตะต้อง ป.ป.ช.ปล่อยให้ทำหน้าที่ "ปราบโกง" รัฐบาลที่แล้วอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูล อัยการสูงสุดก็สั่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ตามกระบวนการ เมื่อป.ป.ช.ยื่นถอดถอน สนช.ก็ลงมติอย่างเป็นอิสระ และเมื่อ ป.ป.ช.ชี้ว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำประเทศเสียหาย หวังเฉา หม่าฮั่นทำไงได้ ก็ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของหน้าที่
และเมื่อ ป.ป.ช.ครบวาระ สนช.ก็ตั้งใหม่ 5 คน อยู่ไป 9 ปี (กว่าจะครบ 9 ปีก็คงมีรัฐประหารอีกที)
นี่คือความพยายามบอกชาวบ้านว่า "1 ระบอบ 2 อำนาจ" ไม่เกี่ยวกัน ทั้งที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ เช่นเดียวกับบอกให้ประชาชนเคารพกฎหมาย รักษากติกา แต่กฎหมายคืออะไร กฎหมายคือมาตรา 44
"กฎหมายเขาว่าอย่างไร เขาห้ามพูดก็อย่าพูดตอนนี้" ฉะนั้น อาจารย์ที่ต้องสอนให้เด็กไม่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง (ไม่กลัวกฎหมายก็ตามใจ)
คำถามก็คือ "1 ระบอบ 2 อำนาจ" นี้ใครเป็นผู้รับผิดชอบ ใครคือคนถือเผือกเผา ท่านเปา หรือหวังเฉา หม่าฮั่น ไม่ต้องตอบก็รู้กัน ใครที่อึดอัดอยู่ทุกวัน (มองต่างมุมก็น่าเห็นใจนะครับ ตั้งใจทำงานเพื่อชาติ แต่ทำอะไรๆ ไม่ได้ดังใจ)
เรามาไกลมากจากยุคสฤษดิ์ แล้วยังกลับไปแก้ปัญหาแบบยุคสฤษดิ์ แต่แทนที่จะบอกว่า "ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่ผู้เดียว" ก็พยายามจะบอกว่าเรามีอารยะ มีกลไก มีกระบวนการ แต่ไปๆ มาๆ กลับทำลายความเชื่อมั่นต่อกลไกกระบวนการ
อ๊ะ อ๊ะ พูดอย่างนี้ไม่ใช่เอะอะก็โทษ คสช. เพราะ "รัฐประหารตุลาการภิวัฒน์" ทำเละไว้ตั้งแต่ปี 2549 รัฐประหาร ตุลาการ องค์กรอิสระ บอกไม่เกี่ยวกัน แต่ไขว้ขาหลอกสลับฟันปลา เดี๋ยวเป็น คตส. สนช. สสร. กมธ. เดี๋ยวก็นั่งในรัฐบาล เดี๋ยวกลับไปเป็นศาล เป็นองค์กรอิสระ 9 ปีผ่านไปความเชื่อมั่นเหลือแค่ไหนว่าตรงไปตรงมา
อย่าทำให้กฎหมายต้อง วิบัติไปกว่านี้เลย ร้อนถึงนักวิชาการต้องกลับมาอธิบายหลักการตื้นๆ "กฎหมายคืออะไร" อันไหนคืออำนาจ อันไหนคือกฎหมาย เพราะสังคมสับสนไปหมด
อยากใช้อำนาจก็ใช้สิครับ ถ้าตรงไปตรงมาไม่เห็นมีใครว่าอะไร เรื่องที่ท่านใช้อำนาจแล้วเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองก็มีเยอะไป พูดตรงๆ โดยไม่ต้องอ้างกฎหมาย บางครั้งยังได้ใจคนมากกว่า เช่น ที่บอกซื่อๆ ว่ารู้นะ มาไม่ถูกต้อง แต่ทำไงได้ มันจำเป็น บ้านเมืองอยู่ในภาวะคับขัน
ท่านไม่ใช่หวังเฉา หม่าฮั่น แน่นอน ประการแรก หวังเฉา หม่าฮั่น ไม่มี ม.44 ป้ายอาญาสิทธิ์เหนือท่านเปา ประการที่สอง เปาบุ้นจิ้นเป็นนิทานเก่าๆ พันกว่าปี ตกยุคไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ถึงวันนี้ความเชื่อมั่นเชื่อถือเปาบุ้นจิ้น จะสู้หวังเฉา หม่าฮั่นได้หรือเปล่าก็ไม่รู้