PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ตีเช็ค5ใบ20ล. บริจาคแทนโรงหล่อ!เซียนพระอุ๊ โผล่แจงสตง.ไร้หัวคิวราชภักดิ์

ผู้ว่าฯ สตง. เผย 'เซียนพระอุ๊' เข้าชี้แจงข้อมูลสตง. ปมหัวคิวอุทยานราชภักดิ์แล้ว เจ้าตัวยันเป็นเงินค่าตอบแทนช่วยให้คำปรึกษา แต่ไม่ได้รับไว้เอง นำไปสร้างวัดพร้อมบริจาคแทนโรงหล่อ สั่งจ่ายเป็นเช็คกสิกร5ใบ20ล.เรียงเลขติด ขัดแย้งข้อมูลทหารตามคืนเอง 
poiieeeedddd
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราwww.isranews.org ว่า ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ 'อุ๊ กรุงสยาม' ซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินหัวคิวงานหล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ ของอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางมาที่สตง.เพื่อติดต่อขอชี้แจงข้อเท็จจริง โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีพฤติกรรมเรียกรับเงินค่าหัวคิวจากโรงหล่อตามที่ปรากฎเป็นข่าวแต่อย่างใด 
นายพิศิษฐ์ ระบุว่า เซียนพระอุ๊ ชี้แจงกับสตง.ว่า เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างหล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ มาตั้งแต่ต้น และเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันงานนี้ให้เกิดขึ้นจนกระทั่งสำเร็จลุล่วงมาได้ด้วยดี งานหล่อถูกกระจายไปตามโรงหล่อไม่ให้กระจุกตัวอยู่ที่โรงหล่อใดโรงหล่อหนึ่ง และเข้าไปช่วยให้คำแนะนำขั้นตอนการทำงานต่างๆ ตามประสบการณ์ที่มี ก่อนที่โรงหล่อ 5 แห่ง จะมอบเงินตอบแทนให้เป็นค่าปรึกษา เฉลี่ยรวมประมาณ 20 ล้านบาท 
"เซียนพระอุ๊ ยืนยันว่าเงินจำนวนนี้ที่ได้รับมาจากโรงหล่อ ไม่ใช่ค่าหัวคิว แต่เป็นเงินค่าตอบแทนที่ให้ไว้สำหรับการเข้าไปช่วยให้คำแนะนำปรึกษาการทำงาน พร้อมมอบรูปถ่ายและผลงานหล่อพระที่เคยทำมาให้เป็นหลักฐานประกอบ เพื่อแสดงเป็นหลักฐานยืนยันว่าเป็นคนมีฝีมือ และเข้าไปช่วยงานจริงด้วย" 
นายพิศิษฐ์ ยังระบุด้วยว่า เซียนพระอุ๊ ยังระบุด้วยว่า เมื่อได้รับงานค่าตอบแทนจากโรงหล่อมา ก็นำเงินไปสร้างวัดบางส่วน ส่วนที่เหลือก็นำเงินไปบริจาคให้กับอุทยานราชภักดิ์ ในนามโรงหล่อจำนวน 5 แห่ง ที่จ่ายเงินให้ตนเป็นค่าตอบแทนด้วย ซึ่งในระหว่างการชี้แจงเซียนพระอุ๊ได้มอบสำเนาเช็ค 5 ใบ ที่บริจาคให้กับอุทยานราชภักดิ์ในนามของโรงหล่อ มามอบให้กับ สตง.เพื่อแสดงเป็นหลักฐานประกอบด้วย
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ อิศรา ได้รับการยืนยันกับตัวแทนโรงหล่อรายหนึ่ง ว่า หลังจากจ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับเซียนพระอุ๊ไป ฝ่ายทหารได้ติดต่อมาว่า ตามเงินส่วนนี้คืนมาครบแล้ว โรงหล่อจะเอาเงินคืนหรือไม่ ซึ่งฝ่ายโรงหล่อยืนยันว่าไม่ขอรับคืน และมอบเป็นเงินบริจาคให้กับ  อุทยานราชภักดิ์ แทน ข้อเท็จจริงขัดแย้งกับที่เซียนพระอุ๊ ชี้แจง  
ผู้ว่าฯ สตง. ตอบว่า เช็คจำนวน 5 ใบ มาจากธนาคารกสิกร ออกในนามบริษัทของเซียนพระอุ๊ ซึ่งสตง.ตรวจสอบพบข้อมูลส่วนนี้ แล้วจึงทำหนังสือแจ้งให้ เซียนพระอุ๊ ชี้แจง ซึ่งเขาก็ชี้แจงว่า เป็นเงินที่บริจาคให้กับ อุทยานราชภักดิ์ ไป ในนามของโรงหล่อทั้งหมด และที่ผ่านมาก็ไม่ได้หนีไปไหน ก็เก็บตัวเงียบไม่อยากเป็นข่าวอะไร 
เมื่อถามว่า วันเวลาในการออกเช็ค เกิดขึ้นก่อนหรือหลังที่ข้อมูลเรื่องหัวคิวโรงหล่อปรากฎเป็นข่าว ผู้ว่าฯ สตง. ระบุว่า จำวันเวลาในเช็คไม่ได้ แต่ยืนยันได้ว่า เช็คทั้ง 5 ใบ ออกเลขที่เรียงติดต่อกัน
ผู้ว่าฯ สตง. ยังระบุด้วยว่า แม้เซียนพระอุ๊ จะยืนยันว่า เงินส่วนนี้ ไม่ใช่ค่าหัวคิว เป็นค่าตอบแทน แต่ สตง.ก็จะติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกต่อไปว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินอะไรกันแน่ เป็นเงินที่ได้มาจาการเข้าไปรีดไถ่ จากโรงหล่อหรือไม่ ไม่ได้เชื่อข้อมูลจากคำชี้แจงเซียนพระอุ๊ทั้งหมด 
"นอกเหนือจากเรื่องเงินค่าตอบแทนดังกล่าวแล้ว สิ่งที่สตง.จะต้องตรวจสอบต่อไป คือ คุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้ในการสร้างรูปหล่อว่า ได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่มีการร้องเรียนเข้ามา"
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันจาก นายเอนก หงษ์มณี เจ้าของโรงหล่อประติมา ไฟน์ อาร์ท ซึ่งเข้ามารับงานจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ของอุทยานราชภักดิ์ วงเงินจำนวน 44 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และถูกระบุว่าจ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ อุ๊ กรุงสยาม เซียนพระที่คอยทำหน้าที่ประสานงานหาเจ้าของโรงหล่อมารับจ้างงานให้กับกองทัพบก เป็นค่าตอบแทนจำนวนเงิน 10% ของราคาค่าจ้าง ว่า ได้จ่ายเงินให้กับเซียนพระ อุ๊ จริง หลังจากได้รับงานสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจริง  แต่เงินที่จ่ายให้ไม่ใช่ค่าหัวคิว แต่เป็นเงินที่จ่ายให้เพื่อตอบแทนการเข้ามาช่วยเหลือและให้คำแนะนำในการทำงานนี้
นายเอนก ยังยืนยันด้วยว่า เกี่ยวกับเงินที่จ่ายให้กับเซียนอุ๊ไป ทราบว่าทางทหารไปติดตามเอาเงินคืนมาได้แล้ว และเคยมาสอบถามตนและโรงหล่อแห่งอื่นว่า ต้องการเงินคืนหรือไม่ ซึ่งพวกตนก็ยืนยันไปว่า ไม่ต้องการเอาคืน และขอบริจาคเงินจำนวนนี้ให้ทหาร เพื่อสมทบงานสร้างอุทยานราชภักดิ์ส่วนอื่นที่ยังค้างอยู่ เพราะทราบว่ามีงานหลายส่วนที่ยังขาดเงินสนับสนุนอยู่ และการบริจาคเงินดังกล่าว ทางกองทัพบก มีการออกใบเสร็จให้ด้วย
ไม่มีการระบุว่าเซียนพระอุ๊ นำเช็คไปบริจาคแทนแต่อย่างใด   

(อ่านประกอบ : ทหารตามเงินได้แล้ว แต่ไม่มีใครเอาคืน! โรงหล่อแจงยิบปมจ่ายเงิน 'เซียนพระ')

อ่านประกอบ :

ทหารตามเงินได้แล้ว แต่ไม่มีใครเอาคืน! โรงหล่อแจงยิบปมจ่ายเงิน 'เซียนพระ'

ขมวดปมหัวคิวโรงหล่อ! สรุป 'เซียนพระอุ๊' มีเอี่ยวจริงหรือ? หาตัวมาแถลงชัดๆได้ไหม?

//////////

โผล่แล้ว...
หลังฝุ่นหายตลบ เซียนพระอุ๊โผล่ชี้แจง กรณีอื้อฉาวถูกตั้งขอสังเกตุร่วมหาประโยชน์ในโครงการอุทยานราชภักดิ์ ยอมรับมีเงินถอนคืนจากโรงหล่อ 20 ล้านบาท บอกเป็นเงินค่าปรึกษาให้คำแนะนำ เอาบริจาคหมด โอพระเจ้าจ๊อร์จ … ฟังได้ไม่ได้ว่ากันไป รอผลสอบเป็นทางการจากศูนย์ต่อต้านการทุจริตของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา จะเคาะอย่างไรกับข้อสังเกตสองนายทหารที่ใก้ลชิด รมช.กลาโหม หนึ่งในนั้นเป็นอดีตเลขา มูลนิธิอุทยานาชภักดิ์ (ทั้งสองคนถูกออกหมายจับคดี 112) มีส่วนเกี่ยวข้องหาประโยชน์ รวมถึงการดึงเอาคนนอกอย่างเซียนพระอุ๊เข้ามาร่วมในการจัดการก่อสร้างพระบรมนุสาวรีย์ จนมีเงินทอนมาให้ใช้ 20 ล้านบาท ..เซียนพระอุ๊มาได้อย่างไร ถ้าไม่มีไฟเขียวจากอดีตขาใหญ่ในกองทัพจะมาได้ไหม..สถาบันอิศราเกาะติด..

ไม่มีความคิดเห็น: