PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

พระองค์โสมฯ ทรงรับสั่ง ปอ อย่าไปไหน พวกเรารออยู่ ช่อง 3 ดูแลค่ารักษา


พระองค์โสมฯ ทรงรับสั่ง ปอ อย่าไปไหน พวกเรารออยู่ ช่อง 3 ดูแลค่ารักษา ชี้ต้องเปลี่ยนตัวยา-เครื่องมือใหม่
Cr:ผู้จัดการ
คนบันเทิงทยอยมาให้กำลังใจพระเอกดัง “ปอ ทฤษฎี สหวงษ์” กันไม่ขาดสาย รวมไปถึงผู้บริหารช่อง 3 “สมรักษ์ ณรงค์วิชัย” รองกรรมการผู้จัดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทั้งนี้ผู้บริหารได้เผยอาการว่าทุกอย่างยังทรงตัว แต่แพทย์เตรียมเปลี่ยนตัวยาและเครื่องมือใหม่ ในส่วนค่าใช้จ่ายช่อง 3 จัดการให้ทั้งหมด
“วันนี้ได้มาให้กำลังใจ ก็เอาคำของผู้บริหารช่อง 3 มาบอกคุณพ่อคุณแม่ ว่าเป็นห่วง อย่างอื่นก็ทางผู้ใหญ่ได้ติดต่อทางคุณหมอ มีการโทรศัพท์พูดคุยกันถามอาการอยู่ตลอดเวลา มาให้กำลังใจ และปอก็เป็นคนที่คนรักมาก เป็นคนดี ครอบครัวก็เป็นห่วง”
“อาการของปอตอนนี้ ก็ตามหมอ หมอบอกว่าเรื่องของสภาวะเลือดปกติก็ค่อนข้างดีขึ้น มีคนตั้งข้อสังเกตประกาศของหมอ ตอนนี้คำว่าวิกฤติหายไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าพูดตรง ๆ ก็ประมาณทรง 50 - 50 แต่ก็มีโอกาสดีขึ้น ได้ข่าวว่าจะมีสับเปลี่ยนเครื่องมือใหม่ และเปลี่ยนตัวยาก็คิดว่าน่าจะดีขึ้น ตัวผมยังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปข้างใน เพราะมีเรื่องปลอดเชื้อ อะไรก็ต้องระวังเรื่องค่ารักษา ที่ผ่าน ๆ มาที่นักแสดงป่วย ช่อง 3 เราดูแลทุกคน”
“ปอถ่ายละครเสร็จหมดแล้ว มีสาวน้อยร้อยล้านกับท่านกำมะลอ เสร็จหมดแล้ว จะมีเรื่องใหม่ที่เตรียมอยู่ คือแม่เลี้ยงเดี่ยวหัวใจฟรุ้งฟริ้ง กำหนดเขาฟิตติ้งวันที่ 31 พอดีปอป่วยเสียก่อน ถามว่าจะรอไหม ก็ยังไม่ทราบ”
ด้าน “ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา” ผู้จัดละครชื่อดังที่เดินทางมาเยี่ยมพระเอกดังพร้อมกับ “กอบสุข จารุจินดา” และ “แดง ธัญญา วชิรบรรจง” ได้เผยว่า “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ” ทรงมีความห่วงใยและมีพระราชกระแสรับสั่ง “อย่าไปไหน พวกเราทุกคนรออยู่”
“วันนี้มีข่าวที่น่ายินดี คือพี่ไก่และ คุณกอบสุข จารุจินดา ผู้จัดละคร ได้รับเกียรติเข้ารับประทานรางวัลจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ซึ่งมีรับสั่งถึงปอและคุณพ่อคุณแม่ว่าให้ไปทำหลายอย่างในสิ่งที่พระองค์หญิงท่านปฏิบัติธรรม”
“ซึ่งพระองค์หญิงทรงเป็นห่วงปอ ให้กระซิบข้างหูว่าอย่าไปไหน พวกเราทุกคนรออยู่ ให้กลับมา ซึ่งได้บอกคุณพ่อคุณแม่ไปแล้ว ท่านก็ปลาบปลื้มน้ำตาจะไหลออกมา เรารับฟังเองจากพระองค์ท่าน ก็ดีใจแทนปอกับครอบครัวว่าอย่างน้อยก็ยังมีพระองค์ท่านที่ทรงเป็นห่วงเป็นใยอย่างจริงจัง เพราะท่านตรัสนานมาก เราก็รับฟังรับสั่งท่านเอามาให้ได้ทุกถ้อยคำ ที่จะได้นำมาบอกพ่อแม่ของปอ ท่านบอกว่าปอเป็นคนดี เคยช่วยงานกัน เคยช่วยงานรักษาสัตว์ และเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ท่านก็บอกว่าไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อพระองค์หญิงเถอะ”

“พ่อปอ” รวมญาติ ตั้งหลักรับวิกฤติ พร้อมเผชิญสิ่งที่จะเกิด! เจ้าคณะฯ นำพระสงฆ์สวดต่อชะตา


“พ่อปอ” รวมญาติ ตั้งหลักรับวิกฤติ พร้อมเผชิญสิ่งที่จะเกิด! เจ้าคณะฯ นำพระสงฆ์สวดต่อชะตา
Cr:ผู้จัดการ
“พ่อปอ” เผยวิกฤติครั้งนี้ต้องตั้งหลักให้ได้ รวมญาติทั้งหมดพร้อมเผชิญสิ่งที่จะเกิด! เผยป่วยแต่ใจสู้ ได้กำลังใจจากทุกฝ่าย ด้านเจ้าคณะฯ วัดยานนาวา นำพระสงฆ์สวดต่อชะตา เสริมบารมี 9 จบกลางรพ. “กอบสุข” ลั่นจะมาให้กำลังใจทุกวัน น้ำตาคลอเบ้าบอกรักอีกฝ่ายเหมือนน้อง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า “นายสงวน สหวงษ์” บิดาของ “ปอ ทฤษฎี สหวงษ์” ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ เผยอาการโดยรวมดีขึ้น สบายใจระดับหนึ่ง ทุกคนในครอบครัวพร้อมตั้งหลักรับวิกฤติ รวมตัวพร้อมเผชิญสิ่งที่จะเกิด
“ก็ขอขอบคุณนะครับ สำหรับวันนี้อาการของปอ จากที่ฟังการแถลงการณ์ก็คงจะชัดเจน เป็นไปตามที่คุณหมอแจ้งนะครับ โดยสภาพรวม ๆ แล้วปอก็ดีขึ้นมาในระดับหนึ่งที่เราสบายใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องรอดูด้วย มันมีหลายสิ่งที่ทั้งดี และบางส่วนที่ไม่ดี แต่ไม่ทราบรายละเอียดครับ ซึ่งครอบครัวของเรามีกำลังใจดี วิกฤตครั้งนี้เราต้องตั้งหลักให้ได้ และทุกคนในครอบครัวเรามารวมตัวกันทั้งหมดพร้อมเผชิญสิ่งที่จะมา ต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน”
“ตัวพ่อเองเริ่มจะไม่สบายเพราะความอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่เห็นสื่อมวลชน แฟนคลับ และผู้หลักผู้ใหญ่มาร่วม ให้กำลังใจ รวมไปถึงทุกคนส่งความปรารถนาดี คิดสิ่งดี ๆ เสริมให้ปอพ้นจากวิกฤต ก็ทำให้มีกำลังใจครับ ขอบคุณครับ"
ทั้งนี้ในเวลา 14.20 คณะสงฆ์จากวัดยานนาวา ได้มอบพระพุทธรูปปางมารวิชัยให้แก่ครอบครัวของพระเอกดัง นำโดยท่านเจ้าคุณพระสิริธีรคุณ (เจ้าคุณพรหมา ชยานนโท) เจ้าคณะแขวงยานนาวา เขต 1 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา โดยได้ทำพิธีสวดมนต์ต่อดวงชะตา เสริมบารมี 9 จบ เพื่อให้กำลังใจพระเอกหนุ่ม

บิ๊กปัอม งดพูด ปม ทบ.สอบอุทยานราชภักดิ์

บิ๊กปัอม งดพูด ปม ทบ.สอบอุทยานราชภักดิ์ โยนสื่อถาม พลเอกธีรชัย ผบทบ.เอง หลังถูกมองเกิดความขัดแย้งอีกระลอก /พลเอกธีรชัย ผบ.ทบ.ตั้ง"พลเอก วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล ประธานที่ปรึกษา ทบ. และเพื่อน ตท.14 ของทั้งตนเอง และ พลเอกอุดมเดช เป็นประธานสอบ ปม อุทยานราชภักดิ์
พลเอกประวิตร รมว.กลาโหม ประชุมกก.ขับเคลื่อนคสช. ที่บ้านเกษะโกมล ซึ่งตามปกติ พลเอกประวิตร จะแถลงข่าวหลังประชุมด้วยตนเอง แต่วันนึ้ ปฏิเสธที่จะแถลงข่าว หลังสื่อจะถามเรื่องสอบสวนกรณี อุทยานราชภักดิ์ โดยกล่าวว่า ให้ไปถาม ผบทบ. เพราะตนไม่ใช่คนทำ
ทั้งนึ้ มีรายงานว่า พลเอกธีรชัย ตั้ง พลเอกวีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล ประธานที่ปรึกษา ทบ.เป็นประธานกรรมการสอบ ปม อุทยานราชภักดิ์

"สมคิด" ถก"บิ๊กป้อม" -กก.ขับเคลื่อนฯ เดินหน้า รถไฟรางคู่-จีน-ญี่ปุ่น

"สมคิด" ถก"บิ๊กป้อม" -กก.ขับเคลื่อนฯ เดินหน้า รถไฟรางคู่-จีน-ญี่ปุ่น-รฟม.-มอเตอร์เวย์ เร่งนำเข้าครม.จบในปลายปี58 นี้ แปลกใจผ่าน EIA แล้วทำไมยังช้า/ เผย ตั้ง"คณะทำงานฯ"ไปเจรจา กับEASA ปัญหาICAO หวั่น บินไม่ได้/นำแผนเข้าครม.17 พย.นึ้ /แนะนายกฯลงพื้นที่ ตจว.ทุกเดือน พบชาวบ้าน ช่วยแก้ปัญหาทำกิน ชมนายกฯอดทน
ที่บ้านเกษะโกมล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. ที่มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน
นายสมคิด ได้กล่าวถึงการดำเนินนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP ว่า การก่อสร่างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทั้งรถไฟรางคู่ กับจีน ญี่ปุ่น และมอเตอร์เวย์อีก 2 เส้นทาง จะต้องเดอนหน้า ภายในครึ่งปีแรกของปี2559 กระบวนการขั้นตอนต่างๆต้องเสร็จสิ้น ภายหลังครึ่งปีแรกจะต้องให้มีการประกวดราคาได้ ดังนั้น ต้องเข้าครม.ให้จบในสิ้นปี2558 นี้
ประชุมวันนี้จึงเชิญกระทรวงคมนาคมมาถึงเส้นทางมอเตอร์เวย์ทั้ง 2 เส้นทางที่ผ่านคณะรัฐมนตรีมานานแล้ว เหตุจึงยังไม่เดินหน้า จึงกำชับให้เร่งดำเนินการเพราะผ่านระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย EIAทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะต้องเดินหน้าให้ได้ในไตรมาสครึ่งปีแรกของปี2559ให้ได้
ส่วนที่ไม่ได้อยู่ในPPPทั้งรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางและอีกเล็กน้อย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน ก็จะต้องให้ออกมาให้ได้ครึ่งปีแรกให้ได้ จึงนัดแต่ละหน่วยงานมาพบกันในวันนี้ เพื่อให้เม็ดเงินลงไปในระบบ การประชุมนี้ก็จะติดตามเป็นระยะ เพื่อแก้ปัญหาขั้นตอนทางราชการ
ทั้งนี้รถไฟไทย-จีน ที่ติดขัดอยู่ที่ดอกเบี้ยและการศึกษาเส้นทาง ที่2ประเทศยังเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งทางคมนาคมจะไปหารือร่วม โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีการกำหนดเวลาแล้วว่าเดือนธันวาคมนี้จะมีการเริ่มต้นเชิงสัญลักษณ์เกิดขึ้น ส่วนความร่วมมือรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ตนจะเดินทางไปญี่ปุ่นวันที่25-28พ.ย.นี้โดยจะดำเนินการด้วยดีเพราะญี่ปุ่นสนใจเส้นทางเชื่อมตะวันออก ตะวันตก หรือ East-West Corridor
ส่วนการแก้ปัญหาหลังไทยได้ใบแดงองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ว่า ขณะนี้ทางสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ(FAA)ของสหรัฐฯตรวจเสร็จสิ้นแล้ว แต่อยู่ระหว่างฟังผล แต่ทางคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์คสช.ได้ขอให้ตั้ง "คณะกรรมการ" ขึ้นมา 1 ชุดเพื่อเจรจาก่อนที่จะมีการประกาศผลออกมา แม้ไทยจะส่งผลไปครบถ้วน แต่เพื่อความแน่ใจก็จะต้องดูให้ครบถ้วน จึงมีแผนกำหนดขึ้นมาเพื่อให้ต่างประเทศมั่นใจ
ทั้งคณะกรรมการและแผน ที่จะคุยกับEASA ทั้งหมดจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวัน17พ.ย.นี้ ส่วนองค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ขณะนี้มีการตั้งคณะเจรจาอยู่แล้ว ต้องทำให้เกินกว่าที่ทางต่างประเทศได้เสนอมา เพราะความไม่ไว้ใจเกิดขึ้นเมื่อใด จะมีผลกระทบต่อเนื่อง
"แต่ การทำงานของเรา ยังติดกับ การชอบส่งการบ้าน วันสุดท้าย เสียมากกว่า ต้องเปลี่ยนใหม่"
ทั้งนึ้มีรายงานว่า คณะทำงานเจรจากับ EASA มี นาย พิศาล มาณวพัฒน์ ออท.ไทย ประจำกรุง วอชิงตัน ดีซี. พร้อมตัวแทนการบินไทย
นอกจากนี้นายสมคิด กล่าวถึง การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย(IUU) ว่า ถึงป้ายสุดท้ายแล้วที่ส่งผลประดำเนินการและมีคณะเจรจาได้หารือกันไปแล้ว สิ่งที่ทางคณะผู้ตรวจจากสหภาพยุโรปรอดูจากไทย คือ การจับกุมอย่างจริงจังตามกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ถูกโยงไปสู่เรื่องการค้ามนุษย์ ถือเป็นด่านสุดท้าย หลังดำเนินการมาแล้วกว่า 7- 8 เดือน
นายสมคิด ยังเผยว่า ได้เสนอให้ พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เดืนทางลงพื้นที่ ต่างจังหวัด ทุกเดือน เพื้อพบปะชาวบ้าน กระตุ้นการแก้ปัญหาปากท้อง
"นายกฯท่านขยัน และอดทน มาก ไปอุบลฯ ร้อนมาก ยืนกลางแดดร้อนท่านก็อดทนมาก" นายสมคิด กล่าว

ยืนยันข่าวการเสียชีวิตของ Mohammed Emwazi



ทางการสหรัฐฯ ยืนยันข่าวการเสียชีวิตของ Mohammed Emwazi 27 ปี หรือ “Jihadi John” ที่เรามักเห็นเขาแกว่งมีดในวิดีโอ “ตัดหัว” ของ IS เป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีทางอากาศที่เมือง Raqqa มุ่งหมายชีวิตเขาเป็นสำคัญ ตัวประกันที่รอดชีวิตมาได้บอกว่า เขามีส่วนร่วมมากในการทรมานนักโทษ ทั้ง waterboarding (ราดน้ำใส่หน้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหมือนจมน้ำ) และอื่น ๆ จนเขาได้ฉายาว่า "a cold, sadistic and merciless killer” ทั้ง ๆ ที่คนที่รู้จักเขาตั้งแต่วัยเด็กบอกว่า เขาเป็น “an angelic face” น่ารักน่าเอ็นดู เพื่อนร่วมรุ่นต่างยืนยันว่าเขาเป็นพวก social มีสังคมเพื่อนฝูงมากมาย เขาเป็นแฟนของ Manchester United ในหนังสือรุ่นปี 1996 เขาเขียนว่า "What I want to be when I grow up is a footballer" เป็นคนอารมณ์ดี ชอบกินไอติม
มะหะหมัด เอ็มวาซี มี profile ไม่เหมือน jihadists คนอื่น ๆ เพราะมาจากครอบครัวคนชั้นกลาง เป็นคูเวตที่อพยพมาตอนอายุแค่หกขวบ อยู่ในย่านผู้ดีมีทรัพย์ทางลอนดอนตะวันตก เรียนจบด้านคอมพิวเตอร์โปรแกรมมิงที่ University of Westminster คาดว่ามีนศ.ที่นี่อย่างน้อยอีกสองคนที่ถูก radicalized เหมือนเขา MI5 มีชื่อเขาอยู่ watchlist ตั้งแต่หกปีก่อนหน้านั้น และพยายาม recruit เขาให้เป็น “สาย” แต่เขาไม่เล่นด้วย (เขาอ้างอย่างนั้น) เส้นทางสู่ IS ของเขาคือการเดินทางไปซีเรีย ผ่านตุรกี โดยอ้างว่าต้องการไปทำงานเพื่อ “มนุษยธรรม” เขามีอิทธิพลมากกับการ recruit นักรบ IS จากตะวันตกอีกจำนวนมากผ่านโลกไซเบอร์ และผ่านวิดีโอสยองขวัญเหล่านั้น
เชื่อกันว่าเขาเป็นผู้ประหารชีวิต Steven Sotloff นักข่าวอเมริกัน Abdul-Rahman Kassig ผู้ทำงานด้านมนุษยธรรมชาวอเมริกัน และเพื่อนร่วมชาติสองคน David Haines และ Alan Henning รวมทั้ง Kenji Goto นักข่าวญี่ปุ่นด้วย คนเราเปลี่ยนแปลงความคิดจนสุดโต่งเช่นนี้ได้อย่างไร?
'Jihadi John': Quiet football fan who became the symbol of ISIShttp://str.sg/Za5h

หมอปราชญ์ อดีตปลัด สธ.เสียชีวิตระหว่างไปทอดกฐิน

หมอปราชญ์ อดีตปลัด สธ.เสียชีวิตระหว่างไปทอดกฐิน บริจาคร่างให้ศิริราช
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสียชีวิต ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ระหว่างมาทอดกฐินกับครอบครัว
(13 พ.ย.) ศาสตราจารย์นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานพิธีรดน้ำศพ นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ วัย 66 ปี อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ห้องพิธีทางศาสนาหน่วยรักษาศพ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หลังเสียชีวิตช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ด้วยโรคหัวใจเฉียบพลัน
บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยมีข้าราชการหน่วยงานสาธารณสุข และผู้ใต้บังคับบัญชามาร่วมพิธีร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก จากนั้นจะมีการเคลื่อนศพขึ้นเครื่องบินการบินไทยไปบำเพ็ญกุศลช่วงค่ำวันนี้ที่วัดศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร เป็นเวลา 5 วัน และอุทิศร่างให้กับคณะแพทย์ศิริราชพยาบาลต่อไป
ก่อนเสียชีวิตนายแพทย์ปราชญ์ได้เดินทางมาทำบุญทอดกฐินกับครอบครัวที่จังหวัดเชียงใหม่และพักในบ้านพักสถาบันเด็กราชนครินทร์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และมีอาการป่วยฉับพลันวูบหมดสติ
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางญาติได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านพัก เนื่องจากโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และได้รับการช่วยเหลือปั๊มหัวใจ แต่อาการยังไม่ดีขึ้น จึงถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ได้ให้การรักษา จนอาการดีขึ้น
อย่างไรก็ตามแพทย์พบว่าระบบสมองไม่ฟื้นตัวและได้ทำการรักษาประมาณ 1 สัปดาห์ กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาระบบหัวใจล้มเหลวอีกครั้งและอาการทรุดลง และ เสียชีวิตลง ในเวลา 03.00 น. ของวันนี้
.....................
Sanook.com

ใครเป็นใคร 6 กรรมการ 'มูลนิธิราชภักดิ์'

13 พฤศจิกายน 2558 สำนักข่าวอิศรา

ใครเป็นใคร ? เปิดตัว ‘นายพล-ผู้พัน’ 6 กรรมการมูลนิธิราพบสายกองทัพภาค 3 มาเพียบ คนสนิท ‘พี่น้องบูรพาพยัคฆ์’ มาด้วย
PIC udomdettt 13 11 58 1
การบริหารจัดการเรื่องเงินของ ‘อุทยานราชภักดิ์’ กำลังเป็นที่สงสัย และถูกสังคมจับตาอยู่ในขณะนี้ ?
ขณะเดียวกัน ‘บิ๊กหมู’ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คนปัจจุบัน ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว ขีดเส้นให้เสร็จภายใน 7 วัน
ล่าสุด ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่เรื่องการจดทะเบียนจัดตั้ง ‘มูลนิธิราชภักดิ์’ โดยปรากฏชื่อของ ‘บิ๊กโด่ง’ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม อดีต ผบ.ทบ. นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานกรรมการมูลนิธิฯ ด้วย พร้อมกับนายทหารยศระดับ ‘นายพล-ผู้พัน’ ตบเท้าเข้าเป็นกรรมการรวม 6 คน
ใครเป็นใครกันบ้าง ? สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org พลิกปูมแต่ละคนมานำเสนอ ดังนี้
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ประธานกรรมการฯ (ปัจจุบันเป็น รมช.กลาโหม)
ลูกหม้อนายทหารฝ่าย ‘บูรพาพยัคฆ์’ อย่างแท้จริง เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 14 (ตท.14) รับตำแหน่งครั้งแรกเมื่อปี 2521 เป็นผู้บังคับหมวดกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมากระทั่งในปี 2545 ขึ้นเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ปี 2553 เข้าไลน์เตรียมเป็น ‘5 เสือ ทบ.’ ด้วยการขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งเสนาธิการทหารบก และรองผู้บัญชาการทหารบกในปี 2555-2556 และสุดท้ายได้นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในปี 2557 ด้วยการรับไม้ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 
สำหรับ ‘บิ๊กโด่ง’ ได้รับความไว้วางใจจาก ‘3 ป.’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (รองนายกฯ) พล.อนุพงษ์ เผ่าจินดา (รมว.มหาดไทย) และ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอย่างมาก ในฐานะรุ่นน้องบูรพาพยัคฆ์ และเคยร่วมรบในสมรภูมิตาพระยา จ.สระแก้ว เคียงบ่าเคียงไหล่ ‘บิ๊กตู่’ มาแล้ว ทั้งนี้ภายหลัง คสช. รัฐประหาร ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ คสช. ที่รับผิดชอบเรื่องการกลั่นกรองวาระงานต่าง ๆ 
พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองประธานกรรมการฯ (ปัจจุบันเป็น รมช.ศึกษาธิการ)
เป็นอีกหนึ่งนายทหารที่เติบโตมาจากกองทัพภาคที่ 3 ได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 14 (รุ่นเดียวกับ พล.อ.อุดมเดช) ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 17 เมื่อปี 2536 ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ กระทั่งปี 2551 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 3 ปี 2556 เป็นรองเสนาธิการทหารบก ปี 2557 เป็นหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำตัวผู้บังคับบัญชา 
ส่วนสาเหตุที่ได้ดำรงตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการนั้น ว่ากันว่า เกิดจากที่ พล.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3 เพราะต้องหลีกทางให้ ‘บิ๊กทหาร’ รายหนึ่งขึ้นเป็นแทน ทำให้ไม่ได้เติบโตเข้าสู่ไลน์ ‘5 เสือ ทบ.’ พล.อ.ประยุทธ์ จึงปลอบใจด้วยการให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแทน
พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร กรรมการฯ (ปัจจุบันเป็นเสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.))
นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 17 เพิ่งได้รับการโปรดเกล้า ฯ ตำแหน่งเป็น พล.อ. ช่วงปี 2558 ภายหลัง คสช. รัฐประหาร และปัจจุบันเป็น ผอ.ศูนย์ปรองดองของ คสช. ว่ากันว่า ถูกวางตัวให้จ่อคิวเข้าไลน์ ‘5 เสือ ทบ.’ แล้ว เนื่องจาก เป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร และเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ในอนาคตด้วย
พล.ท.สุทัศน์ จารุมณี กรรมการฯ (ปัจจุบันเป็นรองเสนาธิการทหารบก)
ลูกหม้อจากกองทัพภาคที่ 3 อีกคนหนึ่ง เคยมีประเด็น ‘ดราม่า’ เมื่อช่วงปี 2555-2556 เนื่องจาก โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์ ‘นาย’ ในกองทัพภาค 3 ทำให้เส้นทางทหารที่เหมือนจะสดใส ถูกเบรกไว้ทันที และถูกโยกมาเป็น ‘นายพลตบยุง’ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก แทนที่จะได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 (ผบ.พล.ร. 7) เนื่องจาก ขณะนั้นผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมชื่อ ‘บิ๊กเล็ก’ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 เข้ามาเป็นปลัดฯในโควตาพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ดี ต่อมา ‘บิ๊กตู่’ ได้คืนความสุขให้กับ พล.ท.สุทัศน์ ด้วยการโยกให้มาเป็น ผบ.พล.ร. 7 จนได้
พล.ต.ชูชาติ สุกใส กรรมการและเหรัญญิก (ปัจจุบันเป็น เจ้ากรมการเงินทหารบก)
ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ โปรดเกล้า ฯ เลื่อนยศเป็น พล.ต. เมื่อเดือน ส.ค. 2558 ก่อนหน้านี้เติบโตมาในสายงานกรมการเงินทหารบก เป็นรองผู้บัญชาการโรงเรียนทหารการเงิน กรมการเงินทหารบก เมื่อปี 2556-2558
พลตรี สุชาติ พรมใหม่ กรรมการและเลขานุการ (ปัจจุบันเป็นผู้บังคับการ ร.11 รอ.)
เป็นแกนนำนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 27 เคยเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.อุดมเดช เรียกได้ว่าเป็น ‘มือขวา’ และเป็นนายทหารคนสนิทที่ ‘บิ๊กโด่ง’ ไว้ใจมากที่สุด เติบโตจาก ร.31 รอ. และเป็นลูกหม้อของ พล.1 รอ. ก่อนที่จะถูกย้ายมาคุมกำลังเป็นผู้บังคับการ ร.11 รอ. 
ทั้งหมด คือ เบื้องลึกเบื้องหลัง-ประวัติของ 6 ‘นายพล-ผู้พัน’ ที่เข้ามาจัดตั้ง ‘มูลนิธิราชภักดิ์’ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการร่วมสมทบทุนในการก่อสร้างถาวรวัตถุ อาคาร สิ่งปลูกร้างรวมถึงการดูแลและบำรุงรักษาอุทยานราชภักดิ์ ตามที่ระบุไว้ในวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ตั้งของมูลนิธิฯ ดังกล่าว พบว่า เป็นบ้าน อยู่ตรงข้ามกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 ละแวกอาคารเกษะโกมล โดยมีนายทหารดูแลรักษาความเรียบร้อยบริเวณหน้าบ้าน และแจ้งว่า เป็นที่อยู่ของ พล.อ.อุดมเดช 

อยู่แดน 3! จนท.เรือนจำปากน้ำ ยันศาลสั่งจำคุก 'เสี่ยเปี๋ยง' คดีข้าวยุค'เพรสซิเดนท์''

12 พฤศจิกายน 2558

อยู่แดน 3 หลายเดือนแล้ว! จนท.เรือนจำสมุทรปราการ ยันยืน 'อิศรา' เป็นทางการ 'เสี่ยเปี๋ยง' ถูกศาลสั่งจำคุก คดีข้าวยุค'เพรสซิเดนท์' จริง หลังเจ้าตัวมอบทนายความ แจ้งเหตุผลต่อศาลฎีกาฯ ไม่สามารถเดินทางมาตรวจหลักฐานคดีข้าวจีทูจีได้ 
picdddddwwwwwwwsssss
จากกรณีมีข่าวว่า นายอภิชาติ จันทรสกุลพร หรือ 'เสี่ยเปี๋ยง' อดีตพ่อค้าข้าวรายใหญ่ของประเทศไทย ผู้ก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด หนึ่งในจำเลยคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ไม่ได้เดินทางมาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2558 ที่ผ่านมา ซึ่ง ศาลฎีกาฯ นัดตรวจหลักฐานในคดีหมายเลขดำ อม. 25/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวกรวม 21 ราย ในความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐหรือฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 9, 10 และ 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1 พร้อมทั้งขอให้สั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 35,274,611,007 บาท กรณีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี โดยให้เหตุผลว่า ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ (อ้างอิงข้อมูลข่าวส่วนนี้จาก เว็บไซต์ Manager Online)
ล่าสุดในช่วงเย็นวันที่ 12 พ.ย.2558 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ติดต่อไปยังเรือนจำกลางสมุทรปราการ เพื่อสอบถามข้อมูลนายอภิชาติ จันทรสกุลพร
เบื้องต้น ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่า นายอภิชาติ ถูกคุมขังอยู่ที่นี้จริง โดยอยู่มาหลายเดือนแล้ว
เมื่อถามว่า ถูกขังอยู่ในแดนไหน เจ้าหน้าที่ระบุว่า "อยู่แดน 3" 
เมื่อถามว่า นักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในแดน 3 เป็นกลุ่มไหน เจ้าหน้าที่ ตอบว่า "ก็นักโทษทั่วไป"
เจ้าหน้าที่รายนี้ ยังระบุว่า หากไม่ใช่ญาติโดยตรง ถ้าจะติดต่อเข้าเยี่ยมต้องไปติดต่อฝ่ายบริหารอีกครั้ง
ขณะที่เว็บไซต์ Manager Online รายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่า  ก่อนหน้านี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดง 1755-1756/2558 และ 1757-1758/2558 ที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวงสมุทรปราการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บ.เพรสซิเดนท์ อะกิ เทรดดิ้ง จำกัด และนายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก โดยพิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกนายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง สำนวนละ 3 ปี ปรับสำนวนละ 6,000 บาท รวมจำคุกสองสำนวนเป็นเวลา 6 ปี ไม่รอลงอาญา และปรับ 12,000 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมคืนข้าวสารที่ยักยอกไปในสำนวน อ.833-834/2558 จำนวน 16,400 ตัน หรือใช้เป็นเงินแทนจำนวน 175,480,000 บาท ให้กับกรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ ผู้เสียหาย และให้ร่วมกันคืนข้าวสารในสำนวน อ.835-836/2558 จำนวน 4,742.96 ตัน หรือใช้เงินแทน 54,385,902.07 บาท

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก นายอภิชาติ จำเลยได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลชั้นต้น แต่เนื่องจากคดีนี้นายอภิชาติยังไม่ได้ยื่นฎีกาต่อสู้คดี และคดีนี้เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง การที่จะยื่นฎีกานั้นจะต้องมีการรับรองฎีกาทำให้ขณะที่นายอภิชาติยังไม่ได้รับการประกันตัว ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ
หมายเหตุ : ภาพประกอบเรือนจำกลางสมุทรปราการ จาก www.panoramio.com

2 ใน 8 นายตำรวจป.พันคดี112ชิงลาออก



“พ.ต.อ.ศิวพงษ์-พ.ต.อ.ไพโรจน์” 2 ใน 8 นายตำรวจที่ถูกเด้งให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เนื่องจากถูกพาดพิงแอบอ้างเบื้องสูงได้ขอลาออกจากราชการแล้ว
       
       วานนี้ (12 พ.ย.) รายงานความคืบหน้าคดี 112 ว่า พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป.ซึ่งเป็น 2 ใน 8 นายตำรวจที่ถูกให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ขอลาออกจากราชการ และอยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอเรื่องต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น
       
       อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบหน่วยงานต้นสังกัดของนายตำรวจทั้งสองนาย ปรากฏว่าทางต้นสังกัดยังไม่ได้รับหนังสือลาออกของนายตำรวจทั้งสองนายอย่างเป็นทางการ โดยขั้นตอนการลาออกจากราชการตามปกติต้องมีหนังสือยืนยันจากเจ้าตัว เพื่อที่จะดำเนินการส่งตามขั้นตอนต่างๆ ให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละลำดับชั้นพิจารณา ในส่วนของนายตำรวจทั้งสองนายที่ถูกให้ไปช่วยราชการในห้วงเวลาที่มีการจับกุมนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท ชัตเตอร์มหาเทพ คนสนิทหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ มีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดย พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ได้ลงนามในคำสั่ง บช.ก.ที่ 267/2558 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2558 ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) ประกอบไปด้วย 1. พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ป. 2. พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป.3. พ.ต.อ.วสุ แสงสุกใส รอง ผกก.2 บก.ป. 4. พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา รอง ผกก.2 บก.ป. 5. พ.ต.ท.จีรวัฏฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง 6.พ.ต.ท.ณัทกฤช พรหมจันทร์ สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม 7. พ.ต.ท.พิทยา กล่ำเอม สารวัตร กลุ่มงานถวายความปลอดภัย กองบังคับการตำรวจทางหลวง และ 8. พ.ต.ท.สุวัฒชัย
       ศรีทองสุข สารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยให้นายตำรวจทั้ง 8 นายขาดจากตำแหน่งเดิม

พท.ได้ทีไล่บี้รัฐบาลเคลียร์ปมทุจริตอุทยานราชภักดิ์ พร้อมจี้ผู้เกี่ยวข้องรับผิดชอบ

13 พฤศจิกายน 2558

เพื่อไทยได้ทีถล่มซ้ำ ออกแถลงการณ์ไล่บี้รัฐบาลเร่งเคลียร์ปมทุจริตอุทยานราชภักดิ์ให้ชัด พร้อมจี้ผู้รับผิดชอบโครงการที่ยังมีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล คสช.และ คกก.ต่อต้านการทุจริตฯ รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 พ.ย.) พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ เรื่องโครงการอุทยานราชภักดิ์ ความว่า ตามที่ได้มีการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม พร้อมจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์ภายในพื้นที่ของกองทัพบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณพระมหาบูรพกษัตริย์ไทยในอดีตที่ทรงสร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติ และได้พระราชทานนามว่า “อุทยานราชภักดิ์” ซึ่งมีความหมายว่าอุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย
       
       อุทยานราชภักดิ์เป็นโครงการที่มีความสำคัญยิ่งต่อความรู้สึกของประชาชนทั้งประเทศ ในการดำเนินโครงการจนแล้วเสร็จ ได้ปรากฏข้อเท็จจริงเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าเกิดมีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์ในหลายขั้นตอนของการดำเนินโครงการ การเกิดการทุจริตในครั้งนี้นอกจากจะกระทบต่อความรู้สึกของคนไทย ยังกระทบความเชื่อมั่นในนโยบายปราบปรามการทุจริตของรัฐบาลอีกด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในเรื่องดังกล่าว พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับท่าทีของกองทัพบกตามคำแถลงของโฆษกกองทัพบกที่แจ้งว่า กองทัพได้มีการสั่งการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวโดยกำหนดระยะเวลา 7 วัน
       
       อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ข้อมูลทั้งหมดของโครงการ เพราะเงินงบประมาณที่ใช้ มาจากภาษีอากรและจากการบริจาคของประชาชนชาวไทย พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียนเสนอข้อคิดเห็นและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลดังต่อไปนี้ 1. รัฐบาลจะต้องแถลงรายละเอียดของโครงการตั้งแต่ต้น ผู้รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอนของโครงการ ลำดับขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด งบประมาณในการดำเนินโครงการทั้งหมด ทั้งในส่วนที่เป็นเงินงบประมาณแผ่นดินและเงินบริจาค 2. เนื่องจากผู้รับผิดชอบในโครงการดังกล่าว ได้แถลงต่อสื่อมวลชนยอมรับว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์จากการดำเนินโครงการ แต่อ้างว่ามีการนำเงินดังกล่าวไปบริจาคแล้ว จึงมีความชัดเจนว่าได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว
       
       3. เนื่องจากได้ปรากฏเป็นข่าวต่อเนื่องมาโดยตลอดว่า มีข้าราชการและเอกชนเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว และรัฐบาลได้ประกาศนโยบายสำคัญ 2 ด้าน คือ ปกป้องสถาบัน และปราบปรามการทุจริต รัฐบาลจึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบและผู้กระทำผิดโดยเร่งด่วน นอกจากนั้นหากเป็นการกระทำของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ย่อมถือว่าเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดย มิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง หรือผู้อื่น หรือเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 149 การนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปบริจาคเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 รัฐบาลจึงต้องดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยทันทีต่อไป
       
       4. การกระทำความผิดดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ผู้รับผิดชอบโครงการนี้ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบกและเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และขณะนี้ยังดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติอีกด้วย จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับผิดชอบโดยตรง รวมทั้งผู้บังคับบัญชาในลำดับชั้นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องแสดงความชัดเจนและแถลงให้สาธารณชนได้รับทราบว่า คณะบุคคลดังกล่าวทั้งหมดจะมีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
       
       อนึ่ง นอกเหนือจากกรณีที่กล่าวมาตามข้อ 1-4 แล้ว ปรากฏว่ามีผู้ที่เป็นข้าราชการและเอกชนที่เกี่ยวข้อง สามารถเดินทางหลบออกนอกประเทศ ทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์และข้อระแวงสงสัยต่างๆ ต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงชอบที่รัฐบาลในฐานะผู้ที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวโดยตรง ควรเร่งแถลงรายละเอียดและมาตรการการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อสาธารณะโดยเร่งด่วน พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องมายังนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเปิดเผย โปร่งใสและประกาศให้สาธารณะได้ทราบโดยด่วน

ไทยควรเข้าร่วมTPPมั้ย

13112558  ไทยควรร่วม TPP หรือไม่? คือหัวข้อสนทนาของค่ำคืนนั้น
โดย : กาแฟดำ   

ค่ำวันอังคารที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ คุณกลิน ที. เดวิส

จัดงานเลี้ยงแนะนำตัวเองกับ “เพื่อนและเพื่อนร่วมงาน” บทสนทนาในหลายๆ วงมีความน่าสนใจสำหรับผมไม่น้อยเลย

ท่านทูตหยอดคำหวานหลายประโยคแสดงความมุ่งมั่น ที่จะสานสัมพันธ์กับไทย ยืนยันว่าสหรัฐกับไทยเป็นมิตรประเทศเก่าแก่ และต้องการเห็นประเทศไทยแข็งแกร่งและเดินตามเส้นทาง Roadmap ประชาธิปไตย “ที่คนไทยเลือกเอง” อีกทั้งไทยยังเป็น “มิตรที่คงทนยั่งยืนยาวนานที่สุดในภูมิภาคนี้”

ภาพที่เห็นนี้คือท่านทูตเดวิสกับ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลกหรือ World Trade Organization (WTO) และเพิ่งจะเสร็จจากภารกิจในฐานะเลขาธิการ UNCTAD (United Nations Conference on Trade and Development) หรือการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา

ผมได้รับทราบจากนักการทูตในงานนี้ว่ารองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กำลังจะนำคณะไทยระดับสูงไปญี่ปุ่นปลายเดือนนี้ เพื่อกระชับความร่วมมือกันทุก ๆ ด้านโดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure), Super Clusters และ Trans-Pacific Partnership (TPP)

“ท่านรองนายกฯสมคิดมุ่งมั่นและกระตือรือร้นมากครับ ญี่ปุ่นก็พร้อมที่จะส่งเสริมให้ไทยพิจารณาเข้าร่วม TPP หากมีการตัดสินใจในระดับผู้นำประเทศ เพราะเราเองก็มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ในญี่ปุ่นมายาวนานก่อนที่ท่านนายกฯชินโซะ อาเบะจะตัดสินใจเข้าร่วมกับสหรัฐและอีก 10 ประเทศในการเริ่มต้นให้ TPP เดินหน้า... ถ้ารัฐบาลไทยสนใจ รัฐบาลญี่ปุ่นก็พร้อมจะสนับสนุนครับ...” นักการทูตญี่ปุ่นบอกผม

แต่อีกมุมหนึ่งของงานนั้น ดร.ศุภชัย กำลังสนทนากับท่านทูตสหรัฐในหัวข้อเดียวกันอย่างออกรสชาติ

เพราะ ดร.ศุภชัย เห็นว่าไทยไม่ควรจะเข้าร่วม TPP อย่างน้อยก็ในจังหวะนี้ที่ยังมีประเด็นที่ควรจะต้องมีการวิเคราะห์ไตร่ตรองอย่างรอบด้าน

ทูตเดวีส์ เป็นตัวแทนวอชิงตันที่เป็นแกนสำคัญของ TPP เมื่อได้ยินคุณศุภชัยยืนยันว่า TPP ยังมีปัญหาและไทยยังไม่ควรจะร่วม ก็ยอมรับว่าแต่ละประเทศต้องประเมินข้อดีข้อเสียของการเข้าร่วมหรือไม่ร่วม TPP ด้วยตนเอง

“เราพร้อมจะให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนความเห็นกับรัฐบาลไทยในเรื่องนี้ครับ” ท่านทูตบอกคุณศุภชัย

แน่นอนว่ารัฐบาลไทยได้แสดงความสนใจใน TPP มาระยะหนึ่งแล้วหลังจากที่วอชิงตันได้ทาบทามให้ร่วม แต่ถึงวันนี้หัวข้อนี้ก็ยังเป็นประเด็นถกแถลงกันในแวดวงต่าง ๆ ของไทยเอง ทั้งที่เห็นว่าเราควรจะเข้าร่วมก่อนที่จะ “ตกขบวน” และที่คัดค้านการเข้าร่วมเพราะไทยจะเสียประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน

คุณศุภชัย อยู่ข้างที่ต่อต้านและบอกกล่าวกับทูตเดวีส์หลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาหรือการเกษตรที่เป็นประเด็นอ่อนไหว และไทยจะได้รับผลกระทบมากหากเข้าร่วม

“ถ้า TPP เกิดเต็มตัว WTO จะหมดบทบาททันที” คุณศุภชัยผู้ช่ำชองด้านการค้าระหว่างประเทศมายาวนาน บอกผมในอีกวงหนึ่งของการแลกเปลี่ยนความเห็นในงานที่มีนักการเมือง นักการเมืองและนักธุรกิจแยกกลุ่มกันเสวนาในหัวข้อที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญของบ้านเมือง

ในความเห็นของคุณศุภชัย เมื่อหลายประเทศต่างก็มีข้อตกลงว่าด้วยการค้าเสรีหรือ Free Trade Agreement อยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องมี TPP ที่ความจริงเป็นการสานประโยชน์ของอเมริกากับญี่ปุ่นเป็นหลักเท่านั้นเอง

“ผมว่าเป้าหมายของ TPP ไม่ใช่เรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของ Geo-politics นั่นแหละ” อดีตรัฐมนตรีศุภชัยบอก

เป็นความเห็นที่นักวิพากษ์ TPP หลายคนเห็นพ้องมาตั้งแต่ต้น

บางคนมองว่านี่คือการเมืองภูมิรัฐศาสตร์ที่สหรัฐนำมาใช้ เพื่อสกัดอิทธิพลจีน ซึ่งสนับสนุนให้เกิดกลุ่มการค้าเสรีอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า RCEP หรือ Regional Comprehensive Economic Partnership ซึ่งหมายถึงข้อตกลงระหว่าง Asean+6 ประเทศอันรวมถึงจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

สหรัฐอาจมองว่าจีนเป็นพี่เบิ้มใน RCEP จึงต้องสร้าง TPP ขึ้นมาคานทั้งๆ ที่ความจริงควรที่มหาอำนาจทั้งสองจะตกลงกันได้ ที่จะร่วมกันสร้างเครือข่ายการค้าการลงทุนร่วมกัน ให้ทุกประเทศได้เข้าร่วมโดยไม่ต้องกลายเป็นการแก่งแย่งสมาชิก จนกลายเป็นประเด็นของความขัดแย้งสร้างความอึดอัดให้กับประเทศเล็กๆ ทั้งหลายที่วางตัวไม่ถูกว่าควรจะยืนอยู่ตรงไหนในเวทีระหว่างประเทศ

บทสนทนาคืนนั้นสะท้อนถึงการเปิดกว้างของการแลกเปลี่ยนความเห็นที่น่ายินดี ผมบอกท่านทูตสหรัฐคนใหม่และคุณศุภชัยให้จัดเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่อง TPP ให้ต่อเนื่องเพราะรายละเอียดหลายพันหน้าของ TPP เพิ่งจะได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก

คนไทยควรจะได้รับทราบข้อเท็จจริง และความเห็นทั้งที่เห็นพ้องและคัดค้าน เพื่อนำมาประเมินจุดยืนของเรา ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนสูงสุด

เพื่อหลีกเลี่ยงตกเป็นเหยื่อของเกมการเมืองมหาอำนาจในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/636112#sthash.C4hwDHng.dpuf