PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ปัดลำเอียงสามมิตร

“ฉัน ยังไม่รู้จัก “สุริยะ”อะไรเลยย

“บิ๊กป้อม”ต่อปากต่อคำ นักข่าว ถามกลับ หนัก เรื่อง กลุ่มสามมิตร-พรรคพลังประชารัฐ  ถาม ผม ลำเอียงเรื่องอะไร  ยัน ไม่รู้จัก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส่วนที่เขารู้จักผม ก็รู้จักไปสิ ปัด “สมคิด”มีเอี่ยว

ส่วนที่มีชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รวมในกลุ่มสามมิตรนั้น คงไม่ใช่ ผมยังไม่เคยเจอเขาเลย ที่บอกกลุ่มสามมิตรอยู่พรรคพลังประชารัฐ พรรคเกิดหรือยัง ใครเป็นคนจัดตั้ง

เมื่อถามย้ำว่า กลุ่มสามมิตร ได้มีการพูดคุยกับคนในรัฐบาล เช่น นายสมคิด นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาไม่ได้คุยกับตน จะไปรู้ได้อย่างไร

เมื่อถามว่า กลุ่มสามมิตรมีการดูดสส. จากพรรคการเมืองอื่นๆ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไปดูดให้ใคร พรรคของใคร ใครเป็นคนตั้ง กฎหมายก็ยังไม่เสร็จ ส่วนที่กลุ่มสามมิตร สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา ตนจะไปรู้อะไร ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย คสช.เช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่นๆ

    เมื่อถามว่า กลุ่มสามมิตรอ้างว่าไม่ใช่พรรคการเมืองการเคลื่อนไหวต่างๆจึงไม่ขัดคำสั่ง คสช. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เขาก็คุยของเขาไปเอง ตนไม่รู้เรื่องว่าเขาจะมาสนับสนุนใคร แต่ขออย่างเดียวอย่าปั่นป่วน เกิดความไม่เรียบร้อย หรือโฆษณาชวนเชื่อ

เปิดตัวกลุ่มสามมิตรเคลื่อนโรดแม็ปการเมือง : กองหนุนหลัก “ประยุทธ์”

เปิดตัวกลุ่มสามมิตรเคลื่อนโรดแม็ปการเมือง : กองหนุนหลัก “ประยุทธ์”



พรรคพลังประชารัฐเจิดจรัสขึ้นมาทันที เมื่อกลุ่มสามมิตรขับเคลื่อนเทียบเชิญอดีต ส.ส.เกรดเอ เพื่อเข้าร่วมเป็นกองหนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ แต่จะเดินไปถึงฝั่งฝันแค่ไหน ติดตามความในใจระดับแกนนำ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า เคยทำงานร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สมัยพรรคไทยรักไทย
หลังมีการปฏิวัติ พรรคไทยรักไทยถูกยุบ ยุคพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ผมก็ไม่ได้ไปร่วมกับท่าน
จังหวะที่หยุดเล่นการเมืองก็ยังติดตามผลงานของรัฐบาลมาตลอด ในที่สุดยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการผลักดันออกกฎหมายนิรโทษกรรม จนเกิดวิกฤติความขัดแย้งทางการเมือง
หาก พล.อ.ประยุทธ์ออกมาช้า คิดว่าจะเกิดจลาจล สงครามกลางเมือง ประชาชนจะล้มตายมากกว่านี้ สะท้อนให้เห็นภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี
ปกติรัฐบาลทหารยึดอำนาจเสร็จจะทำเพื่อตัวเอง พวกพ้อง แต่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาต้องการแก้ปัญหาความแตกแยก บริหารประเทศ 4 ปี ได้ทุ่มเทสรรพกำลัง สติปัญญา ความรู้ความสามารถเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปรับตัวเพิ่มขึ้น เดิมอยู่ที่ 0.8 เปอร์เซ็นต์ แต่ละปีก็เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุดปรับเพิ่มเป็น 4.8 เปอร์เซ็นต์
ขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี ทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศฟื้นขึ้นมา
ปัญหาปากท้อง ราคาสินค้าเกษตร เชื่อมั่นรัฐบาลมียุทธศาสตร์หลายด้าน ทั้งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและระยะยาว นายกรัฐมนตรีทุ่มเทมากเพื่อเกษตรกร เช่น ข้าวหอมมะลิ เดิมลงราคาตกลงมาก ตอนนี้ราคาเกือบเกวียนละ 20,000 บาท เป็นมาตรการที่โปร่งใส ทำเพื่อชาวนา ไม่มีการทุจริตหรือโกงเงินชาวนา
เมื่อท่านทุ่มเท ตั้งใจและมีผลงานอย่างนี้ การพัฒนาประเทศต้องการความต่อเนื่อง ผมอยากเห็นความต่อเนื่อง จึงมองพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย
“ท่านตั้งใจทำดีเพื่อประเทศและประชาชน ผมก็จำเป็นต้องเข้ามาช่วยเพื่อให้การปฏิรูปและพัฒนาประเทศเกิดความต่อเนื่อง โดยไม่เคยคิดจะไปทำร้ายนายทักษิณ”
ทีมข่าวการเมือง ถามว่าการเข้ามาร่วมงานในนามกลุ่มสามมิตร เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานให้มาร่วมงาน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสุริยะ บอกว่า ใช่ครับ เพราะต้องการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
“ผมได้เข้าไปรู้เบื้องลึกที่ท่านจะทำต่อไป ได้สื่อสารผ่านนายสมคิดพร้อมคุยกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และแกนนำใหญ่ของรัฐบาลมาตลอด
ทำให้ผมเต็มใจช่วยท่าน แม้ผมไม่ชอบการรัฐประหาร เพราะเคยโดนสมัยเป็นรัฐมนตรี ถูกสังคมตราหน้าในคดีจีทีเอ็กซ์ 900 แต่ชี้แจงข้อกล่าวหาจน ป.ป.ช.มีมติตีตก
ผมทำงานการเมืองคราวนี้หวังรับใช้ประชาชน หลังจากเล่นการเมืองมาพรรคเดียวตลอดชีวิต คือพรรคไทยรักไทย ผมอยู่พรรคไหนพรรคนั้นสบายได้เป็นรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้เป็น ส.ส.เมื่อไหร่ก็ได้เป็นรัฐบาลทุกครั้ง พวกเราคิดดีทำดี ทำงานการเมืองในนามพรรคพลังประชารัฐ
แม้จะเหนื่อย แต่เชื่อมั่นหลังการเลือกตั้งใหญ่พรรคนี้จะได้คะแนนเพียงพอจัดตั้งรัฐบาล”
ผลงานเป็นเลขาธิการพรรคใหญ่มาแล้ว ครั้งนี้มีกระแสข่าวจะเข้ามาเป็นเลขาธิการพรรค นายสุริยะ บอกว่า ไม่เคยคิดจะเป็นเลขาธิการพรรค
ตั้งใจอยากทำงานอยู่ข้างหลังมากกว่า ตำแหน่งเลขาธิการพรรคต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่จะเลือกใครขึ้นมา ส่วนตัวผมจะเข้าไปช่วย และอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง
ทีมข่าวการเมือง ถามว่าวันนี้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหลังกลุ่มสามมิตรตระเวนเทียบเชิญอดีต ส.ส.เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ ขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามวิพากษ์วิจารณ์เป็นการเมืองย้อนยุคที่ไปไล่ดูด ส.ส.เข้าพรรค
นายสุริยะ บอกว่า ขอมองย้อนไปยุคพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกโจมตีว่าไปใช้เงินดูด ส.ส.เข้าพรรค
ขณะนั้นพรรคไทยรักไทยไม่ได้ไปตอบโต้ เพียงชี้ให้เห็นว่าฝ่ายที่โจมตีควรพิจารณาดูพรรคของตัวเอง ว่านโยบายที่นำเสนอตอบสนองชาวบ้านหรือไม่ ทำไม ส.ส.ที่เคยอยู่กับพรรคนั้นพรรคนี้ถึงมาอยู่กับพรรคไทยรักไทย
เฉกเช่นพรรคพลังประชารัฐในวันนี้ ต้องดูว่านโยบายโดนใจประชาชนหรือไม่ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายสนองต่อประชาชนหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ต้องรีบทำ
อย่าไปมองนักการเมืองยึดเงินเป็นปัจจัยหลัก ถ้าคิดเช่นนั้นมันจะเป็นบทเรียน ซึ่งพรรคไทยรักไทยเคยให้บทเรียนนี้กับพรรคอื่นมาแล้ว ตอนนี้กลับกลายเป็นย้อนเกล็ดตัวเอง
แสดงว่าเงินไม่ใช่ปัจจัยในการเทียบเชิญอดีต ส.ส.เข้าร่วมพรรค นายสุริยะ บอกว่า ถ้ายึดเงินเป็นปัจจัยหลัก ระดับ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะเป็น ส.ส.เลยหลายสมัย เป็นหนึ่งในขุนพลอีสานของพรรคเพื่อไทย เงินจะซื้อท่านได้หรือ
ปัจจัยหลักต้องสอบถามชาวบ้านในพื้นที่แล้วว่า พรรคพลังประชารัฐสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มีมาตรการและผลงานช่วยเหลือเกษตรกร
มีนโยบายหลายอย่างพลิกฟื้นเศรษฐกิจ
อย่าลืมชีวิตนักการเมืองถ้าสอบตกจะอายมาก เห็นได้จากผมมีพรรคพวกเป็นเพื่อน ส.ส.ที่อยู่ในช่วงสอบตก ชวนไปรับประทานอาหารกับผมยังไม่กล้ามา
ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่นักการเมืองมาอยู่พรรคนี้เพื่อมารับเงินและสอบตก
หลังการเลือกตั้งจะมีส่วนผลักดันให้เกิดความปรองดองขึ้นได้อย่างไร ในฐานะมีคอนเนกชันทางการเมืองทุกพรรค นายสุริยะ บอกว่า เรื่องนี้สำคัญที่สุด
ขณะนี้เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแฟนคลับอยู่พอสมควร พรรคเพื่อไทยก็มีแฟนคลับพอสมควร ถ้าแฟนคลับทั้งสองขั้วเห็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง แฟนคลับแต่ละขั้วย่อมมีความรู้สึกที่รุนแรงต่อกัน
แต่ถ้าพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ความรู้สึกตรงนั้นจะเบาลง หลังจากนั้นทุกฝ่ายจะสามารถคุยเรื่องปรองดองและปฏิรูปการเมืองได้
เพราะขณะนี้พรรคการเมืองต่างๆมองรัฐบาลทหารไม่มีความจริงใจปฏิรูปการเมือง ทั้งที่มีความตั้งใจปฏิรูปการเมือง
ทีมข่าวการเมือง ถามว่ามีแนวนโยบายเป็นทางเลือกใหม่ของสังคมอย่างไร ถึงมั่นใจจะชนะการเลือกตั้ง นายสุริยะบอกว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงที่กำลังเชิญนักการเมืองเข้าร่วม และมีโอกาสคุยกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ
โดยขอให้ไปดูความต้องการของประชาชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เอาทุกมิติเสนอให้พรรคกำหนดเป็นนโยบายเตรียมพร้อมสรรพสำหรับหาเสียง
อาทิ การแก้ปัญหาความยากจน ทั้งหมดรัฐบาลกำลังทำอยู่ แม้ถูกโจมตีเศรษฐกิจโตกระจุก ต่างจังหวัดยังมีปัญหาปากท้อง เรื่องนี้ได้หารือภายในกลุ่มสามมิตรและนายสมคิดเตรียมจัดงบประมาณทุ่มให้ชาวบ้านช่วยตัวเองได้ ถ้าแก้ตรงนี้ได้ความเหลื่อมล้ำจะลดน้อยลง
และตั้งแต่เปิดตัวมาปรากฏว่าได้รับการตอบสนองดีมาก บรรดานักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น กระจายอยู่ทุกภูมิภาคที่พูดคุยไว้ ก็ติดต่อเข้ามาร่วมตัวเลขในวันนี้กว่า 100 คนที่จะเป็นฐานให้พรรคพลังประชารัฐ
ฉะนั้นขอให้ประชาชนพิจารณาพรรคการเมืองมีผลงานจับต้องได้ ฝากพิจารณาพรรคพลังประชารัฐด้วย ว่ามีหลายเรื่องที่ตั้งใจทำและจับต้องได้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ มีความตั้งใจมาก ทำงานเพื่อประชาชน
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า มั่นใจแค่ไหนว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน นายสุริยะ บอกว่า
ก่อนจะตัดสินใจเข้าร่วมและสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ
ก็ได้หาข้อมูลจากนักการเมืองในพื้นที่ตามภูมิภาคต่างๆ
พร้อมแอบทำโพล ปรากฏว่า มีประชาชนสนับสนุนพรรคนี้
ฉะนั้นถ้าถามว่ามั่นใจหรือไม่ ขอบอกว่าถ้าไม่มั่นใจคงไม่เข้ามา.
ทีมการเมือง

ผลเลือกตั้ง เดิมพันประเทศ

ผลเลือกตั้ง เดิมพันประเทศ



ผ่าสถานการณ์ “เกมใหม่”ในขั้วขัดแย้งเก่า   
วาระแห่งชาติ พลังแห่งความสามัคคีของคนไทยผุดขึ้นโดยอัตโนมัติ
กับปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิตเยาวชนและโค้ชทีมฟุตบอล “หมูป่า อะคาเดมี” ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ภายใต้บรรยากาศแห่งความหวัง การรวมพลัง ลุ้นให้ทุกคนปลอดภัย
โดยเฉพาะพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” ทรงติดตามการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเด็กและโค้ชฟุตบอล พระราชทานกำลังใจไปยังครอบครัวผู้ประสบภัย พระราชทานกำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการติดตามค้นหา พร้อมทั้งพระราชทานแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของเจ้าหน้าที่ (ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิต ถ้ำหลวงเชียงราย)
รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ที่ประทานกำลังใจและกำลังทรัพย์ให้ปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิต
เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้เรียกประชุมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันทีที่ลงเครื่องบินกลับจากเยือนประเทศอังกฤษ-ฝรั่งเศส
ก่อนเดินทางลงพื้นที่ไปให้กำลังใจครอบครัวผู้ติดอยู่ในถ้ำและติดตามความคืบหน้าในการปฏิบัติการช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าฯของเจ้าหน้าที่
และตั้งแต่ช่วงแรกๆของวันเกิดเหตุ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้เดินทางไปบัญชาการหน้างานด้วยตัวเอง
โดยระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ บิ๊กตำรวจ ฝ่ายพลเรือนมหาดไทย ประชาชนจิตอาสา ระดมสรรพกำลังหน่วยซีลทหารเรือ ทหารหน่วยรบพิเศษทหารบก ตำรวจน้ำ เครื่องบินลำเลียงทหารอากาศ
ลำเลียงอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร เข้าพื้นที่แบบ เต็มอัตรา
ไม่นับผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติ ทหารหน่วยกู้ภัยจากกองทัพสหรัฐฯ นักประดาน้ำจากอังกฤษ ผู้เชี่ยวชาญด้านการระบายน้ำจากญี่ปุ่น นักสำรวจถ้ำ ที่ประสานเข้าให้ความช่วยเหลือ
ร่วมมือกันแบบสุดกำลัง ทำงานกันแบบนาทีต่อนาที
โดยมีกำลังใจจากคนไทยทั่วประเทศที่เฝ้าติดตามข่าวตลอดเวลา มีการโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียขอให้ทั้ง 13 ชีวิตปลอดภัย รวมถึงการชื่นชมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ศิลปินดารานักร้องร่วมด้วยช่วยกันส่งพลังใจช่วยพาทีมหมูป่าฯกลับบ้าน
สถานการณ์รวมใจเป็นหนึ่ง เพื่อช่วย 13 ชีวิตติดอยู่ในถ้ำ
ตัดฉากกลับมาที่สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังหาทางออกจากถ้ำเขาวงกต คนไทยกว่า 65 ล้านคนหลงอยู่ในวิกฤติความขัดแย้งแตกแยกที่ลากยาวมากว่า 10 ปี
โอกาสได้ลุ้นริบหรี่ๆ เริ่มมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ล่าสุด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานประชุมร่วมระหว่าง คสช. รัฐบาล คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และตัวแทนพรรคการเมือง
เกี่ยวกับการเตรียมการกำหนดวันเลือกตั้ง
โดยบทสรุปเบื้องต้น เลือกตั้งเร็วสุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ถัดมาก็ 31 มีนาคม 28 เมษายน หรือช้าสุดคือวันที่ 5 พฤษภาคม โดยยึดเอาวันอาทิตย์สิ้นเดือนเป็นเกณฑ์
เป็นอะไรที่ชัดเจนขึ้นมาอีกระดับ กับโอกาสความชัวร์ที่จะได้เลือกตั้งในปีหน้าแน่ๆ
นั่นก็ทำให้ตัวแทนพรรคการเมืองส่วนใหญ่มีท่าทียอมรับ ไม่นับพรรคเพื่อไทยกับพรรคอนาคตใหม่แนวร่วมฝ่ายต้านที่ตั้งแง่ไม่สังฆกรรมกับ คสช.
แต่นักเลือกตั้งอาชีพทุกยี่ห้อส่งเสียงตรงกัน ก่อนอื่นขอให้ปลดล็อกกฎเหล็ก ปล่อยพรรค การเมืองดำเนินกิจกรรมได้ เพื่อจะมีเวลาทำไพรมารีโหวตได้ทัน
นักการเมืองคลายแรงกดดัน หลังโชว์ปฏิทินวันหย่อนบัตรแบบเร็วสุดช้าสุด
อีกจุดที่ล้อกับความชัดเจนเรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง ก็คือจังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางเยือนประเทศอังกฤษ เข้าพบ “เทเรซา เมย์” นายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดีที่ลอนดอน ต่อด้วยการเยือนประเทศฝรั่งเศส พบกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่ปารีส
“บิ๊กตู่” โกอินเตอร์ โชว์ให้เห็นการยอมรับจากนานาชาติ
พร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ดึงนักลงทุนยุโรปให้ความสนใจมาร่วมลงทุนเมกะโปรเจกต์ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และอุตสาหกรรมการบินที่สนามบินอู่ตะเภา
แน่นอน ถ้ามองในมุมเงื่อนไขสถานการณ์กำลังเข้าโหมดเลือกตั้ง จังหวะการโกอินเตอร์เจอกับผู้นำระดับโลกทั้งอังกฤษ-ฝรั่งเศส นั่นก็คือการ “แต่งตัว” ของ พล.อ.ประยุทธ์
เสริมเครดิตมาอยู่ในจุดที่แทบไม่เหลือภาพผู้นำทหาร ไร้แรงเสียดทานจากนานาชาติ
ทีมงาน “นายกฯลุงตู่” พร้อมสำหรับเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว กับสารพัดเมกะโปรเจกต์วางฐานไว้ ภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0
เพื่อความต่อเนื่องไปสู่เป้าหมายในการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่
ขณะเดียวกัน โดยกระบวนการขับเคลื่อนฐานกำลังทางการเมืองเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ตีตั๋วต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก็มีความชัดเจนแบบที่ “หงายไพ่” เล่นกันแล้ว
ตามแนวโน้มสถานการณ์รุกคืบอย่างรวดเร็วของแนวร่วม “สามมิตร”
ถึงจุดที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ได้นัดอดีต ส.ส.กว่า 50 คน รวมตัวที่สนามกอล์ฟดังย่านชานเมืองรังสิต
ประกาศจุดยืนชัดๆพร้อมแล้วที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่ออีก 4 ปี เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศให้มีความต่อเนื่อง
โดยการเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ
พร้อมสวนเสียงวิจารณ์เรื่องดูด ส.ส. บอกเลยว่า ในอดีตสมัยเป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และมีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค ก็เคยทำมาแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่พอตนเองมาอยู่จุดตรงนี้ กลับถูกโจมตี แต่ตนเองและคณะจะไม่หวั่นไหว ขอทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป
“สุริยะ” ชักน้ำเสียงแข็งสวนกลับฝั่งคนแดนไกล จากที่หลบสงบนิ่งมาตลอด
อีกทั้งตามแนวโน้มความมั่นใจของอดีตเลขาฯคู่ใจ “ทักษิณ” จะมีอดีต ส.ส.เกรดเอจ่อมาเป็นแพ็กเกจอีกหลายจังหวัด เหมือนทีมของนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย แกนนำอีสานพรรคเพื่อไทย
โอกาส “นายใหญ่” เลือดไหลอีกเยอะ
และนั่นก็คือคำตอบ ปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯทักษิณที่ต้องกลับมาชิงพื้นที่สื่อ ใช้โอกาสวันคล้ายวันเกิดของ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอีเวนต์กระตุกเรตติ้งแรงๆ
ส่งสัญญาณดังๆกลับมาถึงทีมลูกหาบที่เมืองไทย
ประกาศมั่นใจพรรคเพื่อไทยยึดอีสาน ไล่ส่งพวกย้ายพรรคเป็นเชิงขอบคุณคนที่เสียสละอย่างยิ่งที่ได้เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นผู้แทนฯ พรรคเพื่อไทย
ไม่นับเกมเขี้ยวตามฟอร์มถนัดในการใช้สื่อต่างประเทศถล่มผู้นำรัฐบาล ตามรูปการณ์ที่คำว่า “สฤษดิ์น้อย” ฝรั่งไม่รู้จัก ต้องเกิดจากคนไทยกระซิบบอกบทให้
“ทักษิณ” เตะตัดขาทุกจังหวะ ไม่ยอมให้ “บิ๊กตู่” ได้เครดิตในเวทีนานาชาติ
“นายใหญ่” จัดหนัก “ดิ้นแรง” สู้ยุทธการตัดทอนกำลัง
ในจังหวะที่แปรผันตามคดีความมากมายนับไม่ถูก แบบที่โดนหมายจับแล้ว 7–8 คดี
ที่น่าหวาดเสียวแทนก็คือปมที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินหน้าสอบคลิปอดีตนายกฯทักษิณในวันเกิดน้องสาว เข้าข่ายครอบงำ อาจส่งผลถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย
และก็เป็นอะไรที่พร้อมเข้าสู่แนวรบชิงคะแนนเลือกตั้ง
ตามอาการแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซัดแรงๆกระแทกชิ่งไปถึงอดีตผู้นำสองพี่น้อง อดีตนายกฯทักษิณและอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ โดยแถลงข่าวภายหลังลงเครื่องบินเลยว่า การไปเยือนอังกฤษและฝรั่งเศสด้วยศักดิ์ศรีของตัวเอง โดยเอาคนไทยและประเทศไทยไปด้วย
ไม่ไร้เครดิตเหมือนพวกที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ
สถานการณ์มาถึงจุดเผชิญหน้า ไม่ต้องกั๊กคุมเชิง รักษาอาการ
ด้านหนึ่งคือ “ทักษิณ” แชมป์เก่า แต่อีกด้านก็คือ “บิ๊กตู่” ที่กำลังกระโดดขึ้นเวที
มีประเทศไทยเป็นเดิมพัน
ภายใต้โจทย์เกมอำนาจเดิมๆ โจทก์คู่ขัดแย้งเก่าๆ แต่เปลี่ยนเกมเล่นใหม่
ไฟต์บังคับของทหารต้องไม่ทำปฏิวัติเสียของซ้ำซาก ฟาก “ทักษิณ” ก็พร้อมสู้แบบพังเป็นพัง
ถ้า “นายกฯลุงตู่” ชนะในเกมเลือกตั้ง ยี่ห้อพลังประชารัฐมาวิน ก็มีหวังลากเกมยาวถอนรากถอนโคนระบอบ “ทักษิณ”
แต่ตรงกันข้าม ถ้าผลการเลือกตั้งออกมายังเป็นไปตามที่ “ทักษิณ” ประกาศ พรรคเพื่อไทยยึดเสียงข้างมาก ตามกติกา ทหาร คสช.ก็จำต้องยกเกมอำนาจคืนให้ “นายใหญ่”
สุดท้ายอยู่ที่ประชาชนจะตัดสิน ใคร “ได้ของ” หรือ “เสียของ”.
“ทีมการเมือง”

ยังไงก็ไม่เสียของ!

ยังไงก็ไม่เสียของ!



พลังใจจากคนไทยหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
ส่งตรงไปให้ปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 นักเตะ และโค้ชทีม “หมูป่า อะคาเดมีแม่สาย” ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ล่วงเลยมา 1 สัปดาห์
ในคิวที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.รีบลงพื้นที่เกาะติดภารกิจค้นหา 13 ชีวิต ระดับบิ๊กในรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุ่มกำลังเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์เครื่องมือทำงานเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง สู้กับอุปสรรคทางธรรมชาติอย่างไม่ย่อท้อ
เพื่อช่วยเด็กๆหวนคืนสู่อ้อมอกพ่อแม่อย่างปลอดภัยตามที่คนทั่วประเทศสวดมนต์ภาวนา
เบนความสนใจทางการเมืองที่กำลังเข้มข้นเรื่องปฏิบัติการดูดอดีต ส.ส.เข้าสังกัด “พลังประชารัฐ” ให้ลดโทนลงไป
ตามสถานการณ์พลังดูดที่มาถึงตอนนี้ไม่มีคำว่า “เหนียม” อีกต่อไป เห็นได้จากซีนที่อดีตผู้แทนทุกค่ายไหลเข้าพรรคพลังประชารัฐอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
ถึงขั้นเกิดปัญหาทับซ้อน เปิดศึกแย่งชิงพื้นที่ลงสมัครกันวุ่นวาย
พรรคน้องใหม่ยังเนื้อหอม สั่งสมหน้าตักขึ้นเรื่อยๆไว้เป็นนั่งร้านให้ “บิ๊กตู่” เบิ้ลเก้าอี้ผู้นำอีกรอบ
เครดิต “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำกลุ่มสามมิตร ยังน่าเชื่อถือ เป็นแม่เหล็กดูดได้ทุกค่าย
สร้างพาวเวอร์ให้เห็นเต็มๆตา จากช็อตนำขุนพลเกรดเอจากพรรคต่างๆกว่า 50 คน มาโชว์ตัวแสดงจุดยืนสนับสนุน “ลุงตู่” ที่สนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท
ประกาศยืนยันความมั่นใจพรรคพลังประชารัฐจะได้คะแนนเสียงเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาล เพิ่มความอุ่นใจให้ผู้นำ คสช. มีตัวเลขของจริงอยู่ในมือ
ไม่ได้ยกเมฆปั้นตัวเลขแหกตาให้หลงเชื่อ
ขุมกำลังต่างๆถูกทยอยเปิดตัวออกมาทีละสเต็ป รอเวลา พล.อ.ประยุทธ์ประกาศลงสนาม
โรดแม็ปเลือกตั้งกลับมาเข้าที่ เห็นฤกษ์เข้าคูหาหย่อนบัตรคร่าวๆอยู่ในช่วงวันที่ 24 ก.พ.-5 พ.ค.2562
เงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง มีแนวโน้มในทางที่ดีจะได้รับการคลายล็อกโดยเร็ว เพื่อให้ฝ่ายการเมืองเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ตั้งแต่การประชุมพรรค การหาสมาชิกพรรค การทำไพรมารีโหวต
ทุกอย่างใกล้ลงตัว รอนับถอยหลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เส้นทางคืนประชาธิปไตยอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
สถานการณ์หลายอย่างกลับมาเข้าทางเป็นใจให้ “บิ๊กตู่”
ล่าสุดกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศขยับสถานะการค้ามนุษย์ในประเทศไทย เลื่อนระดับมาอยู่ใน “เทียร์ 2” จากเดิมที่อยู่ใน “เทียร์ 2 เฝ้าระวัง”
“บิ๊กตู่” โชว์ฝีมือปลดแบล็กลิสต์ค้ามนุษย์ได้อีกขั้น รอยด่างที่ประเทศไทยถูกนานาชาติขึ้นบัญชีดำในเรื่องต่างๆเริ่มผ่อนคลายดีขึ้นเป็นลำดับ
โยงไปกับทริปการเยือนอังกฤษ-ฝรั่งเศสที่เพิ่งปิดจ๊อบไปหมาดๆ ได้รับการต้อนรับจาก 2 ผู้นำโลกอย่างดี เลิกกดดันประเทศไทย
สะท้อนภาพลักษณ์ผู้นำทหารไทยได้รับการยอมรับในสายตาประเทศยักษ์ใหญ่มากขึ้น แผนโลกล้อมประเทศไทยที่เคยใช้กดดันรัฐบาลทหารเริ่มแป้ก
แรงกดดันจากนานาชาติเริ่มผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่บรรยากาศการเมืองในประเทศก็เริ่มนิ่ง ไม่มีสัญญาณกระเพื่อมแรง
โดยเฉพาะแต้มต่อในเวทีเลือกตั้งที่ “บิ๊กตู่” กุมความได้เปรียบต่อเนื่อง แนวโน้มดีวันดีคืน มีโอกาสปักหลักสู้กับคู่แข่งอย่างพรรคเพื่อไทยได้สนุก
ไล่ช็อปไพร่พลคู่ต่อสู้ที่มีฐานคะแนนต้นทุนสูงเข้าสังกัดได้เป็นกอบเป็นกำ และในอนาคตคงมีตามมาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผิดกับสถานการณ์ค่ายเพื่อไทยที่อ่อนกำลังลง ยังห้ามเลือดไม่อยู่
อดีต ส.ส.ตั้งท่าสละเรือทิ้งพรรคอีกหลายราย แม้กระทั่งขุนพลใหญ่อย่าง พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ที่เคยร่วมเคียงข้างนายใหญ่ในอดีตก็ยังพลิกขั้ว
แม้ไพร่พลที่แปรพักตร์มาร่วมทีม ไม่สามารถการันตีแน่นอนว่า จะกวาดที่นั่ง ส.ส.กลับมาได้แบบฟูลทีม แต่อย่างน้อยแต่ละคนก็มีฐานเสียงหน้าตักของตัวเองอยู่ในระดับหลักหมื่นคะแนน
มาช่วยเพิ่มแต้มในระบบบัญชีรายชื่อให้พรรคพลังประชารัฐได้อีกทาง
แม้จะสอบตก ได้มาไม่เต็มร้อย แต่ก็ไม่เชิงเสียของซะทีเดียว.
ทีมข่าวการเมือง