PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ต้องกล้าชน

ต้องกล้าชน



องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีอยู่ทั้งสิ้น 5 องค์กร
เรียงตามลำดับไหล่ได้แก่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันปราบปรามทุจริต (ปปช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
และสุดท้ายคือ...ผู้ตรวจการแผ่นดิน
ล่าสุด คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กำลังมีการเปลี่ยนแปลงแบบล้างสต๊อกยกทีม
เนื่องจากคณะกรรมการสิทธิฯ ชุดปัจจุบัน ซึ่งมี “นายวัส ติงสมิตร” เป็นประธานโดนเซ็ตซีโร่ตกเก้าอี้ยกเข่งทั้งๆที่เพิ่งดำรงตำแหน่งได้ 2 ปี
โดนโละล้างกระดานทั้งๆที่ยังเหลืออายุการทำงานอีก 5 ปี
โดนเททิ้งกลางทางทั้งๆที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติโดนละเมิดสิทธิมนุษยชนเสียเอง
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า เมื่อคณะกรรมการสิทธิฯ ชุดเดิมโดนรุสต๊อกออกไปทั้ง 7 คน จึงต้องเริ่มต้นการสรรหาคณะกรรมการสิทธิฯชุดใหม่มาเสียบแทน
โดยมีคนเด่นคนดังยื่นใบสมัครเข้ารับการสรรหารวมทั้งสิ้น 38 คน
ล่าสุด คณะกรรมการสรรหา ซึ่งมี นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน นำรายชื่อผู้เข้าประกวดทั้ง 38 ราย ใส่กระชอนกรองให้เหลือ 7 คน
ได้รายชื่อ “ว่าที่คณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติชุดใหม่” จาก 5 สาขา ครบโควตา 7 คนพอดี
1,สาขาผู้มีประสบการณ์ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน จำนวน 2 คน
คือ นางสมศรี หาญอนันตสุข จากสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน และ นายไพโรจน์ พลเพชร อดีตกรรมการปฏิรูปกฎหมาย
2,สาขานักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน จำนวน 1 คน
คือ ผศ.ดร.จตุรงค์ บุณยรัตนสุนทร อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
3,สาขาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสิทธิมนุษยชน จำนวน 1 คน
คือ นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
4,สาขาผู้มีประสบการณ์ด้านการ บริหารงานภาครัฐเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนจำนวน 2 คน
คือ น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพกระทรวงยุติธรรม และ น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ อดีต เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเนเธอร์แลนด์
5,สาขาผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญา วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตไทย จำนวน 1 คน
คือ นายสุรพงษ์ กองจันทึก นักกิจกรรมสิทธิมนุษยชน
โผรายชื่อผู้ว่าการสรรหาทั้ง 7 คน จะส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเห็นชอบเสียก่อนตามกติกา
“แม่ลูกจันทร์” สำรวจรายชื่อ “ว่าที่คณะกรรมการสิทธิฯ ชุดใหม่” ทั้ง 7 คนแล้ว ถือว่าไม่ขี้ริ้วขี้เหร่เกินไป
แต่จะดีจริงหรือไม่ ต้องรอพิสูจน์การทำงาน
เพราะหน้าที่สำคัญของคณะกรรมการ กสม. คือ ปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนทุกกลุ่มทุกขั้วทุกสีตามที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง
ถ้าพบเห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ต้องจัดการทันที!
หรือถ้าพบเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจคุกคามสิทธิมนุษยชน ต้องกล้ากระโดดออกมาชนแบบถึงไหนถึงกัน
ต้องกล้าบุกกล้าชนแบบนี้...ถึงจะมีคุณสมบัติเหมาะสม เป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อย่างแท้จริง
ถ้าเอาแต่นั่งเกาสะดือไปวันๆ ไปหางานอื่นทำดีกว่านะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

บางช่วงก็ชักจะไม่ลื่น

บางช่วงก็ชักจะไม่ลื่น



เอาเข้าจริง ไม่ใช่เฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. จะหัวหมุนกับสารพัด
ประเด็นร้อน ที่สุดท้ายต้องเร่งหาทางแก้ไข โดยไม่วายต้องใช้ “อำนาจพิเศษ” เข้าไปจัดการ
กระทั่งทีมกฎหมายรัฐบาล ทั้ง “ดร.วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ที่ถือเป็น “ยาสามัญประจำบ้าน”
ปวดหัวตัวร้อน ไข้เล็กไข้ใหญ่ในเรื่องข้อกฎหมาย ทำหน้าที่ประสานงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ร่วมกันชงเสิร์ฟรัฐบาล คสช. สมฉายา “เนติบริกร” บริการทันควัน
ไม่แพ้บรรดาทีมกฎหมายต่างๆ ทั้ง สนช.นำทัพโดย “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธาน สนช. รอรับสัญญาณแบบคลิกต่อติดทันใจ รวมถึงชุดอรหันต์กฎหมาย นำโดย “ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธาน กรธ.
ในโหมดของการกลับไปมาของกฎกติกาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เดี๋ยวร่าง เดี๋ยวรื้อโละ วนๆกันไป
ล่าสุดก็คงไม่เหนือการคาดหมาย กับปมคลายล็อกคำสั่ง คสช.ห้ามทำกิจกรรมการเมือง พ่วงไปกับกระบวนการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งขั้นต้น (ไพรมารีโหวต) ตามกฎหมายเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญปี 2560
ปักธง “ให้ประชาชนมีส่วนร่วม”
ดูหรูในเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ยากปฏิบัติ ตามเสียงสะท้อนจากขั้วฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะเครือข่ายป้อมค่ายเกิดใหม่ ในแผนตีตั๋วไปต่อของ “นายกฯลุงตู่”
ยื้อจังหวะกันมาพักใหญ่ แล้วก็เป็นท่านผู้นำเอ่ยปากบอก จะใช้ “อำนาจของตัวเอง” แก้ปมเรื่องการปลดล็อกและการทำตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมด
ตีความได้ว่าคือจะใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 คลายล็อก และเคลียร์เรื่องการทำไพรมารีโหวตอีกรอบ หลังจากก่อนหน้านี้ มาตรา 44 เคยใช้ยกเว้นไพรมารีโหวตระดับเขต มาให้ทำเฉพาะระดับจังหวัด
งัดกระบองยักษ์มาแล้วรอบหนึ่ง แต่เคลียร์กันไม่จบ
หนนี้ หากจะตัดลดให้ทำไพรมารีโหวตเฉพาะระดับภาคก็จะถูกมอง “ทำแบบเสียมิได้”
ไม่สะท้อน “การมีส่วนร่วมของประชาชน” จริงจัง
จึงต้องรอดูบรรดาทีมกฎหมาย มันสมองเนติบริกรที่ระบุว่าจะใช้ “รูปแบบอื่น” จะทำให้การมีส่วนร่วมที่ท่องๆกันเป็นจริง หรือใกล้เคียงได้มากน้อยแค่ไหน
แต่ที่แน่ๆ “ดร.วิษณุ” เริ่มแพลมไต๋มาแล้ว มี 6 ประเด็นที่จะผ่อนกฎเหล็ก
1.พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมได้ 2.ให้ความเห็นเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งได้
3.ดำเนินการเกี่ยวกับไพรมารีโหวตได้ 4.ตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ 5.ติดต่อประสานงานกับสมาชิกได้
ส่วนข้อสุดท้าย อ๋องกฎหมายประจำยุคบอก “จำไม่ได้” ซะงั้น
รวมทั้งที่ยังทิ้งทุ่นเอาไว้ เมื่อทำไพรมารีโหวตเสร็จ พรรคการเมืองก็ยังหาเสียงเลือกตั้งไม่ได้ การหาเสียงจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง
“พรรคการเมืองจะลงพื้นที่พบปะประชาชน หลังทำไพรมารีโหวตได้หรือไม่นั้น ต้องถาม กกต.”
แค่คลายล็อก แถมติดติ่งให้ระแวงกันได้อีก
ณ ห้วงนี้จึงไม่แปลก ที่แม้จะมีสัญญาณตอบรับเรื่องการดำเนินการตามกฎหมายเลือกตั้ง ผู้นำจ่อใช้กระบองยักษ์
เข้ามาแก้ปัญหา แต่ปฏิกิริยาจากขั้วการเมืองก็ยังคงร้อนแรง
ยังคงมีเสียงเรียกร้องต่อรองให้ปล่อยฟรี เปิดทางการทำกิจกรรมการเมืองแบบเคลียร์กันให้ชัด ในขณะที่ฝ่ายอำนาจพิเศษเอง ที่ไม่เพียงยึกยัก กลับไปกลับมาเรื่องกฎกติกา
กระทั่งแผนการเมืองเรื่องต่อตั๋วให้ผู้นำคัมแบ็กอย่างสง่างามตามระบบ
ชักมีเสียงแว่วสะท้อนให้เห็นถึงคิว “คร่อมจังหวะ”
เกมอำนาจพิเศษเฟสใหม่ เริ่มมีสเต็ปสะดุดอยู่เหมือนกัน.
ทีมข่าวการเมือง

บิ๊กตู่” ฉุน หนักมาก!! ห้าม นักข่าว “ต่อปาก ต่อคำ” ไล่ตะเพิด ออกนอก ทำเนียบฯ

อูยยย !!หัวร้อน !!
“บิ๊กตู่” ฉุน หนักมาก!! ห้าม นักข่าว “ต่อปาก ต่อคำ” ไล่ตะเพิด ออกนอก ทำเนียบฯ
หลัง “นายกฯบิ๊กตู่” แถลงเรื่องการมอบรางวัล Prime Minister’s Award 2018 จบแล้ว กำลังเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า
ได้แนะนักข่าว ถาม รมช.พาณิชย์ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า การค้าพาณิชย์ ถามบ้างสิ การเมืองมันไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นหรอก
นักข่าว ตอบว่า เดี๋ยวมีนักข่าวสายเศรษฐกิจทำ
แต่นายกฯ ตอบว่า ไม่ตัองมา ต่อปาก ต่อคำฉัน
โดยนักข่าว หันมาคุยกันเองว่า “ต่อปาก ต่อคำ ก็ไม่ได้”
จนนายกฯหันขวับ มาพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ก็ไม่ได้ไง”..”นินทาอะไรวะ”
“ถ้าต่อปากต่อคำ ก็ไปออกไปข้างนอกโน่น”
ก่อนเดินขึ้นตึกไป ท่ามกลางความแปลกใจของนักข่าว และ ผู้ติดตามนายกฯ อย่างมาก ว่า นายกฯ เป็นอะไร
โดยก่อนหน้านี้ นายกฯกล่าวบนเวที ตำหนิ การเสนอข่าวของสื่อ และขู่จะฟ้องร้อง อีกด้วย

“เอกชัย หงส์ฯ” บี้รัฐบาล คสช.หาตัว คนทำร้ายตนเอง

“เอกชัย หงส์ฯ” บี้รัฐบาล คสช.หาตัว คนทำร้ายตนเอง เพื่อให้หายเคลือบแคลงว่า รัฐบาลและคสช. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง/มีทีมงาน เพิ่ม!!
นายเอกชัย หงส์กังวาน พร้อมนายอานนท์ นำภา พร้อมพวกรวม 4 คนเดินทางมาที่ ข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่ออ่านแถลงการณ์ กรณีที่ตนเองถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังมาเคลื่อนไหวให้ พลเอกประวิตร รับผิดชอบต่อ กรณีนาฬิกาหรู
การมาครั้งนี้ มี นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ พร้อมมวลชนที่มาให้กำลังใจ 15 คน
นายเอกชัย ระบุว่า ตนเองถูกทำร้าย และข่มขู่คุกคามโดยกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจเผด็จการอยู่เบื้องหลัง โดยลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ตนเองเริ่มเคลื่อนไหว เรื่องนาฬิกาที่ พลเอกประวิตรฯ อ้างว่ายืมเพื่อนมา เมื่อปลายปีที่แล้ว จนเริ่มมีการคุกคาม มาเรื่อยๆ
จนล่าสุด เมื่อวันพุธ ที่ผ่านมาตนเอง ถูกทำร้ายร่างกาย ที่หน้าบ้าน หลังจากตนเองมาถามความรับผิดชอบ จาก พลเอกประวิตร ที่ทำเนียบฯ ซึ่งตนมองว่า รัฐบาลที่มาจากทหาร ไม่เหมาะสมที่จะบริหารประเทศ เพราะทหาร ไม่มีความรู้ด้านบริหาร
จากเหตุการณ์ที่เกิดขี้นกับตน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลและคสช. ได้รีบดำเนินการหาตัวผู้ร้ายมาดำเนินคดี โดยได้แจ้งความทุกคดีแล้ว เพื่อจะได้หายเคลือบแคลงว่า รัฐบาลและคสช. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น

เรียก ถก คสช. สัปดาห์หน้า ถกคลายล็อค พรรคการเมือง

เรียก ถก คสช. สัปดาห์หน้า ถกคลายล็อค พรรคการเมือง ยัน ไม่ใช่กม.ออกมา มันผิด
“นายกฯ” เผย สัปดาห์หน้า เรียกประชุม คสช.พิจารณาคลายล็อคพรรคการเมือง แก้คำสั่ง คสช. 53/2560 มอบ”วิษณุ เครืองาม” ที่ปรึกษาด้านกม.ไปดูว่า ข้อกฏหมายติดขัดตรงไหน ก็เสนอที่ประชุม ถ้าเห็นชอบ จะมาถามผมทุกเรื่องไม่ได้ เพราะมีคนที่ดูแลรับผิดชอบอยู่ เรื่องการเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่ว่า กม.ที่ออกมา มันผิด
ที่ออกมาก็มุ่งหวังให้กม เหล่านี้ มันยืดยาว ยั่งยืน เพื่อให้เกิดการปฏิรูปทางการเมือง แต่พอออกมาก็มีปัญหาอีก อยากจะปฏิรูป มั้ยล่ะ ผมถึงบอกว่า อะไรที่ทำได้ เราก็ทำ

“ถ้าใช้อำนาจของผมจริงๆล่ะก็ ไม่มีแบบนี้”

“ถ้าใช้อำนาจของผมจริงๆล่ะก็ ไม่มีแบบนี้”
“นายกฯบิ๊กตู่” เซ็ง ภาษาสื่อ “โว ปัด ฟุ้ง” ถ้าใช้อำนาจของผมจริงๆล่ะก็ ไม่มีแบบนี้ บางสัปดาห์ไม่อ่าน หนังสือพิมพ์เลย สบายใจ แต่สื่อก็หาว่า ผมใจร้อน อารมณ์เสีย ระบายกับใคร ไม่ได้ ก็มาลงกับสื่อ เผยบางฉบับ ผมไม่อ่านแล้ว. เปรยจะทำโพลล์ถามประชาชน เชื่อมั่นฉบับไหนมากสุด. แต่นายกฯต้องไม่อารมณ์เสีย ต้องสุภาพเรียบร้อย ค่ะ ครับ แต่นั่น ไม่ใช่ผม !!

บุกฐานที่มั่น “เพื่อไทย”

บุกฐานที่มั่น “เพื่อไทย”
“นายกฯบิ๊กตู่” เตรียม ลงพื้นที่ พะเยา และ ไปประชุม ครม สัญจร เชียงราย 17-18 กย.นี้.... ถือเป็นการบุกพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย... ...คาด เป็นพื้นที่ที่ คสช.”ดูด” เรียบร้อยแล้ว
รวมทั้ง พะเยา ที่มี ผู้กองมนัส รัอยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า. นายทหารคนดัง ที่มีข่าวว่า จะย้ายมาซบพรรคประชารัฐ

.”บิ๊กตู่” แขวะ นักการเมือง ไม่ตัองกลัว

“ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วผลการเลือกตั้งจะออกมายังไง”....”บิ๊กตู่” แขวะ นักการเมือง ไม่ตัองกลัว ผมจะมาเป็นอะไร...แนะ หน่วยงาน ฟ้องสื่อ ถ้าเสนอข่าว ไม่จริง
“นายกฯบิ๊กตู่” บอก ค่อยดูสิ เวลามีเลือกตั้ง ก็จะกลับมาเหมือนเดิม เพราะมีการบิดเบือน เปรย ไม่มีวันไหนไม่โดนด่า ชี้ นักการเมืองดีๆมีเยอะ แต่ไอ้ที่ไม่ดี ก็มี
“ไม่ต้องมากลัวว่า เลือกตั้ง แล้วผมจะมาเป็น เพราะประชาชนจะเป็นคนเลือก ถ้าเป็นแบบนี้ แล้ว ผลการเลือกตั้งจะออกมายังไง
ผมไม่สนใจด้วยว่า ใครจะว่าอะไร ทุกวันนี้ ด่ากันโครมๆ ถ้าผมใช้อำนาจ ไม่ได้มาด่ายังงี้หรอก บางฉบับผมไม่อ่านแล้วอย่ามาบอกว่าผมปิดกั้น ก็มาแก้ผมพยายามเดินหน้าไปตามที่กำหนด แต่ถ้ายังวุ่นวาย แบบนี้ ก็ช่วยไม่ได้
ยัน ไม่เคยสั่งสื่อ เพียงแต่ว่าอะไรได้ไม่ได้ ก็ต้องมีคดีความ แต่ส่วนใหญ่เกรงใจสื่อ ไม่อยากให้มีคดีความกับสื่อ แต่วันนี้ต้องดำเนินการ ไม่ใช่ปิดกันนะ แต่ตัองรักษากฎหมาย หน่วยงาน ก็ต้องรักษาศักดิ์ศรี ต้องป้องกันตัว”