PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ไม่รู้สึกอะไรเลย

ไม่รู้สึกอะไรเลย ผลโพลล์ไม่ใช่ความเห็นของคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งประเทศ

พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึฃ นิด้าโพลล์ 
ที่ประชาชนสนับสนุนให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ อันดับ 1 ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอันดับ 2ว่า วันนี้มีโพลล์ จำนวนมาก ซึ่งวิธีการทำโพลนั้น ทุกสำนักมีจุดมุ่งหมายด้วยกันทั้งสิ้น ว่าอยากให้คำตอบออกมาเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายและการตั้งคำถาม

 สิ่งที่ได้มานั้นจะใช่หรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะตนไม่อาจหยั่งรู้จิตใจของประชาชนทุกคนได้ 

แต่ผลโพลล์ไม่ใช่ความเห็นของคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งประเทศ ดังนั้นการสำรวจความเห็นของคน 1,000 -2,000 คน นั้น ไม่ได้อะไร เพราะวันข้างหน้าผลโพลก็ผิดทุกครั้งไป จึงต้องไปดูเป้าหมายว่าทำโพลเพื่ออะไร จากใคร จากไหน เพราะบางครั้งการทำโพลก็มีอะไรอยู่เบื้องหลัง 

ดังนั้นจึงไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเชื่อมั่นในประชาชน วันนี้ประชาชนเรียนรู้มาก อย่าใช้วิธีการเหมือนเดิม จนทำให้ประชาชนเกิดความไม่เข้าใจ

“หลายคนพยายามบิดเบือน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดิน ราคายาง ราคาปาล์มน้ำมัน ฯลฯ โดยออกมาโจมตีรัฐบาล ที่ผ่านมารัฐบาลทำงานแทบตาย แก้ไขปัญหาต่างๆ รับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ถ้าทำงานแบบง่ายๆ ทุกอย่างก็จะเป็นเหมือนเดิม คือไม่ยั่งยืน ขอฝากกับทุกคน ว่าผมจะไม่ไปทะเลาะเบาะแว้งกับใคร แต่อยากขอให้ฟังรัฐบาล และรับฟังคนที่อยากเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป อย่าให้มาโจมตีเรา โดยเราคล้อยตามเขาไปด้วย 

อยากให้สื่อมวลชนช่วยฟังด้วยว่า คนที่พูดจะแก้ไขปัญหาอย่างไร โดยดูที่การแถลงนโยบาย ว่าจะทำงานอย่างไร ไม่ใช่โจมตีผมอย่างเดียว เพราะไม่เป็นธรรมกับผม ฝากให้ด้วย เพราะทุกคนต่างก็รักประเทศไทย หรือใครไม่รัก ทุกคนต่างก็รักประเทศไทยและคนไทย ดังนั้น อยากขอร้องบรรดานักเขียนและคอลัมนิสต์ ที่บางครั้งเขียนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เขียนในแบบเดิมๆโดยไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ซึ่งคิดว่าไม่ได้แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ยังไม่มีคนทาบเป็นนายก

“นายกฯ บิ๊กตู่” ยังกั๊ก..... ถ้าไม่มีใครทาบ ก็ไม่เอา...แต่ถ้าเอา ก็ต้องเอาใจเต็ม 100%

พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงอนาคตทางการเมือง !ว่า ตอนนี้มีใครทักถามผมหรือยังล่ะ  ยังไม่มีใครมาทาบทาม เป็นนายกฯเลย ถ้าไม่มีใครมาทาบ ก็ไม่เอา ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลามั้ง  เขาให้เสนอชื่อเมื่อไหร่  แต่ถ้ามาทาบทาม ก็ต้องถามใจผมดูก่อน  ถ้ามีก็ 100 % ไปเลย ไม่มีนิดหน่อย

การสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่นั้น เมื่อกฎหมายออกมาก็จะชัดเจนเองแหละว่าจะอยู่ตรงไหน

ไม่เกี่ยวพลังประชารัฐ

"บิ๊กป้อม"ไปน้ำขุ่นๆ... "รัฐบาลคสช."ไม่เกี่ยวข้อง กับ พรรคพลังประชารัฐ ชี้ ไม่อาจช่วย นักการเมือง หลุดพ้นคดีได้ เพราะไม่ใช่ศาล ชี้ ลูกชาย”บุญทรง” คดีความไม่ตรงกับ “ยิ่งลักษณ์”

พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึง  การที่ อดีตสส.หรือนักการเมือง เข้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะมีการต่อรอง เรื่องคดีว่า ไม่รู้พรรคไหน

ส่วนที่มีการระบุว่า เป็น  "พรรคพลังประชารัฐ"นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า โอ้ย! ไม่มีอ่ะ ไม่รู้ใครอ่ะ

ส่วนการที่ "ลูกชายบุญทรง เตริยาภิรมย์" ย้ายจากพรรคเพิ่อไทย มาพรรคพลังประชารัฐ เพราะหวังช่วยพ่อ ที่ติดคดีจำนำข้าวนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า  เป็นเรื่องคดีความ ของเขาเอง ไม่ตรงกับผู้นำคนเก่าอ่ะสิ

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า อดีตสส.ที่มาอยู่พรรคพลังประชารัฐ มักจะมีปัญหาเรื่องคดีความติดตัวนั้นพลเอก 
ประวิตร กล่าวว่า  พรรคฯ ช่วยอะไรได้ใคร จะช่วยได้ก็ต้องไปพูดกับศาล  จะมาพูดอะไรกับเราล่ะ ไม่มี  เราจะไปช่วยอะไรเขา ได้ ก็ว่ากันไป  โดนคดี แล้วจะมาเกี่ยวอะไรกับเรา รัฐบาลก็ไม่ได้เป็นศาล

ส่วนการที่พรรคพลังประชารัฐประกาศสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกนั้นอาจจะทำให้โยงกับคสช. นั้ร พลเอกประวิตร กล่าวว่า แล้วรัฐบาลเคยมั้ย ไม่เคยไปยุ่งอะไรเลย มันเป็นเรื่องของตัวรัฐมนตรี เขาว่าไป เราไม่ยุ่งเลย

ส่วนที่มองกันว่า เป็นการปูทางให้ พลเอกประยุทธ์ นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ปูทางยังไง พรรคพลังประชารัฐ
ไม่เห็นมีทหาร สักคนเลย พลเรือนทั้งหมดที่เข้ามาอยู่เนี่ย มีใครมีทหารไหม มีหรือเปล่า
แล้วในอนาคตจะมีทหารเข้าพรรคมั้ย พลเอกประวิตร กล่าวว่า ถามว่าเดี๋ยวนี้อ่ะ มีไหม ไม่ได้ไปสมัครเป็นสมาชิก จะเข้าไปยังไง. นายกฯมีได้กี่คน. ก็มีได้แค่คนเดียวใครจะไปแย่ง

ส่วนคนที่จะเสนอขื่อ พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯ นั้น ไม่รู้ ก็เรื่องของเขา ก็ต้องไปถามคนเสนอ อย่ามาถามผม

ไม่สนโพล

แค่ 1,200 คน ! 

“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ไม่หวั่นไหว Nidaโพลล์ “หญิงหน่อย”คะแนนนิยมสูงกว่า “บิ๊กตู่” ยันไม่หวั่นไหว แค่1,200 คน จาก70ล้านคน แนะวัดกระแส ว่าจะมีเรื่องกันดีหรือเปล่า ดีกว่า แต่ถูกซักมาก “ปากสั่น” หยุดให้สัมภาษณ์ บอก ถาม”เฮงซวย”

พลเอกประวิตร กล่าวถึง การสำรวจความนิยมประชาชน ที่ต้องการให้คุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธุ์  สูงกว่า พลเอกประยุทธฺ ว่า  ต้องไปถามนิด้าโพลล์เอง เพราะตอนที่โพลลฺออกมาความนิยมของพลเอกประยุทธ์ สูงสุด ที่คนอยากให้เป็นนายกฯนั้นไม่เห็นมาถามเลย

ทั้งนี้ ไม่รู้ว่า คะแนนนิยม ของ พลเอกประยุทธ์ ลดลงไป หรือไม่ แต่นิด้าโพลล์  สำรวจความเห็นแค่ 1,200 คนแต่ประชาชนมี 70 ล้าน คน ประเมินได้อย่างไร. อีกทั้ง ตนเองไม่เคยพูดเรื่องโพลล์เลย ตอนที่นายกฯคะแนนนำ ตนก็ยังไม่เคยพูดเลยพูดอะไรก็ไม่รู้

เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงเคยทำโพลล์ หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ทำไปทำไม ก็ไม่ได้เล่นการเมือง  แล้วจะวัดกระแส ไปทำไม ไปวัดว่า จะมีเรื่องกันดีหรือเปล่า ดีกว่า ความขัดแย้งอย่าให้มี จะไปวัดท่าไม เรื่องการเมือง
ความขัดแย้ง อย่าให้มี

เมื่อถามว่า ที่บอกว่าให้ไปทำโพลล์วัดกระแส ว่าจะตีกัน ดีกว่านั้น แสดงว่า มีอะไรหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าว พร้อมปากสั่นเลยว่า ไม่ได้บอกว่า จะเกืด พูดไม่รู้เรื่อง ถาม เฮงซวย!!

เมื่อถามว่า โพลล์. ออกมาเช่นนี้ ทำให้ คสช. หรือ พลเอกประยุทธ์ หวั่นไหว หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่มีๆ คสช. จะไปเกี่ยวอะไร

รอพรรคการเมืองทาบทามนั่งบัญชีนายกฯ

THE STANDARD
BREAKING: ประยุทธ์เผยแล้ว รอพรรคการเมืองทาบทามนั่งบัญชีนายกฯ แต่ต้องดูว่าตรงใจตัวเองหรือไม่
.
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงอนาคตทางการเมืองระหว่างการตอบคำถามสื่อ ด้วยการเอามือป้องหูเพื่อเงี่ยฟังเสียงว่า
.
นักข่าว: ที่ถามฝ่ายกฎหมายว่าไม่ต้องสมัคร หมายถึงตำแหน่งไหนคะ
.
นายกฯ: ไม่ต้องสมัครสมาชิกพรรค
นักข่าว: การที่ท่านนายกฯ ไม่ชัดเจน อาจจะทำให้คนที่สนับสนุนท่านนายกฯ ไม่รู้ว่าท่านนายกฯ จะลงหรือไม่ลงการเมือง จึงทำให้โพลออกมาในลักษณะแบบนี้หรือเปล่าคะ
.
นายกฯ: เดี๋ยวก็ชัดเจนเองแหละ เดี๋ยวกฎหมายออกมาก็ชัดเจนเองแหละว่าผมจะอยู่ตรงไหนนะ
.
นักข่าว: หมายถึง?
.
นายกฯ: มีคนทาบทามผมหรือยังล่ะ ยังไม่มี
.
นักข่าว: เมื่อพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกจะชัดเจนเลยไหมคะ
.
นายกฯ: ถ้าไม่มี (คนทาบทาม) ก็ไม่เอา
.
นักข่าว: แต่มีการพูดกันมาโดยตลอด
.
นายกฯ: ก็เขามีกำหนดเมื่อไร ให้ทาบทามเมื่อไร เสนอชื่อนายกฯ ได้เมื่อไร ก็เมื่อนั้นแหละ แต่ผมจะรับหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูใจผมก่อนว่าที่เขาจะขอผมมันตรงกับใจผมหรือเปล่า
.
นักข่าว: แล้ววันนี้ใจท่านนายกฯ ไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์คะ
.
นายกฯ: ถ้ามีก็ร้อยไปเลย ไม่มีทีละสิบหรือนิดหน่อย
.
ภาพ: ฐานิส สุดโต
.

อดีตส.ส.โดนดูด 'หญิงหน่อย' อวยพรขอให้โชคดี

มั่นใจพท.ชนะเลือกตั้ง ‘ปิยะณัฐ’ โผล่ซบพปชร. ‘เสรี’ แฉมีฝ่ายเผด็จการ จ่อหอบเงินหนีถ้าแพ้!

พลังดูดฉุดไม่อยู่ “ปิยะณัฐ” ควงเมียสมัคร พปชร. อุดมการณ์ยังเก็บไว้ในลิ้นชัก “กัลยา-มานิต” เขี่ยทิ้งพรรคเก่าเข้าซบตามคาด “สมศักดิ์” ยอมหลีกทางให้ก๊วนกำแพงเพชร “กอบศักดิ์” ลุยหาเสียงที่อุดรฯ “สนธิรัตน์” ไปหนองบัวลำภู “หญิงหน่อย” เดินสายนครพนมอุดรอยรั่ว ฟุ้งเลือดไหลออกไม่กระทบ ตัวเลือกเพียบ “ลดาวัลลิ์” บ่นหดหู่พฤติกรรมพรรคพลังดูด “สามารถ” ซัดเปลี่ยนอุดมการณ์ชั่วข้ามคืน รอวันดีเดย์ไม่มีอุทธรณ์-ฎีกา “เหลิม” ท้าให้รอดูใครคิดผิดคิดถูก “วรชัย” โวถูกดูดไป 20 ที่แค่นี้จิ๊บๆ ทษช.ชูแก้ปากท้องช่วยคนใต้ เจอเด็ก พปชร.ป่วนกลางวง กระทุ้ง คสช.หยุดจุ้นจ้าน “เต้น” โต้ไม่ใช่พรรคปาร์ตี้ลิสต์ “สมชัย” มาตามนัดเข้า ปชป. สวมบทหัวหมู่ทะลวงฟันแก้ รธน.-ก.ม.ลูก กระทุ้ง กกต.เป็นกลาง ไม่เอียงเพื่อชาติ “เสรีพิศุทธ์” แฉมีพวกเผด็จการเตรียมหอบเงินหนีถ้าแพ้เลือกตั้ง โพลชี้คนกังวลไม่ได้เลือกตั้ง

พลังดูดของพรรคพลังประชารัฐยิ่งคึกคัก เมื่อใกล้ครบเส้นตายการเข้าสังกัดพรรคในวันที่ 26 พ.ย. ล่าสุดเป็นคิวอดีต ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ตบเท้าเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่พรรคเพื่อไทยเริ่มระส่ำ ออกมาโจมตีอดีต ส.ส.ที่เปลี่ยนอุดมการณ์เพียงชั่วข้ามคืน

“ปิยะณัฐ” ควงเมียเข้า พปชร.

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร พร้อมนางวิจิตรา วัชราภรณ์ ภรรยา เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค มีนายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล และนายมงคล จงสุทธนามณี แกนนำพรรค พปชร. ให้การต้อนรับ นายปิยะณัฐกล่าวว่า ต้องการสร้างโอกาสให้ประชาชน พัฒนาบ้านเมืองและแก้ปัญหาประเทศ ที่ผ่านมาบ้านเมืองมีปัญหามาก การจะแก้ปัญหาได้พรรคการเมืองถือเป็นส่วนหนึ่ง พปชร.อาจไม่ใช่พรรคที่ดีที่สุด แต่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ที่จะทำให้การเมืองเดินหน้า ส่วนจะได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพรรค ยืนยันว่าสุขภาพกายอาจมีปัญหาในทางการเมือง แต่สุขภาพใจเต็มร้อย

อุดมการณ์ยังเก็บไว้ในลิ้นชัก

ผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิจารณ์ว่าพรรค พปชร.อาจเหมือนกับพรรคสามัคคีธรรม ที่สืบทอดอำนาจทหาร นายปิยะณัฐตอบว่า การวิจารณ์เป็นเรื่องปกติ แต่จะเป็นไปตามที่วิจารณ์หรือไม่นักการเมืองจะต้องช่วยกันร่วมกำหนดการทำงาน ส่วนกรณีพรรคสามัคคีธรรมตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย จึงไม่ทราบปัญหาภายใน แต่เมื่อมาอยู่พรรคนี้ก็ไม่ได้ยอมอะไรง่ายๆที่ไม่ถูกต้อง คิดว่าพรรคนี้จะไม่เหมือนกับพรรคสามัคคีธรรม เมื่อถามย้ำว่าต้องเอาอุดมการณ์ใส่ลิ้นชักเหมือนตอนเข้าร่วมรัฐบาล พล.อ.สุจินดาหรือไม่ นายปิยะณัฐตอบว่า อุดมการณ์เป็นเรื่องสำคัญแต่นำมาใช้เมื่อใดต้องดูสถานการณ์และโอกาสที่เหมาะสม ดูลิ้นชักของตัวเองอยู่เรื่อยๆ ยืนยันว่าอุดมการณ์ยังอยู่

“กัลยา” สละเรือ ปชป.ตามคาด

ต่อมาเวลา 13.00 น. นางกัลยา รุ่งวิจิตรชัย อดีต ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เข้าสมัครสมาชิกพรรค พปชร. นางกัลยากล่าวว่า บอกกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียบร้อยแล้ว ยืนยันไม่มีความขัดแย้งใดๆ เพราะแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ กับพลังประชารัฐไม่แตกต่างกัน ทั้ง 2 พรรคไม่มีความขัดแย้งกันมากนัก รวมทั้งสถานการณ์ในพื้นที่ จ.สระบุรี ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก จึงตัดสินใจเข้าร่วม ต่อมานายมานิต นพอมรบดี อดีต รมช.สาธารณสุข และอดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย สมัครเข้าเป็นสมาชิก

“สมศักดิ์” หลีกก๊วนกำแพงเพชร

นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสามมิตร กล่าวว่า ยอมรับว่าหลังอดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย ย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เกิดการทับซ้อนกับผู้สมัครที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ คัดเลือกไว้ ทำให้นายสมศักดิ์ต้องเร่งทำความเข้าใจ และต้องให้เครดิตอดีต ส.ส.ที่ย้ายมา ผู้ใหญ่ในพรรค ได้หารือกันเบื้องต้นให้เครดิตอดีต ส.ส.เป็นตัวหลักลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนผู้สมัครของกลุ่มนั้น 3 คน ยินดีช่วยเพื่อความสำเร็จของพรรคต่อไป ส่วนอีก 1 คน จำเป็นต้องย้ายไปอยู่พรรคอื่น ได้พูดคุยแล้ว

“กอบศักดิ์” ลุยหาเสียงที่อุดรฯ

ช่วงเช้าที่ทะเลบัวแดง บ้านเชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี ทั้ง 8 เขต ลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อรับฟังความคิดเห็น มีผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านร่วมพันคนมารอต้อนรับ พร้อมฝากถึงรัฐบาลให้เพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา เพิ่มเงินรัฐสวัสดิการให้กับคนจนในส่วนที่สามารถกดเป็นเงินสด ส่วนตัวแทนของ อสม. เรียกร้องขอเพิ่มค่าตอบแทนจากเดิมที่ได้เดือนละ 600 บาท เป็น 1,000 บาท นายกอบศักดิ์จึงกล่าวกับผู้ที่มารับว่า วันนี้ไม่ได้มาหาเสียง แต่มารับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปเป็นแนวทางกำหนดนโยบายพรรค หากได้กลับมาเป็นรัฐบาลก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ถูกทาง

“เจ๊หน่อย” เดินสายนครพนม

วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ตลาดเทศบาลตำบลนาแก จ.นครพนม พบปะเยี่ยมเยียนชาวบ้าน โดยเดินทักทายพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนาแก และแวะซื้อขนมดอกบัวของโปรดวัยเด็ก พร้อมรับฟังปัญหาจากพ่อค้าแม่ค้าถึงปัญหาเศรษฐกิจฐานรากที่ฝืดเคือง จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์เดินทางไปรับหนังสือจากชาวสวนยางพารา อ.นาแก ที่ร้องเรียนปัญหาราคายางพาราตกต่ำ และเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย มีอดีต ส.ส.ภาคอีสานหลายคนมาต้อนรับ อาทิ นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม นายไพจิต ศรีวรขาน นางมนพร เจริญศรี อดีต ส.ส.นครพนม นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต ส.ส.มุกดาหาร คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า อ.นาแก เดิมเป็นพื้นที่นายชูกัน กุลวงษา ที่ถูกดูดไปร่วมพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยจึงส่งนายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อลงสมัครแทน ซึ่งได้รับการตอบรับจากชาวบ้านดี ประชาชนรอความหวังให้พรรคเพื่อไทยมาแก้ไขปัญหาปากท้อง เรามีนโยบายการแก้ปัญหาไว้แล้ว

มั่นใจเลือดไหลไม่กระทบพรรค

คุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีอดีต ส.ส.หลายคนย้ายพรรคว่า เป็นการตัดสินใจของแต่ละคน พรรคเจอปัญหานี้มาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ผ่านไปได้ ส่วนคนที่ถูกดูดไปเป็นการจากกันด้วยดี ขออวยพรให้โชคดี ส่วนใครที่มีอุดมการณ์เหนียวแน่น อดทนต่ออำนาจเงินและอำนาจอื่น ร่วมเดินต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไปด้วยกัน ส่วนกรณีนายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ระบุถึงสาเหตุการย้ายพรรคเพราะถูกทอดทิ้งนั้น ยืนยันว่า ที่ผ่านมามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด เป็นสิทธิ์ของนายเดชนัฐวิทย์ แล้วแต่เหตุผลที่คนจะพูด ขออวยพรให้โชคดี ยังมั่นใจพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง ส่วนกรณีนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง นำทีมอดีต ส.ส. กำแพงเพชร และนายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี ย้ายไปพรรคพลังประชารัฐนั้น เราเตรียมคนลงสมัครแทนไว้แล้ว พรรคมีคนดี มีความสามารถ มีอุดมการณ์พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. มากเกินกว่าเขตที่มีด้วยซ้ำ การย้ายพรรคจึงไม่กระทบกับเรามากนัก

หดหู่พฤติกรรมพรรคพลังดูด

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกหดหู่ใจในพฤติกรรมบางพรรคการเมืองที่ค่อนข้างได้เปรียบพรรคอื่น ใช้พลังดูดนักการเมืองมาเข้าสังกัดให้มากที่สุด หวังชนะเลือกตั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กำลังถูกสังคมตั้งคำถาม จงใจใช้คดีความมาบีบ และใช้การแบ่งเขตมาบีบให้ย้ายพรรคใช่หรือไม่ การดูดอดีต ส.ส.เข้าสังกัดโดยละทิ้งอุดมการณ์ ไม่คำนึงถึงคุณสมบัติที่ดีของนักการเมืองนั้น หวั่นใจว่าจะทำให้การเมืองถอยหลังลงคลอง เตือนด้วยความหวังดีว่าระวังจะซ้ำรอยพรรคสามัคคีธรรม ที่ใช้วิธีดูด บีบอดีต ส.ส. สุดท้ายแม้จะชนะเลือกตั้ง แต่กลายเป็นพรรคต้นธารแห่งความขัดแย้งที่สังคมรังเกียจ จนไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้

ซัดเปลี่ยนอุดมการณ์ชั่วข้ามคืน

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าสถานการณ์ภายในพรรคขณะนี้คงนิ่งแล้ว อดีต ส.ส.ที่คิดย้ายพรรคน่าจะหมดแล้ว คนที่ย้ายไปต่างมีเหตุผลของตัวเอง บางคนเข้าใจในเหตุผลความจำเป็นที่ต้องย้าย แต่บางคนที่บอกยึดมั่นประชาธิปไตยด่าเผด็จการมาตลอด แค่ชั่วข้ามคืนกลับเปลี่ยนอุดมการณ์ ก็น่าสงสัย เพราะอุดมการณ์ต้องใช้เวลาเพาะบ่มนาน และควรมั่นคงตลอดไป แต่กลับเปลี่ยนไปด้วยเหตุผลที่ไม่ค่อยมีน้ำหนัก ส่วนที่มองว่าอดีต ส.ส.ที่ถูกดูดไปเป็นพวกเกรดเอนั้น พรรคต้องหาคนมาทดแทน แม้จะได้เกรดไม่เท่าเดิม ได้เท่าไรเอาเท่านั้น ไม่แน่ว่าเกรดเอเพราะอยู่เพื่อไทย ไปอยู่ที่อื่นอาจสอบตกก็ได้อย่าดูถูกประชาชน

รอวันชี้ชะตาไม่มีอุทธรณ์-ฎีกา

นายสามารถยังโพสต์เฟซบุ๊กเพิ่มเติมว่า “ทำอะไรให้เกรงใจประชาชนบ้าง ไม่น่าแปลกใจยิ่งใกล้วันที่ 26 พ.ย. จึงมีปรากฏการณ์นักการเมืองย้ายพรรค ต่างคนต่างมีเหตุผล อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะเห็นก็ได้เห็น ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินก็ได้ยิน คนที่พูดมาตลอดว่ายึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย จะต่อสู้กับฝ่ายเผด็จการ จู่ๆก็หันไปอยู่กับฝ่ายที่โจมตีว่ากล่าวเขามาตลอด ด้วยเหตุผลข้ออ้างที่ฟังแล้วไม่น่ามีน้ำหนัก แปลกใจและพยายามเข้าใจกลุ่มคนที่ย้ายพรรค แต่ยังสงสัยว่ากว่าจะหล่อหลอมเป็นอุดมการณ์ได้ต้องใช้เวลาบ่มเพาะมานาน และควรมั่นคงตลอดไปทำไมจึงเปลี่ยนกันง่ายเพียงชั่วข้ามคืน ต้องอย่าลืมว่าประชาชนเขาเฝ้ามองท่านอยู่ เขาคือผู้ตัดสินพฤติกรรมของท่านว่าเหมาะสมหรือไม่เพียงใด ในวันที่ 24 ก.พ.2562 ไม่มีอุทธรณ์ ฎีกา ครับ”

“เหลิม” ท้าให้รอดูคิดผิดคิดถูก

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เพื่อนสมาชิกนักการเมืองที่เคารพรัก วันนี้คงเป็นโอกาสสุดท้าย ที่ท่านจะตัดสินใจสังกัดพรรค บรรดาผู้ที่เปลี่ยนแปลงสังกัดพรรค ไม่ว่าจะด้วยความจำเป็นอย่างใด ไม่มีใครรู้จริงเท่าตัวท่านเอง แต่ละคนมีภูมิต้านทานไม่เหมือนกัน ผมเคารพในการตัดสินใจของท่าน ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ คงพบกันในสนามเลือกตั้ง ประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจว่าใครจะได้กลับเข้าสู่สภา เมื่อถึงวันนั้นความถ่องแท้จะปรากฏว่าใครคิดผิดคิดถูก ผมมองทุกท่านเป็นมิตร ถึงจะอยู่ต่างพรรค แต่เป็นพวกเดียวกัน ขอให้ทุกท่านโชคดี”

“วรชัย” โวถูกดูดไปแค่ 20 จิ๊บๆ

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอให้ทุกคนไปดี ใครจะไปอยู่ไหนถือเป็นสิทธิ แต่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน คนที่ย้ายออกไปประมาณ 20 คน ถือว่าเป็นจำนวนเล็กน้อยหากเปรียบเทียบกับอดีต ส.ส.ของพรรคเมื่อการเลือกตั้งปี 2554 และมีปรากฏการณ์สำคัญตอนที่เราเริ่มเดินสายหาสมาชิกทั่วประเทศ มีคนมาสมัครจำนวนมาก หลายจังหวัดใบสมัครเป็นสมาชิกไม่เพียงพอ เช่นที่ จ.อุบลราชธานี ประชาชนแห่กันมาที่จุดรับสมัคร เอาใบสมัครไป 500 ใบแต่มาสมัครกันถึง 5,000 คน รับสมัครได้เพียง 3,000 คน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จึงมองว่าแม้อดีต ส.ส.จะย้ายออกไป แต่เรามีประชาชนมาให้กำลังใจล้นหลาม ทำให้เห็นว่าประชาชนต้องการใคร ตรงนี้จะมีผลต่อการเลือกตั้งแน่นอน ความยิ่งใหญ่ของพรรคการเมืองไม่ได้ขึ้นกับตัวผู้สมัคร แต่อยู่ที่ประชาชนเขาจะเลือกใคร

ทษช.ชูแก้ปากท้องช่วยคนใต้

ที่โรงแรมราวดี จ.นครศรีธรรมราช พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จัดประชุมตั้งสาขาและเลือกกรรมการสาขาพรรคที่ภาคใต้ มี ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค นายสุธรรม แสงประทุม อดีต รมช.ศึกษาธิการ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนํา นปช. เข้าร่วม โดยนายธีระศักดิ์ นาคแก้ว หรือ “กำนันดำ” ลุงของนายณัฐวุฒิ นำญาติ และชาวบ้านกว่า 2,000 คน มารอต้อนรับ ระหว่างนั้นนายชญานิน คงสง แกนนำม็อบชาวสวนยางสี่แยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด ที่เคยประท้วงขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำอดีตสมาชิก กปปส.เดินเข้ามาในห้องประชุม นายณัฐวุฒิจึงเชิญขึ้นเวที โดยนายชญานินกล่าวยอมรับว่า เคยทำผิดในครั้งก่อน รู้ว่าตกเป็นเครื่องมือของบางพรรค วันนี้เลยนำผู้ร่วมอุดมการณ์จำนวนหนึ่งมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ร่วมต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ

ฉุนเด็ก พปชร.แสดงท่าทียั่วยุ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงที่พรรคไทยรักษาชาติจัดกิจกรรมอยู่นั้น มีนายสายัญห์ ยุติธรรม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ พร้อมผู้ติดตาม 2 คน สวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ นำช่อดอกไม้ไปมอบให้นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ แกนนํา นปช. และยืนฟังการกล่าวปราศรัยของ ร.ท.ปรีชาพล นายณัฐวุฒิ และแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมตบมือเป็นระยะๆ สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มแกนนำพรรคไทยรักษาชาติอย่างมาก เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่การสร้างความขัดแย้งใน จ.นครศรีธรรมราชได้

กระทุ้ง คสช.หยุดจุ้นจ้านได้แล้ว

ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า คสช.ไม่ควรก้าวก่ายเรื่องการเลือกตั้ง เพราะ กกต.ในฐานะองค์กรอิสระเป็นหน่วยงานที่กำหนดเรื่องการเลือกตั้ง จะเห็นว่ารัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแกนนำจัดตั้งพรรคการเมือง ชัดเจนว่ามีเจตนาต้องการสืบทอดอำนาจ จึงขอย้ำอีกครั้งว่าในวันที่ 7 ธ.ค. พรรคไทยรักษาชาติจะไม่ไปร่วมเวทีหารือระหว่าง คสช. กกต. และพรรคการเมือง

“เต้น” โต้ไม่ใช่พรรคปาร์ตี้ลิสต์

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา ปัญหาเศรษฐกิจ ผลผลิตการเกษตร ปัญหาประมงอยู่ในขั้นวิกฤติต่อเนื่องพรรคไทยรักษาชาติจึงตั้งใจทุ่มเทสุดความสามารถ เพื่อ พิสูจน์ความจริงใจให้ชาวภาคใต้ได้เห็น พรรคยังไม่ประกาศที่นั่ง ส.ส. เพียงแต่หวังที่นั่งเล็กๆในหัวใจคนภาคใต้ ให้เรามีโอกาสทำงานให้ ทุกพรรคการเมืองต้องทำชัยชนะเพื่อคะแนนเสียงมากที่สุดในแต่ละเขต ดังนั้นพรรคปาร์ตี้ลิสต์ที่มีการพูดถึงจึงไม่มีจริง ยืนยันพรรคจะส่งผู้สมัครที่มีคุณภาพที่สุดลงสู้ทุกเขตเลือกตั้ง แกนนำพรรคจะลงพื้นที่พูดคุยทุกเขต หวังว่าจะมี ส.ส.จากเขตเลือกตั้ง หากจะมีอดีต ส.ส.ไปร่วมงานกับพรรคฝ่ายผู้มีอำนาจ ไม่สามารถปฏิเสธได้ ขอให้ออกไป เพราะที่เดินเข้ามาใหม่มีอีกมาก ไม่เชื่อว่าประชาชนจะยอมให้นักการเมืองทรยศต่อเจตนารมณ์ได้ง่ายๆ

“สมชัย” มาตามนัดเข้า ปชป.

ช่วงบ่ายที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยสวมเสื้อผ้าไหมสีแดงเลือดหมูตัวเดียวกับวันที่ถูกปลดออกจาก กกต. ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นเสื้อที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต โดยมีนายสรรเสริญ สมะลาภา รองหัวหน้าพรรค ภาค กทม. นายอภิชาติ ศักดิเศรษฐ์ กรรมการบริหารพรรค ให้การต้อนรับพร้อมสวมเสื้อแจ็กเกตสีฟ้าที่มีสัญลักษณ์พรรคให้ ส่วน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรอง ผบช.น. เจ้าของฉายา “มือปราบหูดำ” จะมาสมัครในวันที่ 26 พ.ย. นายสรรเสริญกล่าวว่า ทราบว่านายสมชัยได้รับการทาบทามจากหลายพรรค แต่ตัดสินใจมาสมัครเพราะมั่นใจในตัวพรรค และอุดมการณ์ของพรรค พรรคจะพยายามวางตำแหน่งหน้าที่ให้นายสมชัย ให้สมกับความรู้ความสามารถ

ดันแก้ รธน.-กฎหมายลูก

นายสมชัยกล่าวว่า เหตุที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะทำหน้าที่เพื่อประชาชนได้ดีที่สุด มีอุดมการณ์ตรงกัน ยืนยันว่าไม่ได้มุ่งหวังอะไร อย่ามองว่าจะเรียกร้องใดๆ ไม่มีข้อเรียกร้องใดๆกับพรรคทั้งสิ้น ส่วนจะดำเนินกิจกรรมอะไรเป็นเรื่องที่ผู้บริหารพรรคจะพิจารณา ส่วนตัวสนใจผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีหลายประเด็นที่ไม่สามารถพัฒนาประชาธิปไตยได้อย่างยั่งยืน แต่เป็นกฎหมายที่เขียนขึ้นมาชั่วครั้งชั่วคราว คนร่างออกแบบรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะกลายเป็นปัญหาระยะยาว ดังนั้นจากความรู้ที่มีอยู่ หน้าที่ของพรรคการเมืองต้องช่วยกันเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม จะเสนอเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักต่อผู้บริหารพรรคต่อไป ส่วนจะลงสมัคร ส.ส.หรือไม่ ยังไม่คิด ถ้าถามความพร้อมโดยส่วนตัวเกิดที่สมุทรสาคร ถ้ามีที่ว่างและพรรคเห็นว่าเหมาะสมก็พร้อม หรือพื้นที่ กทม.ก็ให้ความสนใจ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพรรคจะพิจารณา หรือจะให้ช่วยทำงานด้านอื่นก็พร้อม

ขอแสดงบทบาทนักวิจารณ์ต่อ

นายสมชัยกล่าวอีกว่า ยืนยันว่ายังคงบทบาทวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องเหมือนเดิม ไม่เว้นแม้แต่กรณีของพรรค หากมีอะไรที่ไม่เหมาะสมจะให้ความเห็นตรงไปตรงมา รวมถึงผู้มีอำนาจในบ้านเมืองด้วย เพียงแต่สังคมอาจหวาดระแวงเพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่ตอนนี้เป็นสมาชิกแล้ว ขณะนี้ยังไม่ถือว่าเข้าสู่เส้นทางการเมือง เพียงสมัครสมาชิกเท่านั้น เชื่อว่าเมื่อเป็นสมาชิกพรรคแล้วจะทำให้การเสนอความเห็นผ่านพรรคมีน้ำหนักมากขึ้น ให้พรรคดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน อย่างไรก็ตาม ขอให้กำลังใจ กกต. ต้องพร้อมทำงานเต็มที่เพื่อลดความกังวลของประชาชน เชื่อว่าทั้ง กกต. และสำนักงาน กกต.ทำได้ แม้จะมีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 ก็ไม่น่าเข้าไปแทรกแซงได้ เพราะ กกต.คงไม่ยอม คนเป็น กกต.ต้องยึดหลักความเป็นกลาง ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง ไม่เข้าข้างเอนเอียงให้ใครเป็นพิเศษ

เปิดตัวผู้สมัคร 4 จว.ชายแดนใต้

ที่ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมืองสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.นราธิวาส เขต 1 นายกูฮาเซ็ม กูจินามิง เขต 2 นายเจ๊ะซู ตาเหย็บ เขต 3 นายฮาซูวัน เบ็ญรอฮฺมาน เขต 4 นายโฆไมนี ดารายีสายอ จ.ยะลา เขต 1 นายภูริพงศ์ พงษ์สุวรรณศิริ เขต 2 นายอับดุลเล๊าะ บุวา เขต 3 นายณรงค์ ดูดิง จ.ปัตตานี เขต 1 นายอันวาร์ สาและ เขต 2 นายอิสมาแอล เบญจอิบรอฮีม เขต 3 นายคอเลพ เจ๊ะนา เขต 4 นายฟรีดี เบญอิบรอน จ.สตูล เขต 1 นายอิบรอเหม อาดำ เขต 2 นายอนายฮอซาลี ม่าเหร็ม นายนิพนธ์กล่าวว่า พรรค ปชป.ได้วางตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ครบ 13 เขตแล้ว จากการพูดคุยและให้แต่ละเขตประเมิน มั่นใจว่าว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรค ปชป.จะได้รับการเลือกตั้งไม่น้อยกว่าการเลือกตั้งปี 54 คือ 11 ที่นั่ง และมีโอกาสสูงได้ทั้ง 13 ที่นั่ง เพราะว่าที่ผู้สมัครเป็นคนหนุ่มมีศักยภาพและอุดมการณ์

“ประภัตร” คุมจัดทัพผู้สมัคร

อีกด้าน นายยุทธพล อังกินันทน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าทีมโฆษกพรรค กล่าวว่า น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชาติไทยพัฒนา ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหาผู้ลงสมัคร รวมถึงที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคอีกตำแหน่งด้วย

นกหวีดลั่นรับ “เทือก” ที่ชุมพร

ที่ จ.ชุมพร นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำทีมงาน พรรครวมพลังประชาชาติไทย กราบสักการะศาล หลักเมืองชุมพร และสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 มีกลุ่มแนวร่วม กปปส.มารอเป่านกหวีดต้อนรับ จากนั้นนายสุเทพและคณะเดินพบปะประชาชนในตลาดสดเมืองชุมพร มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าตะโกนให้นายสุเทพสู้ๆ พร้อมเป่านกหวีดเสียงดังสนั่น และขอถ่ายรูปคึกคัก นายสุเทพกล่าวว่า จะเดินคารวะแผ่นดิน ให้ครบทุกจังหวัด เสียงสะท้อนจากชาวบ้านส่วนใหญ่ อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ส่วนกรณีการส่งผู้สมัครลงชนกับนายชุมพล จุลใส หรือ “ลูกหมี” อดีต ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนั้น เรื่องการเมืองต้องแยกจากกัน เข้าใจ “ลูกหมี” ดีที่ไม่ออกมาต้อนรับเพราะกลัวถูกขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ความเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

“เสรี” แฉมีคนเตรียมหอบเงินหนี

ที่ จ.แพร่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นำคณะร่วมเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทย ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ทั้ง 2 เขต พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้มีการซื้อขาย ส.ส.กัน แต่เราไม่ได้ซื้อใครมา คนแพร่นับเป็นคนที่มีอุดมการณ์ แพ้ชนะไม่สำคัญ หากพี่น้องรักประชาธิปไตย อย่าไปสนับสนุนพรรคที่หนุนเผด็จการ “ผมมีข้อมูลมาว่า หากการเลือกตั้งครั้งนี้ทางฝ่ายเผด็จการ และคนในรัฐบาล หากรู้ว่าตัวเองจะแพ้ มีหลายคนเตรียมหอบเงินหนีออกต่างประเทศแน่นอน”

ไล่ตะเพิด “กฤษฎา” บ้อท่า

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำของรัฐบาลว่า เป็นการแก้ปัญหาที่แย่มาก มาตรการช่วยเหลือชาวสวนยางไร่ละ 1,800 บาท เพื่อให้หยุดเดินขบวนถือว่าเอาเงินภาษีประชาชนไปละลายน้ำ ขณะที่ราคายางยังเหมือนเดิม การแก้ปัญหาเช่นนี้ถือว่านายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไม่มี ประสิทธิภาพ ราคายางตกต่ำมา 4-5 ปี หากอยากทราบว่าทำอย่างไรให้ยางราคากิโลกรัมละ 60 บาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และนายกฤษฎามาขอคำปรึกษาตนได้ วันนี้ชาวบ้านต้องเดือดร้อนแสนสาหัส ต้องเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ยิ่งรัฐบาลคิดสืบทอดอำนาจต่อผ่านพรรคพลังประชารัฐ ยิ่งน่ากลัว อยู่มา 4 ปีกว่า มีมาตรา 44 ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ต่อไปถ้าไม่มีมาตรา 44 ยิ่งถือเป็นฝันร้าย

โพลชี้คนกังวลไม่ได้เลือกตั้ง

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพลเปิดสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,070 คน เรื่อง คนไทยอยากรู้เรื่องอะไรบ้างที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 63.96 อยากทราบวันเลือกตั้งที่แน่นอน เพราะมีกระแสข่าวเลื่อนเลือกตั้ง กังวลว่าจะไม่ได้เลือกตั้ง รองลงมาคือการแบ่งเขตเลือกตั้ง จะได้รู้พื้นที่ตนเอง และสิ่งที่อยากบอกกับผู้สมัคร ส.ส. ควรมีนโยบายทำเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน เน้นพัฒนาประเทศ คัดเลือกผู้สมัครที่ดี เหมาะสม ไม่สร้างความขัดแย้ง สำหรับสิ่งที่อยากบอกกับ กกต. ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส่วนใหญ่ร้อยละ 70.36 ให้ยึดความยุติธรรม เป็นกลาง ทำงานอย่างอิสระ ไม่ยอมให้โดนแทรกแซง รองลงมายึดตามกฎหมาย ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด

พท. เคลิ้มผลโพลยก “เจ๊หน่อย”

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลสำรวจของนิด้าโพล ที่ระบุความคิดเห็นประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ และอยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น ขอบคุณประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่นพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ครองอำนาจมา 5 ปี พูดฝ่ายเดียวมาตลอด แต่คะแนนนิยมยังเป็นรองพรรคเพื่อไทย แม้จะมีพลังดูดอดีต ส.ส.ออกไป แต่ประชาชนยังเชื่อมั่นพรรคเรา ดังนั้น รัฐบาลและ คสช.ควรรีบปลดล็อก พรรคการเมืองได้แล้ว

“วิษณุ” ให้รออีกนิดวันปลดล็อก

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กำหนดหารือกับพรรคการเมืองในวันที่ 7 ธ.ค. เพื่อพิจารณาเรื่องปลดล็อก ว่า ในวันนั้นน่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในการปลดล็อก ส่วนจะมีการร่างระเบียบหรือข้อตกลงร่วมกันหรือไม่ อยู่ที่คสช.พิจารณา ส่วน 4 รัฐมนตรีที่ไปร่วมงานพรรคพลังประชารัฐ ตนไม่เคยไปให้คำปรึกษาเรื่องพรรค แค่ถามบางเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขา

เลขา กกต.พร้อมแจงเลือกตั้ง

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า วันที่ 25 พ.ย. จะเป็นวันสุดท้ายที่สำนักงาน กกต.จังหวัดเปิดรับคำร้อง คำคัดค้าน จากนั้นสำนักงาน กกต.จังหวัดต้องนำเสนอให้สำนักงาน กกต.รับทราบ กกต.จะเร่งพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กำหนดวันหารือกับพรรคการเมืองวันที่ 7 ธ.ค. เบื้องต้นสำนักงาน กกต. จะมีรายงานความพร้อมเกี่ยวกับการเตรียมการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ให้ที่ประชุมรับทราบด้วย


นับถอยหลังสู่สนามเลือกตั้งเดิมพันอำนาจ : กรรมการต้องเป็นกลาง

หลังถูกกฎเหล็ก ม.44 ปลดจากกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ประกาศลงสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว มีหลักการยืนอยู่พรรคฝ่ายประชาธิปไตย มุ่งหน้าแก้รัฐธรรมนูญดีไซน์ใหม่เพื่อส่วนร่วม

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. มีหลายพรรคขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ส่งความปรารถนาดีและให้เกียรติเทียบเชิญ พอเปรียบเทียบแนวทางของเรากับพรรคการเมืองต่างๆ พบว่าตรงกับ แนวทางของพรรคประชาธิปัตย์

และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังประกาศจุดยืนไม่เอารัฐบาลสืบทอดอำนาจ แต่ถ้าวันหนึ่งอุดมการณ์เปลี่ยนไปก็สามารถเดินออกมาโดยไม่มีอะไรผูกมัด

วันนี้ นายสมชัย ยังอดเป็นห่วงกระบวนการทำงานของ กกต. สุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดวิกฤติการเมืองในอนาคต หากบริหารจัดการเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

เคยย้ำมาตลอดถึงปัญหารากฐานเกิดจากการเขียนรัฐธรรมนูญ กำหนดคุณสมบัติของ กกต.ขั้นเทพ พอได้ผู้ที่คุณสมบัติครบ ก็ได้คนที่อาจจะไม่มีปฏิสัมพันธ์ในเรื่องเหล่านี้มาก่อน

ตอนนี้การทำงานต้องฝากความหวังค่อนข้างมากไว้กับสำนักงาน กกต. ซึ่งคอยเสนอทางเลือกต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางตัดสินใจที่ดีให้กับ กกต. และคอยเสนอกระบวนการ ขั้นตอนต่างๆ กฎระเบียบให้ กกต.ได้รับทราบ เพื่อให้ทำงานได้

สำนักงาน กกต.แม้เป็นมืออาชีพ เคยชินกับการเลือกตั้งมาถึง 20 ปี แต่ราชการอาจจะไม่กล้าตัดสินใจหรือกล้าคิดริเริ่ม กล้าเสี่ยงที่จะทำงานให้ประสบผลสำเร็จ การทำงานค่อนข้างเป็นงานประจำ อันนี้น่าเป็นห่วง

กกต.ก็ไม่สามารถอาศัยศักยภาพของสำนักงาน กกต. ในการทำงานได้อย่างเต็มที่ การเรียนรู้สิ่งต่างๆในเวลาอันสั้นก็ทำได้ยาก

ทั้งหมดนี้เกิดจากรัฐธรรมนูญและการตัดสินใจเปลี่ยนม้ากลางศึกของ คสช. เอาคนที่ไม่รู้เรื่องในด้านนี้มาทำหน้าที่เป็น กกต. ภายใต้หลักต้องทำงานให้เกิดผลดี โดยไม่ยึดหลักการเอาผู้ที่เคยมีประสบการณ์และกำกับการดูแลการเลือกตั้งมาตลอดระยะเวลา 4 ปี

เห็นใจ กกต.ชุดใหม่ ซึ่งไม่ได้เป็นเทวดา สามารถเนรมิตสิ่งต่างๆให้ได้ ขอย้ำว่าปัญหาเกิดจากกติกาและการตัดสินใจของ คสช. ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจ ไม่ไว้วางใจ กกต.ชุดเก่า จึงเปลี่ยนชุดใหม่เข้ามา ที่อาจจะเป็นคนของคุณใช่หรือไม่ เราไม่รู้

เมื่อเปลี่ยนแล้วก็ต้องยอมรับสภาพ การทำงานอาจจะมีข้อขัดข้อง ติดขัด ไม่สามารถทำงานได้ผลเต็มที่

ดูภาพรวมมองเห็นปัญหาข้อติดขัดอะไรบ้าง ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ นายสมชัย บอกว่า มีหลายเรื่อง เอาง่ายๆแค่การแบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งต้องเกิดภายใต้กรอบกติกาที่ออกโดย กกต. ก็ยังทำไม่สำเร็จ ทำเสร็จแล้วแต่ไม่ยอมส่ง ทำไม่ถูกระเบียบ

ก็ขออำนาจที่เหนือกว่ามาช่วย อาศัยคำสั่งของ คสช.เพื่อนิรโทษกรรมให้ตัวเอง

ตัวช่วยดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดผลดี เพราะอาจจะกลายเป็นทำให้รู้สึกว่าทำผิดได้ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยแก้

หลายเรื่องหลังจากนี้อาจนำไปสู่ปัญหาและยังไม่แน่ใจวิธีการของคนในสำนักงาน กกต.ว่าคิดอย่างไร

เช่น กรณีแรกการแบ่งเขต มีเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต.ส่วนหนึ่งเสนอว่าไม่ต้องฟังความเห็นจากประชาชน เคยขอในสมัยผมเป็น กกต.ว่า ถ้าเร่งรัดและไม่ทันจะขอตัดขั้นตอนการรับฟังความเห็นจากประชาชนออกได้ไหม

ความจริงทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ แต่ถ้า กกต.ไม่รู้และเชื่อเจ้าหน้าที่มากเกินไป หรือ กกต.รู้สึกว่าสิ่งที่เสนอขึ้นไปถูกต้อง ตัดสินตามเจ้าหน้าที่เสนอ กกต.ย่อมทำผิดรัฐธรรมนูญ

กรณีที่สองการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง การเลือกตั้งคราวนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น เขตการเลือกตั้งแต่ละเขตมีหมายเลขของพรรคไม่เหมือนกัน

“การทำบัตรเลือกตั้งที่สมบูรณ์ต้องมี 1.หมายเลข 2.ชื่อพรรค 3.โลโก้พรรค ถ้าสมบูรณ์ที่สุดต้องมีชื่อผู้สมัคร ส.ส. บางประเทศมีรูปผู้สมัคร ส.ส.ด้วย ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะได้ทราบข้อมูลแน่นอนก่อนเลือก”

ฉะนั้นบัตรเลือกตั้งต้องทำให้ถูกต้อง สอดคล้องเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ บัตรเลือกตั้ง 1 ใบเลือกทั้งคนทั้งพรรค

ตอนนี้กลัวใจของเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต.บางคน จะเสนอให้ กกต.ว่ากรอบการทำบัตรเลือกตั้งมันยุ่งยากเกินไปหรือไม่ ถ้าต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 350 แบบ จะหาโรงพิมพ์ที่ไหน ระยะเวลาพิมพ์อาจจะไม่ทัน การป้องกันการทุจริตก็จะทำได้ยากลำบากมากขึ้น

ในที่สุดจะเสนอให้พิมพ์เฉพาะหมายเลขผู้สมัคร ส.ส. พิมพ์ที่โรงพิมพ์แห่งเดียว ระบบการรักษาความปลอดภัยจะทำได้ง่าย การทุจริตทำได้ยาก

ผลตามมาผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งสับสน อาจจำหมายเลขผิด นึกจะเลือกพรรคนี้ก็ไปเลือกอีกเบอร์หนึ่ง

การฟ้องร้องจะเกิดขึ้นตามมาหรือไม่ ถ้ามีการฟ้องร้องเกิดขึ้นผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร วันดีคืนดีศาลวินิจฉัยว่า การออกแบบบัตรเลือกตั้งแบบนี้ผิด กกต.จะรับผิดชอบหรือไม่ การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นมาแล้วจะเป็นอย่างไร หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นใหม่จะต้องเสียงบประมาณอีกหรือไม่ ทั้งหมดก็เป็นปัญหา

นอกจากนี้ ยังไม่มั่นใจว่า กกต.จะใช้กลไกผู้ตรวจการเลือกตั้งได้ดีหรือไม่ ประเด็นเกิดจากการออกแบบกติกาใหม่ จะไปต่อว่า กกต.ไม่ได้

กกต.ไม่ต้องการผู้ตรวจการเลือกตั้ง แต่ต้องการคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ซึ่งทำงานประจำ อยู่ในพื้นที่นั้นๆ มีเครือข่าย มีส่วนงานคอยสนับสนุน มีกำลังคนเข้ามาช่วยเสริม มีความคิดใหม่ๆ ช่วยกำกับดูแลในการทำงานแต่ละจังหวัด

เป็นคนที่คอยตามในการทำงานของสำนักงาน กกต. เพื่อไม่ให้สำนักงาน กกต.มีอำนาจมากเกินไป

เมื่อยกเลิกกลไกเดิมและไปสร้างกลไกใหม่ โดยมีผู้ตรวจการเลือกตั้งในจังหวัด ซึ่งมี 2 คนเท่านั้นทำงานในจังหวัดนั้น ที่เหลืออีก 4 หรือ 6 คนไปทำงานในกลุ่มจังหวัดนั้น

คำถามคือ ผู้ตรวจการเลือกตั้งรู้จักคนในพื้นที่และรู้จักพื้นที่นั้นๆหรือไม่ มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางมากน้อยแค่ไหนจะเกิดผลสำเร็จไปตรวจสอบ กำกับติดตามการเลือกตั้งได้แค่ไหน เป็นเครื่องหมายคำถามที่ท้าทาย

ถ้าทำงานไม่สำเร็จจะไปโทษ กกต.ไม่ได้ ต้องโทษฝ่ายออกกติกา ทั้งคนเขียนรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

และที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ การหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ กกต.จะกำกับดูแลต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างไร ถึงจะอยู่ภายใต้กรอบที่กำหนดไม่มีการใช้จ่ายเกินกว่า กกต.กำหนดเอาไว้ เป็นโจทย์ใหญ่มาก

ยังไม่นับรวมจะมีขบวนการที่ไม่เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นใคร ใช้วิชามารทำลายคู่แข่ง

วิธีการเหล่านี้ทำได้จากทั่วโลกไม่จำกัดเฉพาะในประเทศไทย ส่งคลิปมาจากสหรัฐอเมริกายังได้ โจมตีผู้สมัครคู่แข่งก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน เพื่อทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงยังทำได้

กกต.จะตามทันหรือไม่ อาจจะเป็นส่วนที่ยากมากสำหรับ กกต. ถึงผมเป็น กกต.ก็บอกว่ายาก ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องหารือกับหลายๆฝ่ายเพื่อหาทางแก้โจทย์นี้

“ภายใต้การแข่งขันที่รุนแรง เดิมพันประเทศ เดิมพันอำนาจรัฐ

ทุกฝ่ายต้องทุ่มเทต่อสู้เต็มที่ ยิ่งผู้มีอำนาจหรือรัฐมาเป็นหนึ่งในผู้เล่น

สิ่งที่กระทำโดยรัฐ โดยผู้นำประเทศอาจหมิ่นเหม่ สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง

กกต.จะกล้าสวมหัวใจสิงห์ไปเตือนหรือไม่ ถ้าเตือนแล้วยังทำต่อ จะมีวิธีการดำเนินการอย่างไรต่อ

โจทย์ใหญ่ที่สุดของ กกต. จะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม

หากไม่สามารถสร้างภาพให้สังคมยอมรับว่า กกต.มีความกล้าหาญและเป็นกลางจริง

ความเชื่อถือของสังคมต่อการเลือกตั้งครั้งนี้จะหมดไป ผลการเลือกตั้งออกมาไม่เป็นที่ยอมรับ”

เกมชิงอำนาจรัฐเดิมพันประเทศ ทุกฝ่ายต้องต่อสู้ทุกรูปแบบ เป็นห่วงอำนาจรัฐจะเข้าไปแทรกแซง กกต.อย่างไร นายสมชัย บอกว่า ฝ่ายรัฐหรือผู้มีอำนาจต้องวางตัวเป็นกลาง

ไม่ใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ จน กกต.ต้องเกรงใจ หรือการเกรงกลัวที่จะต้องรับฟังข้อเสนอ เพราะมีอำนาจ ม.44 ที่เหนือกว่าจะทำการปลดออกได้

เป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจควรคิดให้ออกว่าควรทำหรือไม่ พึงรู้ได้ด้วยตนเอง.

ทีมการเมือง