PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว19/3/58

ศาลฎีกาคดียิ่งลักษณ์

ศาลฎีการับฟ้องยิ่งลักษณ์คดีอาญาจำนำข้าว นัดสอบ 19 พ.ค. ให้จำเลยมาศาล

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับฟ้องคดีที่ นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าว โดยศาลได้มีคำสั่งประทับรับฟ้อง พร้อมนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การในวันที่ 19 พ.ค. 2558 ในเวลา 09.30 น. โดยให้อัยการโจทก์หรือผู้แทนโจทก์ นำส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบภายใน 7 วัน แต่หากจำเลยไม่ได้รับหมายหรือไม่มีผู้แทนโดยชอบ ก็ให้ดำเนินการปิดหมายไว้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องเดินทางมาแสดงตนต่อหน้าศาลเป็นครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธ

อย่างไรก็ดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวจนกว่าจะถึงวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรกได้ และในเวลา 11.00 น. จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของคณะทำ
งานอัยการ คดีโครงการจำนำข้าว นำโดย นายชุติชัย สาขากร
--------------------------
ศาลฎีกาประทับรับฟ้องยิ่งลักษณ์คดีจำนำข้าว
ศาลฎีกานักการเมือง สั่งรับคดีอัยการสูงสุด ฟ้องอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบโครงการจำนำข้าว นัดสอบคำให้การ19พ.ค..

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ เจ้าของสำนวน และผู้พิพากษาองค์คณะ รวม 9 คน ได้ออกนั่งบัลลังค์อ่านคำสั่ง

ในคดีหมายเลขดำ อม.25/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ

และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พระ

ราชบัญญัญติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

โดยศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง พร้อมนัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 19 พ.ค.นี้ เวลา 9.00 น. ทั้งนี้หลังจากที่องค์คณะฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีแล้วทางอัยการจะส่งหมายแจ้ง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้เดินทางมาศาลเพื่อสอบคำให้การ โดยวันที่ 19 พ.ค. นี้ โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องเดินทางมาแสดงตัวต่อศาลเป็นครั้งแรกตามขั้นตอน เพื่อจะสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือให้

การปฏิเสธต่อไป.

โดยนายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน รองหัวหน้าคณะทำงานอัยการ ที่รับผิดชอบคดีโครงการจำนำข้าวและระบายข้าว เดินทางไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้

ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย และ ล่าสุด ศาลฎีกานักการเมือง สั่งรับคดีอัยการสูงสุด

ฟ้องอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบโครงการจำนำข้าว นัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การ19พ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้อง

กรณีละเลยไม่ดำเนินการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนทำให้รัฐเสียหายกว่า 6 แสนล้านบาทหรือไม่ ในวันที่ 19 มี.ค. ว่า การดำเนินการในวันที่ 19 มี.ค. เป็นเรื่องระหว่างศาลกับพนักงานอัยการ ใน

กรณีที่ศาลจะพิจารณาคำฟ้องของพนักงานอัยการว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ ซึ่งกฎหมายไม่ได้กำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องไปที่ศาล ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ และทีมทนายความ จึงไม่มีความจำเป็นที่

จะต้องเดินทางไปที่ศาล แต่จะรอฟังผลการพิจารณา
----------------------------
"ยิ่งลักษณ์" โพสต์เฟซบุ๊ก มั่นใจ บริสุทธิ์ หวังศาลมีความยุติธรรม โปร่งใส ไร้การเมืองแทรก ขอหยุดวิพากษ์วิจารณ์ชี้นำ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Yingluck Shinawatra" ว่า ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่

อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง คดีเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าวว่า คดีโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ถือเป็นคดีแรกที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำนโยบายเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศ อัน

เป็นนโยบายที่ประชาชนได้มอบหมายความไว้วางใจ ตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย ที่หวังให้ “กลไกตลาด” เป็นธรรม สะท้อนความเป็นจริงและยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนา

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังระบุว่า มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง และเชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่จะนำมาพิสูจน์ความจริงต่อศาล ตามขั้นตอนกระบวนการพิจารณาคดีของศาลตามที่กฎหมายกำหนด

ว่า มิได้กระทำความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น และหวังว่ามีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง มีโอกาสเสนอข้อเท็จจริง ข้อโต้แย้งและพยานหลักฐาน ในการต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ มีการพิจารณา

อย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม ปราศจากอคติใด ๆ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้รับสิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม และมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองที่เข้ามาแทรกแซง

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ยุติการวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ หยุดกดดัน หรือชี้นำเพื่อประโยชน์ทางการเมือง จนกว่ากระบวนการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ  จะเสร็จสิ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมกลับ

คืนสู่สังคมไทยต่อไป
--------------------------
"แม้วโทรให้กำลังใจน้องปูอย่าท้อ"..//**ทนายยัน "ปู"ไปศาลฯ แน่ 19 พ.ค.นัดสอบคำให้การจำเลยครั้งแรก ด้าน "ทักษิณ"ต่อสายให้กำลังน้อง ขออย่าท้อถอย เจ้าตัวไม่เครียด เตรียมเดินสายทัวร์บุญภาคอีสาน เม.ย.นี้
เมื่อวันที่19มี.ค.นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้อง

คดีที่อัยการสูงสุดฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีอาญาจากโครงการรับจำนำข้าว ว่า เมื่อศาลฎีกาฯ ประทับรับฟ้องแล้ว ก็ถือว่าเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอย่างเต็มที่ จากนี้ทีมทนายความ ก็ต้อง

รอสำนวนคำฟ้องจากศาลฎีกาฯ ก่อน แล้วจะนัดหารือกันถึงแนวทางการต่อสู้คดีต่อไป ส่วนในวันที่ 19 พ.ค. ที่ศาลฎีกาฯ นัดพิจารณาคดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลยนั้น ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์

จะเดินทางศาลฯ อย่างแน่นอน
แหล่งข่าวจากคนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับโทรศัพท์ให้กำลังใจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ภายหลังจากศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้อง โดยให้มีกำลังใจ

ว่าอย่าท้อถอยในการต่อสู้คดีรับจำนำข้าว ที่จะเข้าสู่ศาลฯ นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมองว่าคดีนี้ ฝ่าย คสช.มีเป้าหมายให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดนคดีอาญา เพราะไม่ต้องการให้เล่นการเมืองตลอดชีวิต

ส่วนการชดใช้ความเสียหายต่อรัฐ ยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาการต่อสู้ทางคดีแพ่งไปอีกหลายปี กว่าจะถึงขั้นฎีกา รวมถึงแม้ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีคำสั่ง

ประทับรับฟ้องในวันนี้ แต่กว่าจะนัดไต่สวนองค์คณะผู้พิพากษา ยังต้องใช้เวลาอีก 45 วัน ซึ่งทีมทนายจะยื่นประกันตัวในทันที
แหล่งข่าวแจ้งด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้วิตกกังวลกับคดีนี้ เพราะทีมทนายได้เตรียมพยานหลักฐานต่าง ๆ ไว้ต่อสู้คดีแล้ว รวมทั้ง ครม.ในสมัยนั้น ก็จะร่วมเป็นพยานด้วยถึงการดำเนินนโยบาย

รับจำนำข้าวที่ช่วยเหลือให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาดีขึ้นกว่าร้อยละ 80 และยังรวบรวมหลักฐานผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายข้าว ที่มีการรับทราบ และมีการหารือถึงปัญหาในการ

รับจำนำข้าวทุกครั้งก่อนเปิดฤดูกาลรับจำนำข้าวปี 55-57 ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการสู้คดีไว้พร้อมแล้ว โดยจะนัดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาร่วมประชุมกับทีมทนายอีกครั้งในช่วงต้นเดือน พ.ค. อย่างไรก็

ตามในช่วงเดือน เม.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เตรียมเดินสายทำบุญในวัดชื่อดังทางภาคอีสานไว้แล้ว ซึ่งทางแกนนำ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมบรรดาหัวคะแนน ได้เตรียมจัดงานเลี้ยงให้กำลังใจ

ในระหว่างการทัวร์บุญในภาคอีสานไว้แล้ว.

----------------------
ทนายยัน 19 พ.ค. "ยิ่งลักษณ์" ไปศาลแน่ รอสำนวนคำฟ้องก่อนนัดประชุมทีมวางแนวทางสู้คดี

นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่อัยการสูง

สุดฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีอาญาจากโครงการรับจำนำข้าว ว่า เมื่อศาลฎีกาฯ ประทับรับฟ้องแล้ว ก็ถือว่าได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอย่างถูกต้องแล้ว ยืนยันในวันที่ 19 พ.ค. นี้ ที่ ศาล

ฎีกาฯ นัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลยนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปศาลอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ นายนรวิชญ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ ทีมทนายจะต้องรอสำนวนคำฟ้องจากศาลฎีกาฯ ก่อนที่จะนัดหารือกันวางแนวทางในการต่อสู้คดีต่อไป
------------------------
นายกฯ โยนศาลตัดสิน หาก "ยิ่งลักษณ์" ขอไปต่างประเทศ หลังรับฟ้องคดีจำนำข้าว เตรียมเยือนสิงคโปร์-บรูไน สัปดาห์หน้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปต่างประเทศภายหลังที่

วันนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีโครงการรับจำนำข้าว ว่า ให้ไปถามกับทางศาล ซึ่งให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติว่าจะเน้นการดำเนินการอย่างยั่งยืน โดยให้หลักการว่า พื้นที่ป่าต้องไม่ลดลงจากเดิม พร้อมจัดระเบียบและโซนนิ่ง

พื้นที่ ซึ่งมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม การจัดสรรที่ดินจะไม่ให้เป็นกรรมสิทธิ์ เพื่อไม่ให้นำไปขายต่อหรือจำนอง ส่วนการเดินทางไปประเทศสิงคโปร์และบรูไน ในช่วงวันที่ 24-26 มีนาคมนี้ ว่า จะมีการหารือร่วมกันในทุก

มิติ ทั้งนี้ ขอบคุณสิงคโปร์ที่ได้ส่งเครื่องบินมาช่วยดับไฟป่าด้วย พร้อมระบุว่าอยากให้ทุกคนร่วมมือกันใช้วิกฤตเป็นโอกาส
---------------------------------
"พล.ต.สรรเสริญ" มั่นใจศาลให้ความเป็นธรรม "ยิ่งลักษณ์" ขอทุกฝ่ายน้อยรับคำตัดสิน เชื่อไม่หนีเหมือนนักการเมืองในอดีต

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประทับรับฟ้องคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายก

รัฐมนตรี ในคดีโครงการรับจำนำข้าวนั้น ขณะนี้การดำเนินคดีดังกล่าวถือว่าอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล ซึ่งหน่วยงานใดก็ไม่สามารถก้าวล่วงได้ ซึ่งหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ มั่นใจว่าการดำเนิน
นโยบายรับจำนำข้าวที่ผ่านมา ทำไปด้วยความรอบคอบไม่ได้มีเจตนามิชอบ รวมถึงไม่ได้สร้างความเสียหายต่อประเทศ ก็ควรนำข้อมูลหลักฐานและมาแสดงตนเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง

ซึ่งที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันมาโดยตลอดว่ามั่นใจว่าการดำเนินนโยบายกรณีจำนำข้าวที่ผ่านมาไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ดังนั้น จึงควรมาแถลงเปิดคดีด้วยตนเอง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และ

เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีดำเนินต่อไปได้

ขณะเดียวกัน พล.ต.สรรเสริญ ระบุว่า มั่นใจว่าศาลจะพิจารณาวินิจฉัยบนหลักการและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม และเมื่อมีคำพิพากษาเช่นไร ก็ถือเป็นที่สิ้นสุด และทุกฝ่ายต้องน้อมรับคำ

วินิจฉัยนั้น อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ น่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่เลือกที่จะหลบหนีในชั้นศาลเหมือนนักการเมืองหลายคนในอดีต
----------------------------
อสส. มั่นใจ หลักฐานส่งฟ้องคดีรับจำนำข้าวยิ่งลักษณ์  ขู่ออกหมายจับ หากไม่มาแสดงตน 19 พ.ค.

นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ  พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน แถลงภายหลัง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ

เมือง ประทับฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในฐานความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

โดย นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ในวันที่ 19 พ.ค.แล้ว ให้เจ้าพนักงานศาล ไปส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้กับจำเลยทราบ ภายใน 7 วัน แต่หากจำเลย ไม่ได้รับหมาย หรือ

ไม่มีผู้แทนโดยชอบ ก็ให้ดำเนินการปิดหมายไว้ และเมื่อถึงวันที่ 19 พ.ค จำเลยจะต้องเดินทางมาศาลเพื่อแสดงตน ซึ่งหากจำเลยไม่เดินทางมาศาล อาจจะพิจารณาออกหมายจับเพื่อให้จำเลยมาศาล
และพิจารณาจำหน่ายคดีต่อไป

ด้านการเดินทางออกนอกประเทศของจำเลยนั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจและอำนาจของศาลที่จะพิจารณา ส่วนกรณีที่จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวนั้น หากพบเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยาน หรือเอกสาร

หลักฐาน อัยการโจทก์ สามารถเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวได้ อย่างไรก็ตาม  คณะทำงานอัยการ มั่นใจเอกสารในสำนวนที่ส่งฟ้องว่า มีรายละเอียดครบถ้วนทุกประเด็น
----------------------------
อัยการ เผยเตรียมพยาน 13 ปาก ไต่สวน คดี ทุจริตจำนำข้าว มั่นใจมีเพียงพอ ส่วนขอออกนอกประเทศอยุ่ที่ดุลพินิจของศาล

นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน พร้อมด้วย นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด

ร่วมแถลงข่าว ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย

ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีที่ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว สร้างความเสียหายแก่รัฐ 6 แสนล้านบาทนายสุรศักดิ์ ระบุว่า ทางอัยการโจทก์ ได้เตรียมพยานบุคคลไว้ 13 ปาก ประกอบด้วย

เจ้าหน้าที่รัฐ และ คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช. เพื่อยืนยืนการได้มาซึ่งเอกสารราชการ และประเด็นข้อกฎหมาย รวมถึงพยานเอกสาร และพยานวัตถุต่างๆอีก

จำนวนมาก โดยทางอัยการมั่นใจว่าพยานหลักฐานขณะนี้เพียงพอแล้วที่จะเสนอให้ศาลรับฟังเป็นที่ยุติได้ แต่จะเอาผิดให้ศาลลงโทษได้หรือไม่นั้นสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ส่วนฝ่าย

จำเลยจะยื่นบัญชีพยานเท่าไหร่จะต้องรอดูในวันนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งโดยในวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ศาลฎีกาฯ นัดพิจารณาคดีครั้งแรก นางสาวยิ่งลักษณ์ ต้องเดินทางมาศาลด้วยตนเอง แต่

หากจะขอเลื่อนนัดการพิจารณาคดี ก็เป็นดุลพินิจของศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่ รวมถึงการขอเดินทางออกนอกประเทศด้วย ทั้งนี้ในวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรกหากศาลฎีกาฯอนุญาตให้ปล่อยชั่ว

คราวนางสาวยิ่งลักษณ์ แล้ว  แต่หากพบในภายหลังว่าจำเลยมีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือหลบหนี ฝ่ายโจทก์อาจยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวต่อศาลได้ส่วนจะมีการขอคุ้มครองพยาน

ในคดีนี้หรือไม่นั้น เบื้องต้นทางอัยการยังไม่ได้รับรายงานถึงการข่มขู่คุกคามพยานแต่อย่างใด
--------------------------

////////////
คดีระเบิดศาลอาญา

สื่อแน่น รอทำข่าวฝากขัง "เดียร์" ผู้จ้างวานแก๊งระเบิดศาล ตำรวจเผย นำตัวไปทำแผนมุกดาหารก่อนมาศาล

บรรยากาศที่ศาลทหารขณะนี้ มีสื่อมวลชนมารอทำข่าวและเพื่อเฝ้าติดตามการนำตัว นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ และ นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ หรือ เจษ มาฝากขังในพื้นที่

ขณะที่ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนางสุภาพรไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่

จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านของนางสุภาพรที่ใช้เป็นที่ใช้วางแผนและโอนเงินจ้างวาน นายมหาหิน ขุนทอง และ นายยุทธนา เย็นภิญโย ก่อเหตุปาระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา  เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่

ผ่านมา

หลังจากนั้นจะนำตัว นางเดียร์และนายเจษฎาพงษ์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาขออนุญาตศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ ฝากขังในช่วงบ่าย
---------------------------------
ตำรวจคุม "เดียร์" มือจ้างบึ้ม ทำแผนประกอบรับสารภาพภาคอีสาน ส่วน "เจษฎาพงษ์" อยู่ระหว่างนำตัวฝากขังศาลทหาร ค้านประกันตัว

พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำตัว นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุวางแผนขว้างระเบิดศาลอาญารัชดา เมื่อค่ำวันที่ 7

มีนาคม ขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพไปยังอำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร และบางจุดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นบ้านพัก เพื่อไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในข้อหา ก่อการร้าย ซ่องโจร

อั้งยี่ และข้อหาอื่น ๆ รวม 7 ข้อหา คาดว่าในช่วงบ่ายจะนำตัวกลับมาขออำนาจศาลทหารกรุงเทพฝากขัง

ส่วน นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ ผู้ต้องหาอีก 1 คน ระหว่างนี้อยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนนำตัวไปฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพ ในข้อหาเดียวกัน เป็นผลัดแรก รวม 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม

ถึง 30 มีนาคมนี้

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนแนบท้ายคำร้องฝากขังคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี สำหรับคดีดังกล่าวตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่

มีส่วนเกี่ยวข้อง รวม 13 คน ขณะนี้อยู่ในความควบคุมทหารอีก 2 คน ส่วนอีก 2 คน ยังหลบหนี

-----------------------------------
ตำรวจคุมตัว "เดียร์" ผู้จ้างวานระเบิดศาลอาญา ฝากขังศาลทหารแล้ว คัดค้านประกันตัวหวั่นหลบหนี

ความเคลื่อนไหวที่ศาลทหาร ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นางสาวสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ซึ่งเป็นผู้จ้างวานให้ นายมหาหิน ขุนทอง และ นายยุทธนา เย็น

ภิญโญ ขว้างระเบิดที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เข้าขออำอาจศาลทหารฝากขังผลัดแรกตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม ถึง 30 มีนาคม เป็นเวลา 12 วัน ในข้อหาฐานก่อการร้าย อั้งยี่

ซ่องโจร ร่วมกันใช้จ้างวานให้บุคคลอื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า และข้อหาอื่น ๆ

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คัดค้านการขอประกันตัว เนื่องจาก คดีนี้มีอัตราโทษสูง และมีการทำกันเป็นเครือข่ายหรือขบวนการ และเกรงว่าจะหลบหนี
------------------------
โฆษก ตร.สั่งสอบเพิ่มมือเอี่ยวปาระเบิดร้องถูกทำร้ายร่างกาย - เอนก ปฏิเสธเป็นสิทธิ์ต่อสู้


พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน 1 ในผู้ต้องหาขว้างระเบิดศาลอาญารัชดา ร้องเรียนผ่านศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษย์ชน ว่า ถูก

ทำร้ายร่างกายระหว่างวันที่ 9-15 มีนาคม ระหว่างถูกควบคุมตัวตามกฎอัยศึก โดยมีบาดแผลเป็นร่องรอยฟกซ้ำตามตัวนั้น ยืนยันว่า ในวันที่ทหารส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนนั้น ได้นำแพทย์มา

ตรวจร่างกาย พร้อมทั้งสอบถามผู้ต้องหาว่ามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง แต่ผู้ต้องหาทุกคนไม่ได้บอกว่าถูกทำร้ายร่างกาย

ทั้งนี้ ตนไม่มั่นใจว่าขั้นตอนการตรวจของแพทย์มีการตรวจสภาพร่างกายภายนอกหรือไม่ หลังจากนี้จะประสานกับแพทย์ขอดูบันทึกการตรวจร่างกายในวันส่งมอบอีกครั้ง พร้อมทั้งขอดูความเห็น

ของแพทย์ที่เรือนจำว่ามีการการตรวจร่างกายก่อนเข้ารับตัวหรือไม่ รวมทั้งส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำและดูร่องรอยบาดแผลผู้ต้องหา ว่าหากพบเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด

สำหรับผู้ต้องหาอีก 2 คนคือ นายวสุ เอี่ยมละออ กับ นายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ จะมีการส่งมอบตัวในวันพรุ่งนี้ ส่วน นายมนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน และ นายวิระศักดิ์ โตวังจร ยังคงหลบหนี

โดยในส่วนของนายเอนกอยู่ระหว่างขั้นตอนการขอส่งตัวตามสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

ส่วนกรณีที่นายเอนกออกมาปฏิเสธผ่านทางโซเชียลมีเดียว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดนั้น เป็นสิทธิ์ต่อสู้ของผู้ที่ถูกกล่าวหา รวมทั้งตำรวจยังไม่ยืนยันว่า นายเอนกอยู่ในประเทศสหรัฐ

อเมริกา
---------------------------------------------
ตำรวจสากลกรุงเทพ ประสาน อินเตอร์โพล ตรวจสอบความเคลื่อนไหว "เอนก ซานฟราน" ผู้บงการบึ้มศาลอาญา รัชดา

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กล่าวถึงการติดตามตัว นายมนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย และร่วมกันเป็น อังยี่ ซ่องโจร และเป็นผู้ที่อยู่

เบื้องหลังคดีปาระเบิดศาลอาญา รัชดา ว่า ปัจจุบัน ตำรวจสากลกรุงเทพ ( INTERPOL Bangkok) ได้รับคำร้องจากพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวแล้ว เพื่อให้ช่วยดำเนินการสอบสวนติดตามความ

เคลื่อนไหวของ นายมนูญ แต่คดีนี้ขั้นตอนยังไม่ถึงชั้นพนักงานอัยการ เพราะตำรวจยังไม่สรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา ตำรวจสากลกรุงเทพ จึงได้เตรียมส่งรายละเอียดคำร้อง ซึ่งยังไม่ใช่หมายแดงไป

ยัง องค์การตำรวจสากล  (ICPO)  ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 190 ประเทศทั่วโลก ภายในวันนี้ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้ นายมนูญ เป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัว ถ้าตรวจสอบพบว่า นายมนูญ ไปหลบ

หนีอยู่ในประเทศใด ให้แจ้งความเคลื่อนไหวมายังตำรวจสากลกรุงเทพ รับทราบ ซึ่งข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์ในการระบุถิ่นที่อยู่ที่แน่ชัดของนายมนูญ เพื่อใช้ประกอบการ ขอให้มีการส่งตัวเป็น

ผู้ร้ายข้ามแดนด้วย

ส่วนประเทศปลายทาง ที่ได้รับการร้องขอจากทางการไทย จะดำเนินการให้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งจะใช้หลักต่างตอบแทน
------------------------------------------
รอง ผบก.น.6 ระบุ ได้นำตัวนางเดียร์ไป จ.มุกดาหาร เพื่อตรวจสอบพื้นที่การโอนเงิน คุมตัวฝากขังวันนี้แน่

พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.6 เปิดเผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ อายุ 49 ปี ไปที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อตรวจสอบพื้นที่ต่าง ๆ ที่นางเดียร์ได้ทำการโอนเงิน

และรับมอบเงินว่าจ้างดังกล่าว ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ ทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนางเดียร์ไปจุดที่ได้ทำการโอนเงินหรือรับเงินจ้างวานให้ก่อเหตุดังกล่าวเท่านั้น ส่วนผู้กระทำความผิดรายอื่น

ๆ ที่ถูกจับกุมหรือหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีต่อไป

ด้านการตรวจสอบสถานที่ที่นางเดียร์ให้การนั้น ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในจุดที่มีการส่งมอบรับมอบอาวุธและธนาคารที่ตั้งที่มีการรับมอบส่งเงินแล้ว ส่วนหลักฐานชิ้นอื่น ๆ นั้น ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม

ทั้งนี้ หลังจากนี้จะได้ควบคุมตัวนางเดียร์ไปฝากขังที่ศาลทหารภายในวันนี้
///////////
ความมั่นคง/กฎอัยการศึก

-----------------
พล.อ.ประวิตร ไม่ขัดข้องนิรโทษผู้ชุมนุม หากทุกฝ่ายยอมรับ ชี้ ต้องไม่ผิดกฎหมายร้ายแรง ย้ำ พลเรือนขึ้นศาลทหารเฉพาะผู้ก่อเหตุไม่สงบ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สนับสนุนการนิรโทษกรรมให้กับผู้

ชุมนุมทางการเมือง ว่า หากทุกฝ่ายสามารถพูดคุยกันและประชาชนยอมรับได้ ทางรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี ก็คงไม่ขัดข้อง เพราะต้องการให้เกิดความปรองดองของคนในชาติ แต่ต้องไม่เป็นเรื่อง

ที่ผิดกฎหมายร้ายแรง ซึ่งอาจจะเสนอในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ก็ได้ หากประชาชนทุกฝ่ายยอมรับได้อะไรก็สามารถทำได้

ส่วนกรณีที่มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องไม่ให้พลเรือนขึ้นศาลทหารนั้น ที่ผ่านมาได้มีการผ่อนปรนในทุกเรื่อง โดยดำเนินการเฉพาะผู้ที่ก่อเหตุไม่สงบ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัย ซึ่งฝ่ายที่ออกมา

เรียกร้อง ต้องมีความเข้าใจว่ารัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาต่าง ๆ  โดยเฉพาะการลดความเหลื่อมล้ำ หากมีการก่อกวนรัฐบาลก็ไม่สามารถทำงานได้
--------------------
"พล.ต.สรรเสริญ" มั่นใจ ฝ่ายมั่นคง ดูแลความปลอดภัยประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังจำเป็นต้องคงอัยการศึก ปัดซ้อมผู้ต้องหา

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิดครั้งแรกที่สยามพารากอน ฝ่ายความมั่นคงทั้ง ทหาร ตำรวจ มีการบูรณาการ

ทำงานร่วมกันดีขึ้น โดยเฉพาะงานด้านข้อมูลข่าวสาร จนสามารถจับตัวผู้ต้องหาได้ทันที และขยายผลได้อย่างกว้างขวาง ในเหตุครั้งที่ 2 ทำให้มีความมั่นใจว่า สามารถดูแลความปลอดภัยให้กับ

ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยอมรับ ยังกังวลกับข้อมูลข่าวสารในโซเชียลมีเดีย จึงอยากวิงวอนต่อประชาชน อย่าหลงเชื่อ อย่าตื่นตระหนกมากเกินไป

เบื้องต้น รัฐบาลได้มีการประสานกับ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจอย่างเต็มที่และรวดเร็ว ผ่านโฆษกกองทัพบกและโฆษกกระทรวงกลาโหม ตลอดจนย้ำว่า ไม่มี

การซ้อมผู้ต้องหาแต่อย่างใด

พร้อมกันนี้ พล.ต.สรรเสริญ ยังยืนยันว่า กฎอัยการศึก ยังมีความจำเป็นเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชน แต่จะใช้ตามความจำเป็นเท่านั้น โดยเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจและ

ไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนกลุ่มคนที่พยายามเรียกร้อง กดดันให้ยกเลิก ล้วนมาจากฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น
///////////////
กมธ.ยกร่าง/สนช.

พรเพชร นัดประชุม สนช.เพื่อพิจารณาวาระเร่งด่วน 12 ฉบับ ขณะ เทียนฉาย เตรียมแถลงข่าวความพร้อมถกรัฐธรรมนูญร่างแรก

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีคำสั่งนัดสมาชิกประชุมในเวลา 10.00 น. โดยมีวาระเร่งด่วนให้พิจารณา 12 เรื่อง ทั้งในส่วนคณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ

และเรื่องที่คณะรัฐมนตรีเสนอใหม่ อาทิ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงิน

วิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับสื่อ

ลามกอนาจารเด็ก) ร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

ขณะที่ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมของ สปช.ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก
---------------------------
สนช.ทยอยเข้าสภาเตรียมประชุม ขณะ กมธ.ยกร่างฯ ร่วมกับ สถาบันพระปกเกล้าฯ จัดสัมมนาสานพลังนักวิชาการในการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นต่อการยกร่าง รธน.

บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา ล่าสุด สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เริ่มทยอยเตรียมตัวเข้าประชุม ที่จะมีขึ้นในเวลา 10.00 น. แล้ว เพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าของคณะ

กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและพิจารณากฎหมายต่าง ๆ

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า ได้จัดการสัมมนาในหัวข้อเรื่อง “สานพลังนักวิชาการในการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ” ภาย

ใต้โครงการสู่ทศวรรษที่เก้า : ก้าวใหม่ของระบอบประชาธิปไตยที่ ห้องประชุมกรรมาธิการ หมายเลข 213-216 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 2

ขณะเดียวกัน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าร่วมประชุมกรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อแสดงมุมมองและวิสัยทัศน์ ก่อนจัดทำร่าง

รายงานกรอบปฏิรูปฯ เสนอต่อ สปช. ที่ห้อง 3401 อาคารรัฐสภา 3 ตามที่ได้รับเชิญ
--------------------
กมธ.ยกร่างฯ ทบทวนทำบันทึกเจตนารมณ์ไปแล้ว 198 มาตรา มั่นใจสัปดาห์นี้จบภาค 2

รศ.นรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า การพิจารณาทบทวนเนื้อหารายมาตราและการทำบันทึกเจตนารมณ์ มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดถึงมาตรา 198 แล้ว และในวันนี้ จะเข้าสู่หมวดของการคลังและงบประมาณ รวมถึงหมวดกระจายอำนาจ มั่นใจว่าในสัปดาห์นี้น่าจะจบภาคที่ 2 หรือได้เนื้อหาประมาณ 216 มาตรา

ทั้งนี้ รศ.นรีวรรณ ยังกล่าวถึงประเด็นที่แขวนไว้ว่า จะนัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 31 มี.ค. นี้ ทีเดียว เบื้องต้น สมาชิกมีการพูดคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่ถือเป็นข้อสรุปแต่อย่างใด โดย

เฉพาะเรื่องสัดส่วนหญิง 1 ใน 3 ที่สมาชิกมีความเห็นค่อนข้างแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ซึ่งคาดว่า หากในที่ประชุมยังมีความเห็นที่หลากหลาย ก็น่าจะใช้วิธีการสุดท้ายคือการโหวตของ กมธ.
เพื่อให้ได้ข้อสรุปต่อไป
----------------------------
"นรีวรรณ" เปิดสัมมนานักวิชาการ ระบุ กมธ.ตั้งใจทำ รธน.ใหม่เพื่อประโยชน์ ปชช. โยนรัฐบาลตัดสินใจเรื่องประชามติ ชี้ หากทำ เลือกตั้งช้าประมาณ 3-6 เดือน

นางนรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวเปิดการสัมมนาสานพลังนักวิชาการในการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ คณะ

กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้าจัดขึ้น พร้อมปาฐกถาพิเศษในประเด็นการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า กรรมาธิการ มีความตั้งใจในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้

เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ ดังนั้นการร่างรัฐธรรมนูญจึงจำเป็นต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทบทวนถ้อยคำและดูเจตนารมณ์ของร่างรัฐ

ธรรมนูญที่จะต้องเสร็จสิ้นร่างแรกภายในสิ้นเดือนนี้ ก่อนส่งให้ สปช.พิจารณา ส่วนจะมีการทำประชามติหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่รัฐบาลจะตัดสินใจ คณะกรรมาธิการไม่มีอำนาจ

ทั้งนี้ เห็นว่าหากมีการทำประชามติ คาดว่าจะต้องใช้เวลา 3-6 เดือน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
--------------------------------
"พรเพชร" แจ้งสมาชิก สนช.ประชุมนัดแรก 2 เมษายน เพื่อกำหนดวันแถลงเปิดสำนวนถอดถอนบุญทรง

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในวันที่ 2 เมษายน เป็นวันประชุมนัดแรกเพื่อกำหนดวันแถลงเปิดสำนวนถอดถอนของ

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวง

พาณิชย์ จากการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ พร้อมให้สมาชิกรับสำเนารายงานและสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 479 หน้า ไปศึกษา และสมาชิกสามารถตรวจดูหลัก

ฐานอีก 58,000 หน้า ได้ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตลอดจนให้สมาชิกสามารถยื่นญัตติข้อซักถามคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายได้ก่อนจะถึงวันประชุมนัดที่สอง
--------------------------------
"วิษณุ" ยังไม่ขอแสดงความเห็น รัฐบาลขอแก้ไข ร่าง รธน.ส่วนใดบ้าง ปัดตอบ "ไพบูลย์" เสนอนิรโทษผู้ชุมนุม

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงภาพรวมการยกร่างรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ว่า ยังไม่ขอเเสดงความเห็นว่าจะมีการขอแก้ไขในเรื่องใดบ้าง ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็พร้อม

จะเปิดเผยต่อสังคม โดยหลังจากนี้จะเป็นการเข้าไปแสดงความเห็นของรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ต่อ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเพียงการ

แสดงความเห็น หากทางกรรมาธิการฯ ไม่เห็นด้วย ก็ไม่มีปัญหา

ขณะเดียวกัน นายวิษณุ ระบุว่า ยังไม่ทราบเรื่องและไม่มีความเห็นกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สนับสนุนให้นิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมือง ยกเว้น

คดีอาญาที่ถึงแก่ชีวิต ทุจริตคอร์รัปชั่น และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
-------------------------------------
"เทียนฉาย" ปัดแสดงความเห็นเรื่องประชามติ หวั่นมีผลกระทบเป็นการชี้นำสังคม รับห่วงแนวคิดปฏิรูป 

นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ระบุถึงเรื่องการทำประชามติ ว่า ขอไม่ตอบ เพราะเห็นว่าประชามติ มีทั้งความสำคัญและไม่สำคัญในตัว และในฐานะประธาน

สปช. จึงไม่ต้องการแสดงความคิดเห็น เพราะกังวลว่าอาจจะเกิดผลกระทบหรืออาจเป็นการชี้นำสังคม

นอกจากนี้ นายเทียนฉาย ยังมีความเป็นห่วงในเรื่องของแนวคิดการปฏิรูปเพราะปัจจุบันแนวคิดการปฏิรูปไม่ได้อยู่แค่ใน สปช. เท่านั้น แต่ปรากฏอยู่ในหน่วยงาน กระทรวง ทบวง และกรมต่าง ๆ

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่สังคมตื่นตัวกับการปฏิรูป แต่ก็มีข้อกังวลในเรื่องของความสอดคล้องและความเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการหารือกับ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า จะต้องมีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่องและจะทำตามขั้นตอน
--------------------------------------------
สปช.พร้อม-ตั้งใจเต็มที่ พิจารณาร่าง รธน. ให้โอกาส สมาชิกอภิปรายเต็มที่ เน้นหมวดการเปลี่ยนแปลงหลัการของประเทศ

นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก ว่า สปช. ทุกคนมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ โดยจะใช้ความรู้

ความสามารถในการพิจารณา พร้อมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง และให้ออกมาให้ดีที่สุด ตรงตามเจตนารมณ์ที่ประชาชนต้องการที่สุด ซึ่งจะใช้เวลาอภิปรายในเรื่องนี้ 10 วัน

เต็ม ตามที่รัฐธรรมฉบับชั่วคราวกำหนดไว้ ทั้งนี้ สมาชิกทุกคนจะต้องจับประเด็นในเรื่องสำคัญ ๆ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปทั้งหมด และจะต้องเร่งนำไปดำเนินการทันที

นอกจากนี้ นายเทียนฉาย ยังกล่าวว่า ในการอภิปรายวันที่ 20 - 26 มี.ค. นั้น จะเน้นไปที่หมวดของการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ของประเทศ โดยให้สมาชิกทุกคนได้แสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ เและ

ป็นอิสระทางความคิด
/////////////
เคลื่อนไหวนายกฯ

นายกฯ มีกำหนดนั่งหัวโต๊ะประชุม คกก.นโยบายที่ดินแห่งชาติ ขณะช่วงบ่ายผู้แทน 4 กระทรวง แถลงตัวเลขทางเศรษฐกิจ 

ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วันนี้ ในเวลา 10.00 น. จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดิน

แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2558 ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน

ขณะที่วาระอื่นที่น่าสนใจภายในทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.00 น. หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนา

ศักยภาพธุรกิจและสินค้าฮาลาลแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1

ขณะเดียวกัน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้แทนกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมแถลงข่าว “รายงานความคืบ

หน้าตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศที่มีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ” ณ ศูนย์แถลงข่าวตึกนารีสโมสร
-----------------------------
นายกฯ เข้าทำเนีนยบแล้ว รปภ.เข้ม เตรียมนั่งหัวโต๊ะประชุม คกก.นโยบายที่ดินแห่งชาติ

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ท่าม

กลางการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาลอย่างเข้มงวด

โดยในช่วงเช้านี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2558 ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน

ขณะที่เวลา 09.00 น. นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (กวทน.) ครั้งที่ 1/2558 ณ ห้องประชุม

301 ตึกบัญชาการ 1 ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยประจำทำเนียบรัฐบาล มีเจ้าหน้าที่ประจำตามจุดต่าง ๆ เพื่อตรวจตราบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออก อย่างละเอียด
-------------------------------
พล.อ.ดาว์พงษ์ เผย นายกฯ เน้นย้ำจัดรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินร่วมกับป่าไม้ เร่งแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า


พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2558 ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็น

ประธาน ว่า ที่ประชุมอนุมัติงบประมาณในการดำเนินการในส่วนของค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การลงพื้นที่ และการประชุมในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยจำนวนงบประมาณล่าสุด 60 กว่าล้าน เนื่องจากที่

ผ่านมา การดำเนินการเกือบทั้งหมดใช้งบประมาณจากกระทรวงตนเองที่มีอยู่ในการทำงานนี้

ทั้งนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ ยังระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำในการจัดรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินและป่าไม้ร่วมกัน โดยการจัดทำป่าเศรษฐกิจเพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่สามารถอยู่ร่วมกับป่า รวมทั้งได้

รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ในการร่วมกันรักษาผืนป่าในพื้นที่ จะมีการประเมินผลและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ ยังมั่นใจว่าชาวบ้านในพื้นที่จะมีจิตสำนึกในการรักษาผืนป่า และชาวบ้านในพื้นที่ก็รับทราบถึงมาตรการดังกล่าว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดให้ชี้แจงรายละเอียดว่าพื้นที่ที่ชาวบ้านมีการ

บุกรุกสามารถใช้พื้นที่ในการอยู่อาศัยได้ตามเดิมแต่ห้ามนำพื้นที่ไปขายเนื่องจากกรรมสิทธิ์ที่ดินยังเป็นของกรมป่าไม้

นอกจากนี้ ในส่วนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและปัญหาหมอกควัน ล่าสุดได้มีการประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าทหารโดยการนำกำลังพล เครื่องบิน และยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปแก้ไขปัญหาดัง

กล่าว อีกทั้งจะมีการประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตั้งหน่วยงานในการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันให้เป็นนโยบายระดับชาติและออกแบบโครงสร้างในการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ

เพื่อมุ่งหวังให้ปัญหาไฟป่าและปัญหาหมอกควันอย่างยั่งยืน
------------------
นายกฯ สั่ง คกก.พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ-สภาการศึกษา ทำวิสัยทัศน์ปี 2015-2020 ใน 7 ประเด็นหลัก

นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ 1/2558 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม ว่า ในที่ประชุมวันนี้นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ

สำนักงานเลขาสภาการศึกษา จัดทำวิสัยทัศน์การศึกษาปี 2015-2020 โดยให้นำประเด็นหลัก 7 ประเด็นใหญ่ อาทิ นโยบายการศึกษา ระบบการศึกษา ระบบการบริหารการศึกษา โครงสร้างการศึกษา

การมีส่วนร่วม ครูและบุคลากร และการช่วยเหลือทางการเงิน นำมาวางแผนระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิรูปในระยะเวลา 5 ปี

นายกฤษณพงศ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังมีการเสนอให้การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นการสร้างผู้ประกอบการไม่ใช่เฉพาะช่างเทคนิค ส่วนอุดมศึกษาหรือระดับต่าง ๆ ก็ให้มีการยกระดับโดยนำรูปแบบ

จากต่างประเทศ หรือร่วมกับบริษัทเอกชนในการลงทุน นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้มีการลดความเหลื่อมล้ำในด้านการศึกษา และเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มเข้าถึงการศึกษาให้ได้ นอกจากนี้ นายก

รัฐมนตรี ได้เน้นในเรื่องการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา โดยมีแนวคิดให้มีศูนย์รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ควบคู่กับการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อให้เข้าถึงทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน
-----------------------
นายกฯ สั่งทำแผนพัฒนาประเทศตามพื้นที่ ตอบสนองความต้องการเขตเศรษฐกิจพิเศษ เน้นความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการให้สำนักงาน

คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำหนดแผนพัฒนาประเทศตามพื้นที่ โดยให้มีการผลิตคนตอบสนองความต้องการแต่ละพื้นที่ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ และยังเน้นย้ำในเรื่อง

ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการจัดการศึกษาแบบทวิภาคี ทั้งในส่วนปริมาณและคุณภาพ โดยขณะนี้มีบริษัทที่เข้าร่วมทวิภาคีอยู่แล้ว 8,095 แห่ง รองรับนักศึกษา 61,000 คน และตั้ง

เป้าว่าอีก 3 เดือน จะมีนักศึกษาเข้าร่วม 1 แสนคน พร้อมทั้งเน้นการอบรมอาชีพระยะสั้น ประกอบด้วย การต่อยอดอาชีพเดิม, อบรมให้มีอาชีพเสริม และอบรมอาชีพ เพื่อเตรียมรับโครงการของ

รัฐบาลโดยตั้งเป้าว่าในปี 2558 จะมีผู้เข้าร่วม
//////////////////////////////
เศรษฐกิจ

ปปง.ลงพื้นที่อายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงอดีตผู้บริหาร BBC ในกรุงเทพฯ 2 แห่ง และ จ.ชลบุรี 1 แห่ง มูลค่ารวม 207 ล้านบาท

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 59/286 ภายในหมู่บ้านวิสุทธาวิลล์ ซอยรามอินทรา 103/1 ซึ่งเป็นบ้านของ

นางแสงเดือน บุญมาทอง ภรรยาของ นายวู เชี่ยว หู คณะกรรมการของบริษัทสตาร์ลัค ฟุตแวร์ (บี.วี.ไอ.) จำกัด ซึ่งถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงที่ประเทศจีน ที่ได้รับการปล่อยสินเชื่อโดยผิด

กฎหมายจาก นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ จำกัด (มหาชน) กับพวก

โดย พ.ต.อ.สีหนาท เปิดเผยว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลงพื้นที่อายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงของอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ จำกัด (มหาชน) กับ

พวก ซึ่งวันนี้ได้เข้ายึดทรัพย์ในหมู่บ้านวิสุทธาวิลล์ ชมวนา รีสอร์ท แอนด์ ฮอล คลับ จังหวัดชลบุรี และ คอนโดรีเจนท์ ซอยอินทามระ สุทธิสาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท พิมานพนธ์ จำกัด รวมมูลค่า

207 ล้านบาท

จากการตรวจค้น บ้านเลขที่ 59/286 ภายในหมู่บ้านวิสุทธาวิลล์ พบตู้นิรภัย 4 ตู้ ซึ่งจะดำเนินการยึดไปตรวจค้นที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำหรับการอายัด

บ้านนั้น เจ้าของบ้านยังสามารถพักอาศัยภายในบ้านได้ แต่ไม่สามารถขายทอดตลอด จำนอง หรือกระทำการอื่น ๆ ได้ เจ้าของบ้านสามารถหาหลักฐานยืนยันมาชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน เพื่อถอนอายัด

ได้ภายใน 30 วัน
-------------------------
สำนักงบประมาณ เผย รัฐบาลเบิกจ่ายปี 58 แล้ว ร้อยละ 45 คาดปลายปี 58 ได้ตามเป้า ร้อยละ 87

นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวผ่าน รายการ INN โฟกัสเศรษฐกิจ ถึงความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2558 ของรัฐบาลว่า พึงพอใจกับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 ทั้งผลงานการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ และการเร่งรัดการเบิกจ่าย พร้อมกับมีการเบิกจ่ายที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันมีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว 1,173,149 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 45.56

ทั้งนี้ สำนักงบประมาณคาดว่าการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 จะสามารถเบิกจ่ายได้ดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่า ไตรมาสที่ 2 จะมีการเบิกจ่ายกว่า ร้อยละ 30 ไตรมาสที่ 3 ร้อยละ 60 และไตรมาสที่ 4 ร้อยละ 87 ตามเป้าที่ตั้งไว้

สำหรับปัญหาการเบิกจ่ายนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาการเบิกจ่ายน้อยลง เนื่องจากรัฐบาลได้มีมติให้ลดขั้นตอนในการดำเนินงานเบิกจ่ายงบประมาณของสำนักงานงบประมาณลงและมอบอำนาจให้หนัวหน้าส่วนราชการในด้านการเปลี่ยนแปลงพร้อมกับมีการให้หัวหน้าส่วนราชการมอบต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่เร็วขึ้น ไม่ต้องติดต่อที่ส่วนกลาง
-----------------------------
สภาอุตฯ เชียงราย เผยท่องเที่ยวเชียงรายลด ร้อยละ 30 จากปัญหาหมอกควันและโลว์ซีซั่น มองปีนี้รุนแรงที่สุด

นายอภิชา ตระสินธุ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย กล่าวผ่าน รายการ INN โฟกัสเศรษฐกิจ ถึงผลกระทบการท่องเที่ยวจากหมอกควันในภาคเหนือ ว่า ได้รับผลกระทบจากหมอกควันด้วยส่วนหนึ่ง ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นที่โดยปกตินั้นจะมีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวค่อนข้างน้อยกว่าไฮซีซั่น ประมาณร้อยละ 20-30 และยังคงมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ
ที่มีการจองการท่องเที่ยวล่วงหน้าและกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาอบรมและเสวนานั้นก็ยังคงเดินทางมาตามปกติ พร้อมกับมองว่า ระดับหมอกควันในตอนนี้ให้ความรู้สึกแค่หมอกควันไม่ถึงกับแสบตาแสบจมูกขั้นร้ายแรงและยังสามารถอาศัยอยู่ได้

ทั้งนี้ ปัญหาหมอกควันในภาคเหนือนั้น นายอภิชา กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันในปีนี้รุนแรงกว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยมีผลมาจากการจุดเผาพื้นที่ทางการเกษตรและไม่มีการควบคุม ทำให้ลุกลามไปสู้พื้นที่ป่า ประกอบกับการจุดไฟเผาป่าจากประเทศเมียนมาและลาวที่จะมีการขยายพื้นที่ทางการเกษตร
----------------------------------
บีโอไอ เผย 2 เดือนแรกยอดขอลงทุน 1.3 หมื่นล้านบาท สอดคล้องแผนรัฐเน้นธุรกิจดิจิตอล

นางหิรัญญา สุจินัย รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2558) มีนักลงทุนทั้งไทยและจากต่างประเทศได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย รวมจำนวนทั้งสิ้น 67 โครงการ เงินลงทุนรวม 13,276 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของยุทธศาสตร์
ส่งเสริมการลงทุนใหม่ และสอดคล้องกับนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ กิจการซอฟต์แวร์ สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล กิจการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และชีวมวล กิจการบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (ITC) กิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (IHQ) สอดคล้องกับนโยบายการเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค และกิจการที่สอดคล้องกับนโยบายการสร้างมูลค่า
เพิ่มแก่สินค้าเกษตร เช่น น้ำมันปาล์มดิบ เชื้อเพลิงอัดแท่ง การผลิตถุงมือจากยางธรรมชาติ เป็นต้น รวมทั้งกิจการด้านระบบโลจิสติกส์ เช่น กิจการขนส่งทางเรือ เป็นต้น
---------------------------
สศค. รายงานเบิกจ่ายงบแล้ว 44.3% คาดศก. Q1 โตเกิน 3% ทั้งปี 3.9% เตรียมปรับประมาณการณ์เมษายนนี้

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะเติบโตที่ร้อยละ 3.9 ตามที่คาดการณ์ โดยเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 จะขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 3 แม้การเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสที่ 1 ของปี 58 จะขยายตัวต่ำ แต่ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 13 มีนาคม 2558 พบว่า มีการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อ
กระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้ว 1.54 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 44.3 ของกรอบวงเงิน 3.47 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐ 1.13 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 25.3 ประกอบกับการส่งเสริมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่จะทำให้ปริมาณการส่งออกกับประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านสูงขึ้น ทดแทนการส่งออกในภาพรวมที่ลดลงได้ โดยในปีนี้คาดการณ์การส่งออกจะขยายตัวได้
ร้อยละ 1.4% ส่วนสถาการณ์การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกครั้งโดยขยายตัวถึงร้อยละ 27.6 ขณะที่ฐานะการคลังช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 58 ยังมีความมั่นคงโดยหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 46.5 อย่างไรก็ตาม สศค. เตรียมที่จะปรับประมาณการณ์ GDP อีกครั้งในเดือน เมษายนนี้
---------------------------
กระทรวงอุตสาหกรรมเผยภาพรวม ศก. นักลงทุนเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น โรงงานจดทะเบียนใหม่กว่า 988 โรง

นายสมชาย หาญหิรัญ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรม มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งสะท้อนจากตัวเลขการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อการผลิตมีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวกมากขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมหลักอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ จะขยายตัวได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยคาดว่าจะมียอดการผลิตยานยนต์ในปีนี้ที่
2.15 ล้านคัน แบ่งเป็นการจำหน่ายในประเทศ 9.5 แสนคัน ส่งออก 1.2 ล้านคัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น และไทยจะสามารถแข่งขันด้านการผลิตกับต่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียนได้

ขณะที่ตัวเลขโรงงานจดทะเบียนใหม่ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน กว่า 988 โรงงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมโลหะ ยานยนต์ และอาหาร โดยอุตสาหกรรมอาหารมีการลงทุนเป็นลำดับหนึ่ง กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท
-------------------------------
กรอ.เผย ยอดขยายกิจการโรงงาน 2 เดือนแรกเพิ่ม หลังผู้ประกอบการมั่นใจลงทุน คาด ไตรมาส 1 ทะลุ 8 หมื่นล้านบาท

นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า  ยอดการตั้งโรงงานใหม่ในช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ. 2558)  มีจำนวน 635 โรงงาน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 2.3  เงินลงทุนรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.02  อยู่ที่ 37,621   ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่เปิดกิจการมากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร ยานพาหนะและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์โลหะ และเคมีภัณฑ์ ส่วนยอดขยายกิจการในช่วง 2 เดือน มีจำนวน  112  โรงงาน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ร้อยละ 57.75 เงินลงทุนรวม 21,325   ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 152.3  โดยสาเหตุที่การเปิดและขยายกิจการเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มมีความมั่นใจในการลงทุน  เนื่องจากกรอ.ได้อำนวยความสะดวกในขั้นตอนการออกใบอนุญาตกิจการโรงงาน (รง.4) จาก 90 วัน เป็น 30 วัน  และผู้ประกอบการเริ่มมีความเข้าใจในกระบวนการออกใบ รง.4 มากขึ้น ประกอบกับการเมืองมีเสถียรภาพ  และที่ผ่านมาทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ได้มีการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเป็นจำนวนมาก  ทำให้มั่นใจว่าในไตรมาส 1 ของปีนี้ ยอดเปิดกิจการและขยายกิจการจะมีมูลค่ารวม 8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากปีก่อน และหากรวมกับเรื่องการออกใบ รง.4 ให้กับโรงไฟฟ้า ที่ กรอ.ส่งให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาต่อ จึงมั่นใจว่ายอดการตั้งและขยายโรงงานในปี 2558 จะเป็นไปตามเป้าหมายเพิ่มขึ้นร้อยละ  20 อย่างแน่นอน  

พลิกประวัติ “เอนก ซานฟราน” ผู้ก่อการร้ายไทยคนแรกที่ ตร.ไทยขอจากสหรัฐฯ

พลิกประวัติ “เอนก ซานฟราน” ผู้ก่อการร้ายไทยคนแรกที่ ตร.ไทยขอจากสหรัฐฯ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
19 มีนาคม 2558 17:43 น.
พลิกประวัติ “เอนก ซานฟราน” ผู้ก่อการร้ายไทยคนแรกที่ ตร.ไทยขอจากสหรัฐฯ
        ASTVผู้จัดการ – เปิดประวัติ “เอนก ซานฟราน” ชี้ตั้งรกรากอยู่ในซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ กว่า 20 ปี เปิดร้านอาหารไทยชื่อ “ราชาก๋วยเตี๋ยวเรือ” จนร่ำรวยมีหลายสาขา แหล่งข่าวชี้อาจถือพาสปอร์ตอิสราเอลอยู่ด้วย ด้าน ตม.ระบุไม่ปรากฎเคยกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย แต่สหรัฐฯ และไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยกรณีนี้จะเป็นกรณีแรกที่ไทยขอสหรัฐฯ ให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนในกรณีก่อการร้าย
      
       จากกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 1 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการติดตามตัว นายมนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย และร่วมกันเป็นอังยี่ ซ่องโจร และเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังคดีปาระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาว่า สถานะปัจจุบัน ตำรวจสากลประเทศไทยได้รับคำร้องจากพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวแล้ว เพื่อให้ช่วยดำเนินการสอบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของนายมนูญ แต่คดีนี้ขั้นตอนยังไม่ถึงชั้นพนักงานอัยการ เพราะตำรวจยังไม่สรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา ตำรวจสากลประเทศไทย จึงได้เตรียมส่งรายละเอียดคำร้อง ซึ่งยังไม่ใช่หมายแดงไปยังองค์กรตำรวจสากล ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 190 ประเทศทั่วโลกภายในวันนี้ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าขณะนี้นายมนูญ เป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัว
      
       สำหรับประวัติของ มนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน แหล่งข่าวในสหรัฐฯ ระบุว่า นายเอนกเดิมทีเป็นคนกรุงเทพฯ มีภูมิลำเนาอยู่ใกล้ค่ายทหารถนนสามเสน บิดาเป็นอดีตนายตำรวจยศร้อยตำรวจโทนอกราชการ ก่อนมาอยู่อเมริกา นายเอนกเคยเป็นทหารและอาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอล จนได้รับสัญชาติและถือหนังสือเดินทางอิสราเอล
      
       เอนกเข้ามาซุกหัวอยู่ที่เมืองซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ราว 20 ปีก่อน โดยมาอาศัยทำงานอยู่กับพี่ชายชื่อ นายธนู ชัยชนะ ที่ร้านอาหาร Your Place เมืองเบิร์กเลย์ ทั้งยังออกหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ชื่อสยามนิวส์ และเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือนิวชุมชนของเชาว์ ซื่อแท้ โดยเชาว์นั้นเป็นอดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในประเทศไทย และในเวลาต่อมากลายเป็นแกนนำกลุ่มเสื้อแดงในนครลอสแองเจลิส
      
       ในส่วนของชีวิตครอบครัว ในหมู่คนไทยในซานฟรานซิสโกต่างทราบดีว่า เมื่อมาใช้ชีวิตในสหรัฐฯ เอนก เป็นคนกว้างขวางทั้งยังเจ้าคารมคมคาย ทำให้ต่อมาแต่งงานอีกสองครั้งกับสาวไทยในสหรัฐฯ และมีทายาททั้งหญิงและชายหลายคน
      
       เอนก ซานฟราน มีธุรกิจร้านอาหารหลายสาขาโดยใช้ชื่อว่า King of Thai Noodle หรือ ราชาก๋วยเตี๋ยวเรือ ขณะเดียวกันก็เปิดบ้านให้คนไทยเช่าด้วย สำหรับร้านก๋วยเตี๋ยวที่เป็นธุรกิจหลักของเอนกนั้น เขาเคยร่วมหุ้นกับนายตำรวจใหญ่ของไทยหลายนายเพื่อเปิดสาขา King of Thai Noodle บนถนน Taraval โดยนายตำรวจกลุ่มดังกล่าวหลายคนเมื่อส่งลูกหลานมาเรียนที่ซานฟรานซิสโก ก็อาศัยให้นายเอนกช่วยดูแล
      
       ร่ำลือกันว่าสถานที่ปักหลักอีกหนึ่งแห่งคือ วัดพุทธประธีป ซานฟรานซิสโก ในเมืองซานบรูโน โดยเอนกสนิทสนมกับ เจ้าอาวาสพระพุทธประทีมชื่อพระครูวรสิทธิวิเทศ (สิทธิพร มิตรวิเชียร) โดยวัดนี้มีโอกาสต้อนรับคนในตระกูลชินวัตรหลายครั้ง ทั้งนี้เมื่อมีชาวไทยมาถือป้ายต่อต้านระบอบทักษิณ นายเอนกก็มักจะออกมาข่มขู่ขับไล่
      
       เมื่อครั้ง ทักษิณ ชินวัตร บินมาเยือนนครซานฟรานซิสโกในเดือนสิงหาคม 2555 นายเอนก ชัยชนะ ได้เปิดร้านอาหาร King of Thai Noodle สาขานอร์ธ บีชของตนให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้รับประทานอาหารค่ำกับคณะนักธุรกิจเอเชีย-อเมริกัน
      
       “นายเอนก ชัยชนะ นักธุรกิจร้านอาหารในเมืองซานฟรานซิสโก เจ้าของร้านอาหาร King of Thai Noodle แกนนำคนเสื้อแดงในซานฟรานฯ ได้ปิดร้านอาหารตั้งแต่เวลา 19.00 น. เพื่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการส่วนตัว โดยมีการขึ้นป้ายภายในร้านว่า ‘คนเสื้อแดงซานฟรานฯยินดีต้อนรับ ฯพณฯ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร’ โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงในซานฟรานฯเดินทางเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด...” สำนักข่าวอิศรารายงาน (อ่าน : “แม้ว” บุกซานฟรานฯ สั่งชะลอแก้รธน.รับดึง 111 เสียบครม.ปู-บินประชิดไทยอีกปลายปีนี้)
      
       นอกจากนี้ที่ร้านอาหารดังกล่าวของนายเอนก ยังใช้เป็นที่เปิดตัวสำนักงานองค์กรภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน หรือ ทีเอเอชอาร์ (The Thai Alliance for Human Rights :TAHR) เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือเรื่องสิทธิมนุษยชนของคนไทยทั่วโลกที่อยู่ในต่างประเทศและในประเทศไทย ซึ่งมีนายเพียงดิน รักไทย ดำรงตำแหน่งประธาน ทั้งนี้ไม่เพียงนายเพียงดิน ซึ่งมีชื่อกระฉ่อนในการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงที่รู้จักสนิทสนมกับนายเอนก แต่ยังมี นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน "โรส ฉัตรวดี" หรือ น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลซึ่งหลบหนีหมายจับคดีหมิ่นเบื้องสูง
      
       เดือนสิงหาคมปี 2549 นายเอนกเคยกลุ่มคนไทยในแคลิฟอร์เนียหลายสิบคนเข้าชื่อแจ้งความต่อสถานกงสุลไทยในลอสแองเจลิสให้ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์จากกรณีการเลือกตั้ง 2 เม.ย. เป็นโมฆะ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่านายเอนกมักจะออกรายการวิพากษ์วิจารณ์การเมือง และกล่าววาจาดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงในรายการชื่อความจริงประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง โดยมีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ยูทิวบ์ และเว็บไซต์ของกลุ่มคนเสื้อแดง
      
       หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 ชื่อของ เอนก ซานฟราน ติดอยู่ในรายชื่อผู้ต้องหาคดีพิเศษที่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษถึง 2 คดี และมีรายชื่ออยู่ในลำดับที่ 10 ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ฉบับที่ 49/2557 ลงวันที่ 4 มิ.ย. 57 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม โดยในเวลานั้น นายเอนกให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะไม่เดินทางกลับมารายงานตัวต่อ คสช.เด็ดขาดโดยระบุว่าเพราะตนเป็นพลเมืองของประเทศอื่น ทั้งยังขู่ที่จะฟ้ององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อีกด้วย ทั้งนี้หลังรัฐประหาร 2557 เฟซบุ๊กร้านอาหาร King of Thai Noodle ยังปรากฎว่ามีการโพสต์เผยแพร่ข้อมูลของคนเสื้อแดงและการต่อต้านรัฐประหารในประเทศไทยจำนวนมาก
      
       สำหรับการตามล่าตัวนายเอนก ซานฟราน จากทางการไทย เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการ ว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยปรากฎว่านายเอนกเคยเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตามช่องทางปกติ แต่ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน โดยในกรณีนี้จะนับว่าเป็นกรณีแรกที่มีการขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนในคดีก่อการร้าย!
พลิกประวัติ “เอนก ซานฟราน” ผู้ก่อการร้ายไทยคนแรกที่ ตร.ไทยขอจากสหรัฐฯ
       
พลิกประวัติ “เอนก ซานฟราน” ผู้ก่อการร้ายไทยคนแรกที่ ตร.ไทยขอจากสหรัฐฯ
ร้านอาหาร King of Thai Noodle สาขานอร์ธ บีช ของเอนก ชัยชนะที่เคยต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ภาพจาก northbeachbusinessassociation.com)
       
พลิกประวัติ “เอนก ซานฟราน” ผู้ก่อการร้ายไทยคนแรกที่ ตร.ไทยขอจากสหรัฐฯ
       
พลิกประวัติ “เอนก ซานฟราน” ผู้ก่อการร้ายไทยคนแรกที่ ตร.ไทยขอจากสหรัฐฯ
       
พลิกประวัติ “เอนก ซานฟราน” ผู้ก่อการร้ายไทยคนแรกที่ ตร.ไทยขอจากสหรัฐฯ

จาตุรนต์ ฉายแสง:รัฐบาลยังทำอะไรได้อีกบ้าง เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัวเกินไป


รัฐบาลยังทำอะไรได้อีกบ้าง เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัวเกินไป
สัปดาห์ที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ คือ การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า กนง. ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2% ลดลงเหลือ 1.75% ต่อปี ด้วยเหตุผลสำคัญคือ เศรษฐกิจยังฟื้นตัวค่อนข้างช้า โดยมีแรงส่งจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนน้อยกว่าคาด ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นของภาคเอกชนลดลง ขณะเดียวกันแนวโน้มการฟื้นตัวในระยะต่อไปก็ยังอ่อนแรง โดยแรงกระตุ้นจากภาคการคลังต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลชัดเจน การลดดอกเบี้ยจะช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจ และช่วยพยุงความเชื่อมั่นของภาคเอกชน
ก่อนหน้านี้ ก็มีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะภาคธุรกิจส่งออก ให้มีการลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงบ้าง เพราะค่าเงินของเราแข็งค่ามากกว่าหลายประเทศในภูมิภาค ทำให้การส่งออกเราสู้เขาไม่ได้ หลังจาก กนง.ลดดอกเบี้ยก็ช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวเล็กน้อย ทว่าเราจะหวังว่าเมื่อสินค้าส่งออกราคาถูกลงแล้ว จะขายได้เพิ่มมากๆ คงลำบาก เพราะคู่ค้าสำคัญของเรา ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น จีน ต่างก็กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ฉะนั้น เมื่อผู้ซื้อมีกำลังซื้อลดลง แม้สินค้าเราจะมีราคาถูกลงบ้าง ก็คงขายเพิ่มได้ไม่มากนัก นอกจากนี้ค่าเงินของหลายประเทศก็ได้อ่อนตัวลงไปก่อนแล้ว
ในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวและความเชื่อมั่นของภาคเอกชนต่ำ การลดดอกเบี้ยย่อมไม่อาจมีผลได้มากนัก แต่เมื่อทางฝั่งที่ใช้นโยบายการเงินบอกแล้วว่า ลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเศรษฐกิจและพยุงความเชื่อมั่นของภาคเอกชน เพราะนโยบายการคลังเห็นผลช้า คำถามก็คือรัฐบาลจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกหรือไม่ ก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะทรุดลงไปมากกว่านี้
สิ่งที่รัฐบาลอาจทำได้ในภาวะปัจจุบันคือ
1.เร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐทั้งงบประมาณแผ่นดินและรายจ่ายของรัฐวิสาหกิจให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรื่องนี้รัฐบาลดูจะให้ความสำคัญอยู่พอสมควร แต่ไม่สามารถทำให้เกิดผลได้เลย จำเป็นต้องค้นคว้าหาสาเหตุของความล่าช้าแล้วแก้ให้ถูกจุด
2.เตรียมจัดทำงบประมาณปีหน้าให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ หากจำเป็นต้องขาดดุลเพิ่มขึ้นก็ควรเน้นงบลงทุนที่มีผลให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้เร็ว
3.ดำเนินนโยบายการคลังที่ผ่อนคลายหรืออย่างน้อยต้องไม่ซ้ำเติมให้เศรษฐกิจถดถอย ไม่ควรออกมาตรการเพิ่มประเภทหรืออัตราภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ในช่วงนี้
4.ทำให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการขนาดใหญ่ว่า มีแผนการขั้นตอนอย่างไร จะทำแบบรัฐต่อรัฐหรือร่วมกับเอกชนด้วยเหตุผลอะไร การร่วมมือกับใครจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยอย่างไร การจัดซื้อจัดจ้างควรจะใช้กฎระเบียบที่โปร่งใสและเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ มากกว่าการใช้ดุลยพินิจตามใจชอบ
5.ระดมความคิดเพื่อวางแผนพัฒนาขีดความสามารถของประเทศในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการพัฒนากำลังคนและโทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการแข่งขัน
6.สร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศด้วยการยืนยันว่า การเลือกตั้งจะมีขึ้นตามกำหนดภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยซึ่งจะนำไปสู่การมีรัฐบาลที่เป็นที่ยอมรับ การเมืองที่มีเสถียรภาพและสังคมก้าวพ้นจากวิกฤตความขัดแย้ง และยังจะทำให้ประเทศไทยสามารถเจรจาหาความร่วมมือกับประเทศต่างๆในเวทีโลกได้ดีขึ้นด้วย
เวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำ ตัวเลขอัตราการเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์ อาจบอกผู้รู้ให้เข้าใจปัญหาได้ไม่ยาก แต่สำหรับประชาชนทั่วไปแล้ว สิ่งที่ประสบอยู่ทุกวันๆย่อมบอกได้ดีว่า เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำมากๆ ประชาชนต้องลำบากเดือดร้อนกันอย่างไร และดูเหมือนประชาชนทุกหย่อมหญ้าจะรับรู้ได้ทั่วกันแล้ว เพราะฉะนั้นในภาวะเช่นนี้รัฐบาลจำเป็นต้องทุ่มเทความพยายามให้กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ที่สำคัญต้องรู้ว่ารัฐบาลเองพึงมีบทบาทอย่างไรได้บ้างเสียก่อนที่จะตัดสินใจว่า ตนเองจะทำอะไรหรือไม่และอย่างไร
------------------------


"ทักษิณ"โทรให้กำลังใจ"ปู"อย่าท้อ

"แม้วโทรให้กำลังใจน้องปูอย่าท้อ"..//**ทนายยัน "ปู"ไปศาลฯ แน่ 19 พ.ค.นัดสอบคำให้การจำเลยครั้งแรก ด้าน "ทักษิณ"ต่อสายให้กำลังน้อง ขออย่าท้อถอย เจ้าตัวไม่เครียด เตรียมเดินสายทัวร์บุญภาคอีสาน เม.ย.นี้
เมื่อวันที่19มี.ค.นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้อง คดีที่อัยการสูงสุดฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีอาญาจากโครงการรับจำนำข้าว ว่า เมื่อศาลฎีกาฯ ประทับรับฟ้องแล้ว ก็ถือว่าเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอย่างเต็มที่ จากนี้ทีมทนายความ ก็ต้องรอสำนวนคำฟ้องจากศาลฎีกาฯ ก่อน แล้วจะนัดหารือกันถึงแนวทางการต่อสู้คดีต่อไป ส่วนในวันที่ 19 พ.ค. ที่ศาลฎีกาฯ นัดพิจารณาคดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลยนั้น ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางศาลฯ อย่างแน่นอน
แหล่งข่าวจากคนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับโทรศัพท์ให้กำลังใจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ภายหลังจากศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้อง โดยให้มีกำลังใจว่าอย่าท้อถอยในการต่อสู้คดีรับจำนำข้าว ที่จะเข้าสู่ศาลฯ นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมองว่าคดีนี้ ฝ่าย คสช.มีเป้าหมายให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดนคดีอาญา เพราะไม่ต้องการให้เล่นการเมืองตลอดชีวิต ส่วนการชดใช้ความเสียหายต่อรัฐ ยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาการต่อสู้ทางคดีแพ่งไปอีกหลายปี กว่าจะถึงขั้นฎีกา รวมถึงแม้ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีคำสั่งประทับรับฟ้องในวันนี้ แต่กว่าจะนัดไต่สวนองค์คณะผู้พิพากษา ยังต้องใช้เวลาอีก 45 วัน ซึ่งทีมทนายจะยื่นประกันตัวในทันที
แหล่งข่าวแจ้งด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้วิตกกังวลกับคดีนี้ เพราะทีมทนายได้เตรียมพยานหลักฐานต่าง ๆ ไว้ต่อสู้คดีแล้ว รวมทั้ง ครม.ในสมัยนั้น ก็จะร่วมเป็นพยานด้วยถึงการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวที่ช่วยเหลือให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาดีขึ้นกว่าร้อยละ 80 และยังรวบรวมหลักฐานผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายข้าว ที่มีการรับทราบ และมีการหารือถึงปัญหาในการรับจำนำข้าวทุกครั้งก่อนเปิดฤดูกาลรับจำนำข้าวปี 55-57 ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการสู้คดีไว้พร้อมแล้ว โดยจะนัดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาร่วมประชุมกับทีมทนายอีกครั้งในช่วงต้นเดือน พ.ค. อย่างไรก็ตามในช่วงเดือน เม.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เตรียมเดินสายทำบุญในวัดชื่อดังทางภาคอีสานไว้แล้ว ซึ่งทางแกนนำ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมบรรดาหัวคะแนน ได้เตรียมจัดงานเลี้ยงให้กำลังใจในระหว่างการทัวร์บุญในภาคอีสานไว้แล้ว.

11 ชาติลาตินอเมริกาผสานกำลังบีบสหรัฐฯยกเลิกแซงชั่นเวเนซูเอล่า

สามัคคีคือพลัง 11 ชาติลาตินอเมริกาผสานกำลังบีบสหรัฐฯยกเลิกแซงชั่นเวเนซูเอล่า
---------------
ขยับดีกรีความมันขึ้นมาอีกระดับซักกะหน่อยนะครับ... ซอยเท้าเข้าไว้ โยกซ้ายโยกขวาเบาๆ เตรียมรับความมันระดับเมนคอร์สในโพสต์ต่อไป เกี่ยวกับรัสเซีย-สหรัฐฯนี่แหละ อย่าพลาดเชียวนา (หยอดอีกหละ... ฮ่าๆๆ) แต่ตอนนี้ขอบินจากรัสเซียมาติดตามความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดในแถบลาตินอเมริกาก่อนนะครับ
+ โบลิเวียประกาศกร้าวพร้อมสู้อเมริกาเพื่อปกป้องเวเนซูเอลา
---------------
เมื่อวานนี้ (18 มี.ค.58) ประธานาธิบดีเอโบ มาโรเลส (Evo Morales) ผู้นำคนปัจจุบันของประเทศโบลิเวีย (Bolivia) ที่เป็นชนพื้นเมืองเชื้อสายอินเดียนแดงคนแรกที่ชนะการเลือกตั้งก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีได้ ในปี 2549 ได้ออกมาเตือนสหรัฐฯว่า สหรัฐฯจะต้องจ่ายในราคาแพงแน่หากทำการรุกรานเวเนซูเอลา และได้เรียกร้องให้นายบารัค โอาบามา กล่าว "ขอโทษ" ต่อเวเนซูเอลาในกรณีที่สหรัฐฯประกาศให้เวเนซูเอลาเป็นภัยคุกคามของสหรัฐฯ อุบ๊ะ! กลัวอเมริกากันซะที่ไหนหละนี่ อย่าดูถูกชาวลาตินอเมริกาเชียวนา
ในที่ประชุมใหญ่ "พันธมิตรของโบลิเวียเพื่อประชาชนชาวอเมริกา" (Bolivarian Alliance for the Peoples of Our America) หรือที่เรียกชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "ALBA" (ชื่อเหมือนนาฬิกาขึ้อมือยี่ห้อหนึ่ง) ทำไมต้องเพื่อประชาชนชาวอเมริกาด้วย? ไม่ใช่… จริงๆแล้วเขาหมายถึง "ลาตินอเมริกา" เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ตั้งขึ้นในปี 2547 ร่วมก่อตั้งโดยอดีตปธน.ฮิวโก้ ชาเวซ (Hugo Chavez) ของเวเนฯกับผู้นำคิวบา ต่อมาก็มีประเทศอื่นๆในลาตินอเมริกาเข้าร่วมด้วยถึง 11 ประเทศ จุดประสงค์ก็เพื่อความร่วมือทางด้านสังคม การเมือง และเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกานั่นเอง เข้าใจที่ไปที่มาของชื่อแล้วนะครับ งั้นต่อนะ...
ในที่ประชุม ALBA 11 ประเทศนั้นผู้นำโบลิเวียกล่าวในตอนหนึ่งว่า "โบลิเวียเป็นลูกคนโปรดของ ซีมอง โบลีวาร์ (ภาษาสเปน : Simón Bolívar ภาษาอังกฤษก็จะสะกดเป็น Simon Bolivar) และประเทศนี้ได้เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อขับไล่ใครๆที่ร่วมกับอเมริกามาผู้รุกรานเวเนซูเอลา นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราที่จะรวมตัวกันและใกล้ชิดกันมากขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับการคุกคามเช่นนี้ ผมอยากจะบอกพวกคุณว่า องค์กรนี้ (ALBA) ควรจะเสริมความเข้มแข็ง (ให้กับตัวเอง) ผมเชื่อว่าอเมริกากำลังกลัวกระบวนการประชาธิปไตย เสรีภาพที่สันติและเสรีภาพทางด้านเศรษฐกิจของลาตินอเมริกาและกลุ่มประเทศในกลุ่มประเทศแคริบเบียน (Caribbean)"
มาโรเลส ยังได้เตือนสหรัฐฯว่า "สหรัฐฯควรจะทำตัวเป็นผู้พิทักษ์สันติภาพของโลก มากกว่าจะทำตัวเป็นผู้ปกครองโลกโดยใช้กำลังของกองทัพ" อูย… เจ็บอ่ะ ไม่ยักกะรู้ว่าพวกประเทศเล็กๆนี่จะมีฝีปากดุเด็ดเผ็ดมันกันขนาดนี้นะนี่ (อันนี้เขาไม่ได้ว่าไทยนะครับ อย่าเข้าใจผิดหละ)
* [ซีมอง โบลีวาร์ (1783-1830) เป็นผู้นำในการปฏิวัติต่อสู้ขับไล่พวกสเปนในอดีตให้ออกไปจากลาตินอเมริกาในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เกิดในตระกูลขุนนางในสมัยนั้น เป็นชาวเวเนซูเอลา ได้รับการศึกษาจากสเปนในยุโรป ต่อมากลับมาที่บ้านเกิดรวบรวมสมัครพรรคพวกจัดตั้งกองทัพเป็นผู้นำกองทัพต่อสู้กับกองทัพสเปนที่เข้ายึดกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาเป็นเมืองขึ้นในสมัยนั้น เป็นผู้นำในเวเนซูเอลา โคลัมเบีย ปานามา เอกัวดอร์ เปรู และโบลิเวียในการปลดปล่อยประเทศเหล่านี้ออกจากการเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิสเปน และรวมประเทศเหล่านั้นเข้าเป็น "มหาโคลัมเบีย" (Gran Colombia) และเป็นประธานาธิบดีของ Gran Colombia ในช่วงปี 1819-1830 ประชาชนในลาตินอเมริกาให้เคารพและนับถือเขามากให้เกียรติว่าเป็น "ผู้กอบกู้อิสรภาพ" ตำนานก็จะคล้ายๆกับลุงโฮของเวียดนามนั่นแหละครับ]
* ["แคริบเบียน" เป็นกลุ่มประเทศและหมู่เกาะต่างในเขตทะเลแคริเบียนซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเม็กซิโก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเวเนซูเอลา มีรัฐอยู่ราวๆ 25 รัฐซึ่งรวมรัฐอิสระและรัฐภายใต้ความคุ้มครอง]
+ กลุ่มประเทศลาตินอเมริการวมพลังปกป้องเวเนซูเอลา
---------------
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมาโอบามาออกคำสั่งแซงชั่นเวเนซูเอลา โดยกล่าวหาว่าเป็นการทำลายหลักประกันด้านสิทธิมนุษยชนและเป็นภัยคุกคามที่ผิดปรกติและไม่ธรรมดา (กลัวหละสิ)
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาผู้นำกลุ่มประเทศลาตินอเมริการู้ได้ทันทีว่านี่เป็นสัญญาณอันตรายของลาตินอเมริกาแน่ๆ เพราะถ้าเวเนฯล้ม ประเทศอื่นๆในแถบนี้ก็จะถูกอเมริการุกรานตามไปด้วยแน่ๆ งานนี้ยอมไม่ได้เด็ดขาด ต้องผนึกกำลังกันต่อต้านการแซงชั่นเวเนฯจากอเมริกา ดังนั้นจึงได้จัดการประชุมปรึกษาหารือกันเป็นการด่วนเมื่อวันอังคารที่ 17 ที่ผ่านมา โดยในที่ประชุม ALBA ได้มีออกแถลงการร่วมกันว่า...
"พวกเราขอประกาศว่าไม่เห็นด้วยกับคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2558 ที่ออกโดยรัฐบาลสหรัฐฯ (ในการแซงชั่นเวเนซูเอลา และที่ประกาศว่าเวเนฯเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ เพราะประเทศอื่นๆไม่เห็นว่าเวเนฯจะเป็นภัยคุกคามตรงไหนเลย) เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวไม่ยุติธรรมและไม่เป็นธรรม และถือว่าเป็นภัยคุกคามเวเนฯ เป็นการเข้าแทรกแซงหลักอธิปไตยและขัดต่อหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่างๆด้วย ALBA เรียกร้องให้สหรัฐฯจงหยุดการล่วงละเมิดและการรุกรานรัฐบาลประชาชนชาวเวเนซูเอลาในทันที นโยบายดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการใช้ความรุนแรงโดยกลุ่มฝ่ายค้านของเวเนซูเอลา (ที่นิยมเมริกา"
มันไม่ง่ายอย่างที่วางแผนไว้ซะแล้วสิ การที่อเมริกาแกล้งหันไปจับมือกับคิวบา แล้วหันหลังให้เวเนซูเอลานี่ โดยคาดหวังว่าจะให้กลุ่มประเทศลาตินอเมริการะแวงกันและทะเลาะแตกสามัคคีกันอย่างที่ใช้ในตะวันออกกลาง ในเอเซีย และในกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียตที่บางประเทศหันมาแว้งกัดรัสเซียอย่างบอลติกกับยูเครนนี่ แผนนี้คิวบารู้ทันหรอกน่า เพราะมีจีนกับรัสเซียคอยเป็นพรายกระซิบและเป็นแบ็คให้อยู่
ต้องรอดูว่านาโต้ถ้าเริ่มขยับทัพซ้อมรบใกล้กับเวเนฯเมื่อไรโน่นแหละ สัญญาณของสงครามในลาตินอเมริกถึงใกล้จะเกิดขึ้น แต่ตอนนี้นาโต้ยังไม่ว่างจากการซ้อมรบแถวทะเลดำเพื่อข่มรัสเซีย ดังนั้นโอบามาจึงได้แต่ขู่เวเนฯไปพรางๆก่อน
The Eyes
19/03/2558
----------------