ความอื้อฉาวของวัดกัลยา

ความอื้อฉาวของวัดกัลยา
-----
เห็นเฟสบุค"คนอนุรักษ์" แชร์ข่าวเรื่องอัยการสั่งไม่ฟ้องวัดกัลยาฯกรณีทุบโบราณวัตถุจำนวนมาก (http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx…) แล้วจี๊ดในใจทันทีครับ

ที่จี๊ดเพราะเมื่อปี 2551 ได้ไปเกาะติดทำข่าวนี้อยู่หลายวัน ซึ่งตอนนั้นเพิ่งมีการทุบทำลายเจดีย์โบราณที่บรรจุอัฐิเจ้าจอมมารดาแช่ม อายุกว่า 100 ปี

ในเนื้อข่าวที่ลงมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2551 ตอนหนึ่งระบุดังนี้

"พล.ต.ม.ล.สุปรีดี ประวิตร สมาชิกราชสกุลประวิตร เปิดเผยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ว่า ตนได้เดินทางไปยังวัดกัลยาณมิตร เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีผู้แจ้งให้ทราบว่า เจดีย์ซึ่งบรรจุอัฐิเจ้าจอมมารดาแช่ม พระชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 2452 รวมถึงอัฐิต่างๆ ของต้นราชสกุลประวิตรอีกหลายพระองค์ถูกทุบทำลาย เนื่องจากทางวัดต้องการใช้พื้นที่สร้างศาลารอบพระอุโบสถ เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าขายธูปเทียน

"เราไม่ทราบกันมาก่อนเลย ทราบเพียงว่าจะมีการบูรณะวัด แต่ไม่รู้ทำอะไรกันแค่ไหน จนกระทั่งเมื่อวานนี้มีคนโทร.มาแจ้งว่าได้มีการทุบเจดีย์ไปแล้ว ทำให้ผมตกใจมาก เขาใช้รถแบ็คโฮทุบทำลายหมด อัฐิเจ้าจอมและองค์อื่นๆ ถูกทุบหมด ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้ อย่างน้อยควรเกรงใจเจ้าจอมมารดาแช่มบ้าง เพราะการสร้างเจดีย์นี้ได้รับพระบรมราชานุญาต"" พล.ต.ม.ล.สุปรีดี กล่าว
-------
ผมจำได้ว่าตอนนั้นพยายามขอเข้าไปสัมภาษณ์ท่านเจ้าอาวาส แต่ดูท่านไม่อาทรร้อนใจนัก เมื่อผมสอบถามไปยังชุมชนรอบๆวัดกัลยาฯปรากฏว่าคนแถวนั้นส่ายหน้าหมด เพราะชุมชนที่เคยอยู่คู่วัดมานานก็ยังถูกไล่รื้อ เนื่องจากวัดมุ่งเน้นไปในเรื่องพุทธพาณิชย์ จนขาดความเชื่อมร้อยกับชาวบ้าน

หลังจากนั้นยังมีการทุบทำลายวัตถุโบราณอีกหลายระลอก การที่อัยการให้เหตุผลว่าทางวัดไม่รู้ว่าเป็นโบราณสถานหรือโบราณวัตถุนั้น น่าหัวเราะเยาะในความตื้นเขินของเหตุผลมาก

กรณีวัดกัลยาฯเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งการถูกกัดกร่อนของพุทธศาสนาจากคณะสงฆ์จำนวนหนึ่งที่ยังลุ่มหลงต่อเงินทอง อำนาจและสมณศักดิ์ เหมือนที่อาจารย์สุลักษณ์ว่าไว้

ที่น่าเจ็บปวดคือแทนที่ฆราวาสซึ่งมีอำนาจในบ้านเมืองจะช่วยกันชำระล้าง กลับตกอยู่ในหลุมดำนั้นไปด้วย