PR
วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559
องค์กรสิทธิออกแถลงการณ์ให้ยุติการจับกุมและควบคุมตัวบุคคลโดยอำเภอใจ
ประมวลสถานการณ์
ประมวลสถานการณ์และความเห็นศูนย์ทนายต่อกรณีทหารควบคุมตัวบุคคล 8 ราย โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
วันนี้(27 เม.ย.2559) ตลอดช่วงเช้ามีการส่งต่อข้อมูลทางโซเชียลมีเดียร์ว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมตัวบุคคลทั้งในกรุงเทพและขอนแก่นรวมอย่างน้อย 8 ราย ตั้งแต่เวลาประมาณ 5.00น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงได้ติดตามและรวบรวมข้อมูลจนสามารถยืนยันตัวบุคคลที่ถูกควบคุมตัวและพฤติการณ์การควบคุมตัวได้เพียง 5 ราย และทราบชื่อจากข่าวอีก 1 ราย ได้แก่
1. นพเก้า คงสุวรรณ สำเนียง ผึ้งผาย ยายของนพเกล้าให้สัมภาษณ์ว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารราว 10 นาย เข้ามาควบคุมตัวเมื่อเวลาประมาณ 7:00 น. ขณะกำลังนอนหลับอยู่ที่ห้องนอนได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังงัดแงะประตูบ้าน จึงออกมาดูเห็นว่ากำลังงัดประตูบ้านทั้งด้านหน้าและประตูมุ้งลวดด้านหลัง เมื่อขอดูหมายค้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า การบุกค้นในครั้งนี้ทำตามหน้าที่โดยมีอำนาจรองรับ เป็นการบุกจับโดยที่ไม่ต้องมีหมายค้นและหมายจับแต่อย่างใด จากนั้นทหารก็ค้นบ้านและงัดเข้าไปในห้องของนพเก้าแล้วควบคุมตัวเขาออกมาจากห้องแล้วคุมตัวออกไป ทหารบอกว่าจะนำตัวนพเก้าเข้าไปควบคุมที่ มทบ.11 ทั้งหมดนี้ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาและหมายค้นแต่อย่างใด ในตอน 14.00น. สำเนียงได้เดินทางไปที่ มทบ.11 เพื่อขอเข้าเยี่ยมนพเก้า แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ทหารไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม
“พวกเขาบุกมาราวกับว่า กลุ่มโจรกำลังจะปล้นบ้าน ตกใจมากไม่คิดว่าในชีวิตจะต้องพบเจออะไรแบบนี้ พวกเขาบุกเข้ามาโดยไม่แจ้งเตือน ไม่นัดหมายและบุกปีนรั้วเข้ามาและพยายามงัดประตูบ้านเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากตัวเอง ถือว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก แต่ก็มีทหารคนหนึ่งพยายามพูดคุยด้วยท่าทีสุภาพและแจ้งกับยายว่า หลายชายจะไปที่ มทบ.11” ยายของนพเก้ากล่าว
2. ศุภชัย สายบุตร ช่างภาพ ถาวร สายบุตร พ่อของนายศุภชัยเล่าว่า ในตอนเช้าหลังกลับเข้ามาที่บ้านนายศุภชัยถูกเอาตัวไปจากบ้านแล้ว ตนจึงทราบเรื่องจากคนแถวบ้านว่ามีทหารและตำรวจมาที่บ้านตอน 05.30 น. โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่ามาจับตาม พ.ร.บ.คอมฯ และจะนำตัวศุภชัยไป มทบ.11 จากนั้นในช่วงสายถาวรได้ไปเยี่ยมที่มทบ.11 แล้วแต่เจ้าหน้าที่ทหารไม่ให้เข้าเยี่ยม แต่แจ้งว่ามีการควบคุมตัวไว้ที่นี่
3. วรารัตน์ เหม็งประมูล(สงวนชื่อนามสกุลจริง) แม่ของวรารัตน์ให้ข้อมูลว่ามีทหารในเครื่องแบบ 2 นายและนอกเครื่องแบบอีกประมาณ 5-6 คน พร้อมรถยนต์บุคคลโตโยต้า 2 คันและรถกระบะสี่ประตูติดแค็บสีดำติดฟิล์มดำ มาจับกุมขณะที่วรารัตน์และตนยังนอนอยู่ เจ้าหน้าที่เข้ามากดกริ่งรัวๆ จึงรีบมาดูแต่เนื่องจากหากุญแจเจอจึงเปิดไม่ได้ในทันที และมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนายหนึ่งปีนเข้ามาจากหลังบ้านโดยงัดบานเกร็ดเข้ามา เมื่อวรารัตน์เปิดประตูให้แล้วทหารได้ต่อว่าวรารัตน์ว่าทำไมจึงเปิดช้า และถามว่ามีการทำลายเอกสารหรือเปล่า เจ้าหน้าที่เข้าค้นบ้านทั้งสองชั้น และจับกุมตัววรารัตน์ไป พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 2เครื่องและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไป 4 เครื่อง ตลอดกระบวนการเจ้าหน้าที่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา หมายจับและหมายค้นแต่อย่างใด
ภายหลังจากที่วรารัตน์ถูกควบคุมตัวไปได้ราวชั่วโมงครึ่ง แม่ของวรารัตน์ได้รับการติดต่อจาากเพื่อนของวรารัตน์ว่าวรารัตน์ได้ใช้โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ทหารโทรศัพท์มาแจ้งว่า ไม่ทราบวาตนเองถูกควบคุมตัวอยู่ที่ไหนเพราะถูกปิดตาหลังถูกนำตัวขึ้นรถไป
4. หฤษฏ์ มหาทน 25 ปี อดีตนักข่าว นักเขียน และนิธิ กุลธนศิลป์ อายุ 26 ปี ซึ่งทั้งสองร่วมหุ้นเปิดร้านราเมงในจังหวัดขอนแก่น ได้ถูกทหารประมาณ 20 นาย พร้อมอาวุธ บุกไปที่บ้านพักในจังหวัดขอนแก่น ในเวลาประมาณ 06.00 น. พร้อมค้นบ้าน และยึดโทรศัพท์ โน้ตบุ๊ค หนังสือเดินทางของหฤษฏ์ไป โดยไม่แจ้งว่า ควบคุมตัวจากสาเหตุอะไร และจะนำตัวไปที่ใด จนกระทั่งในตอนบ่ายทางศูนย์ทนายความฯ ได้ติดตามกรณีของทั้งสองคนที่ค่ายศรีพัชรินทร์ มทบ.23 จ.ขอนแก่น พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรีให้ข้อมูลว่าตนเองก็ไม่ทราบว่าทั้งสองคนถูกควบคุมตัวมาด้วยเรื่องอะไรเนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.11 และเจ้าหน้าที่ ICT ดำเนินการ และทั้งสองคนถูกนำตัวเข้าไปที่ มทบ.11 ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว
5. ธนวรรธ บูรณศิริ ซึ่งปรากฏตามที่พ.อ.วินธัย สุวารีให้สัมภาษณ์ว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวจากห้องพักย่านบางนา โดยนายธนวรรธให้การขั้นต้นยอมรับว่าเป็นแอดมินเพจ “เรารัก พล.อ.ประยุทธ์” มีเนื้อหากล่าวโจมตีรัฐบาลและตกแต่งรูปล้อเลียนนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.1
ในกรณีของหฤษฎ์และนิธิ ปรากฏข่าวจากฝ่ายรัฐเมื่อเวลา 14.10น. พ.อ.สมชาย ครรภาฉาย รอง ผบ.มทบ.23 กล่าวว่า กำลัง กกล.รส.จว.ขอนแก่น ได้สนธิกำลังร่วมทหารฝ่ายความมั่นคง จากคสช. ทำการเชิญตัวบุคคลทั้ง 2 มาพูดคุยและทำความเข้าใจ และได้ทำบันทึกประจำวันและลงในเอกสารหลักฐานจากชุดปฏิบัติการจากส่วนกลางทั้งหมด ซึ่งในการเชิญตัวดังกล่าวนั้น ทั้ง 2 มีข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังจากคณะทำงานตรวจพบว่ามีการโพสต์ข้อความในเชิงต่อต้านการทำงานของ รัฐบาล2
ทั้งนี้เวลา 15.30น. ยังปรากฏข่าวว่าพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวประชาชน 10 คน ซึ่ง 8 รายในพื้นที่กรุงเทพมหานครในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) และอีก2รายที่ค่ายมณฑลทหารบกที่ 23 ( มทบ.23) จ.ขอนแก่น ว่าทหารจะควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวตาม มาตรา44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) และยังไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ3แต่ไม่ปรากฏว่าโดยละเอียดว่ามีบุคคลที่ถูกควบคุมตัวเข้าค่ายทหารทั้งสองแห่งมีใครบ้าง
“การควบคุมตัวบุคคลทั้ง 8รายนั้นเป็นการควบคุมตัวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นั้นไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารในการควบคุมตัวได้เลย และการควบคุมตัวบุคคลโดยไม่มีหมายจับ ไม่แจ้งข้อกล่าวหา ไม่ได้รับสิทธิในการเข้าถึงญาติและทนายความ และไม่สามารถฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) 2557 ศูนย์ทนายความฯ ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่ากระบวนการเหล่านี้ขัดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและขัดต่อหลักการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม การใช้อำนาจในลักษณะนี้ได้สร้างบรรยากาศของความหวาดกลัวแก่ประชาชนในการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราอยู่ในช่วงการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการยืนยันได้ว่าขณะนี้ประเทศไทยไม่มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกเลย จึงขอเรียกร้องให้คสช.ปล่อยตัวทั้ง 8คนในทันที หากมีการกระทำความผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาปกติที่ไม่ใช่ศาลทหาร” เยาวลักษ์ อนุพันธุ์ หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าว
นายกหัวใจสีม่วง
คุม น.ศ.ยืนเฉยๆที่อนุสาวรีย์ชัยฯ
.
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 18.00น. กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ได้บางส่วน นำโดยนายอานนท์ นำภา ได้มารวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเพื่อ "ยืนเฉยๆ" แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับกรณีทหารบุกจับพลเมือง
.
โดยต่อมา "นัชชชา กองอุดม" นักศึกษา ที่มาร่วมยืนประท้วง ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวออกไปขึ้นรถตู้ออกไปจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปพร้อมประชาชนอีกประมาณ 6-7 คน
ทนายกนส. ร้องศาลอาญา ชี้ ทหารคุม 10 ปชช. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อวันที่ 27 เมษายน นายวิญญัติ ชาติมนตรี กลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) กล่าวถึงการบุกควบคุมตัวประชาชน 10 ราย ของเจ้าหน้าที่ทหาร ช่วงเช้ามืด ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ 8 ราย และที่จ.ขอนแก่น 2 ราย ญาติของผู้ถูกจับกุม ที่ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ช่วงเช้ามืดระหว่างอาศัยอยู่ในบ้าน ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งบุกเข้ามา ตรวจค้น และจับกุมตัว โดยไม่แจ้งข้อกล่าวหา อ้างแต่เพียงว่า อาจผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือไป สถานการณ์ตอนนี้ทั้ง 10 คน ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ มทบ.11 โดยทั้งหมดยังไม่ให้เข้าเยี่ยม เพียงแต่ให้โทรศัพท์แจ้งญาติทุกคนว่า ปลอดภัย ส่วนทางทีมทนายกนส.ขณะนี้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา รัชดา กรุงเทพฯ ตามมาตรา 90 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อขอให้มีการไต่สวน วินิจฉัยว่า การควบคุมตัวของทหารไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กรธ.แปลกใจ ‘สมชัย’ แจ้งความเอาผิดกองทุนขอนแก่น ชี้ ต้องมีมติกกต.ตามกม.ประชามติก่อน
"บี ฟักโกสต์"ควงทนายแจ้งจับมือดีโพสต์เฟซ-อัพยูทูปหมิ่นเบื้องสูง
Cr:ทีนิวส์
"ทนายสงกานต์" พร้อมด้วย"บี" แอดมินเพจฟักโกสต์ เข้าร้องกองปราบ ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่แพร่ภาพ-ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงทางเฟซบุ๊ก และยูทูปกว่า 20 แห่ง
นายสงกานต์ กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องร้องเรียนกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวจากแอดมินเพจฟักโกสต์ แล้ว ทางเครือข่ายฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น ก็พบการกระทำของกลุ่มบุคคลที่น่าจะกระทำกันเป็นขบวนการ มีการนำภาพและข้อความที่ไม่เหมาะสมอันเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง มาเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ทั้งในเฟซบุ๊กต่างๆ และเว็บไซต์ยูทูป รวมกว่า 20 แห่ง โดยมีการเข้าถึงได้จากบุคคลทั่วไปที่เข้าท่องโลกออนไลน์
ร่างแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ "ตั้งคณะกรรมการปิดเว็บแม้ไม่ผิดกฎหมาย"
iLaw: ร่างแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ "ตั้งคณะกรรมการปิดเว็บแม้ไม่ผิดกฎหมาย"
แก้มาตรา 14(1) ไม่มุ่งเอาผิดกับการหมิ่นประมาท แต่ยังคลุมเครือเปิดช่องตีความได้
เพิ่มความผิดฐานโพสต์ข้อมูลเท็จที่กระทบ "ความปลอดภัยสาธารณะ" "ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ"
แอดมินที่ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจรับผิดเท่าคนโพสต์ เพิ่ม "ขั้นตอนการแจ้งเตือน" ให้ทำตามแล้วพ้นผิด
ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูล สั่งบล็อคเว็บ "ขัดต่อศีลธรรม" ได้ แม้เนื้อหาไม่ผิดกฎหมายใด

ข้อสงสัยการใช้กฎหมายควบคุมตัว10ผู้ทำผิดพรบ.คอมฯ
ฝั่งของพลเมืองโต้กลับ มีการตั้งข้อสังเกต ถึงการอ้างเหตุผลของฝ่าย คสช.ในการเข้าควบคุมตัวบุคคล 10คน ที่บอกว่ายังไม่มีการแจ้งข้อหา โดยใช้อำนาจตามคำสั่งคสช.ที่3 และ 13 ซึ่งพบว่ามีความผิดชัดตามพรบ.คอมฯ โดยฝ่าย พลเมืองโต้กลับ ระบุว่า หากมีการดำเนินารตาม พรบ.คอม ที่เป็นคดีอาญา แล้ว มีการให้จนท.ทหารใช้อำนาจตามกม.ข้อไหนไปควบคุมตัวโดยไม่ต้องมี"หมายศาล" ...เพราะไม่ได้เข้าข่ายความผิดตาม คำสั่ง คสช ทั้งคำสั่งที่ 3/2558 และ 13/2559
และว่า เมื่อระบุว่า มีความผิดชัดเจน ตาม พรบ.คอมฯ แต่ทำไม้ ไม่ส่งตำรวจฟ้องศาลเลยตามกฎหมาย แต่กลับนำตัวไปปรับทัศนคติ
คสช.ยันไม่ได้อุ้ม10คนแต่ผิดพรบ.คอมฯ
คสช. เผย คุมตัว10 บุคคล ทำผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ ยันมีหลักฐานทำผิดชัดเจน เชื่อมโยงกันทั้งหมด ยันคสช.ไม่ได้"อุ้ม"หาย แต่8 คนอยู่ มทบ.11 อึก2คน ที่ขอนแก่น มาปรับทัศนคติ 7 วัน ผิดพรบ.คอมฯ ยันมีหลักฐานเชื่อมโยงกันหมด
คสช.รับใช้อำนาจม.44 บุกจับ 10 ประชาชน คุมตัวค่ายทหาร แต่ยังไม่ตั้งข้อหา
ส่วนการตั้งข้อนั้นตอนนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหา เพราะต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อน อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นจากการสอบพฤติกรรมในการใช้สื่อนั่นเข้าข่ายผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ส่วนจะเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ พ.ศ2559 หรือไม่นั้นขณะอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนขอย้ำว่าอยากให้ทุกภาคส่วนระมัดระวังความคิดเห็นส่วนจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่นั้นทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะชี้แจงรายละเอียดอีกที ทำนองเดียวกันนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านการเลือกตั้ง ออกมาระบุว่าสามารถแสดงความเห็นได้แต่ต้องระวังในเรื่องรายละเอียดของเนื้อหาเพื่อไม่ให้ขัดต่อกฎหมาย สำหรับการติดตามกลุ่มต่างๆที่เคลื่อนไหวในการทำประชามตินั้น ทางเจ้าหน้าที่จะพิจารณาในภาพกว้างๆไม่เจาะจงกลุ่มใดเป็นพิเศษแต่จะดูทุกเรื่องทุกประเด็น
เมื่อถามว่าจากกรณีดังกล่าวทางกลุ่มพลเมืองโต้กลับจะออกมาชุมนุม ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทาง คสช จะดำเนินการอย่างไร พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ขอย้ำว่าการเคลื่อนไหวๆใดๆจะต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย เชื่อการออกเคลื่อนไหวดังกล่าวคนในสังคมคงไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็จะทำตามกรอบกฎหมายที่มี หากมีการนัดรวมตัวกันไม่ถึง5คนตามที่ระบุในกฎหมายแต่หากตรวจสอบแล้วมีพฤติกรรมใกล้เคียง หรือเข้าข่าย หรือพฤติกรรมรวมกลุ่มเดียวกันเราจะมองที่เจตนาเป็นหลัก
“การที่เจ้าหน้าที่ไปเชิญบุคคลเพื่อขอความร่วมมือ เพื่อไม่ให้มีการขัดขืน ซึ่งเป็นการกระทำอย่างเปิดเผย เพียงแต่ข้อมูลในโลกโซเชียลมิเดียนั้นต้องการดึงความสนใจให้มองว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ผมย้ำว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกรอบกฎหมาย รวมทั้งเปิดเผยว่าทุกคนยังอยู่ในการคุมตัวของเจ้าหน้าที่ไม่ได้อุ้มหายไปไหน ทุกคนยังอยู่ และการถูกควบคุมตัวก็มีที่มาที่ไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ”โฆษก คสช. กล่าว และว่า สำหรับรายชื่อทั้ง 10 คนนั้นตนยังไม่ขอเปิดเผยรอการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนจะชี้แจงอีกที
กกต.แจ้งความประเดิมพรบ.ประชามติ
คสช.รับใช้อำนาจม.44 บุกจับ 10 ประชาชน คุมตัวค่ายทหาร แต่ยังไม่ตั้งข้อหา
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวประชาชน10 คน ซึ่ง 8 รายในพื้นที่กรุงเทพมหานครในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) และอีก2รายที่ค่ายมณฑลทหารบกที่ 23 ( มทบ.23) จ.ขอนแก่น ว่า เป็นไปตามการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียมาโดยตลอด พร้อมทั้งมีหลักฐานที่สมบูรณ์ในการเอาผิดทางคดีได้ แต่ในตอนนี้อยู่ในขั้นตอนแรกคือทหารจะควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวตาม มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) ซึ่งคุมตัวไม่เกิน 7 วัน เพื่อพูดคุยขอความร่วมมือ และสอบสวนร่วมกันระหว่าง คสช. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ส่วนการตั้งข้อนั้นตอนนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหา เพราะต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อน อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นจากการสอบพฤติกรรมในการใช้สื่อนั่นเข้าข่ายผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ส่วนจะเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ พ.ศ2559 หรือไม่นั้นขณะอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนขอย้ำว่าอยากให้ทุกภาคส่วนระมัดระวังความคิดเห็นส่วนจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่นั้นทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะชี้แจงรายละเอียดอีกที ทำนองเดียวกันนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านการเลือกตั้ง ออกมาระบุว่าสามารถแสดงความเห็นได้แต่ต้องระวังในเรื่องรายละเอียดของเนื้อหาเพื่อไม่ให้ขัดต่อกฎหมาย สำหรับการติดตามกลุ่มต่างๆที่เคลื่อนไหวในการทำประชามตินั้น ทางเจ้าหน้าที่จะพิจารณาในภาพกว้างๆไม่เจาะจงกลุ่มใดเป็นพิเศษแต่จะดูทุกเรื่องทุกประเด็น
เมื่อถามว่าบุคคลทั้ง2 ที่ถูกคุมตัวที่ ขอนแก่นมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าว ตนยังไม่ได้รับข้อมูลแต่คาดว่าขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนที่นายจตุพร ออกมาระบุว่าทีมงานตนถูกคุมตัวไปในชุดดังกล่าว ตนยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ต้องรอผลการสอบสวนก่อนแล้วจะชี้แจงให้ทราบว่ามีข้อมูลอย่างไร
เมื่อถามว่าจากกรณีดังกล่าวทางกลุ่มพลเมืองโต้กลับจะออกมาชุมนุม ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทาง คสช จะดำเนินการอย่างไร พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ขอย้ำว่าการเคลื่อนไหวๆใดๆจะต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย เชื่อการออกเคลื่อนไหวดังกล่าวคนในสังคมคงไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็จะทำตามกรอบกฎหมายที่มี หากมีการนัดรวมตัวกันไม่ถึง5คนตามที่ระบุในกฎหมายแต่หากตรวจสอบแล้วมีพฤติกรรมใกล้เคียง หรือเข้าข่าย หรือพฤติกรรมรวมกลุ่มเดียวกันเราจะมองที่เจตนาเป็นหลัก
“การที่เจ้าหน้าที่ไปเชิญบุคคลเพื่อขอความร่วมมือ เพื่อไม่ให้มีการขัดขืน ซึ่งเป็นการกระทำอย่างเปิดเผย เพียงแต่ข้อมูลในโลกโซเชียลมิเดียนั้นต้องการดึงความสนใจให้มองว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ผมย้ำว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกรอบกฎหมาย รวมทั้งเปิดเผยว่าทุกคนยังอยู่ในการคุมตัวของเจ้าหน้าที่ไม่ได้อุ้มหายไปไหน ทุกคนยังอยู่ และการถูกควบคุมตัวก็มีที่มาที่ไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ”โฆษก คสช. กล่าว และว่า สำหรับรายชื่อทั้ง 10 คนนั้นตนยังไม่ขอเปิดเผยรอการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนจะชี้แจงอีกที