PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ผัดไทยข้างถนนLAทายาท“ชูชัย พระขรรค์ชัย“อดีตเทพเจ้าสังเวียน

ที่มา : http://www.siamtownus.com/New-1311000222-1.aspx#.Uo8WOO1xR44.facebook

ความเคลื่อนไหวในแวดวงอาหาร หรือที่เรียกทับศัพท์ว่า “Food Scene” ของเมืองลอส แอนเจลิส นั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้คนให้ความสนใจกันมาก เห็นได้จากการพูดหรือเขียนถึงของบรรดาสื่อแทบทุกประเภท ทั้งสื่อใหญ่-สื่อเล็ก เพื่อให้บรรดานักชิมทั้งหลายได้ทราบถึง “เทรนด์” ด้านอาหารการกินของผู้คนในเมือง ที่ถือว่า “ฮิป” ที่สุดเมืองหนึ่งของอเมริกาแห่งนี้

และหนึ่งในความเคลื่อนไหวของ “ฟู้ดซีน” แอลเอ ที่บรรดาสื่อต่างๆ ให้ความสนใจในช่วงประมาณหนึ่งหรือสองเดือนที่ผ่านมาก็คือ “ผัดไทยข้างถนน” ที่เปิดขายแบบ pop-up หน้าบาร์หรือสถานที่เที่ยวกลางคืนต่างๆ บอกว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เพราะทำให้บรรดานักเที่ยว มีตัวเลือกมากกว่าฮอทดอกพันเบคอนจากรถเข็นคันเล็กๆ หรือรถทรัคส์ขายอาหารเม็กซิกันที่จอดขายอยู่ข้างทาง เหมือนที่ผ่านๆ มา

แถมร้านผัดไทยริมถนนที่แขวนป้ายชื่อว่า “ประนม” (Panom) นี้ ผู้ซื้อยังสามารถจ่ายเงินค่า “ผัดไทยไก่” (หรือเต้าหู้) กล่องละแปดดอลลาร์ได้ทั้งเงินสดและบัตรเครดิตอีกด้วย...

ฟาร์เลย์ อีเลียตต์ นักเขียนของแอลเอวีคลีย์ คือหนึ่งในบรรดาคอลัมนิสต์ด้านอาหาร ที่ไปคุยกับพ่อค้าผัดไทยคนนี้ ที่หน้า “4100 บาร์” (1087 Manzanita St. LA) เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยบอกว่าร้านขายผัดไทยริมถนนแห่งนี้ นอกเหนือจากวัตถุดิบในการทำอาหารแล้ว ก็มีเพียงโต๊ะแบบพับได้สองสามตัว พร้อมกับเตาแก๊สและกระทะสีดำเท่านั้นที่เป็นต้นทุน

เขาบอกด้วยว่า ร้านผัดไทยริมถนนร้านแรกของเมืองแอลเอ (หรืออาจจะเป็นร้านแรกของแคลิฟอร์เนีย หรือกระทั่งของอเมริกาก็เป็นได้) เป็นของ ดรีม เกษตรทัต นักแสดงตัวเล็กๆ คนหนึ่งในฮอลลีวูด ที่บอกว่า เขาว่ามี “ผัดไทย” อยู่ในสายเลือด...

“นี่คือสูตรของครอบครัวผม” เขาคุยกับนักเขียนแอลเอวีคลีย์ ขณะโยนถั่วงอกลงไปในกระทะทรงกลม ที่เส้นผัดไทย เนื้อไก่ และกุ้งแห้งกำลังร้อนฉู่ฉ่าอยู่...

กลายเป็นว่า หนุ่มไทยคนนี้เติบโตขึ้นมาในร้านอาหารไทยในเมืองลับบ็อค รัฐเท็กซัส ที่ปู่ย่า ไล่ลงมาถึงพ่อแม่เป็นเจ้าของ แต่ด้วยความที่อยากเป็นนักแสดง จึงดั้นด้นไปร่ำเรียนวิชาการละครที่เอ็นวายยู ก่อนจะพกความฝันเดินทางมาแอลเอเมื่อหลายปีก่อน โดยที่ผ่านมา เขาก็มีบทเล็กๆ ในหนังและซีรีย์หลายเรื่อง รวมถึงเป็นผู้ให้กำเนิดเทศกาลหนังสั้นที่เรียกว่า Tight Shortz Film, Music, and Art Festival ที่จัดขึ้นในย่านดาวน์ทาวน์แอลเอ เมื่อปี 2010 ด้วย

แต่ชีวิตของ ดรีม ถึงจุดเปลี่ยนตอนอายุ 30 หลังจากที่ต้องเผชิญปัญหาสารพัดเรียงหน้าเข้ามาหา

“มันเหมือนเพลงคันทรีเลย พออายุสามสิบ ผมตกงาน เลิกกับแฟน ทุกอย่างเลย ก็เลยเริ่มขายอาหารริมถนนตรงโน้นตรงนี้ เพราะอย่างน้อยผมก็ยังรู้วิธีทำอาหาร...​ผัดไทยทำให้ผมมีหลังคาคุ้มหัวอยู่
ตอนนี้”

จากการเริ่มต้นเมื่อหลายเดือนก่อน วันนี้ ร้าน “ประนม” ผัดไทยแบบ pop-up ข้างถนนกลายเป็นที่รู้จักของบรรดานักชิมในเมืองแอลเอพอสมควร รวมถึงกลายเป็น “พาร์ทเนอร์ชั่วคราว” กับธุรกิจอื่นๆ

ที่ยกร้านให้เขาใช้ในวันหยุดด้วย เช่นที่ร้านขนม บิสกิต คาเฟ่ ในย่านเวสท์ ฮอลลีวูด หรือที่ร้าน เดอะ ชาร์เลสตัน ในซานตามอนิก้า ของทูตอาหารไทย เจ็ต ติลา ก็เคย

แอลเอวีคลีย์ บอกว่ายังมีร้านอาหารหรูๆ อีกหลายแห่งที่อยากได้ร้านผัดไทย “ประนม” ไปโผล่แบบ “ป๊อป-อัพ” ในร้านของพวกเขา เช่น ร้านวิลเชอร์ ในซานตามอนิก้า และ แองเจิล ซิตี บรูวิ่ง ในอาร์ต
ดีสทริค ฯลฯ แต่ช่วงนี้ ดรีม เกษตรทัต ยังคงควงตะหลิวขายผัดไทยของเขาอยู่ริมถนน โดยเปลี่ยนจุดขายไปเรื่อยๆ เช่นวันจันทร์​จะขายที่หน้าบาร์ ฮาร์วาร์ดแอนด์สโตน ถนนฮอลลีวูด, อังคารจะขายที่หน้าบาร์ 4100, วันพุธขายที่หน้าบาร์ Lubitsch ถนนซานตามอนิก้า ในเวสท์ฮอลลีวูด โดยบรรดา “นักชิมตามเทรนด์” สามารถติดตามผัดไทยป๊อปอัพของเขาได้จากทวิตเตอร์ pranompopup

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ คือเรื่องราว ผัดไทยริมถนน ของ ดรีม เกษตรทัต เท่าที่แอลเอวีคลีย์ บอกเอาไว้ แต่เมื่อเราลองค้นต่อไปถึงเรื่องราวของหนุ่มไทยคนนี้ ก็พบว่ายังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกเยอะ... โดย
เฉพาะกับคนไทยรุ่นใหญ่ ที่รู้จัก “ชูชัย พระขรรค์ชัย” อดีตนักมวยไทยรูปหล่อเจ้าของฉายา “เทพบุตรสังเวียน” ผู้คว่ำ สุข ปราสาทหินพิมาย ฉายา “ยักษ์ผีขโมด” เมื่อปี 2494 ที่เวทีราชดำเนิน และเป็นนักมวยไทยคนแรกที่ผันตัวเองมาเป็น “พระเอกหนังไทย” มีผลงานหลายเรื่อง เช่น พันท้ายนรสิงห์ (คู่กับ สุพรรณ บูรณพิมพ์), นเรศวรมหาราช เป็นต้น

ด้วยว่า ดรีม เกษตรทัต ผู้นี้คือ “หลานตา” แท้ๆ ของพระเอก “ชูชัย พระขรรค์ชัย” ที่ประวัติของเขาในวิกิพีเดีย มีถึงแค่เพียงปี 1982 อันเป็นปีที่เขาพาครอบครัวอพยพย้ายถิ่นมาอยู่ที่อเมริกาเท่านั้น...

การค้นหาข้อมูลของ ชูชัย พระขรรค์ชัย หรือชื่อจริงว่า ชูชัย ฤทธิลือชัย ทำให้ได้ข่าวที่น่าเสียดายว่า พระเอกรุ่นปู่คนนี้ ได้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม 2004 ขณะมีอายุได้ 78 ปี

จากบทความอาลัย หรือ obituary ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเมืองลับบ็อค รัฐเท็กซัส ที่เราค้นพบ ได้บรรยายเล่าถึงชีวประวัติของ ชูชัย พระขรรค์ชัย ต่อจากปี 1982 ได้ค่อนข้างละเอียด โดยบอกว่าเขาเคยเป็นนักมวยระดับแชมป์โลก (น่าจะหมายถึงแชมป์เกียรติยศของเวทีราชดำเนิน) เป็นดารานักบู๊ชื่อดังที่มีผลงานเจ็ดเรื่อง เป็นนักเขียนของ นสพ.สยามรัฐ เป็นประติมากร และว่าเขาและภรรยา “ประนม” เดินทางมาอเมริกาเพราะต้องการอยู่ใกล้ลูกๆ ทั้งห้าคน

ประวัติบอกต่อไปว่า ชูชัย ฤทธิลือชัย ได้เปิดร้านอาหารไทยแห่งแรกขึ้นในเมืองลับบ็อค ชื่อว่า “ชาวไทยคูซีน” ในปี 1983 ก่อนจะมีร้านอื่นๆ ตามมา เช่นร้าน ชูชัยไทยทูเดย์, ชูชัย ไทยคูซีน และ ไทยไทย ที่บรรดาลูกๆ หลานๆ ช่วยกันดูแล

บทความบอกด้วยว่า ชูชัย พระขรรค์ชัย ได้สูญเสียลูกสาวไปก่อนหน้านี้หนึ่งคน ชื่อ อดิศัย เกษตรทัต ซึ่งน่าจะเป็นแม่ของพ่อค้าผัดไทย ดรีม เกษตรทัต ผู้เป็นต้นเรื่องของบทความนี้

บทความที่เขียนตั้งแต่ปี 2004 บอกว่า ชูชัย พระขรรค์ชัย มีหลานหกคน เป็นหลานปู่สี่ และหลานตาอีกสอง คือ เดียร์ และดรีม เกษตรทัต

เรื่องราว “ผัดไทย ป๊อปอัพ” ของ ดรีม เกษตรทัต ยังถูกเขียนถึงโดยบล็อคเกอร์อีกหลายคน เช่น เคลลี่ เพจ เขียนไว้บนเว็บ tastingpage.com ในช่วงที่ ดรีม เกษตรทัต ไปทำร้านผัดไทย “ประนม ป๊อป-อัพ” ที่ร้านเบเกอรี่ บิสกิต คาเฟ่ เมื่อราวเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา โดยบอกว่า ดรีม ได้รับอิทธิพลจากคุณตาของเขามาก ทั้งในแง่ของการเป็นนักมวยไทยและในแง่ของการเป็นนักแสดง โดยก่อนที่จะเดินทางไปเรียนการละครที่ เอ็นวายยู ตอนอายุ 21 ปีนั้น เขาได้ฝึกมวยไทยกับคุณตา จนถึงขั้นใช้การได้ ดังนั้นหลังจากที่เดินทางมาแอลเอ ในปี 2004 เขาได้ใช้วิชามวยไทยที่ติดตัวมายึดอาชีพ “เทรนเนอร์” ให้กับผู้สนใจเป็นอาชีพเสริมด้วย

บทความของ เคลลี่ เพจ ทำให้เราเห็น “จุดเริ่มต้น” ของร้านผัดไทยริมถนนแห่งแรกในเมืองแอลเอ ได้ชัดขึ้น โดยบอกว่าหลังจากถึงจุดเปลี่ยนตอนอายุ 30 ดังที่ แอลเอวีคลีย์ บอกไปแล้วนั้น คุณยายประนมของเขา เป็นคนสนับสนุนให้หลานชายทำผัดไทยขาย โดยส่งกะทะ และเครื่องครัวอื่นๆ มาให้เขาถึงแอลเอ ซึ่งนั่นคงเป็นที่มาของชื่อร้านผัดไทยของเขา...

โดยในชั้นแรกนั้น ดรีม เกษตรทัต ทำผัดไทยใส่กล่องไปขายเพื่อนตามสำนักงานต่างๆ ที่เคยติดต่อพูดคุยกันก่อน โดยยุคนั้น ผัดไทยของเขามีเพียงสองชนิด คือผัดไทยไก่ และผัดไทยเต้าหู้ จนเริ่มมีลูกค้าประจำ รวมถึงได้เป็น “ครัวอาหารไทย” ให้กับบาร์เล็กๆ ข้างอพาร์ทเมนท์ของเขา ที่ไม่สามารถปรุงผัดไทยเสิร์ฟลูกค้าในบาร์ของตัวเองได้ด้วย

ดรีม เกษตรทัต บอกกับ เคลลี่ เพจ ถึงสาเหตุของการทำร้านผัดไทยสไตล์ “ป๊อปอัพ” ว่าเป็นเพราะยังไม่พร้อมที่จะเปิดร้านอาหารของตัวเอง และไม่อยากทำงานอื่น ดังนั้นจึงลงตัวกันการขายผัดไทยข้างถนน และขายผัดไทยแบบ “ป๊อปอัพ” ที่นั่นที่นี่ แล้วแต่โอกาสจะอำนวย...

และนี่คือเรื่องราวของ ดรีม เกษตรทัต ผู้ริเริ่มขายผัดไทยริมถนนเป็นคนแรก (ในอเมริกา) และกำลังสร้าง “เทรนส์” อาหารไทยริมถนนให้แพร่หลายมากขึ้น...

จำชื่อหนุ่มไทยคนนี้เอาไว้ให้ดี... ไม่แน่ว่าอีกไม่นาน หลานตาของ “ชูชัย พระขรรค์ชัย” คนนี้ อาจจะกลายเป็น “เซเลบริตีเชฟ” เชื้อสายไทยในอเมริกาอีกคนก็ได้... ใครจะรู้...

////////////////////////
ชูชัย พระขรรค์ชัย อดีตนักมวยไทยชื่อดังและอดีตนักแสดงชาวไทยที่มีชื่อเสียงในยุคก่อนปี พ.ศ. 2500 เจ้าของฉายา เทพบุตรสังเวียน จากการที่เป็นนักมวยที่มีหน้าตาดี ได้ชื่อว่าเป็นนักมวยที่หมัดหนักโดยเฉพาะ หมัดขวา

ประวัติ

ชูชัยเกิดวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2469 ที่จังหวัดเชียงใหม่ หัดมวยครั้งแรกกับครูปูน พระขรรค์ชัย ที่โรงภาพยนตร์พัฒนากร ขึ้นชกครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2488 ที่เวทีราชดำเนิน ด้วยความเป็นมวยคู่ชกประกอบรายการ สามารถประเดิมการชกครั้งแรกได้ด้วยการชนะน็อกในยกที่ 3 ด้วยหมัดขวา จากนั้นก็ได้ขึ้นชกอย่างสม่ำเสมอสั่งสมประสบการณ์และความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายมาเป็นนักมวยที่มีชื่อเสียง

เมื่อไม่มีคู่ชกแล้ว ชูชัยจึงแขวนนวมหันไปทำงานหนังสือพิมพ์สังกัดสยามรัฐ จากการชักชวนของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เจ้าของและบรรณาธิการ

ชูชัยแขวนนวมเป็นระยะเวลา 2 ปี ก็กลับมาชกมวยอีกครั้งในปี พ.ศ. 2488 จากการตามตัวของโปรโมเตอร์ เนื่องจากเสียงเรียกร้องของแฟนมวย จนโปรโมเตอร์ผู้จัดเสนอเงินค่าตัวให้เป็นจำนวนถึง
17,000 บาท เพื่อให้กลับมาชกกับยอดนักมวยไทยอีกรายในยุคเดียวกันนั้น คือ สุข ปราสาทหินพิมาย เจ้าของฉายา ยักษ์สุข หรือ ยักษ์ผีโขมด

การชกกับสุข ปราสาทหินพิมาย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 ที่เวทีราชดำเนิน ปรากฏว่าตั้งแต่ยกแรกจนถึงยกที่ 4 ชูชัยเป็นฝ่ายตั้งรับเพียงอย่างเดียว ท่ามกลางความไม่พอใจของผู้ชมเพราะคิดว่าชูชัยกลัวสุข แต่พอขึ้นยก 5 อันเป็นยกสุดท้าย ชูชัยได้เร่งระดมชกเข้าที่ใบหน้าของสุข จนโอนเอนไปมา จนนั่งพิงเชือก เป็นฝ่ายแพ้น็อกไปในยกนี้เอง

ซึ่งชูชัยได้กล่าวภายหลังว่า เป็นแผนการชกของตน เพราะเกรงว่าในยกต้น ๆ จะไม่อาจทนแรงบุกของสุข ซึ่งเป็นนักมวยรูปร่างใหญ่ได้ จึงเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว รอโอกาสให้สุขหมดแรงจึงโหมแรงในยกสุดท้าย จนชนะในที่สุด

จากนั้นแล้ว ชูชัยเสมือนว่าได้กลับมาอย่างสง่าในวงการมวยอีกครั้ง จึงมีการประกบคู่ให้พบกับ สุรชัย ลูกสุรินทร์ เจ้าของฉายา เสือสำอางค์ ซึ่งเป็นคู่ปรับเก่าที่ชูชัยเคยเอาชนะได้แล้ว แต่พอถึงใกล้วันชก การตรวจร่างกายแพทย์สนามพบว่าชูชัยป่วยเป็นวัณโรค ซึ่งถือเป็นโรคร้ายแรง ห้ามขึ้นชก ชูชัยจึงประกาศแขวนนวมไปในขณะนั้น ซึ่งมีอายุได้เพียงแค่ 26 ปีเท่านั้น

หลังจากนั้นชื่อเสียงของชูชัยก็ค่อย ๆ เงียบหายไปในวงการมวย แต่อีก 23 ปีต่อมา ชูชัยก็กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้งเมื่อกลับคืนสู่สังเวียนอีกครั้ง เมื่ออายุถึง 49 ปีแล้ว โดยถูกประกบคู่ให้ชกกับ ฮิเดโอะ อาซาโน่ นักมวยคาราเต้ชาวญี่ปุ่น ชูชัยแม้จะมีอายุในวัยกลางคนแล้ว แต่สภาพร่างกายยังคงแข็งแรงดีอยู่เนื่องจากดูแลสุขภาพร่างกายมาตลอด การชกปรากฏว่า ชูชัยเป็นฝ่ายชกอาซาโน่อย่างเดียวในยก 2 ถึงกับล้มไป 3 ครั้งในยกเดียว แต่กรรมการก็ไม่จับแพ้ ขณะที่ชูชัยเองก็กำลังจะหมดแรงแล้ว ขึ้นยก 3 ชูชัยจึงเร่งชกอีกครั้ง กรรมการจึงจับอาชาโน่แพ้น็อกไป ขณะที่ชูชัยกำลังจะหมดแรงพอดี และหลังจากนั้นชูชัยก็มิได้หวนกลับมาชกมวยอีกเลย

จากประวัติเหล่านี้ ทำให้ ชูชัย พระขรรค์ชัย ได้รับการขนานนามว่า เป็นนักมวยที่มาแล้วไปพร้อมกับชัยชนะ ซึ่งแตกต่างจากนักมวยรายอื่น ๆ ส่วนใหญ่ เมื่อกลับมาชกมวยอีกครั้งในขณะที่อายุมากขึ้นจะเป็นฝ่ายแพ้อย่างยับเยิน[1]

ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2527 ทางเวทีราชดำเนินได้จัดอันดับ 10 ยอดนักมวยเกียรติยศของเวที ก็มีชื่อของชูชัยบรรจุรวมอยู่ด้วย

หลังแขวนนวมแล้ว ชูชัยได้เปลี่ยนชื่อจริงเป็น ชูชัย ฤทธิลือชัย และย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2525 โดยเปิดร้านอาหารไทย ชีวิตครอบครัวสมรสกับภรรยาชาวไทย ซึ่งเป็น
น้องสาวของ ป. อินทรปาลิต นักเขียนชื่อดัง ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 5 คน

นอกจากนี้แล้ว ระหว่างที่มีชื่อเสียงนั้น ชูชัยถือได้ว่าเป็นนักมวยที่มีหน้าตาดีประกอบกับเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง จึงได้มีโอกาสแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง พันท้ายนรสิงห์ ในปี พ.ศ. 2493 กำกับโดย มารุต และอำนวยการสร้างโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล และอีกหลายเรื่องต่อมาด้วยกัน เช่น นเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ. 2500, อำนาจกับอำนาจ ในปี พ.ศ. 2501 เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นนักมวยคนแรกที่แสดงในภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ ก่อนจะมีนักมวยที่มีชื่อเสียงในรุ่นหลังแสดงแบบเดียวกันตามมา

กองทัพ ฉะขัดแย้งการเมืองทำลายความมั่นคงชาติ หวั่นคำตัดสินศาลยิ่งเพิ่มปัญหา

กองทัพ ฉะขัดแย้งการเมืองทำลายความมั่นคงชาติ เตือนคนไทยแตกสามัคคีระวังชาติย่อยยับ หวั่นคำตัดสินศาลยิ่งเพิ่มปัญหา อัดสื่อแบ่งข้าง-อคติเพิ่มความแตกแยก จี้หยุดเกลียดชัง-หยุดทำร้ายประเทศ คืนความสุขให้แผ่นดินไทย

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าประชาสัมพันธ์ส่วนประชาสัมพันธ์ และสารสนเทศ สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า สัปดาห์นี้สถานการณ์การเมืองมีความเข้มข้นมากขึ้น หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินในประเด็นการแก้ไขที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ทำให้เกิดประเด็นปัญหาทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น สร้างความยุ่งยากและความลำบากในการที่จะก้าวข้าม หรือผ่านพ้นวิกฤติต่าง ๆ นี้ไปได้ ทั้งนี้สถานการณ์การเมืองเกิดความแตกแยกและซึมลึกไปทั่วทุกองค์กร เกิดการแบ่งฝ่าย สื่อมวลชนก็แบ่งข้าง ข่าวแถลงเรื่องเดียวกันแต่เสนอไปกันคนละด้าน โดยปรุงแต่งด้วยการใช้ความเชื่อ และความอคติของตนเองไม่ยอมรับความเห็นของกันและกัน เอาชนะคะคานทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มและพวกพ้องมีแนวโน้มที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าห่วงใยต่อบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง บรรยากาศความแตกแยกได้เกิดขึ้นและพัฒนามาตามลำดับมาเป็นเวลา 9 ปีแล้ว ควรพอกันได้หรือยัง ควรยุติกันดีหรือไม่ ควรจะมีการพูดคุยกันดีกว่า เพราะทุกคนต่างรักและหวังดีต่อประเทศไทย

“ประวัติศาสตร์ชาติไทยได้บันทึกไว้ว่าเมื่อยามใดที่คนไทยแตกความสามัคคีและเกิดการช่วงชิงอำนาจ ความพินาศย่อยยับจะเกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง และคนไทยทุกคนเมื่อนั้น ประเทศไทยได้รับการขนานนามจากชาติตะวันตกว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม ได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีรอยยิ้มมีมิตรไมตรีมีน้ำใจที่ดีงาม ซึ่งเป็นรากเหง้าของวัฒนธรรมไทยที่คนทั้งโลกชื่นชม แต่ถามว่าขณะนี้ความดีงามเหล่านี้ยังคงมีอยู่ให้กันในฐานะคนไทยด้วยกันหรือไม่ สถานการณ์การเมืองปัจจุบันทำให้เกิดการกัดเซาะ ผุกร่อนความมั่นคงของชาติ เพราะความมั่นคงของชาติคือการอยู่รอดปลอดภัยประชาชนกินดีอยู่ดี ประเทศชาติมีความปลอดภัยและพัฒนาอย่างยั่งยืนผมจึงอยากเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกคนร่วมมือช่วยกันเป็นพลังที่มีประสิทธิภาพและเป็นกระบอกเสียงให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันพูดคุยด้วยเหตุและผล ยึดถือประโยชน์ของชาติเป็นเป้าหมาย โดยระวางประโยชน์แห่งตน และพวกพ้อง สถานการณ์บ้านเมืองมาถึงจุดที่ประชาชนต้องร่วมกันแสดงออกเป็นเสียงเดียวกัน เป็นพลังที่บริสุทธิ์ด้วยการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างความเกลียดชัง หยุดทำร้ายประเทศไทย ถึงเวลาคืนความสุขให้กับสังคมไทย ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากัน เราต่างรักสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ขอให้ทุกคนลงมือทำทันทีก่อนที่จะสายเกินไป หากเราทำเมื่อไหร่ความเป็นปกติสุขก็จะเกิดขึ้นกับคนไทยและสังคมไทย แผ่นดินไทยก็จะร่มเย็น