PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วินมอเตอร์ไซค์รวมตัวประท้วง “แกร๊บ” ล้ำเส้น ไม่ทำตามกฎหมาย ป้ายขาววิ่งรับคน!

วินมอเตอร์ไซค์รวมตัวประท้วง “แกร๊บ” ล้ำเส้น ไม่ทำตามกฎหมาย ป้ายขาววิ่งรับคน!
จากกรณีที่ “ชมรมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะแห่งกรุงเทพมหานคร” ได้ออกประกาศ เชิญชวนผู้ขี่จักรยานยนต์สาธารณะประท้วง บริษัทแกร๊บแท็กซี่ ว่าเมื่อไหร่จะหยุดทำผิดกฎหมาย และจะนำพวงหรีดไปวางไว้หน้าบริษัท เพื่อไว้อาลัยแก่การนำรถมารับ-ส่งอย่างผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายว่าเมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (17 พ.ค.) กลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ได้รวมตัวกันหลายร้อยคนบริเวณ ที่ทำการบริษัทแกร๊บแท็กซี่ ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ โดยนำพวงหรีดมาวางเพื่อทำการประท้วง
พร้อมกันนี้ยังได้แจกเอกสารเรื่อง หยุดทำร้ายประเทศไทย ลงชื่อโดย เพื่อนแท้ชาววิน ส่งถึงผู้บริหารระบุว่า จากการที่ กอ.รมน. ได้เรียกผู้บริหาร บริษัทแกร๊บ แท็กซี่ ไปพูดคุยและมีคำสั่งให้บริษัทหยุดนำรถป้ายขาว มารับ ส่ง ผู้โดยสารเพราะผิดกฎหมาย และเกิดการกระทบกระทั่ง ทะเลาะวิวาทกับวินมอเตอร์ไซค์ที่จดทะเบียนมาถูกต้องตามกฎหมาย บางครั้งก็มีการทำร้ายร่างกาย จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดี แต่ก็ยังมีการวิ่งรถป้ายขาวอยู่ จึงอยากให้บริษัทปฏิบัติตามคำสั่งของ กอ.รมน. เพราะเป็นการทำผิดกฎหมาย

"เวลา” มีค่า อย่าให้ต้องมาเสียเวลาไป เพราะรถติด

"เวลา” มีค่า อย่าให้ต้องมาเสียเวลาไป เพราะรถติด
"บิ๊กป้อม" ถก แก้ปัญหาจราจร ขอความร่วมมือทุกกระทรวงให้ความสำคัญลดความเดือดร้อนของประชาชน กำชับ ผบ.ตร. ต้องขับเคลื่อน 5 คณะทำงาน ร่วมแก้ปัญหาจราจรให้ต่อเนื่องและเป็นผลจริงจัง/ สั่งแก้ปัญหา Grab bike ยังมีวิ่งทับเส้นทาง ระบุ ก.ท่องเที่ยวเร่งแก้ปัญหาจราจร รอบสนามหลวง รองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รถบัส ทำรถติด/ สั่งกวดขัน ห้ามขี่ ย้อนศร ชี้"เวลา” มีค่าสำหรับทุกคน ปัญหารถติดเป็นปัญหาสำคัญ/ตั้ง"คณะทำงานย่อยศึกษาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสาธารณะทางน้ำในคลองแสนแสบ
ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมบูรณาการการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจราจร
พลเอกประวิตร กล่าวถึง การจัดระเบียบวิน จักรยานยนต์รับจ้าง Grab bike ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพูดคุยกัน ที่ผ่านมา ยอมรับว่ายังมีบ้างที่มีการวิ่งทับเส้นทางกันอยู่ จึงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพูดคุยกันให้เรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามถึงการแก้ปัญหาการจราจรบริเวณรอบท้องสนามหลวงที่เกิดจากรับส่งนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมการรองรับในเรื่องนี้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีประมาณวันละ 2 หมื่นคน
ส่วนรายละเอียดทางเจ้าหน้าที่จะชี้แจงต่อไป โดยเบื้องต้นเรื่องรถทัวร์รับส่งนักท่องเที่ยวได้ให้จอดที่บริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร เรียกประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาจราจร ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เพื่อติดตามเร่งรัดการแก้ไขปัญหาจราจรและปัญหาที่กระทบกับอันตรายของประชาชนในการเดินทาง
โดยรับทราบความคืบหน้าการทำงานของ คณะทำงานการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการจราจรด้านต่างๆ ทั้ง 5 คณะ อันประกอบด้วย ด้านกายภาพและปรับปรุงสภาพถนน ด้านกวดขันวินัยจราจรและอำนวยความสะดวกการจราจร ด้านการขนส่งสาธารณะ ด้านการบริหารจัดการและเทคโนโลยี ด้านการเสริมสร้างวินัยจราจรและการประชาสัมพันธ์
ต่อจากนั้น ได้ร่วมพิจารณา ประเด็นการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร โดยให้มีการบูรณาการกำลังและกำหนดความรับผิดชอบให้มีขอบเขตในการบริหารจัดการจราจรครอบคลุม กทม.และปริมณฑล ประเด็นแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า
โดยให้ตั้ง"คณะทำงานย่อยศึกษาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสาธารณะทางน้ำในคลองแสนแสบ" เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในถนน รามคำแหง พระรามเก้า ถนนเพชรบุรีและสุขุมวิท.
รวมทั้งการเพิ่มรถไมโครบัส จากมีนบุรี ไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน แยกรัชดา - ลาดพร้าว ถนนรามคำแหงและรามอินทรา รวมทั้งประเด็นการบริหารจัดการจราจรในช่วงเปิดภาคเรียน
โดยให้ ตร.ร่วมกันบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาจราจร 3 กลุ่ม คือ กลุ่มโรงเรียนบริเวณถนนสามเสน ถนนราชสีมาและราชวิถี , กลุ่มโรงเรียนบริเวณถนนสาทร ถนนเจริญกรุงและสาทร และกลุ่มโรงเรียนบริเวณถนนเพชรบุรี ถนนอโศก สุขุมวิทและเพลินจิต เพื่อบรรเทาการจราจรที่กระทบเป็นวงกว้าง
พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า “เวลา” มีค่าสำหรับทุกคน ปัญหารถติดเป็นปัญหาสำคัญ ของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนและช่วงฝนตก ถือเป็นความเดือดร้อนของประชาชนและความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขอย่างเต็มกำลัง
โดยเฉพาะช่วงการก่อสร้างรถไฟฟ้า อาคารสูงและระบบสาธารณูปโภคในถนนสายหลัก จึงต้องให้ความสำคัญในการบูรณาการทำงานที่มีความเชื่อมโยงกันในทุกคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและวาระเร่งด่วน ที่ต้องขับเคลื่อนให้มีความคืบหน้าและมีผลเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ให้พิจารณาความเหมาะสมหากมีความจำเป็นต้องทบทวนและแก้กฎหมายตามสภาพความเป็นจริง
พลเอกประวิตร ได้สั่งการให้ ผบ.ตร. ประชุมกำกับติดตามและขับเคลื่อนกลไกที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นทั้ง 5 คณะทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยต้องได้ข้อยุติในทุกเรื่อง เพื่อพัฒนาระบบและคลี่คลายปัญหาจราจรในกรุงเทพและปริมณฑลในภาพรวมอย่างต่อเนื่องจริงจัง
ขณะเดียวกัน ให้รับเรื่องร้องเรียนของประชาชนมาพิจารณาแก้ไข เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการสัญจร
โดยทางด้านกายภาพ ได้ย้ำกรุงเทพมหานคร ต้องเร่งรัดปรับปรุงผิวจราจรและถนนที่ชำรุดในทุกเขตพื้นที่ อันเป็นเหตุให้รถชะลอตัว ปรับปรุงเครื่องหมายจราจร ปรับเกาะกลางถนนและจุดกลับรถ
รวมทั้งประสานขอคืนผิวจราจรจากการก่อสร้าง โดยเฉพาะการเบี่ยงช่องทางจราจรบริเวณจุดจอดรถประจำทาง ตามที่ได้มีการสำรวจร่วมกันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การจราจรมีการไหลเวียนที่คล่องตัวมากขึ้น พร้อมกันนี้ให้ กทม.เตรียมการรองรับระบบระบายน้ำในฤดูฝน เพื่อมิให้
ด้านการบริหารจัดการและเทคโนโลยี ขอให้ประสานสร้างการมีส่วนร่วมกับสถาบันการศึกษา นำผลศึกษาวิจัยและเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ เพื่อเชื่อมโยงบริหารจัดการจราจร การบังคับใช้กฎหมายและการปลูกฝังวินัยจราจรทั้งระบบ
ด้านระบบขนส่งสาธารณะ ขอความร่วมมือกระทรวงคมนาคม กวดขันเอาจริงกับการตรวจสภาพรถสาธารณะและมารยาทการขับขี่ที่ขัดต่อใบอนุญาต พร้อมทั้งขอให้เร่งรัดดำเนินการตามมติที่ประชุม ในการเชื่อมโยงการเดินทาง โดยการจัดหา รถ Shuttle Bus รับ-ส่งในเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้า และการปรับปรุงสภาพเรือโดยสาร การเพิ่มมาตรฐาน การให้บริการทางน้ำ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชน
ด้านการบังคับใช้กฎหมายและการปลูกฝังวินัยจราจร ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมกวดขันการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและปลูกฝังวินัยจราจรไปด้วยกัน
พร้อมกันนี้ ต้องพร้อมรับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแจ้งหรือรับการร้องเรียนจากประชาชนที่ร่วมบันทึกภาพผู้กระทำผิดกฎจราจร มาดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้สังคมได้มีส่วนร่วมบังคับใช้กฎหมายและร่วมสร้างวินัยจราจรไปด้วยกัน
และ ขอย้ำให้เอาจริงกับผู้ขับขี่ย้อนศรและบนทางเท้า การไม่สวมใส่หมวกกันน็อก การผ่าสัญญานไฟ และการไม่หยุดให้คนข้ามถนน รวมทั้ง รถแท็กซี่ที่ไม่รับผู้โดยสาร เพื่อความชอบธรรมของสิทธิและหน้าที่ และความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับตอนท้ายว่า การจัดระเบียบทางสังคมมีความสำคัญ โดยถือเป็นหน้าที่ ที่ต้องร่วมกันทำต่อควบคู่กับการสร้างความเข้าใจกับประชาชน ขอให้ทุกหน่วยงานมุ่งมั่น ตั้งใจ ร่วมกันทำงานจัดระเบียบสังคมและแก้ปัญหาการจราจรไปด้วยกัน ด้วยความจริงใจ บนพื้นฐานของความโปร่งใสและประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ พร้อมย้ำว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมกับทุกคนไม่มียกเว้น และห้ามมีการเรียกรับสินบนหรือรับประโยชน์ในหน้าที่โดยมิชอบอย่างเด็ดขาด

ไม่ให้เกิดความแตกแยก ขึ้นในแผ่นดินนี้

ไม่ให้เกิดความแตกแยก ขึ้นในแผ่นดินนี้
"บิ๊กป้อม" โต้ "เพื่อไทย" แถลงอัด4 ปี คสช. ยันทำบัานเมืองสงบเรียบร้อย -ไม่ให้เกิดความแตกแยก ขึ้นในแผ่นดินนี้ แก้ปัญหาให้ประชาชน ทั้งมั่นคง-เศรษฐกิจ ชี้ ตำรวจไป นั่งฟังแถลง เป็นเรื่องปกติ ทำตามหน้าที่ เพราะแถลงเปิดเผย จนท.ก็ฟังได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีจนท.ตำรวจ เข้าไปรับฟังการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย เรื่อง4 ปีคสช. ว่า ตำรวจเขาทำตามกฎหมาย ไม่มีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นบรรทัดฐานว่าต่อไปหากพรรคการเมืองใดออกมาแถลงข่าว จะต้องมีทหาร ตำรวจ ไปร่วมรับฟังด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ต้องฟัง จะไม่ฟังได้อย่างไร ในเมื่อเขาแถลงให้ประชาชนได้รับรู้อยู่แล้ว แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ถึงเข้าไปรับฟังด้วยไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะฟังที่ไหนก็ได้ หรือจะไปฟังที่พรรคก็ได้
เมื่อถามว่า การที่เจ้าหน้าที่เข้าไปฟังถึงพรรคการเมือง จะเป็นการกดดันหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ใช่ สื่อไปคิดเอง
เมื่อถามว่าในฐานะที่ดูแลงานด้านความมั่นคง การทำงาน ในช่วงเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า หลังจากคสช.เข้ามา ก็มีความสงบเรียบร้อยและประชาชนให้ความร่วมมือทุกอย่างเพราะต้องการความสงบ ไม่ให้เกิดความแตกแยกขึ้นในแผ่นดินนี้ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ถามว่ามีด้านใดที่ไม่ดีบ้าง
ส่วนด้านเศรษฐกิจเราก็พยายามแก้ไข แต่ยังมีปัญหาในระดับล่างซึ่งรัฐบาลจะเอาเงินไปให้ก็ไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย จึงต้องหาทางเพิ่มอาชีพและรายได้ให้ประชาชน ซึ่งมีโครงการต่างๆที่กำลังดำเนินการอยู่ เพราะทุกรัฐบาลเข้ามาก็ต้องการช่วยเหลือประชาชนเรื่องความยากจน ซึ่งรัฐบาลนี้ประชุมทุกอาทิตย์ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สินค้าการเกษตร ดูเรื่องพื้นที่ปลูกยาง ปลูกข้าว เรื่องราคาผลผลิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าจะต้องปลูกเท่าไหร่ อย่างไร

กลัวซะที่ไหน เอกชัยมาอีก

ลุ้คเกรียน ของ"เอกชัย" ....
มาเดี่ยว !!โผล่ ข้างทำเนียบฯ เชิญ"บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-รองโจ๊ก" ไป กินMc Donald รำลึก กระชับพื้นที่ "ราชประสงค์53"/ ขณะ บิ๊กป้อม นั่งประชุม มีแค่ กำแพงทำเนียบฯกั้น
แม้จะถูกจับกุม ไปเมื่อวันอังคาร และ ถูกขัง 1 วัน ก่อนได้รับการประกันตัว ออกมา.... วันนี้ นาย เอกชัย หงส์กังวาน ยังคงใส่นาฬิกาหลายเรือน และห้อยนาฬิกา มาเดี่ยว เดินทางมาที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล
เพื่อส่งบัตรเชิญให้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม และ รองโจ๊ก พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อเข้าร่วมงาน "ชวนเพื่อน 3 คนกินแม็คฯ" ที่ ถนนราชประสงค์ ซึ่งจัดงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุขอคืนพื้นที่ ปี 2553 ที่ จัดโดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ในวันที่ 19 พ.ค. 2561
แต่ เนื่องจากไม่มีผู้รับบัตรเชิญ จึงเรียนเชิญผ่านสื่อ โดยใช้เวลา ไม่กี่นาที ก่อน ขึ้นรถสาย509 จาก ป้ายรถประจำทางหน้าสำนักงาน ก.พ.กลับบ้าน โดยมาคนเดียว ไม่มี นายโชคชัย คู่หู มาเช่นที่เคย
ทั้งนี้ พันตำรวจเอก สมยศ อุดมมหาทรัพย์ ผู้กำกับ สน.ดุสิต ได้มาเจรจา และดูแลความเรียบร้อยฯ ด้วยตัวเอง
ขณะที่ในเวลาเดียวกัน พลเอกประวิตร ก็มาประชุม แก้ปัญหาจราจร ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตำรวจท่องเที่ยว มาประชุม ด้วย โดยตึกสันติไมตรี อยู่ติดกับรั้วทำเนียบฯ

น้ำกรดน้ำทิพย์ ว่าด้วยปฏิรูป จากคนข้างตัว‘ลุงตู่’

น้ำกรดน้ำทิพย์ ว่าด้วยปฏิรูป จากคนข้างตัว‘ลุงตู่’


ร้อนแรง
เป็นความ “ร้อน” ที่ “แรง” ขึ้นมาจากภายใน
ความร้อนที่เกิดขึ้นเพราะการเห็นต่างระหว่าง “คนกันเอง”
คนกันเองเจ้าเก่า ที่ชื่อ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของ คสช.
เจ้าของวลีอมตะหลังรัฐธรรมนูญถูกทำแท้งกลางอากาศว่า
“เขาอยากอยู่ยาว”
13พฤษภาคม นายบวรศักดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องการปฏิรูปในภาพรวม ว่า
รู้สึกเหนื่อย เพราะมองไม่เห็นว่าจะไปจบลงอย่างไร
เริ่มจากการตั้งองค์กรอย่างสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก่อนยุบตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)
แล้วยุบตั้งคณะกรรมการปฏิรูปด้านต่างๆ 11 คณะ
ซึ่งทุกคณะมีแต่แผน แล้วให้ส่วนราชการเป็นผู้ปฏิบัติ
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสำเร็จ เพราะเหมือนกับให้ผู้ที่ถูกปฏิรูปมาทำเรื่องปฏิรูปเสียเอง
แม้จะใช้เวลาถึง 4 ปีแล้ว แต่การปฏิรูปยังอยู่ในขั้นตอนการวางแผน และตอบไม่ถูกว่าการปฏิรูปจะแล้วเสร็จเมื่อใด
เพราะรัฐธรรมนูญฉบับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ บัญญัติให้การปฏิรูปอยู่ในบทถาวร
แต่ในความเป็นจริงแล้วเราจะปฏิรูปไปตลอดชาติไม่ได้
เหมือนสาดน้ำมันลงกองไฟ
15 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายบวรศักดิ์ ระบุว่าปฏิรูปสำเร็จยาก รัฐบาลทำงาน 4 ปี มีแต่แผน งานไม่คืบนั้น ว่า
“สิ่งแรกที่ทำวันนี้คือเราทุกคนมามีส่วนร่วมด้วยกันในการพัฒนาประเทศ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
แต่ถ้าเรามองด้านเดียวว่าปฏิรูปไปแล้วจะเกิดการขับเคลื่อนด้านนู้น ด้านนี้ทันที มันเป็นไปไม่ได้
ราชการเป็นผู้ปฏิบัติ หากไม่เอาราชการเลย มันจะทำได้ไหม
หลายๆ อย่างก็เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่
นี่คือการปฏิรูป ไม่รู้หรือ”
และระบุด้วยว่า
“เรื่องการปฏิรูป ผมกำลังให้เขาสรุปมา
ทีนี้ถ้าไม่รู้เรื่อง จะถือว่าเราพูดกันคนละภาษาแล้วไม่เข้าใจกัน ผมพูดภาษาไทยนะ

…และใครก็ตามที่คิดว่ารู้เรื่องปฏิรูปมากกว่าผม
…ถ้าไม่ปฏิรูป แล้วจะอยู่ไปทำไมถึง 4 ปี
ถามว่าวันนี้รัฐบาลแก้ปัญหาแล้วเท่าไหร่ จัดหาที่ดินให้ประชาชนแล้วกี่ล้านไร่
และคนที่ออกมาพูด ทำไมไม่แก้ปัญหาตรงนั้น”
แรงส์จริง
กระนั้น หากนับเฉพาะ “คนคุ้นเคย” พล.อ.ประยุทธ์ก็มิได้โดดเดี่ยว
กองเชียร์สำคัญเรื่องการปฏิรูปวันนี้คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และอดีตเลขาธิการ กปปส.
ผู้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
ขณะนี้มีหลายคนพูดว่า เสียของ เสียเวลา ไม่สามารถปฏิรูปประเทศได้ตามเจตนารมณ์ของประชาชน
แต่ตนอยากบอกว่า เท่าที่ติดตามความคืบหน้ามาโดยตลอด เห็นว่าเขามีผลงาน
โดยเฉพาะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งวางกรอบในการปฏิรูปเอาไว้อย่างชัดเจน ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับอื่นเขียนไว้อย่างนี้
เช่น เรื่องการปฏิรูปตำรวจ เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าทำให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีก่อนการเลือกตั้ง
ตนเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ที่ตั้งใจปฏิรูปประเทศ แต่กลับมีอุปสรรค มีคนต่อต้าน มีคนเข้าเกียร์ว่าง เข้าเกียร์สโลว์
“พล.อ.ประยุทธ์ครับ ผมและประชาชนไม่คิดว่าเสียของ ไม่คิดว่าเสียเวลา
ท่านทำอะไรได้ ทำเถอะครับ ปฏิรูปประเทศเถอะครับ อย่างน้อยที่สุด เสร็จสักเรื่องสองเรื่องก็ยังดี
ที่เหลือเราก็มาช่วยกันผลักดัน ดำเนินการกันต่อไป
ขอเป็นกำลังใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์
โดยเฉพาะขอเป็นกำลังใจให้กับคณะกรรมการชุดของนายมีชัยด้วยครับ”
ระหว่างน้ำทิพย์ชโลมใจของนายสุเทพ
กับน้ำกรดรดใจของนายบวรศักดิ์
พล.อ.ประยุทธ์จะปลาบปลื้มสิ่งไหนมากกว่าย่อมเดาได้ไม่ยาก
แต่หากจะบอกว่าข้อมูลของฝ่ายไหน “จริง” กว่ากัน
กรณีนั้น อาจจะต้องรอไปถึงการเลือกตั้ง
ที่ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ

สถานีคิด : มองข้ามรั้ว โดย : วรศักดิ์ ประยูรศุข

สถานีคิด : มองข้ามรั้ว โดย : วรศักดิ์ ประยูรศุข


ผลการเลือกตั้งมาเลเซีย เมื่อต้นเดือน พ.ค. ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับการเมืองประเทศไทย
ประเด็นสำคัญ ที่นักการเมือง นักวิชาการหลายท่านได้กล่าวแล้ว ได้แก่ การให้ประชาชนตัดสินปัญหาด้วยวิธีการลงคะแนนเลือกตั้ง
ผลการเลือกตั้งที่มีฝ่ายแพ้และชนะ บ่งบอกในตัวว่า ประชาชนอยากเห็นประเทศเดินไปทางไหน
หลังจากนี้ นายกฯใหม่ของมาเลเซีย คือ มหาธีร์ โมฮัมหมัด คงจะจัดการกับข้อครหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นของนายกฯคนก่อน
และเรื่องราวอื่นๆ ที่สัญญากับประชาชนมาเลเซียเอาไว้ในตอนเลือกตั้ง
รวมถึงการดำเนินการปล่อยตัว นายอันวาร์ อิบราฮิม ที่ติดคุกติดตะรางด้วยผลของการเมือง
ที่จริงเรื่องอย่างนี้ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่เกิดขึ้นโดยทั่วไปในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
แต่ในอาเซียนด้วยกัน แต่ละประเทศมีระบบการเมืองภายในที่แตกต่างกัน และต่างมีปัญหาของตัวเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นในมาเลเซีย เป็นระบบการเมืองสากล ที่ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าไปหรือพูดให้ถูกคือย้อนกลับไป จึงเป็นที่กล่าวขวัญ ประกอบกับ นายมหาธีร์เอง เป็นผู้นำคนดังของอาเซียน และเป็นที่รู้จักในประเทศไทย
การคัมแบ๊กจึงเรียกความสนใจ และท่ามกลางกระแสการเมืองไทยๆ ที่กำลังเรียกร้อง “คนรุ่นใหม่” ผู้สมัครอายุ 92 ชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกฯ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ทำเอาผู้อาวุโสในแวดวงการเมืองไทยพลอยคึกคักกระปรี้กระเปร่าไปด้วย

อย่างพรรค ปชป. ชื่อของ นายชวน หลีกภัย ที่อายุเกือบ 80 ปี และยังเดินสายร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ เลยถูกหยิบยกขึ้นมาด้วยว่า น่าจะเป็นผู้นำพรรค หรือเป็นนายกฯได้เหมือนกัน แถมยังหนุ่มแน่นกว่านายกฯมาเลย์ตั้งสิบกว่าปี
เป็นเรื่องที่ทางพรรค ปชป.จะไปพูดคุยกัน แต่เอาเข้าจริงๆ จะอายุเท่าไหร่ ก็ล้วนมีสิทธิเท่าเทียมกันที่จะเข้าสู่การเมือง
รัฐธรรมนูญกำหนดอายุผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 18 ปี และผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ต่ำกว่า 25 ปีในวันเลือกตั้ง
และยังมีเงื่อนไขและคุณสมบัติอื่นๆ อีก
การแสดงความคิดความเห็นว่า ประเทศกำลังต้องการผู้นำแบบไหน อายุเท่าไหร่ จะเอาหนุ่มๆ สาวๆ แบบประเทศตะวันตก หรือให้มีประสบการณ์ในแบบรุ่นใหญ่สักหน่อย ฯลฯ ต้องเป็นสิทธิเสรีภาพของพลเมืองทุกคน
ถ้ากลัวบ้านเมืองจะไปเร็วเกินไป ก็เน้นผู้นำเชยๆ หัวโบราณ หรือถ้าอยากให้พุ่งๆ ไปกับโลกยุคใหม่ ก็ใช้คนหนุ่มคนสาวพลังแรง
ทุกคนมีสิทธิเสนอ มีสิทธิอภิปราย พรรคการเมืองมีหน้าที่ส่งชื่อ ส่วนคนที่มีหน้าที่ตัดสิน คือผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งนั่นเอง
ให้ระบบได้ทำหน้าที่แก้ปัญหา
ที่สำคัญต้องยอมรับ “ผล” และ “การตัดสิน”
ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปไหน ติดแหง็กกันอยู่อย่างนี้ ทุกแนวคิดและทุกวัย
วรศักดิ์ ประยูรศุข

เรื่องนี้ต้องเคลียร์

เรื่องนี้ต้องเคลียร์



กรณีงบก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่บานปลายเกินกรอบวงเงินที่อนุมัติไว้เกือบหมื่นล้านบาท กำลังเป็นปัญหาคาราคาซัง
เฉพาะงบติดตั้งระบบไอทีในรัฐสภา บานทะโร่ไปถึง 6,400 ล้านบาท ก็ถูกกระแสวิจารณ์ว่าแพงเว่อร์เกินควร
ที่น่าแปลกใจ คือโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา ไม่รวมงบตกแต่งอาคาร และงบระบบสาธารณูปโภคไว้เป็นก้อนเดียวกัน
ปัญหาเลยยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อขึ้นอีกเท่าตัว
คาดว่ากว่ารัฐสภาใหม่จะสร้างเสร็จเปิดใช้งาน คงจะมีเรื่องอื้อฉาวปูดขึ้นมาอีกหลายขบวน
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า ปัญหางบก่อสร้างรัฐสภาบานทะโร่หุบไม่ลง ทำให้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ต้องชงเรื่องเสนอ ครม.ขออนุมัติอัดฉีดงบเร่งด่วนฉุกเฉินเพื่อเติมส่วนที่ขาดไปอีก 8,648 ล้านบาท
อ้างว่าเพื่อเร่งก่อสร้างห้องประชุมรัฐสภาให้เสร็จทันเปิดใช้งานก่อนสิ้นปี
ปรากฏว่าที่ประชุม ครม.นัดล่าสุด อนุมัติอัดฉีดงบเพิ่มเติม โครงการก่อสร้างรัฐสภาเพียง 512 ล้านบาทเท่านั้นเอง
ส่วนงบที่ขอเพิ่มอีก 8,135 ล้านบาท รัฐบาลโยนกลับไปให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ทำรายละเอียดมาใหม่ให้ชัดเจนโปร่งใสทุกซอกทุกมุม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยเหตุผลที่ยังไม่เปิดไฟเขียวตามที่ขอมา
จนกว่าจะได้รับคำชี้แจงอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนว่า เหตุใดงบก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ จึงบานทะโร่เกินกรอบวงเงินไปมากมาย??
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า จะไม่ยอมให้รัฐสภาเกิดเรื่องอื้อฉาวซ้ำรอยไมโครโฟนแพง นาฬิกาแพง อย่างที่ผ่านมา
“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ โยนเรื่องกลับไปให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนทุกประเด็น
เหตุใด งบติดตั้งระบบไอที รัฐสภาใหม่จึงแพงเว่อร์เกินควร??
เหตุใด จึงไม่รวมค่าตกแต่ง ค่าก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค ค่าติดไฟแสงสว่างรอบอาคาร ค่าติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ให้อยู่ในงบก้อนเดียวกัน??
ถ้ายังไม่มีคำอธิบายเหตุผลให้หมดข้อข้องใจ รัฐบาลจะไม่ไฟเขียวอนุมัติงบเพิ่มตามที่คุณขอมา
“แม่ลูกจันทร์” ขอกระชุ่น นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งตรวจสอบปัญหาที่จอดรถในรัฐสภาใหม่ให้ครบวงจร
ตามสเปก กำหนดให้รัฐสภาใหม่ต้องมีพื้นที่จอดรถที่สามารถรองรับจำนวนรถได้ไม่ต่ำกว่า 3,000 คัน
แต่เอาเข้าจริง ดันเหลือพื้นที่จอดรถไม่ถึง 2,000 คัน
น้อยกว่าที่กำหนดในสเปกกว่า 1,000 คัน
พื้นที่จอดรถหดหายไปกว่า 1,000 คัน จะแก้ปัญหาอย่างไร? จะต้องใช้งบเพิ่มอีกเท่าไหร่? ใครจะรับผิดชอบ? และรับผิดชอบอย่างไร??
ช่วยชี้แจงให้หายคันใจด้วยนะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

วินมอเตอร์ไซค์นับร้อยบุกตึก Grab bike ร้องผู้บริหารปิดบริษัท หลังไม่ทำตามกฎหมาย

PPTV HD 36
2 ชม.
วินมอเตอร์ไซค์นับร้อยบุกตึก Grab bike ร้องผู้บริหารปิดบริษัท หลังไม่ทำตามกฎหมาย ป้ายขาววิ่งรับคน!
เวลา 13.15 น. ชมรมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะแห่งกรุงเทพมหานคร นำกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่รวมตัวกันกว่า 100 คน เดินทางมายัง ตึกธนภูมิ ที่ทำการบริษัท Grab bike ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกอบอาชีพ โดยต้องการให้แกร๊บไบค์ปิดทำการ เนื่องจากมองว่า Grab bike นั้นผิดกฎหมายโดยการใช้รถจักรยานยนต์ป้ายขาวมาออกให้บริการ ทำให้กลุ่มตนได้รับความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ (เมื่อวันที่ 17 พ.ค.61)
อ่านข่าว : https://www.pptvhd36.com/news/81521

ได้จังหวะโชว์การบ้าน

ได้จังหวะโชว์การบ้าน



เกือบโดน “สอดไส้” เมนูโปรดของคนสภา
ตามปรากฏการณ์ล่าสุด ที่ประชุม ครม.โดยบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้สั่งตีกลับงบประมาณเพิ่มเติมโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ 8,000 ล้านบาท เนื่องจากอุปกรณ์บางรายการแพงเกินไป อาทิ ไมโครโฟน 1.2 แสน นาฬิกา 7 หมื่น
และนี่คือสิ่งที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่อย้อนไปเปรียบกับสภายุคที่พรรคเพื่อไทยคุม เกิดเรื่องฉาวปมนาฬิกาแพงเหมือนกัน แต่โดนลากไส้ประจานภายหลังการจัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว
เกิดความเสียหาย เงินของแผ่นดินโดนงาบเข้าปากไอ้โม่ง
วัดกันตรงนี้ ต้องถือว่ามาตรฐานการป้องกันโกงของทีม “ลุงตู่” ยังไงก็ดูมีภาษีกว่า
แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินอย่างสมเหตุสมผล ไม่ปล่อยให้ “ลักไก่” กันง่ายๆ แม้จะเป็นงานของสภาที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จัดอยู่ในข่าย “คอหอยลูกกระเดือก” ก็ตาม
นั่นยังรวมไปถึงปรากฏการณ์ไล่จับโกงงบประมาณช่วยเหลือคนยากไร้ในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ การโกงเงินทอนพระ การทุจริตเงินกองทุนการศึกษาของเด็กด้อยโอกาสในกระทรวงศึกษาธิการ ฯลฯ
ที่เรื่องแดงขึ้นมาประจานพร้อมๆกันในยุคของรัฐบาลทหาร คสช.
เรื่องของเรื่องก็เป็นรัฐบาล “ลุงตู่” ที่เดินหน้าลุยล้างบางเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการเลว ขบวนการทุจริตที่ผูกปีโกงกันมาจนกลายเป็นวัฒนธรรม ผ่านมาไม่รู้กี่รัฐบาลต่อรัฐบาล
โดยรูปการณ์มันชัดว่า ทีม “นายกฯลุงตู่” เอาจริงเอาจังกว่ายุคอื่น
ไม่ปล่อยให้เหลือบแฝงหากินกับเงินหลวงง่ายๆอีกแล้ว
ว่ากันตามแนวโน้มสถานการณ์ มันก็คือความเปลี่ยนแปลงที่สมควร นำไปสู่ความเหมาะสมตามความหมายในพจนานุกรมของคำว่า “ปฏิรูป” นั่นเอง
แค่นี้ก็พอที่ “นายกฯลุงตู่” จะเอ่ยอ้างได้
แม้มันอาจจะไม่เพียงพอกับคนที่ตั้งความหวังไว้มากๆอย่าง “เดอะปื๊ด” นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย ที่เพิ่งออกมาแสดงอาการเหนื่อย
“ท้อใจ” งานปฏิรูปในภาพรวมไม่เห็นว่าจะไปจบลงอย่างไร
ไม่แน่ใจว่าการปฏิรูปจะสำเร็จหรือไม่
ตามสไตล์ยี่ห้อ “บวรศักดิ์” ที่ไม่ค่อยมีภูมิคุ้มกันอาการผิดหวัง อย่างที่เคยแสดงอารมณ์ตอนร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “นางฟ้า” โดนคว่ำไม่เป็นท่า
เป็นที่มีของวาทกรรม “เขาอยากอยู่ยาว”
“บวรศักดิ์” เล่นเอาทีมงาน คสช. ต้องเจอแรงกดดัน เผชิญเสียงโห่ฮามาพักใหญ่ มารอบล่าสุด “เดอะปื๊ด” ก็เปิดปมปฏิรูปเหลว เรียกแขกให้ “นายกฯลุงตู่”
กระตุกภาวะ“อุปาทานหมู่” ตามอาการของคนพรรคเพื่อไทย กับคนของประชาธิปัตย์รีบกระโดดเข้าร่วมวงแห่กระแส กระแนะกระแหน แดกดัน“ลุงตู่”ทำเสียของ
4 ปี คสช.ไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ถึงขั้นเค้นคอถาม ใครจะรับผิดชอบกับเวลาที่เสียไป
แต่อีกมุม คิวนี้ก็เหมือน “เดอะปื๊ด” เขี่ยลูกให้ “นายกฯลุงตู่” ได้จังหวะโชว์เนื้องาน
11 วาระปฏิรูป 137 กิจกรรม ที่ทำจริงๆไม่ได้พูดด้วยปากอย่างเดียว
ตามเนื้องานแบบที่เห็นกันตรงหน้า
ปฏิรูปการเมืองให้พ้นจากกับดักขั้วขัดแย้ง สลายสี มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก
การปฏิรูปเศรษฐกิจที่เกิดความร่วมมือจากภาคเอกชนและประชาชนมากที่สุดในรูปแบบของประชารัฐ จนเศรษฐกิจโตกว่าร้อยละ 4 จากที่ติดลบ
การส่งเสริมพัฒนาการค้า การลงทุน ผุดเมกะโปรเจกต์ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โครงการรถไฟความเร็วสูง
ครั้งแรกในประเทศไทย บัตรคนจนถึงมือชาวบ้านโดยตรง ชนบทมีอินเตอร์เน็ตใช้ทั่วถึง
โครงการเสริมสร้างสุขภาพ การศึกษา การปฏิรูปด้านสังคม ทำให้ประเทศสงบสุข ทุกสีสามารถคุยกันได้ ทำกิจกรรมร่วมกันได้ โดยที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลสามารถเดินทางไปได้ทุกจังหวัด
การปฏิรูปด้านความมั่นคง พัฒนาศักยภาพกองทัพให้ทัดเทียมนานาประเทศ
โดยเงื่อนไขสถานการณ์ 4 ปีรัฐบาล คสช. เทียบกับ 4 ปีก่อน คสช.เข้ามา
“นายกฯลุงตู่” มีการบ้าน “ปฏิรูป” ส่งเต็มโต๊ะก็แล้วกัน.
ทีมข่าวการเมือง