PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2561

“บิ๊กป้อม” ชู 3 นิ้วI love you..

หายป่วย เลย!!
“บิ๊กป้อม” ชู 3 นิ้วI love you.... ยิ้มแป้น ท่ามเสียง ปรบมือ และเสียงขอบคุณ บิ๊กป้อม จากชาวอิสาน ที่ได้รับ โฉนดที่ดิน คืน จากเจ้าหนี้นอกระบบ 1,778 คน 1,523 ฉบับ รวม 6,309 ไร่ ชาวอุดร มอบดอกไม้ขอบคุณ
ทันทีที่ หายป่วย จากอาการอาหารเป็นพิษจนติดเชื้อในกระแสโลหิตแล้ว...พลเอกประวิตร ก็เดินทางไปจังหวัดอุดรธานี มอบโฉนดที่ดิน คืนชาวอุดรฯ 1,778 คน 1,523 ฉบับ รวม 6,309 ไร่ หลังเคลียร์ปัญหากับเจ้าหนี้นอกระบบได้ กว่า 7,000 ไร่ และรถยนต์จำนวนมาก มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ลั่น อย่าโดดเดี่ยวประชาชน./ลงพื้นที่ ติดตามขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบในพื้นที่ภาคอีสาน ถือเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องลงไปดูแลบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กห. พร้อมด้วย พลเอกเทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกลาโหม พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางไปมอบนโยบายและติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ อุดรธานี
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า ในภาพรวม จากการสำรวจและรับแจ้งจากประชาชน. พบข้อมูลประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน มีสถานะเป็นลูกหนี้นอกระบบ จำนวน 5.6 แสนคน หรือ กว่าครึ่งหนึ่งของผู้เป็นหนี้นอกระบบทั้งประเทศ จำนวนกว่า 9 แสนราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนและเกษตรกรที่มีรายได้น้อยไม่เพียงพอ ต้องการกู้เงิน เพื่อความจำเป็นในการใช้จ่ายลงทุนประกอบอาชีพ หรือกู้ฉุกเฉิน เพื่อการศึกษาและรักษาพยาบาล โดยไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ จึงกู้หรือหยิบยืมผ่านนายทุนนอกระบบ ที่ทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม จนเกิดภาระทางกฎหมายและสูญเสียทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ดินทำกิน บ้านพักอาศัย หรือเครื่องมือทำการเกษตร และยังเกิดภาระทางการเงินที่ต้องผ่อนชำระหนี้เกินกำลัง พร้อมกับต้องพบกับการติดตามทวงหนี้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการข่มขู่ การใช้ความรุนแรงหรือทำให้อับอาย ซึ่งส่งผลต่อสภาวะจิตใจและคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว
ทั้งนี้ จากรายงานความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบทั้งประเทศปัจจุบัน สามารถร่วมเจรจาไกล่เกลี่ย ทำข้อตกลงประนอมและปรับโครงสร้างหนี้กับทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้แล้ว รวม 209,538 ราย
ขณะเดียวกัน ได้ร่วมกันใช้มาตรการทางกฎหมายกับเจ้าหนี้นอกระบบ ผ่าน “ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน” ที่จัดตั้งขึ้น ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทั่วประเทศ
โดยปัจจุบัน ได้ร่วมกันดำเนินการและสามารถนำกลับมาซึ่งทรัพย์สินของประชาชน จากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม เป็นโฉนดที่ดินกว่า 7,000 ไร่ และรถยนต์จำนวนมาก มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นนโยบายว่า รัฐบาลปัจจุบัน มิได้ละเลยต่อปัญหาดังกล่าว โดยกำลังเข้าไปแก้ไขปัญหาฐานรากและถือเป็นวาระสำคัญในยุทธศาสตร์ชาติ “ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม” ที่ต้องขับเคลื่อนแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมทางสังคมอย่างจริงจังและต่อเนื่องกันไป เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและให้ทุกคนสามารถลุกขึ้นยืนและเดินหน้าเข้มแข็งไปด้วยกัน
โดยปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายกฎหมาย ได้ร่วมกันแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากหนี้นอกระบบ ซึ่งกำลังดำเนินการร่วมกัน ทั้งมาตรการเจรจาไกล่เลี่ย และมาตรการทางกฎหมายควบคู่กันไปอย่างจริงจัง
พร้อมกันนี้ ได้กล่าวชื่มชมและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่พยายามทำงานหนักร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
โดยกำชับว่า อย่าโดดเดี่ยวประชาชน ให้ทุกฝ่ายใช้กลไกระดับภาคและจังหวัด สำรวจและรับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากหนี้นอกระบบที่ทะยอยแจ้งเพิ่มเติม พร้อมทั้งให้ขับเคลื่อนแก้ปัญหาร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยประสานข้อมูลและทำงานร่วมกันให้เป็นผลอย่างจริงจังต่อเนื่องกันไป ทั้งการไกล่เกลี่ยและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย
พร้อมกันนี้ ให้ทะยอยส่งคืนทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ดินทำกินให้กับประชาชนทั่วประเทศเป็นระยะๆ เพื่อให้ประชาชนกลับมามีที่ดินทำกินของตนเองได้ดังเดิม
ต่อจากนั้น พลเอกประวิตร ได้ร่วมพิธีส่งมอบโฉนดที่ดิน กลับคืนให้กับประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบในพื้นที่ภาคอีสาน จำนวน 1,778 คน เป็นโฉนดที่ดิน จำนวน 1,523 ฉบับ รวม 6,309 ไร่
ซึ่งในวันเดียวกันนี้ ในทุกจังหวัด ได้กระทำพิธีมอบทรัพย์สินคืนให้กับประชาชน 2,287 คนพร้อมๆกันทั่วประเทศในภาพรวม เป็นโฉนดที่ดินกว่า 7,000 ไร่ และรถยนต์จำนวนมาก มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท
...............

โจทย์ยากกว่า ‘ทักษิณ’

โจทย์ยากกว่า ‘ทักษิณ’



คลื่นสัญญาณแรงๆที่โยงกับการเดินหน้าเข้าโหมดเลือกตั้ง
ตามปรากฏการณ์ที่ประชุม คสช.ถกด่วน ก่อนร่อนคำสั่งมาตรา 44 เด้ง พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร พ้นเก้าอี้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แบบกะทันหัน
เบื้องหลังเบื้องลึก ข่าวทุกสายตรงกันมาจากอาการ “เกียร์ว่าง”
ฝ่ายความมั่นคง คสช.เกิดเครื่องหมายคำถาม ค้างคาใจ พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ ที่ไม่บี้ไล่เช็ก ตรวจสอบเส้นทางเงินของขุมข่าย “ทักษิณ” โดยเฉพาะ “เจ๊” ขาใหญ่พรรคเพื่อไทย ทั้งๆที่รู้กันดีว่า ยุทธศาสตร์สำคัญของ คสช.คือการไล่อุด ตามล็อก “ท่อน้ำเลี้ยง” ของ “นายใหญ่”
ลดอิทธิฤทธิ์ ทอนกำลังเพื่อไทยในสนามเลือกตั้ง
นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับการพบเส้นทางการเงินที่โยงกับขบวนการป่วน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ทีเด็ดที่ฝ่ายความมั่นคงจะใช้เป็น “หมัดน็อก” ใครบางคนบางพรรค
โดยสถานการณ์เบอร์หนึ่ง ปปง.มา “เฉื่อย” ในจังหวะสำคัญ ตามฤกษ์งามยามดีที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ตัดบท ทนการรบเร้าของนักข่าวไม่ไหว
แบไต๋เดือนกันยายนจะหงายไพ่ บอกอนาคตการเมือง
ในจังหวะใกล้เคียงกันพอดีกับโปรแกรมที่นายชวน ชูจันทร์ ผู้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ เตรียมนัดประชุมพรรคเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคช่วงปลายสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายน
มันจะเกี่ยวโยงกันอย่างบังเอิญจงใจหรือไม่
ที่แน่ๆแทงหวยได้ คำตอบคือ “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วไปต่อแน่
เพื่อเป้าหมายปลายทางการปฏิรูปประเทศไทย วางยุทธศาสตร์ชาติในระยะยาวให้สำเร็จ
แต่จะบอกชัดเจนถึงการระบุสังกัด ขึ้นแท่นเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค เป็น 1 ใน 3 ของบัญชีนายกฯป้อมค่ายการเมืองเลยหรือไม่ โดยเงื่อนไขสถานการณ์อาจจะยังไม่ถึงขั้นนั้น
เพราะมันจะมีผลต่อแรงเสียดทาน การเปิดช่องให้นักการเมืองเขี้ยวลากดินไล่บี้ไล่ต้อน
ตามเหลี่ยมแห่กระแสกดดันสปิริตให้ “นายกฯลุงตู่” ลาออก อย่าเอาเปรียบคู่ต่อสู้
ฟอร์มแบบนี้มันรู้แกว เดาทางกันง่ายๆ
เบื้องต้นเลย ผู้นำรัฐบาล คสช.คงใช้จังหวะหงายไพ่ไปต่อทางการเมือง พร้อมๆกับการปล่อยไฟเขียว “คลายล็อก” กฎเหล็กการเมืองระดับหนึ่งให้พรรคการเมืองต่างๆ
แก้ปม “ลักลั่น” รัฐบาล คสช.โดนโจมตี “หลิ่วตา” ให้กลุ่มสามมิตรเดินสายรวบรวมไพร่พล ขณะที่ป้อมค่ายการเมืองอื่นติดล็อกกฎเหล็ก
โดยรูปเกมต้องเบรกกระแสคนไทยชอบเชียร์มวยรองไว้ก่อน
แต่อีกทางก็เหมือนจงใจปล่อยให้ไหลเข้า “เงี่ยง” กฎหมาย
ในอารมณ์ที่คนของเพื่อไทยตีปี๊บโวยวายกลุ่มสามมิตรเดินสายทางการเมืองแบบโจ๋งครึ่ม ประจาน คสช. 2 มาตรฐาน แต่อีกทางลูกข่ายอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ก็ใส่เสื้อแดงแขวนกระดิ่ง แห่ไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์ “นายใหญ่” แบบโจ่งแจ้งทั้งที่ลอนดอน อังกฤษ และฮ่องกง
ตามฉากที่ “ทักษิณ” ประกาศโต้งๆสงครามยังไม่จบ มั่นใจเพื่อไทยชนะแบบหิมะถล่ม
โดยปมคนนอก “แทรกแซง” กิจการพรรค มันหนักหนากว่าเยอะ
เอาเป็นว่ามาถึงตรงนี้ ยี่ห้อ “ทักษิณ” ไม่ใช่ปัญหาสำคัญแล้ว
แนวโน้มโจทย์ใหญ่ของ “ลุงตู่” ก็อยู่ที่สนิมเนื้อในตน
“ปมด้อย” เพื่อน พ้อง น้อง พี่ นั่นแหละ
ปรากฏการณ์แบบที่ล่าสุดโฟกัสจากการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดที่เพิ่งผ่าน ครม.ในวันที่ “พี่รอง” อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยื่นใบลาประชุมเพราะป่วย
ตามรูปการณ์ที่สื่อมองตรงกันว่าเป็นการรองรับการเลือกตั้ง
แต่อีกมุมมันก็น่าเอะใจ โผโยกย้ายพ่อเมืองรอบนี้ มีเรื่องแปลกๆที่ชื่อส่วนใหญ่หน้าคุ้นๆเป็นคนเติบโตมาใต้ปีก “เนวิน ชิดชอบ” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งบุรีรัมย์
โดยเงื่อนไขสถานการณ์ทำให้คิดได้ว่า “บิ๊กป๊อก” แท็กทีม “เนวิน” โดดเกาะยี่ห้อภูมิใจไทย
เพราะเสียวตกขบวน “พลังประชารัฐ” หวั่นไม่ได้ไปต่อกับ “ลุงตู่”
ในจังหวะที่คนของพรรคเพื่อไทยโวย “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย เดินสายทอดผ้าป่า “ดูด” ส.ส.ในภาคอีสาน ไดโว่ยี่ห้อภูมิใจไทยเดินเครื่องเงียบแต่แรง
ไม่แพ้ทีม “สามมิตร” ที่ดังโครมคราม.
ทีมข่าวการเมือง

ฟุตบอลสามมิตรทบ.

วงแตก!!

“บิ๊กเจี๊ยบ” ปัด นัด”สมศักดิ์-สามมิตร”เตะบอล เย็นนี้ ที่ทบ. เผยไม่ได้เป็นคนนัด แต่รู้ว่า ทีมทบ. มีนัดเตะ กับทีม ฒ.แต่ไม่รู้ว่ามี “สมศักดิ์” เผย ไม่ลงมาเตะ อยู่แล้ว แถมตอนนี้ อยู่ อุดรฯ กับบิ๊กป้อม / เผย”สมศักดิ์” ใช้ภาพประธานทีมฟุตบอล สุโขทัย นำ มา

หลังกระแสข่าวสะพัดว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร จะนำทีมมาเตะฟุตบอล กับ บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และเลขาฯคสช. ที่กองทัพบก เย็นนี้ ......

แต่ ก็วงแตก....เมื่อ”บิ๊กเจี๊ยบ” บอก ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้เป็นคนนัด. รู้แต่ว่า มีทีมนักฟุตบอลอาวุโส “ฒ.” จะมาเตะ กับทีม ทบ. แต่ไม่รู้ว่า มีนายสมศักดิ์ รวมอยู่ด้วย  แต่วันนี้ ตนเองก็จะไม่ได้ลงมาเตะ อยู่แล้ว.

อีกทั้งขณะนี้ ยังคงร่วมคณะ พลเอกประวิตร ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อมอบโฉนดที่ดินคืนให้แก่ประชาชน ที่ถูกเจ้าหนี้นอกระบบ ยึดไป จากการทำสัญญาที่ ไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า นายสมศักดิ์ ใช้ภาพ  ของ ประธานทีมฟุตบอล สุโขทัย นำ การประสานขอเตะฟุตบอลกับทีมกองทัพบก โดยเป็นการประสานกันในระดับล่างล่าง โดยที่ พลเอกเฉลิมชัย ไม่ได้รับทราบด้วย แต่ได้เชิญพลเอกเฉลิมชัยให้ลงมาเตะเย็นนี้ โดยที่ไม่ได้บอกว่ามีใครมาเตะบ้าง

ทั้งนี้เมื่อวันจันทร์ ที่ผ่านมา พลเอกเฉลิมชัย ได้เตะฟุตบอลกับ นายสาธิตปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ ทบ.....แต่เป็นการเตะในฐานะที่เป็นเพื่อนพี่น้องที่รู้จักกันมานานหลายปี ในฐานะเป็นคนในพื้นที่ตะวันออก ด้วยกันและ เคยเตะบอลด้วยกันมาหลายครั้งแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง

ปลดประวิตรคตช.

คำตอบ ซอล์ฟ ซอล์ฟ 

“บิ๊กตู่” แจง”ปรับ”บิ๊กป้อม”พ้น”คตช.” ไม่เกี่ยว ปม นาฬิกาหรู  แค่ อยากแบ่งเบาภาระ. มอบ”ฉัตรชัย” ดูแทน  /หลัง “ต่อตระกูล”ไม่สบายใจ บทบาท “บิ๊กป้อม” ในคตช.

พลเอก ประยุทธ์  กล่าวถึง การใช้ ม.44 ตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) โดย ปรับรายชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาประธานกรรมการ ว่า ไม่มีอะไร แค่แบ่งงาน ท่านออกมาบ้าง 

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ที่มีชื่อเป็นรองประธาน ยังไม่ได้รับผิดชอบ จึงแบ่งงานของ พล.อ.ประวิตร ออกมาเท่านั้นเอง ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น อย่าไปคิดให้เป็นอย่างอื่นสิ ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้นแหละ

เมื่อถามว่า เหตุผลที่ปรับชื่อพล.อ.ประวิตรออก ไม่ใช่เพราะเหตุผลเรื่องนาฬิกาหรูใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่เกี่ยว ผมไม่สนใจ เรื่องไหน ใครตรวจสอบ ก็รับไปสิ เขาตรวจสอบว่า อย่างไรก็ว่าตามนั้น ผมไปเกี่ยวอะไรเล่า ไม่เกี่ยว 

แล้วทำไมเธอไม่ถามล่ะ คุณต่อตระกูล ทำไมยังอยู่ ผมเอาออกหรือเปล่า ก็ว่าโน้นว่านี่อยู่บ่อยๆ ก็ยังอยู่เหมือนเดิมในคณะ ผมไม่ได้ตั้งแบบนี้"

เมื่อถามย้ำถึงเหตุผลของการปรับโครงสร้างในคตช.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการปรับให้พล.อ.ฉัตรชัยมารับผิดชอบ เพราะคณะต่างๆ ต้องแบ่งงานของพล.อ.ประวิตร ออกมาบ้าง ซึ่งมีตั้ง 50 คณะ คตช.จะได้ประชุมบ่อยครั้งขึ้น ไม่เช่นนั้น พล.อ.ประวิตร จะติดประชุมเยอะหลายคณะ

เมื่อถามว่า เหตุผลที่ปรับนั้นเพื่อภาพลักษณ์รัฐบาลด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถามก่อนเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันทีพร้อมส่ายหัวเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ นายต่อตระกูล ยมมนาค หนึ่งในคณะกรรมการคตช. เคยออกมาตั้งข้อสังเกตถึงการดำเนินการที่ล่าช้าในการตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร และเคยทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคตช. โดยเนื้อหาในหนังสือ แสดงความกังวลต่อบทบาทของพล.อ.ประวิตร ที่กำลังถูกตรวจสอบเรื่องที่มาของนาฬิกาหรู