PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2561

โจทย์ยากกว่า ‘ทักษิณ’

โจทย์ยากกว่า ‘ทักษิณ’



คลื่นสัญญาณแรงๆที่โยงกับการเดินหน้าเข้าโหมดเลือกตั้ง
ตามปรากฏการณ์ที่ประชุม คสช.ถกด่วน ก่อนร่อนคำสั่งมาตรา 44 เด้ง พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร พ้นเก้าอี้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แบบกะทันหัน
เบื้องหลังเบื้องลึก ข่าวทุกสายตรงกันมาจากอาการ “เกียร์ว่าง”
ฝ่ายความมั่นคง คสช.เกิดเครื่องหมายคำถาม ค้างคาใจ พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ ที่ไม่บี้ไล่เช็ก ตรวจสอบเส้นทางเงินของขุมข่าย “ทักษิณ” โดยเฉพาะ “เจ๊” ขาใหญ่พรรคเพื่อไทย ทั้งๆที่รู้กันดีว่า ยุทธศาสตร์สำคัญของ คสช.คือการไล่อุด ตามล็อก “ท่อน้ำเลี้ยง” ของ “นายใหญ่”
ลดอิทธิฤทธิ์ ทอนกำลังเพื่อไทยในสนามเลือกตั้ง
นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับการพบเส้นทางการเงินที่โยงกับขบวนการป่วน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ทีเด็ดที่ฝ่ายความมั่นคงจะใช้เป็น “หมัดน็อก” ใครบางคนบางพรรค
โดยสถานการณ์เบอร์หนึ่ง ปปง.มา “เฉื่อย” ในจังหวะสำคัญ ตามฤกษ์งามยามดีที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ตัดบท ทนการรบเร้าของนักข่าวไม่ไหว
แบไต๋เดือนกันยายนจะหงายไพ่ บอกอนาคตการเมือง
ในจังหวะใกล้เคียงกันพอดีกับโปรแกรมที่นายชวน ชูจันทร์ ผู้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ เตรียมนัดประชุมพรรคเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคช่วงปลายสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายน
มันจะเกี่ยวโยงกันอย่างบังเอิญจงใจหรือไม่
ที่แน่ๆแทงหวยได้ คำตอบคือ “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วไปต่อแน่
เพื่อเป้าหมายปลายทางการปฏิรูปประเทศไทย วางยุทธศาสตร์ชาติในระยะยาวให้สำเร็จ
แต่จะบอกชัดเจนถึงการระบุสังกัด ขึ้นแท่นเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค เป็น 1 ใน 3 ของบัญชีนายกฯป้อมค่ายการเมืองเลยหรือไม่ โดยเงื่อนไขสถานการณ์อาจจะยังไม่ถึงขั้นนั้น
เพราะมันจะมีผลต่อแรงเสียดทาน การเปิดช่องให้นักการเมืองเขี้ยวลากดินไล่บี้ไล่ต้อน
ตามเหลี่ยมแห่กระแสกดดันสปิริตให้ “นายกฯลุงตู่” ลาออก อย่าเอาเปรียบคู่ต่อสู้
ฟอร์มแบบนี้มันรู้แกว เดาทางกันง่ายๆ
เบื้องต้นเลย ผู้นำรัฐบาล คสช.คงใช้จังหวะหงายไพ่ไปต่อทางการเมือง พร้อมๆกับการปล่อยไฟเขียว “คลายล็อก” กฎเหล็กการเมืองระดับหนึ่งให้พรรคการเมืองต่างๆ
แก้ปม “ลักลั่น” รัฐบาล คสช.โดนโจมตี “หลิ่วตา” ให้กลุ่มสามมิตรเดินสายรวบรวมไพร่พล ขณะที่ป้อมค่ายการเมืองอื่นติดล็อกกฎเหล็ก
โดยรูปเกมต้องเบรกกระแสคนไทยชอบเชียร์มวยรองไว้ก่อน
แต่อีกทางก็เหมือนจงใจปล่อยให้ไหลเข้า “เงี่ยง” กฎหมาย
ในอารมณ์ที่คนของเพื่อไทยตีปี๊บโวยวายกลุ่มสามมิตรเดินสายทางการเมืองแบบโจ๋งครึ่ม ประจาน คสช. 2 มาตรฐาน แต่อีกทางลูกข่ายอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ก็ใส่เสื้อแดงแขวนกระดิ่ง แห่ไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์ “นายใหญ่” แบบโจ่งแจ้งทั้งที่ลอนดอน อังกฤษ และฮ่องกง
ตามฉากที่ “ทักษิณ” ประกาศโต้งๆสงครามยังไม่จบ มั่นใจเพื่อไทยชนะแบบหิมะถล่ม
โดยปมคนนอก “แทรกแซง” กิจการพรรค มันหนักหนากว่าเยอะ
เอาเป็นว่ามาถึงตรงนี้ ยี่ห้อ “ทักษิณ” ไม่ใช่ปัญหาสำคัญแล้ว
แนวโน้มโจทย์ใหญ่ของ “ลุงตู่” ก็อยู่ที่สนิมเนื้อในตน
“ปมด้อย” เพื่อน พ้อง น้อง พี่ นั่นแหละ
ปรากฏการณ์แบบที่ล่าสุดโฟกัสจากการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดที่เพิ่งผ่าน ครม.ในวันที่ “พี่รอง” อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยื่นใบลาประชุมเพราะป่วย
ตามรูปการณ์ที่สื่อมองตรงกันว่าเป็นการรองรับการเลือกตั้ง
แต่อีกมุมมันก็น่าเอะใจ โผโยกย้ายพ่อเมืองรอบนี้ มีเรื่องแปลกๆที่ชื่อส่วนใหญ่หน้าคุ้นๆเป็นคนเติบโตมาใต้ปีก “เนวิน ชิดชอบ” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งบุรีรัมย์
โดยเงื่อนไขสถานการณ์ทำให้คิดได้ว่า “บิ๊กป๊อก” แท็กทีม “เนวิน” โดดเกาะยี่ห้อภูมิใจไทย
เพราะเสียวตกขบวน “พลังประชารัฐ” หวั่นไม่ได้ไปต่อกับ “ลุงตู่”
ในจังหวะที่คนของพรรคเพื่อไทยโวย “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย เดินสายทอดผ้าป่า “ดูด” ส.ส.ในภาคอีสาน ไดโว่ยี่ห้อภูมิใจไทยเดินเครื่องเงียบแต่แรง
ไม่แพ้ทีม “สามมิตร” ที่ดังโครมคราม.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: