PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561

"ยังไม่รู้ว่าจะรับ หรือเปล่า"

"ยังไม่รู้ว่าจะรับ หรือเปล่า"
‪"บิ๊กตู่"ขอบคุณ"สมคิด"หนุนเป็นนายกฯ ไม่ปัดป้องข่าวตั้งพรรค แต่ออกตัวว่า ยังไม่รู้จะรับ รึเปล่า?‬
‪พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ และหัวหน้าคสช.กล่าวถึงการที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯจะสนับสนุนเป็นนายกฯต่อไป ท่ามกลางกระแสข่าวตั้งพรรคการเมือง ว่า“ก็ขอบคุณ แต่ผมยังไม่รู้เลยว่า จะรับหรือเปล่า ยังไม่รู้นะ ต้องพิจารณาด้วยกัน โอเค.นะ”‬

"บิ๊กป้อม" ทำหน้างง ! ปัด ไม่รู้ ไม่เห็น แผนปฏิรูปประเทศ ให้ข้าราชการ เกษียณอายุ ที่ 63ปี

"บิ๊กป้อม" ทำหน้างง ! ปัด ไม่รู้ ไม่เห็น แผนปฏิรูปประเทศ ให้ข้าราชการ เกษียณอายุ ที่ 63ปี ถาม"ที่ไหน ให้เกษียณ 63 ไม่มี"
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม และ รองหัวหน้า คสช. ทำหน้างง บอกไม่รู้ เมื่อนักข่าว ถามถึง"พิมพ์เขียว" แผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข-สังคม ชงรัฐบาล-กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ขยายอายุเกษียณราชการจาก 60 ปีเป็น 63 ปี ตั้งเป้าเริ่มใช้กับ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกษียณ ปี 2567
"ที่ไหน ให้เกษียณ 63 ไม่มี" พลเอกประวิตร กล่าว เมื่อถามย้ำว่า ได้ให้ รัฐบาล หรือ คสช. รับทราบก่อนหรือไม่

ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องปฏิรูป 11 เรื่อง ใน 6 เล่ม เมื่อวันที่ 6 เมษายน ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 2,166 หน้า นั้น
ที่น่าสนใจ คือ ในเล่มที่ 5 ว่าด้วยแผนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านสังคม ซึ่งมีจำนวน 277 หน้า
โดยเนื้อหาดังกล่าวอยู่ในหน้า 34 ในแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เรื่องและประเด็นปฏิรูปที่ 2 กลุ่มผู้เสียเปรียบในสังคม ข้อ 3.การเสริมสร้างศักยภาพผู้สูงอายุในการทำงาน
กิจกรรมที่ 1 ที่ระบุให้ขยายอายุเกษียณราชการจาก 60 ปี เป็น 63 ปี (โดยใช้เวลา 6 ปี) เพื่อเป็นต้นแบบในการขยายเวลาการทำงานและค่อยๆ ขยายเวลาเป็น 2 ปี ขยาย 1 ปี เพื่อจะไม่กระทบต่อการจ้างงานคนรุ่นใหม่ที่ทดแทนคนที่เกษียณอายุ โดยไม่ครอบคลุมหน่วยงานที่ต้องใช้ศักยภาพทางร่างกาย
สำหรับวิธีการกำหนดให้ 1.ศึกษาความเหมาะสมของตำแหน่งที่จะมีการขยายอายุเกษียณ
2.แก้ไขพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญให้ขยายอายุเกษียณราชการเป็น 63 ปี
ผู้รับผิดชอบหลักคือ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) มีเป้าหมายคือ ข้าราชการ, พนักงาน, รัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐเกษียณอายุที่ 63 ปี ในปี 2567 และมีตัวชี้วัดเป็นข้าราชการ, พนักงาน, รัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีศักยภาพมีอายุเกษียณเพิ่มขึ้น 1 ปี ในทุกๆ 2 ปี กระทั่งปี 2567

นิสิตอธิบายเหตุผลป้าย ‘ชาวจุฬาฯ รักเผด็จการ’ ขอมหาวิทยาลัยทบทวนบทบาท

นิสิตอธิบายเหตุผลป้าย ‘ชาวจุฬาฯ รักเผด็จการ’ ขอมหาวิทยาลัยทบทวนบทบาท เสาหลักของแผ่นดิน
.
วันนี้หลายคนอาจได้เห็นภาพข่าวที่กลุ่มนิสิต ได้ออกมาถือป้าย ‘ชาวจุฬาฯรักลุงตู่’ (แต่ขีดฆ่าคำว่าลุงตู่ พร้อมใส่วงเล็บเป็นคำว่า ‘เผด็จการ’ แทน) ในช่วงหลังจากที่นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เดินทางมากล่าวปาฐกถาที่จุฬาฯ
.
เฟซบุ๊กของ Tanawat Wongchai ได้ออกมาระบุถึงเหตุผล และที่มาขอป้ายดังกล่าวว่า ต้องการแสดงจุดยืนคัดค้านผู้บริหารของมหาวิทยาลัย โดยตั้งข้อสังเกตของจุดยืนผู้บริหารที่กำลังสนับสนุนรัฐบาลและกำลัง ‘แลกเปลี่ยนผลประโยชน์’
.
“เราไม่เห็นด้วยที่ผู้บริหารของจุฬาฯ กำลังประทับตรารับรองความชอบธรรมให้กับรัฐบาลซึ่งมีที่มาอย่างไม่ถูกต้องในทุกมิติ รัฐบาลที่กดขี่สิทธิและเสรีภาพของประชาชนอยู่ตลอดเวลา รัฐบาลที่โดยเปรียบเทียบแล้วได้ช่วยเหลือคนที่ร่ำรวยที่สุดที่มีสัดส่วนเพียง 1% ในสังคม แต่ทอดทิ้งคนในสังคมอีก 99% ไว้ข้างหลัง” คือข้อความที่ระบุผ่านเฟซบุ๊ก
.
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ผู้บริหารของมหาวิทยาลัย ทบทวนจุดยืนของการเป็นเสาหลักของแผ่นดิน และกลับมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพทางความคิด
.
“เรายังคงหวังลึกๆ อยู่ในใจว่าผู้บริหารของจุฬาฯ จะยอมทบทวนบทบาทการเป็น “เสาหลักของแผ่นดิน” ของสถาบันนี้ และนำพามหาวิทยาลัยให้กลับมาเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นแหล่งส่งเสริมเสรีภาพทางความคิดและวิชาการ เป็นสถาบันทางการศึกษา มิใช่สถานที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ หรือการทำธุรกิจค้าหากำไรใดๆ ทั้งสิ้น”
.
ส่วนปาฐกถาในวันนี้ นายกฯ ได้ขึ้นพูดในหัวข้อ ‘จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน’ เนื้อหาส่วนหนึ่งได้แนะนำให้ชาวจุฬาฯ ช่วยคิดหาวิธีการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
.
“ผมก็ต้องตั้งคำถามว่าแล้วบ้านเมืองจะเดินหน้าไปอย่างไร เพราะสิ่งทั้งหมดไม่สามารถทำได้ด้วยวันเดียว บางอย่างถ้าเห็นสมควรเปลี่ยนแปลงก็ต้องเปลี่ยนแปลง” นายกฯ ลุงตู่ กล่าวบทเวที
.
.
อ้างอิงจาก

การเมืองภาคบังคับ ทหารตีตั๋วต่อ

การเมืองภาคบังคับ ทหารตีตั๋วต่อ



คลายล็อกพรรคขานชื่อสมาชิก “3ขั้ว” ชิงอำนาจ

อั้นมานานเกือบ 4 ปี ถูกยึดเวทีครบเทอมเลือกตั้งแล้ว

ตามแนวโน้มสถานการณ์มันก็ไม่น่าแปลกใจ กับปรากฏการณ์ที่นักการเมือง เหล่านักเลือกตั้งอาชีพ พากันออกอาการคึกคักเหมือนผีเพิ่งฟื้นจากหลุมกลับมา ทันทีที่ คสช.อนุญาตให้พรรคการเมืองเดิมทำการตรวจสอบสมาชิกพรรค ช่วงระหว่างวันที่ 1–30 เมษายน 2561


“คลายล็อก” กฎเหล็กห้ามนักการเมืองขยับ นับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2557

ออกฤทธิ์ออกเดชกันทันทีทันควัน

บรรยากาศแบบที่ป้อมค่ายการเมืองรีบประกาศให้ลูกพรรครายงานตัว เช็กสถานะสมาชิกกันเซ็งแซ่

เรียกแถว ขานชื่อกันแต่หัววัน

อันดับแรกเลย โฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทยที่คึกคัก ครึกครื้น ตามสถานะแชมป์เก่าที่กระแสเป็นต่อในสนาม

 โดยรูปการณ์ยังเป็น “เต็งหนึ่ง” มนต์ “ทักษิณ” ยังไม่เสื่อมขลังในภาคเหนือ ภาคอีสาน

ถือโอกาสประเดิมจัดงานรดน้ำดำหัวสงกรานต์ผู้อาวุโสในพรรคเป็นฉากอีเวนต์ตีปี๊บกระแส

ชิงจังหวะปลุกเรตติ้ง ออกตัวตามสไตล์โคตรเซียนการตลาด

ท่ามกลางลูกพรรคแห่กันมาหนาตา โชว์ภาพความอุ่นหนาฝาคั่ง พลังที่ยังแน่นปึ้ก

แต่ในความคึกคักของยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่ถือแต้มต่อทางกระแสเหนือคู่แข่ง

มันก็แฝงไว้ด้วยร่องรอยร้าวๆภายในพรรคเพื่อไทย

ตามอาการแปร่งๆแบบที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ต้องตอบคำถามนักข่าวประเด็นการยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคที่ยังไม่ได้สมัครอย่างเป็นการเป็นงาน

ตัวเต็งแม่ทัพกลับไม่มีชื่อในบัญชีสมาชิก

แถมบุคลิกที่แสดงออกให้จับทางได้ว่ากำลังอยู่ในห้วงหยั่งเชิงวัดใจ หยั่งน้ำเสียงพูดแบบไม่เต็มปากเต็มคำกับการยืนยันสถานะในพรรคเพื่อไทย

ตามเงื่อนไขสถานการณ์แรงต้านว่าที่หัวหน้าพรรคหญิงคนใหม่ที่เคลียร์กันไม่ลงตัว

สำทับกับภาพการแยกตัวไปอยู่คนละชั้นคนละห้องของ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำรุ่นเก๋า ที่มีข่าว “นายหญิง” จับมือไปเจรจาภาวะทางใจกันแล้วก็ยังไม่สำเร็จ

ยังไม่นับนางเสือ นางสิงห์ “ตัวจริง” ที่เป็นด่านต้าน “เจ๊หน่อย”

แกะรอย แค่ปมแย่ง “นอมินี” นำทัพเพื่อไทยยังส่อล่อกันพรรคแตก

ไหนจะเงื่อนเป็นเงื่อนตายแบบที่ “ป๋าเหนาะ”

นายเสนาะ เทียนทอง แกนนำรุ่นลายคราม ที่พูดเป็นนัยเรียกร้องให้คนตระกูลชินวัตรเลิกเล่นการเมือง เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเพื่อประชาชน

ไม่ใช่เป็นพรรคเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของเจ้าของบริษัทจำกัด

ต่อเนื่องกับประเด็นเซอร์ไพรส์ ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เปิดเผยเองเลยว่า “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยา ตัดสินใจวางมือทางการเมืองแล้ว

แนวโน้มเหมือนคนตระกูลชินฯก้มหลบต่ำกันหมด

แต่ก็อีกนั่นแหละ การออกตัวด้วยคำพูดน่ะมันง่าย แต่โดยพฤติการณ์มันยากจะทำให้สังคมเชื่อได้

ถึงแม้ปากบอกเลิกเล่นการเมืองเบื้องหน้า แต่ก็เห็นมาตลอดกับยุทธศาสตร์สับขาหลอก

นายใหญ่ นายหญิง คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง

ในเมื่อพลังแฝงทั้งหมดทั้งปวงของพรรคเพื่อไทยมันอยู่ที่ “ทักษิณ” กับคนตระกูลชินวัตร

อะไรไม่เท่ากับว่า แค่เริ่มต้นกลับมา “ป๋าเหนาะ” ก็ฝันถึง “ทักษิณ” จะได้กลับเมืองไทยแบบเท่ๆ

ในอารมณ์แบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เบอร์หนึ่งด้านความมั่นคง ทีมงาน คสช.หัวเราะหึๆในลำคอ บอกก็คงได้แค่ฝัน

ให้ตื่นมาดูกฎหมายด้วยว่ามีชนักปักอยู่กี่คดี

“เพื่อไทย–ทักษิณ” หนีไม่พ้นวังวนที่เป็นเงื่อนไขความขัดแย้งไม่รู้จักจบสิ้น

ขณะที่อีกขั้ว “คู่กัด” ก็คึกคักไม่น้อยไปกว่ากัน ตามสถานะของ “เต็งสอง” พรรคประชาธิปัตย์ขยับออกตัวรับจังหวะคลายล็อกป้อมค่ายการเมืองเก่าตั้งแต่วันแรก

เรียกเช็กชื่อสมาชิกพรรคก่อนใครเพื่อน

ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์อึมครึมที่ขุมข่ายของ

“ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส.ยังคงแฝงตัวเป็นหอกข้างแคร่อยู่เต็มพรรค

พร้อมเปิดเกมหักดิบทันทีที่ คสช.ไฟเขียวให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เลือกตั้งกรรมการบริหารใหม่
ประชาธิปัตย์ร้าวลึกไม่แพ้พรรคเพื่อไทย

แต่ด้วยสไตล์นักการเมืองอาชีพ แค่เริ่มต้นก็เปิดเกมบุกร้อนแรงทันที ในอารมณ์แบบที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รีบประกาศดังลั่น ใครสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯให้ออกไปอยู่พรรคอื่น พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯเท่านั้น

ชิงเตะตัดขา “นายกฯลุงตู่” แบบตั้งใจมาจากบ้านเลย

ตามเหลี่ยมโชว์จุดยืนประชาธิปัตย์ต่อต้านเผด็จการ มุกเก่า ฟอร์มเดิม สูตรถนัดยี่ห้อเก่าแก่ ฉวยสถานการณ์เป็นพระเอกในฟากฝั่งประชาธิปไตย ชูธงนำทัพต้านท็อปบูต

โดยลืมไม่พูดถึงอดีตการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร อุ้ม “อภิสิทธิ์” เป็นนายกรัฐมนตรี

ประชาธิปัตย์ต้องชิ่งออกจากเงาทหาร เพื่อไปสู้ในสนามเลือกตั้ง

“อภิสิทธิ์” ยังคงมีความหวังเล็กๆกับการรีเทิร์นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตามเงื่อนไขพรรคอันดับสองที่เป็นตัวแปรในสมการเสียงของรัฐบาลที่กั๊กกันอยู่ 3 ขั้ว

เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และกองหนุนทหาร

อย่างไรก็ตาม หยั่งสถานการณ์ประเมินจากอาการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาสวนหมัด “อภิสิทธิ์” ในทันที
เตือนพูดจาควรให้เกียรติกัน

ที่สำคัญยังบอกให้ประชาชนคอยจับตา เลือกตั้งแล้วจะเกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยไปถามเขาอีกทีแล้วกัน

นั่นสะท้อนว่า “นายกฯลุงตู่” ก็มั่นใจแต้มต่อที่ถืออยู่ในมือ

ที่แน่ๆ ณ วันนี้ ถือว่าประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยหงายไพ่หมดแล้ว

แนวโน้มอย่างที่เห็นอาการคึกคักในการขานชื่อสมาชิกพรรค กลับมาเปิดหน้าโชว์ตัว ซึ่งก็ล้วนแต่กลุ่มก๊วนเดิมๆ คนหน้าเก่าๆที่เคยร่วมกันก่อวิกฤติการเมืองมาทั้งนั้น

นักการเมืองกำลังจะกลับมากระตุกฝันร้ายรอบใหม่

ในบรรยากาศที่หัวเชื้อความขัดแย้งเก่าๆยังแฝงอยู่เต็มไปหมด

ม็อบป่วนเมืองผุดขึ้นมาในมโน ภาพเสื้อเหลืองยึดสนามบิน เสื้อแดงเผาเมือง กปปส.ปิดกรุงเทพฯ หลอนชาวบ้านทันทีที่เห็นนักการเมืองขยับกลับมา

นี่แหละคือไพ่เด็ดของทีมงาน “ลุงตู่” ชูธงได้เลยว่า ถ้าไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ประเทศถอยลงเหวแน่

กระแส พล.อ.ประยุทธ์ทำให้บ้านเมืองสงบยังขายได้

และยังมีเรื่องของกติกาการเลือกตั้งที่ล็อกโอกาสพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ยากที่จะโกยแต้มเป็นกอบเป็นกำแบบที่ตั้งรัฐบาลได้พรรคเดียว

เท่ากับปิดโอกาสเดียวที่ยี่ห้อ “ทักษิณ” จะยึดสภาฯ ทวงคืนอำนาจ

สรุปตามรูปการณ์มันยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์โหมดการเมืองภาคบังคับ ตามบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ผ่านประชามติ

สถานการณ์ยังเอื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนคุมเกมอำนาจช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี

เพียงแต่จุดของการเป็น “นายกฯคนนอก” เป็นเงื่อนไขที่นักการเมืองเริ่มตีปี๊บดักทางความสง่างาม

นั่นก็ทำให้ต้องมีการปรับแผน ยกระดับความชอบธรรมเป็น “นายกฯคนใน”

ล่าสุดกับการขยับของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ประกาศจุดยืนพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

เพราะเป็นคนดีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศไทย

ทำให้การเมืองนิ่ง การพัฒนาเศรษฐกิจรุดหน้า

และสังเกตว่า “สมคิด” พยายามจำกัดวงให้เป็นเรื่องคนรุ่นใหม่ลงสนามการเมือง เพื่อมาสนับสนุนคนดีอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำหน้าที่สานต่องานที่รัฐบาล คสช.ได้วางไว้

เพราะงานนี้รู้ไต๋กันอยู่ว่า ทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์จ้องเตะตัดขา
“ป้ายสี” เป็นพรรคทหาร คสช.
ล่อเป้า “สมคิด” ดิสเครดิตค่าย “พลังประชารัฐ”
ตัดตัวช่วย “ประยุทธ์” ตีตั๋วต่อ.
“ทีมการเมือง”

สูตร​เก่า​โผล่​อีก​แล้ว?

สูตร​เก่า​โผล่​อีก​แล้ว?



อุตส่าห์​เลกเชอร์​ยาว​ใน​แนว “การเมือง​สร้างสรรค์” ชวน​คน​รุ่น​ใหม่​เข้า​มา​ร่วม​กัน​พัฒนา​บ้านเมือง ที่​สำคัญ​ออกตัว​อายุ​มาก​แล้ว ยัง​ไม่​ตอบ​รับ​ร้อย​เปอร์เซ็นต์​จะ​เล่น​การเมือง​หรือ​ไม่
โยน​ให้​ไป​ถาม 2 รมต.​ที่​มี​ข่าว​ตั้ง​พรรคการเมือง รอง​รับ​แผน​ต่อ​ตั๋ว​ของ “นายกฯ​ลุง​ตู่” พล.อ.​ประยุทธ์ จันทร์​โอชา
แต่​สุดท้าย “ดร.​สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รอง​นายกฯ หัวหน้า​ทีม​เศรษฐกิจ​รัฐบาล ก็​ถูก​ตีความ​เกี่ยวโยงส่ง รมต.​ใกล้​ชิด​ไป​ตั้ง​พรรค​ คสช. ตี​ตรา​แบรนด์​ท็อป​บูต​สี​เขียว​ลาย​พราง​กัน​เสร็จ​สรรพ
ก็​ทำเอา​กัปตัน​ทีม​เศรษฐกิจ​อึ้ง​ไป​เหมือน​กัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องราว​ก็​ไม่ได้​ไป​ทาง​ร้าย เพียง​แต่​ว่า​นาที​นี้ “จอม​ยุทธ์​ก​วง” ต้องการ​มุ่ง​สมาธิ​ไป​ที่​งาน​ที่​รับผิดชอบ เช็ก​อิน​ที่​โจทย์​เศรษฐกิจ​เป็น​หลัก เจอ​ข่าว​หวือ​หวา​ฉูดฉาด​แบบ​นี้หวั่น​เสีย​จังหวะ​กัน​เล็กน้อย
แต่​ถ้า​ประเมิน​เสียง​ตอบ​รับ แรง​เชียร์​ให้​ขับเคลื่อน​การเมือง​สู่​แนวทาง​ใหม่​ใน​ธีม​สร้างสรรค์​แล้ว “จอม​ยุทธ์​ก​วง” ก็​คง​ทำได้​แต่​ท่อง​คาถา “หยวนๆกัน​ไป”
เอา​เข้า​จริง ก็​เอาใจช่วย “จอม​ยุทธ์” ให้​บรรลุ​ฝัน​กัน​ทั้งนั้น
ตาม​สถานการณ์​บ้านเมือง ณ นาที​นี้ น่า​จะ​เดิน​ไป​ตาม​โปรแกรม​อย่าง​ที่ “บิ๊ก​ตู่” พร่ำ​บอก กำหนดการ​เลือกตั้งดี​เดย์ ก.พ.​ปี 2562 คืน​อำนาจ​สู่​ประชาธิปไตย ปล่อย​มือ​ให้​ไป​เริ่ม​กัน​ใหม่​แน่นอน
ยิ่ง​ล่า​สุด​ถ้า​ประเมิน​จาก​ที่ “บิ๊ก​ไก่​อู” พล.ท.​สรรเสริญ แก้ว​กำเนิด โฆษก​รัฐบาล ย้ำ​อีก​ครั้ง หลัง​มี​การ​ยื่น​ตีความ​กฎหมาย​ลูก​ว่า​ด้วย​การ​เลือกตั้ง ส.ส.​เพิ่มเติม โปรแกรม​เลือกตั้ง​อาจ​ขยับ​เล็กน้อย
“แต่​นายกฯ ไม่​ต้องการ​ให้​ขยับ​โ​รด​แม็ป อาจ​ปรับ​ลด​เวลา​ต่างๆให้การ​เลือกตั้ง​อยู่​ใน​กรอบ​เวลา​เดิม”
จ่อ​หั่น​คิว​อื่น​ให้​ลง​ล็อก คืน​อำนาจ ก.พ.2562 เหมือน​เดิม
ไม่​เท่านั้น โฆษก​รัฐบาล​หน้า​มน​ยัง​เปิด​รายละเอียด​โปรแกรม ผู้​นำ​นัด​ล้อมวง​คุย​กับ​พรรคการเมือง​ที่​เดิม​กำหนด​ไว้​เดือน ​มิ.ย.​นี้ คิว​นัด​อาจ​ร่น​เวลา​เร็ว​ขึ้น อย่าง​ที่​นักการเมือง​ร้องขอ “อะไร​ที่​คุย​กัน​ได้​ก็​คุย​กัน​ก่อน”
“นายกฯ​ลุง​ตู่” พร้อม​ร่น​เวลา​เปิด​ฟลอร์ “ปรองดอง”
นั่น​ก็​ไม่​รู้​จะ​เกี่ยว​อะไร​กับ​พัก​หลัง เริ่ม​มี​สุ่ม​เสียง​พูด​ถึง​ทางออก​ของ​บ้านเมือง​ใน​ห้วง​เปลี่ยน​ผ่าน ที่​เกี่ยวโยง​กับ​อำนาจ​ของ​ขั้ว​ฝ่าย​ต่างๆ ต้อง​หัน​มา​ร่วมมือ​ร่วมใจ
สูตร “รัฐบาล​แห่งชาติ” ถูก​จุด​พลุ​ขึ้น​อีก​ครั้ง
รอบ​นี้​เป็น “ป๋า​เหนาะ” นาย​เสนาะ เทียนทอง แกน​นำ​กลุ่ม​วัง​น้ำ​เย็น นอกจาก​ถ้อยคำ​ที่​โฆษก​รัฐบาล​มอง​ว่า​บาดใจ ประเภท “ไส้เดือน​ถูก​ขี้เถ้า” แล้วยัง​เสนอ​ไอเดีย​รัฐบาล​แห่งชาติ​บริหาร​บ้านเมือง
ขณะ​ที่​รุ่น​อาวุโส​ฝ่าย​พรรค​ประชาธิปัตย์ ชวน หลีก​ภัย ประธาน​สภา​ที่​ปรึกษา​พรรค ไม่​ปฏิเสธ​แนวทาง​นี้ เพียง​แต่​เห็น​พูด​กัน​หลาย​ที แต่​ยัง​ไม่​เห็น​มี​ใคร​ทำให้​เป็น “รูปธรรม”
กลาย​เป็น​รัฐบาล​แห่ง “ชวด” กัน​ไป​ทุก​ครั้ง​ทุก​รอบ
นอกจาก​นี้​ยัง​มี​กระแส​ข่าว​แทรก​ใน​ท่วงทำนอง​เดียวกัน เป็น​หนัง​ม้วน​เก่า​ที่​เคย​ฉาย​มา​หลาย​รอบ ก่อน​หน้า​นี้​ใน​ห้วง​ก่อน​ปรับ ครม.​ปลาย​ปี 2560 ก็​มี​ข่าว​นักการเมือง​อาจ​เข้า​มา​ร่วม​วง​รัฐบาล​ คสช.
หาย​ไป​ไม่​นาน รอบ​นี้​กลับ​มา​ฉาย​ซ้ำ พร้อมๆกับ​ข่าว​ลือ​ยกเครื่อง​อำนาจ​พิเศษ​สอด​แทรก​เป็น​ระยะๆ
นั่น​ก็​ไม่​รู้​เป็น​เพราะ​มี​สัญญาณ​บ้านเมือง​ชี้​ทิศทาง​ให้​เดิน​ไป​สู่​แนวทาง​นี้​จริงๆหรือ​ไม่
หาก​ยัง​ประจันหน้า​ก็​ยัง​ยาก​จะ​ผ่าน​พ้น​วิกฤติ
หรือ​อีก​ทาง สุดท้าย​จะ​เป็น​แค่​ข่าว​ลอย​ลม การ​เปิด​ประเด็น​ปล่อย​กระแส​ของ​ขั้ว​ฝ่าย​อำนาจ​ต่างๆ เพราะ​ประเมิน​แล้ว อำนาจ​พิเศษ​ต่อ​ตั๋ว​ยาว​แน่
เลย​ต้อง​จุด​พลุ​เขย่า​กระแส แชร์​ไอเดีย​ขอ​ร่วม​วง​ด้วย​เท่านั้น.
ทีมข่าวการเมือง

เกมภายในแก้ยากกว่า

เกมภายในแก้ยากกว่า



ถึงแม้ติดป้ายแม่ทัพเศรษฐกิจ แต่ล่าสุด “จอมยุทธ์กวง”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ยืนปักหลักให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการเมือง ร่ายยาวเรื่องเปิดค่ายตั้งพรรคหนุน “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เลกเชอร์การเมืองสร้างสรรค์ “อย่าเริ่มต้นเข้ามาก็ทะเลาะกัน-ไม่ว่าพรรคไหนก็ดีทั้งนั้น”

เอาเป็นว่ามุมการเมืองสร้างสรรค์ของคีย์แมนคนสำคัญรัฐบาล คสช.ก็ต้องยึดเป็นหลักไว้ โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ที่ “ดร.สมคิด” เชิญชวนให้เข้ามาช่วยบ้านเมืองด้วยหลักการที่ไม่ได้ยึดตัวบุคคล

อย่างที่ออกตัว คนเรามีอายุขัย “ผม 65 ปีแล้ว”

ยกเรื่องวัย กั๊กเส้นทางเดินการเมืองต่อ

แต่อีกทางที่แทงเต็งแล้ว ดร.สมคิด ประกาศหนุนคนดี หาก “บิ๊กตู่” ไปต่อสู่เก้าอี้ผู้นำคนนอก นั่นก็สอดคล้องข่าวที่ว่า “กัปตันทีมเศรษฐกิจ” นอกจากเร่งอัดฉีดแก้ปมเศรษฐกิจปากท้องปัจจัยหนุนแผนต่อตั๋ว

ยังควบตำแหน่ง เป็นอีก “ดีลเมกเกอร์การเมือง” ประสานขั้วฝ่ายการเมือง

เริ่มชัดว่า “ดร.สมคิด” มีบทบาทสูงในพรรคการเมืองหนุน “บิ๊กตู่” ที่เพราะปรากฏชื่อ ทั้ง “อุตตม สาวนายน” รมว.อุตสาหกรรม “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พาณิชย์ 2 ขุนพลเอกของ “สมคิด” เดินงาน

ขณะที่ไพร่พลกำลังจากสารพัดก๊วน ทั้งนักการเมืองสมัยร่วมวงไทยรักไทย แยกไปร่วมก่อร่างอีกหลายค่ายใหม่ และมีเครือข่ายส่วนตัว แวดวงวิชาการ คอนเน็กชันธุรกิจยักษ์ เจ้าสัว มหาเศรษฐี

“เฟรนด์ ออฟ สมคิด” ฟอร์มทีม เริ่มเข้ารูปเข้ารอย

นั่นก็เป็นอะไรที่สวนทางค่ายการเมืองคู่แข่งกับ “พรรคหนุนบิ๊กตู่” โดยในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยังเช็กยอดกันไม่จบ ขณะที่ส่วนแยกอย่างปีก “ลุงกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” นอกจากฝากเลี้ยง แฝงตัวที่ ปชป.

อีกส่วนก็แบ่งทัพ “เทือกสุบรรณบราเธอร์” ไม่กลับค่ายเก่า ยังมีทีม กปปส. หลายรายที่ยังแทงกั๊ก ถ้าหากไม่จับมือบรรดาสมาชิกเสื้อเหลืองกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งพรรคเอง เผลอๆ “ลุงกำนัน” อาจเคาะชัดๆอีกครั้ง

มีกระแสข่าว ดีลกับ “จอมยุทธ์กวง” อยู่เหมือนกัน

และที่ยังป่วนไม่รู้จบ ค่ายนายใหญ่ พรรคเพื่อไทย ที่ล่าสุดเช็กยอดแล้วก็เท่านั้น เพราะชัดอยู่แล้วว่ากลุ่มนครปฐม ไม่คัมแบ็ก นิ่งรอดูสถานการณ์ เว้นวรรคหรือไปต่อที่ค่ายสีเขียวลายพรางหรือไม่

ส่วนกลุ่มวาดะห์ กลุ่มการเมือง 3 จังหวัดภาคใต้ มีชื่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตบิ๊กดีเอสไอ–ศอ.บต. ที่แนบแน่นกับ 2 อดีตนายกฯ ชาย–หญิง ตระกูลชินฯ ร่วมวงด้วย

เช่นเดียวกับพรรคอดีตบิ๊กตำรวจ ที่พลิกท่าที หันมาถล่มรัฐบาล คสช.เป็นรายวัน เดินไลน์เดียวกัน

รวมทั้งน่าจะมีอีกหลายค่าย ทั้งพรรคสีเสื้อ พรรคภูมิภาค ที่มีเงาร่าง “นายใหญ่” อยู่เบื้องหลัง

ทั้งนี้ เป็นเพราะสูตร “แยกร่าง” นอกจากจะช่วยเรื่องความคล่องตัว ลดการเป็นเป้า ยังส่งผลบวกในกฎกติกาใหม่ ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม บอนไซค่ายการเมืองใหญ่

การเปิดค่ายเพิ่ม อย่างน้อยเก็บแต้มจากลำดับรองในเขตเลือกตั้ง เพิ่มเสียงในระบบสัดส่วนได้

“แตกทัพ” บวกแต้ม แก้เกม “เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน” ของขั้วอำนาจพิเศษ

ส่วนปมปัญหาภายในพรรคหลัก ค่ายเพื่อไทย “ศึกเจ๊ๆเฮียๆ” ยังระอุเดือด เจ้าแม่ที่ว่าประกาศล้างมือการเมือง แต่ก็ยังทรงอิทธิพลในพรรค จับมือเฮียๆต้าน “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่ให้โต

แต่นางสิงห์ กทม.ได้ “ลูกชายนายใหญ่” หนุนหลัง และยังมีไพ่ใบใหญ่ “จันทร์ส่องหล้า” หนุนเนื่อง
ขณะที่ “นายใหญ่” ใช้ตำรับหวานเจี๊ยบ ใครไปฟ้องก็ฟังใครไปหาก็เออออ “ลอยตัว” กันอยู่

ถึงได้มองกันว่าคิวนี้ “ตระกูลชินฯ” ต้องคุยกันเอง

และคงไม่ใช่เรื่องยาก กับเก้าอี้หัวหน้าพรรค เพราะเอาเข้าจริงก็แค่นั่งเป็นตัวเชิดไว้ประกอบพิธีกรรม

“เจ๊หน่อย” หรือบิ๊กเนมอื่นๆน่าจะเปิดศึกชิงโควตาที่นั่ง เป็น 1 ใน 3 ติด “บัญชีนายกฯ” ของพรรคเพื่อไทย ที่โชว์ขายในสนามเลือกตั้ง

ลุ้นเป็น “นอมินี” ไปชิงเก้าอี้ผู้นำเสียมากกว่า.

ทีมข่าวการเมือง

ปิดจมูก ปิดปาก ปิดหู!

ปิดจมูก ปิดปาก ปิดหู!
"เนติวิทย์" ใส่หน้ากากกรองอากาศ ฟัง"บิ๊กตู่" บรรยาย "จุฬาฯ" ชี้ พูด ตลก สวยๆ ไร้สาระ ระบุ มาพูดจุฬาฯต้องมีมาตรฐาน ต่อให้ใหญ่แค่ไหน เหน็บ ผู้บริหาร มหาวิทยาลัย เชียร์กันหนัก ประชด มอบ"ดุษฎีบัณฑิต"ให้" พล.อ.ประยุทธ์"8 ใบ 8 คณะเลย/ แจงเหตุ ใส่หน้ากาก จุกโฟมอุดหู ใส่ปลอกแขนดำ

นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อดีตประธานสภานิสิต ใส่หน้ากาก และจุกโฟมอุดหู ใส่ปลอกแขนดำ เข้าฟัง ปาฐกถาพิเศษของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในหัวข้อ "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน" ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เนติวิทย์ เผยเหตุที่เตรียมหน้ากาก และจุกโฟมอุดหู มาในวันนี้ ว่า เพราะเห็นว่าสถานที่นี้มีมลพิษทางอากาศ และทางเสียง
ส่วนปลอกแขนดำก็เป็นการไว้ทุกข์ให้ผู้บริหารจุฬาฯที่เชิญมาพูด ทั้งๆที่ยังไม่มีความโปร่งใสเรื่องคอรัปชั่น จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ทำลายเกียรติของมหาวิทยาลัย
เนติวิทย์ กล่าวว่า จากการฟังที่ พล.อ.ประยุทธ์ บรรยาย ไม่ได้ต่างอะไรจากที่เคยพูดมา เพียงแค่การพูดตลกไม่มีสาระอะไร ไม่บอกเลยว่าตอนนี้คนยากจน เดือดร้อนขนาดไหน
ทั้งนี้ เวลาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะเชิญใครมาปาฐกถา จะเชิญคนที่มีคุณภาพ จะเป็นคนใหญ่คนโตก็ได้ แต่ต้องมีมาตรฐานตอบโจทย์จุฬาฯได้ จึงคิดว่าการพูดของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีสาระ
พร้อมเผยว่า การมาฟังของในวันนี้ ตนเองก็ถูกกันให้ไปฟังบนชั้นสอง
"จริงๆผมอยากบอก พล.อ.ประยุทธ์ ว่าชาวบ้านเดือดร้อนขนาดไหน เรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการคอรัปชั่น
วันนี้นายกฯมาพูดตลกๆ สวยๆ ผู้บริหารจุฬาฯก็เชียร์กัน เพราะข้อเสนอเท่าที่เห็นคือต้องการเงิน ไม่ได้ต้องการความจริง
โดยในช่วงบ่ายนี้ ผมจะไปยื่นหนังสือต่อผู้บริหารจุฬาฯ เพื่อเสนอให้มอบดุษฎีบัณฑิตให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ 8 ใบ ใน 8 คณะ เพราะเห็นว่าถ้าจะเชียร์ เผด็จการก็ต้องทำให้เต็มที่" นายเนติวิทย์ ประชด

ตั้งความหวังเป็นทหาร ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นนายกฯ

พล.อ.ประยุทธ์บอกนิสิต "ตั้งความหวังเป็นทหาร ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นนายกฯ" ยอมรับตอนนี้อ่านมากจนจำตัวเองไม่ได้ พอแต่งตัวถึงรู้ว่าเป็นนายกฯ พร้อมย้ำการปฏิรูปต้องใช้เวลา ไม่ได้เร็วเหมือนเข้าห้องน้ำ
ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน" มีใจความตอนหนึ่งว่า เคยมาที่จุฬาฯ หลายครั้ง เนื่องจากลูกสาวเรียนจบที่นี่ และภรรยาก็เคยสอนที่นี่ จึงรู้สึกใกล้ชิดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับนิสิตนักศึกษาเพราะเราคือคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น จึงรู้สึกยินดีที่ได้มาสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน
นายกรัฐมนตรีระบุว่า วันนี้เราอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน เป็นระยะสำคัญว่าจะดีขึ้นหรือเลวลง ไม่มีใครรู้ แต่ต้องทำให้ดีที่สุด อะไรที่เป็นปัญหาความขัดแย้งต้องคลี่คลายไปในทางที่ดี จุฬาฯ เป็นสถาบันที่ทรงเกียรติ ปีนี้จะครบรอบ 100 ปี สิ่งสำคัญคือการมีวิสัยทัศน์มองไปข้างหน้า อย่ามองอดีตอย่างเดียว อดีตมีไว้ให้เรียนรู้สิ่งไม่ดีอย่าทำอีก ต้องทำปัจจุบันและอนาคต เพราะใครทำอะไรวันนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ในวันข้างหน้า นำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบและวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมาอีก เราเป็นเสรีนิยมประชาธิปไตย แต่ต้องคิดถึงความเป็นมาเป็นไปด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดถึงแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีว่า “ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ เพราะคงไม่อยู่ถึง 20 ปี ถึงวันนั้นคงแก่ตายแล้ว” แต่เป็นกรอบในการเดินหน้าประเทศ ซึ่งทุกประเทศมีหมด แต่ประเทศไทยมีบางส่วนที่แม้แต่วันเดียวก็ไม่ต้องการ พร้อมระบุว่าแผนนี้วางไว้ 20 ปี แต่ทุก 5 ปีสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และทุกปีก็เปลี่ยนได้หากมีเหตุผลที่เพียงพอ
พล.อ.ประยุทธ์ยังขอให้ทุกคนตั้งความหวัง เช่นเดียวกันตนเองที่ไม่สมบูรณ์และร่ำรวยตั้งแต่เด็ก แต่ “ตั้งความหวังว่าจะเป็นทหาร ไม่เคยเปลี่ยน แต่ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยอะไรก็แล้วแต่ต้องมายืนในวันนี้” แต่ทุกคนต้องตั้งมั่นเป็นคนดีให้ได้ ร่วมมือกันแก้ปัญหาและอุปสรรคไปให้ได้ ทุกวันนี้อ่านหนังสือและเอกสารมากมาย จนบางวันจำอะไรไม่ได้ จำตัวเองยังไม่ได้ แต่เมื่อแต่งตัวถึงรู้ว่าตัวเองเป็นนายกฯ
ส่วนที่หลายคนบอกว่าอะไรที่ไม่เหมาะสมให้ทุบทิ้งให้หมด นายกรัฐมนตรีตั้งคำถามว่าแล้วจะเอาเงินมาจากที่ไหน ก่อนย้ำว่าการปฏิรูปต้องไม่ทำลายล้างอะไรทั้งสิ้น แต่เปลี่ยนแปลงในแบบของเรา เพราะประเทศไทยไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
“การปฏิรูปไม่ได้เร็วเหมือนเข้าเวลาเข้าห้องน้ำ เพราะบางประเทศใช้เวลา 10-20 ปี ขณะเดียวกันเราต้องผ่านคลื่นลมและอุปสรรคอีกมากมาย แต่เราต้องร่วมมือกันให้ได้ ความขัดแย้งต้องไม่เอาอีกแล้ว วันนี้ทุกประเทศเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น เพราะบ้านเมืองเราสงบเรียบร้อย ก็เอาสิ เลือกเอา ว่าจะไม่พูดแล้ว เลือกตั้งวันหน้าต้องคอยดูกันต่อไป อาจจะดีก็ได้ แต่อย่ามาโทษผมอีก และขอให้ทุกคนเคารพกฎหมาย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว