PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

จัดแผงบิ๊กกองทัพ ค้ำยันรัฐบาล คสช.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
24 กรกฎาคม 2558 06:45 น.


รายงานการเมือง
       
       งวดเข้ามาทุกทีสำหรับการวางแผงอำนาจใหม่ใน “เหล่าทัพ” ที่จะเป็นฐานกำลังสำคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือพูดง่ายๆ คือค้ำยันอำนาจสองศรีพี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ ทั้ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. รวมทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม
       
       การวางแผงอำนาจสีเขียวใหม่ นอกจากจะเป็น “เดิมพัน” ของการอยู่รอดปลอดภัยของรัฐบาล คสช. ที่หาก “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” จัดทัพวางไลน์ จัดกำลังไม่ดี อาจจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นได้ เหมือนกับที่มีข่าวปฏิวัติซ้อนมาเป็นระยะๆ
       
       ที่สำคัญการจัดทัพครั้งนี้จะต้องวาง “เกมยาว” เอาไว้ด้วย เพราะที่สุดแล้ว “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ก็ต้องลงจากหลังเสือ การวางเด็กในคาถาไว้ในไลน์อำนาจก็เป็นเครื่องการันตีว่าในอนาคตอันใกล้จะไม่ถูก “เช็กบิล” เพราะมีกองทัพเป็นแบ็กอัพอยู่
       
       งานหินของการแต่งตั้งโยกย้ายทุกๆ ครั้ง คือการเกลี่ยเก้าอี้ระดับ “บิ๊ก” ที่มีอยู่จำกัดให้ลงตัวที่สุด นอกเหนือจากการชูบุคคลที่เหมาะสมขึ้น “หัวแถว” แล้ว ก็ต้องหาที่ลงให้กับ “คนอกหัก”ด้วย
       
       ที่สำคัญต้องสกรีนบรรดานายทหารที่ยังออกอาการแทงกั๊ก ไม่เลือกขั้ว แต่พลิ้วไหวได้ตามสถานการณ์ทางการเมือง หรือที่เรียกว่า “นายทหารการเมือง” ให้ดี โดยต้องกดให้มิด ไม่ให้เข้าไลน์แล้วมาอ้าง “อาวุโส” ในภายหลังได้
       
       ลือกันแซดว่า มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ที่ “บิ๊กป้อม” นั่งกุมบังเหียน มีบรรดา ผบ.เหล่าทัพเดินเข้า-เดินออกกันเป็นว่าเล่น เพื่อส่งโผให้ “บิ๊กป้อม” เคาะ เพราะทุกขั้นตอนต้องวางกล-ซ่อนเกมให้แยบยลที่สุด ที่สำคัญต้องเลือกนายทหารที่ไว้วางใจได้ มาทำงานให้มากที่สุด แน่นอนที่บรรดานายทหาร “บูรพาพยัคฆ์” ในฐานะ “เลือดแท้” จะถูกเลือกใช้บริการก่อน แต่การวางแผงอำนาจต้องทิ้งเชื้อนายทหารสาย “วงศ์เทวัญ” เอาไว้ เพื่ออย่างน้อยก็ยังพอต่อสายอำนาจกันได้
       
       “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” จึงต้องลิสต์ชื่อ-เช็กประวัติกันให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมามีมุกแซวกันขำๆ ว่า “บิ๊กป้อม” ตรวจโผของ ผบ.เหล่าทัพจนตาลาย ทำให้ไม่สบายต้องลา ครม.-งดประชุมสภากลาโหมกันเลยทีเดียว
       
       ส่วนโผเหล่าทัพเริ่มกันที่กองบัญชาการกองทัพไทย เต็งจ๋าที่จะมานั่งตำแหน่ง ผบ.สส.แทน “พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร” หนีไม่พ้นลูกหม้อกองทัพไทย อย่าง “พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ” เสนาธิการทหาร แต่ก็ยังมีความพยายามดันให้ “พล.อ.วลิต โรจนภักดี” รองเสนาธิการทหาร น้องรักของ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ที่เกือบเสียอนาคตหลังตกเป็นศัตรูลำดับต้นๆ ของ “คนเสื้อแดง” หลังมีบทบาทสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 จนได้รับบาดเจ็บ
       
       แม้ความชอบธรรมของ “บิ๊กอู๊ด” ที่จะขึ้นเป็น ผบ.สส.มีน้อยลง หลังจากการดีลให้ “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และ รอง ผบ.สส.ลาออกจากตำแหน่งในช่วงเดือนเมษายน เพื่อเปิดทางให้ “บิ๊กอู๊ด” ได้เข้าไลน์ในอัตราจอมพล ต้องล้มไป ตามธรรมเนียม จึงยากที่ “บิ๊กอู๊ด” จะแหกโผขึ้นเป็น ผบ.สส.ได้ แต่ระยะหลังเริ่มมีข่าวลือหนาหูว่า “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” อยากดันให้ “บิ๊กอู๊ด” นั่งตำแหน่งนี้ เพื่อตอบแทนในหลายภารกิจที่มอบหมายให้ทำ และวางกำลังบูรพาพยัคฆ์ไว้ในกองทัพไทย
       
       งานนี้อาจจะเห็นการแหกธรรมเนียมทางทหาร เพราะ “บิ๊กตู่” ยังคงมีอำนาจเต็มรูปแบบในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การบริหารงาน จึงอาจจะชอบธรรมที่จะไม่ปกติตามไปด้วย แต่ต้องหาทางลง และตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับ “พล.อ.สมหมาย” เช่นกัน
       
       ส่วนกองทัพบกซึ่งเป็นที่น่าจับตามากที่สุด เพราะถือกำลังปฏิวัติอยู่ในมือ ชื่อที่มาแรงหนีไม่พ้น 2 แคนดิเดต ที่แข่งกันทุกวินาที คนหนึ่งคือเลือดแท้บูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วย ผบ.ทบ. คนหนึ่งคือเลือดแท้จันทร์โอชา “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
       
       ว่ากันว่าต่างคนต่างมี “จุดอ่อน” ที่ต้องประเมินกันว่าจุดอ่อนของใครจะส่งผลเสียกับ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ได้ในอนาคต ซึ่งต้องยอมรับว่าการที่ “บิ๊กติ๊ก” ได้ดิบได้ดีก็เพราะ “บิ๊กตู่” แถมไม่ใช่นายทหารที่โตมากับสายคุมกำลัง แบบว่ามาได้เพราะ “พี่ให้” ในช่วงปลายของชีวิตราชการนี่เอง
       
       ส่วน “บิ๊กหมู” รู้กันดีว่าเป็นทหาร “สายแข็ง” บางช่วงจังหวะอาจจะคุมไม่อยู่เอาได้ง่ายๆ เพราะมีจุดยืนในการทำงานของตัวเอง ถือเป็นจุดอ่อนของ “บิ๊กหมู” ที่ถูกส่งขึ้นโต๊ะให้ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ประเมินกันตลอดเวลา เพราะหากมีสถานการณ์เปลี่ยน มี “ดีลลับ” จากใครก็ได้ที่อาจจะเป็น “บิ๊กดีล” ที่ “บิ๊กหมู” ไม่อาจจะปฏิเสธได้ วันนั้น “บิ๊กหมู” อาจจะสวนศรกลับมาทิ่มแทง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” เอาได้ จึงต้องคิดข้อได้เสียไว้ทุกทาง
       
       ที่สำคัญ มีเสียงซุบซิบออกมาตลอดว่า “บิ๊กหมู”ไม่ค่อยเป็นที่ปลาบปลื้มของ “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. แม้จะเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 14 มาด้วยกัน แต่มีหลายเรื่องที่กินแหนงแคลงใจกันมานาน
       
       จึงคาดกันว่า “บิ๊กโด่ง” อาจจะเอาตัวเองออกจากความขัดแย้ง ด้วยการชงชื่อ “บิ๊กติ๊ก” ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เอาไว้ก่อน ส่วน “บิ๊กป้อม” ในฐานะ รมว.กลาโหม ที่จะตรวจโผคนสุดท้าย จะเปลี่ยนเป็นชื่อของ “บิ๊กหมู” ก่อนส่งถึงมือ “บิ๊กตู่” หรือไม่ ก็ต้องวัดใจกัน ... หากคนใดคนหนึ่งได้นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. คนที่หลีกทางให้จะได้รับรางวัลปลอบใจในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมแทน
       
       แต่อีกสูตรหนึ่งที่จะออกจากความขัดแย้งของศึกสองน้องรักต่างสายเลือดได้ คือ การต่ออายุให้ “บิ๊กโด่ง” อยู่ในตำแหน่งอีก 1 ปี เพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้งในกองทัพบกซึ่งมีความเป็นได้น้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
       
       งานนี้อีกไม่นานคงรู้กันว่า “บิ๊กติ๊ก” หรือ “บิ๊กหมู” น้องคลานตามกันมาจากท้องแม่ หรือน้องคลานตามกันมาจาก ร.21 รอ. ของ “บิ๊กตู่” ใครจะเข้าวินนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. หรือจะมีเงื่อนไขอื่นเข้ามาแทรกกลาง เพราะชั่วโมงนี้ คนที่จะคุมกองทัพบกในสภาวะที่บ้านเมืองไม่ปกติ ต้องเป็น “คนพิเศษ” จริงๆ
       
       นอกจากนี้ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ต้องมองข้ามช็อต วางไลน์ ผบ.ทบ.ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในช่วงปลายปี 2559 ด้วย โดยมีการคาดการณ์ว่าจะวางให้ “บิ๊กเข้” พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพน้อยที่ 1 เข้าไลน์ 5 เสือทบ. โดยไม่ต้องขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ปล่อยให้ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ. จ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ.หลัง “บิ๊กเข้”
       
       ส่วนกองทัพเรือ คู่แข่งที่จะเบียดกันขึ้นเป็น ผบ.ทร. แทน “พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวาณิชย์” หนีไม่พ้น 2 แคนดิเดต คือ “พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง” ผู้ช่วย ผบ.ทร. ที่มีเสียงลือว่าได้รับการสนับสนุนจาก พล.ร.อ.ไกรสร เพราะเป็นคนดึงให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล จากที่ดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ กองทัพไทย ให้กลับมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทร. ในช่วงการโยกย้ายเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งหาก พล.ร.อ.ณรงค์พลได้ขึ้นเป็น ผบ.ทร. จะทำให้ฝันของตระกูล “ณ บางช้าง” เป็นจริงเสียที หลังชื่อของ “พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง” พี่ชายของ พล.ร.อ.ณรงค์พล ซึ่งเคยเป็น “เต็งหาม” แคนดิเดต ผบ.ทร. แต่ก็โดน “คลิปถั่งเช่า” เล่นงานจนตกเก้าอี้มาแล้ว
       
       ทว่า คนที่เป็นกระดูกชิ้นโตขวางทางอยู่คือ “พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ” เสนาธิการทหารเรือ เพราะอย่าลืมว่า “พล.ร.อ.ณะ” สนิทสนมกับ “บิ๊กป้อม” เป็นอย่างดี จึงขอลงแข่งแย่งตำแหน่งด้วย แต่ด้วยเงื่อนไขที่ พล.ร.อ.ณะ เกษียณอายุราชการปี 60 แต่ พล.ร.อ.ณรงค์พล เกษียณอายุราชการปี 59 อาจจะเปิดทางให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร. ก่อน แล้ว พล.ร.อ.ณะค่อยมารับช่วงต่อ
       
       เรียกได้ว่าหมากเกมที่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ได้วางเอาไว้ ถูกเซตผ่าน “นายทหาร” ที่สนิทได้ควบคุมกำลังหลัก การแต่งตั้งโยกย้ายฤดูกาลที่จะถึง เป็นตัวบ่งบอกถึงฐานอำนาจทั้งหมด
       
       ปัจจัยการเมืองไทย ที่จะอยู่ในจุดสุ่มเสี่ยงหลายด้าน อาจจะมีเปลี่ยนหลายสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น การวางขุมกำลังทหาร จึงต้องรัดกุมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่ง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” รู้อยู่แก่ใจดี 

กรุ่นกลิ่นร้าวราน ศึกชิงแม่ทัพบก "บิ๊กโด่ง-บิ๊กหมู-บิ๊กติ๊ก" รักสามเส้า(ย้อนอดีตข่าว)

6ส.ค.58
กรุ่นกลิ่นร้าวราน ศึกชิงแม่ทัพบก "บิ๊กโด่ง-บิ๊กหมู-บิ๊กติ๊ก" รักสามเส้า ลุ้น "แบเร่ต์แดง" บานกลาง ทบ. และ ครม.ลายพราง "ประยุทธ์ 2"การแต่งตั้งโยกย้ายทหารไม่เคยมียุคไหนที่จะสงบราบเรียบเป็นทะเลไร้คลื่นเลย ต่อให้เป็นยุครัฐบาลทหาร ที่มีอำนาจล้นฟ้าก็ตามที เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นการแย่งชิงตำแหน่ง แล้ว อำนาจ มันไม่เข้าใครออกใครแม้จะได้ชื่อว่าเป็นพวกเดียวกัน ขั้วอำนาจเดียวกันก็ตาม แต่เพราะเก้าอี้มีตัวเดียว ดังนั้น ย่อมต้องมีคนสมหวังได้ครองอำนาจ และคนที่ผิดหวังไม่ได้ลิ้มรสแห่งอำนาจ

แม้วันนี้ บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการรัฐประหาร และเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติด้วยตนเอง และมีอำนาจสูงสุด แถมมีมาตรา 44 ในมืออีกด้วยแต่การโยกย้ายทหารระดับนายพล ปลายปี ที่กำลังจัดทำกันอยู่นี้ ก็มีเค้าลางแห่งความขัดแย้งกระแสข่าวลือการเปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม จากบิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปเป็นบิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ที่กำลังจะเกษียณจาก ผบ.ทบ. ในเดือนกันยายนนี้นั้น ส่งผลให้เกิดความแตกร้าวขึ้นใน ทบเพราะฝ่ายหนึ่ง วิเคราะห์ว่าเป็นความพยายามในการที่จะผลักดันบิ๊กติ๊ก พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ผช.ผบ.ทบ. น้องชายนายกรัฐมนตรี ให้เป็น ผบ.ทบ. เพราะรู้กันดีว่า พลเอกอุดมเดช นั้น สนับสนุน พลเอกปรีชา เป็น ผบ.ทบ. แทนอยู่แล้ว แต่ทว่าไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจเลือเนื่องจากอำนาจอยู่ที่ พลเอกประวิตร ในฐานะ รมว.กลาโหม และแม้ว่าท้ายที่สุด พลเอกประยุทธ์ ที่เป็นทั้งนายกฯ และหัวหน้า คสช. จะมีอำนาจตัดสินใจ แต่ก็เชื่อกันว่า พลเอกประยุทธ์ ไม่กล้าที่จะดันน้องชายเป็น ผบ.ทบ.

จึงทำให้มีการปล่อยข่าว พลเอกประยุทธ์ ต้องการเปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม ให้พลเอกอุดมเดช เพื่อผลักดันน้องชายเป็น ผบ.ทบ. นั่นเอง

โดยมีการปล่อยข่าว พลเอกประยุทธ์ เปิดเซฟเฮ้าส์หารือลับกับบิ๊กๆ คสช. ที่เป็นคีย์แมน ทั้งบิ๊กต๊อก พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา บิ๊กเบี้ยว พลเอกฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสธ.ทบ. และ พลเอกอุดมเดช โดยจะให้ พลเอกประวิตร เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แค่ตำแหน่งเดียว

แล้วข่าวก็ดูมีน้ำหนัก เมื่อ พลเอกประวิตร เกิดมาหกล้ม เข้าเฝือก ต้องลาพักไม่มาทำงาน ทั้งการไม่เข้าประชุม ครม. ไม่ประชุมสภากลาโหม และประชุมสำคัญๆ ต่างๆ แล้วมอบหมายให้ พลเอกอุดมเดช ทำการแทนพอดี เลยวิจารณ์กันสนั่นว่าเพราะน้อยใจที่จะถูกปรับออก

จน พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร เองต้องออกมาสยบข่าวลือ ด้วยการยืนยันว่าประสบอุบัติเหตุหกล้มขณะเดิน และไม่ใช่เจ็บเพราะจักรยานล้มใดๆ แขนขาเจ็บ ไม่ใช่การน้อยใจหรือป่วยการเมือง
"บ้า ใครมันปล่อยข่าว ฝันไปเถอะ ไม่มีวันที่นายกฯ เขาจะปลดผมหรอก ยกเว้นแต่ว่าผมไม่สบาย ป่วยหนักไม่ไหวแล้ว ทำงานไม่ได้ หรือผมสมัครใจขอลาออกเองเท่านั้น ตอนนี้มีงานมากมายที่ต้องช่วยกันแก้ไขต่อไป" บิ๊กป้อม ยัน

อีกทั้งความสัมพันธ์ของพี่น้องที่แนบแน่นยาวนาน เพราะรับราชการในหน่วยเดียวกันมาตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ "ก็เจอกันเกือบทุกวัน แต่คุยกันนี่คุยกันทุกวัน คุยกันทุกเรื่องอยู่แล้ว เลิกลือกันได้แล้ว"
ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ ก็ปฏิเสธเรื่องการถกลับ คสช. ที่เซฟเฮ้าส์ "ไม่มี เซฟเฮ้าส์บ้าบออะไรที่ไหน ไม่มี ลงข่าวกันเลอะเทอะ"
เพราะจะว่าไปแล้ว บ้านพัก ใน ร.1 รอ. ของพลเอกประยุทธ์ นี่ก็ถือว่าเป็นเซฟเฮ้าส์ที่ปลอดภัยสุดๆ และไม่มีใครเข้าไปกร้ำกรายได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะ พลเอกประวิตร ถึงกับแสดงความมั่นใจว่า ไม่มีการถกลับใดๆ ของนายกฯ กับคีย์แมน คสช. ที่เซฟเฮ้าส์ เพราะเขารู้ดีว่า พลเอกประยุทธ์ มีเซฟต์เฮ้าส์หรือไม่ หรือที่ไหนบ้าง จนกลายเป็นที่มาของข่าวลือ การให้ พลเอกอุดมเดช เป็น รมว.กลาโหม และ พลเอกฉัตรเฉลิม เสธ.ทบ. ที่กำลังจะเกษียณ เป็น รมช.กลาโหม
"กลาโหมไม่ใช่ใครจะมาเป็นได้ง่ายๆ" พลเอกประยุทธ์ เปรย เพื่อสยบข่าวการเปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม
เหล่านี้นี่เองที่ทำให้ฝ่าย พลเอกอุดมเดช ไม่ค่อยแฮปปี้กับกระแสข่าวที่พุ่งตรงมาในระยะหลังๆ นี้ ตั้งแต่การเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง ของรัฐบาลแห่งชาติ จนมาถึงการจะยึดเก้าอี้ รมว.กลาโหม จาก พลเอกประวิตร ที่ทำให้เขาตกเป็นเป้า เพราะพี่ๆ อาจจะหวาดระแวงได้
แต่ฝ่าย พลเอกอุดมเดช รู้ดีว่าเวลานี้ได้โดน "วางงาน" แล้ว เพื่อให้ตกเป็นเป้าสายตา เป้าหมายของผู้ใหญ่ที่อาจทำให้เกิดความหวาดระแวงว่าอยากได้อำนาจหรืออยากเป็นอย่างที่ร่ำลือจริงๆ
"ไม่มีหรอก พูดกันไปเอง ผมพูดได้เลย ไม่มีความเป็นไปได้ครับ เพราะตอนนี้ท่านพลเอกประวิตร ก็ดูแลกองทัพได้ดี" พลเอกอุดมเดช กล่าว
อีกทั้งเขาเองก็สังเกตว่า งานไหนที่ พลเอกประวิตร มอบหมายให้เขาไปทำภารกิจแทน ก็มักจะมีคนมาร่วมงานบางตา เพราะว่าบารมีของเขายังไม่ถึงขั้นนั่นเอง
"วันนี้ รมว.กลาโหม ไม่มา ให้ผมมาแทน คนเลยน้อยเลย" บิ๊กโด่งกล่าวแบบตัดพ้อตัวเอง
กลเกมที่ลึกลับซับซ้อนกำลังเกิดขึ้นในกองทัพบก เพราะแม้แต่โครงการก่อสร้าง "อุทยานราชภักดิ์" ที่ พลเอกอุดมเดช เป็นเจ้าของไอเดียและเป็นกำลังหลัก เพื่อให้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของกษัตริย์ 7 พระองค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ของพสกนิกรชาวไทย ก็ยังถูกปล่อยข่าวลือถึงเป้าหมายที่แท้จริงของ พลเอกอุดมเดช และทีมงาน
อย่าลืมว่า หากโครงการนี้สร้างสำเร็จเรียบร้อย ย่อมหมายถึงการแสดงถึงความมีบารมี และความสามารถ เพราะการสร้างสิ่งที่ใหญ่มหึมาและมีความหมายเช่นนี้ได้สำเร็จ และใช้งบประมาณมากถึง 1 พันล้านบาทนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
แต่ พลเอกอุดมเดช และทีมงานก็ทำได้ แม้ว่าวันนี้จะขาดอยู่อีกราว 200 ล้านบาท ก็ตาม
หากมองเจาะลงไปในองคาพยพของการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ นี้ ก็จะเห็นถึงโครงข่ายอำนาจใน ทบ. เพราะ พลเอกอุดมเดช เป็นประธานโครงการ โดยได้รับความเห็นชอบจากทั้ง พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร
โดยมี พลเอกปรีชา เป็นแม่แรงสำคัญที่ช่วยพลเอกอุดมเดช อยู่ด้วยอีกคน
และที่น่าจับตาคือการที่ พลเอกอุดมเดช เลือกที่จะให้ พลเอกปรีชา ทำหน้าที่ในการอัญเชิญดวงพระวิญญาณและองค์พระบรมราชานุสาวรีย์ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขึ้นสู่แท่นประดิษฐานที่อุทยานราชภักดิ์ หลังจากที่ พลเอกอุดมเดช เป็นผู้อัญเชิญพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระองค์แรก เพราะถือว่าสมเด็จพระนเรศวรฯ เป็นเสมือนองค์จอมทัพไทยตั้งแต่โบราณ
ขณะที่บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย นาควานิช ผช.ผบ.ทบ. ที่ตอนนี้ใครๆ ก็เชื่อว่าเป็น "เต็งหนึ่ง" ผบ.ทบ. ได้อัญเชิญ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นแท่นประดิษฐาน
นอกจากนี้ พลเอกปรีชา ก็ได้รับความไว้วางใจจากพลเอกอุดมเดช ในการให้ช่วยทำโครงการ "ปั่นเพื่อแม่" Bike For Mom ที่กองทัพบกเป็นกำลังหลัก เพราะ พลเอกปรีชา เป็นประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายการจัดขบวนในวันจริง 16 สิงหาคม 2558 ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ จะทรงนำปั่นจักรยานเพื่อเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
และมีบิ๊กแกละ พลเอกพิสิทธิ์ สิทธิสาร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. และ ผอ.ศูนย์ปรองดอง คสช. ที่คาดหมายกันว่าจะได้ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ. ในโผโยกย้ายนี้ เป็นประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ แต่ไม่มีชื่อของ พลเอกธีรชัย เป็นประธานคณะอนุกรรมการชุดใดใน 4 คณะ จนกลายเป็นเรื่องที่ถูกจับตามองกันใน ทบ.
เหล่านี้ ทำให้เรื่องราวในอดีตระหว่าง พลเอกอุดมเดช กับ พลเอกธีรชัย ถูกพูดถึงอีกครั้ง เพราะมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 14 ด้วยกัน กลับต้องเดินกันคนละทาง ประกอบกับการแข่งขันกันเติบโตในราชการทหาร ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดรอยร้าว
จนทำให้วันนี้ คนใน ทบ. ฟันธงว่าในหัวใจของ พลเอกอุดมเดช ไม่มีพลเอกธีรชัย นั่งอยู่เลย มีแต่ พลเอกปรีชา รุ่นน้องเตรียมทหาร 15 น้องชายนายกฯ เท่านั้น
"ถ้า พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ตกลงกันได้แล้ว บอกมาว่าท่านจะเลือกใคร พลเอกอุดมเดช ก็คงจะต้องเสนอชื่อ ผบ.ทบ.คนใหม่ ตามนั้น แม้จะรู้กันดีว่า พลเอกอุดมเดช สนับสนุน พลเอกปรีชา เต็มที่ก็ตาม" สายข่าววงในระบุ
แต่หากพิจารณาจากท่าทีของ พลเอกธีรชัย แล้ว จะเห็นความมั่นใจอยู่เต็มกระเป๋า จนร่ำลือกันว่า พลเอกประวิตร ได้ประกาศในหมู่นายทหารที่ใกล้ชิดในสายบูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชินีแล้วว่า พลเอกธีรชัย จะเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป
ด้วยเพราะ พลเอกธีรชัย นั้น เป็นนายทหารในสายบูรพาพยัคฆ์ ที่เติบโตมากับ พลเอกประวิตร ตั้งแต่เป็นนายทหารหนุ่ม จนได้ชื่อว่าเป็นน้องรัก หรือลูกรักของ บิ๊กป้อม คนต้นๆ เลยทีเดียว แถมเป็นอดีตแม่ทัพภาค 1 และเป็น ผบ.กองกำลังรักษาความสงบ ที่ใกล้ชิดกับขุมกำลังรบ ขุมกำลังปฏิวัติของ ทบ. ที่ส่วนใหญ่ก็อยู่ในกองทัพภาค 1 และ พล.1 รอ., พล.ร.2 รอ. เสียมากกว่า
ส่วน พลเอกปรีชา นั้นเป็นอดีตแม่ทัพภาค 3 ที่อาจเรียกได้ว่า อาจจะยังไม่รู้จัก ผบ.หน่วยคุมกำลังในกองทัพภาค 1 ที่เป็นกำลังหลักของ ทบ. ได้หมดเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ดูเหมือนว่า พลเอกปรีชา ก็ทำใจ และเตรียมตัวเตรียมใจแล้ว
ขณะที่ พลเอกธีรชัย นั้น มีการเตรียมพร้อมที่จะเป็น ผบ.ทบ. อยู่พอสมควร ทั้งการเตรียมทีมฝ่ายเสนาธิการ การจัดทีมงาน ทีมผองเพื่อน ตท.14 ที่ถูกเรียกว่า "มุ้งหมู"
หรือแม้แต่ข่าวเม้าธ์เรื่องการจัดฮวงจุ้ยห้องทำงานต่างๆ ใหม่
แต่ที่ต้องจับตามองคือ การจัดห้าเสือ ทบ. นั้น หากพลเอกประวิตร ไฟเขียวให้ พลเอกธีรชัย เป็น ผบ.ทบ. แล้วจะให้เขามีโอกาสเลือกคน จัดทีมเวิร์ก ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะตามมารยาทจะต้องให้ ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน เป็นคนจัด
ส่วนใหญ่ ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน ก็จะให้ ผบ.ทบ.คนใหม่ เลือกได้แค่ เสธ.ทบ. คู่ใจ เพื่อที่จะมาทำงานคู่กันเท่านั้น จึงทำให้มีข่าวว่า พลเอกธีรชัย จะขอให้บิ๊กไก่ พลเอกกิตติ อินทสร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. เพื่อนรัก มาเป็น เสธ.ทบ.
แต่อีกกระแส พลเอกอุดมเดช จะเป็นคนจัดเองทั้งหมด เพราะเมื่อครั้งที่ พลเอกประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. ก่อนเกษียณ ก็ยังจัดเองหมด ไม่ได้ให้ พลเอกอุดมเดช ที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ใหม่ในเวลานั้น เลือกเลย แม้แต่ เสธ.ทบ.
จึงมีข่าวสะพัดว่า พลเอกอุดมเดช จะเลือกบิ๊กตั๋น พลโทชาติอุดม ติตถะสิริ รอง เสธ.ทบ. แกนนำ ตท.15 เพื่อนของ พลเอกปรีชา และน้องรักของ พลเอกประยุทธ์ และบิ๊กฉัตร พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รอง ผบ.ทบ. และ รมว.พาณิชย์ เพื่อนรัก ตท.12 ของ พลเอกประยุทธ์ มาเป็น เสธ.ทบ.
ส่วน ผช.ผบ.ทบ. นั้น บิ๊กโชย พลโทกัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาค 1 จะขยับมาเป็นพลเอก นั่งเก้าอี้นี้
ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น มีชื่อชิงกันระหว่าง พลโทปราการ ชลยุทธ์ แม่ทัพภาค 4 และบิ๊กเจี๊ยบ พลโทเฉลิมชัย สิทธิสารท ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ที่เป็น ผบ.นสศ.มา 3 ปีแล้ว และโดยรุ่นเตรียมทหาร 16 และศักดิ์ศรีและผลงานแล้ว จะต้องขึ้นห้าเสือ ทบ. ได้
แต่ด้วยความที่ พลโทเฉลิมชัย มีอายุราชการถึงปี 2562 หากขึ้นมาเป็นห้าเสือ ทบ. ในโยกย้ายคราวนี้ ก็จะจ่อเป็น ผบ.ทบ. ในอนาคตได้ ซึ่งจะเป็นการขวางทางบิ๊กเข้ พลโทเทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพน้อยที่ 1 ที่จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาค 1 ในโยกย้ายครั้งนี้ก่อน เพื่อจ่อขึ้นพลเอก ห้าเสือ ทบ. ในโยกย้ายกันยายน ปี 2559
แถมทั้งการเป็นทหารรบพิเศษ จะถูกมองว่าไม่ใช่คนในสายบูรพาพยัคฆ์ หรือทหารเสือราชินี จึงยากที่หมวกแบเร่ต์แดงจะแหวกขึ้นมาเบ่งบานกลางดงอำนาจ ทบ.ได้ แม้ว่า พลโทเฉลิมชัย จะเป็นนายทหารที่มีความสามารถ และวางตนได้ดีมาตลอด และเป็นทั้งน้องรักของบิ๊กแอ้ด พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และบิ๊กบัง พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. ก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตาม การโยกย้ายทหารครั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า จะทำไปตามปกติ ไม่มีการเร่งรัดให้เร็วขึ้น เช่นที่มีกระแสข่าวว่า เพราะจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี แล้วจะนำทหารที่จะเกษียณมาเป็นรัฐมนตรีเพิ่ม ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้เพราะ พลเอกประยุทธ์ ระบุว่าจะยังไม่มีการแต่งตั้งทหารคนไหนมาเพิ่มใน ครม. ที่จะมีการปรับในโอกาสครบรอบ 1 ปีรัฐบาล โดยเฉพาะ ผบ.เหล่าทัพ หรือบิ๊กทหาร บิ๊ก คสช. ที่จะเกษียณ เพราะเชื่อว่าทุกคนอยากเกษียณราชการไปพักผ่อนกันแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครอยากจะมาเหนื่อย
ท่ามกลางการจับตามองว่า พลเอกประยุทธ์ จะกล้าที่จะปรับรัฐมนตรีที่เป็นทหารออกจาก ครม. ในครั้งนี้หรือไม่ แม้นายกฯ จะลั่นวาทะที่ว่า "ทหารไม่ได้โง่" ก็ตาม
แต่เพราะกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และโพลบางสำนักหรือจากสื่อ ก็เล็งไปที่ พลเอกฉัตรชัย รมว.พาณิชย์ เพื่อนรักของ พลเอกประยุทธ์ เอง จนนายกฯ ต้องออกตัวแทนว่า ทำงานหนักเต็มที่มาตลอดปี แต่เพราะความรู้สึกของคนมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี ก็ไปโทษกระทรวงพาณิชย์
หรือแม้แต่บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ เพื่อน ตท.12 อดีต ผบ.สส. ที่ก็เดินทางไปต่างประเทศแบบที่เรียกว่านับไม่ถ้วน ตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ จนเจ้าตัวเชื่อว่าทุกประเทศเข้าใจไทยเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ทว่าเขาก็ตกเป็นข่าวในเรื่องสไตล์การทำงาน และเรื่องส่วนตัวหลายครั้ง
"ผมเป็นคนที่ไม่ชอบแก้ข่าว ให้เกียรติ สื่อจะเขียนอะไรก็เขียนไป ถ้ามันไม่ใช่ความจริง มันก็คือไม่จริง นี่คือผม" บิ๊กเจี๊ยบ สยบข่าวต่างๆ
หรือแม้แต่บิ๊กเต่า พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน ที่ก็ดูเงียบๆ ไม่มีผลงาน แต่ก็เป็นเพื่อนรัก ตท.12 ร่วมก๊วนของ พลเอกประยุทธ์ เลยทีเดียว
รวมทั้งบิ๊กเข้ พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ และอดีต ผบ.ทร. เพราะเป็นกระทรวงที่นายกฯ และ รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยาผู้เป็นครู ให้ความสำคัญอย่างมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ให้ดีทันตาเห็นใน 1 ปี
จน พลเอกประยุทธ์ ต้องตั้งซูเปอร์บอร์ดการศึกษาขึ้นมา แล้วนั่งคุมเอง เพื่อให้การแก้ปัญหาได้เร็วดั่งใจ ที่ดูจะเป็นการบั่นทอนกำลังใจของ พลเรือเอกณรงค์ ไม่น้อย
ไม่มีใครอาจเดาใจ พลเอกประยุทธ์ ได้ว่าเขาจะกล้าปรับเพื่อน หรือทหารออกหรือไม่ หรือว่าคงไว้ทั้งหมด แต่นายกฯ ก็เคยบอกว่า "ผมต้องวางบทบาทให้ถูก เรื่องเพื่อน พี่ น้อง ต้องแยกออกจากเรื่องงาน"
"ผมไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น" บิ๊กตู่ลั่นวาจาไว้
แต่กระนั้น ความหวังของบิ๊กทหารในกองทัพที่กำลังจะเกษียณราชการ ที่จะโดน พลเอกประยุทธ์ เรียกตัวมาช่วยงาน หรือตั้งให้เป็นรัฐมนตรี ก็ยังคงมีอยู่ เพราะแม้ว่าจะมีคนที่อยากจะเกษียณไปพักผ่อนอยู่บ้าง แต่คนที่ต้องการจะสานต่อภารกิจของ คสช. ให้เสร็จสิ้นก็มีไม่น้อย แถมทั้ง พลเอกประยุทธ์ จะต้องอยู่ยาวถึงปี 2560 เมื่อมี ประยุทธ์ 2 ก็อาจมีประยุทธ์ 3 ขึ้นได้ ย่อมต้องมีการปรับ ครม. เกิดขึ้นอีกแน่นอน
ดังนั้น การเมืองเรื่องของรัฐบาล คสช. และกองทัพ จึงแยกกันไม่ออก เฉกเช่นเดียวกับตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในอำนาจ ก็ไม่อาจจะแยกออกจากกันได้ และที่สำคัญ ยากที่จะแยกออกจากอำนาจได้ง่ายๆ
เพราะลองใครได้ลองลิ้มรสแห่งอำนาจแล้ว ย่อมติดใจกันทุกผู้ทุกคน หรือใครที่ยังไม่เคยลิ้มลองก็ย่อมอยากที่จะลิ้มรสทั้งสิ้น

บิ๊กหมู หัก แรง บิ๊กโด่ง




5 ต.ค. 58 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. และพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.เข้าร่วมประชุมด้วย และยืนอยู่ด้านหลังระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อ ถึงกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างพล.อ.อุดมเดช และพล.อ.ธีรชัย ภายหลังจากที่พล.อ.ธีรชัย ได้มีคำสั่งระงับการปรับย้ายนายทหารกองทัพบกที่พล.อ.อุดมเดช ลงนามคำสั่งก่อนเกษียณอายุราชการว่า การโยกย้ายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีความขัดแย้งระหว่างกัน เพราะทั้ง 2 เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ซึ่งพล.อ.อุดมเดช ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พล.อ.ประวิตร ก็กล่าวสวนว่า เมื่อกี้คุยกันแล้ว ด้านพล.อ.ธีรชัย กล่าวสั้นๆ ว่า ฝนตก
 
จากนั้นทั้ง พล.อ.อุดมเดช และพล.อ.ธีรชัย ได้เดินมาส่งพล.อ.ประวิตร ขึ้นรถบริเวณหน้าตึกสันติไมตรี ซึ่งทั้ง 3 คนได้ยืนพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้ม และส่งพล.อ.ประวิตร ขึ้นรถ โดยพล.อ.ประวิตร ได้ลดกระจกรถลงพร้อมกับพูดว่า "หมูใจเย็น ๆ" พร้อมกับหัวเราะและปิดกระจกรถ
 

นายกฯถึงกับทำตลก..หลังโผออก

นายกฯเป็นคนตลก....ใส่หมวก เล่นมุข"หมวกอะไร ใส่แล้ว มองไม่เห็นอะไรเลย" สื่อต้องรีบมุข บอกให้ดึงขึ้นหน่อย..55 เดืนตลาดนายกฯ ริมคลองผดุงฯ

อย่าถามว่าใครมา ให้ถามว่าจะทำอะไร เพื่อใคร? โดย : กาแฟดำ

05102558 อย่าถามว่าใครมา ให้ถามว่าจะทำอะไร เพื่อใคร? โดย : กาแฟดำ
ว่ากันว่ารายชื่อของ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) 21 ท่าน
และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) 200 ท่านจะประกาศให้สาธารณชนทราบกันโดยทั่วไปวันนี้
โดยธรรมเนียมของการติดตามข่าวสารสังคมไทย ก็จะมีการวิเคราะห์กันว่าใครเป็นใคร มาจากไหน ใครเป็นสายใคร และทำไมคนนั้นคนนี้จึงได้กลับมา แต่อีกส่วนหนึ่งไม่ได้กลับมา
เป็นข่าวตื่นเต้นกันในหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวีและสื่อออนไลน์กันอีกวันสองวัน ก็จะตามไล่สัมภาษณ์ท่านทั้งหลายว่าท่านจะทำหน้าที่กันอย่างไร
ทำนายล่วงหน้าได้เลยว่า หน้าตาของบุคคลที่มาทำหน้าที่ในสองส่วนนี้ ก็จะไม่มีอะไรที่สร้างความประหลาดใจมากนัก เพราะแวดวงสังคมไทยของคนมีสิทธิจะเลือก และผู้ถูกเลือกก็ไม่ได้มีมากมายนอกวงการเท่าใด
จะวิเคราะห์กันอย่างไร ตีลังกามองหาแง่มุมว่าใครเป็นใครอย่างไร ก็คงไม่ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ผู้คนคาดหวังอะไรมากนัก
ใครที่เคยเชื่ออย่างไรก็จะยังเชื่ออย่างนั้นต่อไป ที่ไม่เชื่อก็จะไม่เชื่อเหมือนเดิม เพราะหน้าตาของแต่ละท่านที่จะปรากฏเป็นข่าววันนี้และพรุ่งนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เห็นว่าจะก้าวข้ามปัญหาความขัดแย้ง หรือจะเดินหน้าปฏิรูปบ้านเมืองได้อย่างจริงจังแต่อย่างใด
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ใครจะมาเป็นสมาชิกของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือสภาขับเคลื่อนฯ ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเนื้อหาสาระแห่งการเดินหน้า เพื่อนำพาประเทศให้เข้าสู่กระบวนการการเมือง ที่สอดคล้องกับความคาดหวังของประชาชนนั้นจะเป็นอย่างไร
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่คงไม่ต้องยกร่างใหม่อะไรมากมาย และก็คงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาวิเคราะห์ ว่าทำไมร่างเดิมจึงถูกเสียงส่วนใหญ่ของสภาปฏิรูปแห่งชาติยกมือคว่ำไป
เพราะเป็นที่รู้กันว่าประเด็นที่สังคมถกเถียงกันอย่างกว้างขวางมีอยู่ไม่กี่หัวข้อ และกลุ่มการเมืองไหน กลุ่มผู้มีอิทธิพลใดยืนอยู่ตรงไหนของเรื่องเหล่านั้น
ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศ จะต้องสามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญสองเรื่องนั่นคือ “ประชาธิปไตย” ที่สามารถทำให้เกิดการ “ปฏิรูป” และ “ปรองดอง”
ใครจะมานั่งในคณะกรรมการร่างฯ ก็ต้องเริ่มด้วยการเข้าใจโจทย์สำคัญก่อน จึงจะตอบคำถามที่ว่าร่างใหม่นี้จะเขียนอย่างไรเกี่ยวกับ
1. นายกฯ “คนนอก” ควรจะมีหรือไม่?อำนาจ
2. หน้าที่และที่มาของสมาชิกวุฒิสภาจะเป็นอย่างไร?
3. จะต้องมีคณะกรรมการที่มีอำนาจพิเศษเพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นช่วงเปลี่ยนผ่านหรือไม่?
4. จะต้องให้พรรคการเมืองเริ่มนับหนึ่งใหม่หรือไม่?
นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ยืนยันว่าจะเปิดรับฟังความเห็น ของประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างกว้างขวาง เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้รับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง
จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการชุดใหม่นี้ หาวิธีที่จะระดมความเห็นจากผู้คนทุกหมู่เหล่า เพื่อสะท้อนถึงความต้องการอย่างแท้จริง
ความเห็น “หลากหลาย” ที่ว่านี้ย่อมจะต้องไม่ใช่เฉพาะที่มาจากนักการเมือง อดีตนักการเมือง นักเคลื่อนไหวเฉพาะกลุ่ม หรือผู้มีอำนาจในหน่วยงานประจำทั้งหลายที่มีช่องทางแสดงออกผ่านสื่อกระแสหลักหรือ social media เท่านั้น
เพราะความขัดแย้งสังคมไทย ที่ทำให้เกิดวิกฤตในบ้านเมืองยาวนานนั้น มาจากคนที่ยืนอยู่สองข้างตะโกนใส่กัน เพื่อยืนยันความถูกต้องของฝ่ายตนเท่านั้น มิได้มีการสร้าง “ความหลากหลาย” หรือ “ทางเลือกอื่น” ที่สังคมคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีโอกาสแสดงออกให้ประจักษ์ชัด เพื่อหาทางออกให้กับประเทศชาติแต่อย่างใด
จึงกลายเป็นวงจรแห่งความขัดแย้งที่ไม่มีทางออกจนถึงทุกวันนี้
คำถามของวันนี้จึงไม่ใช่ว่า “ใคร” จะมาทำหน้าที่ หากแต่คือท่านทั้งหลายจะทำ “อะไร” และ “เพื่อใคร” มากกว่า

เผยคำสั่ง บิ๊กตู่ ตั้ง15บอร์ดคสช.ใหม่ 10ทหาร 1 พลเรือน ลงนามตั้งแต่23 กย.2558 ก่อนไปอเมริกา เพราะต้องรองรับ ผบ.เหล่าทัพ เกษียณ

เผยคำสั่ง บิ๊กตู่ ตั้ง15บอร์ดคสช.ใหม่ 10ทหาร 1 พลเรือน ลงนามตั้งแต่23 กย.2558 ก่อนไปอเมริกา เพราะต้องรองรับ ผบ.เหล่าทัพ เกษียณ มีผล 1ตค.2558
"สมคิด จาตุศรีพืทักษ์" หลุด หลังมาเป็นรองนายกฯ แม้จะไม่มีข้อห้าม ว่า เป็นรีฐมนตรี ห้ามเป็น คสช. ก็ตาม
"มีชัย ฤชุพันธ์"ยังอยู่ เป็นพลเรือนคนเดียว
"พลเอกอุดมเดช สีตบุตร"ยังอยู่ เป็นบอร์ด คสช. แม้เกษียณจาก ผบทบ. หลุดจาก เลขาธิการ คสช. เพราะยังเป็นรมช.กห.
บิ๊กหมู พลเอก ธีรชัย นาวานิช ผบทบ.ใหม่ เป็น เลขาฯคสช.
คสช. สมาชิกภาวร คือ คนที่ร่วมปฏิวัติ 22 พค.57 แม้จะแค่นั่งแถลงร่วม ออกทีวี.เท่านั้น ไม่ใช่ คนร่วมวางแผนรัฐประหาร แต่ได้อยู่ใน ครม.ค่อ แม้เกษียณ และอยู่ในรั(บาล
ทั้ง พลเอก ธนะศักดิ ปฏิมาประกร อดีต ผบสส. พลออ. ประจิน จั่นตอง อดีตผบทอ. พล ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย อดีต ผบทร. ที่เป็นรองนายกฯ และ พล ต อ อดุลย แสงสิงแก้ว อดีต ผบตร./ รมว.พม. จึงยังอยู่
พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม แม้เกษียณจาก รอง ผบสส. แต่ เป็น คนร่วมวางแผนรัฐประหาร จึงเป็น กก.คสช.ต่อ
ส่วน สมาชิกไม่ถาวร คือ ปลัดกห ผบสส ผบ เหล่าทัพ ผบตร. ที่ดำรงตำแหน่ง ส่วนคนที่เกษียณ แล้ว ก็หลุดไป

ทบ.ปรับภูมิทัศน์ใหม่ ทุบ กำแพงฉากหลัง ร.5 เพื่อให้เป็นเหมือนเดิม สมัยเป็น รร.นายร้อย จปร.


ทบ.ปรับภูมิทัศน์ใหม่ ทุบ กำแพงฉากหลัง ร.5 เพื่อให้เป็นเหมือนเดิม สมัยเป็น รร.นายร้อย จปร.
พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบทบ.ใหม่ สั่งปรับภูมิทัศน์ บกทบ.ใหม่ ทุบกำแพงฉากหลัง พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 หน้าหอประชุมกิตติขจร ภายใน บก.ทบ. ที่สร้างขึ้นสมัย บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กห. ตอน เป็น ผบทบ.
ทั้งนี้ เพราะ บิ๊กหมู ต้องการให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม สมัยเป็น รร.นายร้อย จปร. ที่ไม่มีฉากหลังใดๆ
ส่วน สมัย บิ๊กโด่ง สร้างกำแพงฉากหลัง ก็เพื่อให้สวยงาม และกั้นไม่ให้เห็น ชั้นล่าง หอประชุมกิตติขจร ที่มักมีการนำของมาวางพัก เวลาจัดงานต่างๆ หรือ บางที มีการนำสินค้าเกษตรของทบ.มาจำหน่ายให้กำลังพลในทบ. จึงทำฉากกั้น เพื่อกั้นไม่ให้เห็น สิ่งไม่เรัยบร้อย และมองว่า ทำให้สวยสง่างามขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการปิดใช้ บ่อ น้ำพุหน้าบก.ทบ. ที่ พลเอกอุดมเดช สร้างไว้ด้วย
(ภาพบน-ภาพปัจจุบัน กำลังปรับปรุง/ ภาพล่าง ภาพสมัย พลเอกอุดมเดช เป็น ผบทบ.)

Talk of the town ในทบ.และกองทัพ...

Talk of the town ในทบ.และกองทัพ....
บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย ผบทบ.สั่งรื้อ กำแพง ฉากหลังร.5 และน้ำพุ หน้าบกทบ. ที่สร้างในยุค พลเอกอุดมเดช เป็น ผบทบ. เพราะต้องการให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมๆ สมัยที่เป็น รร.นายร้อย จปร.เดิม ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ต่างๆนานา รวมถึง รอยร้าวในใจ ของ บิ๊กโด่ง และ บิ๊กหมู เดิม จนส่งผลให้ มีการจับตามอง ถึงการโยกย้ายนายทหารระดับ พันเอกพิเศษ รองนายพล และผู้การกรม ที่จะพิจารณา วันนี้ ด้วย

"มีชัย ฤชุพันธุ์" แถลง หลังประชุม คสช. เผยยอมเป็นปธ.กรธ.เพราะนายกฯเสี่ยงเข้ามา แก้ปัญหา

"มีชัย ฤชุพันธุ์" แถลง หลังประชุม คสช. เผยยอมเป็นปธ.กรธ.เพราะนายกฯเสี่ยงเข้ามา แก้ปัญหาประเทศ เสียสละ ตนเองไม่งั้นผมจะสบายจนเคยตัว และผมก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะปฏิเสธ เพราะจะถูกมองว่า ไม่รู้จักทดแทนบุญคุณแผ่นดิน เผยรู้ว่า ไม่ง่าย และอุปสรรคไม่น้อย เผยนายกฯถามย้ำอีกครั้งวันนี้ เพราะยอมรับ จะไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะปธ.ร่างรธน.เพราะ ไม่ได้ร่างใช้ในบ้าน ต้องฟังคนอื่นด้วย เผย กฏ5ข้อ ในการร่างรธน. คือ 1.ต้องเป็นสากล สอดคล้องสภาพปัญหาและ สังคม วิถีไทย ขนบธรรมเนียมไทย ที่เป็นอยู่
2.รธน.ต้องมี กลไกสร้างปรองดอง 3.มีมาตรการป้องกันการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ โดยใช้เงินแผ่นดิน ไป"อ่อยเหยื่อ"กับประขาชน 4.ต้องมีกลไกขจัดทุจริต คอรัปชั่น 5.ต้องมี กลไก เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม
"ผมเป็นคนรุ่นเก่า ที่ทันสมัย คนรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่เปิดใจกว้าง รับฟังคนอื่นมั้ย บางคนบอกเป็น ปชต. แต่ใครแย้ง ก็ด่าเขาเสียหาย แต่ผมไม่เป็นแบบนั้น ผมพร้อมรับฟังทุกคน"
เรียกประชุม กรธ. ครั้งแรก13.30 น. 6ตค. ที่ รัฐสภา

มีชัย ฤชุพันธ์"ปธ.กรธ.เผย หลักการ 5ขัอในการร่างรัฐธรรมนูญ

มีชัย ฤชุพันธ์"ปธ.กรธ.เผย หลักการ 5ขัอในการร่างรัฐธรรมนูญ อันเป็นความมุ่งหมายของ คสช. ที่อาจทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง
1.ต้องเป็นสากล สอดคล้องสภาพปัญหาและ สังคม ไทย ขนบธรรมเนียมไทย ที่เป็นอยู่
2.รธน.ต้องมี กลไกสร้างปรองดอง 
3.มีมาตรการป้องกันการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ โดยใช้เงินแผ่นดิน ไป"อ่อยเหยื่อ"กับประชาชน 
4.ต้องมีกลไกขจัดทุจริต คอรัปชั่น 
5.ต้องมี กลไก เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม


แรง....เพื่อน(ไม่)รัก หักเหลี่ยมโหด....


บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย จัดหนัก ลงนามตั้ง 271พันเอกพิเศษ รองนายพล และ ผู้การกรม ตั้ง นายทหาร ระดับผบ.หน่วย ทั้ง ราบ ม้า ปืน ฮือฮา ออกคำสั่ง เด้ง ผู้การโจ้ พันเอกคชาชาต บุญดี มือขวา"พลเอกอุดมเดช" ที่เคยออกคำสั่งก่อนเกษียณ ให้เป็น รองผบมทบ.11 ให้ กลับถิ่นเก่า ไปเป็นฝ่ายเสธ.ทัพภาค3 /ที่เหลือเป็นการโบนัส นายทหารที่ร่วม กระชับพื้นที่เสื้อแดง และรัฐประหารขึ้น เสธ.โอรส พันเอกกัณฑชัย ประจวบอารีย์ เป็น รอง ผบ.พล.1 รอ. พันเอกนพสิทธิ์ สิทธืพงษ์โสภณ เป็น ผบ.ม.1รอ.


ฮือฮา บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย ผบทบ. ระงับคำสั่ง ของพลเอกอุดมเดช สีตบุตร ที่ออกก่อนเกษียณจากผบทบ. 29 กย. ไม่ให้พ.อ.คชาชาต บุญดี ผบ.ป.1รอ. ลูกน้องมือขวา บิ๊กโด่ง เป็นรองมทบ.11 แต่โยกจาก ผบ.ป.1รอ.เข้ากรุ เป็นฝ่ายประจำทัพภาค3 ถิ่นเก่า ที่เคยอยู่ ก่อนหน้ามาเป็น ผบ.ป.1รอ....ถือว่า เป็นการ "หัก"พลเอกอุดมเดช รมช.กห. อดีตผบทบ. ที่แม้จะเป๋นเพื่อน ตท.14 กัน แต่ก็ไม่ลงรอยกัน

"พลเอกประวิตร" ดีใจ"มีขัย" มาทำงานเพื่อแผ่นดิน นั่งประธาน กรธ.


"พลเอกประวิตร" ดีใจ"มีขัย" มาทำงานเพื่อแผ่นดิน นั่งประธาน กรธ.มีความเหมาะสม ยันไม่มีใบสั่ง เขียนรธน. ย้ำไม่มีคำสั่ง ทำ single gateway

ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ คปต. ครั้งที่ 3/2558 ว่า ที่ประชุมมีการเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีการรายงานการดำเนินการให้เกิดความเร่งรัดในความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพให้ตรงตามความต้องการของประชาชนใน 7 กลุ่มงาน

สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการกรณีซิงเกิลเกตเวย์นั้น พลเอกประวิตร กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้เดินหน้าในเรื่องดังกล่าว และไม่มีการสั่งการอย่างใด เป็นเพียงการศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านนั้นเชื่อว่าไม่มีอะไรมากเป็นเพียงการโจมตีจองกลุ่มที่ไม่เข้าใจและการกล่าวหาว่าจะถูกปิดกั้นนั้น ไม่มี ขอให้สบายใจได้

พลเอกประวิตร กล่าวถึงกรณีที่การแต่งตั้งนายมีชัย ฤชุพันธุ์ นั่งตำแหน่งประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ว่า เป็นเรื่องที่ดีซึ่ง นายมีชัยเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสม ซึ่งในที่ประชุมคสช.เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมายังมีมติเป็นเอกฉันท์ อีกทั้งท่านยังเต็มที่ในการทำงานเพื่อแผ่นดิน ไม่ใช่จะหากันง่ายๆ นอกจากนี้ยังกล่าวปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวว่าที่เลือกนายมีชัยเพราะมีตัวเลือกจำกัดด้วย

พร้อมยืนยันกรธ.มีความอิสระในการร่างรัฐธรรมนูญ และไม่ได้มีใบสั่งจาก คสช. และมีการรับฟังความเห็นของประชาชนให้มากที่สุดตามกรอบของรัฐธรรมนูญ และตะใฟ้สั่งในเรื่องอะไร หาดเป็นเรื่องการปรองดองและการปฏิรูปก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
นอกจากนี้ยังมั่นใจว่าการร่างรัฐธรรมนูญต้องเป็นไปตามโรดแมพ 6-4-6-4 และเชื่อว่าจะต้งผ่านการทำประชามติและขอให้ทุกคนช่วยกันสร้างการรรับรู้ให้กับประชาชน

นอกจากนี้ยังปฏิเสธที่จะกล้าวถึงกรณีการทำแนวคิดการจั้ง๕ระกรรมยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปแลัการปรองดอง หรือ คปป. ว่า คนยังไม่ทราบและเชื่อว่าบุคคลแต่ละท่านมีความรู้ความสามารถ และต้องการให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้และให้เกิดความเหมาะสมและดีที่สุดเท่าที่ทำได้

เคาะแล้ว! 200 รายชื่อ สปท. เดินหน้าปฏิรูปประเทศ พบ สปช.เก่าเพียบ


เคาะแล้ว! 200 รายชื่อ สปท. เดินหน้าปฏิรูปประเทศ พบ สปช.เก่าเพียบ “ปธ.ป.ป.ช.-คุณหญิงพรทิพย์” ติดโผ “วิทยา” กปปส. ก็มา "อดีต ส.ส.ไทยรักไทย-พล.ต.อ.ชิดชัย" มาด้วย ไร้เงาเสื้อแดง
PIC sptttt 5 10 58 1
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2558 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ระบุว่า ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2558 มาตรา 39/2 วรรคสอง บัญญัติให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศประกอบด้วยสมาชิกจํานวนไม่เกินสองร้อยคนซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรีจึงแต่งตั้งสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ดังต่อไปนี้
1. พลโท กมล สุวภาพ
2. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ
3. พลโท กฤษณะ บวรรัตนารักษ์
4. นายกลินท์ สารสิน
5. นายกษิดิ์เดชธนทัต เสกขุนทด
6. นายกษิดิศ อาชวคุณ
7. นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
8. นางกอบกุล อาภากร ณ อยุธยา
9. นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 
10. นายกิตติ กิตติโชควัฒนา
11. นายกิตติ พิทักษ์นิตินันท์
12. นายเกรียงยศ สุดลาภา
13. พลเรือเอก ไกรวุธ วัฒนธรรม
14. นายขวัญชัย ดวงสถาพร
15. พลอากาศเอก ขวัญชัย เอี่ยมรักษา
16. นายเข็มชัย ชุติวงศ์
17. พลโท คณิต แจ่มจันทรา
18. พลอากาศเอก คณิต สุวรรณเนตร อดีต สปช.
19. พลเอก คณิต อุทิตสาร
20. นายคณิสสร นาวานุเคราะห์
21. พลอากาศเอก คธาทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา
22. นายคํานูณ สิทธิสมาน อดีต สปช. และกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ
23. นายคุรุจิต นาครทรรพ อดีต สปช.
24. หม่อมราชวงศ์จักรรถ จิตรพงศ์
25. พลเอก จารุเกียรติ ชัยวงษ์
26. นายจินดา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย27. พลเอกจิระ โกมุทพงศ์ อดีต สปช.
28. พลเรือเอกจีรพัฒน์ ปานสกุณ
29. นายจุมพล สุขมั่น อดีต สปช.
30. นางจุไรรัตน์ จุลจักรวัฒน์
31. พลอากาศตรี เฉลิมชัย เครืองาม น้องชายนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ อดีต สปช.
32. นายเฉลิมพล ประทีปะวณิช
33. นายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ
34. พลเรือเอก ชนินทร์ ชุณหรัชพันธุ์
35. นายชัย ชิดชอบ อดีต ส.ส.พรรคภูมิใจไทย อดีต สปช.
36. พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล
37. นายชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทย
38. นายชาลี เอียดสกุล
39. พลตํารวจเอกชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกฯ รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร
40. นายชูชัย ศุภวงศ์ อดีต สปช. 
41. นายชูชาติ อินสว่าง อดีต สปช.
42. นายชูศักดิ์ เกวี
43. พลเอกชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ์
44. พลเอกชศักดิ์ สันติวรวุฒิ
45. พลเอกชูศิลป์ คุณาไทย
46. นายฐาปบุตร ชมเสวี
47. พลเอกฐิติวัจน์ กําลังเอก อดีต สปช.
48. นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์
49. พลเรือเอก ณรงค์พล ณ บางช้าง อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ อดีต สปช.
50.พันตํารวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์
51. นายณัฏฐ์ ชพานนท์
52. นายดํารงค์ พิเดช อดีต สปช.
53. นายดุสิต เครืองาม น้องชายนายวิษณุ อดีต สปช.
54. นายดุสิต ลีลาภัทรพันธุ์ อดีต สปช.
55. พลตํารวจโท เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา
56. นายเดชาภิวัฒน์ณ สงขลา
57. นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.)
58. พลตํารวจโท ตรีทศ รณฤทธิวิชัย
59. นายต่อพงศ์ เสลานนท์
60. พลตํารวจเอก ไตรรัตน์ อมาตยกุล
61. นางถวิลวดี บุรีกุล อดีตกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ อดีต สปช.
62. พลอากาศเอก ทวิเดนศ์ อังศุสิงห์
63. นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล
64.ร้อยเอกทินพันธุ์ นาคะตะ
65. นายธงชัยลือ อดุลย์
66. พลโท ธงชัย สาระสุข
67. พันเอก ธนศักดิ์ มิตรภานนท์
68. นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์
69. นายธรรมศักดิ์ พงศ์พิชญามาตย์
70. พลเอก ธวัช จารุกลัส
71. นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย
72. นายธวัชชัย ฟักอังกูร
73. พลเอก ธวัชชัย สมุทรสาคร
74. นายธานินทร์ ผะเอม
75. พลตํารวจโทธีร จิตร์อุตมะ 
76. พลอากาศเอกธีระภาพ เสนะวงษ์
77. พลเอก นครสุขประเสริฐ
78. นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการสำนักงานวุฒิสภา
79. นายนิกร จํานง
80. นางนินนาท ชลิตานนท์
81. พลอากาศเอกนิรันดร์ ยิ้มสรวล
82. นายบวรเวท รุ่งรุจี
83. นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ อดีตทนายความผู้รับมอบอำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
84. พลโทบัญชา สิทธิวรยศ
85. นางเบญจวรรณ สร่างนิทร
86. พลเรือเอก ประดิษฐ์ ศิริคุปต์
87. นางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด ผู้บริหารเครือเดลินิวส์ทีวี อดีต สปช.
88. นายประภาศ คงเอียด
89. นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น อดีต สปช.
90. ร้อยเอก ประยุทธ เสาวคนธ์
91. นายประยูร เชี่ยววัฒนา
92. นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์
93. พลเอก ปราการ ชลยุทธ
94. นายปรีชา บุตรศรี
95. พลอากาศเอก ปรีชา ประดับมุข
96. นางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล
97. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ
98. นางสาวปิยะธิดา ประดิษฐบาทุกา
99. นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์
100. พลอากาศเอก เผด็จ วงษ์ปิ่นแก้ว
101. นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์
102. นายพนม ศรศิลป์
103. นายพรชัย ตระกูลวรานนท์
104. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
105. นางพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์
106. พลเอก พหล สง่าเนตร
107. พลเอก พอพล มณีรินทร์
108. พลเรือเอก พะจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีต สปช.
109. พลตํารวจตรีพิสิษฐ์ เปาอินทร์
110. นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต
111. นายไพฑูรย์ หลิมวัฒนา
112. พลเอกภิญโญ แก้วปลั่ง
113. พลเอกภูดิศ ทัตติยโชติ
114. พลอากาศเอก มนัสรูปขจร อดีต สปช.
115. นายมนู เลียวไพโรจน์
116. นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์
117. นางเมธินี เทพมณี
118. พันตํารวจตรี ยงยุทธ สาระสมบัติ
119. พลเรือเอกยุทธนา เกิดด้วยบุญ
120. พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีต รมช.กลาโหม รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
121. นางรวีวรรณ ภูริเดช
122. นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์
123. พลเอก รัชกฤต กาญจนวัฒน์
124. พลตํารวจเอก เรืองศักดิ์ จริตเอก
125. นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต
126. พลเอก เลิศรัตน์ รัตนวานิช อดีต กมธ.ยกร่างฯ อดีต สปช.
127. นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ
128. พลตํารวจเอก วรพงษ์ ชิวปรีชา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)
129. นายวรรณธรรม กาญจนสุวรรณ
130. พลเอก วรวิทย์ พรรณสมัย
131. นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา
132. พลโท วราห์ บุญญะสิทธิ์
133. นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ
134. พลเอก วัฒนา สรรพานิช
135. พลอากาศเอก วัธน มณีนัย
136. นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย
137. นายวันชัย สอนศิริ อดีต สปช.
138. นายวัลลภ พริ้งพงษ์
139. พลเอก วิชิต ยาทิพย์
140. นายวิเชียร ชวลิต
141. พลเอก วิเชียร ศิริสุนทร
142. นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตแกนนำ กปปส. กรรมการมูลนิธิ กปปส.
143. นายวินัย ดะห์ลัน
144. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย 
145. นายวิรัช ชินวินิจกุล
146. นายวิวัฒน์ ศัลยกําธร
147. นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร
148. พลเอก วุฒินันท์ ลีลายุทธ
149. นายไวกูณฑ์ ทองอร่าม
150. พลตํารวจโท ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผ.บชน.)
151. นายศานิตย์ นาคสุขศรี
152. นายศิริชัย ไม้งาม
153. นายสถิต ลิ่มพงศ์พันธุ์
154. พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์
155. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
156. นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์
157. นายสมชัย ฤชุพันธุ์
158. นายสมชาย พฤฒิกัลป์
159. พลโท สมชาย ลิ้นประเสริฐ
160. นายสมเดช นิลพันธุ์
161. นายสมพงษ์ สระกวี
162. นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์
163. พลเอก สราวุฒิ ชลออยู่
164. พลโท สสิน ทองภักดี
165. นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวตกรรมสังคม ม.รังสิต
166. นายสันตศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์
167.พันเอกสิรวิชญ์ นาคทอง
168. นายสุชน ชาลีเครือ อดีต สปช.
169. พันเอก สุชาติ จันทรโชติกุล
170. นายสุนชัย คํานูณเศรษฐ์
171. นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล
172. พลโท สุรเดช เฟื่องเจริญ
173. นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์
174. พลเรือเอกสุรินทร์ เริงอารมณ์
175. นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์
176. พลตํารวจโทสุวิระ ทรงเมตตา
177. นายเสรี สุวรรณภานนท์
178. นายเสรี อติภัทธะ
179. นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์
180. พลอากาศเอก อนาวิล ภิรมย์รัตน์
181. พลเรือเอก อนุทัย รัตตะรังสี
182. นายอนุสรณ์ จิรพงศ์
183. นายอนุสิษฐ คุณากร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
184. นายอภิชาต จงสกุล
185. พลเอก อภิชาต เพ็ญกิตติ
186. นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์
187. พลเรือเอก อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ
188. นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม
189. นายอรุณ จิรชวาลา
190. นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อดีต สปช.
191. นายอิศรา ศานติศาสน์
192. นายอัครินทร์ เลิศกิจชัยศิริ
193. นายอับดุลฮาลิม มินซาร์
194. พลตํารวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม.
195. พลตํารวจโท อาจิณ โชติวงศ์
196. พันตรี อาณันย์ วัชโรทัย อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีต สปช.
197. พลตํารวจโท อํานวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1
198. นายอําพล จินดาวัฒนะ
199. นายอุทัย เลาหวิเชียร
200. พลเอก เอกชัย จันทร์ศรี
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 5 ตุลาคม พุทธศักราช 2558
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ : ภาพประกอบนายปานเทพ จาก chaoprayanews, ภาพคุณหญิงพรทิพย์จาก ASTVmanager