PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โอบามาสั่ง CIA ให้ฝึกกลุ่มนักรบ ISIS : เปิดเผยเอกสารที่ “ไม่ลับ”อีกต่อไป

โอบามาสั่ง CIA ให้ฝึกกลุ่มนักรบ ISIS : เปิดเผยเอกสารที่ “ไม่ลับ”อีกต่อไป
Cr:Kritsada Wiset
(ภาพ3)โปรดสังเกตุชุดของกลุ่มไอซิสที่ควบคุมชายสวมเสื้อสีส้มมาตัดศีรษะ การแต่งกายของไอซิสมีระเบียบเรียบร้อย สวมรองเท้าบู้ทอย่างดี
(ภาพ4)ทหารนาวิกโยธินสหรัฐหรือทหารมารีนสวมชุดสีเดียวกับกลุ่มไอซิส รวมทั้งรองเท้าก็เหมือนกัน เป็นการยืนยันว่า CIA ไปฝึกอาวุธให้ไอซิสตามคำสั่งของประธานาธิบดีบารัค โอบามา
เบื้องหลังสหรัฐหนุนหลังกลุ่มไอซิส“นักตัดคอโชว์ผ่านวิดีโอ”ทั้งฝึกอาวุธ
และให้อาวุธเพื่อโค่นรัฐบาลซีเรีย ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองยาวนาน
จนกระทั่งรัสเซียได้รับการร้องขอจากอัล-อัสซาดเข้าไปจัดการปัญหาในซีเรีย
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558
สำนักข่าวหลายแห่งได้เสนอข่าวว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นผู้สั่งการให้ซีไอเอฝึกนักรบกลุ่มไอซิส (ISIS =the Islamic State of Iraq and Syria)
โดยเอกสารที่ถูกเปิดเผยนี้มาจากกลุ่มเฝ้ามองระบบยุติธรรมหรือ Judicial Watch
การฝึกนักรบไอซิสที่ชอบนำวิดีโอตัดหัวคนออกมาเสนอต่อชาวโลกนั้นก็หวังว่ากลุ่มไอซิสจะช่วยโค่นรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย
ให้หมดไปจากอำนาจ
การฝึกดังกล่าวซีไอเอจะใช้หน่วยฝึก 2 หน่วยคือเจ้าหน้าที่ซีไอเอโดยตรงและอีกหน่วยหนึ่งเป็นครูฝึกรับจ้าง (contractors) ฝึกนักรบเหล่านี้
โดยใช้พื้นที่ของประเทศจอร์แดนเป็นสนามฝึกเมื่อปี 2012
จากรายงานพบว่าเป้าหมายดั้งเดิมของสหรัฐเพื่อที่จะทำให้รัฐบาลซีเรีย
อ่อนกำลังลง สาเหตุเพราะสหรัฐมองว่ารัฐบาลอัล-อัสซาด
ทำสงครามก่ออาชญากรรมกับประชาชนของตัวเอง
แต่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อซีไอเอฝึกกลุ่มกบฎซีเรีย (Syrian rebels)
กลุ่มเหล่านี้กลับเป็นสมาชิกของ ISIS ทั้งสิ้น
สำหรับเอกสารที่กลุ่ม Judicial Watch ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรได้มา
เกิดจากการยื่นฟ้องรัฐบาลกลางและศาลสั่งให้เปิดเผยเอกสาร
โดยเป้าหมายของกลุ่มคือการสอบสวนการคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจไปในทางที่ผิด (corruption and abuse) ของรัฐบาลสหรัฐ
เอกสารดังกล่าวมีมากกว่า 100 หน้าได้รับมาจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน)และกระทรวงการต่างประเทศ
เอกสารส่วนหนึ่งที่ออกมาจากสำนักงานข่าวกรองกลาโหม ( the Defense Intelligence Agency =DIA) ระบุว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาและกลุ่มมิตรประเทศของสหรัฐพิจารณาจัดตั้งกลุ่มซาลาฟิสท์(Salafist organization )ขึ้นทางตะวันออกของซีเรียเพื่อกระหน่ำให้รัฐบาลอัล-อัสซาด
ถูกโค่นเร็วยิ่งขึ้น
“และนี่คือสิ่งที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียต้องการ เพื่อทำให้รัฐบาลซีเรีย
ถูกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น”รายงานของ DIA ระบุ
สำหรับกลุ่ม Salafists เป็นกลุ่มมุสลิมสุหนี่หัวรุนแรงและ
เป็นสาขาหนึ่งของกลุ่มวาห์ฮาบิ( Wahhabi)ในซาอุดิ อาระเบีย
เอกสารเหล่านี้ยังถูกแจกจ่ายไปยังหน่วยงานต่างๆของสหรัฐอาทิเช่นสำนักงานบัญชาการรบกลาง (the U.S. Central Command =CENCOM), หน่วยข่าวกรองกลาง(CIA), สำนักงานสืบสวนกลาง (FBI), กระทรวงความมั่นคงภายในสหรัฐ (the Department of Homeland Security =DHS) ,กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทหารยังได้ให้คำเตือนไว้ในเอกสารว่า
หากสงครามกลางเมืองในซีเรียเสียหายมากเท่าใด
จะต้องระวังผลกระทบที่จะไปเกิดขึ้นกับรัฐบาลอิรักอันเป็นประเทศ
เพื่อนบ้านที่ยังเปราะบาง
หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นหน่วยข่าวกรองประเมินว่าจะทำให้
กลุ่มอัล-กอห์อิดะในอิรัก ( al-Qaida in Iraq =AQII) กลับเข้าไปยึดครองเมืองโมซุลและเมืองรามาดิในอิรักได้
(ทั้งสองเป็นเมืองใหญ่ที่อัล-กอห์อิดะเคยยึดครองมาแล้ว)
DIA ยังประเมินว่ากลุ่มไอซิสคงจะประกาศเรื่องนี้ผ่านไปยังหัวหน้ากลุ่มศาสนาที่สัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายในอิรักและซีเรีย
รวมทั้งกลุ่มที่ฝ่ายบริหารโอบามาเรียกว่า “แกนหลักกอห์อิดะ”
(core al-Qaida) ซึ่งหมายถึงกลุ่มอัล-กอห์อิดะในคาบสมุทรอาระเบียน
ทั้งมวล
เอกสารที่ถูกเปิดเผยขึ้นมาเป็นการยืนยันว่าสหรัฐ,กลุ่มสหภาพยุโรปและชาติอื่นๆมองเห็นว่ากลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ISIS ถือเป็น
“ทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ที่จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในซีเรีย”
สำหรับผลที่ตามมาทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในบางส่วนของอิรัก นับตั้งแต่กลุ่มไอซิสก้าวข้ามพรมแดนของซีเรียออกมาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2014
การขนย้ายอาวุธให้ไอซิส
เอกสารที่กลุ่ม Judicial Watch ได้รับมาเปิดเผยว่า
ฝ่ายบริหารโอบามายังเป็นห่วงเรื่องการขนย้ายอาวุธ ทั้งนี้ได้ขนจากเมืองเบงกาซีในลิเบียไปให้กองกำลังฝ่ายกบฎ,สมาชิกกลุ่มไอซิส,
กลุ่มแนวร่วมอัล-นุสรา (Al-Nusra Front)
รวมทั้งกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมอื่นๆในซีเรีย
เมื่อเดือนตุลาคม 2012 รายงานยืนยันว่า “อาวุธเหล่านี้เป็นของอดีตทหารลิเบียที่ถูกสะสมไว้ จากนั้นถูกส่งออกจากเมืองท่าเบงกาซีของลิเบีย
ไปยังเมืองท่าบาเนียส์ (Port of Banias) และเมืองท่าบอร์ อิลสาม (Port of Borj Islam) ในประเทศซีเรีย
อาวุธที่ส่งออกปลายเดือนสิงหาคม 2012 ประกอบด้วยปืนยาวลอบสังหาร(Sniper rifles),จรวด RPG, ปืนใหญ่ขนาด 125 มม.และ 155 มม.”
สิ่งที่เกิดตามมาถึงกับช้อค เมื่อเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐ 4 คนถูกสังหารรวมทั้งเอกอัครราชทูตด้วยโดยฝีมือของนักรบจิฮาด
ก็เกิดขึ้นหลายสัปดาห์หลังจากอาวุธเหล่านี้ถูกส่งออก
เอกสารเปิดเผยด้วยว่าภายหลังจากรัฐบาลโมอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกโค่น
และกัดดาฟีเองถูกสังหารเมื่อเดือนตุลาคม 2011 จนกระทั่งเกือบ 1 ปี
หรือตกเดือนกันยายน 2012 จึงนำอาวุธทางทหารของลิเบียมารวมกัน
ในคลังอาวุธเมืองเบงกาซี ลิเบีย
จากนั้นอาวุธเหล่านี้ถูกส่งออกทางท่าเรือเมืองเบงกาซีไปยังเมืองท่าอื่นๆของซีเรีย เรือที่ลำเลียงอาวุธเป็นเรือขนาดกลางบรรจุตู้คอนเทนเนอร์
ได้ประมาณ 10 ตู้หรือน้อยกว่านี้
ที่มาของข่าว
http://www.examiner.com/…/obama-ordered-cia-to-train-isis-j…
ผลที่ตามมาจากสงครามกลางเมืองในซีเรียตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา
1.เมื่อผ่านการปฏิวัติโลกอาหรับ (Arab Springs 2011 ) ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในหลายประเทศของโลกอาหรับ แต่ประเทศซีเรีย
รัฐบาลอัล-อัสซาดยังอยู่ได้ไม่เปลี่ยนแปลง
ทำให้สหรัฐต้องการโค่นประธานาธิบดีอัล-อัสซาด จึงต้องสร้างกลุ่มต่อต้านขึ้นมาเท่าที่จะทำได้ ด้านหนึ่งรวบรวมกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
จัดตั้งกองกำลังผสมทางอากาศไปทิ้งระเบิดในซีเรีย
อ้างว่าปราบกลุ่มไอซิส
ด้านที่สองจัดตั้งกองกำลังกบฎในซีเรียเพื่อต่อต้านรัฐบาลอัล-อัสซาด
ฝึกอาวุธและส่งมอบอาวุธให้ฆ่ากันในซีเรีย
กลุ่มเหล่านี้รวมถึงกลุ่มไอซิสด้วย จึงกลายเป็นว่าสหรัฐกลับเป็น
ผู้จัดตั้งกลุ่มไอซิสด้วยตัวเอง กลุ่มไอซิสชอบตัดศีรษะคนมาประจานผ่านวิดีโอ พูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงอังกฤษ
ไม่ใช่สำเนียงอาหรับพูดภาษาอังกฤษ
2.มีข่าวว่าคนหนุ่มสาวจากประเทศตะวันตกและประเทศมุสลิมเดินทาง
ไปร่วมรบกับกลุ่มไอซิสจำนวนมาก น่าจะตีความได้ว่าสหรัฐและประเทศพันธมิตรตะวันตกระดมบุคคลไปช่วยเหลือกลุ่มไอซิส
เพื่อโค่นรัฐบาลอัล-อัสซาด
3.ประชาชนตายไปแล้ว 250,000 คน ต้องโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น
10 ล้านคน อาทิเช่นในเขตประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนหนึ่งหนีสงครามเข้าสู่ยุโรปที่เป็นข่าวคึกโครมตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2015 เป็นต้นมา
4.รัฐบาลรัสเซียได้รับการร้องขอจากรัฐบาลอัล-อัสซาดให้เข้าไปจัดการกลุ่มไอซิส (แลกลุ่มกบฎที่จะโค่นอัล-อัสซาด)
รัฐบาลรัสเซียต้องขออนุญาตผ่านรัฐสภาเพื่อจะได้เคลื่อนย้าย
กองกำลังทหารออกมานอกประเทศได้อย่างถูกต้อง
เมื่อมีความชอบธรรมในการเข้าไปปักหลักที่ซีเรีย รัฐบาลรัสเซียสามารถประกาศไปทั่วโลกว่าจะปฏิบัติการทางอากาศ
จึงขอให้ประเทศอื่นๆที่ปฏิบัติการอยู่ก่อนหน้า“หลีกทาง”ให้
5.รัฐบาลสหรัฐตลอดจนพันธมิตรกลุ่มนาโต้และประเทศในตะวันออกกลาง
จะต้องคิดหนักเพราะสหรัฐเองก็อ่อนล้าในการทำสงครามปราบปราม
การก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน,การโค่นรัฐบาลซัดดามในอิรัก
เพื่อทำให้อิรักมีประชาธิปไตยแบบตะวันตก,
การโค่นรัฐบาลกาดาฟีในลิเบีย
การประเมินความสูญเสียทางการเงินยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ระหว่าง
ปี 2003-2010 นั้นสหรัฐใช้เงินไประหว่าง 4-6 ล้านล้านดอลลาร์
เงินเหล่านี้มาจากภาษีอาการของประชาชน
ส่วนหนึ่งต้องกู้ยืมสถาบันการเงินในประเทศมาทำสงคราม

ไม่มีความคิดเห็น: