PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562

"วิษณุ"คาด พรฎ.ประกาศ23ม.ค.

#เลือกตั้ง62 : ถ้าเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ทำอย่างช้าสุดตามรัฐธรรมนูญ จะตั้งรัฐบาลใหม่ได้หลังพระราชพิธีฯ
.
วันนี้ (18 มกราคม 2562) วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้ง ส.ส. คาดว่าจะประกาศใช้ภายในวันที่ 23 มกราคม จากนั้นภายใน 5 วัน กกต.จะกำหนดวันเลือกตั้ง โดยเป็นที่ยุติแล้วว่าวันเลือกตั้งคือ “24 มีนาคม 2562” ส่วนวันเปิดรับสมัคร ส.ส. มี 5 วัน ระหว่างวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ เท่ากับว่ามีเวลาหาเสียงประมาณ 44-48 วัน ก่อนการเลือกตั้ง
.
ไอลอว์ชวนดูความเป็นไปได้ ถ้าเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 กำหนดการต่างๆ จะเป็นอย่างไร และจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ช่วงไหนบ้าง
.
เมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญและพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เงื่อนไขกำหนดการเลือกตั้ง มีดังนี้
.
1. รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดให้จัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน หลังกฎหมายเลือกตั้ง เริ่มมีผลบังคับใช้ (วันที่ 11 ธันวาคม 2561) ฉะนั้น เส้นตายต้องไม่เกิน 9 พฤษภาคม 2562 
.
2. ปกติแล้ว การเลือกตั้งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ ทำให้วันเลือกตั้งที่จะจัดได้วันสุดท้ายตามปฏิทิน คือ วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2562
.
3. พระราชพิธีบรมราชาภิเษก คือ 4-6 พฤษภาคม 2562 และจะมีกิจกรรมพระราชพิธีฯ อย่างน้อย 15 วันก่อนหน้า-หลัง สรุปคือ จะใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนครอบคลุมเวลาตั้งแต่ ช่วงกลางเดือนเมษายน-กลางเดือนพฤษภาคม 
.
4. กกต. ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ให้ได้มากกว่า 95% ไม่ช้ากว่า 60 วันหลังการเลือกตั้ง
.
5. พระมหากษัตริย์ทรงเรียกประชุมรัฐสภา หรือผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้แทนพระองค์ก็ได้ ภายใน 15 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง
.
ถ้าจัดการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 แล้ว กกต. ประกาศผลเลือกตั้งอย่างช้าสุดภายใน 60 วัน ก็คือ 23 พฤษภาคม 2562 และเปิดประชุมสภาครั้งแรกอย่างช้าสุดภายใน 75 วัน (15 วันหลังหลังประกาศผลเลือกตั้ง) 
.
ทำให้กิจกรรมเลือกตั้งทั้งหมดเสร็จสิ้นในวันที่ 7 มิถุนายน 2562 คือ หลังพระราชพิธี 18 วัน หรือประมาณสองอาทิตย์ (20 พฤษภาคม 2562 กิจกรรมที่ประชาชนและรัฐบาลจัดให้ในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นกิจกรรมสุดท้ายของพระราชพิธี) 
.
สำหรับภาพรวม การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นก่อนกิจกรรมพระราชพิธีฯ แล้วเมื่อกิจกรรมพระราชพิธีฯ เริ่มขึ้น กิจกรรมการเมืองจะหยุดลงชั่วคราว เพื่อให้กิจกรรมพระราชพิธีฯ เสร็จก่อน จึงค่อยกลับมาทำกิจกรรมหลังการเลือกตั้งต่อให้เสร็จสิ้น เท่ากับว่า เราจะได้รัฐบาลใหม่ที่มาจาการเลือกตั้งหลังพระราชพิธีฯ 
.
ดังนั้น หากเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 แล้วมีการประกาศผลเลือกตั้ง หลัง 9 พฤษภาคม 2562 ยังมีข้อกังวลว่าจะสุ่มเสี่ยงต่อการ "ขัดรัฐธรรมนูญ" และส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่? เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 268 กำหนดว่า ต้องจัด "การเลือกตั้งแล้วเสร็จ" ภายใน 150 วัน หลังกฎหมายเลือกตั้งบังคับใช้ คือไม่เกิน 9 พฤษภาคม 2562 ซึ่งมีข้อถกเถียงกันว่า “การเลือกตั้งแล้วเสร็จ" นั้นหมายถึง “วันเลือกตั้ง” เท่านั้น หรือหมายถึง “เลือกตั้งและประกาศผลแล้วเสร็จ” 
.
ซึ่งถ้าตีความว่า หมายถึง “เลือกตั้งและประกาศผลแล้วเสร็จ” วันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ย่อมขัดต่อรัฐธรรมนูญ และทำให้การเลือกตั้งเป็น "โมฆะ" ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะดำรงอยู่ต่อไป และไม่แน่ใจว่าจะมีการเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อไหร่ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุเหตุการณ์กรณีเช่นนี้ไว้
.
อย่างไรก็ดี วันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ไม่ใช่ทางเลือกเดียว แต่ยังมีทางเลือกอื่นอีกที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและไม่ทับซ้อนกับพระราชพิธีฯ อย่างเช่น ถ้ากำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันใดวันหนึ่งในช่วง “24 กุมภาพันธ์/ 3 มีนาคม/ 10 มีนาคม” แล้วทำตามธรรมเนียมปฏิบัติของการเลือกตั้งที่ผ่านมา 3 ครั้งล่าสุด ปี 2548 ปี 2550 และปี 2554 ใช้เวลาตั้งแต่วันเลือกตั้ง-การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เสร็จสิ้นเฉลี่ยเวลาเพียง 33 วัน เท่านั้น 
.
หากเลือกใช้วันดังกล่าว จะสามารถตั้งรัฐบาลใหม่ได้ก่อนพระราชพิธีฯ เริ่มเสียอีก
.
อ่านบทความ เลือกตั้งวันไหนดี? 24 ก.พ./ 3 มี.ค./ 10 มี.ค. ทำเร็ว ได้รัฐบาลใหม่ก่อนพระราชพิธีเริ่ม ได้ที่ https://ilaw.or.th/node/5099

เผย ศาลฎีกา พร้อมเปิดช่อง! รับพิจารณา ‘คดีนาฬิกาบิ๊กป้อม’ ผิดจริยธรรมหรือไม่?



เลขาฯศาลยุติธรรม เผย ศาลฎีกาพร้อมพิจารณาคดี นาฬิกาหรู ละเมิด มาตรฐานจริยธรรมฯนักการเมือง ร้ายเเรงหรือไม่ หาก ปปช.ยื่นร้องมา เผยช่องทางนี้ เป็นเรื่องใหม่ ยังไม่ค่อยมีคนทราบ

ศาลฎีกา นาฬิกาบิ๊กป้อม – เมื่อเวลา 10.45 น.ที่ชั้น 12 สำนักงานศาลยุติธรรม อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการ สำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวตอบข้อซักถามสื่อมวลชนในการเเถลงข่าวผลการดำเนินงานศาลยุติธรรมทั่วประเทศและสำนักงานศาลยุติธรรม ปี 2561
ในประเด็นเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมาก ตีตกคดีที่การกล่าวหา การไม่ยื่นหรือเเสดงบัญชีทรัพย์สิน อันเป็นเท็จ จากการครอบครองนาฬิกาหรู ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะเข้าข่ายการละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายเเรงของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองเเละองค์กรอิสระหรือไม่
หากมีการยื่นร้องกล่าวหา ป.ป.ช. ในส่วนของคดีอาญาในเรื่องปฏิบัติหน้าที่มิชอบด้วย ว่าขั้นตอนตามกฎหมายถ้าหากมีการร้องเข้ามาสนช.ก็จะพิจารณาส่งเรื่องให้ประธานศาลฎีกานำเข้าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อพิจารณาเเต่งตั้งผู้ไต่สวนอิสระ เหมือนคราวที่เมื่ออดีต คณะกรรมการ ป.ป.ช.เคยโดนร้องเรื่องขึ้นเงินเดือนตัวเอง ซึ่งขั้นตอนการร้องคดีเเละการพิจารณาจะมีระเบียบของศาลฎีกาที่ได้เผยเเพร่
วันนี้ตนได้รับเอกสารข้อมูลในการพิจารณาคดี ของศาลฎีกา เเผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ในปี 2561 มีคดีที่เข้าพิจารณา 351 มีค้างเก่า119คดี เเละศาลฎีกาฯพิจารณาเเล้วเสร็จในป 234 ค้างมาปีนี้236คดี ซึ่งส่วนใหญ่คดีที่ค้างจะเป็นคดีจงใจไม่เเสดงหรือนื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ส่วนฐานกระทำความผิดอื่นๆมีเเค่กว่า10คดี ซึ่งทางศาลฎีกาก็พร้อมที่จะมีการพิจารณาคดีให้เเล้วเสร็จภายในกรอบที่ประธานศาลฎีกากำหนดใน 1ปี
เมื่อถามว่าหลังจากที่มีการออกระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองเเละองค์กรอิสระมีการร้องขึ้นสู่การพิจารณา เเล้วหรือไม่
นายสราวุธ กล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีคดีละเมิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายเเรงขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาเนื่องจาก เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องใหม่เเละไม่ค่อยมีคนทราบ
ถามต่อว่า เมื่อวาน ป.ป.ช.มีการเเถลงชี้เเจงเรื่อง นาฬิกาหรู พล.อ.ประวิตร ในส่วนที่มีการตีตกในส่วนของคดีอาญา ในประเด็นเรื่องการรับของที่มูลค่าเกิน3พันบาท ตรงนี้จะถือว่าเข้าข่ายละเมิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายเเรง ของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองหรือไม่
นายสราวุธ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช. ตนจึงไม่สามารถที่จะให้ความเห็นได้ มิเช่นนั้นจะเป็นการให้ความเห็นของการทำงานของหน่วยงานอื่นๆ“เเต่ในส่วนของศาลเองถ้ามีการยื่นเรื่องเข้ามาทางศาลมีความพร้อมที่จะมีการพิจารณาคดี”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เเละผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ได้ถูกบัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญฉบับ 60 โดยกำหนดให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับประกอบด้วย ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ หรือ กสม.
ซึ่งรัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้มีจริยธรรมบังคับใช้ควบคุมกับผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองเเละองค์กรอิสระเพื่อเน้นเเละตรวจสอบเข้มข้นมากกว่าวิธีการทางอาญาเพียงอย่างเดียว โดยการพิจารณาคดีผู้ที่ละเมิดมาตราฐานจริยธรรมฯจะให้เป็นไปตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขึ้นมาหากมีคดีขึ้นสู่การพิจารณาคดี โดยมีประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ 31 ม.ค.61 ที่ผ่านมา

แจงคืบหน้าเหตุเจ้าหน้าที่ปะทะคนร้ายที่จะแนะ คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจงคืบหน้าเหตุเจ้าหน้าที่ปะทะคนร้ายที่จะแนะ คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวภาคประชาชนพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายบริเวณเทือกเขาบ้านตือกอ หมู่ 7 อ. จะแนะ จ. นราธิวาส คาดว่าเตรียมลงมาก่อเหตุในพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสได้วางแผนร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมนราธิวาสสนธิกำลังเข้าไปทำการตรวจสอบในบริเวณดังกล่าวซึ่งหน่วยได้มีการจัดกำลังเข้าไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ผลจากการดำเนินการเมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 07:00 ได้มีการปะทะกับกลุ่มคนร้าย ผลจากการปะทะนะเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืน ak47 ได้1กระบอกกระบอกคนร้ายเสียชีวิต 1 ราย ลักษณะจุดปะทะเป็นเพิงพักชั่วคราวของกลุ่มคนร้ายพบที่พักชั่วคราว 6 หลังมีโรงครัว 1 หลัง คาดว่าคนร้ายน่าจะล่าถอยขึ้นไปบนภูเขา
ขณะที่ทางท่านแม่ทัพภาคที่4ได้สั่งการให้เพิ่มเติมกำลัง ทั้งการบินลาดตะเวนตรวจการณ์ทางอากาศและการเพิ่มกำลังในพื้นราบการสกัดกั้น ตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี ทั้งเส้นทางหลัก เส้นทางรองในหมู่บ้านพร้อมทั้งได้มีการแจ้งเตือนกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่รอบๆบริเวณที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงให้ช่วยกันสอดส่องดูแลถ้าพบว่าคนร้ายเข้ามาหลบซ่อนเพื่อพักรักษาตัวในหมู่บ้านหรือหลบซ่อนมาในเขตของหมู่บ้านก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ได้รับทราบเพื่อที่จะเข้าไปดำเนินการต่อไปขณะนี้ยังไม่จบภารกิจ

"บิ๊กป้อม" ใครว่าปัญญาอ่อน?

"บิ๊กป้อม" อ่วมอรทัยอีกแล้ว!
    วันก่อน นักข่าวไปถาม..........
    "ทำไมกลุ่มติดอาวุธอัลชาบับจากโซมาเลีย จึงเลือกก่อเหตุโรงแรมในเครือของประเทศไทย ที่ประเทศเคนยา?"  
    บิ๊กป้อมตอบว่า
    "ไม่รู้สิ คงเห็นอาหารอร่อยมั้ง?" 
    เท่านั้นแหละ ดังทั่วโลก สื่อใน-สื่อนอก ทั้งไทย-จีน-ฝรั่ง-ญี่ปุ่น กระทั่งสื่อในเคนยา โค้ดประโยคเด็ดนี้ไปยำกันเละ
    แต่ผมชอบนะ......
    ผมว่าบิ๊กป้อมมีอย่างที่เขาเรียกว่า sense of humor เข้าท่าดี  
    แม้บางเรื่องจะกระเดียดทาง wicked sense of humor คือ "ตลกร้าย" ไปบ้างก็ตาม อย่างกรณีนี้ 
    แต่ก็โอเคนะ!
    อดีตกาล เคยรับประทานอาหารกับนักการทูตบางท่าน ช่วงหลังอาหาร ท่านจะหาเรื่องโจ๊กมาเล่าสลับการสนทนาให้ได้หัวเราะเป็นการละลายความเกร็งในบรรยากาศคบหา 
    ผมรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้บ้าง..........
    เห็นเขาหัวเราะกัน ก็จับจังหวะผสมหัวเราะไปกับเขา ทำเป็นว่าเข้าถึง
    เจอแบบนี้ซัก ๒-๓ ครั้ง พอจับสังเกตได้ว่า
    อ้อ..นี่ เป็นทั้งวัฒนธรรมและทั้งเคล็ดลับสร้างเสน่ห์ของบุคคลระดับนักบริหารและการทูต     
    คือ อารมณ์ขัน 
    นอกจากเป็นเพชฌฆาตละลายเครียดแล้ว ยังเป็นตัวสร้างความเป็นกันเอง เปลี่ยนมลพิษทางอารมณ์คนให้เป็นพลังงานสะอาดได้
    เคยอ่านประวัติไอน์สไตน์ เขาบอกว่า ไอน์สไตน์เป็นคนตลก มีอารมณ์ขัน
    มาอ่านพบในเว็บ salika อีก เขาพูดเรื่องงานวิจัยด้านอารมณ์ขันไว้ จะยกบางส่วนมาให้อ่าน เขาบอกว่า
    "งานวิจัยฟันธง คนมีอารมณ์ขัน ฉลาด สมองดี กว่าคนอื่น"
    หากมีใครตั้งคำถามกับอัจฉริยะโลกไม่ลืมอย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ว่าทำไมเขาถึงฉลาด 
    ไอน์สไตน์จะตอบโดยยกความดีความชอบให้กับลักษณะนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนมีอารมณ์ขัน มองโลกแง่บวก ที่ติดตัวมาตั้งแต่วัยเด็ก 
    ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ สอดคล้องกันเป็นอย่างดีกับข้อค้นพบในงานวิจัยทางการแพทย์หลายฉบับ ที่ระบุว่า มีความเกาะเกี่ยวกันอย่างแน่นอน 
    ระหว่างความเฉลียวฉลาดทางสมอง กับความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ ที่แสดงออกมาผ่านอารมณ์ขันของแต่ละบุคคล
    เริ่มจากงานวิจัยที่ทำขึ้นในประเทศออสเตรีย ซึ่งค้นพบว่า คนที่มีความตลกขบขัน มีความสุขกับการฟังเรื่องตลกโปกฮา (Dark humor) แล้วหัวเราะอยู่เป็นประจำ 
    จะมี IQs สูงกว่าผู้ที่ไม่ค่อยชอบรับฟังเรื่องตลกทำนองนี้ และมีบุคลิกที่เคร่งเครียดตลอดเวลา 
    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนมีอารมณ์ขันนี้ อธิบายทางการแพทย์ได้ว่า 
    เป็นปฏิกิริยาที่ต้องอาศัยประสาทการรับรู้ และความสามารถทางอารมณ์ร่วมกัน จึงจะเกิดอารมณ์ขันนี้     
    งานวิจัยชิ้นเดียวกันนี้ อธิบายต่อด้วยว่า........
    คนมีอารมณ์ขันจะมีทักษะด้านอารมณ์ที่เฉียบคม ที่จะรับรู้ทั้งการสื่อสารในรูปแบบของการบอกเล่าและภาษากายที่ไม่มีคำพูด (verbal and non-verbal intelligence) ในเรื่องตลกขบขัน 
    ขณะที่ผลการทดสอบปัจจัยด้านลบ อย่างระดับการได้รับการกระทบกระทั่งทางอารมณ์ และความก้าวร้าว เกรี้ยวกราด จะมีคะแนนต่ำมากสำหรับคนที่มีอารมณ์ขัน
    ไม่ใช่แค่ความเฉลียวฉลาดที่เป็นข้อค้นพบในตัวคนที่มีอารมณ์ขันเท่านั้น 
    เพราะนักวิจัยยังพบว่า ความมีอารมณ์ขันนี้ ส่งผลดีกับคนรอบข้างและในการทำงานของบุคคล 
    เพราะผลการเก็บข้อมูลจากคนรอบข้างที่ทำงานร่วมกับคนมีอารมณ์ขัน พูดตรงกันว่า 
    คนร่ำรวยอารมณ์ขันนี้ เมื่อทำงานด้วยแล้ว สัมผัสได้ถึงความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ขั้นสูง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจและกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ 
    โดยนักจิตวิทยายังอธิบายเพิ่มเติมว่า อารมณ์ขัน หรือ "Sense of Humor" นี้ เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้
    ครับ...
    อยากรู้เพิ่มเติม คลิกไปหาอ่านในเว็บ salika ผมยกมาชี้ให้เห็นเท่านั้นว่า 
    บิ๊กป้อม...ที่ว่า พูดทีไร เป็นประเด็นให้ได้นำไปเมาธ์ ไปฮา เหมือนว่า ท่านพูดไม่คิด หรือคิด แต่หน่อมแน้ม บ้องตื้น หางานเข้ารัฐบาลเป็นประจำนั้น
    ในมุมมองผม ถ้าท่านเป็นคนหน่อมแน้ม บ้องตื้นจริง ถึงขึ้นมาเป็น ผบ..ทบ.ได้ 
    นั่นก็ไม่แปลก
    การที่สามารถส่งต่อให้ลูกน้องซ้าย-ขวาอย่างพลเอกอนุพงษ์และพลเอกประยุทธ์ขึ้นนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.อีกสองคน
    นั่นก็ไม่แปลก
    การเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศของพลเอกประยุทธ์ ๒๒ พฤษภา.๕๗ 
    ทุกอย่าง สมูธ แอส สิล์ค เป็นรัฐบาล คสช.วันนี้ได้ ก็เพราะ "พี่ใหญ่" จัดเต็มให้
    นั่นก็ยังไม่แปลก
    โดยธรรมเนียมรัฐบาลทหาร หอมอยู่ได้ปี-สองปีก็เก่งแล้ว แต่นี่รัฐบาล คสช.ด้วย "อาจารย์ป้อม" ลงยันต์
    เข้าปีที่ ๕ ใครก็ยิงไม่ออก-ฟันไม่เข้า 
    ชนิดที่น่าต้องทำ "เหรียญ คสช." ให้อาจารย์ป้อมปลุกเสก แจกฉลองรัฐบาลปฏิวัติ "แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี"
    ประเด็นนี้ ไม่เพียงแปลก แต่ทึ่งด้วย!
    รัฐบาล คสช.โดยพระอาจารย์ป้อมนั่งปรกคุมความมั่นคง พวกสัมภเวสี ผีกินบ้าน-กินเมือง หะแรก นึกว่าหวานหมู "อาป้อม" จะหลิ่วตาพ่อยอดรักให้แหวกวงสายสิญจน์กลับเข้ามาได้ง่ายๆ
    แต่ที่ไหนได้ อาจารย์ป้อม "ตีตะปู" ปิดผาโลง 
    สัมภเวสีตัวนอก นอกจากกลับเข้ามาไม่ได้ เว้นแต่เข้าคุกแล้ว 
    ยังจะมีเป็นสัมภเวสีตัวใน "หนีคดี-หนีคุก" ตามออกไปอีกเป็นระลอก...ในมิช้า!
    มันอกหัก ถึงขั้นประดิษฐ์คำด่า "ยุติธรรมแบบป้อมๆ"
    แบบป้อมๆ เป็นแบบไหน?
    คนที่ถางถากกันว่า "พูดจาปัญญาอ่อน" สวนแบบอ่อนน่วมกลับไปว่า
    ".....ก็ไปถามไอ้ทักษิณมันสิ"!
    จบบริบูรณ์เรื่องตระกูล "โคตรโกง" จะกลับเข้ามา นับจากกรกฎา.๔๙ ที่เป็นสัมภเวสี ถึง ณ ๑๘ มกรา.๖๒ วันนี้
    "บิ๊กป้อม" หนึ่งเดียวคนนี้.......
    เฉลิมยศนำหน้าให้สัมภเวสีตนนั้น ว่า "ไอ้ทักษิณ"!
    ก็จะเห็นว่า บิ๊กป้อม ที่ดูเหมือนหน่อมแน้ม พูดจาอะไรไม่ฉลาด 
    เป็นเหยื่อให้นักข่าวต้อนซ้าย-ต้อนขวา ตั้งคำถามนำยัดปากให้ตอบ เพื่อเอาไปพาดหัวด่าหรือเสียดสีประจำนั้น
    พิศกันให้ถึงสะดือ แล้วจะเห็น 
    ที่ดูเหมือน "แป๊ะยิ้ม" แต่ละเคลื่อนไหวนุ่มนิ่ม ดูน่าตลก กึ่งสมองกร่อนนั่นน่ะ
    "จิวแปะทง" เฒ่าทารกผู้ไร้เดียงสา ๑ ใน ๕ เจ้ายุทธจักร ผู้ไร้เทียมทานแห่งยุค 
    "ป้อม-แป๊ะยิ้ม" ก็ประมาณนั้นเลยเชียว!
    การเป็นคนที่นักข่าวหรือใครๆ "คาดไม่ถึง" หรือ "มองไม่ถึง" นั่นแหละ
    ในสถานการณ์วิกฤติ คนอื่นต้องรบทัพจับศึก แต่บิ๊กป้อม ท่าทางเขาดูซื่อบื้อ
    ใช้คำพูด "คำ-สองคำ" เหมือนไม่ตั้งใจ เท่านั้น กลับผลักภูเขาเป็นทางน้ำไหล
    บิ๊กตู่ ถูสบู่ ขัดขี้ไคล แช่อ่าง สบายยยย มา ๕ ปี
    ทำท่าจะต่ออีก ๕ อยู่รอมมะร่อ!
    ปากกา นาฬิกา แว่นตา ตู่-น้องเล็ก รับเพลิน
    แต่ป้อม-พี่ใหญ่ ทั้งซ่งตีง ทั้งก้อนอิฐ หัว-หูโนแทนอยู่คนเดียว!
    นั่นไม่เพราะปัญญาอ่อนแบบ "ป้อม-จิวแปะทง" ดอกหรือ?
    "ไม่รู้สิ คงเห็นอาหารอร่อยมั้ง?"
    นี่ก็เช่นกัน........
    เมื่อถามบ้องตื้น บิ๊กป้อมก็ตอบบ้องตื้น แต่บ้องตื้นนั้น กลบพวกอยากเลือกตั้งไปเลย!
    เหตุเกิดปุบปับที่บ้านเขา ในอีกซีกโลกที่เคนยา ยังยิงกันตุงไป-ตุงมา นักข่าวดันถาม 
    "ทำไมเกิดเหตุจึงเกิดที่โรงแรมเครือคนไทย?"
    ใครจะไปตรัสรู้ได้เดี๋ยวนั้น ที่ท่านตอบ จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่การตอบ 
    หากแต่เป็นการพูดคุยเล่นในหมู่คนกันเอง ไม่ได้หวังให้เป็นข่าว-เป็นคำตอบอะไรจริงจัง
    แต่ทีนี้ก็อย่างว่า อะไรข่าว อะไร sense of humor มันอยู่ที่ตัวนักข่าวและตัวสื่อจะนำเสนอแบบไหน ด้วยทัศนคติไหนเท่านั้น
    แต่ยังไงๆ ผมก็มองว่า "น้ำกลั่น" ปลาอาศัยอยู่ไม่ได้ "น้ำในคลองหลอด" ปลาอาศัยอยู่ได้
    "รัฐบาลพลเอกประยุทธ์" ก็เช่นนั้น
    ต้องอาศัย "คลองหลอด" หลังกลาโหมไปอีกซักพัก ถึงจะว่ายออกเจ้าพระยาได้!.

4รมต.จ่อลาออก! 'กอบศักดิ์'ลุยการเมืองเต็มตัว/24มี.ค.เหมาะกาบัตร

      
      “24 มีนาคม 2562” เต็งหามวันเลือกตั้งใหม่ “เนติบริกร” ชี้หาก กกต.บริหารจัดการได้ก็ไม่มีปัญหา เพราะไม่ติดพระราชพิธี สอดรับพระราชกฤษฎีกาที่ “บิ๊กป้อม” บอกจะคลอดสัปดาห์หน้า “กอบศักดิ์” ประกาศแล้วพร้อมไขก๊อกเพื่อลงการเมืองเต็มตัว รออีก 3 รมต.ก่อนออกพร้อมกัน วัฒนาโพสต์รูปพ่วงอัดทหารคุกคามบ้านรองเลขาธิการ พท. “วินธัย” สวนกลับบิดเบือน แค่ไปรับฟังปัญหาตามวงรอบ “ภูมิใจไทย” เปิดตัวยิ่งใหญ่สนามช้าง “เสี่ยหนู”ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ ผุดนโยบายกัญชาเสรีหรือแคลิฟอร์เนีย 
      เมื่อวันพฤหัสบดี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเลื่อนวันเลือกตั้งไปเป็นวันที่ 24 มี.ค. อาจทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่สามารถรับรอง ส.ส.ได้ทันวันเปิดประชุมสภาว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจหน้าที่ แต่ถ้า กกต.เชื่อว่าทำได้ ก็เป็นหน้าที่ของ กกต. รัฐบาลหรือใครๆ ไม่สามารถไปเกี่ยวข้องได้ แต่การประกาศวันเลือกตั้งวันใดนั้นมีความหมายมาก เพราะถือเป็นการนับหนึ่งที่จะกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสภาภายใน 15 วันหลังจากนั้น 
      “ที่เกรงกันคือเรื่องการประกาศผลการเลือกตั้งไปก่อนแล้วนับ 15 วัน จะไปอยู่ในช่วงพระราชพิธี จึงได้พูดคุยกันว่าให้ยึดวันที่ 9 พ.ค.เป็นหลัก และหากวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 24 มี.ค. ก็ห่างอยู่ประมาณ 45-47 วัน ซึ่งถ้า กกต.คิดว่าทำได้ทัน และดูแล้วก็ไม่ติดพระราชพิธีใดๆ และจะให้อยู่ในกรอบวันที่ 9 พ.ค.ก็อยู่ที่ กกต.บริหารจัดการ ทั้งนี้ รัฐบาลเป็นห่วงอยู่เพียงเรื่องที่จะไปทับซ้อนกับพระราชพิธีเท่านั้น” นายวิษณุกล่าวและว่า ส่วนที่กลัวกันว่าจะมีปัญหาหรือไม่ หากประกาศผลเลือกตั้งไปก่อนแล้วมาสอยทีหลังนั้น ถ้าหากมีกรณีที่เป็นปัญหามากๆ อยู่หลายรายก็อาจเกิดปัญหาจริงในการจัดตั้งรัฐบาล โดยอาจเกิดสภาพรัฐบาลเสียงข้างน้อยในอนาคตได้
      นายวิษณุยืนยันว่า ตนเองและนักกฎหมายทั้งหลาย หรือแม้แต่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เองเคยชี้แจงในสภาว่า ในการประกาศผลการเลือกตั้งช่วง 60 วัน เป็นคนละเรื่องกับ 150 วัน แต่ถ้า กกต.คิดว่าเพลย์เซฟ แล้วเอามาเป็นเรื่องเดียวกันก็แล้วไป ไม่มีปัญหา เพียงแต่ขอให้บริหารจัดการให้ได้เท่านั้น แต่หากไม่เสร็จจริงก็ยังสามารถดำเนินการได้ แต่ถ้าจะมีคนเถียงหรือท้วงว่าไม่ได้ อย่างนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ก็ท้วงมาตลอดนั้น ค่อยไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะไปหารือในวันนี้ อย่าตีตนไปก่อนไข้ ไม่ทันเห็นน้ำแล้วตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกก็จะโก่งหน้าไม้ เพราะเลือกก็ยังไม่เลือก แล้วไปคิดก่อนว่ามันจะไม่เสร็จ มันจะไม่ทัน แล้วจะเกินเวลา แล้วจะโมฆะ คิดอย่างนั้นจินตนาการมากไป
      เมื่อถามว่า เห็นว่า 24 มี.ค.เหมาะเป็นวันเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ แล้วแต่ กกต.เห็นว่าเหมาะอย่างไร โดยตนเองเห็นหลายจุดว่า 3 และ 10 มี.ค.อาจกระชั้นไปเมื่อเทียบกับวันที่จะประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งยังไม่รู้จริงว่าจะประกาศเมื่อไหร่ จึงอาจทำให้เหลือระยะเวลาหาเสียงสั้น ถ้าเป็น 17 มี.ค.อาจมีปัญหากับเด็กที่สอบ TCAS จำนวนเป็นแสนคน และเป็นวัยมีสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้นจึงเหลือวันที่ 24 มี.ค. ซึ่งก็น่าจะเหมาะที่สุด และพระราชกฤษฎีกาก็น่าจะประกาศใช้ได้ในสัปดาห์หน้าอย่างที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมบอกไว้
      เมื่อถามว่า 24 มี.ค. เหมาะสมสามารถประกาศในนามรัฐบาลได้เลยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ที่ตอบ เพราะสื่อถามนำว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งมี 3 ทางในการเลือกตอบ คือ 1.ไม่เหมาะสม 2.เหมาะสม และ 3.เฉย โดยความเห็นส่วนตัว การตอบไม่เหมาะสมมันก็เท็จ จะบอกว่านิ่งเฉยเสียก็อาจดีที่สุด แต่เมื่อเผลอตอบไปแล้วก็ตอบว่าเป็นไปได้ แต่ไม่ได้บอกว่าเหมาะสมเลย โดยวันที่ 3 มี.ค. ไม่เหมาะสมเอาเลย แต่ 10 มี.ค. มีความเป็นไปได้ แต่เมื่อยังไม่รู้ว่าพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งจะมีวันไหน จะเหลือเวลาหาเสียงน้อยไป บางพรรคอาจไม่บ่น บางพรรคบอกเลือกเร็วๆ ดีแล้ว แต่ต้องคำนึงถึงเวลาหาเสียงที่เพียงพอ เมื่อจะขยับวันเลือกตั้ง วันหาเสียงก็ไม่ควรน้อยกว่ากำหนดเดิมคือ 52 วันจึงจะเป็นธรรม
บี้แจงวันเลือกตั้งให้ชัด
      ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุระบุว่าอาจจะประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งภายในสัปดาห์หน้า ว่าเท่าที่ติดตามน่าจะเป็นเพียงการคาดการณ์ คงต้องรอดูว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนอย่างไร และอยากให้รัฐบาลทำความชัดเจนให้มากที่สุด เพื่อลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งและการวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนวันเลือกตั้งนั้น ควรให้ กกต.มีอิสระเต็มที่ เพราะเงื่อนเวลาที่ต้องทำให้แล้วเสร็จ
      คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การจะเลือกตั้งเมื่อใดก็เป็นสิ่งที่เราอยากรู้เหมือนประชาชนที่ต้องรอความชัดเจน ขอให้ผู้มีอำนาจโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ให้ความชัดเจนว่าจะเลือกตั้งเมื่อใด
      ส่วน ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า พรรคพร้อมตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.แล้ว ถ้าเลื่อนไปวันที่ 24 มี.ค. เพื่องานสำคัญก็เข้าใจ แต่อยากเรียกร้องให้ กกต.ประกาศชัดเจน เนื่องจากพรรคการเมืองต้องเตรียมความพร้อม 
      ขณะที่นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า กกต.จำเป็นต้องออกมาชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนว่าโรดแมป ไทม์ไลน์ของการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร แม้จะยังไม่มีการประกาศ พ.ร.ฎ. แต่ กกต.ควรคาดการณ์ไว้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนที่กำลังรอการเลือกตั้ง รวมถึงพรรคการเมืองในการเตรียมตัว หรือ กกต.ไม่ใช่ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในการเลือกตั้ง ถ้าเช่นนั้น กกต. คสช. และรัฐบาลควรมาคุยกันเพื่อสร้างความชัดเจนเสียที
      “เป็นห่วง กกต.ชุดนี้ หากฟังตามที่นายวิษณุชี้นำถึงวันเลือกตั้งว่าควรเป็นวันที่ 24 มี.ค. เพราะอาจประกาศผลเลือกตั้งไม่ทัน และเมื่อถึงที่สุดแล้วมีคนร้องศาลรัฐธรรมนูญ แล้วผลวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับผลไม่ใช่รัฐบาลหรือ คสช. แต่เป็น กกต.ที่อาจต้องถูกดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา เช่น อดีต กกต.ที่ต้องถูกจำคุกมาแล้ว ดังนั้นการตัดสินใจว่าการเลือกตั้งควรเป็นวันใดนั้น เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะตัดสินใจ อย่าให้ใครมาชี้นำ”
      ส่วนเฟซบุ๊กแฟนเพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่า ถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. กกต.ก็ต้องประกาศผลการเลือกตั้งไม่ให้เกินวันที่ 9 พ.ค. ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหา ซึ่งเส้นตายจริงจะอยู่ที่ 24 มี.ค. ขยับไปอีกไม่ได้แล้ว เพราะมีคนเกรงว่าถ้า กกต.จัดเลือกตั้งไม่ได้ในวันที่ 24 มี.ค. และประกาศผลไม่ได้ในวันที่ 9 พ.ค. พวกท่านก็จะอยู่ยาว ซึ่งตรงนี้มันจะเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ได้ขู่
      ขณะที่นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวได้ไปยื่นหนังสือเรียกร้องให้ กกต.เร่งกำหนดวันเลือกตั้งโดยเร็วภายในวันที่ 18 ม.ค. แม้ พ.ร.ฎ.จะยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ตาม เพราะเชื่อว่ามีการตกลงเป็นภายในระหว่าง กกต.กับ คสช.ไว้แล้วว่าจะเป็นวันที่ 24 มี.ค. จึงต้องการให้รัฐบาลและ กกต.ประกาศออกมาให้ชัดเจน
กอบศักดิ์พร้อมไขก๊อก
      สำหรับความเคลื่อนไหวของนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ขณะนี้พร้อมลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว เพราะภารกิจงานต่างๆ ในความรับผิดใกล้แล้วเสร็จทั้งหมด ส่วนจะลาออกวันใดนั้น ต้องรออีก 3 รัฐมนตรี เพราะต้องลาออกพร้อมกัน เพื่อไปทำงานการเมืองอย่างเต็มตัว เพราะที่ผ่านมามีความเสียเปรียบทางการเมือง เพราะไม่สามารถลงพื้นที่หาเสียงได้ในเวลาราชการ ซึ่งหลังลาออกจะทำให้ไปทำงานการเมืองได้เต็มที่
      ด้านนายวิษณุกล่าวถึงกรณีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯ และโฆษกประจำสำนักนายกฯ ที่ไปร่วมงานกับพรรค พปชร.ในการออกรายการเดินหน้าประเทศไทย ว่ายังสามารถทำได้ แต่ต้องระมัดระวังเหมือนกับรัฐมนตรี โดยเฉพาะเนื้อหาการแถลงชี้แจงต่างๆ
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณี 4 รัฐมนตรีสั้นๆ ว่าขอเลิกพูด เพราะเขารู้อยู่แก่ใจแล้วว่าควรต้องทำอย่างไร
      วันเดียวกัน ยังคงมีผลพวงจากกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ออกมาเตือนความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โดยที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) นายเอกชัย พร้อมนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ ได้เดินทางมาเรียกร้องขอให้ พล.อ.อภิรัชต์ยุติคุกคามผู้เห็นต่าง ซึ่งนายเอกชัยได้ยืนชูป้ายข้อความ "มึงเก่งเฉพาะคนไม่มีทางสู้" ที่บริเวณหน้าป้ายกองทัพบก พร้อมกล่าวโจมตีการทำหน้าที่ของ ผบ.ทบ. และพยายามเดินเข้ามาภายใน บก.ทบ. แต่เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารได้เชิญตัวออกมาด้านนอก เพราะเป็นสถานที่ราชการ และนายเอกชัยพร้อมพวกไม่ได้มาติดต่องาน ซึ่งนายเอกชัยได้ตะโกนต่อว่า ผบ.ทบ.ประมาณ 10 นาที ก่อนเดินขึ้นรถยนต์นิสสัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน พพ 8102 กทม. ขับออกไป
      ขณะเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมรูปภาพระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. นายธวัชชัย สุทธิบงกช รองเลขาธิการพรรค พท. ได้ส่งข้อความว่ามีคนมาเยี่ยม พร้อมแชร์ภาพทหารในชุดพราง 4 นายมาพบที่บ้าน ซึ่งได้พยายามติดต่อนายธวัชชัย แต่ติดต่อไม่ได้ จึงขออนุญาตทำโดยพลการเผยแพร่วีรกรรมของทหารไทยที่ ผบ.ทบ.เพิ่งออกมาคำรามว่านักการเมืองอย่าล้ำเส้น ทหารไม่ได้คุกคาม แต่เป็นการติดตามดูการหาเสียงของทุกพรรคไม่ได้เว้นพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่นี่มันคือการคุกคามคนของพรรคเพื่อไทย ทำให้การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่เสรีและไม่เป็นธรรม
ซัดวัฒนาโพสต์บิดเบือน
      ต่อมา พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และโฆษก คสช. ชี้แจงเรื่องนี้ว่า เป็นการนำภาพไปสร้างเรื่องที่บิดเบือนจากความเป็นจริง ในเชิงกล่าวหา เพราะข้อเท็จจริงเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพลเรือนของกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อย (ชป.กกล.รส.) พื้นที่เขตบางนาและพระโขนง เดินทางเข้าพบปะประชาชนในชุมชนต่างๆ เพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ซึ่งเป็นไปตามวงรอบปกติ และเมื่อผ่านบ้านนายธวัชชัยก็ได้เดินเข้ามาทักทายและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในเรื่องการทำไร่ที่ จ.กาญจนบุรี คุยกันเพียง 3 นาที บรรยากาศเป็นไปด้วยดี และไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องการเมือง  
      ส่วนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรค พท.กล่าวถึงกรณีมีชื่อในสำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในประเด็นอนุมัติงบการบริการจัดการน้ำ และการจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง ว่าก็ทำไปตามกระบวนการ ไม่มีอะไร มันเป็นเรื่องเก่า ไม่กังวล ไม่เป็นอะไร ขอให้ยุติธรรม โดนกันหลายคน ไม่ใช่แค่ตนคนเดียว
      นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวถึงกรณีที่ กกต.สอบอดีต ส.ส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่บินไปพบนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปมครอบงำพรรคการเมืองว่า เป็นเรื่องส่วนตัว พรรคไม่ได้เกี่ยวข้องเลย กรรมการบริหารพรรคก็ไม่มีใครไป ไม่รู้จะไปทำไม ซึ่งเรื่องนี้เกิดมานานแล้ว แต่พอเริ่มหาเสียงก็ไปถามเขา ก็ไม่รู้เจตนาว่าเป็นอย่างไร เอาเป็นว่าอะไรที่คิดว่าถูกต้องผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายก็ทำไป แต่อย่าคิดแกล้งกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวในการลงพื้นที่และหาเสียงของพรรคการเมืองนั้น พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ได้หารือกับ กกต.ถึงแนวทางการหาเสียงของแต่ละพรรคผ่านสถานีโทรทัศน์และวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์แล้ว โดยกรมพร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่จะเปิดเวทีเพื่อให้แต่ละพรรคการเมืองมาแสดงวิสัยทัศน์และหาเสียง ซึ่งใครขอความร่วมมือมากรมก็ยินดีสนับสนุน แต่การวางผังในการออกอากาศนั้น ยังไม่มีความชัดเจน เพราะแต่ละพรรคต้องติดต่อมายัง กกต.ก่อน และต้องรอดูว่าจะมีการจัดหลักเกณฑ์ ระเบียบ และเวลาที่จะเผยแพร่อย่างไร ซึ่งเมื่อใดที่ กกต.มีความพร้อมก็จะแจ้งมายังกรมอีกครั้ง
    ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้จัดงานเปิดตัวว่าผู้สมัคร ส.ส. 350 เขต, ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 150 ชื่อ และนโยบายพรรค มีประชาชนกว่า 30,000 คนมาร่วม โดยนายอนุทินประกาศว่า พรรคจะใช้บุรีรัมย์โมเดลไปสร้างความเจริญให้กับคนทั้งประเทศ และพัฒนาประชาชนให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยประกาศเจตนารมณ์พรรคว่า “จะลดอำนาจ เพื่อปากท้องพี่น้องประชาชน”
ผุดนโยบายกัญชาเสรี
     “พรรคจะส่ง ส.ส.เขต 350 คน และบัญชีรายชื่อ 150 คน โดยพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากเลือกพรรคภูมิใจไทย 375 เสียง เป็นพรรคอันดับ 1 ผมก็พร้อมเป็นนายกฯ แล้ว มันต้องเป็นแล้ว หมูไม่กลัวน้ำร้อนแล้ว และผมจะทลายทุกข้อจำกัด เพื่อลดอำนาจรัฐเพื่อปากท้องประชาชน" นายอนุทินประกาศ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. ได้แถลงนโยบายพรรค ซึ่งมีทั้งข้าวระบบกำไรแบ่งปัน, การพักหนี้ กยศ. และระบบการเรียนออนไลน์ โดยแคมเปญที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือการปลูกกัญชาเสรี โดยใช้โมเดลของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้กัญชากลายเป็นพืชเศรษฐกิจ 
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่าเตรียมไว้แล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะมียุทธศาสตร์ในการดำเนินการเรื่องต่างๆ โดยวันที่ 21 ม.ค. จะเปิดตัวทีมเพื่อไทย ที่จะวางบุคคลในการทำงานด้านต่างๆ ก่อน ส่วนว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นั้น ขอให้ทราบก่อนดีกว่าว่าจะเลือกตั้งเมื่อใด 
ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.ขอนแก่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคอีสานพรรค พปชร. พร้อมคณะ ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค จ.ขอนแก่น ทั้ง 10 เขต โดยขอให้ชาวขอนแก่นเลือกคนของพรรคทั้ง 10 เขต เพราะจะได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 1 คน ซึ่งบุคคลนั้นก็จะเป็นรัฐมนตรีของชาวขอนแก่นด้วย
     นายสุริยะยังกล่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องซีทีเอ็กซ์ว่า เรื่องนี้ได้ชี้ไปแล้ว และเป็นเรื่องที่นายทักษิณเป็นประธานการประชุม และเป็นคนที่อนุมัติโครงการเอง อีกทั้งเรื่องนี้ ป.ป.ช.ได้ออกมายืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีแล้ว จึงขอให้จบเรื่องนี้ลงแต่โดยดี
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษก พปชร. กล่าวถึงคุณหญิงสุดารัตน์ที่อยากแจกบัตรคนรวย ไม่แจกบัตรคนจน ว่าน่าเศร้าใจที่คิดแบบนี้ คงอยู่กับความรวยจนชิน ไม่เห็นหัวคนจน อยากจะบอกคุณหญิงสุดารัตน์ว่าท่านไม่เคยจน จึงไม่เคยรู้สึกถึงความลำบากของพี่น้องคนยากคนจน เพราะบัตรคนจนนั้นมีเป้าประสงค์ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งวันนี้เรามีพี่น้องผู้มีรายได้น้อยจำนวนมาก ส่วนจะแจกคนรวยแล้วกระเป๋าตุงหรือไม่เราไม่ทราบ แต่ให้ระวังกระเป๋าแบนแฟนทิ้งด้วย เพราะพี่น้องประชาชนจะทิ้งพรรคเพื่อไทยมารักพรรคพลังประชารัฐหากคิดแบบนี้ 
    ส่วนนายอภิสิทธิ์นำคณะลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อพบปะสมาชิกและประชาชนในพื้นที่ โดยกล่าวถึงจำนวน ส.ส.ที่คาดว่าจะได้ในนครราชสีมา ว่าขอรอดูคู่แข่งทั้งหมดก่อน แต่ ปชป.ตั้งใจเต็มที่ ส่วนจำนวน ส.ส.ทั่วประเทศนั้น มั่นใจว่าเราได้มากกว่าพรรคอื่นแน่นอน.ฟๆ