PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562

"บิ๊กป้อม" ใครว่าปัญญาอ่อน?

"บิ๊กป้อม" อ่วมอรทัยอีกแล้ว!
    วันก่อน นักข่าวไปถาม..........
    "ทำไมกลุ่มติดอาวุธอัลชาบับจากโซมาเลีย จึงเลือกก่อเหตุโรงแรมในเครือของประเทศไทย ที่ประเทศเคนยา?"  
    บิ๊กป้อมตอบว่า
    "ไม่รู้สิ คงเห็นอาหารอร่อยมั้ง?" 
    เท่านั้นแหละ ดังทั่วโลก สื่อใน-สื่อนอก ทั้งไทย-จีน-ฝรั่ง-ญี่ปุ่น กระทั่งสื่อในเคนยา โค้ดประโยคเด็ดนี้ไปยำกันเละ
    แต่ผมชอบนะ......
    ผมว่าบิ๊กป้อมมีอย่างที่เขาเรียกว่า sense of humor เข้าท่าดี  
    แม้บางเรื่องจะกระเดียดทาง wicked sense of humor คือ "ตลกร้าย" ไปบ้างก็ตาม อย่างกรณีนี้ 
    แต่ก็โอเคนะ!
    อดีตกาล เคยรับประทานอาหารกับนักการทูตบางท่าน ช่วงหลังอาหาร ท่านจะหาเรื่องโจ๊กมาเล่าสลับการสนทนาให้ได้หัวเราะเป็นการละลายความเกร็งในบรรยากาศคบหา 
    ผมรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้บ้าง..........
    เห็นเขาหัวเราะกัน ก็จับจังหวะผสมหัวเราะไปกับเขา ทำเป็นว่าเข้าถึง
    เจอแบบนี้ซัก ๒-๓ ครั้ง พอจับสังเกตได้ว่า
    อ้อ..นี่ เป็นทั้งวัฒนธรรมและทั้งเคล็ดลับสร้างเสน่ห์ของบุคคลระดับนักบริหารและการทูต     
    คือ อารมณ์ขัน 
    นอกจากเป็นเพชฌฆาตละลายเครียดแล้ว ยังเป็นตัวสร้างความเป็นกันเอง เปลี่ยนมลพิษทางอารมณ์คนให้เป็นพลังงานสะอาดได้
    เคยอ่านประวัติไอน์สไตน์ เขาบอกว่า ไอน์สไตน์เป็นคนตลก มีอารมณ์ขัน
    มาอ่านพบในเว็บ salika อีก เขาพูดเรื่องงานวิจัยด้านอารมณ์ขันไว้ จะยกบางส่วนมาให้อ่าน เขาบอกว่า
    "งานวิจัยฟันธง คนมีอารมณ์ขัน ฉลาด สมองดี กว่าคนอื่น"
    หากมีใครตั้งคำถามกับอัจฉริยะโลกไม่ลืมอย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ว่าทำไมเขาถึงฉลาด 
    ไอน์สไตน์จะตอบโดยยกความดีความชอบให้กับลักษณะนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนมีอารมณ์ขัน มองโลกแง่บวก ที่ติดตัวมาตั้งแต่วัยเด็ก 
    ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ สอดคล้องกันเป็นอย่างดีกับข้อค้นพบในงานวิจัยทางการแพทย์หลายฉบับ ที่ระบุว่า มีความเกาะเกี่ยวกันอย่างแน่นอน 
    ระหว่างความเฉลียวฉลาดทางสมอง กับความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ ที่แสดงออกมาผ่านอารมณ์ขันของแต่ละบุคคล
    เริ่มจากงานวิจัยที่ทำขึ้นในประเทศออสเตรีย ซึ่งค้นพบว่า คนที่มีความตลกขบขัน มีความสุขกับการฟังเรื่องตลกโปกฮา (Dark humor) แล้วหัวเราะอยู่เป็นประจำ 
    จะมี IQs สูงกว่าผู้ที่ไม่ค่อยชอบรับฟังเรื่องตลกทำนองนี้ และมีบุคลิกที่เคร่งเครียดตลอดเวลา 
    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนมีอารมณ์ขันนี้ อธิบายทางการแพทย์ได้ว่า 
    เป็นปฏิกิริยาที่ต้องอาศัยประสาทการรับรู้ และความสามารถทางอารมณ์ร่วมกัน จึงจะเกิดอารมณ์ขันนี้     
    งานวิจัยชิ้นเดียวกันนี้ อธิบายต่อด้วยว่า........
    คนมีอารมณ์ขันจะมีทักษะด้านอารมณ์ที่เฉียบคม ที่จะรับรู้ทั้งการสื่อสารในรูปแบบของการบอกเล่าและภาษากายที่ไม่มีคำพูด (verbal and non-verbal intelligence) ในเรื่องตลกขบขัน 
    ขณะที่ผลการทดสอบปัจจัยด้านลบ อย่างระดับการได้รับการกระทบกระทั่งทางอารมณ์ และความก้าวร้าว เกรี้ยวกราด จะมีคะแนนต่ำมากสำหรับคนที่มีอารมณ์ขัน
    ไม่ใช่แค่ความเฉลียวฉลาดที่เป็นข้อค้นพบในตัวคนที่มีอารมณ์ขันเท่านั้น 
    เพราะนักวิจัยยังพบว่า ความมีอารมณ์ขันนี้ ส่งผลดีกับคนรอบข้างและในการทำงานของบุคคล 
    เพราะผลการเก็บข้อมูลจากคนรอบข้างที่ทำงานร่วมกับคนมีอารมณ์ขัน พูดตรงกันว่า 
    คนร่ำรวยอารมณ์ขันนี้ เมื่อทำงานด้วยแล้ว สัมผัสได้ถึงความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ขั้นสูง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจและกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ 
    โดยนักจิตวิทยายังอธิบายเพิ่มเติมว่า อารมณ์ขัน หรือ "Sense of Humor" นี้ เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้
    ครับ...
    อยากรู้เพิ่มเติม คลิกไปหาอ่านในเว็บ salika ผมยกมาชี้ให้เห็นเท่านั้นว่า 
    บิ๊กป้อม...ที่ว่า พูดทีไร เป็นประเด็นให้ได้นำไปเมาธ์ ไปฮา เหมือนว่า ท่านพูดไม่คิด หรือคิด แต่หน่อมแน้ม บ้องตื้น หางานเข้ารัฐบาลเป็นประจำนั้น
    ในมุมมองผม ถ้าท่านเป็นคนหน่อมแน้ม บ้องตื้นจริง ถึงขึ้นมาเป็น ผบ..ทบ.ได้ 
    นั่นก็ไม่แปลก
    การที่สามารถส่งต่อให้ลูกน้องซ้าย-ขวาอย่างพลเอกอนุพงษ์และพลเอกประยุทธ์ขึ้นนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.อีกสองคน
    นั่นก็ไม่แปลก
    การเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศของพลเอกประยุทธ์ ๒๒ พฤษภา.๕๗ 
    ทุกอย่าง สมูธ แอส สิล์ค เป็นรัฐบาล คสช.วันนี้ได้ ก็เพราะ "พี่ใหญ่" จัดเต็มให้
    นั่นก็ยังไม่แปลก
    โดยธรรมเนียมรัฐบาลทหาร หอมอยู่ได้ปี-สองปีก็เก่งแล้ว แต่นี่รัฐบาล คสช.ด้วย "อาจารย์ป้อม" ลงยันต์
    เข้าปีที่ ๕ ใครก็ยิงไม่ออก-ฟันไม่เข้า 
    ชนิดที่น่าต้องทำ "เหรียญ คสช." ให้อาจารย์ป้อมปลุกเสก แจกฉลองรัฐบาลปฏิวัติ "แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี"
    ประเด็นนี้ ไม่เพียงแปลก แต่ทึ่งด้วย!
    รัฐบาล คสช.โดยพระอาจารย์ป้อมนั่งปรกคุมความมั่นคง พวกสัมภเวสี ผีกินบ้าน-กินเมือง หะแรก นึกว่าหวานหมู "อาป้อม" จะหลิ่วตาพ่อยอดรักให้แหวกวงสายสิญจน์กลับเข้ามาได้ง่ายๆ
    แต่ที่ไหนได้ อาจารย์ป้อม "ตีตะปู" ปิดผาโลง 
    สัมภเวสีตัวนอก นอกจากกลับเข้ามาไม่ได้ เว้นแต่เข้าคุกแล้ว 
    ยังจะมีเป็นสัมภเวสีตัวใน "หนีคดี-หนีคุก" ตามออกไปอีกเป็นระลอก...ในมิช้า!
    มันอกหัก ถึงขั้นประดิษฐ์คำด่า "ยุติธรรมแบบป้อมๆ"
    แบบป้อมๆ เป็นแบบไหน?
    คนที่ถางถากกันว่า "พูดจาปัญญาอ่อน" สวนแบบอ่อนน่วมกลับไปว่า
    ".....ก็ไปถามไอ้ทักษิณมันสิ"!
    จบบริบูรณ์เรื่องตระกูล "โคตรโกง" จะกลับเข้ามา นับจากกรกฎา.๔๙ ที่เป็นสัมภเวสี ถึง ณ ๑๘ มกรา.๖๒ วันนี้
    "บิ๊กป้อม" หนึ่งเดียวคนนี้.......
    เฉลิมยศนำหน้าให้สัมภเวสีตนนั้น ว่า "ไอ้ทักษิณ"!
    ก็จะเห็นว่า บิ๊กป้อม ที่ดูเหมือนหน่อมแน้ม พูดจาอะไรไม่ฉลาด 
    เป็นเหยื่อให้นักข่าวต้อนซ้าย-ต้อนขวา ตั้งคำถามนำยัดปากให้ตอบ เพื่อเอาไปพาดหัวด่าหรือเสียดสีประจำนั้น
    พิศกันให้ถึงสะดือ แล้วจะเห็น 
    ที่ดูเหมือน "แป๊ะยิ้ม" แต่ละเคลื่อนไหวนุ่มนิ่ม ดูน่าตลก กึ่งสมองกร่อนนั่นน่ะ
    "จิวแปะทง" เฒ่าทารกผู้ไร้เดียงสา ๑ ใน ๕ เจ้ายุทธจักร ผู้ไร้เทียมทานแห่งยุค 
    "ป้อม-แป๊ะยิ้ม" ก็ประมาณนั้นเลยเชียว!
    การเป็นคนที่นักข่าวหรือใครๆ "คาดไม่ถึง" หรือ "มองไม่ถึง" นั่นแหละ
    ในสถานการณ์วิกฤติ คนอื่นต้องรบทัพจับศึก แต่บิ๊กป้อม ท่าทางเขาดูซื่อบื้อ
    ใช้คำพูด "คำ-สองคำ" เหมือนไม่ตั้งใจ เท่านั้น กลับผลักภูเขาเป็นทางน้ำไหล
    บิ๊กตู่ ถูสบู่ ขัดขี้ไคล แช่อ่าง สบายยยย มา ๕ ปี
    ทำท่าจะต่ออีก ๕ อยู่รอมมะร่อ!
    ปากกา นาฬิกา แว่นตา ตู่-น้องเล็ก รับเพลิน
    แต่ป้อม-พี่ใหญ่ ทั้งซ่งตีง ทั้งก้อนอิฐ หัว-หูโนแทนอยู่คนเดียว!
    นั่นไม่เพราะปัญญาอ่อนแบบ "ป้อม-จิวแปะทง" ดอกหรือ?
    "ไม่รู้สิ คงเห็นอาหารอร่อยมั้ง?"
    นี่ก็เช่นกัน........
    เมื่อถามบ้องตื้น บิ๊กป้อมก็ตอบบ้องตื้น แต่บ้องตื้นนั้น กลบพวกอยากเลือกตั้งไปเลย!
    เหตุเกิดปุบปับที่บ้านเขา ในอีกซีกโลกที่เคนยา ยังยิงกันตุงไป-ตุงมา นักข่าวดันถาม 
    "ทำไมเกิดเหตุจึงเกิดที่โรงแรมเครือคนไทย?"
    ใครจะไปตรัสรู้ได้เดี๋ยวนั้น ที่ท่านตอบ จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่การตอบ 
    หากแต่เป็นการพูดคุยเล่นในหมู่คนกันเอง ไม่ได้หวังให้เป็นข่าว-เป็นคำตอบอะไรจริงจัง
    แต่ทีนี้ก็อย่างว่า อะไรข่าว อะไร sense of humor มันอยู่ที่ตัวนักข่าวและตัวสื่อจะนำเสนอแบบไหน ด้วยทัศนคติไหนเท่านั้น
    แต่ยังไงๆ ผมก็มองว่า "น้ำกลั่น" ปลาอาศัยอยู่ไม่ได้ "น้ำในคลองหลอด" ปลาอาศัยอยู่ได้
    "รัฐบาลพลเอกประยุทธ์" ก็เช่นนั้น
    ต้องอาศัย "คลองหลอด" หลังกลาโหมไปอีกซักพัก ถึงจะว่ายออกเจ้าพระยาได้!.

ไม่มีความคิดเห็น: