PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

จบแล้ว! ‘บิ๊กตู่’ขอสร้างประวัติศาสตร์! ไม่ง้อจีน ลงทุนรถไฟความเร็วสูงเองทั้งหมด

จบแล้ว! ‘บิ๊กตู่’ขอสร้างประวัติศาสตร์! ไม่ง้อจีน ลงทุนรถไฟความเร็วสูงเองทั้งหมด

67

นายกฯ เผยหารือทวิภาคีนายกฯ จีน ได้ข้อยุติรถไฟความเร็วสูงแล้ว ยันไทยจะลงทุนเองทั้งหมดตามศักยภาพที่มี โดยจ้างจีนให้มาสร้างรถไฟให้กับไทย เริ่ม ก.ค.นี้
วันนี้ (23 มี.ค.)ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบหารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า นอกเหนือจากเรื่องการประชุมกรอบความร่วมมือผู้นำแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 แล้ว ยังได้มีการพูดคุยในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นการสร้างรถไฟความเร็วสูง ที่วันนี้ได้ข้อยุติในหลักการแล้วว่าไทยจะลงทุนดำเนินการเองทุกขั้นตอน แต่จะจ้างจีนให้มาสร้างรถไฟให้กับไทยแทน โดยไม่มีการให้สัมปทานหรือร่วมทุนใดกับประเทศจีน เนื่องจากไทยได้พิจารณาแล้วว่ามีศักยภาพที่สามารถสร้างรถไฟความเร็วสูงในระยะทาง 250 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ-นครรราชสีมาได้ ทั้งนี้ไม่ต้องการนำเรื่องของความเร็วไปเปรียบเทียบกับประเทศใด หรือไม่ได้คิดว่าการสร้างรถไฟดังกล่าวจะต้องไปเชื่อมโยงกับประเทศใดบ้าง แต่ต้องการให้รถไฟความเร็วสูงบริการประชาชนให้สามารถเดินทางได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นความตั้งใจของที่ต้องการสร้างประวัติศาสตร์การกำเนิดของรถไฟความเร็วสูงให้แก่ประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากเส้นทางสายอีสานก่อนที่ในอนาคตจะขยายเส้นทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ภายในประเทศ ทั้งเหนือและใต้ ซึ่งวันนี้ถึงเวลาที่ไทยจะต้องริเริ่มสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว ไม่เช่นนั้นจะตามประเทศอื่นไม่ทัน และมั่นใจว่าหากตนไม่ดำเนินการในช่วงเวลานี้ รถไฟความเร็วสูงก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกอย่างแน่นอน พร้อมทั้งขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าตนดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ และไม่ให้ประเทศไทยเสียประโยชน์ รวมทั้งตนไม่ได้มีผลประโยชน์จากเรื่องนี้แต่อย่างใด
“ขอให้ไว้ใจผม ก็ไว้ใจมา 2 ปีแล้ว ยืนยันไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น เชื่อมั่นผมได้ โดยตามกติกาในเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถดำเนินการได้ แต่จะต้องดูในรายละเอียดราคาเงินกู้อีกเล็กน้อย เพราะเรื่องของเส้นทาง ไทยได้ทำการศึกษามาแล้ว แต่ที่ผ่านมาเสียเวลาจากทางการจีนในเรื่องของราคาที่มันต่างกันอยู่ แต่อยากให้ดูด้วยเหตุด้วยผลและข้อจำกัดของแต่ละประเทศ ซึ่งจีนไม่สามารถจะร่วมทุนกับไทยได้ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำ มีแต่การทำเป็นสัมปทานอย่างเดียว ซึ่งที่ผ่านมาจีนไม่เคยได้ร่วมสร้างรถไฟกับประเทศใด เคยแต่ทำสัมปทาน และหากจะให้เรายกสัมปทานให้จีน เราทำไม่ได้ ซึ่งวันนี้ได้ข้อยุติแล้ว ก็ขอให้ทุกฝ่ายจบเรื่องนี้ได้ และอย่านำประเด็นเรื่องของราคามาสร้างความขัดแย้ง เพราะหากไทยมัวแต่ขัดแย้งกันและไม่ทำอะไรสักอย่าง ในวันนี้ประเทศก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.

"พลเอกอุดมเดช"เปิดกลาโหม แถลงยัน ไม่มีค่าหัวคิว มีแต่ค่าที่ปรึกษ ยันไม่เคยพูดคำนี้



"พลเอกอุดมเดช"เปิดกลาโหม แถลงยัน ไม่มีค่าหัวคิว มีแต่ค่าที่ปรึกษ ยันไม่เคยพูดคำนี้ ยันกับ บิ๊กต๊อก พลเอกไพบูลย์ ไม่มีปัญหา แล้ว ทำงานร่วมกัน แต่ยันไม่คุยกันเรื่อง ราชภักดิ์ เผย ไม่ฟ้องใครแล้ว เชื่อทุกคนเข้าใจแล้ว พอใจผลสอบ ขอบคุณ สตง. -ศอตช. ยันไม่เคยรู้ผลล่วงหน้าหรือคุยกับ สตง ก่อนเลย. พร้อมให้สอบ"ราชภักดิ์" หากปปช.ติดใจ จะสอบต่อก็ได้ แต่คิดว่า น่าจะพอแล้ว เพราะสอบมาหลายคณะแล้ว. ผมพูดแต่แรกว่า ไม่มีทุจริต/ ยันการบริจาค ไม่ใช่การบริจาคเพื่อลบล้างความผิด"/ยันไม่ขัดแย้ง พลเอกธีรชัย ผบทบ.โยกย้ายนายทหารที่ใกล้ชิด พ้นตำแหน่ง เพราะเป็นอำนาจของคนที่อยู่ในตำแหน่งผบทบ. ไม่ใช่เริ่องขัดแย้งยันปม"ราชภักดิ์"ไม่เคยทำน้ำตาคลอ แต่เป็นโรคตาแฉะ เปรย เป็นทหาร ต้องพูดน้อย แต่ทำเลย นี่ตนเองชักจะพูดมาก ยันเดินหน้า สร้าง"ราชภักดิ์"ต่อ เสียเวลามามากแล้ว ปชช.รออยู่ ปลื้มปชช.เที่ยวกว่า3.8ล.คนแล้ว แค่ปีใหม่ก็2แสนคน รถเข้า 4 หมื่นคัน ขอบคุณนายกฯ บิ๊กป้อม ที่เข้าใจ/ ด้าน บิ๊กปัอม เรียก บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย ผบทบ.มาถามต่อหน้าสื่อว่า "ราชภักดิ์ จบมั้ย" บิ๊กหมู บอก "จบครับ". บิ๊กป้อม บอกสื่อ เลิกถาม ให้จบแล้ว เรื่อง ราชภักดิ์ เมื่อไม่มีโกง เพราะถ้าโกง สตง.เอาตาย. จากนี้ ทำงานกันต่อ
ที่กระทรวงกลาโหม พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิราชภักดิ์ เปิดแถลงข่าว หลัง สตง.และศอตช.สรุปผลการสอบสวน ไม่พบทุจริต ในโครงการ อุทยานราชภักดิ์
พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า การดำเนินงานอุทยานราชภักดิ์เป็นเรื่องของกองทัพบกในปีที่ผ่านมา สมัยที่ผมเป็น ผบ.ทบ. เราทำด้วยความตั้งใจและกำกับดูแลตามลำดับ
"ผมจึงสามารถยืนยันได้ตั้งแต่ต้น ว่า ไม่มีการทุจริตใดๆ เพราะคณะกรรมการต่างๆดูแลงานมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่คณะกรรมการที่ปรึกษา คณะกรรมการอำนวยการที่มีผมเป็นประธาน คณะกรรมการดำเนินงานที่ได้แต่งตั้งผู้ใหญ่ของกองทัพบกมาเป็นประธาน รวมถึงมีคณะกรรมการและอนุกรรมการหลายคณะที่มีการประชุมตามลำดับ
"สิ่งใดที่มีปัญหา เราจะคลี่คลาย ผมจึงมั่นใจตั้งแต่ต้นว่าโครงการนี้ทำมาอย่างดี "
อีกทั้งมีการตรวจสอบจากภายในของกองทัพบกและองค์กรอิสระต่างๆ ผมไม่อยากใช้คำว่า"หัวคิว" ซึ่งที่ผ่านมามีการชี้แจงมาตลอดว่าไม่ใช่หัวคิว แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ
แต่ไม่ใช่ค่าหัวคิว เพราะเป็นการดำเนินงานโดยเอกชนที่เราทำสัญญากับบริษัทต่างๆไว้โรงหล่อ 6 แห่ง และมี 5 แห่งที่นำเอกชน ที่เข้าใจว่ามีความรู้มาให้คำปรึกษาได้ จึงให้ค่าตอบแทนเรียกว่าค่าที่ปรึกษาต่างๆ
ทั้งนึ้องค์กรอิสระที่ชี้แจงได้ชี้แจงถูกต้อง เพราะมันไม่ใช่ค่าหัวคิว
"วันนี้จะพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าไม่มีหัวคิว และผมไม่เคยยอมรับคำนี้ เป็นความเข้าใจผิดของท่านต่างๆ"
ส่วนการแถลงข่าวสรุปผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ผมได้ฟังโดยรวม อาจมีข้อสงสัยไปกล่าวอ้างว่าทำไมผมรู้ล่วงหน้าว่าการแถลงดังกล่าวจะไม่พบความผิดปกติ
"ผมชี้แจงว่าไม่ได้ล่วงรู้อะไร แต่ถ้าไปดูจะเห็นว่าสตง.ได้ชี้แจงมาเป็นเดือน ผมก็คิดตามดูจนภาพรวมสุดท้าย เมื่อสื่อมาถามผมก็บอกว่าสตง.เป็นองค์กรที่ 3 แล้วที่ตรวจสอบ ผมมั่นใจว่าสตง.ทำงานตามระบบและตรวจสอบส่วนราชการทุกส่วน ผมไม่ได้รับข้อมูลอะไรจากผู้ใหญ่ในสตง." พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ส่วนเรื่องเงินบริจาคที่เป็นบุคคลที่สาม ภายหลังเอกชนตกลงให้มาช่วยเหลือเพื่อให้คำแนะนำปรึกษาดำเนินงานเพิ่มเติมกันเองนั้น เขาบริจาคมาหลายเดือนแล้วในช่วงงบประมาณปีที่ผ่านมา สามารถดูวันที่ในการบริจาค
"ไม่ใช่การบริจาคเพื่อลบล้างความผิด"
พลเอก อุดมเดช กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจโครงการอุทยานราชภักดิ์
"ผมมีพันธสัญญากับประชาชนทั้งประเทศที่บริจาคเงินว่าจะต้องได้อุทยานราชภักดิ์ให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์"
พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ขณะนี้อุทยานราชภักดิ์. ไม่ได้ใช้เงินทางราชการดูแล แต่ใช้เงินบริจาคจากประชาชน ที่มูลนิธิดูแลอยู่
ทั้งนี้ ผมตั้งใจเชิญผบ.ทบ. ในแต่ละยุคสมัยมาเป็นประธานมูลนิธิฯ เพื่อให้การทำงานสอดรับกัน แต่เพราะที่ผ่านมา ยังติดขัดเรื่องการถูกตรวจสอบอยู่
เมื่อถามว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อาจยังมีข้อสงสัยบางประเด็น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ปมพร้อมตลอดเวลา แต่ไม่ทราบว่าประเด็นของป.ป.ช.คือเรื่องใด ป.ป.ช.มีอำนาจเต็มที่และน่าจะรับข้อมูลพื้นฐานจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสตง.
อีกทั้งผมยังเป็นคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชุดใหญ่ของรัฐบาล ในส่วนตัวก็สอดส่องดูแลสิ่งเหล่านี้
ที่ผ่านมาสมัยเป็นผบ.ทบ.ก็เน้นย้ำเรื่องความโปร่งใสในการทำหน้าที่ การดำเนินงานจัดซื้อจัดหาต้องเป็นไปตามขั้นตอน ถ้ายังมีประเด็นใดค้างคา ก็เป็นเรื่องที่ป.ป.ช.พิจารณาเองว่าควรทำต่อไปหรือไม่
"ผมและประชาชนส่วนใหญ่ คงคิดเหมือนกันว่า คงจะพอสมควรแล้วและชัดเจนแล้วว่าโครงการเป็นปกติ ไม่ได้มีสิ่งทุจริตใดๆ "
"ในใจของผมและประชาชนส่วนใหญ่คงคิดว่าการตรวจสอบน่าจะพอสมควรแล้ว เพราะทุกอย่างเหมือนจะเคลียร์แล้ว ผมก็รู้สึกสบายใจ เพราะผ่านการพิสูจน์หน่วยงานที่เป็นมาตรฐานและมีกำลังใจที่จะทำต่อไป ผมรักกองทัพบก แม้เกษียณไปแล้ว"
ส่วนบางสื่อไปเขียนว่ามีความขัดแย้งกัน จากเริ่องการโยกย้ายทหารล่าสุด นั้น พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ไม่ได้ขัดแย้ง แต่ถือเป็นเรื่องปกติ ผู้บังคับบัญชาปัจจุบัน สามารถดำเนินการใดๆได้ในขณะที่อยู่ในหน้าที่ ทุกคนไม่มีปัญหา และรู้ว่างานของชาติมามากมาย
พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ต้องขอบคุณในส่วนของ ศอ.ตช.ได้ตรวจสอบตามหน้าที่
ส่วนความสัมพันธ์กับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม นั่น พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ผมไม่เคยมีปัญหากับท่าน
"เจอกันก็คุย แต่เรื่องราชภักดิ์นี้ไม่คุย เพราะเราโตกันแล้วทั้งคู่ ท่านก็ดี ผมเจอท่านก็ไม่เคยขอร้องให้ช่วย ท่านเจอผมคุยเรื่องงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ส่วนตัวผมไม่มีปัญหากับใคร และคิดว่าคนอื่นคงไม่มีปัญหากับผม" พลเอกอุดมเดช กล่าว
พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ตั้งแต่มีปัญหาเกิดขึ้น ผมไม่เคยน้ำตาคลอ แต่มีสื่อเขียนข่าวว่า บิ๊กโด่ง น้ำตาคลอ ซึ่งผมไม่ใช่ บิ๊ก ตัวเล็กนิดเดียว แต่ผมอาจเป็นคนตาแฉะ แต่ก็ไม่เคยแก้ข่าวอะไร"
พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึง การที่ให้สัมภาษณ์ว่า จะฟ้องร้องคนที่ทำให้ ราชภักดิ์เสียหาย นั้น ว่า คงจะไม่มีการฟ้องร้องใครแล้ว เพราะเชื่อว่า คนที่เคยไม่เข้าใจ น่าจะเข้าใจแล้ว. และดูจากการแถลงข่าว ก็ชัดเจนดี ทำให้คนที่ไม่เข้าใจ ได้เข้าใจแล้ว
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขอให้สื่อ เลิกถามม ให้จบได้แล้ว เรื่อง ราชภักดิ์ เมื่อไม่มีโกง เพราะถ้าโกง สตง.เอาตาย. จากนี้ก็ทำงานกันต่อไป
ทั้งนี้ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ พลเอกประวิตร ได้เรียก พลเอกธีรชัย นาควานิช
ผบ.ทบ.มาถามต่อหน้าสื่อว่า "ราชภักดิ์ จบมั้ย" พลเอกธีรชัย ทำหน้าเจื่อนๆ แล้ว บอก "จบครับ"

"เตียบันห์" ยาหอม สัมพันธ์ดี เตรียมให้เปิดทางขึ้น ปราสาทเขาพระวิหาร จากทางฝั่งไทย

"เตียบันห์" ยาหอม สัมพันธ์ดี เตรียมให้เปิดทางขึ้น ปราสาทเขาพระวิหาร จากทางฝั่งไทย พัฒนาการท่องเที่ยว ร่วมกัน
"พลเอกประวิตร -พลเอกเตียบันห์" ถกGBC ผบ.เหล่าทัพ 2 ฝ่าย มาพรึ่บ ยันสัมพันธ์ดี เชื่อในอนาคต เคลียร์พื้นที่รอบ "เขาพระวิหาร" ได้/ พลเอกเตียบันห์ เผย เขมรเตรียมเปิดทางขึ้นเขาพระวิหารจากฝั่งไทย ผามออีแดง ตอนนี้กำลังพูดคุยกันอยู่ ปัดคุยการปรับลดกำลังทหาร ในพื้นที่อ้างสิทธ์ แต่ฝั่งเขมร มีการใช้ตำรวจ มาแทน ทหาร แล้ว/เขมร ปลื้ม พระมหากรุณาธิคุณ"พระเทพฯ" ช่วยขยายโครงการช่วยแก้ปัญหายุงลาย ไข้เลือดออก มาลาเรีย/พลเอกประวิตร ยอมรับ ดูแลยาก นักโทษหนีคดี ออกชายแดนเขมร เพราะมีช่องทางธรรมชาติมากมาย ขอบคุณเขมร ส่งตัว มือบึ้มราชประสงค์ให้ไทย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหมของไทย และพลเอกเตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา เป็นประธานร่วมในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee- GBC ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 11 ที่โรงแรมConrad
โดยมี ทั้ง พลเอกสมหมาย เกาฏีระ ผบสส พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบทบ. พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ ผู้นำทหารฝ่ายกัมพูชา และ พลเอกเนียงพาด รมช.กลาโหม กัมพูชา มาด้วยพร้อมหน้า. และรับประทานอาหารกลางวัน ร่วมกัน
โดยการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการหารือถึง เป็นการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือชายแดน ไทย - กัมพูชา ที่ทั้งสองประเทศจะได้มีการพิจารณาทบทวนผลที่เกิดขึ้นจาก การดำเนินการตามโครงการความร่วมมือต่างๆ เช่น จุดผ่านแดนและการสัญจรข้ามแดน /ความร่วมมือด้านแรงงาน /ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด /การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานความมั่นคงของไทยกับหน่วยทหารและตำรวจของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน /ความร่วมมือด้านการเกษตร /ความร่วมมือด้านสาธารณสุข รวมไปถึงความร่วมมือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และการแก้ปัญหา การลักลอบตัดไม้พยูง
ภายหลังการประชุม พล.อ.ประวิตรและพล.อ.เตีย บันห์ ได้แถลงผลประชุมร่วมกัน
พลเอกประวิตร กล่าวว่า ในการประชุม ได้มีการแสดงความยินดีครบรอบ 65 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกัมพูชา และทบทวนการดำเนินการโครงการต่างๆตามผลประชุม GBC ในครั้งที่ 10 ซึ่งพื้นที่ชายแดนทั้งสองประเทศมีความสงบมั่นคงแบะมีการพัฒนาร่วมกันมากยิ่งขึ้น สำหรับการประชุม GBC ครั้งที่ 12 ทางกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพซึ่งยังไม่ได้กำหนดสถานที่
ทั้งนึ้ ทางกัมพูชา ปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณ ของ"สมเด็จพระเทพฯ" ที่ทรง ทั้งเรื่องสาธารณสุข และการศึกษา
ทั้ง รร.ที่ กัมปงสะปือ ของกัมพูชา และทรงขยายเวลาช่วยแก้ปัญหา ยุงลาย ไข้เลือดออก และ มาลาเรีย จากที่สิ้นสุดปี 2559 เป็น 2564
นอกจากนี้ พระองค์ ยังทรงสนับสนุนการจัดตั้ง สถาบันเทคโนโลยี่ กำปงสะปือ เป็นสถาบันการศึกษา ด้านปศุสัตว์ และการเกษตร
รวมทั้งทรง มอบทุนการศึกษา ให้เยาวชนกัมพูชา มาเรียนพยาบาล ที่ วิทยาลัย พยาบาลบรมราชชนนีสุรินทร์ ปีละ5 คน ต่อเนื่อง เป็นเวลา 10 ปี และทุนอบรมภาษาไทย ให้กัมพูชา 20 คน ที่มหาวิทยาลัยราชภักดิ์สุรินทร์
ส่วนเรื่องการแก้ปัญหา ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน เขาพระวิหาร นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ ไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่เมื่อมีความสัมพันธ์ที่ดี ก็เชื่อว่า ในอนาคต ก็คงจะพูดคุยหารือกันได้
ส่วนการพัฒนาพื้นที่รอบบริเวณเขาพระวิหาร เพื้อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ตามมติศาลโลกนั้น พลเอกเตียบันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า ตอนนี้ คนไทย สามารถขึ้นเที่ยว ปราสาทเขาพระวิหารได้ จาก ฝั่งเขมร เรา ไม่ได้ปิดกั้น และดำเนินการตามรูปแบบที่ได้ตกลงไว้ของสองประเทศ
พลเอกเตียบันห์ กล่าวด้วยว่า แต่ เตรียมเปิดทางขึ้นเขาพระวิหาร จากฝั่งไทย ผามออีแดง ตอนนี้กำลังพูดคุยกันอยู่ แต่ยังไม่มั่นใจว่า จะเปิดได้เมื่อใด เพื่อให้เกิดบรรยากาศของการท่องเที่ยว ร่วมกัน
"ขอให้นักข่าวไทย ช่วยเขียนข่าวดีๆ เพื่อความสัมพันธ์ที่ดี ต่อกันไปตลอด ไม่ใช่แค่ตอนนี้ สัมพันธ์จะดีตลอดไป" พลเอกเตียบันห์ กล่าว
นอกจากนี้ ปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนการสถาปนาเมืองคู่มิตรระหว่าง จ.สุรินทร์และกำปงธม อีกด้วย
ส่วนเรื่อง ลดกำลังทหาร นั้น พลเอกเตียบันห์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน แต่ฝั่งเขมร มีการใช้ตำรวจ มาสับเปลี่ยนแทน ทหาร แล้ว
ส่วน การที่ผู้หลบหนีคดี มักจะแอบเล็ดลอด หนีความผิดจากไทย เข้าเขมรนั้น พลเอกประวิตร รองนายกฯและ รมว.กห.ไทย กล่าวว่า เป็นปัญหาที่มีมานาน เพราะมีช่องทางธรรมชาติ ตามแนวชายแดน จึงเป็นช่องโหว่ที่ทำให้มีผู้กระทำผิดสามารถหลบหนีได้ง่าย
จึงได้เน้นย้ำให้กองกำลังทั้ง2 ประเทศมีความเข้มงวดในการตรวจสอบคนเข้าเมือง ซึ่งที่ผ่านมาสามารถจับกุมคนร้ายที่หลบหนีไปยังบริเวณชายแดน ได้ เช่น ผู้ต้องหาคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์

บิ๊กป้อม เผย เบลเยี่ยม ส่งข้อมูล 2 มือบึ้ม บรัสเซลล์ ให้ไทย ช่วยตรวจสอบ หวั่นเข้าไทย



บิ๊กป้อม เผย เบลเยี่ยม ส่งข้อมูล 2 มือบึ้ม บรัสเซลล์ ให้ไทย ช่วยตรวจสอบ หวั่นเข้าไทย เผยให้ตร.-ตม.นำเข้าโปรแกรม แล้ว/ผบ.ตร. ยอมรับ มีข้อมูล 2 ผู้ต้องสงสัย ระเบิด บรัสเซลล์ แล้ว เบลเยี่ยม ส่งไปหลายประเทศ ทั่วโลก สั่ง ตม. ตร.ท่องเที่ยว คอยตรวจสอบแล้ว เผย สั่งซื้อเครื่อง แสกนใบหน้า แล้ว.
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม เผยว่า ทางการเบลเยียม ได้ส่งข้อมูล ผู้ก่อการร้าย 2 คน ที่ถูกต้องสงสัยว่า วางระเบิด ที่บรัสเซลล์ เมื่อ22 มีค. ที่ผ่านมส มาให้ทางการไทย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการเก็บเป็นข้อมูล เข้าโปรแกรม ไว้แล้ว
แต่ยังไม่มีรายงานว่า บุคคลดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทย แต่ได้ให้มีการเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด
พลเอกประวิตร กล่าวถึง การจัดซื้ออุปกรณ์ ตรวจคนเข้าเมือง เช่น เครื่องแสกนใบหน้า ว่า ยังไม่มีเงิน ตอนนี้ ผบ.ตร.ก็รองบประมาณ อยู่
พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวยอมรับว่า เบลเยี่ยม ส่ง ข้อมูล 2 ผู้ต้องสงสัย ระเบิด บรัสเซลล์ มาให้เราแล้ว เบลเยี่ยม ส่งไปหลายประเทศ ทั่วโลก เพื่อให้ช่วยกันตรวจสอบ เผย สั่ง ตม. ตร.ท่องเที่ยว คอยตรวจสอบแล้ว เผย สั่งซื้อเครื่อง แสกนใบหน้า แล้ว

บิ๊กป้อม ไม่เอา "ครึ่งทาง" ไม่พูด " ครึ่งใบ-เต็มใบ"

บิ๊กป้อม ไม่เอา "ครึ่งทาง" ไม่พูด " ครึ่งใบ-เต็มใบ" หลัง กรธ.สรุปยอมแค่ มี สว.สรรหา- ล๊อค ให้ ผบ.เหล่าทัพ6 เก้าอี้ ยัน ไม่ลดทอน เวลา เปลี่ยนผ่าน 5ปี ตามเดิม ไม่มีลด เหลือ3 ปี
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และรองหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไม่ได้ดำเนินการตามข้อเสนอการปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญของแม่น้ำ 4 สาย ทั้งหมด โดยได้ดำเนินการปรับแก้บางส่วนว่า ร่างรัฐธรรมนูญ มีความสำคัญต่อบ้านเมืองและไม่ใช่เรื่องของการต่อรอง
สำหรับช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศ 5 ปีนั้น ถือเป็นยุทธศาสตร์ให้มีการปฏิรูปที่ชัดเจน และขับเคลื่อนไปตามที่รัฐบาลและคสช. ได้วางกรอบไว้
ส่วนการที่ กรธ.ยืนยัน ให้พรรคการเมือง ต้องประกาศ รายชื่อ นายกฯ ก่อนนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่ขอออกความเห็น และไม่พูดเรื่องข้อดีข้อเสีย
อย่างไรก็ตาม คงต้องแล้วแต่ กรธ. จะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐบาลได้มอบหมายไปแล้ว ซึ่งส่วนตัวไม่ได้ติดใจแต่อย่างใด เพราะสามารถมีความคิดเห็นที่แตกต่างได้ และมองว่า ทุกฝ่ายทั้ง กรธ. รวมถึง รัฐบาลและคสช. หวังดีต่อบ้านเมือง ก็ให้ไป ชั่งน้ำหนักดู
โดยย้ำว่า การที่เสนอให้มี ส.ว. ที่มาจากการสรรหานั้น เพราะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ในอนาคต
"อย่าไปพูดว่า พบกันครึ่งทาง อะไรรับได้ก็รับ อะไรรับไม่ได้ก็ไม่รับ อะไรเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ก็ทำไป"
พร้อมปฏิเสธ ที่จะพูดว่า พอใจ กับ ข้อตกลงใจของ กรธ. หรือไม่ ที่ยอม ให้มี สว.สรรหา และ 6 ผบ.เหล่าทัพ
"อย่าไปพูดว่า ประชาธิปไตย ครึ่งใบ เต็มไป เพราะเราไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับ รัฐธรรมนูญ เราขอแค่บทเฉพาะกาล ช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี
เมื่อถามว่า ในอนาคต หาก การเมืองดีขึ้น ปฏิรูปเดินหน้า จะแก้รธน. ในบทเฉพาะกาล ปรับแก้ให้เหลือ 3 ปี หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า พูดเป็น เด็กเล่นไปได้ นี่รัฐธรรมนูญ นะ ก็กำหนด 5ปี ไว้แล้ว ก็ตามนั้น ไม่มีลด

การรุกทางยุทธศาสตร์

วันนี้อยากฝากขอคิดทางการเมือง ครั้งหนึ่งเคยมีหน้าบทความใน นสพ.ผู้จัดการรายวัน ชื่อคอลัมน์ว่า "ตารางรุกทหารรัฐศาสตร์" โดยใช้นามปากกาว่า ว.ร.ฤทธาคนี ที่กล้าเพราะได้มีโอกาสเรียนวิชา British Constitution ขั้น A Level ตอนเรียนมัธยมปลายที่ Copford Glebe School ในอังกฤษ มีเพื่อนชาวไนจีเรียน ถามว่าเรียนไปทำไม หรือเตรียมตัวไปทำรัฐประหารในประเทศไทยเหรอ ? ก็เลยตอบไปว่า "อยากรู้ว่าอังกฤษใช้หลักการอะไร จึงสามารถปกครองคนได้ทั่วโลก จนมีสมญานามว่า "ดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่ตกดิน" ตอบประชดซะอย่างนั้น อังกฤษก็พลาดท่าเสียที่เพราะอยุติธรรม จนปัจจุบันกรรมตามสนองอยู่
มีนักปราชญ์รัฐศาสตร์ชาวไอริช ชื่อ เอ็ดมุนด์ เบิร์ค-Edmund Burke 1729-1797 เป็นทั้งนักประพันธ์ นักพูด ปราชญรัฐศาสตร์ และเป็นส.ส.พรรควิก -Whig ย่อมาจาก Whiggamor หรือคนเลี้ยงวัวในภาษาสก๊อตตะวันตกในศตวรรษที่ 17 พรรควิก เลื่อมใสเสรีนิยมที่มีพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญทรงเป็นประมุข พัฒนาเป็นพรรคเสรีนิยมในปัจจุบัน
เอ็ดมุนด์ เบิร์ก เป็น ส.ส.เสรีนิยมที่ต้องการให้อาณานิคมอเมริกาปกครองตนเองและผ่อนปรนการเก็บภาษีพวกบุกเบิกในอเมริกา รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนงบประมาณการตั้งรกรากของคนอังกฤษในอเมริกา หากสภาอังกฤษยินยอม สงครามประกาศอิสรภาพอเมริกาคงไม่เกิดและสหรัฐฯอาจเป็นแบบแคนาดาในปัจจุบันก็ได้
หลักการของเอ็ดมุนด์ เบิร์ค คือ รัฐบาลเป็นกลไกทางการเมือง การปกครองและการบริหารประเทศ ที่มนุษย์บัญญัติขึ้นมาเพื่อขจัดความขัดแย้งในความต้องการของพลเมืองในประเทศที่แตกต่างกันไป ดังนั้น รัฐบาลจะต้องชั่งน้ำหนักอย่างยุติธรรมความแตกต่างนั้นอย่างถูกต้องชอบธรรมและตรากฏหมาย อันเป็นผลให้ทุกฝ่ายเข้าใจและยอมรับการตัดสินใจของรัฐบาลอย่างเต็มภาคภูมิ แต่ที่สำคัญยิ่งความปรารถนาของแต่ละคนแต่ละฝ่ายจะต้องอยู่ภายใต้กฏหมายที่ยุติธรรมสมบูรณ์แบบ
ผมกำลังสงสัยว่ารัฐบาล คสช.ได้ให้ความสนใจกับข้อคิดทางรัฐศาสตร์ของ เอ็ดมุนด์ เบิร์ค หรือไม่ ? เพราะว่า สังคมมีความขัดแย้งกับรัฐบาล ในเรื่องพลังงาน แหล่งทรัพยากร การรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรกับนายทุนนั้นยุติธรรมและมีความชอบธรรมสมบูรณ์แบบหรือไม่ เจ้าหน้าที่รัฐประพฤติในกรอบของอำนาจหน้าที่หรือไม่?ฯลฯ