PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

"พลเอกอุดมเดช"เปิดกลาโหม แถลงยัน ไม่มีค่าหัวคิว มีแต่ค่าที่ปรึกษ ยันไม่เคยพูดคำนี้



"พลเอกอุดมเดช"เปิดกลาโหม แถลงยัน ไม่มีค่าหัวคิว มีแต่ค่าที่ปรึกษ ยันไม่เคยพูดคำนี้ ยันกับ บิ๊กต๊อก พลเอกไพบูลย์ ไม่มีปัญหา แล้ว ทำงานร่วมกัน แต่ยันไม่คุยกันเรื่อง ราชภักดิ์ เผย ไม่ฟ้องใครแล้ว เชื่อทุกคนเข้าใจแล้ว พอใจผลสอบ ขอบคุณ สตง. -ศอตช. ยันไม่เคยรู้ผลล่วงหน้าหรือคุยกับ สตง ก่อนเลย. พร้อมให้สอบ"ราชภักดิ์" หากปปช.ติดใจ จะสอบต่อก็ได้ แต่คิดว่า น่าจะพอแล้ว เพราะสอบมาหลายคณะแล้ว. ผมพูดแต่แรกว่า ไม่มีทุจริต/ ยันการบริจาค ไม่ใช่การบริจาคเพื่อลบล้างความผิด"/ยันไม่ขัดแย้ง พลเอกธีรชัย ผบทบ.โยกย้ายนายทหารที่ใกล้ชิด พ้นตำแหน่ง เพราะเป็นอำนาจของคนที่อยู่ในตำแหน่งผบทบ. ไม่ใช่เริ่องขัดแย้งยันปม"ราชภักดิ์"ไม่เคยทำน้ำตาคลอ แต่เป็นโรคตาแฉะ เปรย เป็นทหาร ต้องพูดน้อย แต่ทำเลย นี่ตนเองชักจะพูดมาก ยันเดินหน้า สร้าง"ราชภักดิ์"ต่อ เสียเวลามามากแล้ว ปชช.รออยู่ ปลื้มปชช.เที่ยวกว่า3.8ล.คนแล้ว แค่ปีใหม่ก็2แสนคน รถเข้า 4 หมื่นคัน ขอบคุณนายกฯ บิ๊กป้อม ที่เข้าใจ/ ด้าน บิ๊กปัอม เรียก บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย ผบทบ.มาถามต่อหน้าสื่อว่า "ราชภักดิ์ จบมั้ย" บิ๊กหมู บอก "จบครับ". บิ๊กป้อม บอกสื่อ เลิกถาม ให้จบแล้ว เรื่อง ราชภักดิ์ เมื่อไม่มีโกง เพราะถ้าโกง สตง.เอาตาย. จากนี้ ทำงานกันต่อ
ที่กระทรวงกลาโหม พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิราชภักดิ์ เปิดแถลงข่าว หลัง สตง.และศอตช.สรุปผลการสอบสวน ไม่พบทุจริต ในโครงการ อุทยานราชภักดิ์
พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า การดำเนินงานอุทยานราชภักดิ์เป็นเรื่องของกองทัพบกในปีที่ผ่านมา สมัยที่ผมเป็น ผบ.ทบ. เราทำด้วยความตั้งใจและกำกับดูแลตามลำดับ
"ผมจึงสามารถยืนยันได้ตั้งแต่ต้น ว่า ไม่มีการทุจริตใดๆ เพราะคณะกรรมการต่างๆดูแลงานมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่คณะกรรมการที่ปรึกษา คณะกรรมการอำนวยการที่มีผมเป็นประธาน คณะกรรมการดำเนินงานที่ได้แต่งตั้งผู้ใหญ่ของกองทัพบกมาเป็นประธาน รวมถึงมีคณะกรรมการและอนุกรรมการหลายคณะที่มีการประชุมตามลำดับ
"สิ่งใดที่มีปัญหา เราจะคลี่คลาย ผมจึงมั่นใจตั้งแต่ต้นว่าโครงการนี้ทำมาอย่างดี "
อีกทั้งมีการตรวจสอบจากภายในของกองทัพบกและองค์กรอิสระต่างๆ ผมไม่อยากใช้คำว่า"หัวคิว" ซึ่งที่ผ่านมามีการชี้แจงมาตลอดว่าไม่ใช่หัวคิว แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ
แต่ไม่ใช่ค่าหัวคิว เพราะเป็นการดำเนินงานโดยเอกชนที่เราทำสัญญากับบริษัทต่างๆไว้โรงหล่อ 6 แห่ง และมี 5 แห่งที่นำเอกชน ที่เข้าใจว่ามีความรู้มาให้คำปรึกษาได้ จึงให้ค่าตอบแทนเรียกว่าค่าที่ปรึกษาต่างๆ
ทั้งนึ้องค์กรอิสระที่ชี้แจงได้ชี้แจงถูกต้อง เพราะมันไม่ใช่ค่าหัวคิว
"วันนี้จะพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าไม่มีหัวคิว และผมไม่เคยยอมรับคำนี้ เป็นความเข้าใจผิดของท่านต่างๆ"
ส่วนการแถลงข่าวสรุปผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ผมได้ฟังโดยรวม อาจมีข้อสงสัยไปกล่าวอ้างว่าทำไมผมรู้ล่วงหน้าว่าการแถลงดังกล่าวจะไม่พบความผิดปกติ
"ผมชี้แจงว่าไม่ได้ล่วงรู้อะไร แต่ถ้าไปดูจะเห็นว่าสตง.ได้ชี้แจงมาเป็นเดือน ผมก็คิดตามดูจนภาพรวมสุดท้าย เมื่อสื่อมาถามผมก็บอกว่าสตง.เป็นองค์กรที่ 3 แล้วที่ตรวจสอบ ผมมั่นใจว่าสตง.ทำงานตามระบบและตรวจสอบส่วนราชการทุกส่วน ผมไม่ได้รับข้อมูลอะไรจากผู้ใหญ่ในสตง." พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ส่วนเรื่องเงินบริจาคที่เป็นบุคคลที่สาม ภายหลังเอกชนตกลงให้มาช่วยเหลือเพื่อให้คำแนะนำปรึกษาดำเนินงานเพิ่มเติมกันเองนั้น เขาบริจาคมาหลายเดือนแล้วในช่วงงบประมาณปีที่ผ่านมา สามารถดูวันที่ในการบริจาค
"ไม่ใช่การบริจาคเพื่อลบล้างความผิด"
พลเอก อุดมเดช กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจโครงการอุทยานราชภักดิ์
"ผมมีพันธสัญญากับประชาชนทั้งประเทศที่บริจาคเงินว่าจะต้องได้อุทยานราชภักดิ์ให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์"
พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ขณะนี้อุทยานราชภักดิ์. ไม่ได้ใช้เงินทางราชการดูแล แต่ใช้เงินบริจาคจากประชาชน ที่มูลนิธิดูแลอยู่
ทั้งนี้ ผมตั้งใจเชิญผบ.ทบ. ในแต่ละยุคสมัยมาเป็นประธานมูลนิธิฯ เพื่อให้การทำงานสอดรับกัน แต่เพราะที่ผ่านมา ยังติดขัดเรื่องการถูกตรวจสอบอยู่
เมื่อถามว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อาจยังมีข้อสงสัยบางประเด็น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ปมพร้อมตลอดเวลา แต่ไม่ทราบว่าประเด็นของป.ป.ช.คือเรื่องใด ป.ป.ช.มีอำนาจเต็มที่และน่าจะรับข้อมูลพื้นฐานจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสตง.
อีกทั้งผมยังเป็นคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชุดใหญ่ของรัฐบาล ในส่วนตัวก็สอดส่องดูแลสิ่งเหล่านี้
ที่ผ่านมาสมัยเป็นผบ.ทบ.ก็เน้นย้ำเรื่องความโปร่งใสในการทำหน้าที่ การดำเนินงานจัดซื้อจัดหาต้องเป็นไปตามขั้นตอน ถ้ายังมีประเด็นใดค้างคา ก็เป็นเรื่องที่ป.ป.ช.พิจารณาเองว่าควรทำต่อไปหรือไม่
"ผมและประชาชนส่วนใหญ่ คงคิดเหมือนกันว่า คงจะพอสมควรแล้วและชัดเจนแล้วว่าโครงการเป็นปกติ ไม่ได้มีสิ่งทุจริตใดๆ "
"ในใจของผมและประชาชนส่วนใหญ่คงคิดว่าการตรวจสอบน่าจะพอสมควรแล้ว เพราะทุกอย่างเหมือนจะเคลียร์แล้ว ผมก็รู้สึกสบายใจ เพราะผ่านการพิสูจน์หน่วยงานที่เป็นมาตรฐานและมีกำลังใจที่จะทำต่อไป ผมรักกองทัพบก แม้เกษียณไปแล้ว"
ส่วนบางสื่อไปเขียนว่ามีความขัดแย้งกัน จากเริ่องการโยกย้ายทหารล่าสุด นั้น พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ไม่ได้ขัดแย้ง แต่ถือเป็นเรื่องปกติ ผู้บังคับบัญชาปัจจุบัน สามารถดำเนินการใดๆได้ในขณะที่อยู่ในหน้าที่ ทุกคนไม่มีปัญหา และรู้ว่างานของชาติมามากมาย
พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ต้องขอบคุณในส่วนของ ศอ.ตช.ได้ตรวจสอบตามหน้าที่
ส่วนความสัมพันธ์กับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม นั่น พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ผมไม่เคยมีปัญหากับท่าน
"เจอกันก็คุย แต่เรื่องราชภักดิ์นี้ไม่คุย เพราะเราโตกันแล้วทั้งคู่ ท่านก็ดี ผมเจอท่านก็ไม่เคยขอร้องให้ช่วย ท่านเจอผมคุยเรื่องงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ส่วนตัวผมไม่มีปัญหากับใคร และคิดว่าคนอื่นคงไม่มีปัญหากับผม" พลเอกอุดมเดช กล่าว
พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ตั้งแต่มีปัญหาเกิดขึ้น ผมไม่เคยน้ำตาคลอ แต่มีสื่อเขียนข่าวว่า บิ๊กโด่ง น้ำตาคลอ ซึ่งผมไม่ใช่ บิ๊ก ตัวเล็กนิดเดียว แต่ผมอาจเป็นคนตาแฉะ แต่ก็ไม่เคยแก้ข่าวอะไร"
พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึง การที่ให้สัมภาษณ์ว่า จะฟ้องร้องคนที่ทำให้ ราชภักดิ์เสียหาย นั้น ว่า คงจะไม่มีการฟ้องร้องใครแล้ว เพราะเชื่อว่า คนที่เคยไม่เข้าใจ น่าจะเข้าใจแล้ว. และดูจากการแถลงข่าว ก็ชัดเจนดี ทำให้คนที่ไม่เข้าใจ ได้เข้าใจแล้ว
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขอให้สื่อ เลิกถามม ให้จบได้แล้ว เรื่อง ราชภักดิ์ เมื่อไม่มีโกง เพราะถ้าโกง สตง.เอาตาย. จากนี้ก็ทำงานกันต่อไป
ทั้งนี้ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ พลเอกประวิตร ได้เรียก พลเอกธีรชัย นาควานิช
ผบ.ทบ.มาถามต่อหน้าสื่อว่า "ราชภักดิ์ จบมั้ย" พลเอกธีรชัย ทำหน้าเจื่อนๆ แล้ว บอก "จบครับ"

ไม่มีความคิดเห็น: