PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

"กษิต"เสนอยุบ บก.สส.

'กษิต ภิรมย์' เสนอสภาปฎิรูปแห่งชาติ ปฏิรูปกองทัพโดยยุบกองบัญชาการทหารสูงสุด และกองกำลังส่วนหน้า เพราะเกินความจำเป็น ชี้สองส่วนนี้ไม่มีอำนาจมากกว่า 3 เหล่าทัพ
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมสุโกศล คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การปฎิรูปการเมือง สภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร่วมกับ สถาบันปฏิรูปประเทศไทย จัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นเรื่อง “10 ประเด็นนวัตกรรมการเมืองไทย” ในประเด็น การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมี นายธีรยุทธ หล่อเลิศรัตน์ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกสปช. และประธานสถาบันปฏิรูปประเทศไทย และนายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เข้าร่วมอภิปราย  
โดยนายกษิต กล่าวว่า นอกจากจะปฏิรูปตำรวจแล้ว ตนขอเสนอให้ปฏิรูปกองทัพด้วย โดยยุบกองบัญชาการทหารสูงสุด และกองกำลังส่วนหน้า เพราะเกินความจำเป็นและเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองส่วนนี้จะใหญ่กว่า 3 เหล่าทัพ ส่วนเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินตนคิดว่า จะพูดถึงแค่ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นนั้นไม่พอ ซึ่งการกระจายอำนาจต้องรวมถึงภาคเอกชน ภาคชุมชนและภาคประชาสังคมด้วย
Source - มติชนออนไลน์

"ประวิตร"ปรามนักการเมืองอย่าพูดเยอะ

ประวิตร จวก กุ๊ยกษิต ไม่รู้อย่าพูดเรื่องปฏิรูปกองทัพ-ปราม"พลเมืองโต้กลับ"ห้ามเคลื่อนไหว***
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่อาคารเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีนักการเมืองทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความคิดหลากหลาย ว่า อยากจะแสดงความคิดเห็นก็ไปเลยที่ สปช. ไม่มีใครห้าม อย่ามาตะโกนป่าว ๆ มันไม่ใช่เรื่อง เพราะก็มี สปช.อยู่แล้ว อยากให้ทำอะไรก็ไปบอกไปเขาได้เลย ซึ่งเราพร้อมสนับสนุนเพื่อให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นผ่านทาง สปช. เพราะเรามีการเปิดเวทีให้มากมายเชิญเลย
เมื่อถามว่าสำหรับกรณีที่ นายกษิต ภิรมย์ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสนอให้มีการเสนอปฏิรูปกองทัพ โดยเสนอให้ยุบกองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กองทัพมีการปฏิรูปมาตลอด และทำอยู่ ซึ่งนายกษิต ไม่รู้ว่าเขาทำอยู่หรือเปล่า อย่าไปพูดอย่างนี้ ซึ่งกองทัพทำตลอดเวลา โดยมีแผนงานในการที่จะปฏิรูปอยู่แล้ว
"นายกษิตสามารถคิดได้ และไปเสนอที่ สปช. อยากคิดอะไรก็คิดได้ ผมไม่ว่าเลย ซึ่งกองทัพมีแผนงานที่จะทำเหมือนกัน และจะนำเข้าสู่สภาปฏิรูปเหมือนกัน เชิญเลยไม่ว่าอะไร สื่อเองก็เสนอได้เช่นกันอย่างเสนออะไรใน สปช.ก็เสนอไป มีเวทีอยู่แล้ว ตามสบาย" พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่า ทุกฝ่ายออกมากดดันรัฐบาลและ คสช. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เคยรู้สึกกดดัน และไม่เคยคิดว่ามีการกดดัน เราอยากให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นใน สปช. ไม่ใช่ว่าแสดงความคิดเห็นอะไรและเรียกมาคุย เพียงแต่เราดูว่าอะไรที่มันเกินเลยไปจนเกิดความไม่ปรองดองเราถึงจะเรียก ถ้าเป็นความคิดก็เสนอไป ส่วนกรณีที่กลุ่มพลเมืองโต้กลับออกมาเคลื่อนไหวที่บริเวณหน้าหอศิลป์นั้น ตนก็อยากทำความเข้าใจไปคุยกันที่ สปช. เพราะมีหลายเวทีไปพูดจากันไม่พอใจเรื่องอะไรก็ไปคุยกัน แต่การเคลื่อนนอกเวทีถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเรามีเวทึให้อยู่แล้วไม่จำเป็นจะต้องไปเปิดใหม่ ถ้าอะไรที่ผิดกฎหมายก็ไปทำให้ถูกกฎหมาย
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงทางกลุ่มพลเมืองโต้กลับยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวอีก ว่า คงไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายไปคิดอย่างนั้นได้อย่างไรต้องช่วยกัน เพราะขณะนี้ทางรัฐบาล และ คสช.มีเวลาที่จำกัด เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนแล้ว ก็จะต้องเดินตามไปโรดแมป หากมาแคะมาแกะแบบนี้คงเดินไม่ได้


นายกฯ ยอมรับเลื่อนเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ไปก่อน นัดหารือฝ่ายคัดค้าน 20 ก.พ.นี้

นายกฯ ยอมรับเลื่อนเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ไปก่อน นัดหารือฝ่ายคัดค้าน 20 ก.พ.นี้
การเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียอมรับว่า ได้เลื่อนการเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่21 จากเดิมที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 ก.พ.นี้ ออกไป การเลื่อนเปิดสัมปทาน ไม่ได้เป็นเพราะรัฐบาลไม่ได้กลัวปัญหา แต่ต้องการที่จะให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจร่วมกัน ซึ่งจะเลื่อนออกไปถึงเมื่อไหร่นั้น คงต้องรอดูผลของการหารือในเวทีที่รัฐบาลจะจัดขึ้นในที่20ก.พ.นี้ก่อน ขณะที่ การหารือในครั้งนี้ก็จะนำเหตุผล ข้อเท็จจริงมามาพูดคุยกัน โดยจะคำนึงถึงความคุ้มค่าของประเทศมากที่สุด ส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มที่คัดค้านก็จะเข้าร่วมด้วย เพราะถือว่ารัฐบาลได้เปิดโอกาสให้แล้ว ซึ่งหากยังไม่มา ก็จะถือว่าไม่เป็นการรับฟังซึ่งกันและกัน และหากมีการไปเคลื่อนไหวในทางอื่น ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนตัวมองว่า หากรอดำเนินการในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็อาจจะทำให้การหาแหล่งพลังงานสำรองในประเทศล่าช้าออกไป อย่างไรก็ตามตัวเองก็หวังว่าการหารือในวันศุกร์นี้จะทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจในความจำเป็นของการวางแผนในด้านพลังงานของประเทศ
ส่วน ผลการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าเศรษฐกิจของประเทศนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใน วันนี้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าชี้แจงถึงสถานการณ์ทางการเงินของประเทศ โดยวิเคราะห์ว่าไตรมาส 3 และ 4 ของปี 57 เศรษฐกิจของประเทศโตขึ้นร้อยละ 0.7 ซึ่งส่วนตัวพอใจ เพราะตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ตัวเลขทางเศรษฐกิจก็โตขึ้น คาดว่าตัวเลข จีดีพี ในปี 58-59 จะอยู่ที่ ร้อยละ 3-4 รวมถึงการท่องเที่ยวภายในประเทศขณะนี้สถานการณ์เติบโตต่อเนื่องขึ้น หลังจากมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ ท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น
สำหรับการแก้ไขปัญหาราคายางพารานั้น ต้องติดตาม เงินจากกองทุนมูลภัณฑ์กันชน จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงต้องมีการปรับให้เข้ากับความต้องการของเกษตรกร รวมทั้งความต้องการของตลาด ซึ่งขณะนี้ ได้เร่งแก้ไขปัญหาในเรื่องสินค้าทางเการเกษตรทุกอย่าง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการเกษตร


ยิ่ลักษณ์ ลี้ภัย



ข่าวการขอลี้ภัย-หนีออกนอกประเทศ ดังหนาหูขึ้นเรื่อยๆ นั่นเพราะมีการประเมินว่า คดีทุจริตจำนำข้าวที่ "ยิ่งลักษณ์" ตกเป็น "จำเลย" นั้น จะ "จบเร็ว" ไม่มียืดเยื้อถึงปีหน้า ยิ่งกางนิ้วนับไทม์ไลน์เป็นรายเดือน คดีอาจจะเสร็จสิ้นในเดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ และ คสช.ก็รู้
อัยการสูงสุดจึงทำหนังสือถึง "พล.อ.ประยุทธ์" นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระบุถึงกระบวนการตามขั้นตอนก่อนจะขึ้นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดว่า หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้องแล้ว "ยิ่งลักษณ์" ในฐานะที่เป็น "ผู้ถูกกล่าวหา" จะต้องปรากฏตัวในศาลในการพิจารณาครั้งแรก มิเช่นนั้น ศาลจะไม่สามารถดำเนินการต่อได้
พล.อ.ประยุทธ์ จึงออกมาเปล่งวาจาผ่านสื่อว่า ที่ คสช.ไม่ให้อดีตนายกฯ เดินทางไปฮ่องกงตามคำขอนั้น เพราะอัยการสูงสุดทำหนังสือขอมา
เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ว่า หากปล่อยให้อดีตนายกฯ เดินทางออกนอกประเทศ อาจซ้ำรอย "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในหลายคดี ศาลต้องจำหน่ายคดีชั่วคราว เนื่องจากหลบหนีไม่มารายงานตัว
อ่านรายละเอียด ล็อกเป้า"ยิ่งลักษณ์" เด็ดปีกแนวร่วมแดง คสช. กรุยทางเบิกความจำเลยต่อหน้าศาล ที่นี่


อรรถชัย :ประเมินทหารหลังชนฝา?

เรื่องของ น้องๆ เมื่อคืน ทำให้เราได้ประเมินว่า ...ทหาร หลังชนฝา
อย่างที่บอกตอนนี้ ประเทศไทย อยู่ในสปอตไลท์ โลกแล้ว ...
ตั้งแต่ อเมริกา ออกมายืนข้าง ผู้ปกป้องประชาธิปไตย เราก็ได้เห็นหลาย เคส เริ่มตั้งแต่ จับปึ้ง ....มาเชิญ เต้น เชิญจาตุรณต์ และ ล่าสุด กรณีเรืองไกร ....จับไปลับ ๆ แต่พอเรื่องแดง สหรัฐออกมาพูด มันรีบปล่อย
เมื่อคืน น้อง ๆ ธรรมศาสตร์ กล้าหาญมาก โดยเฉพาะ ทนาย อานนท์ สุดยอดจริง ...กล้าหาญมาก ...
ตอนแรก มันก็ไม้เดิม ทำเป็นบลั๊ฟ ว่าเอาจริง ที่แท้ก็ ถือ เน่าอยู่ในมือ ...
น้อง ๆ เก่งมากกล้าหาญทุกคนไม่มีทิ้งกัน จับ 1 ต้องมาอีก 100 - พัน
เมื่อคืน ก็ ท้ายทายมันไปในหน้าเฟส ..อยากรู้ว่ามรึงแน่จริงไหม
สุดท้าย ..ก็ ยอมปล่อย
พี่น้องเราทุกคนต้องเอาอย่าง อย่าปล่อยให้เพือ่นเดียวดาย หากเพื่อนโดนจับ เราถอยเขาจะซวย กล้าแล้วต้องไปให้สุด อย่าครึ่งๆ กลาง ๆ เด็ดขาด
ทหารเหี้ย พวกนี้ ความจริงมันกลัวเรามากกว่า เพราะรู้ว่าหากเราออกกันมาจริง ๆ เกินหมื่น มันเอาไม่อยู่ และ จะนำไปสู่คนเรือนแสน ที่จะตามมา
ถึงตอนนั้น มันจะมีทางเลือกคือ จะจบดี ๆ หรือจะจบแบบหมดแผ่นดินยืน
ผมเชื่อว่า ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ ครั้งนี้ไม่มีแกนนำ เหตุการบานปลายได้ตลอด
รวมไปถึง ปัจจัยภายนอก ที่ต่างชาติพร้อมเข้าร่วม และ ปัจจัยภายใน ที่พวกมันแตกกันยับเวลานี้
หากมวลชนออกมาอย่างว่า ..ผมเชื่อว่าจะยิ่งทำให้รอยร้าวภายในที่มีอยู่แล้วถึงเวลาแตกหัก จะมีการ ไขก๊อก เอาตัวรอด ไอ้ตู่ ..จะเป็นแพะ จะมีคนชิงโค่นไอ้ตู่ก่อนกูจะซวยไปด้วย
อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ที่ผ่อนปลนลง ..
เราจะมีโอกาสในการต่อรอง มากขึ้น ..แต่ยังไม่เบ็ดเสร็จ ต้องรอ อีก และ ทั้งหมดก็อยู่ที่ว่ามันจะโง่ หรือ ฉลาด
เช่น เอาทหารเข้าปราบ หรือ กรณีมีมือที่สาม ...อันจะนำไปสู่สถานะการณ์ โกลาหล แบบนั้น ถึงแม้จะมีผลเสียบ้าง แต่ในที่สุด อาจจะนำไปสู่ หลายเหตุการ เช่นการเข้ายึดอำนาจไอ้ตู่ หรือ อาจจะนำไปถึงการเข้าแทรกแทรงจากต่างชาติ ..อะไรได้ทั้งนั้น แต่ทุกดอก เราจะได้เปรียบในที่สุด
สำคัญที่สุด ต้องระวัง อย่าเบี่ยงไปทาง อื่น โดยเฉพาะกรณี 112 ที่เป็นทางออกทางเดียวของมัน เพาะแบบนั้น จะมีประชาชนอีกส่วนถูกปลุกออกมาต่อต้าน ประชาชนจะตีกันเอง และ ต่างชาติ ถือเหตุแทรกแทรงยาก เพราะเป็นกรณีกฏหมายภายใน ไม่ใช่ ผิดกฏหมายสากล ไม่เป็นผลดีกับเรา จงยืนหยัดไว้ในเรื่อง การเรียกร้องเสรีภาพ ต่อต้านเผด็จการทหาร ที่กดขี่ประชาชน ..( เขียนแบบนี้เดียวก็ โดนด่าอีกแล้วละผม ก็ ถือเสียว่าเป็นความคิดเห็น ไม่พูดก็เป็นห่วงประชาชนครับ )
เหตุการเมื่อคืน มันยอมถอย เป็นครั้งแรก ตั้งแตค่ยึดอำนาจมา
มันแสดงให้เห็นว่า ...มันเองก็มองเห็นสิ่งที่ผม คาดเดาเอาไว้ เช่นกัน
ผมเชื่อ และ มีศรัทธาในความถูกต้องเสมอ
หากเรายืนยันในความถูกต้อง ผลย่อมออกมาอย่างถูกต้อง
ผิดเป็นชอบไปไม่ได้ ..
ที่ผ่านมา ผิดกลายเป็นชอบ เพราะ คนไทยส่วนใหญ่ ยอมให้มันเกิดขึ้น ...
หากเราไม่ยอมให้ถึงที่สุด ไม่มีทางที่ี อธรรม จะชนะความถูกต้องได้
ขอให้เรา เชื่อมันในพลังบริสุทธิ์ ...พลังของความดีงาม
ธรรม จะ ชนะอธรรมเสมอ ...
อ้อ อีกนิดหนึ่ง น้องๆ เมื่อคืนทุกคน พยายามอยู่ในสปอตไลท์ เอาไว้นะครับ มันเล่นบนดินไม่ได้ มันอาจลงใต้ดิน

"กลุ่มพลเมืองโต้กลับ" ลั่นเตรียมเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อ หลังถูกจับกุม



นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และแกนนำกลุ่ม “พลเมืองโต้กลับ 
Resistant Citizen” กล่าวถึงกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมบริเวณลานด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ภายหลังจัดจัดกิจกรรม “เลือกตั้งที่ลัก” เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้จับกุมและตั้งข้อกล่าวหาตน รวมถึงนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือพ่อน้องเฌอ และนายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ หรือ “กึ๋ย” อาชีพขับรถแท็กซี่ ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 7/2557 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง โดยอาศัยมาตรา 8 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก 2457 ห้ามไม่ให้มั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป แต่เราทั้ง 4 คน ให้การปฏิเสธ และขอประกันตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อนุญาตให้ประกันตัว พร้อมกับตั้งเงื่อนไข 3 ข้อ

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า 1.ให้อยู่เป็นหลักแหล่ง 2.ห้ามออกนอกประเทศ และ 3.ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่เราไม่ยอม เพราะเห็นว่าการที่จะได้ประกันตัวต้องไม่มีเงื่อนไขใด ๆ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมให้ประกันตัวได้โดยไม่มีเงื่อนไขใด ส่วนนายสิรวิชญ์ที่ผ่านมาเคยถูกจับกุมมาแล้ว 1 ครั้ง และติดเงื่อนไขที่เคยตกลงกับทางทหารว่าจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง จึงถูกตั้งข้อกล่าวหา 2 ข้อ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนัดมาพบอีกครั้งในวันที่ 16 มี.ค.นี้ เพื่อดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่าหลังจากนี้ทางกลุ่มของตนจะมีการเคลื่อนไหวอีกแน่นอน แต่ยังไม่ขอลงรายละเอียดว่าจะใช้สถานที่ใด เพราะไม่ได้ผิดเงื่อนไขการประกันตัว

ประยุทธ์ ไม่ปรองดองคนผิด

Cr:ทหารปฏิรูปประเทศไทย
วันที่ 16 ก.พ.58 บิ๊กตู่ บอกไม่คุยกับคนแดนไกล แต่ให้กลับมาสู้คดีแทน
ตามที่มีบางคนเสนอให้บิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช.ไปคุยกับคนแดนไกลนั้น บิ๊กตู่แนะนำนิ่มๆ ว่า ให้คนแดนไกลกลับมาสู้คดี แล้วค่อยคุย ยืนยันว่าตอนนึ้อยู่ในสถานะป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงคุยไม่ได้ เพราะคนแดนไกลมีคดีความร้ายแรงติดตัว
และจะไม่มอบหมายใครคุยแทนทั้งนั้น เพราะผิดเหมือนกัน ยกเว้นคนแดนไกลกลับมาไทยสู้คดี แล้วค่อยคุยกัน ถ้า สปช.อยากคุยให้ไปคุยเองแล้วเสนอมา ว่าจะปรองดองยังไง แต่ไม่มีนิรโทษกรร

ร่วมถึงที่มีข้อเสนอให้ไปพูดคุยกันแกนนำแดง นปช.นั้น เห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องดำเนินการ เพราะการที่รัฐบาลเข้ามาในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาความรุนแรง ในเรื่องของคดีความต่างๆ ก็จะต้องเป็นไปตามกระบวนการของศาล คนที่มีคดี ก็จะเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้อง
บิ๊กตู่ แนะคนไทย ให้ก้าวข้ามผ่านคนแดนไกล อย่าเอาการเมือง-ชาติไปผูกติด ยืนยันว่าตนเองได้ก้าวข้ามมานานแล้ว เตือนสื่อมวลชนเลิกเสนอข่าว คนแดนไกล อย่าไปให้ความสำคัญ
-------------------------------->
ใครเสนอมาให้บิ๊กตู่ไปคุย ก็รับฟัง แต่ "ไม่ไป" เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะไปคุยกับนักโทษหนีคดี เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าในแผ่นดินไทยและที่ไหนในโลก เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อยู่ที่ไหนก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ย่อมไม่สามารถคุยกับนักโทษที่หนีคดีความไปได้
ใครอยากคุยก็ไปคุยเอง หรือคนแดนไกลอยากคุย ก็กลับมามอบตัวรับโทษตามที่ศาลตัดสินไปจำคุก 2 ปี และตามหมายจับอีก 6 คดี ติดคุกครบทุกคดี อายุกว่า 90 ปี ก็ค่อยมาคุยกัน..มันจะยากตรงไหน ??
@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/thailandcoup