PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

ความเชื่อถือต่อรัฐบาลมะกันลดต่ำลง:

ความเชื่อถือต่อรัฐบาลมะกันลดต่ำลง:
๑.เป็นไปตามคาดครับ กลุ่มก่อการร้ายบางกลุ่มในซีเรียที่รัฐบาลมะกันบอกว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มกบถสายกลาง (moderate rebels) ออกมาประกาศแล้วว่าจะไม่ขอหยุดยิงตามสัญญาหยุดยิงระหว่างรัสเซีย-สหรัฐอเมริกา คนเหล่านี้รับจ้างมาก่อการร้าย ไม่ได้ก่อการร้ายก็จะลงแดงตาย ทั้งไม่เคยฝึกสมถะและวิปัสสนามาก่อน อีกไม่นาน ก็จะเห็นกองทัพรัสเซียและพันธมิตรไล่ถล่มกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้เหมือนเดิม
๒.อาทิตย์ที่แล้วทั้งอาทิตย์ รัฐบาลมะกันส่งเครื่องบินรบออกไปถล่มกลุ่มก่อการร้าย ๖ ประเทศในคราวเดียวกัน โดยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดถึง ๖๐ เที่ยว พยายามทำตัวเป็นตำรวจโลก สร้างภาพให้ชาวโลกเห็นว่าตนเองเป็นเจ้าพ่อคุมพื้นที่อยู่ ประเทศที่ถูกถล่มคืออาฟกานิสถาน, อิรัก, ลิเบียและซีเรีย (อ้างว่าถล่มกลุ่มก่อการร้ายไอสิส), ในเยเมน (อ้างว่าไล่ถล่มอัลกออิดะห์ ทั้งๆ ที่อัลกออิดะห์ เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ซาอุฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรของตัวเองสร้างขึ้น), ในโซมาเลีย (กลุ่มก่อการร้ายอัลชาบับ) และในอาฟกานิสถานอีกที (อ้างว่าไล่ถล่มกลุ่มตาลิบัน)
ข่าวเหล่านี้ ไม่รู้ว่าจริงมากจริงน้อยแค่ไหนนะครับ สองสามวันก่อน รัสเซียออกมาแจงว่าที่มะกันบอกว่ากองทัพตนเองไล่ถล่มไอสิสในซีเรียนั้นเป็นแค่ละครแหกตาผู้ชมเท่านั้น ขณะเดียวกัน อาการป่วยนางฮิลารี คลินตันก็ส่อเค้าว่าจะบานปลาย และกำลังมีเสียงเรียกร้องให้พรรคเดโมแครตหาผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่แทนนางแล้ว พร้อมกันนั้น บารมีโอบามาซึ่งใกล้จะพ้นวาระก็ลดลงแทบไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ เลย เห็นได้จากบทบาทของเขาในการประชุม G20 ที่หางโจวที่ผ่านมา
๓.ระหว่างที่มะกันกำลังวุ่นวายภายในประเทศและกำลังขาดความเชื่อถืออยู่นี้ ประธานาธิบดีดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ออกมาประกาศไล่หน่วยรบพิเศษของมะกันให้ออกไปจากภาคใต้ของฟิลิปปินส์แล้วตามข่าวข้างล่าง ดูเตอร์เตบอกว่า 'หน่วยรบพิเศษเหล่านี้ต้องออกไป ผมไม่ต้องการมีปัญหากับอเมริกา แต่ทหารเหล่านี้ต้องออกไปจากฟิลิปปินส์' (These special forces, they have to go...I do not want a rift with America. But they have to go).
12 กันยายน 2559

กลับจากฝึก เข้า พล.ม.2รอ....

กลับจากฝึก เข้า พล.ม.2รอ....
จากที่มีการแชร์ ภาพ และคลิป นี้ และระบุว่าเป็นรถถัง V150 จำนวน30 คันนี้ กำลังเดินทางไป ประจำรอบ สวนจิตรลดา และ ลานพระบรมรูปทรงม้า นั้น
พล.ม.2รอ ชี้แจงว่า นี่เป็น รถสายพานลำเลียงพล T-85 ของ กรมทหารม้าที่1 รักษาพระองค์ กลับจากการฝึก ภาค หมู่ ตอน หมวด ที่บ้านดีลัง ลพบุรี ขนย้ายลงจากรถไฟ ที่ย่านพหลฯ เดินทางกลับ พล.ม.2รอ. สนามเป้า ไม่ได้มุ่งหน้าไปทาง สวนจิตรลดา แต่อย่างใด... ผบ.หน่วย แปลกใจ หวังผลใด ปล่อยข่าว ไป สวนจิตรลดาฯ. เผย อีก3 เดือน ก็จะไปฝึกอีก ขออย่าตกใจ แปลกใจ ทหารจะฝึก ทุกๆ 3 เดือน ไปจนถึง ระดับกองพัน

เมื่อขึ้นแม่ทัพ1..ก็เตรียม ชิงผบ.ทบ.

เมื่อขึ้นแม่ทัพ1..ก็เตรียม ชิงผบ.ทบ.
ฟ้ากำหนด บวก บิ๊กตู่ เลือก....บิ๊กแดง พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ขยับจากแม่ทัพน้อย1 ขึ้น เป็น แม่ทัพภาค1 ในโผโยกย้ายนี้ ....ก็จ่อเตรียมขึ้น 5เสือทบ.ในโยกย้าย กย.ปีหน้า2560....นั่นหมายถึง พลโทอภิรัชต์ ที่นอกจาก เป็น สายวงศ์เทวัญ และ ราบ11 คอนเนคชั่น ที่ เบียดแทรก บูรพาพยัคฆ์ ขึ้นมาเป็นแม่ทัพ1 ได้. และก็จะเป็น แคนดิเดท วงศ์เทวัญ ชิง ผบ.ทบ. คนต่อจาก บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ที่จะเกษียณ กย.2561 อีกด้วย...
รอดูว่า จาก ตท.16 จะข้ามมา ตท.20 เลยหรือว่า จะมี รุ่นอื่น มาแทรก ก่อน สักปี ก่อนคิว บิ๊กแดง หรือว่า บิ๊กแดง ต้องมาแข่งกันเองกับเพื่อน ตท.20 อย่าง พลโทณัฐ อินทรเจริญ รองเสธ.ทบ.....แต่ บิ๊กแดง มีน้ำหนัก มากสุด ทั้งเส้นทางเดิน และต้นทุนทางสังคม คอนเนคชั่น และ นายกฯบิ๊กตู่

แพคเกจ ผบ.สูงสุด......เรียงคิว เลย

แพคเกจ ผบ.สูงสุด......เรียงคิว เลย
จาก บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ที่วันนี้ มาเป็น. รองนายกฯ ได้วางตัว ผบ.สูงสุด แบบระยะยาวไว้แล้ว ตั้งแต่ บิ๊กตี๋ พลเอกวรพงษ์ สง่าเนตร. เพื่อนตท.12ของ บิ๊กเจี๊ยบ และ นายกฯบิ๊กตู่. แล้วมาต่อด้วย บิ๊กเต้ พลเอกสมหมาย เกาฏีระ ที่ กำลังจะเกษียณ ในอีกไม่กี่วันนี้....โดยส่งไม้ต่อให้ บิ๊กปุย พลเอกสุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เพื่อนตท.15 จาก เสธ.ทหาร ให้ขึ้นมาเป็น ผบ.สส.คนใหม่.....โดยดึง บิ๊กต๊อก พลเอกธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ตท.17 จาก รองเสธ.ทหาร ขึ้นมาเป็น เสธ.ทหาร. จ่อที่จะขึ้น ผบ.สส. คนต่อไป ในโยกย้ายกย.2560 นี้...โดยขยับ บิ๊กกบ พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี จากหน.ฝ่ายเสธ.ประจำผบ.สส. มาเป็นรองเสธ.ทหาร.....เข้าไลน์ สู่เส้นทาง ผบ.ทหารสูงสุด ไว้เลย
ทั้งหมดจะเป็นไปตามแผนวางทายาท บก.ทัพไทย. ....หาก ปีหน้า บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.คนใหม่. เหนียวนั่งเก้าอี้ผบ.ทบ.2ปี จนเกษียณ ไม่ถูกแซะจากเก้าอี้ผบ.ทบ. ให้ข้ามมาเป็น ผบ.สส. ซะก่อน

ถึงคิว ตท.16 นำทัพ

ถึงคิว ตท.16 นำทัพ
หลัง1 ตค.นี้ เมื่อกองทัพผลัดใบ. เปลี่ยนผู้นำทัพ. ก็คงมีรุ่นพี่ ตท.15 เป็น ผบ.สูงสุด คือ บิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ และ บิ๊กณะ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. เท่านั้น
เพราะผู้นำทัพ ทั้งปลัดกลาโหม ผบ.ทบ.และ ผบ.ทอ.คนใหม่ ก็เป็น เตรียมทหาร 16
ทั้ง "Triple ช." พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกลาโหม . บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และ บิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ.คนใหม่
แต่พล.อ.ชัยชาญ จะนั่งแค่ปีเดียว จะเกษียณก่อนเกื่อนในกย.2560 นี้ ส่วนอีก2คน เกษียณกย.2561

บิ๊กป้อม แนะใช้ "วปอ.คอนเนคชั่น"ดูแลความมั่นคง ไม่ใช่แค่รู้จัก ต้องช่วยดูแลบ้านเมือง ช่วยทำชาติสงบ

บิ๊กป้อม แนะใช้ "วปอ.คอนเนคชั่น"ดูแลความมั่นคง ไม่ใช่แค่รู้จัก ต้องช่วยดูแลบ้านเมือง ช่วยทำชาติสงบ
"บิ๊กป้อม" ปิดหลักสูตร วปอ. ชี้ ประเทศยังไม่สงบ แฉมีพวก ยังเดินหน้าทำประเทศไปอย่างที่เขาต้องการ ยังมีขัดแย้ง ระบุ 2ปี คสช.ทำประเทศเปลี่ยนแปลง สงบมากขึ้น แต่ยังไม่ทั้งประเทศ /ขอให้ใช้"วปอ.คอนเนคชั่น"ดูแลความมั่นคง ไม่ใช่แค่รู้จัก ต้องช่วยดูแลบ้านเมือง ไม่ใช่แค่อธิปไตย แต่โยงทุกด้าน /บอกน่าห่วงพวกสุดโต่ง ก่อการร้าย ในโลก/ บ่น เบื่อ "Set zero"พูดกันทุกวัน ถามใครจะSet ผมไม่รู้ ผมไม่ใช่นักการเมือง ชี้อะไรที่ทำแล้วประเทศเข้มแข็งก็ทำ แต่อะไรที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ก็ไม่ทำ
ที่ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานปิดหลักสูตร วปอ.2558
พลเอกประวิตร กล่าวในตอนหนึ่งว่า ปัญหาเรื่องความมั่นคง มีความสำคัญและทั่วโลก โดยเฉพาะพวกความคิดสุดโต่ง เพราะโลกนี้ เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมาก
"ใครจะคิดว่า เหตุการณ์ 911 จะเกิดขึ้น
ใครจะคิดว่า จะมีสู้รบใน ตะวันออกกลางมากมายรุนแรงขนาดนี้"
พลเอกประวิตร กล่าวว่า งานด้านความมั่นคง ไม่ใช่แค่เรื่องการดูแลรักษาอธิปไตยเท่านั้น แต่ความมั่นคง เกี่ยวกับทุกเรื่อง ทั้ง เศรษฐกิจ สังคม และจิตวิทยา
"มาเรียน วปอ. ไม่ใช่มารู้จักกันเฉยๆ แล้วไปทำกิจกรรม แต่ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล และช่วยกันทำให้ประเทศเราสงบสุข" พลเอกประวิตร กล่าว
พลเอกประวิตร กล่าวว่า 2ปี ที่รัฐบาลคสช. มาดูแลประเทศ ก็ทำให้ประเทศเปลี่ยนแปลง มีความสงบมากขึ้น แต่จะสงบยังงี้ทั้งประเทศ มันไม่ใช่
"แต่ยังมีการเดินไป ของพวกที่ยังจะทำให้ประเทศเป็นไปอย่างที่เขาต้องการ พวกนี้ก็ยังเดินต่อไป ยังมีความขัดแย้ง
"ขอช่วยกัน ถือว่า เรียนวปอ.แล้ว ก็ต้องทำประโยชน์ให้ชาติ เพราะไม่มีใครช่วยได้ นอกจาก พวกเราทุกคนช่วยกันเอง" พลเอกประวิตร กล่าว
จากนั้น พลเอกประวิตร กล่าวถึงแนวคืด "Set zero"พูดกันทุกวัน ถามใครจะSet ผมไม่รู้ ผมไม่ใช่นักการเมือง ชี้อะไรที่ทำแล้วประเทศเข้มแข็งก็ทำ แต่อะไรที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ก็ไม่ทำ

ผิดคาด! ทนายอานนท์ ยันคำสั่งคสช.ไม่ช่วยคลี่คลาย คนจำนวนมากยังต้องขึ้นศาลทหาร

วันนี้ (12 กันยายน) นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวผ่านการไลฟ์ทางเฟสบุ๊ก “อานนท์ นำภา” ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้การกระทำที่เกี่ยวกับคดีความมั่นคงตามประกาศ คสช.และต้องขึ้นศาลทหาร ให้กลับมาใช้ศาลพลเรือน โดยระบุว่า กรณีดังกล่าวให้คดีที่เดิมกำหนดให้ขึ้นศาลทหาร กลับไปขึ้นศาลพลเรือน โดยหลายคนสงสัยว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นผลย้อนหลัง ให้กับคนที่มีคดีในศาลทหารหรือไม่ ยืนยันว่า คำสั่งดังกล่าวไม่มีผลไปเปลี่ยนแปลงคดีเดิมที่เคยมีอยู่ในศาลทหารเลย ทั้งคดีที่ยังอยู่ตอนนี้อาทิ คดีนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ บก.ลายจุด คดี ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อ.นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ คดีศูนย์ปราบโกง คดี 11 6 คดี 112 คดีเกี่ยวกับอาวุธอีกหลายคดีก็ยังต้องพิจารณาคดีในศาลทหารเช่นเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนคดีที่ยังไม่อยู่ในศาลทหาร แต่การกระทำความผิดเกิดขึ้นในช่วงคำสั่งที่ 37 – 38 บังคับใช้หากถูกจับก็ต้องไปขึ้นศาลทหารเช่นเดิม โดยคนที่จะไม่ต้องไปขึ้นศาลทหารคือผู้ที่กระทำความผิดนับแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนั้น ที่หลายคนบอกว่าสถานการณ์คลี่คลาย คสช.เริ่มผ่อนคลายนั้น ไม่เป็นความจริง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทหารที่ใช้อำนาจตามคำสั่งคสช.ที่ใช้อำนาจจับกุมคน ก็ยังไม่ถูกยกเลิกไป จึงไม่ควรดีใจว่าคำสั่งดังกล่าวจะทำให้ทุกคนดีขึ้น หากมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิดขึ้น ก็จะมีทหารไปหาอีกเช่นเดิม
ทั้งนี้ ทุกวันนี้ยังมีคดีที่ต้องขึ้นศาลทหารอีกหลายคดี สิ่งที่ถูกต้องคือ ต้องโอนคดีที่พิจารณาโดยศาลทหารทุกคดีตอนนี้ ไปยังศาลพลเรือน ส่วนคดีที่ตัดสินไปแล้วก็ให้มีการชำระใหม่ โดยศาลที่มีความชอบธรรมคือศาลพลเรือน ซึ่งคำสั่งล่าสุด ไม่ได้เขียนเช่นนั้น

“สดศรี” ชี้โทษแบนนักการเมืองตลอดชีพแรงเกินไป

“สดศรี” ชี้โทษแบนนักการเมืองตลอดชีพแรงเกินไป เชื่อนักการเมืองไม่เห็นด้วยแน่นอน
เมื่อวันที่ 12 กันยายน นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฉบับของ กกต.ที่กำหนดว่า หากผู้สมัคร หรือ ส.ส.คนใดถูกศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งจะถือว่าเป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพว่า การเลือกตั้งไม่ได้เป็นโทษทางอาญาจนถึงกับต้องไปตัดสิทธิตลอดชีวิต ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะกระบวนการสอบสวนของ กกต.ว่าได้มาตรฐานมากน้อยเพียงใด ซึ่งการตัดสิทธิตลอดชีวิตถือเป็นโทษที่ร้ายแรงสำหรับนักการเมือง เหมือนเป็นการตัดแขนตัดขาของเขา หรือทำให้มองว่านักการเมืองเป็นอาชญากรที่จะทำให้บ้านเมืองล่มจม ดังนั้นจึงเป็นการพิพากษาที่หนักเกินสมควรหรือเกินเลยไปหรือไม่ เพราะแม้แต่คดีอาญาบางเรื่องศาลยังลงโทษจำคุกแค่เพียง 20 ปีเท่านั้น จึงเชื่อว่าแนวคิดนี้นักการเมืองคงไม่เห็นด้วยแน่นอน

ด่วน! ประยุทธ์ ใช้ ม.44 ยุติใช้ศาลทหาร ให้คดีมั่นคงกลับใช้ศาลยุติธรรม นับแต่วันนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ก.ย.) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 55/2559 เรื่อง การดําเนินการเกี่ยวกับคดีบางประเภทที่อยู่ในอํานาจศาลทหาร ตามที่มี
ประกาศกองทัพบกและประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ใช้กฎอัยการศึก ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และต่อมามีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กําหนดให้การกระทําความผิดบางประเภทที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรและในระหว่างการประกาศใช้ กฎอัยการศึกดังกล่าว อยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร นั้น เมื่อได้ดําเนินการดังกล่าว มาแล้วระยะหนึ่ง ปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมืออย่างดีในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความจําเป็นที่จะต้องใช้มาตรการควบคุมสถานการณ์และรักษาความสงบแห่งชาติ ตามกฎอัยการศึกจึงควรผ่อนคลายลง ประกอบกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเห็นว่า ในช่วงเวลานั้น อยู่ระหว่างการจัดทํารัฐธรรมนูญ ซึ่งควรส่งเสริมให้ประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพ ให้กว้างขวาง จึงได้มีประกาศพระบรมราชโองการ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พุทธศักราช 2558 ให้เลิกใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร แต่ไม่กระทบต่อประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางพื้นที่ที่มีผลใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่ 19 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ส่วนการกระทําความผิดบางประเภทตามประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติยังคงอยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหารต่อไป

โดยที่บัดนี้ปรากฏว่าสถานการณ์บ้านเมืองในรอบสองปีที่ผ่านมามีความสงบเรียบร้อยเป็นลําดับ ประชาชนต่างมีเจตนารมณ์และให้ความร่วมมือที่ดีในการนําประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน การ
ปฏิรูปประเทศตามขั้นตอน และการสร้างความสามัคคีปรองดองที่ถูกต้องเป็นธรรม ดังเห็นได้จากกระบวนการลงประชามติ ที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนด้วยมติท่วมท้น จึงสมควรผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลงอีก เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้ใช้สิทธิ ปฏิบัติหน้าที่ของตน และได้รับความคุ้มครองตามกลไกของรัฐธรรมนูญ
ฉบับใหม่ ซึ่งกําลังจะประกาศใช้ในเร็ววัน ตลอดจน ตามหลักนิติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชน

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคาสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 บรรดาการกระทําความผิดตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 38/2557 เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทําหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอํานาจของศาลทหาร และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 50/2557 เรื่อง ให้ศาลทหารมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม ซึ่งได้กระทําตั้งแต่ วันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ ให้อยู่ในอํานาจการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

บรรดาการกระทําความผิดที่อยู่ในอํานาจการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมตามวรรคหนึ่งไม่หมายความรวมถึงการกระทําความผิดที่กฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหารบัญญัติให้เป็นอํานาจ พิจารณาพิพากษาของศาลทหาร โดยให้การกระทําความผิดดังกล่าวยังคงอยู่ในอํานาจการพิจารณา พิพากษาของศาลทหารต่อไป

ข้อ 2 ให้เจ้าพนักงานตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558

เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดบางประการที่เป็น

ภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทําลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ยังคงมีอํานาจหน้าที่ตามคําสั่งดังกล่าวต่อไป

ข้อ 3 ในกรณีเห็นสมควร ให้นายกรัฐมนตรีเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้

ข้อ 4 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 12 กันยายน พุทธศักราช 2559
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาต

องค์กรสื่อทำจม.เปิดผนึกค้านกม.คุมสื่อของ สปท.

องค์กรวิชาชีพสื่อ ๖ องค์กรประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พร้อมเห็นด้วยให้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง สปท.และตั้งคณะทำงานจัดทำร่างคู่ขนาน
นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ในฐานะประธานคณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูป เปิดเผยผลการประชุมร่วมระหว่างองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้แก่ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณากรณีที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนประเทศด้านการสื่อสารมวลชนได้ดำเนินการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนพ.ศ. ............... เพื่อดำเนินการส่งให้คณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับหลักการในการมีกลไกการกำกับดูแลทางด้านจริยธรรมของสื่อมวลชนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยกับการนำอำนาจทางกฎหมายมาใช้บังคับ โดยเฉพาะในประเด็นให้มีการจัดตั้งสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติขึ้นมาเพื่อใช้อำนาจทางกฎหมาย เนื่องจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้การเมืองและธุรกิจเข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ซึ่งจะกระทบต่อสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนโดยส่วนรวม
“ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้จัดทำจดหมายเปิดผนึกแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อยื่นต่อพล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ ก.ย.นี้ เวลา ๑๐.๐๐ น. พร้อมทั้งได้มีการตั้งคณะทำงานยกร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อเตรียมพร้อมนำเสนอหากมีการนำเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป” นายเทพชัยกล่าว

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย
๑๒ กันยายน ๒๕๕๙

ชาร์ทไฟในที่ราชการผิด

"ทำเนียบรัฐบาล -- 12 ก.ย. -- "วิษณุ" เผย จ่อ ชง "กม.ว่าด้วยการขัดกันระหว่างผลประโยชน์" เข้า "สนช." เตือน! น่ากลัว กม.เอาผิด แม้เรื่องเล็กน้อยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เป็นประธานงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งชาติ 2559 โดยมีครม.เข้าร่วมด้วยว่า เป็นภาพลักษณ์ที่ดีว่าเอาจริงเอาจัง ปกติจากที่สังเกตมาหลายรัฐบาล ถ้าไม่ตั้งใจทำอย่างนั้นจริง ก็ไม่กล้าออกไปพูดอย่างนั้นกัน

ผู้สื่อข่าวถามถึงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นฉบับปราบโกงจะสามารถปราบได้จริงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ปราบได้จริง แต่อยู่กับคนที่นำไปใช้ ถ้าคนนำไปใช้ไม่ทำงานก็ปราบไปไม่ได้ ถ้าพูดถึงความน่ากลัวมันก็น่ากลัว เขียนเอาไว้น่ากลัว จากเดิมไม่เคยเขียนอย่างนี้ ประเด็นหลัก ๆ คือถ้าทำอย่าให้คนจับได้ ถ้าจับได้เสียอนาคตไปเลยในทางการเมือง แต่ก่อนไม่เสียอนาคต 1-2 ปี ออกจากคุก คนลืมสมัครรับเลือกตั้งใหม่ได้ แต่อันใหม่จะสมัครไม่ได้

ส่วนจะผิดหลักมนุษยธรรมหรือไม่นายวิษณุกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเราไม่ใช้เกณฑ์นี้ จะไปเจอเกณฑ์อื่นสมัครไม่ได้อยู่ดี สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้คือ ถ้าสมาชิกสภาท้องถิ่นทุจริต สมัครไม่ได้มีมาเป็นเวลานานแล้ว แต่การเมืองระดับชาติกลับไม่เป็นไร เขาก็เอาหลักเดียวกันมาใช้ ไม่ใช่แค่ทุจริตยังมีเจ้ามือหวยเถื่อน เจ้ามือการพนัน ค้ายาเสพติด ฉ้อโกงประชาชน เจ้ามือแชร์ต่าง ๆ จะลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้เลยตลอดชีวิต ถึงบอกว่าหนัก ถ้าทำอย่าให้จับได้ ถ้าจับได้จะเสียอนาคตผู้สื่อข่าวถามว่า กฎระเบียบเรายังเอื้อให้คนคอร์รัปชั่นได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ค่อยไปแก้กัน ไม่เป็นไร อันนั้นเป็นเรื่องระเบียบลูกหลาน แต่มีกฎหมายฉบับหนึ่งที่ครม.รับหลักการและส่งให้กฤษฎีกาตรวจ กำลังจะเสร็จและจะเข้าสนช. กฎหมายนี้น่ากลัวกว่าทุกฉบับที่ผ่านมา ว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวมหรือเรียกว่ากฎหมาย 7 ชั่วโคตรวันนี้ลดลงมาเหลือ 3-4 ชั่วโคตร หมายความว่าตัวทำ เมียทำ ลูกทำ พี่ทำ น้องทำ พ่อทำ แม่ทำ ไม่ได้ ห้ามหยิบจนคนไม่อยากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะใครจะรับอะไรต้องระวัง จะรับของไม่ได้ จะมีปัญหาต่อไป พูดกันโดยเคร่งครัดตามกฎหมายเขามีบอกว่าถ้าเล็กน้อยยกโทษให้ได้ แต่ถ้าเอาตามกฎหมายแค่เอาโทรศัพท์ส่วนตัวมาชาร์จไฟหลวงก็จะผิด เอาซองตราครุฑใส่เงินไปให้งานแต่งงานก็ผิด เวลาเขียนไม่ได้เขียนเล็กอย่างนี้ เขาเขียนหมดมันเลยย้ำ ตั้งแต่เอารถหลวงมาใช้ยันซองกระดาษหลวง มาตรการแบบนี้ประเทศอื่นเขาก็มีทั้งนั้น แต่เราไม่เคยมี พอกฎหมายออกมาจะมีคนค่อนขอดจะเอาจริงเอาจัง ก็ช่วยไม่ได้ กฎหมายเอาผิดแล้ว ถ้าคุณคิดว่าคงไม่มีการเอาจริงเอาจัง แล้วถ้าเกิดมีคนเอาจริงขึ้นมาก็ซวย อันนี้น่ากลัว
ต่อข้อถามถึง กฎหมายพรรคการเมืองจะเอาให้ตายกันเลยหรือ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่เอานิยายอะไรกับพวกนี้ จะมีอำนาจอะไร พูดเพื่อเผื่อฟลุ๊คให้เขาเห็นด้วยแล้วจะได้นำไปใช้ ไม่เห็นด้วยก็แล้วกันก็พูดใหม่อีก เมื่อถามว่าท้ายสุดจะเป็นอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า เอาไว้สักพักก่อน เขามีเวลาให้ 8 เดือน"
อ่านต่อที่: http://www.nationtv.tv/main/content/politics/378516559/