วันนี้ (12 กันยายน) นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวผ่านการไลฟ์ทางเฟสบุ๊ก “อานนท์ นำภา” ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้การกระทำที่เกี่ยวกับคดีความมั่นคงตามประกาศ คสช.และต้องขึ้นศาลทหาร ให้กลับมาใช้ศาลพลเรือน โดยระบุว่า กรณีดังกล่าวให้คดีที่เดิมกำหนดให้ขึ้นศาลทหาร กลับไปขึ้นศาลพลเรือน โดยหลายคนสงสัยว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นผลย้อนหลัง ให้กับคนที่มีคดีในศาลทหารหรือไม่ ยืนยันว่า คำสั่งดังกล่าวไม่มีผลไปเปลี่ยนแปลงคดีเดิมที่เคยมีอยู่ในศาลทหารเลย ทั้งคดีที่ยังอยู่ตอนนี้อาทิ คดีนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ บก.ลายจุด คดี ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อ.นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ คดีศูนย์ปราบโกง คดี 11 6 คดี 112 คดีเกี่ยวกับอาวุธอีกหลายคดีก็ยังต้องพิจารณาคดีในศาลทหารเช่นเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนคดีที่ยังไม่อยู่ในศาลทหาร แต่การกระทำความผิดเกิดขึ้นในช่วงคำสั่งที่ 37 – 38 บังคับใช้หากถูกจับก็ต้องไปขึ้นศาลทหารเช่นเดิม โดยคนที่จะไม่ต้องไปขึ้นศาลทหารคือผู้ที่กระทำความผิดนับแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนั้น ที่หลายคนบอกว่าสถานการณ์คลี่คลาย คสช.เริ่มผ่อนคลายนั้น ไม่เป็นความจริง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทหารที่ใช้อำนาจตามคำสั่งคสช.ที่ใช้อำนาจจับกุมคน ก็ยังไม่ถูกยกเลิกไป จึงไม่ควรดีใจว่าคำสั่งดังกล่าวจะทำให้ทุกคนดีขึ้น หากมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิดขึ้น ก็จะมีทหารไปหาอีกเช่นเดิม
ทั้งนี้ ทุกวันนี้ยังมีคดีที่ต้องขึ้นศาลทหารอีกหลายคดี สิ่งที่ถูกต้องคือ ต้องโอนคดีที่พิจารณาโดยศาลทหารทุกคดีตอนนี้ ไปยังศาลพลเรือน ส่วนคดีที่ตัดสินไปแล้วก็ให้มีการชำระใหม่ โดยศาลที่มีความชอบธรรมคือศาลพลเรือน ซึ่งคำสั่งล่าสุด ไม่ได้เขียนเช่นนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น