PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ลุงตู่ปรามพธม.อย่าเคลื่อนไหวนอกกรอบกม.

Wassana Nanuam
อย่าอ้างแต่ รัฐธรรมนูญ !!
"นายกฯบิ๊กตู่"เตือน กลุ่มพันธมิตรฯ อย่าอ้างแต่ สิทธิ์ ตาม รธน.เคลื่อนไหว แต่ไปผิดกม.อื่นๆ จะทำได้หรือ ทั้ง กม.ความมั่นคง กม.จราจร พรบ.ชุมนุม อย่าอ้างแต่รธน.ให้ชุมนุมได้ แต่ถ้าทำรถติด ก็ผิดกม.จราจร ผิดพรบ.ชุมนุม
" แล้วอย่ามาบอกว่า รัฐบาลนี้ปิดกั้น อย่าเอาแต่ รธน.กรอบใหญ่ แล้วกม.ลูก มีเยอะแยะ การชุมนุม ต้องไม่ขัดกม.อื่น ขอให้เคารพกันซะบ้าง"
ทั้งนี้ มันควรจะมีวิธีการอื่น ที่ไม่สร้างความขัดแย้ง แล้วมาบอกให้รัฐบาลสร้างปรองดอง แล้วจะปรองดองได้ยังไง ขอให้ช่วยกันด้วย
"วันนี้ วันมงคล ผมไม่อยากพูดอะไรมาก"

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เพื่ออุทธรณ์คดีสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อปี 2551 ว่า เคลื่อนไหวได้ แต่ต้องขออนุญาตตามกฏหมาย เพราะพระราชบัญญัติว่าด้วยการชุมนุมในที่สาธารณะมีผลบังคับใช้แล้ว จะอ้างว่าเป็นการชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นการวางกรอบใหญ่ ต้องดูกฏหมายลูกประกอบ เช่นพ.ร.บ. ความมั่นคง พ.ร.บ.จราจร พรบ.ชุมนุมฯ ซึ่งในต่างประเทศมีกฏหมายเกี่ยวกับการชุมนุมเช่นกัน แล้วอย่ามาอ้างรัฐบาลนี้ปิดกั้นไม่ได้ จึงต้องสร้างความเข้าใจและการรับรู้
ทั้งนี้ หากการชุมนุมเป็นไปตามรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ แต่ต้องชุมนุมโดยไม่ขัดกับกฏหมายอื่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินคดีสำคัญมาแล้วหลายคดี จึงอยากให้พันธมิตรฯ เคารพคำตัดสินและกระบวนการยุติธรรม หากไม่เห็นด้วยควรใช้ช่องทางตามขั้นตอน ไม่ใช่ออกมาชุมนุมต่อต้าน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นความขัดแย้ง เพราะรัฐบาลไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ฝ่ายเดียว

คลั่งชาติ-เกลียดชาติ-ขายชาติ

ถ้าจะสังเกตเห็น เวลานี้มีความขัดแย้งเล็กๆ แต่หยั่งรากลึก นั่นคือเรื่อง เกลียดประเทศไทย อยากไปใช้ชีวิตต่างแดน
พูดง่ายๆ ประเทศไทยอะไรๆ ก็ผิด!
ผิดหลายแบบครับ
เช่นผิดเพราะไม่ได้ดั่งใจ ผิดเพราะไร้ระเบียบวินัย ผิดเพราะไม่เคารพกฎเกณฑ์ ผิดเพราะล้าหลัง ไปจนถึงผิดเพราะมีรัฐบาล คสช.
บางเรื่องก็สมเหตุสมผล
แต่หลายเรื่องเกลียดแบบไร้สาระ เพราะใช้การเมืองเป็นตัวตั้ง ขี้หมูราขี้หมาแห้งจับโยงการเมือง สร้างความเกลียดชัง พวกนี้ถ้าไม่โยงการเมือง กินไม่ได้นอนไม่หลับ
ยกตัวอย่างเรื่องที่เกิดเมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๕ ต่อเนื่องวันอาทิตย์ที่ ๖ สิงหาคมที่ผ่านมา ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul รัวๆ ร่ายยาวตั้งแต่หัวค่ำยันดึก ว่าด้วยเรื่องไปรับเมียที่ดอนเมือง
"มารับภริยาผมที่ดอนเมือง เธอส่งรูปมาให้ดู นี่คือการต่อแถวที่ ตม.ที่ทุเรศทุลักทุเลที่สุด นี่หรือประเทศที่มีรายได้อยู่ที่การท่องเที่ยวเป็นหลัก เธอประเมินว่าน่าจะ ๒,๐๐๐ คน และแถวไม่ขยับเลย ผมคิดว่าเธอคงเซ็งมาก เดินทางมาจากสิงคโปร์ จากสนามบินที่ดีที่สุดในโลก มาประเทศไทย สนามบินที่บริหารจัดการแย่ติดอันดับต้นๆ ของโลก
เธออยู่มา และไปๆ มาๆ ๘-๙ ปี เธอบอกผมว่า ประเทศไทยถอยลงไปเยอะจริงๆ ในทุกๆ เรื่อง ผมเห็นด้วย นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่าง....
....กลับมาจากฝรั่งเศสได้ไม่นาน ผมอยากกลับไปฝรั่งเศสอีกแล้ว หรือขอไปอยู่ที่อื่นก็ได้ เดนมาร์กก็ได้ สิงคโปร์ก็ได้
ภริยาผมบอกว่า เธอไม่อยากอยู่ประเทศนี้แล้วจริงๆ
เมื่อก่อน เธอไม่เคยพูดแบบนี้ พึ่งมาปีนี้นี่แหละ ที่ผมได้ยินบ่อยๆ
ผมเอง ก็ไม่ค่อยอยากจะอยู่เท่าไร
และถ้ามีลูก ผมไม่มีวันให้ลูกผมเรียนและเติบโตที่นี่แน่นอน
ประเทศไทย คงเหมาะกับการมาเที่ยวประเดี๋ยวประด๋าว หรือหากจะอยู่ ก็ไม่ควรชอบทำกิจกรรมอะไรมาก นอกจากอยู่บ้าน อยู่บ้าน อยู่บ้าน
ในทางการเมือง ก็แย่ลงไปทุกวัน ดูทีท่าว่าคงไม่ฟื้นกลับมาแน่
ในทางเศรษฐกิจ คนรวย ก็มีแต่รวยขึ้นๆ คนชั้นกลาง ก็ดิ้นรนอยู่เป็นไปเรื่อยๆ ใช้สารพัดกลวิธีในการถีบตัวเองขึ้นไป แต่คงหาคนที่รอดถีบตัวเองได้น้อยลง คนจนก็จนลงๆ จนดักดานมากขึ้น
ในทางคุณภาพชีวิต สวัสดิการ การบริการ มาตรฐานขั้นต่ำ ก็แย่ลงไปกว่าเดิม
ในทางการศึกษา ก็กลายเป็นธุรกิจไปจนหมด แถมยังเจอระบบเกณฑ์ สกอ สารพัด
ต่อไป คนไทยคงจะไหลออกมากขึ้น ถ้าคนไทยได้ภาษาอังกฤษกว่านี้ คงมีคนไหลออกมากขึ้นอีก
ต่อไปพวกที่อยู่ได้ คือพวกที่รวย สบาย แล้วก็ที่นี่ให้อภิสิทธิ์ และเป็นคอมฟอร์ท โซน ความยากลำบากที่คนส่วนใหญ่ต้องเผชิญ พวกเขาก็สามารถใช้เงินแก้ไขได้
เหลือก็คือ พวกที่หาหนทางออกไปไม่ได้ ก็ต้องปรับตัว ทนกันไป บ้างก็ใช้วิธี 'องุ่นเปรี้ยว' หลอกตนเองไปเรื่อยๆ ว่า ประเทศไทยสุดยอดที่สุด บ้างก็ใช้วิธีอดทน หน้าชื่น อกตรม
การเมือง ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ ความเจริญของประเทศ จริงๆ
ระยะยาว ผมไม่เห็นเลยว่าประเทศนี้จะไปต่อได้อย่างไร จะดีขึ้นได้อย่างไร
ของที่เราขาย ก็มีแต่จะขายไม่ออกมากขึ้น ไม่ว่าค่าแรง สินค้า เกษตร อุตสาหกรรม จะพัฒนาไปสตาร์ทอัพ เทค ก็ไปไม่ทันเขาอีก เอามาสร้างภาพขายฝัน
เหลือแต่การท่องเที่ยว กินบุญเก่าไป ซึ่งคงใช้ได้อีกไม่นาน
บางครั้ง ผมก็อิจฉาคนอายุ ๖๐-๗๐ ซึ่งทนอีกแป๊บเดียว ก็สบายแล้ว
ผมสงสารเยาวชนคนรุ่นใหม่ ต้องมารับผลนี้ และต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนาน
ผมเอง คนที่เคยผ่านรุ่นวิกฤต ๒๕๔๐ มา คนที่เคยผ่านรุ่นการเมืองเริ่มเข้าที่ เศรษฐกิจกำลังทะยาน แล้วพอมาเห็นแบบนี้ ก็ได้แต่เศร้าใจ
ผมเชื่อว่า นี่ยังไม่ใช่จุดที่เลวร้ายที่สุด มันยังต่ำดิ่งลงกว่านี้ได้อีก...
...เวลาผ่านไปนับตั้งแต่เครื่องบินลงจอดได้ ๔ ชั่วโมงแล้ว ภริยาของผมยังคงติดอยู่ที่ ตม. และคนยังแน่นเหมือนเดิม
๔ ช.ม. เราสามารถนั่งรถไฟจากปารีสไปนีซ
๔ ช.ม. เราสามารถอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ หาความรู้
๔ ช.ม. เราสามารถดูหนังได้สองเรื่อง ดูโอเปร่าขนาดยาวได้ 1 เรื่องแบบมีเวลาเหลือ
๔ ช.ม. เราสามารถดูฟุตบอลได้สองนัด
๔ ช.ม. เราสามารถไปกลับ สิงคโปร์ กทม. ได้
๔ ช.ม. เราสามารถนอนหลับพักผ่อนได้
๔ ช.ม. เราสามารถทำงาน หารายได้
ต้องใช้เวลา ๔ ช.ม. และอาจถึง ๕ ช.ม. เพียงเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ในระยะทางไม่กี่เมตร
แบบนี้ คงต้องเรียกประเทศ 'เฮงซวย'
เฮงซวย
เฮงซวย
เส็งเคร็ง
ห่วยแตก...."
ตัดทอนไปบางส่วน แต่ก็อยากให้อ่านให้ครบถ้วน เพราะจะได้เห็นในหลายๆ มิติ
ยุคนี้คนบ่นออกสื่อกันง่ายครับ และบางครั้งอารมณ์พาไป จนเกิดความพลาดพลั้ง
ประเด็นแรก ตม.ดอนเมืองมีปัญหาในการบริหารจัดการ และเข้าใจว่ามีปัญหามานานพอควรแล้ว แต่ไม่มีการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม
จากคำชี้แจงของนาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง ที่บอกว่า
"...ในวันเกิดเหตุ ๕ สิงหาคม ระหว่างเวลา ๐๐.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. มีเที่ยวบินขาเข้าระหว่างประเทศและเที่ยวบินปกติ รวมทั้งสิ้น ๒๑ เที่ยวบิน
รวมกับมีเที่ยวบินที่ทำการบินล่าช้าหรือดีเลย์ คือเที่ยวบินจากสิงคโปร์ ๒ เที่ยวบิน และเที่ยวบินจากฮ่องกง ๑ เที่ยวบิน ประกอบกับมีเที่ยวบินพิเศษของสายการบินแอร์เอเชียทำการบินจากประเทศจีนอีก ๑ เที่ยวบิน ทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าวมีเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น ๒๕ เที่ยวบิน และมีจำนวนผู้โดยสารรวมประมาณ ๔,๙๗๗ คน
ในขณะที่ปัจจุบันด้วยพื้นที่ที่จำกัดและจำนวนของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานดอนเมือง สามารถรองรับการบริการได้ประมาณ ๑,๐๐๐ คนต่อชั่วโมงเท่านั้น จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการบริการดังกล่าว
ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการยื่นแบบขออนุญาตจากกรมการบินพลเรือน ในการปรับปรุงขยายพื้นที่ให้บริการด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งคาดว่าจะสามารถปรับปรุงขยายพื้นที่และเพิ่มช่องให้บริการได้ภายในเดือนกันยายนนี้ และเมื่อปรับปรุงแล้วเสร็จจะสามารถรองรับการบริการผู้โดยสารเป็น ๑,๘๐๐ คนต่อชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น..."
ประเด็นความล่าช้าในการทำงานของ ตม. ที่ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" จุดประเด็นขึ้นมา ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
อย่างน้อยก็ทำให้สังคมได้รับรู้ว่า สนามบินดอนเมือง ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะรองรับผู้โดยสารขาเข้าในปริมาณมากได้ แม้จะอยู่ในวิสัยที่สามารถแก้ไขได้ก็ตาม
เพราะเที่ยวบินขาเข้านั้นทางสนามบินรู้ล่วงหน้านานนับชั่วโมง ว่าเที่ยวไหนล่าช้าจะมาถึงช่วงเวลาใด รวมถึงเที่ยวบินที่มีการเพิ่มขึ้นมาว่ามีกี่เที่ยว ยิ่งเป็นเที่ยวบินต่างประเทศ มีเวลาเตรียมการอย่างน้อยสุด ๒ ชั่วโมง
กลับไม่มีการบริหารจัดการที่ดีพอ
แต่การบ่นเรื่องประเทศไทยเฮงซวยห่วยแตก ทำให้เห็นถึงวุฒิภาวะของ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" ว่า...น่าเป็นห่วง เพราะเป็นถึงครูบาอาจารย์ สอนวิชากฎหมาย
กลับสรุปเรื่องราวเหมือนคนไร้การศึกษา!
เช่นเดียวกันเรื่องนี้ถูกโยงเป็นการเมืองในโลกออนไลน์ ว่ากันไปไกลถึงขั้นแยกขั้วแยกสี ถ้าเห็นต่างกันเมื่อไหร่ ไม่ต้องถามหาเหตุผล ไม่ต้องดูเรื่องราว ค้านไว้ก่อน!
อย่าให้ทุกเรื่องเป็นความขัดแย้งหมดเลยครับ จะอยู่กันไม่มีความสุข แล้วที่บอกว่าประเทศไทยไม่น่าอยู่ ก็คนไทยทั้งหมดต้องรับผิดชอบร่วมกันไม่ใช่หรือ
ที่บ่นๆ ทุกวันนี้ประเทศเฮงซวยเพราะอะไร?
ต่างฝ่ายต่างก็โทษกัน มีใครเปิดกว้างที่จะหาข้อเท็จจริงบ้าง สุดท้ายแล้วใครซวย?
ก็ประเทศไทยซวย!
นักการเมืองขายชาติ คนซวยก็คือประเทศไทย
พวกคลั่งชาติผิดทาง คนซวยก็ไม่พ้นประเทศไทย
ราวกับประเทศไทยมีไว้เพื่อให้พลเมืองรุมโทรม!
ยอมรับความจริงแล้วทำเพื่อประเทศกันซะ
ยอมรับความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างได้ แต่ไม่ใช่ยอมรับคนโกงเพื่อให้มีหลังพิง
วานนี้ (๗ สิงหาคม) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปพูดที่ พระนครศรีอยุธยา
"...วันนี้ต่างชาติยังค้าขายกับเราเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่ให้ผมเดินทางไปเยือนเพียงคนเดียว เพราะผมเป็นหัวหน้าคณะ คสช. แต่ปัญญารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนต่างประเทศได้หมด ไปค้าขายทุกประเทศ คิดถึงจิตใจผมบ้าง แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนเพราะอยากอยู่กับคนไทย นั่งบริหารในประเทศแล้วเอาคนอื่นไปทำ ขณะที่มีแขกต่างประเทศเดินทางมาทำเนียบรัฐบาลทุกวัน วันนี้ก็มีมา เขามาค้าขายชื่นชมบ้านเมืองสงบเรียบร้อย เขาเห็นแผนยุทธศาสตร์ชาติ เห็นช่องทางที่จะเข้ามา...
...ผมมายืนตรงนี้เพราะถูกลิขิตมา อะไรจะเกิดต่อไป จะเป็นลิขิตของประเทศไทยว่าจะเจริญหรือไม่เจริญ จะล่มสลายหรือไม่ล่มสลายอยู่ที่มือคนไทยทุกคน..."
หายากครับที่ผู้นำประเทศจะยอมรับในจุดอ่อนของตัวเองแบบนี้
ถ้าคิดแค่เปลือก พล.อ.ประยุทธ์ก็ลาออกไปซิ เลือกตั้งเร็วๆ เดี๋ยวฝรั่งก็ยอมรับเอง
แต่ที่ผ่านมาต่างชาติยอมรับรัฐบาลจากการเลือกตั้ง แล้วนักการเมืองใช้ประโยชน์จากการยอมรับนั้นได้แค่ไหน?
อย่าว่าไปไกลถึงต่างประเทศเลยครับ รัฐบาลจากการเลือกตั้งไม่ได้ทำตัวให้สมกับการได้รับความไว้วางใจจากประชาชน กลับแต่จะสร้างปัญหาให้ความขัดแย้งทางการเมืองบานปลายขึ้นเรื่อยๆ
ครับ...ประเทศไทยจะไม่เฮงซวย หากยอมรับในสิ่งที่เป็น แล้วหาทางแก้ปัญหาเสีย
ถ้าเอาแต่พูดสะใจ มันจะห่วยแตกไม่มีจบสิ้น.
ผักกาดหอม

ปฏิกิริยา ข้างเคียง จาก พันธมิตร สู่ ‘นปช.’ การเมือง สะเทือน

ปฏิกิริยา ข้างเคียง จาก พันธมิตร สู่ ‘นปช.’ การเมือง สะเทือน


สังคมค่อยๆ รับรู้มากยิ่งขึ้นเป็นลำดับจากผลสะเทือนและแรงกระทบเนื่องแต่ “ปฏิกิริยา” ต่อคำพิพากษาคดีสลายการชุมนุมเมื่อเดือนตุลาคม 2551 ของพันธมิตร

รับรู้ในความไม่พอใจของ “พันธมิตร”

ไม่ว่าจะเป็นบริเวณพื้นที่หน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการประชุมในวันต่อมา

สรุปได้อย่างรวบรัดว่า “ร้อนแรง”

ยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งสารจากโรงเรียนนายร้อย จปร.เขาชะโงก นครนายก ปรามมิให้พันธมิตรเคลื่อนไหวในลักษณะ “ชุมนุม”

ปฏิกิริยาจาก “พันธมิตร” ยิ่งดุเดือด เข้มข้น

ผลก็คือ สังคมได้นำเอาปฏิกิริยาและท่าทีของ “พันธมิตร” ไปเปรียบเทียบกับปฏิกิริยาและท่าทีของพรรคเพื่อไทยและ นปช.คนเสื้อแดงโดยอัตโนมัติ

อัตโนมัติในความแตกต่าง

ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยและ นปช.คนเสื้อแดงอยู่ในสถานะที่ถูกกระทำ ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

เห็นได้จากการถูก “ถอดถอน” เห็นได้จากการถูก “จำคุก”

ไม่ว่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ไม่ว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ล้วนถูกอย่างถ้วนหน้า ยิ่ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ยิ่งอยู่ในเรือนจำ

แม้รู้สึกว่าการดำเนินคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขัดกับความรู้สึกอย่างยิ่ง

เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทำในฐานะรัฐบาล และดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญครบถ้วน

แต่อย่างมากที่ “มวลชน” สำแดงออกคือให้ “กำลังใจ”

ไม่มีการยกป้ายเต็มไปด้วยข้อความอันเคียดแค้นและอาฆาต การไปบริเวณหน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็มีแต่เพียงดอกไม้

เคารพศาล ให้เกียรติตำรวจอย่างเต็มที่

สถานการณ์บริเวณหน้าศาลในวันที่ 2 สิงหาคม จึงแตกต่างไปจากสถานการณ์บริเวณหน้าศาลในวันที่ 1 สิงหาคม อย่างสิ้นเชิง

คำถามจึงเสนอไปยัง 1 คสช.และ 1 รัฐบาล

อาการ “ป้องปราม” อันมาจาก “แผนกรกฎ 52” ต่อพรรคเพื่อไทยและ นปช.กับต่อพันธมิตรดำเนินไปอย่างเสมอภาค เท่าเทียมกันหรือไม่

รูปธรรม 1 เห็นได้จากการต้องข้อกล่าวหาของ นายวัฒนา เมืองสุข

ไม่เพียงแต่จะนำเอา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาเป็นเครื่องมือ หากแต่ยังไปไกลถึงขนาดมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

รุนแรงถึงขั้นอาจนำไปสู่การล้มล้างรัฐบาล

มีการแจ้งข้อกล่าวหาในเรื่อง พ.ร.บ.การจราจรกับรถ 21 คัน ที่นำมวลชน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแต่ไม่เคยเอ่ยถึงมวลชนพันธมิตรที่มายกป้าย ด่าทอ อดีตนายกรัฐมนตรี

ยิ่งกว่านั้น ท่าทีของ ป.ป.ช.ต่อคดีก็ไม่เหมือนกัน

โดยเฉพาะระหว่างคดีสลายการชุมนุมเมื่อเดือนตุลาคม 2551 กับคดีสลายการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553

นับวันข้อเปรียบเทียบจะยิ่งลงลึก

เหมือนกับปัญหาอันเนื่องแต่คดีสลายการชุมนุมเมื่อเดือนตุลาคม 2551 จะอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.อย่างเป็นด้านหลัก

นั่นก็คือ จะอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์

แต่การกดดันของ “พันธมิตร” นำไปสู่ความรู้สึกร่วมของ “นปช.คนเสื้อแดง” เพราะความเสียหายของคดีมีความแตกต่างอย่างเด่นชัด

ในที่สุด ทั้งหมดจะรวมศูนย์ไปยัง “คสช.”

ล็อกเป้า 'เจาะยาง'!

ล็อกเป้า 'เจาะยาง'!

เรื่องธรรมดาเมื่อกระบวนการยุติธรรมไม่มีทางทำให้ใครถูกใจทั้งหมด

และธรรมชาติของฝ่ายเสียประโยชน์ก็ต้องหงุดหงิด อารมณ์แบบที่กลุ่มพันธมิตรฯเดินหน้ายื่นข้อเสนอต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อุทธรณ์คำพิพากษาคดีการสลายชุมนุมม็อบพันธมิตรฯ เมื่อปี 2551 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯและพวก

โดยมีแนวร่วมสำคัญอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และทีมงานดาหน้าออกมาเสนอแนะเชิงกดดันให้ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล

ตั้งโจทย์การบ้านข้อใหญ่ให้ ป.ป.ช.ยุคที่ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ นั่งประธาน

และนั่นก็ไปกระตุกอารมณ์ “หมั่นไส้” ของฝ่ายที่รู้สึกเหมือนเสียประโยชน์มาตลอด ตามอาการที่ “เดอะเต้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช. ประกาศดังๆ

ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลหลักฐานพร้อมเทียบเคียงกรณีการสลายการชุมนุมม็อบพันธมิตรฯปี 2551 กับการสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง นปช.ปี 2553

ในยุครัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี

เพื่อยื่นให้ ป.ป.ช.หยิบยกคดีการสลายชุมนุมปี 2553 ที่เคยตีตกมาพิจารณาใหม่ เนื่องจากติดใจบทบาทการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทั้งๆที่ปี 2553 มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ย้อนศร ย้อนเกล็ด แบบมวยทันกัน

ตามสถานการณ์นำไปสู่จุดที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ต้องคำรามดักคอ

ใครจะก่อม็อบต้องขออนุญาตก่อน

ในอารมณ์เข้มนิ่งๆแบบที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พูดชัดการชุมนุมทางการเมืองในเวลานี้ไม่สมควร

พร้อมใช้กฎหมายเท่าเทียมทุกกลุ่ม ไม่เกรงใจใคร เพราะไม่รู้จักใคร

มาถึงตรงนี้ เกม “กฎหมู่” เหนือ “กฎหมาย” ไม่ง่ายอีกต่อไป

ภายใต้บรรยากาศเกมอำนาจทางการเมืองที่มาถึงจุดสะท้อนอะไรได้พอสมควร กับฉากสถานการณ์ล่าสุด ในงานแต่งลูกชายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ที่ได้เห็นอาการเลี่ยงกันระหว่างขุนทหาร คสช.กับนักการเมืองอาชีพ

มีผู้สังเกตการณ์ ทั้ง “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” จะไม่สุงสิงกับนักการเมืองที่ไปร่วมงาน

สะท้อนเงื่อนไขสถานการณ์ผ่านมา 3 ปีย่างเข้าปีที่ 4 ของรัฐบาลทหาร คสช. แนวรบก็ยังไม่เปลี่ยน ทหารยังระแวงนักการเมือง นักการเมืองก็กล้าๆกลัวๆ

ต่างฝ่ายต่างระวังตัว รักษาระยะห่างไม่ให้ถูกจับตาเรื่องซูเอี๋ย

แต่ที่แน่ๆโจทย์ก็ยังชัดเจนอยู่ที่การเบรกสกัดยี่ห้อ “ทักษิณ” ตามพิมพ์เขียวร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ทีมงาน “ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

ออกแบบให้ “แยกเบอร์” ผู้สมัคร ส.ส.เขต แบบเขตใครเขตมัน

เรื่องของเรื่อง ต้องทำให้ยากเข้าไว้ ไม่ให้แต้มไหลเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้

ในเหลี่ยมที่ “นายใหญ่” ก็ซุ่มอยู่ข้างทาง มุ่งทุบจุด “เปราะบาง” คสช.

แบบที่เห็นยุทธการท้าชกข้ามรุ่นของ “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรี ขาเฮี้ยวเจ้าประจำของ คสช. ที่ขอดีเบตปมเศรษฐกิจกับนายสมคิด กัปตันทีมเศรษฐกิจ

ตามฟอร์มของมวยรุ่นเล็กที่ปั่นราคาโหนมวยรุ่นใหญ่

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ นายพิชัยเพิ่งปรากฏอยู่ในคลิปบินไปฉลองวันเกิดครบรอบปีที่ 68 ของ “นายใหญ่” อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

การกลับมาเปิดยุทธการกระแทกหมัดตรงใส่ “สมคิด” ตอกย้ำปมเศรษฐกิจ ตามสถานการณ์ลูกติดพัน มันน่าจะมีการรับธงมาจากหน่วยเหนือ

เชื่อได้ตามรูปการณ์ ทีมงาน “นายใหญ่” น่าจะสั่งประกบ “จับตาย” กัปตันทีมเศรษฐกิจอย่าง “สมคิด” ในสถานการณ์ล้อไปกับเสียงโวยของประชาชนที่สะท้อนผ่านโพล

คนรากหญ้าเดือดร้อนไม่มีกิน มาตรการอัดฉีดของรัฐบาลยังไม่ทันปัญหาปากท้อง

นั่นก็เข้าเหลี่ยมทีม “นายใหญ่” เดินหน้าเบิ้ล บลัฟ ตอกย้ำปมด้อยรัฐบาลทหาร ตามรูปการณ์ที่รู้ดีว่าเศรษฐกิจเป็นโจทย์โคตรหิน ยากที่เซียนหน้าไหนจะเสกได้

และถ้า “ทักษิณ” เตะตัดขา “สมคิด” ให้สะดุดคว่ำลงได้

เป้าหมายทำให้รัฐบาล คสช. “ยางแตก” ก็ไม่ยาก.


ทีมข่าวการเมือง

ขาด "บิ๊กเข้"

ขาด "บิ๊กเข้"
บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย ผบ.ทบ. พร้อม บิ๊กแกละ พลเอกพิสิทธิ์ สิทธิสาร รอง ผบ.ทบ. บิ๊กเปี๊ยก พลเอกสมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผช.ผบ.ทบ. และ บิ๊กต้อ พลเอก สสิน ทองภักดี เสธ.ทบ.มาร่วมงาน วันสถาปนา 122 ปี กรมยุทธศึกษา ทบ. ...ขาด บิ๊กเข้ พลเอกเทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผช.ผบ.ทบ. ....ท่ามกลางการถูกจับตามองว่าจะได้เป็น"ปลัดกระทรวงกลาโหม"หรือไม่
งานนี้ เริ่มแต่เช้า.... แต่ บิ๊กเจี๊ยบ อยู่แค่เสร็จพิธีสงฆ์ ก่อนรีบไปประชุม คสช. ที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อ....เสร็จแล้วมีงานต่ออีก มีประชุม ต่อ
แถมต้อง สแตนบาย ตลอดทั้งสัปดาห์...

เรียกประชุม รับมือ วันตัดสิน คดี"ยิ่งลักษณ์"สัปดาห์หน้า

"บิ๊กเจี๊ยบ" เตรียมเรียกประชุม รับมือ วันตัดสิน คดี"ยิ่งลักษณ์"สัปดาห์หน้า
พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.และเลขาฯคสช. เผยว่า มีการประเมินสถานการณ์ มวลชนที่จะมาให้กำลังใจ"อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" วันตัดสินคดีจำนำข้าว 25 สค.ตลอด
โดยสัปดาห์หน้า จะเชิญทุกฝ่ายมาประชุมร่วม เพื่อวางแผนรองรับ แต่ก็จะให้ตำรวจ เป็นหลัก แต่ก็ไม่น่าห่วงใย เราตรวจสอบติดตาม และดำเนินการตามกม.
"ถ้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ มาให้กำลังใจเอง ก็มาได้ แต่ถ้ามาเป็นเป็นขบวนการ ยุยงปลุกปั่น ก็ทำไม่ได้"

ส่งโผทหารให้นายกฯแล้ว

เรียบโรัยยยย!!
"บิ๊กป้อม" เผย โผทหาร เสร็จแล้ว.....รอแค่ นัดประชุม คณะกรรมการฯโยกย้ายของกลาโหม ไม่บอก จะประชุม ในวันเกิด11 สค.นี้ หรือไม่.....
ท่ามกลาง กระแสข่าว ส่ง โผทหาร ให้ นายกฯ เรียบร้อยแล้ว

อย่าเอาเรื่อง "ภาพ"มาเป็นประเด็น

อย่าเอาเรื่อง "ภาพ"มาเป็นประเด็น
ศพ"โกตี๋"???
"บิ๊กเจี๊ยบ" พลเอกเฉลิมชัย ผบ.ทบ. ไม่มีข้อมูลยืนยัน ศพเสื้อแดงที่พบที่ลาวเป็น"โกตี๋"หรือไม่ เผยยังไม่เห็นภาพ ไม่กล้าวิจารณ์ และไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดในไทย อีกทั้งภาพนั้น สามารถตัดต่อ ตกแต่งได้ จึงไม่อยากให้นำเรื่องภาพนี้ มาเป็นประเด็น เพราะผมไม่ทราบจริงๆ แล้วการข่าว ก็ไม่มีรายงานมา
ขณะที่ พลเอกประวิตร ไม่สนใจ บอกแค่ว่า
ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่มีข้อมูล ทางการลาวไม่เห็นแจ้งอะไรมา

บิ๊กป้อม ไม่ยุ่ง ปปช.สอบน้องชาย

"ผมไม่รู้เรื่องเค้าหรอก"
"บิ๊กป้อม" ร้อง "ฮูยย!!" โดนถามเรื่องปปช.สอบ"พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" อดีตผบ.ตร. น้องชาย ยันผมไม่รู้เรื่อง
ชี้เป็นเรื่องเก่านานแล้ว ผมไม่รู้เรื่องเขาหรอก ชี้"น้องป๊อด"อายุ 60กว่าแล้ว ผม73จะไปห่วงอะไรเขา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. ยังมีคดีร่ำรวยผิดปกติอยู่ในชั้นสำนวนป.ป.ช.ว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด คงเป็นเรื่องเก่านานมากแล้ว และที่ถูกจับตามองเรื่องน้องชายนั้น ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม เพราะน้องชาย ตอนนี้ ก็อายุ 60 กว่าปีแล้ว ในขณะที่ตนก็ 70 ปีจะไปห่วงอะไรอีก
เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาโจมตีพล.อ.ประวิตรหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นสื่อทั้งนั้นที่เป็นคนยกประเด็นขึ้นมา

"บิ๊กตู่"เผย เยือน USตค.นี้ ยันDonald Trumpไม่ตั้งเงื่อนไข ยันไทยยึดกรอบUN-อาเซียน

‪"บิ๊กตู่"เผย เยือน USตค.นี้ ยันDonald Trumpไม่ตั้งเงื่อนไข ยันไทยยึดกรอบUN-อาเซียน เผย คุย"รมว.ต่างประเทศ" สหรัฐฯมาพบ เตรียมเรื่องไปเยือน /แจงที่US-ต่างชาติ ไม่เชิญ ไม่ใช่รังเกียจ แต่ติดปัญหากม.‬ ชี้ ถ้าไปประชุม ไปได้ แต่ถ้าเชิญไปเยือน ไปไม่ได้ เพราะเป็นหัวหน้าคสช.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงความคืบหน้าการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ว่า เบื้องต้น ผมจะเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา ในเดือนตุลาคมนี้
ซึ่งทาง นายDonald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ตั้งเงื่อนไขลดความสัมพันธ์อะไร เนื่องจากไทยเป็นประเทศหนึ่ง ที่เป็นมิตรประเทศร่วมกันมายาวนานนับร้อยปี
ฉะนั้นเป็นเรื่องการหารือ การแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกัน ท่าทีต่างๆเราก็แสดงชัดเจนไปแล้ว เราปฏิบัติตามมติพันธะกรณีต่างๆของUN ที่มีอยู่
พร้อมทั้งได้มีการประกาศท่าทีที่ชัดเจนไปในกรอบอาเซียนด้วยแล้ว เรื่องนี้ อย่าให้มาเป็นเงื่อนไขกันเลย
นอกจากนึ้ การหารือกับ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐ บ่ายวันนี้ (8 ส.ค.) นั้น เพราะเขาเดินทางมาเพื่อประชุมระดับกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนกับสหรัฐอเมริกา จึงถือโอกาสมาพบปะกับผม เพื่อพูดคุยประเด็นการเตรียมความพร้อมพบปะระหว่างผม กับDonald Trump ในระยะเวลาอันใกล้นี้
ส่วนกรณีที่ผม ได้พูดว่ามีบางประเทศไม่เชิญไปเยือนอย่างเป็นทางการนั้น ขอให้เข้าใจว่ามี 2 อย่าง ถ้าเป็นเรื่องการประชุม เช่น การประชุมอาเซียน การประชุม G 7 การประชุมG 20 การประชุมเกี่ยวกับเรื่องโลกร้อน การประชุมสหประชาชาติ เป็นต้น ผมเดินทางไปหมด รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย
"ถ้าเป็นเรื่องการประชุม ผมไปได้ทุกประเทศ แต่การเยือนอย่างเป็นทางการ ผมไปไม่ได้ เพราะเป็นผู้นำรัฐบาลแบบนี้
“ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจอะไร แต่กฎหมายเขาเป็นอย่างนั้น อันนี้เป็นสถานการณ์วันข้างหน้ ทุกอย่างจะกลับมาที่เดิมเป็นปกติ"
แต่วันนี้การค้า การลงทุน ความร่วมมือต่างๆ ทุกประเทศผ่านทางเอกอัครราชทูต สมาคมธุรกิจการค้า การลงทุน ทั้งสหรัฐอเมริกา EU ออสเตรเลีย ทุกประเทศมาพูดคุยกันหมด อันนี้เป็นเรื่องทางการเมืองก็ต้องเข้าใจกัน

เฝ้าระวัง ครบ 2ปี เหตุระเบิด ราชประสงค์

เฝ้าระวัง ครบ 2ปี เหตุระเบิด ราชประสงค์
"บิ๊กป้อม". เผยแจ้งเตือนหน่วยความมั่นคง ให้ระมัดระวัง การก่อเหตุในช่วงครบรอบ 2ปี วันเกิดเหตุวางระเบิด แยกราชประสงค์ โดยให้หน่วยงานความมั่นคง ติดตามและเฝ้าระวังโดยเฉพาะกลุ่ม อุยกูร์ และกลุ่มอื่น เช่นกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ ที่อาจอาศัยสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ออกมาก่อเหตุนอกพื้นที่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้กล่าวถึงกรณีที่สัปดาห์หน้าจะครบรอบ 2 ปีเหตุระเบิดศาลพระพรหมบริเวณราชประสงค์ว่า เราต้องเตรียมการป้องกัน โดยให้หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะด้านความมั่นคงดูแล โดยเฉพาะกลุ่มอุยกูร์
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมีกระบวนการค้ามนุษย์อุยกูร์ ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้น้อยลง ซึ่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอยู่แล้ว
ส่วนจะมีกลุ่มอื่นสวมรอยก่อเหตุหรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ แต่เราต้องระมัดระวังให้เต็มที่
"รวมทั้งกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ ด้วย" พลเอกประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่า เกรงว่า กลุ่มภาคใต้ จะอาศัยสถานการณ การเมืองมนเดือนสิงหาคม มาผสมโรงก่อเหตุด้วยหรือ พลเอกประวิตร กล่าวว่า เราก็ต้องระวังไว้ก่อน. ผมสั่งเตือนให้ระวังไปแล้ว