PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สหรัฐฯโดนอีกแล้ว! รัสเซียสั่งห้ามนาโต้ขนอาวุธข้ามดินแดนและน่านฟ้าของรัสเซียไปยังอัฟกานิสถาน

สหรัฐฯโดนอีกแล้ว! รัสเซียสั่งห้ามนาโต้ขนอาวุธข้ามดินแดนและน่านฟ้าของรัสเซียไปยังอัฟกานิสถาน
-------------
เมื่อวันที่ 18 พ.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศของรัสเซียรายงานว่า นายกรัฐมนตรีดมิทรี เมดเวเดฟ (Dmitry Medvedev) (ชื่อนี้คนไทยจำได้ดี เพราะพึ่งมาเยือนประเทศไทยและจับมือกับลุงตู่เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง) ได้ยกเลิกคำสั่งที่อนุญาตให้กองทัพนาโต้ขนยุทโธปกรณ์ไปยังอัฟกานิสถานผ่านเขตแดนของรัสเซีย
ตามรายงานอย่างเป็นทางการซึ่งลงนามโดยนายกฯเมดเวเดฟเมื่อวันจันทร์ที่ 18 นี้ระบุว่า การตัดสินใจก่อนหน้านี้ทั้งหมดในการขนส่งสินค้าของนาโต้ไปยังอัฟกานิสถาน ได้ถูกยกเลิกตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป คำสั่งนี้รวมถึงการอนุญาตให้มีการจัดส่งอุปกรณ์หนักทางทหาร (delivery of military hardware) และเครื่องมือต่างๆผ่านระบบราง รถยนตร์ หรือผ่านน่านฟ้าของรัสเซียด้วย (ไม่มีทางน้ำเพราะอัฟกานิสถานไม่มีพื้นที่ติดทะเล)
รัสเซียได้อนุญาตให้นาโต้ขนส่งสินค้าทางกองทัพไปยังอัฟกานิสถานผ่านดินแดนของรัสเซีย ตามแนวทางการแก้ไขปัญหาในอัฟกานิสถานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชติในปี 2001 ตามมติของ UNSC นั้นได้มีการจัดตั้งกองกำลังสนับสนุนด้านการรักษาความปลอดภัยระหว่างประเทศขึ้นในอัฟกานิสถาน (International Security Assistance Force - ISAF) และในทุกประเทศที่สนับสนุนภารกิจรักษาความปลอดภัยนำโดยนาโต้ ในปี 2008 รัสเซียได้ลงนามในคำสั่งอนุญาตให้ ISAF สามารถขนส่งสินค้าและยุทโธปกรณ์ผ่านดินแดนของตัวเองได้
ต่อมาในปี 2014 ทางกรุงวอชิงตันประกาศว่าปฏิบัติการในอัฟกานิสถานได้เสร็จสิ้นแล้ว กองกำลังผสมนำโดยสหรัฐฯ จึงถูกย้ายออกจากอัฟกานิสถาน และให้กองทัพของอัฟกานิสถานเข้ารับช่วงต่อในการรักษาความมั่นคงของประเทศได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ทางสหรัฐฯก็ยังคงกองกำลังของตนจำนวน 13,000 นาย ไว้ในอัฟกานิสถานจนถึงสิ้นปี 2016 อ้างว่าเพื่อจับตาดูกองกำลังท้องถิ่น และให้การสนับสนุนด้านการฝึกทหารในปฏิบัติการต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย
นั่นคือข่าวแบบเนื้อๆ เน้นๆ ตอนแรกรัสเซียก็ใจดีอุตส่าห์ให้นาโต้ใช้เส้นทางผ่านรัสเซียในการขนถ่ายอาวุธไปยังอัฟกานิสถานแม้จะอ้างว่าเพื่อต่อต้านกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายตาลีบันในอัฟกานิสถาน ซึ่งต่อมาโอบาม่าบอกว่าตาลีบันไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายเฉยเลย และอาจจะใช้นาโต้ขนเฮโรอีนจากอัฟกานิสถานเข้ามาในรัสเซียโดยใช้เส้นทางในรัสเซียในการขนไปยังประเทศปลายทางในยุโรปและสหรัฐฯเองด้วย แล้วก็โทษเม็กซิโกและกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาว่าเป็นแหล่งผลิตเฮโรอีนและนำเข้าไปในสหรัฐฯ
อีกทั้งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาสหรัฐฯได้ศึกษาเส้นทางชัยภูมิในรัสเซียไว้เรียบร้อยแล้ว จึงคิดว่าโอกาสนี้แหละเหมาะที่สุดแล้วที่จะเล่นงานรัสเซีย จึงเริ่มกลยุทธ์บ่อนทำลายเศรษฐกิจของรัสเซียก่อนด้วยการถล่มค่าเงินรูเบิล แล้วเล่นสงครามราคามน้ำมันกัน ตามด้วยแผนแซงชั่นทางเศรษฐกิจของรัสเซีย ขยันซ้อมรบใกล้ชายแดนรัสเซียบ่อยครั้งขึ้นโดยใช้นาโต้บังหน้า โดยยกกรณีวิกฤตยูเครนเป็นข้ออ้าง กะว่างานนี้จะเอารัสเซียให้หมอบให้ได้
แต่รัสเซียก็รู้ทันเล่ห์ของสหรัฐฯ แม้จะเพลี่ยงพล้ำในตอนแรกแต่ก็สามารถตั้งเกมรับได้ และรัสเซียสามารถทำให้เศรษฐกิจของตนเองกลับมามีความมั่นคงได้อีกครั้ง รัสเซียมองว่าอุตส่าห์ให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือสหรัฐฯมาโดยตลอด สุดท้ายสัญชาตญาณนักล่าของพวกตะวันตกมันไม่เคยหายไปเลย จ้องจะแว้งกัดอยู่เรื่อย เข้าทำนองที่ว่ากินบนเรือนขี้บนหลังคาชัดๆ
อย่ากระนั้นเลย ถึงเวลาสั่งสอนอเมริกากลับบ้างแล้ว จึงมีมาตรการตอบโต้ต่างๆตามมาเป็นระยะ ล่าสุดก็นี่แหละสั่งยกเลิกคำสั่งอนุญาตขนอาวุธและสิ่งของของนาโต้ผ่านรัสเซียไปยังอัฟกานิสถานซะเลย ถ้าตรวจพบจะยึด ถ้าบินผ่านน่านฟ้าของรัสเซียก็จะสอยให้ร่วง ยุทธการหมีเด็ดปีกอินทรีกำลังเริ่มขึ้นแล้ว
The Eyes
21/05/2558
----------


'ปชต.'ต้องเสียเงิน-ขี้เหนียวไม่ได้

'ปชต.'ต้องเสียเงิน-ขี้เหนียวไม่ได้

'ปชต.'ต้องเสียเงิน-ขี้เหนียวไม่ได้

'วิษณุ' ชี้ จะเป็นประชาธิปไตยก็ต้องเสียเงิน ขี้เหนียวไม่ได้ เผย ส่วนตัวอยากทำประชามติ ระบุ ตัด ม.44 ไม่ได้ เป็นเครื่องมือใช้แก้ปัญหา

 
                     21 พ.ค. 58  เมื่อเวลา 10.30 น.  ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเห็นจากหลายภาคส่วนในการทำประชามติในร่างรัฐธรรมนูญ ว่า มีคนบอกว่าชักไม่แน่ใจว่าจะมีการทำประชามติหรือไม่ ตนก็ไม่อยากไปยืนยันฟันธงในเวลานี้ แต่การที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อเปิดทางก็ควรจะเข้าใจ แต่จะมาบอกว่าต้องแน่หรือไม่แน่ พูดอย่างนั้นไม่ได้ มันต้องเผื่ออะไรเอาไว้หน่อย แต่ให้รู้เถอะว่าที่ลงทุนมาขนาดนี้ก็คือเพื่อให้เดินไปสู่ประชามติ อย่าระแวงอะไรเลย
 
                     ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อเปิดทางทำประชามตินั้น เป็นการปลดล็อกผ่อนคลายความรู้สึกหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวยอมรับว่า ใช่ และยังแสดงเจตนาว่าจะไปสู่จุดนั้นจริงๆ มันไม่มีเหตุอะไรที่จะมาขัดขวาง เว้นแต่ สปช.จะโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถเดินไปได้ต่อ อย่างไรก็ตาม จากที่ได้ฟังความเห็นหลายฝ่ายเกรงว่าจะมีการซื้อเวลาหรือยื้อเวลา ตนพูดมาแต่ต้นว่านอกจากเสียเงินแล้วต้องเสียเวลา แต่เมื่อต้องการประชามติ และคิดว่าคุ้ม ก็ไม่ขัดข้อง
 
                     "พูดถึงเสียเงิน ภาษาฝรั่งมีคำว่า the price of democracy จะเป็นประชาธิปไตยก็ต้องเสียเงิน ขี้เหนียวไม่ได้ ฆ่าควายอย่ามัวเสียดายพริก ส่วนเรื่องเสียเวลามันก็ต้องยอมเอา เพราะจะเอาเร็วเข้าว่า 3 วัน 7 วัน ประชามติเลยก็ไม่ได้ แต่ในทางปฏิบัติก็ต้องช่วยกันเร่งรัดฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำให้มันเร็ว 4 เดือนก็อย่า 4 เดือนเป๊ะ 3 เดือนได้ไหม"
 
                     ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวแล้วอยากทำประชามติหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวสั้นๆ ว่า “อยาก” เมื่อถามต่อว่า มีบางฝ่ายมองว่า การทำประชามติไม่มีประโยชน์ สู้นำรัฐธรรมนูญฉบับที่ดูสมบูรณ์แบบแล้วนำมาปรับปรุงและประกาศใช้จะดีกว่าหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถือเป็นทางออก แต่ก็จะมีคนไม่พอใจอยู่ดี พูดก็พูด การที่เราใช้ระบบแต่งตั้งคนเข้ามาทำงานดูดีกว่า แต่ก็มีคนไม่พอใจ ทำไมตั้งคนนี้ถึงพอใจ แต่ตั้งอีกคนกลับไม่พอใจ ผลสุดท้ายจึงต้องนำคุณสมบัติมาพูดกัน
 
                     ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าคนศรัทธาใน กมธ.ยกร่างฯ ปฏิกิริยาของสังคมจะไม่ออกมาเช่นนี้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นก็คงหนีไม่พ้นที่จะไปลงประชามติ ส่วนที่บอกว่า คสช.แต่งตั้งคนเข้าไปทำงานจนไม่เป็นที่ยอมรับนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ตอนแรกที่ตั้งก็นึกว่าดีแล้วถ้าไปตั้งคนอื่นก็จะหาว่าไม่ดีอีก เชื่อหรือไม่ว่าวันนี้มีคนที่อยู่ในบัญชีที่เคยคิดจะตั้ง แต่ก็ไม่ได้ตั้งเพราะสาเหตุใดไม่ทราบ ซึ่งคนเหล่านั้นเมื่อไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้ทำงาน ก็ออกมาให้ความเห็นอยู่ในเวลานี้ ตนก็นึกในใจว่าก็เป็นบุญเหมือนกันที่ไม่ได้ตั้งคนพวกนี้ เพราะพูดอะไรแปลกกว่าคนที่ได้ถูกแต่งตั้งเข้าไปทำงานอีก
 
 
 
ตัด ม.44 ไม่ได้ เป็นเครื่องมือใช้แก้ปัญหา
 
 
                     นายวิษณุ กล่าวถึงกรณีที่นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ระบุให้แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวในหลายมาตรา โดยเฉพาะมาตรา 44 ที่แม้ใช้แก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว แต่อาจจะเป็นการทำลายรากฐานประชาธิปไตย ว่า นายเทียนฉาย คงหมายถึงว่า อย่าใช้อำนาจนั้นไปในทางพร่ำเพรื่อ ซึ่งมาตราดังกล่าวคงไม่สามารถตัดได้ เนื่องจากเอาไว้ใช้แก้ปัญหาอะไรบางอย่าง ซึ่งตนก็ได้แจ้งให้ ครม.ทราบ เมื่อวันที่ประชุมร่วมระหว่าง ครม. - คสช. ในวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่ามาตรา 44 นั้น มีทั้งพระเดชและพระคุณ ขึ้นอยู่กับการใช้ ซึ่งบัญญัติให้ใช้ทั้งทางบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ซึ่งในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นั้นจะใช้อำนาจนี้ในทางตุลาการจับผู้กระทำผิดได้ก็ตัดสิน คือ ตั้งตนเป็นศาล แต่คำสั่งตามมาตรา 44 ที่ออก 17 ฉบับ ยังไม่มีการใช้ในทางตุลาการแม้แต่ฉบับเดียว ใช้เพียงทางนิติบัญญัติและบริหาร เช่น แก้ไขข้อขัดข้องเล็กๆ น้อยๆ
 
                     "ส่วนเรื่องใหญ่อย่างการออกกฎหมาย ก็ให้อำนาจ สนช.พิจารณา หรือการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งเหตุผลที่ไม่ใช้อำนาจตามปกติเนื่องจากบางครั้งใช้ไม่ได้หรือใช้เวลานาน เป็นต้นว่า กรณีการแก้ปัญหาของกรมการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ที่ต้องใช้มาตรา 44 เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการแก้ปัญหา"
 
                     ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแนวโน้มใช้มาตรา 44 ในทางตุลาการหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีแนวโน้มใดๆ เพราะหากจะใช้คงใช้ไปนานแล้ว ซึ่งถ้าดูจากคำสั่งหัวหน้า คสช. 17 ฉบับที่ผ่านมา ล้วนใช้ไปในทางบวก เช่น การโยกย้ายข้าราชการที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการทุจริต ซึ่งหากตรวจสอบแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องก็กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมได้ สาเหตุที่ทำเช่นนี้เพราะหลายเรื่องค้างมาหลายปี หน่วยงานตรวจสอบขอหลักฐานเท่าไหร่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจนกระทั่งคดีจะขาดอายุความ

รัฐบาลไทย ปฏิเสธข่าว ทหารใช้ปืนยิงขู่เรือ "โรฮีนจา"

รัฐบาลไทย ปฏิเสธข่าว ทหารใช้ปืนยิงขู่เรือ "โรฮีนจา"ให้ออกนอกน่านน้ำตามคำกล่าวอ้างของโรฮีนจา ชี้หากตั้งใจจะขับไล่ไม่จำเป็นต้องให้ข้าวให้น้ำก่อน เผยข่าวนี้ทำทหารเรือเสียกำลังใจ วอนสื่อเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข่าวที่ผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายซึ่งลอยลำเข้ามาในเขตน่านน้ำรอยต่อประเทศไทยมาเลเซีย เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันขึ้นฝั่งอยู่ที่จังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย โดยหนึ่งในชาวโรฮิงญาที่เดินทางมากับเรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ทหารไทยได้ใช้ปืนขู่จะยิงเรือของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาเดินทางต่อไป ว่า รัฐบาลไทยมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนที่จะไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบใด ยึดหลักการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม รวมทั้งได้มีการตรวจสอบกับทหารทุกนายที่ปฏิบัติการช่วยเหลือในคืนนั้นยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธปืนข่มขู่ตามคำกล่าวอ้าง

ข้อเท็จจริงคือ เมื่อตรวจสอบพบเรือของผู้ลักลอบ ได้มีการสอบถามพูดคุย พบว่าทั้งหมดต้องการเดินทางต่อไม่ประสงค์จะขึ้นฝั่งไทยโดยร้องขออาหารและน้ำดื่ม

"รัฐบาลและกองทัพเรือขอปฏิเสธข่าวที่ไร้มูลความจริงนี้โดยสิ้นเชิง ข้อเท็จจริงคือนอกจากทหารเรือไทยจะให้อาหารและน้ำดื่มตามหลักมนุษยธรรมแล้ว ยังช่วยซ่อมเครื่องยนต์เรือที่ชำรุดให้ตามที่ร้องขอซึ่งต้องดำเนินการถึงตีสามกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจในวันนั้น
ดังนั้นหากคิดจะใช้กำลังข่มขู่ขับไล่ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องไปสอบถาม ไปให้การช่วยเหลือจนค่อนคืน และในวันนั้นก็มีสื่อมวลชนเป็นพยาน มาบันทึกภาพเหตุการณ์การช่วยเหลือด้วยความตั้งใจของทหารเรือไทย รัฐบาลไทยรู้สึกเจ็บปวดกับคำกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยและทำให้ทหารเรือไทยซึ่งทุ่มเท ตั้งใจทำงานทั้งเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมมนุษย์ และเพื่อปกป้องอธิปไตยทางทะเลของชาติรู้สึกเสียใจไม่น้อย"

พลตรีสรรเสริญ กล่าวว่าแม้จะได้รับการกล่าวร้ายที่ไม่เป็นธรรมซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการที่นานาชาติจะเข้าใจประเทศไทยผิด แต่รัฐบาลไทยยังจะไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติต่อผู้เคลื่อนย้ายโดยไม่ปกติเหล่านี้ โดยหากอยู่ในเขตนอกน่านน้ำไทยก็จะให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม เช่นให้อาหารน้ำดื่ม หากประสงค์จะเข้าเขตน่านน้ำไทยก็ต้องเข้าสู่กระบวนการกฎหมายไทยในฐานะผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายต่อไป
"สุดท้ายอยากฝากให้สื่อมวลชน พิจารณานำเสนอข่าวอย่างรอบคอบ โดยใช้หลักเหตุและผล ตรึกตรอง เพื่อมิให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเหล่านี้มาบั่นทอนกำลังใจผู้ที่ตั้งใจทำงาน
ขณะที่ ทัพเรือภาค3 เผยภาพทหารเรือไปตั้งครัวบนเรือหลวง กลางทะเล แจกจ่าย ยา อาหาร และน้ำ แก่ ชาวโรฮีนจา แถวเกาะหลีเป๊ะ สตูล


สหรัฐยันพร้อมช่วยชาติอาเซียนตั้งศูนย์ฯผู้อพยพ

มารี ฮาร์ฟ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า สหรัฐพร้อมให้ความช่วยเหลือบรรดาชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แบกรับภาระคลื่นผู้อพยพที่ลอยลำอยู่กลางทะเล โดยในถ้อยแถลงแสดงความยินดีต่อการตัดสินใจของมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่ประกาศยุติการผลักดันผู้อพยพที่แออัดอยู่บนเรือที่ง่อนแง่น ฮาร์ฟ กล่าวว่า สหรัฐจะช่วยหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติ จัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้อพยพและจะพิจารณาคำร้องของตั้งถิ่นฐานของผู้อพยพบางส่วน 


ฮาร์ฟ กล่าวว่า สหรัฐพร้อมให้ความช่วยเหลือประเทศต่างๆ ในภูมิภาค แบกรับภาระและปกป้องชีวิตในปัจจุบัน เรามีพันธกิจร่วมกันในการตอบสนองเสียงเรียกร้องจากผู้อพยพเหล่านี้ ที่เสี่ยงชีวิตอยู่กลางทะเล

เธอบอกด้วยว่า โทนี บลินเคน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ อยู่ระหว่างเดินทางเยือนภูมิภาค และจะพบปะกับบรรดาผู้นำเมียนมาร์ในวันพฤหัสบดี เพื่อเรียกร้องให้พวกเขาทำงานร่วมกับบังกลาเทศ ในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ผู้อพยพที่ลอยลำอยู่กลางทะเล ซึ่งเธอบอกว่า “เรายังกังวลต่อปัจจัยต่างๆ ที่ผลักดันคนเหล่านั้นไปเสี่ยงชีวิตอยู่กลางทะเล ที่รวมทั้งนโยบายของเมียนมาร์ต่อชนกลุ่มน้อยโรฮิงญา รวมถึงแรงจูงใจจากการถูกเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและศาสนาด้วย”

ชาวโรฮิงญามากกว่า 1,000 คน ได้เข้าไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งฮาร์ฟบอกว่า สหรัฐจะรับ “บทบาทผู้นำ” ในการให้ความช่วยเหลือรับผู้อพยพบางส่วนที่อ่อนแอที่สุด แต่ก็เตือนว่ามันต้องเป็นความพยายามของนานาชาติด้วย ไม่ใช่นำโดยสหรัฐเพียงลำพัง

แค่"หนังตัวอย่าง"....ผู้ร้ายเยอะ รอ "หนังจริง" รอคัดเลือกตัวดารา

นายกฯบิ๊กตู่ ร่วมงาน"มิติใหม่การศึกษา เดินหน้าประเทศไทย"ที่ กระทรวงศึกษาธิการ เปรย ตอนที่รัฐประหาร เข้ามาไม่คิดว่า ปัญหาเยอะขนาดนี้ 5เดือน ปัญหาจิ๊บจ๋อยหมดไป แต่ปัญหา กลางๆกำลังออกมา ขนาดใหญ่ๆอีก จะแก้ยังไงทัน แต่ต้องแก้ ช่วยกัน อดทน อดกลั้น สื่อช่วยด้วย ไม่ใช่ผมทะเลาะกับเขา ไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นผู้ช่วย เสนอข่าว สองทาง สองด้าน สิทธิเสรีภาพสื่อ กับเรื่องชาติบ้านเมือง เส้นแบ่งนิดเดียวเปรยผมเนี่ย ดูข้างนอกไม่แก่ แต่ข้างในแก่ เพราะคิดตลอด ปัญหาให้คิด แก้ไขตลอด นี่ปัญหากลาง ใหญ่ กำลังมา เผยกำลังสู้กับละคร ไม่ชอบดูผม ดูละคร อย่าอิน รัก โศรก ต้องมีทั้ง สาระ และบันเทิง ยึดพ่อแม่ มาก่อน

"1ปีนี่ เป็นแค่หนังตัวอย่าง มีพระเอก นางเอก และผู้ร้าย ฆ่าผู้ร้ายไปเยอะมาก เพราะผู้ร้ายเยอะ เสียเวลาคัดดารา ตัวแสดง รอ"หนังจริง" ใครจะมาทำให้"

"ผมไม่ได้อยากอยู่ เลย อยากไปแล้ว แต่มาทำเพื่อชาติ มีคนเหน็บมาทุกวัน"

พร้อมยัน 3ปี ข้างหน้า ผมไม่อยู่แล้ว ผมอยากไปอย่างสบายใจ ไม่ใช่ผม แล้ว คนใหม่มาเขาจะรับตามที่ผมทำไว้มั้ย
ย้ำ ไม่ลงเลือกตั้งแน่นอน ไปดูว่าจะเลือกใครมาดูแลประเทศ ไม่ใช่ผมแน่ เพราะผมไม่ลงเลือกตั้งแน่ แนะหา ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เพื่อแก้ปัญหา ย้ำไม่ได้ภูมิใจ ไม่ได้อยากมาเป็นนายกฯ มาปฏิวัติ แต่เพราะบ้านเมืองมีปัญหา บ่น สื่อ หนังสือพิมพ์ วิจารณ์ตลอด ทุกวัน พยายามอดทนอยู่

“นายกฯ” เปิดงาน“มิติใหม่การศึกษา เดินหน้าประเทศไทย” เน้นพัฒนาครูรองรับเออีซี "บ่น"ไม่คิดปัญหาจะเยอะขนาดนี้ ไม่อยากอยู่ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ "ชี้" 1 ปีแค่หนังตัวอย่างรอดูหนังจริง ย้ำไม่เคยอยากมาอยู่จุดนี้ แต่ต้องทำเพื่อประเทศ ขอประชาชนพัฒนาเด็ก อย่าสนใจแต่การเมือง รัฐธรรมนูญ

ที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงาน "มิติใหม่การศึกษา เดินหน้าประเทศไทย" โดยมีพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการ ตัวแทนนักเรียนให้การต้อนรับ ทั้งนี้นายกฯ ได้เดินชมนิทรรศการการศึกษาทั้ง 9 โซน อาทิ พัฒนาคุณภาพครู และบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเดินหน้าประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ การศึกษาเพื่ออาชีพ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน พร้อมรับชมการแสดงสื่อการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาจากตัวแทนนักเรียนนักศึกษาจากโรงเรียนต่างๆ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงข้อคิดแนวทาง "มิติใหม่การศึกษา เดินหน้าประเทศไทย" ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยติดหล่มตัวเองมานานแล้ว และสิ่งที่จะทำให้แก้ไขได้คือการศึกษาไม่ได้หมายความว่าการศึกษาเราไม่ดี ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแค่ปรับปรุงให้ดีขึ้น ที่จะต้องให้ทุกฝ่ายทั้งเอกชน มหาวิทยาลัย ผู้ประกอบการ มาช่วยรัฐบาลในการขับเคลื่อน โดยจะต้องจัดระบบใหม่ทั้งหมดเหมือนที่รัฐบาลทำตอนนี้โดยรัฐบาลจะทำหน้าที่อำนวยความสะดวก โดยลดขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ และจัดสรรงบประมาณให้ทั่วถึงทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชนและรัฐบาล ซึ่งผลที่ผ่านมาอาจไม่ได้ตามเป้าเหมือนที่จ่ายงบประมาณไป แต่ตนก็ไม่ไปตำหนิกระทรวง เพราะคนบริหารคือรัฐบาล รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องคิดแบบตน ให้ใช้จ่ายอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง วันนี้ตนมีเวลาน้อยเพราะต้องไปแถลงผลงบประมาณที่สภาจะได้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตน แต่ตนจะพยายามสู้เอามาให้ได้ ทั้งนี้ การกระจายการศึกษาไปยังท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ยังไม่ถึงเวลา เนื่องจากขณะนี้ยังไม่บุคลากรยังไม่มีความพร้อม ประเทศไทยไม่ควรเปลี่ยนแปลงเร็วโดยที่ยังไม่มีการแก้ปัญหา ซึ่งตนไม่ได้เข้ามาบังคับ เพียงแค่ดำเนินการให้เป็นไปตามได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการบูรณาการนำการศึกษาเรียนรู้ทางเทคโนโลยีร่วมกับการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนครูและเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลและขอให้ใช้ช่องทางนี้ในการกวดวิชาเพื่อลดค่าใช้จ่ายของนักเรียน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานที่ผ่านมาอาจจะมีคนเกลียดบ้างรักบ้าง แต่ตนต้องทำ ไม่ได้ภูมิใจที่เข้ามา วันนี้เข้ามาในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่ต้องทำหน้าที่เพื่ออนาคต ซึ่งทุกคนก็ต้องมีส่วนร่วมในหน้าที่ตรงนี้ด้วย เพราะเรากำลังสร้างประวัติศาสตร์ประเทศใหม่ นำสิ่งที่ไม่ดีในประวัติศาสตร์มาเป็นบทเรียนในการกำหนดอนาคตที่ดีกว่าเดิม ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ ทุกอย่างอยู่ที่เราทุกคน ส่วนการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ส่วนหนึ่งก็แก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการศึกษาแต่ส่วนที่มีปัญหาอยู่คืออินเตอร์เน็ต ไฟฟ้า พลังงานทดแทน เรากำลังแก้ไขทั้งหมด เดี่ยวก็คงจะดีขึ้น หากเราดำเนินการในกระทรวงดิจิตอลอย่างเต็มที่ ส่วนกระจายการศึกษาในพื้นที่อื่นๆ จะให้ครูมาอบรมบ่อยๆก็เสียเวลาเสียค่าใช้จ่ายเอาเงินตรงนั้นมาทำตรงนี้ดีกว่า ในส่วนท้องถิ่นทั้งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตนอยากให้ทุกคนคิดแบบตน ถ้าหากให้ท้องถิ่นรับผิดชอบการศึกษาจะต้องมีโครงการระยะที่หนึ่ง เพราะเรายังไม่มีความพร้อมมากคือรับผิดชอบหน้าที่ไปก่อน ครูหลายพื้นที่ก็ไม่ค่อยมีความสุขเพราะตนเองตอนนี้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนเดือดร้อนรัฐบาลทำงานมา6เดือนปัญหาเยอะเหลือเกินมีปัญหาที่ต้องแก้ไขทุกกระทรวง แต่ทุกคนก็ช่วยกันทำงานเพราะตนทำคนเดียวไม่ได้ เพราะตนไม่ได้เก่งมาจากไหน ตนยืนยันว่าไม่ได้มาบังคับใคร ตนแค่นำกฎหมายที่มีอยู่แล้วมาใช้อย่างจริงจังเท่านั้น ตนไม่ได้มาลงโทษท่านหรือฆ่าแกงใครทุกอย่างล้วนมีเหตุผล และตนไม่ได้มีปัญหากับใครทั้งสิ้น และส่วนครูเก่งๆก็เอาครูเก่งมาเติมเข้าไป และจะตั้งศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีไปเชื่อมกับศูนย์ดาวเทียมไกลกังวล ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มไว้ และตนอยากให้ศูนย์นี้ใช้ติวนักเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย นักเรียนจะได้ไม่ต้องเสียค่าเรียนกวดวิชา เดี่ยวกวดวิชาจะมาตนอีกว่าเก็บภาษี เราต้องมีทางเลือกทุกอย่างในการทำงานหรืออะไรก็แล้วแต่ให้กับทุกคน 

วันนี้รัฐบาลมุ่งเน้นแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ เราจะห้ามไม่ให้บริษัทใหญ่ๆเข้ามาลงทุนไม่ได้ เพราะเรามีพระราชบัญญัติค้าปลีกค้าส่งอยู่แล้ว สามารถค้าขายได้อย่างเสรี แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการข้างล่าง โดยการสร้างสหกรณ์เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความเข้มแข็ง เกษตรกรก็ต้องมีการผลิตและทำผลิตภัณฑ์ครบวงจร วันนี้เราปลูกอย่างเดียวไม่ได้ วันนี้เราต้องสอนให้เด็กมีวินัย เราต้องสร้างให้อนาคตของชาติดูอย่างผู้นำในหลายประเทศ ตนเองไม่ได้ไปลอกเลียนแบบเขา แต่ดูจากที่บ้านเมืองเขาพัฒนาเพราะเราร่วมมือร่วมใจกัน แต่วันนี้ไทยเรายังไม่ร่วมจะปฏิรูปหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

“วันๆจะเอาแต่รัฐธรรมนูญๆ ทุกอย่างมันอยู่ที่คน วันหน้าใครจะเข้ามาบริหารตนไม่รู้ จะเขียนรัฐธรรมนูญอย่างไรก็แล้วแต่ พรรคไหนก็แล้วแต่ ซึ่งคงไม่ใช่ผมอยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้รับสมัครเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นต้องไปดูว่าปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไร เราต้องออกไปเจอปัญหาก่อน แล้วค่อยแก้ปัญหา หากเราไม่รู้

สาเหตุของปัญหาเราก็แก้ปัญหาไม่ได้ ปัญหาของเด็กวันนี้คือสมาธิสั้นไม่มีทักษะ ไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบทำอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่รู้อนาคตตนเอง ไม่มีระเบียบวินัย ติดความทันสมัย ทั้งๆ ที่พ่อแม่เคยลำบาก พ่อแม่กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทเหนื่อย ถ้าลูกต้องการไอโฟน 5 6 7 8 9 ก็ต้องซื้อมาให้ ถ้าไม่มีเงินก็ไปกู้หนีนอกระบบ เพราะฉะนั้นต้องมีพ.ร.บ.การทวงหนี้ ซึ่งต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ จะให้รัฐบาลออกกฎหมายยกเลิกหนี้ไม่ได้ เป็นหนี้ต้องใช้ จะใช้อย่างไรก็ไม่รู้ทางที่ดีต้องไม่มีหนี้ ต้องมีความพอเพียงพอประมาณรู้ว่าอยู่ตรงไหน ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องรู้จักใช้จ่ายอย่างระมัดระวังและเก็บออม พูดจนเหนื่อยแล้วแต่ทำเหนื่อยกว่า สมัยเด็กตนจำได้ตอนที่เป็นนักเรียนแม่ผมเป็นครู ผมก็ไปเรียนไม่มีเครื่องมืออะไรสักอย่าง มีอย่างเดียวคือไม้เรียว แม่ก็ตีผมเหมือนกัน เพราะครูถูกปลูกฝังมาอย่างนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ต้องวางฐานะตัวเองให้ถูก ส่วนเรื่องการจัดการศึกษาตนได้ให้แนวทางไปแล้วว่าอาชีวะต้องมีงานทำ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพัฒนาคนให้ตรงตามความต้องการของประเทศเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตนได้บอกเด็กๆไปว่าการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนไม่ใช่แค่พูดภาษาอังกฤษได้ แต่ต้องรู้ยุทธศาสตร์ประเทศและการเชื่อมโยงกันของอาเซียนว่าเป็นอย่างไร อย่างเรื่องการรักษาพยาบาลที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงเราก็ไปบังคับเขาไม่ได้เพราะถือว่าเป็นการค้าเสรี แต่ต้องไปดูว่าราคาเหมาะสมหรือไม่ วันนี้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเพลงคืนความสุขที่ตนแต่ง และบอกว่าเราต้องอดทน ตนไม่คิดว่าปัญหาจะเยอะขนาดนี้ เพราะที่มารัฐบาลแก่เพียงปัญหาเล็กๆ ส่วนปัญหากลางและใหญ่กำลังเข้ามาจะต้องคิดว่าจะแก้ไขอย่างไรแต่สิ่งสำคัญทุกคนต้องร่วมมือกันและอดทน อดกลั้น สื่อก็ต้องช่วยกัน และยืนยันว่าตนไม่เคยทะเลาะสื่อมวลชน ไม่ใช่ศัตรูแต่ช่วยสนับสนุนกัน สื่อเองก็ต้องเสนอทั้งสองทาง แต่ตีเส้นระหว่างสิทธิและเสรีของคนกับผลประโยชน์ของชาติ เพราะมันเป็นเพียงเส้นบางๆ ถ้าจะเอากฎหมายแบ่งคงเป็นเรื่องยาก แต่เราต้องเรียนรู้การอยู่ร่วมกันโดยไม่มีความขัดแย้ง และส่วนเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนจะขัดแย้งกันอย่างไรทุกคนต้องสร้างการเรียนรู้ทางกฎหมายให้มากขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องทำให้ครูกับนักเรียน ตำรวจกับประชาชนไม่ขัดแย้งกัน ก็จะทำให้มีการกระจายอำนาจไปทุกส่วนได้ไม่ใช่ว่าแต่ละจังหวัดมารบกันเอง เราต้องสร้างความเข้าใจว่าจะไม่เกิดเหตุขึ้นมาอีกประเทศไทยไม่เหมือนประเทศอื่น เพราะพื้นที่บ้านเราติดกันไม่ได้ใหญ่โต ไม่เหมือนประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นแบบรัฐห่างไกลกันทำให้ต้องแยกการปกครอง ไทยทำแบบนั้นไม่ได้เพราะบางจังหวัดมีรายได้น้อย วันนี้เก็บภาษีท้องถิ่นได้น้อยกว่าที่ท้องถิ่นต้องการซึ่งรัฐบาลก็ต้องนำงบประมาณเข้าไปเพิ่มอีก ต้องเข้าใจวันว่ารายได้ประเทศมาจากการส่งออก 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์มาจากภาษี รัฐวิสาหกิจ แต่ว่าวันนี้ยอมรับว่าเศรษฐกิจตก การส่งออกภาคเกษตรน้อยลงเพราะโลกเปลี่ยนแปลง ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง ประเทศอื่นเขาปลูกข้าวได้มากขึ้น เขาก็แข่งกับเรา แต่ราคาข้าวเราสูงที่สุดในโลกเพราะข้าวเราดีมีคุณภาพ ใครก็ตามต้องเข้าใจตรงนี้ เพราะตราบใดที่เรายกระดับรายได้ภาคเกษตรไม่ได้ก็จะมีปัญหามาก เพราะคนไทยทำการเกษตร 20 กว่าล้านคน มีพื้นที่การเกษตร 147 ล้านไร่ อยู่ในพื้นที่ชลประทาน 40 เปอร์เซ็นต์ เราจะหาน้ำได้ที่ไหน มีการขุดคลองบ้างก็เป็นไปตามคะแนนเสียงไม่มีการเชื่อมต่อในแต่ละพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลได้กู้เงินมาส่วนหนึ่ง เพื่อนำมาแก้ปัญหาประปาหมู่บ้านระหว่าง 58-59 จำนวนกว่า 6 พันกว่าหมู่บ้าน ทำไมมันเกิดขึ้นมาได้ เลือกตั้งกันมาทำไมไม่บอกเขา ทำไมมาทำตอนนี้ตรงนี้คือสิ่งที่สะสมมายาวนาน 

สมัยเด็กตนเรียนหนังสืออย่างเดียว เก่งบ้างไม่เก่งบ้าง วันนี้ก็ยังไม่เก่ง แต่พูดได้เพราะอะไร อ่านหนังสือ อ่านหนังสือแล้ววิเคราะห์แล้วก็บูรณาการ สมองถ้าเราไม่ใช้มันก็หายไป ไม่ใช่คิดแต่ว่าวันนี้จะดูหนังเรื่องอะไร ผู้ชายคนนี้หล่อไหม สมัยก่อนตนเรียนหนังสือตนยังไม่มีแฟน ไปมีตอนไหนก็ไม่รู้ ไม่มีเวลาจีบใครเพราะเป็นทหาร อีก 5 ปีต้องรถรางรถไฟจะมีทั่วประเทศ เพราะรัฐบาลกำลังทำอยู่ไม่ได้เป็นการรับเหมาก่อสร้างไม่ได้เป็นการแบ่งปันผลประโยชน์ แต่เป็นระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลคุยกันว่าจะทำอย่างไร ถ้ารัฐบาลคุยกันมันจะชัดเจนมีความโปร่งใสกว่า ถ้าไปจ่ายเงินใครสักบาทไม่ต้องมาบอกผม ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่นขอให้เชื่อมั่นกัน ส่วนค่ารักษาพยาบาลในระบบประกันสังคมที่รัฐบาลและโรงพยาบาลร่วมกันจ่ายทำให้หลายโรงพยาบาลจะเจ๊งแล้วเพราะไม่มีเงินไปจ่าย
“เวลาดูละครสิ่งสำคัญอย่าดูอะไรเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว อย่างวันนี้รายการคืนความสุขผมกำลังสู้กับละคร แต่สู้เขาไม่ได้เพราะคนอยากดูละครมากกว่า แต่ถ้าคนไม่ฟังผม ก็จะไม่รู้ว่าประเทศจะเดินหน้าอย่างไร ดูละครได้แต่อย่าไปอินมากนักเอาชาติมากก่อน พ่อแม่มาก่อน ครูมาก่อน วันนี้คนไทยเก่งเรื่องการตั้งประเด็น ข้อเรียกร้อง รู้ทุกอย่าง รู้วิธีแก้ปัญหาแต่ไม่ทำ ดูได้จากที่ทุกหน่วยงานเขียนโยบายมา แต่ไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร ดังนั้นทุกกระทรวงต้องประเมินแก้ไขไปเรื่อยๆ ว่าทั้งหมดเราทำได้เท่าไรเพื่อให้ทันเวลาเพราะเรามีเวลาจำกัด ไม่อย่างนั้นจะแถลงให้ใครฟังไม่ได้เดี๋ยวจะถูกถอดถอนเพราะมันเป็นแค่หนังตัวอย่าง ทำมา 1 ปีแค่หนังตัวอย่าง เพราะกว่าที่จะแก้ไขได้ต้องไปหาดารามาเยอะแยะ ฆ่าผู้ร้ายไปเยอะเหมือนกัน มีทั้งดาวดี ดาวร้าย แต่ดาวร้ายดันเยอะกว่า ก็ต้องไปเสียเวลาคัดเลือกอีก ใครจะมาทำหนังก็ต้องแล้วแต่ท่าน ว่าจะทำเรื่องอะไร เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้แบบไหนก็แบบนั้นเพราะผมไปฝืนไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าคนไทยทั้งประเทศต้องการปฏิรูปมันอยู่ที่ประชาชนทุกคน ถ้าว่าแต่เรื่องรัฐธรรมนูญ มันไปไม่ได้เขียนอย่างไรมาต่างชาติก็ไม่รับเพราะมันผิดสังคมโลก แต่ถ้าเราต้องการปฏิรูปก็ไม่หาวิธีการมา ตนอยากไปไม่ได้อยากอยู่ เพราะตั้งแต่แรกตนก็ไม่อยากอยู่ แต่เป็นเพื่อทำประเทศ เพื่อแผ่นดินที่เหยียบอยู่ทุกวันนี้
///

'บิ๊กตู่'อ้อน สนช.หนุนงบ 59 โอด 1 ปีถูกกดดันหนัก

เดลินิวส์ วันพฤหัสที่ 21 พฤษภาคม 2558 เวลา 14:54 น. 

บิ๊กตู่'อ้อน สนช.หนุนงบ 59 โอด 1 ปีถูกกดดันหนัก “บิ๊กตู่” นำทีม ครม.แจงงบ 59 วงเงิน 2.72 ล้านล้าน ต่อที่ประชุม สนช. ยันจัดงบเพื่อประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อ้อน สนช.หนุน ชี้ 1 ปี คสช.เป็นแค่หนังตัวอย่าง ครวญถูกดันหนัก เพราะ ปชช.คาดหวัง ลั่นทำงานเต็มที่ ไม่เอื้อผลประโยชน์ใคร 


เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่เป็นประธาน เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ในวาระแรก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง  ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงหลักการและเหตุผลในการจัดทำงบประมาณว่า อยากจะขอให้ สนช.ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับประเทศ และสร้างอนาคตใหม่ สำหรับการจัดทำงบประมาณมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ประเทศไทย พ.ศ. 2558-2563  โดยในปีงบประมาณ 2559 ตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ไม่เกิน 2.72 ล้านล้านบาท 

สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น และเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 1.35 หมื่นล้านบาท สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2559 มีแนวโน้มขยายตัว ในอัตราร้อยละ 3.7-4.7 ใกล้กับการขยายตัวในปี 2558 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้การส่งออกสามารถกลับมาขยายตัวได้มากขึ้น 

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า  สำหรับยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ประกอบด้วย 8 ยุทธศาสตร์ และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ  ดังนี้ 1.ยุทธศาสตร์เร่งรัดวางรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ งบประมาณทั้งสิ้น 247,342.7 ล้านบาท  2.ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งรัฐ จำนวน 240,418.3 ล้านบาท 3.ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและเป็นธรรม จำนวน 222,375.9 ล้านบาท 4.ยุทธศาสตร์การศึกษา สาธารณสุข คุณธรรม จริยธรรม และคุณภาพชีวิต จำนวน 994,414.6 ล้านบาท  5.ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 71,060.4 ล้านบาท  6.ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม จำนวน 27,335.5 ล้านบาท 7.ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จำนวน 9,099.3 ล้านบาท 8.ยุทธศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี จำนวน 364,645.7 ล้านบาท  และ 9.รายการค่าดำเนินการภาครัฐ จำนวน 543,307.6 ล้านบาท เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมายสำหรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  

“หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก สนช. หากใครมีอะไรสงสัย ก็พร้อมจะตอบ ทั้งนี้ที่ทำมา 1 ปีกว่า ปี 2557-2558 เป็นแค่หนังตัวอย่าง เพราะเราเสียเวลากับการคัดตัวละคร ไม่ค่อยมีใครอยากมาเสี่ยงกับผม ส่วนหนังจริงจะเริ่มหลังจากนี้ ตอนนั้นผมไม่อยู่แล้ว ถ้าจะให้มาเริ่มใหม่ ผมไม่เอาแล้ว  วันนี้อย่ามาสงสารผม  เพราะผมทำตัวเอง เราถูกคาดหวัง ผมก็กดดันมาก ครอบครัวก็กดดัน แต่ก็ทำงานเต็มที่ ขอให้เชื่อว่า ผมไม่มีการเอื้อผลประโยชน์ให้ใคร แต่ก็มีบ้างที่รู้จักกัน ก็อยากให้ดูที่พฤติกรรม อย่ามาค้านแค่เพราะรู้จักกับคนโน้นคนนี้เลยไม่ไว้ใจ  มีคนบอกให้ใช้มาตรา 44 ทั้งเรื่องปรองดองและเรื่องอื่นๆ แต่มันยังไม่เข้าขั้นตอนสักอัน การโยกย้ายหมุนเวียนข้าราชการก็ทำตามปกติ ทหารก็ทำแบบนี้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่ทำกันเอง แต่ถ้ามาบอกให้คัดคนไม่ดีออกทั้งระบบ ข้าราชการมี 4 แสนคน ถ้าฟังสื่อ ก็คงต้องปลดไปถึง 2 แสนคน แล้วจะเอาพวกนี้ไปไว้ตรงไหน ก็ต้องหาความผิดมาให้ได้ก่อน ส่วนทหารก็มีบ้างที่เมา เกเร แต่ตบหัวไป 2-3 ทีก็รู้เรื่อง  ขอให้เชื่อว่าทหารจริงใจ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้เวลาชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ  เป็นเวลา 2 ชั่วโมง 15 นาที โดยการชี้แจงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้อ่านเอกสารประกอบด้วยความรวดเร็ว ทำให้มีผู้ส่งโน๊ตมาให้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ถึงกลับเปรยว่า “เขาส่งข่าวมาให้ผมว่า ประชาชนขอให้พูดช้าๆ หน่อย  เขาฟังไม่รู้เรื่อง เขาแปลไม่ทัน ต้องขอโทษด้วย ไม่ค่อยได้ออกรายการสด พูดทุกวันก็มีคนเตือน เมื่อเช้าก็มีคนเตือนว่าให้พูดช้าๆ” ทั้งนี้ การชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องอ่านเอกสารที่มีตัวเลขจำนวนมาก ประกอบกับเป็นคนที่พูดเร็ว จนทำให้เกิดอาการเหนื่อยและถอนหายใจหลายครั้งเป็นระยะ  จนต้องขอพักหลายครั้งโดยพูดกับที่ประชุมว่า “ขอพักเหนื่อยหน่อยนะ หายใจไม่ทัน” และ “ขออนุญาตนั่งและดื่มน้ำก่อน” ทั้งนี้ในช่วงท้ายของการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวขอโทษสมาชิกว่า “ขอโทษพี่ๆ ที่ผมพูดบางครั้งไม่สุภาพ“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/322762

โพลเผย 1 ปี คสช. ปชช. 49.44% สุขเพิ่ม ชี้ทำงานจริงจังบ้านเมืองสงบลง

โพลเผย 1 ปี คสช. ปชช. 49.44% สุขเพิ่ม ชี้ทำงานจริงจังบ้านเมืองสงบลง

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 พ.ค. 2558 09:20

นิด้าโพล เผยคนไทย 49.44% ระดับความสุขเพิ่ม หลัง คสช.บริหารครบ 1 ปี ชี้พูดจริง ทำงานจริงจัง ทำให้บ้านเมืองเป็นระเบียบไม่วุ่นวาย ขณะที่ 19.36% มองการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้ไม่มีความสุข...
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “1 ปี คสช. กับการคืนความสุขให้คนในชาติ”ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18-19 พ.ค. 2558 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทั่วทุกภูมิภาค และระดับการศึกษา รวมทั้งสิ้น 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน และความสุขของคนในชาติ หลังจากครบรอบ 1 ปี ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
จากผลการสำรวจ เมื่อถามถึงระดับความสุขของประชาชนในโอกาสครบรอบ 1 ปี ของ คสช. พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 49.44 ระบุว่า มีความสุขเพิ่มขึ้น เพราะคสช. พูดจริง ทำงานจริงจัง บ้านเมืองสังคมเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองลดลง รองลงมา ร้อยละ 40.72 ระบุว่า ยังใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเดิม และยังมีปัญหาบางอย่างที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ การจัดระเบียบสังคม เป็นต้น ขณะที่ ร้อยละ 9.68 ระบุว่า มีความสุขลดลง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูง ถูกลิดรอนสิทธิและเสรีภาพ ยังไม่มีการพัฒนาที่ชัดเจน ปัญหาความแตกแยกยังมีให้เห็นอยู่ และร้อยละ 0.16 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ 6 เดือน คสช. กับการคืนความสุขให้คนในชาติ ที่สำรวจเมื่อเดือน พ.ย. 2557 พบว่าไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรนัก โดยประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 49.28 ระบุว่า มีความสุขเพิ่มขึ้น รองลงมา ร้อยละ 41.69 ระบุว่า มีความสุขเท่าเดิม ขณะที่ ร้อยละ 8.79 ระบุว่า มีความสุขลดลง และร้อยละ 0.24 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ


ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานราชการแผ่นดินครบรอบ 1 ปี ของ คสช. ในประเด็นที่ทำให้มีความสุขมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 55.76 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 55.11) ระบุว่า บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่มีความวุ่นวายทางการเมือง รองลงมา ร้อยละ 10.80 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 14.86) ระบุว่า ไม่มีประเด็นใดที่ทำให้มีความสุข ร้อยละ 9.76 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 5.51) ระบุว่า การมุ่งแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน ร้อยละ 8.48 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 7.19) ระบุว่า การจัดระเบียบสังคม เช่น การจัดระเบียบทางเท้า การจัดระเบียบชายหาด
ร้อยละ 3.52 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 3.99) ระบุว่า การแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ร้อยละ 2.56 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 2.64) ระบุว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวม ร้อยละ 2.48 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 2.00) ระบุว่า การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพประชาชน ร้อยละ 1.36 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 2.24) ระบุว่า การมีเสรีภาพมากขึ้น ร้อยละ 1.20 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 4.87) ระบุว่า การแก้ไขปัญหาปากท้องเกษตรกร ร้อยละ 1.60 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 0.88) อื่นๆ เช่น การปฏิรูปการศึกษา การแก้ไขปัญหายาเสพติด ระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง การจัดการเรื่องที่ดิน และร้อยละ 2.48 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 0.72) ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ท้ายสุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานราชการแผ่นดินครบรอบ 1 ปี ของ คสช. ในประเด็นที่ยังไม่สามารถทำให้มีความสุข พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 25.60 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 28.43) ระบุว่า ไม่มีประเด็นใดที่ไม่มีความสุข รองลงมา ร้อยละ 19.36 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 17.17) การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวม ร้อยละ 17.12 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 15.34) ระบุว่า การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพประชาชน ร้อยละ 13.20 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 13.90) ระบุว่า การแก้ไขปัญหาปากท้องเกษตรกร ร้อยละ 5.68 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 5.27) ระบุว่า การที่ยังไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ร้อยละ 5.60 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 7.27) ระบุว่า การมุ่งแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน ร้อยละ 3.44 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 6.95) ระบุว่า การแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ร้อยละ 2.24 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 1.04) ระบุว่า การมีเสรีภาพที่ยังไม่เต็มที่ของสื่อมวลชน ร้อยละ 0.96 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 1.36) ระบุว่า เรื่องการจัดระเบียบสังคม เช่น การจัดระเบียบทางเท้า การจัดระเบียบชายหาด ร้อยละ 3.60 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 1.68) อื่นๆ เช่น ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การบุกรุกที่ดิน พื้นที่ป่าสงวน ระบบการศึกษา ความเท่าเทียมและความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาล ยาเสพติด พลังงาน แรงงานต่างด้าว หนี้นอกระบบ การปฏิรูปการเมือง และร้อยละ 3.20 (ผลสำรวจเมื่อ พ.ย. 57 ร้อยละ 1.28) ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ