PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ถ้าจีน ‘ฮัดเช้ย’ ไทยร้อง ‘ไอ้หยา’ โดย : กาแฟดำ

04082558 ถ้าจีน ‘ฮัดเช้ย’ ไทยร้อง ‘ไอ้หยา’ โดย : กาแฟดำ
แต่ก่อน คนไทยบอกว่าถ้ายักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐจาม เราก็จะติดหวัด
วันนี้ มีคนเปลี่ยนไปบอกว่าเราต้องพึ่งพาจีนมากขึ้นตามลำดับ เผลอ ๆ ทางด้านเศรษฐกิจ จีนจะกลายเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของเรามากขึ้น
แปลว่าต่อไปนี้ถ้าจีน “ฮัดเช้ย” ไทยก็ต้องร้อง “ไอ้หยา” กันทีเดียว
ทุกสำนักเศรษฐกิจของไทยยอมรับว่า ที่การส่งออกของเราลดต่ำลง จนอาจจะติดลบได้ในช่วงไตรมาสที่สามและสี่ของปีนี้นั้น สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของคือการที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ที่เคยมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ 8-10% ก็หดตัวลงต่ำกว่า 7%
แม้ว่าไตรมาสแรกของจีนจะรายงานอัตราโตอยู่ที่ 7% แต่ก็มีการคาดกันว่าตัวเลขเฉลี่ยทั้งปีอาจจะได้เห็นตัวเลข 6% เศษ ๆ เท่านั้น
เมื่อตลาดหุ้นจีนแสดงอาการผันผวนรุนแรง ไม่เพียงแต่นักเล่นหุ้นที่จะต้องอกสั่นขวัญแขวน แต่ทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจก็จะต้องจับตาทุกความเคลื่อนไหวของจีน เพราะหาก “ฟองสบู่” ตลาดหุ้นจีนแตกจริงอย่างที่นักวิเคราะห์บางส่วนกลัวกัน ส่วนอื่น ๆ ของเศรษฐกิจมังกรก็จะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
และหากตลาดหุ้นกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนเกิดอาการ “ผิดปกติ” ไม่ว่าจะเป็นไปในทางขึ้นหรือลงก็ตาม ผลกระทบก็จะไม่จำกัดอยู่เฉพาะในจีนเท่านั้น แต่ไทยและอาเซียนอื่น ๆ ก็จะพลอยได้รับผลทางลบเช่นกัน
เพราะหากดูสถิติการส่งออกของอาเซียนไปจีนในระยะห้าปีที่ผ่านมาจะเห็นการก้าวกระโดดที่รวดเร็วและรุนแรง
นักวิเคราะห์บางคนประเมินว่าในภาพที่เลวร้ายที่สุด หากจีดีพีของจีนปีนี้เฉลี่ยขึ้นเพียง 6.5% ก็จะมีผลทำให้การโตของผลผลิตมวลรวมของไทยลดลงเหลือ 2.5% โดยที่การส่งออกไปจีนลดลง 3-4%
เพราะจีนคือที่มาของรายได้การส่งออกและการลงทุนของไทย ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง
แต่ถ้ามองภาพกลาง ๆ อย่างที่ไอเอ็มเอฟประเมินเอาไว้ นั่นคือจีนจะมีอัตราโตเฉลี่ยปีนี้ทั้งปีที่ 6.8% ก็จะส่งผลให้จีดีพีของไทยอยู่ที่ 3.3% โดยที่การส่งออกของไทยจะลดลง 2-3%
แน่นอนว่าปัจจัยทางลบอื่น ๆ สำหรับเศรษฐกิจไทยในหกเดือนหลังของปีนี้ยังมีอีกหลายประเด็นเช่นภัยแล้ง ใบเหลืองจากสหภาพยุโรปเกี่ยวกับ IUU หรือการประมงผิดกฎหมาย นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯหรือ Fed และหนี้ครัวเรือนที่พุ่งขึ้นอย่างน่ากังวล
และแน่นอนว่าเรื่องการเมือง รัฐธรรมนูญและความสามารถของรัฐบาล ในการบริหารความคาดหวังของประชาชน ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าหัวข้อต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว
แต่ภาพที่เราต้องพึ่งพาเศรษฐกิจของจีนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นนี้ ทำให้เราต้องทบทวนถึงแนวทางการเมืองระหว่างประเทศ ที่กำลังจะมีความพัวพันกับเศรษฐกิจในประเทศอย่างแยกออกจากกันไม่ได้เลย
การคบหากับจีนเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น แต่นโยบายต่างประเทศและความมั่นคงกับเศรษฐกิจจะต้องเดินไปพร้อมกันเพื่อให้เราสร้างอำนาจต่อรองที่แข็งแกร่ง และไม่ติดอยู่ใน “กับดัก” ของนโยบายต่างประเทศที่ขาดมิติรอบด้าน
การรักษา “ดุลถ่วง” และ “ระยะห่างอันเหมาะสม” ในการคบหาจีน สหรัฐ ญี่ปุ่น อินเดีย สหภาพยุโรปและแม้แอฟริกากับตะวันออกกลาง เป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ และอนาคตของประเทศอย่างใหญ่หลวง
นั่นเป็นทางเดียวที่เราจะสร้าง “ภูมิต้านทาน” ให้กับตัวเองเพียงพอ เพื่อว่าหากยักษ์ประเทศใดจามเสียงดัง เราก็ไม่จำเป็นต้องติดโรคหรือล้มป่วยไปอย่างที่กำลังเห็นอาการอยู่ขณะนี้
- See more at:
แต่ก่อน คนไทยบอกว่าถ้ายักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐจาม เราก็จะติดหวัด
BANGKOKBIZNEWS.COM

รัสเซียเดินหน้าขยายปราบปรามสินค้าลักลอบนำเข้าจากอียูทั่วประเทศ



รัสเซียเดินหน้าขยายปราบปรามสินค้าลักลอบนำเข้าจากอียูทั่วประเทศ
--------------
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (3 ส.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า รัสเซียเดินหน้าปราบปรามผลิตภัณฑ์อาหารที่มีผู้พยายามลักลอบนำเข้าไปจำหน่ายในรัสเซียจากกลุ่มประเทศที่แซงชั่นรัสเซียก่อนและถูกรัสเซียตอบโต้ด้วยการห้ามนำเข้าอาหารจากประเทศเหล่านั้น การปราบปรามในครั้งนี้จะดำเนินการทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะ ณ จุดผ่านแดนเท่านั้น
หนังสือพิมพ์รายวัน Kommersant ของรัสเซียรายงานว่า การตรวจสอบอาหารที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมาย (อยู่ในแบล็คลิสต์) จากประเทศต่างๆที่ร่วมกันแซงชั่นรัสเซียหรือพลเมืองของรัสเซียจะดำเนินการทั่วสหพันธรัฐรัสเซีย ไม่เพียงแต่ตามแนวชายแดนเท่านั้น
รายงานข่าวบอกว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกฯ Dmitry Medvedev ของรัสเซียเตือนว่า มาตรการปัจจุบันเพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าต้องห้ามกำลังถูกขัดขวางโดยผู้ผลิตและผู้นำเข้าพยายามหลบเลี่ยงการแซงชั่นจากรัสเซียด้วยการติดฉลากสินค้าต้องห้ามว่ามาจากประเทศที่สาม จากนั้นก็ขนส่งและกระจายผลผลิตเหล่านั้นไปทั่วประเทศรัสเซีย
อ้าว! ทำไมประเทศที่เรียกตัวเองว่าพัฒนาแล้ว และมีความเจริญทางอารยธรรมถึงได้หัวหมออย่างนั้นหละนั่นหนะ รัสเซียจับได้ว่าประเทศที่ถูกแบนสินค้ามีความพยามลักลอบนำเข้าสินค้าต้องห้ามมาขายในรัสเซียด้วยวิธีการต่างๆ แม้จะออกมาตรการทำลาย ณ จุดผ่านแดนแล้วก็ยังหลุดรอดการตรวจสอบไปได้ ดังนั้น รัสเซียจึงส่งเจ้าหน้าที่่ของรัฐลงตรวจสอบตามตลาดและซุปเปอร์มาร์เก็ตซะเลย ถ้าตรวจพบแล้วก็จะยืดและนำไปทำลายซะให้เกลี้ยง ดูซิว่าอียูจะอยู่ได้ซักกี่น้ำ
Alexei Alekseenko เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสินค้าการเกษตรจากองค์กร Rosselkhoznadzor ของรัสเซียออกมาเสนอทางเลือกเกี่ยวกับการทำลายสินค้าต้องห้ามที่ถูกจับได้บางประเภทว่า "สินค้าประเภทเนื้อสัตว์ และนม ควรจะนำไปทิ้งที่โรงงานขยะสำหรับผลิตแป้งโปรตีน ซึ่งเหมาะสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์" (หมายความว่าผลผลิตทางการเกษตรและอาหารบางชนิดที่มีผู้ลักลอบนำเข้าจากประเทศต้นทางต้องห้ามนั้น คนรัสเซียไม่ต้องกิน ให้เอาไปทำเป็นอาหารให้หมากับแมวและสัตว์อื่นๆกินแทนซะเลย คริๆ ช่วยลดต้นทุนให้กับโรงงานผู้ผลิตอาหารสัตว์ได้เป็นอย่างมาก เพราะได้มาฟรีๆ)
แต่ทางการรัสเซียยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีว่ายอมรับหรือปฏิเสธเกี่ยวกับความคิดเห็นดังกล่าว สุดท้าย Alexei Alekseenko ก็กล่าวว่าการทำลายสินค้านำเข้าต้องห้าม เป็นวิธีเดียวที่จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับผู้ลักลอบนำเข้าได้อย่างแท้จริง
เสียใจด้วยนะอียู ไม่ว่าจะมุดน้ำดำดิน ติดฉลากตบตาว่าสินค้าต้องห้ามนำเข้าเหล่านั้นมาจากประเทศที่สาม ก็ไม่อาจจะรอดพ้นสายตาของรัสเซียไปได้ แม้จะหลุดหลอดนะจุดตรวจผ่านแดน แต่รัสเซียก็มีก๊อกสองคือตามไปตรวจจากแหล่งจำหน่ายปลายทางซะเลย เมื่อพิสูจน์ได้ว่าสินค้าเหล่านั้นมาจากประเทศต้องห้ามจริง ทางการก็จะยึดไปทำลายทันที ใครรับสินค้าประเภทนี้มาขาย ก็มีแต่จะขาดทุน ดูซิว่าอียูจะมามุกไหนอีก

หากจบยก คสช.ต้องลงเวทีไป วิกฤตของบ้านเมืองยังคงเหมือนเดิม ใครต้องรับผิดชอบ?


Chaiwat Suravichai

เรา ได้ใช้ความคิดความรู้สติปัญญาออกแรง ทำอะไรมากพอให้กับแผ่นดินเกิดหรือยัง
04082558 อังคารสีชมพู คอลัมน์ “คิดเพื่อชีวิตบ้านเมืองและแผ่นดินเกิด” กับ ชัยวัฒน์ สุรวิชัย
@ หากจบยก คสช.ต้องลงเวทีไป วิกฤตของบ้านเมืองยังคงเหมือนเดิม ใครต้องรับผิดชอบ?
• 1.ฝากคำถามใหญ่ ให้คนไทยทุกคน ได้คิดก่อนให้คำตอบ
๑. เรา ได้ใช้ความคิดความรู้สติปัญญาออกแรง ทำอะไรมากพอให้กับแผ่นดินเกิดหรือยัง
๒. ใครต้องรับผิดชอบ สิ่งที่เกิดขึ้น
ก. พลเอกประยุทธ หัวเรือใหญ่คสช.ที่สร้าง5สายน้ำ ให้ความหวังคืนสุขให้คนไทย
ข. ไอ้-Eตัวร้ายนอมินีของทักษิณ ที่ใช้อำนาจรัฐโกงทำร้ายประชาชนทำลายประเทศชาติ
ค. ผู้นำสังคมนักวิชาการปัญญาชนเอนจีโอที่เข้ามาทำหน้าที่สปช.
ง. แกนนำกปปส.ที่นำมวลมหาประชาชนขับเคลื่อนใหญ่ จนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องยุบสภา
และก่อให้เกิดช่องว่าง สร้างเงื่อนไขให้ พลเอกประยุทธ นำคสช.เข้ายึดอำนาจฯ
จ. พรรคการเมืองและนักการเมือง
• 2. ความเห็นของ 4 กลุ่มข้างต้น
ก. คสช.-ครม. ; ต้องมาดูหัวหน้าใหญ่ “ พลเอกประยุทธ” กัปตันนาวาไทย
๑. ผมทำตามโรดแมป แล้วแต่ละฝ่ายก็ไปดำเนินกันต่อเอง , เข้าใจไหม
๒. หากจะให้อยู่ต่อ : ก็บอกมา จะให้ทำอย่างไร
ข. ไอ้-Eตัวร้ายนอมินีของทักษิณ
๑. ดูคำพูดแกนนำหลายคนที่ออกมาชี้นิ้วใส่คนอื่น ยกตัวอย่าง
Sms DStation 03/08/2558 14.20
สุรพงษ์ชี้ ร่างรธน.ผ่านหรือไม่ อยู่ที่ คสช.กำกับ ประเทศถอยหลัง-ศก.ถดถอย
แม่น้ำ 5 สาย (คสช. ครม. สนช. สปช. กมธ.ยกร่างรธน.) ต้องรับผิดชอบ
๒. ประชาชน ที่ได้รับเคราะห์กรรมใหญ่จาก การปกครองของระบอบทุนสามานย์ทักษิณ
ใครที่ทำให้ประเทศประสบวิกฤตที่สุดในโลก ต้องรับผิดชอบ
ใช้อำนาจรัฐบาลโครตโกงประชานิยมทำให้ประเทศติดกับดักปัญหาสร้างหนี้แสนล้าน
ใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภาออกกฏหมายขัดรัฐธรรมนูญ ทำเพื่อทักษิณ-พรรคเพื่อไทย
ค. ผู้นำสังคมนักวิชาการปัญญาชนเอนจีโอที่เข้ามาทำหน้าที่สปช.
๑. ไม่ใช่ทำการปฏิรูปให้ดีถูกต้อง แต่ต้องทำให้มันผ่านได้ก่อน เพราะสังคมมีข้อจำกัด
๒. ความขัดแย้งไม่เป็นเอกภาพของแม่น้ำ5 สาย,กมธ.ยกร่างกับสปช.,สปช.ด้วยกันเอง
๓. ปัญหาหลัก อยู่ที่ทางคสช.ไม่ปฏิรูปจริง(แกนนำในหลายภาคส่วนให้ความเห็นภายใน)
ง. แกนนำกปปส.ที่นำมวลมหาประชาชนขับเคลื่อนใหญ่
๑. แกนนำกปปส. เปิดโอกาสให้ คสช.ครม.สนช.สปช.กมธ.ยกร่างรธน.ทำหน้าที่ฯ
๒. ไม่ได้ทำบทบาทในการเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์ ยุทธศาสตร์ยุทธวิธี ต่อ คสช.
จ. พรรคการเมืองและนักการเมือง
๑. แม้จะมีความจำกัดจากคสช.ในการสร้างความร่วมมือในการสร้างสรรค์ประชาธิปไตย
แต่การนำเสนอ ยังอยู่ในกรอบเก่า รักษาผลประโยชน์ของพรรคการเมืองของตน
และมีส่วนเป็นตัวการขัดขวางโอกาสการปฏิรูปการเมืองการปฏิรูปประชาธิปไตยฯ
๒. ไม่ได้เสนอแนะในสร้างสรรค์ ให้มีการสร้างประชาธิปไตยมาก่อนผลประโยชน์ของตน
• 3. ความเห็นของภาคประชาชนต่อ 4 กลุ่ม
ก. พลเอกประยุทธ หัวเรือใหญ่คสช.ที่สร้าง5สายน้ำ
ด้านบวก : เป็นด้านที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน แต่ก็ปิดบังสายตาตนเอง
๑. ทำหน้าที่ได้ดีระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการสร้างความสงบ ทำให้บ้านเมืองเดินต่อได้
๒. แก้ปัญหาของประชาชนและประเทศที่เกิดจากรัฐบาลนอมินีทักษิณได้ส่วนหนึ่ง
๓. ได้ดำเนินการตามโรดแมป
ด้านลบ : หัวใจสำคัญ คือ “ไม่เข้าใจภารกิจ-หน้าที่ของตนในสถานการณ์พิเศษ”
๑. จัดบทบาทตนเองผิด ที่จะต้องประสานร่วมมือกับกปปส.ที่เป็นพลังเปลี่ยนแปลง
ไปจัดการกับพลังล้าหลังที่สร้างวิกฤตใหญ่ให้กับประเทศชาติ
กลับไปวาง กปปส. = ทักษิณพรรคเพื่อไทยแกนนำนปช.(ไม่ให้มีบทบาทซึ่งผิด)
๒. ไม่ได้ส่งเสริมบทบาทคนดีมีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์มาทำหน้าที่
แต่ใช้เครือข่ายพวกเพื่อน มาทำหน้าที่บริหารประเทศ ทำให้มีความจำกัด
๓. ไม่จัดการกับผู้ร้ายตัวฉกรรจ์คือทักษิณยิ่งลักษณ์สมชายและพรรคเพื่อไทยนปช.
ในการลงโทษตามกฏหมายอย่างเด็ดขาดทันกาล และการยึดทรัพย์ที่โกงคืน
๔. ไม่ดำเนินการใช้อำนาจเด็ดขาด ปฏิรูประบบโครงสร้างการเมืองและคุณภาพคน
๕. การใช้ข้าราชการกองทัพ แบบการใช้อำนาจ ไม่มีการแยกแยะคนที่เดือดร้อนจริง
ขาดการเสริมสร้างการแสดงออกในเชิงสร้างสรรค์ แต่ใช้การห้ามไปหมด.
ข. ไอ้-Eตัวร้ายนอมินีของทักษิณ
๑. ไม่ช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
๒. แต่กลับทำทุกวิถีทางที่จะลดบทบาทหน้าที่ของคสช.ครม.และแม่น้ำ 5 สาย
๓. มิหน้ำซ้ำยังไปชักศึกร่วมมือกับต่างชาติและองค์กรระหว่างประเทศ โจมตีไทย
ค. ผู้นำสังคมนักวิชาการปัญญาชนเอนจีโอที่เข้ามาทำหน้าที่สปช.
๑. ไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่หลักที่ต้องเน้นที่การปฏิรูปการเมือง
๒. แต่ไปทำหน้าที่ในประเด็นรองหรือย่อยในส่วนของตนเป็นหลัก
๓. บางคนบางส่วน เน้นแสดงบทบาทตัวเอง มากกว่า คิดถึงเรื่องของส่วนรวม
ง. แกนนำกปปส.
๑. ประชาชนส่วนไม่น้อย ผิดหวัง ที่แกนนำกปปส.ไม่ได้ทำหน้าที่ต่อเนื่อง
ทำให้พลังของมวลมหาประชาชนที่มีคุณค่า ต้องกระจายกัน และหยุดการทำหน้าที่ต่อ
๒. แกนนำสึกแล้วมาจัดตั้งมูลนิธิฯ ก็จะต้องทำหน้าที่เสนอแนะเชิงสร้างสรรค์จริงจัง
จ. พรรคการเมืองและนักการเมือง
๑. ควรจะสนับสนุนส่งเสริมการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย
๒. ต้องช่วยทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนประเทศชาติกรณีต่างชาติทำไทย
• 4. ทำไม ? ไม่ทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบ
๑. ในภาพรวม
ขาดวิสัยทัศน์ของผู้นำคสช.ที่จะมองเห็นทางแก้วิกฤตของประชาชนและประเทศ
ขาดความเป็นผู้นำในระดับรัฐบุรษที่จะกล้าหาญเสียสละทำเพื่ออนาคตของประเทศ
คิดถึงการอยู่รอดของตนเอง ทำงานเฉพาะหน้าที่ เหมือนอยู่ในภาวะปกติ
ขาดการประสานความร่วมมือกับพลังฝ่ายดี ไปขจัดคนและระบบโครงสร้างไม่ดี
ชนชั้นนำในสังคมไทย ล้วนขาดความกล้าหาญเสียสละที่จะออกมาทำหน้าที่เพื่อชาติ
ไม่ได้คิดว่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะเป็นส่วนสำคัญของประเทศไทย
ผู้นำส่วนใหญ่ ยังคงติดกรอบ ประชาธิปไตย=การเลือกตั้ง ต้องสังกัดพรรคการเมือง
ขาดประสบการณ์และบทเรียนในการทำหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ
“ เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจ ขาดประสบการณ์, เมื่อมีประสบการณ์ ก็ไม่มีโอกาส “
๒. ในส่วนเฉพาะ
คนบางส่วน ยังเน้นการสร้างภาพขยายบทบาทของตนเองให้เป็นข่าวฯ
คนบางกลุ่มยังคงมีอคติและขาดการใช้ความรู้สติปัญญาความจริง มาแก้วิกฤต
นักการเมือง นักวิชาการ ยังมีสังกัดขึ้นต่อคนบางคน ต้องรับใช้ เพื่ออนาคตตนเอง
“ ผู้นำบางคนมีความมั่นคงแล้ว ไม่ต้องการทำเรื่องใหญ่ ที่มีความเสี่ยง”
• ข้อสรุป
1.พิจารณาดูแล้ว โอกาสของการปฏิรูปประชาธิปไตยมีน้อย คงต้องกลับไปสู่วัฏจักรเดิม
2.แต่หน้าที่ของคนไทย ต้องพยายามทำทุกอย่างทุกทางเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น
3. คำถามใหญ่ที่ต้องตอบกับตนเอง
เราก็เป็นคนเก่งมีความรู้ความสามารถ ได้รับการยกย่องเชิดชูในฐานะผู้นำของสังคม
เราได้ใช้ความคิดความรู้สติปัญญาและออกแรง มากพอเพียง
ที่จะแก้วิกฤตของสังคมที่มีอยู่หรือไม่ ? ทำไม ?
……………………………

คนฮ่องกงประท้วงคำตัดสินศาล



ภาพของคุณอึ๊งหล่ายหยิง (Ng Lai-ying) 30 ปีที่ได้รับบาดเจ็บจนดั้งจมูกหักระหว่างการชุมนุม แต่แทนที่จะได้รับการเยียวยา ศาลแขวงฮ่องกงเพิ่งตัดสินว่าเธอมีความผิดฐานใช้ “นม” เป็นอาวุธทำร้ายตำรวจ และให้จำคุกสามเดือนครึ่ง เหตุเกิดเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา คุณอึ๊งพร้อมกับแฟนหนุ่มนศ.ที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดและลงโทษจำคุกเหมือนกัน และฮ่องกงอีกหลายคนรวมตัวประท้วงชาวจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางที่เข้าประเทศ เพื่อซื้อสินค้าไปขายในจีน (anti-parallel trading protests) เขาว่ามันกระทบทำให้ราคาสินค้าในฮ่องกงแพงขึ้น และมีการขาดแคลนสินค้าในบางช่วง (เช่น กรณีการแห่ข้ามมาซื้อนมผงสำเร็จรูปไปขายในจีนแผ่นดินใหญ่)
ในคำพิพากษา ศาลบอกว่าคุณอึ๊ง “ใช้ความเป็นสตรีเพศกุข้อกล่าวหาว่าถูกเจ้าหน้าที่ลวนลาม ถือเป็นการกระทำที่มีเจตนาชั่วร้าย” สร้างความเสื่อมเสียแก่เกียรติยศให้สารวัตรใหญ่ที่ทำหน้าที่ควบคุมฝูงชน ศาลหาว่าคุณอึ๊งตะโกนร้องว่าถูกตำรวจลวนลาม ซึ่งคุณอึ๊งบอกว่าตะโกนจริง เพราะรู้สึกว่ามีคนเอามือมาแตะหน้าอกเธอ โดยอาจเกิดตอนที่เธอถูกผลักจนล้มจนจมูกหัก (ดูวิดีโอประกอบ) ช่วงนั้นทั้งตำรวจ ทั้งชาวบ้านดันกันจนชุลมุนวุ่นวาย นอกจากคุณอึ๊งแล้ว ยังมีจำเลยอีกสามคน (“The Yuen Long Four” เป็นชื่อย่านการค้า) ที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด และสั่งลงโทษจำคุกแตกต่างกันไป รวมทั้งแฟนคุณอึ๊งเอง นักเรียนอายุ 14 ปีคนหนึ่งด้วย อย่างน้องอายุ 14 ถูกศาลตัดสินว่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่เพราะเอา “ไหล่” ไปดันแขนขวาของสารวัตรคนเดียวกัน อืม....
เป็นคำตัดสินที่กระตุ้นให้เกิดการชุมนุมใหญ่ “Breast Walk” ทั้งชายทั้งหญิงใส่ยกทรงพร้อมตะโกนและถือป้ายบอกว่า “นมไม่ใช่อาวุธ” บางป้ายบอก "God will punish" ไม่รู้ว่าลงโทษผู้พิพากษาหรือใคร ผู้ประท้วงคนหนึ่งบอกว่า ไม่มีอะไรจะอัปลักษณ์ไปกว่าคำตัดสินของศาลครั้งนี้ “มันเหมือนชี้ไปที่กวางแล้วบอกว่าเป็นม้า” ส่วนผู้พิพากษาก็อ้างว่าถูกขู่ทำร้าย คงมีการประกันคัวออกไป และสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ฟังดูเหมือนศาลฮ่องกงจะเจริญรอยตามศาลในบางประเทศนะครับ หรืออาจเป็นเพราะอิทธิพลของจีนก็ได้