PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

อุ้มสาวคนสนิท 'เดอะกิ๊ก' ซ้อมนำมาทิ้งทางเข้าสนามกอล์ฟ

อุ้มสาวคนสนิท 'เดอะกิ๊ก' ซ้อมนำมาทิ้งทางเข้าสนามกอล์ฟ
สาวสนิท "พงศ์พัฒน์" โดนอายัดทรัพย์เหมือนกัน โดนชายใช้ปืนจี้ขึ้นเก๋งมัดมือรัดคอ แถมทุบสลบเหมือด ก่อนถูกโยนร่างทิ้งทางเข้าสนามกอล์ฟ แต่ไม่ตาย ร้อง รปภ.ช่วยเหลือ

เมื่อเวลา18.00 น.วันที่6มี.ค. ร.ต.ท.จักรทอง คำมาพล ร้อยเวร สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีหญิงสาวถูกมัดมือและรัดคอ แต่ยังไม่เสียชีวิตบริเวณทางเข้าสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ ใกล้กับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ (เอแบค) ถนนบางนา-ตราด กม.26 หมู่ 7 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จึงพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และมูลนิธิร่วมกตัญญู รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณริมบ่อป่าหหญ้าริมทางเข้าสนามกอล์ฟดังกล่าว พบหญิงสาวสภาพอิดโรยไม่มีแรง และมีอาการมึนศีรษะ เนื่องจากถูกของแข็งกระแทกอย่างแรงที่ศีรษะ ทราบชื่อต่อมา น.ส.ชนิตา กินนิส อายุ38ปี อยู่บ้านเลขที่1หมู่2ต.บ้านช้าง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนรีบนำตัวส่ง รพ.บางบ่อ

สอบสวนนายสุพจน์ แซ่หลอ อายุ30ปี รปภ.สนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นรถแท็กซี่สีเหลือง ไม่ทราบรุ่นทะเบียน ขับเข้ามาบริเวณด้านในสนามกอล์ฟ ทีแรกคิดว่าเป็นคนที่เลี้ยงปลาอยู่ด้านหลังสนามกอล์ฟ จึงไม่ได้ให้แลกบัตร โดยสังเกตในรถแท็กซี่นั่งมากัน 3คน โดยเห็นหญิงสาวนั่งซบอกผู้ชายที่เบาะหลังรถแท็กซี่ จากนั้นก็หายเข้าไปด้านในประมาณ5นาที รถแท็กซี่ก็วิ่งออกมา จากนั้นอีกประมาณ10นาทีก็เห็นว่า มีชายใส่หมวกแก็ป ใส่แว่นดำ เดินออกมาคนเดียว ซึ่งตนก็ไม่ได้สงสัยอะไร เมื่อชายคนนั้นเดินออกไปสักพักใหญ่ ก็เห็นผู้หญิงคลานออกมาจากจุดที่รถแท็กซี่วิ่งเข้าไป โดยมีท่าทางเหมือนถูกทำร้ายมาขอความช่วยเหลือ จึงได้เข้าไปดูพบสภาพถูกมัดมือและรัดคอด้วยเชือกไนล่อนและเทปกาว จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามไปที่ รพ.บางบ่อ เพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ทราบว่า น.ส.ชนิตา กินนิส มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ที่ถูกดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูง และรับสินบน โดยหลังจากที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ถูกอายัดทรัพย์สินแล้ว น.ส.ชนิตาก็ถูกอายัดทรัพย์ด้วยเช่นกัน โดยวันนี้ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีการนำทรัพย์สินออกมาขายทอดตลาด จึงได้ออกจากบ้านย่าน ถนนรัชดาภิเษก เพื่อไปที่สำนักงาน ปปง. ในระหว่างทางได้แวะไปกินข้าวที่ห้างเซ็นทรัลรามอินทราขณะที่ลงรถแท็กซี่ที่หน้าห้างได้มีชายมาประกบแล้วเอาอาวุธปืนมาจ่อที่หลังขู่บังคับให้ขึ้นรถเก๋งสีดำ จากนั้นได้ปิดตาและมัดมือ ก่อนจะถูกฟาดด้วยของเข็งที่ศีรษะจนหมดสติ กระทั่งมาฟื้นที่ริมโพรงหญ้าข้างทางสนามกอล์ฟดังกล่าว
น.ส.ชนิตา ยังให้การอีกว่า พ่อตนมีเมีย4คน ตนเองเป็นลูกของเมียคนที่สอง และเมื่อปี2552พ่อพร้อมเมียคนที่3ถูกฆ่ายกครัว5ศพ หลังจากนั้นตนก็ถูกขู่ฆ่ามาโดยตลอด โดยตระกูลของพ่อคือ "ประทุมวาสนา" ซึ่งมีมรดกทรัพย์สินจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเฝ้าดูแลความปลอดภัย น.ส.ชนิตา อยู่ที่ รพ.บางบ่อ โดยยังคงมีอาการมึนศีรษะอย่างหนัก และให้การวกวน ทั้งนี้ คงต้องรอให้สภาพร่างกายดีขึ้นกว่านี้ เพื่อทำการสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นเชื่อว่า คนร้ายคงคิดว่า น.ส.ชนิตา เสียชีวิตแล้ว จึงนำมาโยนทิ้งก่อนที่จะหลบหนีไป ซึ่งจะได้ทำการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและติดตามกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป..


โวยนายกฯตู่ขู่ชกนักข่าว เป็นการข่มขู่สื่อเชิงสัญลักษณ์

โฆษกสมาคมนักข่าวฯ ระบุนายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีข่มขู่สื่อในเชิงสัญลักษณ์
โฆษกสมาคมนักข่าวฯ เรียกร้องนายกรัฐมนตรีทบทวนท่าทีหยุดข่มขู่สื่อในเชิงสัญลักษณ์ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อสาธารณะระบุ “แทบชกหน้า” นักข่าวหลังถูกถามคำถามเกี่ยวกับผลงานรัฐบาล
วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดงานสัมมนาโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ และได้กล่าวตอนหนึ่งแสดงความไม่พอใจการตั้งคำถามของสื่อมวลชน โดยระบุว่านักข่าวได้สอบถามถึงผลงานของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “แทบชกหน้าคนถาม” เนื่องจากเห็นว่าได้ทำงานอยู่ทุกวัน และได้กล่าวให้ฟังเป็นประจำแต่ไม่จดจำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าต้องตอบคำถามวันละหลายครั้ง โดยเฉพาะในวันศุกร์ที่จะต้องพูดเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง (ในรายการคืนความสุขฯ) เมื่อได้พยายามลดลงเหลือครึ่งชั่วโมง แต่ผู้ฟังไม่เข้าใจ จึงจำเป็นต้องพูดยาวขึ้น
ท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่มีต่อสื่อมวลชนในลักษณะดังกล่าว ทำให้นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อและโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เห็นว่าควรทบทวน
นายมานพ บอกกับบีบีซีไทย ว่า การแสดงออกดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้นำประเทศใดควรคิดและกระทำ โดยส่วนตัวเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีอาจอัดอั้นตันใจกับการทำงาน แต่ไม่ควรแสดงออกด้วยคำพูดในลักษณะนี้ เพราะชี้ให้เห็นว่าไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และยังไม่เอื้อต่อบรรยากาศของสังคมไทย
“คนไทย สังคมไทย ให้โอกาสนายกฯ มานานพอสมควรแล้ว ท่านต้องทบทวนตนเอง ในฐานะผู้นำ ไม่ว่าจะมาเป็นผู้นำวิธีการใดก็ตาม” นายมานพ กล่าว
โฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ ยังเห็นว่าคำพูดของนายกรัฐมนตรี แม้จะไม่ใช่การคุกคามสื่อโดยตรง แต่เป็นการคุกคามเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่การคุกคามสามารถทำได้หลายรูปแบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการให้บุคคลข่มขู่ หรือพูดข่มขู่เอง ไม่ตอบคำถาม หรือย้อนถามกลับ
นายมานพ บอกบีบีซีไทยว่า นายกรัฐมนตรีไทยหลายคนในอดีตมีวิธีที่นุ่มนวลหากไม่ต้องการตอบคำถามสื่อ เช่น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จะนิ่งเงียบ นายชวน หลีกภัย มักใช้วลีที่ว่า “กำลังดำเนินการอยู่” หรือแม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยมีสัปดาห์หยุดพูด หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็จะมีวิธีการที่ไม่ตอบโต้ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครแสดงออกในลักษณะที่ดูเป็นเชิงข่มขู่

ว่าด้วยการสืบทอดอำนาจและรัฐประหาร

ว่าด้วยการรัฐประหารและสืบทอดอำนาจ

การที่ผู้นำคณะรัฐประหาร19/9/49 ปฏิเสธรอบแล้วครั้งเล่าว่า จะไม่มีการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ภายหลังจากร่างรัฐธรรมนูญ เสร็จ และภายหลังจัดการการเลือกตั้งนั้น ดูจะไม่มีใครเชื่อกันนักความหวาดระแวงว่าคณะรัฐประหารจะสืบทอดอำนาจเผด็จการ หรือสืบทอดอำนาจการบริหารของตนเองออกไปนั้น เนื่องเพราะความเป็นไปในทางประวัติศาสตร์นั้น ไม่เคยมีคณะรัฐประหารชุดใดเลยในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะยอมก้าวลงจากหลังเสือแบบง่ายๆ แล้วคืนอำนาจการปกครองให้กับประชาชน มีแต่การสืบทอดอำนาจการบริหารออกไปให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้กันทั้งนั้น

ลองอ่านดู "ความนัยระหว่างบรรทัด" ดูก็จะเห็นข้อเท็จจริงได้ไม่ยากเลย...

1.การรัฐประหารปี พ.ศ.2490:สืบทอดอำนาจเผด็จการนาน10ปี

สาเหตุ: พรรคประชาธิปัตย์ โจมตีใส่ร้ายว่านายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น พัวพันอยู่เบื้องหลังกรณีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 ประกอบกับคณะทหารไม่พอใจที่บทบาทของทหารถูกลดเกียรติภูมิลง หลังจากไปร่วมกับญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วกลายเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ในขณะที่เสรีไทยที่เป็นขบวนการประชาชน ถูกยกย่องในฐานะกอบกู้เอกราชให้แก่ชาติไทย

เหตุการณ์: จอมพลผิน ชุณหะวัณ ร่วมกับจอมพลป.พิบูลสงคราม  ทำการรัฐประหารในเดือนพฤศจิกายน 2490 โดยบอกว่า"รักชาติจนน้ำตาไหล"(หนังสือพิมพ์สมัยนั้นล้อเลียนว่ารักชาติจนน้ำลายไหล) แล้วฟื้นฟูเกียรติของจอมพลป.พิบูลสงคราม จากอาชญากรสงคราม กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี และเนรเทศนายปรีดีไปต่างประเทศ

การสืบทอดอำนาจ: คณะรัฐประหารชุดนี้ครองอำนาจมาจนถึงปี พ.ศ.2500 รวมสืบทอดอำนาจ 10 ปี

2. การรัฐประหารปี พ.ศ.2500:สืบทอดมรดกเผด็จการนาน16ปี

สาเหตุ: พรรคเสรีมนังคศิลาของจอมพล ป.ชนะเลือกตั้งท่วมท้น พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเลือกตั้งสกปรก ขณะที่มีข่าวว่าจอมพล ป.จะฟื้นคดีกรณีในหลวงรัชกาลที่ 8 สวรรคตขึ้นมาเพราะมี "ข้อมูลใหม่" ว่านายปรีดีเป็นแพะทางการเมือง

เหตุการณ์: จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ โดยการสนับสนุนของCIAได้ทำรัฐประหารโค่นจอมพล ป.ลงจากอำนาจ ตัวจอมพลป.รวมทั้งจอมพลเผ่าคู่อริสำคัญ หนีตายไปต่างประเทศ จอมพลสฤษดิ์สร้างธรรมเนียมใหม่ด้วยการเข้าเฝ้าถวายรายงานการปฏิวัติต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งแรก

การสืบทอดอำนาจ: จอมพลสฤษดิ์ตั้งพลเรือนสลับกับจอมพลถนอม ลูกน้องสนิทเป็นรัฐบาลหุ่นอยู่ 2 ปี แล้วก็ทำการรัฐประหารตัวเอง ขึ้นเป็นนายกฯเอง ออกกฎหมายสั่งยิงเป้าคนได้โดยไม่ต้องขึ้นศาล กับได้งบจากอเมริกามาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จนทำให้เขาเป็นคนร่ำรวยมหาศาล ภายหลังเขาตายคาอำนาจ สฤษดิ์มีเงิน 2,000 ล้านบาท(เทียบกับสมัยนี้ก็ไม่น่าต่ำกว่า2แสนล้านบาท)

ด้วยการบีบคั้นของสังคม จอมพลถนอมที่ขึ้นรับช่วงอำนาจต้องยึดทรัพย์ลูกพี่ไป 600 ล้านบาท เฉพาะที่พิสูจน์ได้ชัดว่าโกงมาจริงๆ

จากนั้นจอมพลถนอมก็สืบทอดอำนาจมรดกเผด็จการของจอมพลสฤษดิ์ต่อเนื่องยาวนานไปจนถึง 16 ปี ก่อนจะถูกพลังประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้มในกรณี 14 ตุลาคม 2516

3. การรัฐประหาร6ตุลาคม2519:มรดกตกทอดหลายรุ่นรวม12ปี

สาเหตุ: จอมพลถนอม-จอมพลประภาส ที่ถูกนักศึกษาประชาชนขับไล่ออกไปในคราวเหตุการณ์14ตุลาคม 2516 และโดนยึดทรัพย์สินไปหลายร้อยล้านบาท(เทียบกับสมัยนี้ก็หลายหมื่นล้านบาท) เดินทางเข้าประเทศ เกิดกระแสคัดค้านอย่างหนัก รัฐบาลพลเรือนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แถมยังแก่งแย่งอำนาจกันเป็นหลัก ทำให้นักศึกษานิยมซ้าย ได้จัดการ
ประท้วง สื่อมวลชนขวาจัด "ดาวสยาม"และบางกอกโพสต์ ได้ตัดต่อภาพบิดเบือน ทำให้กลุ่มมวลชนฝ่ายขวาร่วมกับกองกำลังจากป่าหวาย และตชด.เข้าล้อมปราบกวาดล้างนักศึกษานิยมซ้ายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ 6 ตุลาคม 2519

เหตุการณ์: พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ภายใต้การสนับสนุนของ "กลุ่มทหารหนุ่ม" นำโดยคณะทหารนำโดยจปร.7 เช่น พ.อ.จำลอง ศรีเมือง, พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร, พ.อ.มนูญ รูปขจร, พ.อ.พัลลภ ปิ่นมณี, พ.อ.บุลศักดิ์ โพธิเจริญ(ยศขณะนั้น)เป็นต้นเข้ายึดอำนาจ

การสืบทอดอำนาจ: คณะรัฐประหารที่ใช้ชื่อว่าคณะปฏิรูปได้ตั้งรัฐบาลหุ่นนำโดยนายธานินท์ กรัยวิเชียร ใช้นโยบายขวาจัด ปราบปรามฝ่ายซ้ายอย่างเด็ดขาด มีนักศึกษาหนีเข้าป่าราว 3,000 คน และออกกฎหมายให้มีอำนาจสั่งยิงเป้าได้แบบยุคสฤษดิ์ แต่แค่ปีเดียวกลุ่มทหารหนุ่มก็ต้องทำรัฐประหารซ้ำขับนายธานินท์ออก แล้วสนับสนุนพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนที่กลุ่มหทารหนุ่มจะจี้ให้เกรียงศักดิ์ลาออก แล้วสนับสนุนพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

พลเอกเปรมได้สืบทอดอำนาจต่อเนื่องจากการรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 ต่อเนื่องไปอีกรวมแล้ว 12 ปี แต่ได้ปรับแต่งเนื้อตัวจากเผด็จการเต็มใบมาเป็นประชาธิปไตยครึ่งไป และมีทีท่าประนีประนอมกับทุกฝ่ายในสังคมมากขึ้น

4. รัฐประหารปี พ.ศ.2524:นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฉายาที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย

สาเหตุ: คณะทหารหนุ่มไม่พอใจที่พลเอกเปรมไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องของพวกตน จึงเข้าทำรัฐประหารเมื่อ 1 เมษายน 2524 มีประชาชน(ที่จัดตั้งไว้)มามอบดอกไม้ให้คณะรัฐประหาร แต่พลเอกเปรมสามารถพลิกสถานการณ์ได้เมื่อได้ถวายอารักขาในหลวงและพระราชินี และแต่งตั้งกองบัญชาการปราบกบฏนำโดยพลตรีอาทิตย์ กำลังเอก(ยศขณะนั้น เหมือนพลเอกสพรั่งในขณะนี้ เพราะแค่ข้ามปีก็พรวดพราดขึ้นเป็นพลเอก เป็นผบ.ทบ.)ในที่สุดกลุ่มทหารหนุ่มต้องยอมแพ้ เดินทางออกนอกประเทศ

เหตุการณ์: ถ้าว่าเฉพาะกำลังทหารนั้นกลุ่มทหารหนุ่มสามารถเอาชนะได้ไม่ยากเลย เพราะคุมกำลังไว้หมด แต่เนื่องจากพลเอกเปรมยึดกุมยุทธศาสตร์ที่เหนือกว่า จึงนำความพ่ายแพ้มาสู่กลุ่มนาย
ทหารหนุ่ม

การสืบทอดอำนาจ: พลเอกเปรมปกครองแบบประชาธิปไตยครึ่งใบ เปิดทางให้นักศึกษาฝ่ายซ้ายกลับเข้าเมือง ถ่วงดุลการแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพ กุมอำนาจทั้งฝ่ายทหาร เมื่อมีใครทำท่าจะขึ้นมามี
บทบาทโดดเด่นก็ขจัดพ้นทาง เช่น กรณีปลดฟ้าผ่าพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก พ้นจากอำนาจ

พันเอกมนูญ รูปขจร ทำการรัฐประหารอีกครั้งในวันที่ 9 กันยายน 2528 แต่ก็ถูกปราบลงราบคาบ ถูกถอดยศเป็นนายมนูญ(ก่อนจะกลับมารับราชการได้อีกครั้งในยุครัฐบาลชาติชาย)

นอกจากนั้นยังแยกสลายพลังฝ่ายการเมือง โดยมีพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนในทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หากมีใครทำท่าจะขึ้นมามีบทบาทเชิงแข่งขันทางการเมือง เช่น กรณีพลตรีประมาณ อดิเรกสาร หัวหน้าพรรคชฃาติไทย(ยศและตำแหน่งในขณะนั้น)ประกาศจะชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรมก็ผลักให้ไปเป็นฝ่ายค้าน กระทั่งนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เป็นลูกพรรคขณะนั้นบ่นด้วยความเข็ดขยาดว่าเป็นฝ่ายค้านแล้ว”อดอยากปากแห้ง”

เกิดยุคสะตอสามัคคีขึ้นมาในช่วงนี้ ประชาธิปัตย์ยึดภาคใต้ได้เด็ดขาด มีเพียงม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในยามเป็นไม้ใกล้ฝั่ง ยืนซดสู้นอกสังเวียนอย่างพอจะสูสีบ้าง แต่ในกลางปี 2531 พลเอกเปรมถูกนักศึกษาออกมาขับไล่ เมื่อหาทางลงที่สง่างามในตำแหน่ง "รัฐบุรุษ" ได้ พลเอกเปรมก็ลาออก แต่เลขาธิการนายกฯ ขณะนั้นคือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ บอกว่า"แค่โรงเรียนปิดเทอม เดี๋ยวไม่นานก็จะ
เปิดเทอมใหม่”

พลเอกเปรมปิดฉากกองมรดกรัฐประหาร6ตุลาคม2519ลงด้วยเวลาสืบทอดอำนาจยาวนานกว่า 12 ปี...

5. การรัฐประหารปี พ.ศ.2534:พลังประชาชนขับไล่ก่อนจะสืบทอดอำนาจ

สาเหตุ: คณะทหาร จปร.5 นำโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร พลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี ได้ยินข่าวลือว่าพวกตนจะโดนปลด หลังจากที่หนังสือพิมพ์ยุให้ทำรัฐประหารรัฐบาลของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เลยไปหยิบยกอ้างว่าอดีตกลุ่มทหารหนุ่ม จปร.7 มีการลอบสังหารพลเอกเปรมและบุคคลสำคัญระดับสูง ในช่วงหลังพ่ายแพ้จากการรัฐประหารปี 2524 จึงต้องออกมาทำรัฐประหารโดยอ้างว่าเพื่อปกปักรักษาราชบัลลังก์ และกำจัดรัฐบาลคอรัปชั่น

เหตุการณ์: ประชาชนที่จัดตั้งก็นำดอกไม้มามอบให้คณะรัฐประหาร พลเอกสุจินดาสร้างธรรมเนียมใหม่คือนอกจากเข้าเฝ้าถวายรายงานการรัฐประหารแล้วก็ยังให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้พวกตนเป็นคณะรสช.ด้วย มีการนำเทปวิดีโอคำสารภาพของพ.อ.บุลศักดิ์ นายทหารจปร.7กรณี "ลอบสังหารบุคคลสำคัญ" ออกมาฉายให้ประชาชนชมหลายรอบเพื่อสร้างความชอบธรรมให้การรัฐประหาร รวมทั้งตั้ง คตส.มีพลเอกสิทธิ จิรโรจน์ขึ้นอายัดทรัพย์รัฐบาลชาติชาย แต่หลังๆ ก็ยึดไม่ได้ซักบาท ต้องคืนให้นักการเมืองหมด

การสืบทอดอำนาจ: มีการตั้งพรรคสามัคคีธรรมให้หนุนพลเอกสุจินดาเป็นนายกฯ ทำให้ประชาชนคัดค้านนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ส่วนในกองทัพก็ตั้งน้องชายของพลเอกอิสระพงศ์สืบทอดอำนาจ ว่ากันว่ามีแผนการสืบทอดอำนาจทางการทหารไปยาวกว่า 20 ปี

อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุนองเลือดขึ้น ในหลวงได้ขอให้คู่ขัดแย้งยุติการนองเลือด แต่กลุ่มผู้ต้องการสืบทอดอำนาจก็ยังดึงดันจะให้พลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ เป็นนายกฯ นอมินี่ แต่ด้วยเดชะพระ
บารมีคลี่คลายให้เหตุการณ์ยุติลง เมื่อมีโปรดเกล้าฯ ให้นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีพระราชทานทำให้คณะรัฐประหารชุดนี้อยู่ในอำนาจสั้นที่สุดเพียงไม่ถึง 2 ปี

6. การรัฐประหารปี พ.ศ.2549:คณะปฏิวัติหุ่นเชิดกับการฟื้นฟูอมาตยาธิปไตย

สาเหตุ: สนธิ ลิ้มทองกุล นักธุรกิจหนังสือพิมพ์ขัดผลประโยชน์กับนายกรัฐมนตรีทักษิณทั้งเรื่องหนี้สิน และอภิสิทธิ์สัมปทานโทรทัศน์ เริ่มก่อการประท้วงได้แนวร่วมจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านนำโดยประชาธิปัตย์ นักวิชาการ ชนชั้นสูง และนักธุรกิจฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณเช่นประชัย เลี่ยวไพรัตน์-เอกยุทธ อัญชัญบุตร ผนวกกับกลุ่มอำนาจเก่าที่ฝังลึกผ่านบทบาทของ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และนักธุรกิจสื่อสารมวลชน ร่วมกันโค่นล้มสิ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" โดยกล่าวหาว่าทักษิณขายหุ้นบริษัทชินฯโดยหนีภาษี เป็นการขายชาติ และสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่ากำลังมีการเผชิญหน้ากันระหว่างมวลชน 2 ฝ่ายคล้ายกับกรณี6ตุลาฯ

เหตุการณ์: พลเอกเปรมแสดงตัวอย่างไม่ปิดบังว่า เป็นศูนย์บัญชาการ และศูนย์รวมจิตใจของการรัฐประหาร โดยการรัฐประหาร19/9/49มีขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการจัดการเลือกตั้ง15ตุลาคม2549ไม่ถึง 1
เดือน ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุนองเลือด โดยให้พลเอกสนธิ บุณยะรัตนกลิน เป็นผู้นำคณะรัฐประหาร ได้กำลังหลักจากพลโทสพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่3 (ยศขณะนั้น)เข้าทำการรัฐประหาร มีกองกำลังทหารเสือพระราชินีของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นกำลังหลักอีกหน่วย กองกำลังรัฐประหารใช้สัญลักษณ์สีเหลือง และสีฟ้าผูกตามแขนและปากกระบอกปืน และใช้ชื่อต่อท้ายว่า "อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข" ทำให้ต่างชาติเข้าใจว่าสถาบันฯสนับสนุนการรัฐประหาร ต่อมาจึงต้องตัดออก

การสืบทอดอำนาจ: ผู้นำคณะรัฐประหารยืนยันหลายครั้งว่า จะอยู่ในอำนาจเพียง 2 สัปดาห์แล้วจะคืนอำนาจให้ประชาชน แต่แล้วก็มีการตั้งรัฐบาลหุ่นให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่าจะเป็นรัฐบาล 1 ปี ส่วนคณะรัฐประหารแปลงร่างเป็นคณะมนตรีความมั่นคงฯ(คมช.) โดยมีอำนาจการบริหารคู่ขนานไปกับรัฐบาลหุ่น จากนั้นมีการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฉบับประชาชนที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แล้วได้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นร่างฉบับใหม่ โดยคณะรัฐประหารบอกว่าจะร่างให้มีเอกลักษณ์สอดคล้องกับวัฒนธรรม "แบบไทยๆ"

ขณะที่น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ “ลูกป๋า”คนสำคัญรายหนึ่ง ได้ขึ้นเป็นประธานการร่างรัฐธรรมนูญ และประกาศโดยไม่ปิดบังว่า ที่มาของนายกรัฐมนตรีนั้นไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น

ที่น่าประหลาดอยู่อย่างก็คือผู้นำรัฐประหารหนล่าสุดนี้คือพลเอกสนธิ บอกว่าเห็นข้อมูลตรวจสอบการคอรัปชั่นของรัฐบาลทักษิณแล้วอยากจะร้องไห้ วลีนี้ไม่ต่างกันเลยจากที่จอมพลผิน ผู้นำการรัฐ
ประหารปี 2490 ที่บอกว่ารักชาติจนน้ำตาไหล(ที่เอาไปเอามาก็จบลงด้วยการรักชาติจนน้ำลายไหล!)

ที่เป็นธรรมเนียมอีกอย่างก็คือคณะรัฐประหารชุดนี้ก็ประกาศเช่นเดียวกับคณะก่อนๆว่า ทำการเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อพวกพ้องหมู่คณะ ไม่มีความมักใหญ่ไฝ่สูงทางการเมืองใดๆเลยสุดท้ายก็จบลงด้วยการสืบทอดอำนาจเผด็จการกันยาวนานนับ10-20ปี...หรือจะมีข้อเว้นให้กับคณะรัฐประหารชุดนี้

เชื่อหรือไม่ว่าจะไม่มีการสืบทอดอำนาจ?

http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2007/04/P5340066/P5340066.html

'ประยุทธ์'โมโหอยากชกหน้านักข่าว

'ประยุทธ์'โมโหอยากชกหน้านักข่าว

'นายกฯ' ไม่คิดสืบทอดอำนาจ โมโหสื่อถามเรื่องผลงาน แทบอยากชกหน้า เล็งเปิดเวทีถามกลับนักข่าว 'สอบ' ส่ง บก. เร่งผลัดดัน ก.ม.ความเท่าเทียมทางเพศ เป็นของขวัญสตรี

 
                              6 มี.ค. 58  เมื่อเวลา 09.30 น.  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนาโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ ที่โรงแรงเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า โดยระบุว่า การที่ประเทศไทยจับมือกับอังกฤษ โดยการเข้าร่วมโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (คอสต์) เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ป้องกันการทุจริต คอร์รัปชั่น และเพื่อให้มีกลไกในการตรวจสอบ การทำงานทุกวันนี้อย่าซีเรียส การทำงานทุกอย่างมีปัญหาอยู่แล้ว วันนี้ที่เราเข้ามา เราต้องการทำทุกอย่างให้ประเทศเกิดความภาคภูมิใจ มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี โดยสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้น ซึ่งตอนที่รัฐบาลนี้เข้ามา มีปัญหามากมาย ทุกคนจึงอยากให้ประเทศเดินหน้าไปได้ โดยนโยบายสำคัญวันนี้ คือ รัฐบาลต้องการที่จะขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่น สร้างความโปร่งใส สิ่งเหล่านี้ถึงจะยาก แต่จะทำอยางไรให้เกิดขึ้นได้จริง และขอกำลังใจจากประชาชนในการให้ความร่วมมือ และเจตนาวันนี้ที่เข้ามาไม่ได้มุ่งหวังสืบทอดผลประโยชน์ สืบทอดอำนาจ ถ้าคิดจะทำเช่นนั้น คงไม่มาทำเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริต และการเข้าร่วมโครงการกับคอสต์
 
                              "ขอให้จำเอาไว้ ไม่รู้จะเอาไว้ทำไม ทำทุกอย่างเพื่อประเทศ เราเข้ามาเพื่อต้องการให้ประเทศปลอดภัย ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น และอยู่อย่างทัดเทียมมิตรประเทศ แม้วันนี้เราจะถูกปรับอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี 2557 อยู่ที่ 35 ซึ่งขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ อยากให้ขึ้นไปมากกว่า แต่คงเป็นเรื่องยาก การสร้างความโปร่งใส ไม่ใช่เรื่องของภาครัฐอย่างเดียว ทุกคนต้องช่วยกัน"
 
                              พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เราจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนยอมรับ จะต้องไม่ใช้กฎหมายในทางที่ผิด หรือสร้างความขัดแย้ง จะต้องไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือสร้างความไม่โปร่งใส เราจะต้องยึดมั่นทำงานให้โปร่งใส และรวดเร็วให้ได้ โดยยึดหลัก ธรรมาภิบาล คุณธรรม จริยธรรม และหลัก 3 ป. คือ ป้องกัน ปราบปราม และปลูกจิตสำนึก วันนี้เชื่อมั่นว่าไม่ได้ใช้อำนาจ หรือไปทรมานใคร ไม่ได้ใช้อำนาจ หรือกฎหมายมาตราใดอย่างที่คนอื่นพูด อำนาจและกฎหมายเหล่านั้นไว้ใช้กับคนไม่ดี ทำผิดกฎหมาย มีคดีความ และขอชี้แจงกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะเอกอัคราราชทูตอังกฤษ ว่า รัฐบาล และคสช. ไม่มีการละเมิดสิทธิเสรีภาพ หรือทรมานใครที่เรียกตัวมา การที่เชิญบุคคลมา 3 - 4 พันคนนั้น มีเพียง 3 - 4 ร้อยคน และดูแลอย่างดี ตอนนี้ปล่อยกลับหมดแล้ว ไม่มีการทรมาน แทบจะโอ๋กันด้วยซ้ำ เป็นการเชิญมาพูดคุย
 
                              "วาระแห่งชาติวันนี้ จะต้องสร้างความเข้าใจ ลดความขัดแย้ง และเร่งการปฏิรูป ที่ผ่านมาทั้ง 2 รัฐบาล ได้มีความพยายามทำมาตลอด แต่ทำไม่ได้ วันนี้จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดแนวร่วมมุมกลับ โดยวันนี้ก็ได้พูดอย่างระมัดระวังในทุกด้าน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด หรือความขัดแย้ง ที่ผ่านมาผมพยายามพูด หรือสั่งการทุกอย่างอย่างระมัดระวัง บางคืนถึงกับฝันว่าสั่งไปจริงแล้วหรือยัง ยอมรับว่าเหนื่อย แต่สู้ได้ ไม่ต้องห่วง อย่าคิดว่าเหนื่อยแล้วจะไปไหน ไม่มีทาง ไม่สำเร็จไม่ไป ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่รู้จะเข้ามาทำไม ไหนใครไม่ชอบหน้าผมก็บอกมาเลย จะได้จบๆ สักที ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็จะไม่อยู่แล้ว ผมทำขนาดนี้ ไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ดังนั้นขอให้ทุกคนร่วมมือกับผมในการเดินหน้าประเทศ ช่วยกันหาทางเดินหน้าต่อให้ได้ ทางไหนตันก็หาทางใหม่"
 
                              พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการอะไรทั้งสิ้น ไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ ตัวเองและรัฐมนตรีทุกคนที่เข้ามา ก็ไม่ได้อะไรเลย ส่วนเรื่องแม่น้ำ 5 สาย อย่าไปกังวล ใครจะอยู่จะไปผมก็ยึดตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว และเดี๋ยวผมจะเป็นคนตัดสินเอง ขอวันนี้อย่านำทุกอย่างมาตีกัน ไม่เช่นนั้นประเทศก็ไม่ต้องไปไหน มีรัฐธรรมนูญก็ตีกันอีก แล้วจะให้ผมทำอย่างไร ทุกประเทศผ่านการปฏิรูปมาหมดแล้ว เราช้ากว่าประเทศอื่นๆ วันนี้เราต้องเอาทุกเรื่องมาปฏิรูป จึงขอใช้เวลา เพราะต้องแก้กฎหมาย กระบวนการ แก้คน แก้ทัศนคติในการทำงาน สร้างกลไกอีกหลายเรื่อง จึงขออย่าใจร้อนมากนัก ใจร้อนมากจะเสียของ เดี๋ยวก็จะเตรียมการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญก็กำลังจะออกมา อย่ากังวล ถ้าประชาชนไม่ยอมรับ ผมก็ไม่เอาด้วยแล้ว ประเทศนี้ ทำไมถึงไม่เข้าใจกัน รัฐบาลนี้เข้ามาเป็นรัฐบาลจริงๆ เพียงแค่ 6 เดือน วันนี้เราจะต้องทำทุกอย่างไม่ให้เกิดแรงต้าน ให้ประชาชนเข้าใจ สีไหนผมไม่สนใจ ถ้าเราดูแลเขาดีและมีความจริงใจให้ มันก็ต้องสามารถทำได้ อย่างวันนี้ผมไปในบางพื้นที่ที่มีคนห้าม ก็ไม่เห็นเขาจะว่าอะไร ในเมื่อที่ผ่านมาผมก็ทำงานให้ทุกคนอยู่แล้ว
 
                              "วันก่อนเจอนักข่าวถามว่า รัฐบาลมีผลงานอะไร ผมแทบจะชกหน้าคนถาม ทำมาตั้งเยอะแยะไม่เห็นหรืออย่างไร วันนี้จะพูดไปเรื่อยๆ ยอมเหนื่อย ยอมเจ็บคอ ต่อไปนี้ทุกคืนวันศุกร์ ข้าราชการทุกกระทรวงต้องจดบันทึกให้รัฐมนตรีให้ทราบว่าผมพูดอะไรไปบ้าง นักข่าวเองก็ต้องฟังเหมือนกัน เวลามาถามจะได้รู้เรื่อง และมีแนวคิดจะเปิดเวทีละถามนักข่าวบ้าง เหมือนการสอบ แล้วส่งให้บรรณาธิการดีไหม วันนี้ผมคิดเยอะอยู่ในหัว รับข้อมูลมาทุกเรื่อง"
 
                              นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในส่วนของข้าราชการก็จะต้องมีการดูแลระบบราชการไม่ให้การเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมา นักการเมืองไม่เคยเซ็นอะไรสักอย่าง คดีที่อยู่ทุกวันนี้ คอยดูเถอะ ข้าราชการจะโดนเป็นจำนวนมาก วันนี้ขอให้ไปช่วยกันคิดเรื่องสัญญาคุณธรรม เร่งรัดให้ได้ภายในปีนี้ว่าจะทำอย่างไร เพราะข้าราชการเองก็ต้องมีเกราะคุ้มกันตัวเอง ไม่ให้กลายเป็นเครื่องมือของนักการเมือง รวมถึงเรื่องสัปทานโครงการประมูลคลื่นความถี่ในระบ สี่จี ก็จะต้องทำให้ได้ภายใน 6 เดือน พร้อมปรับโครงสร้างไอซีที และยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ประโยชน์
 
                              ด้านนายมาร์ค เค้นท์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย กล่าวว่า โครงการของคอสต์ เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2551 ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษและธนาคารโลกเพื่อสร้างกลไกและมาตรฐานความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐที่เน้นการเปิดเผยข้อมูลเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น และใช้เงินภาษีอย่างคุ้มค่า ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ใช้ความกล้าหาญเข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟสสอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้นานาชาติยอมรับ ขณะเดียวกันการป้องกันการคอร์รัปชั่น จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
 
 
 
เร่งผลัดดัน ก.ม.ความเท่าเทียมทางเพศ เป็นของขวัญสตรี
 
 
                              เมื่อเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเปิดงานเนื่องในงานวันสตรีสากล ประจำปี 2558 โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องมีการเร่งรัดในเรื่องของ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมทางเพศ เพื่อให้เป็นของขวัญแก่สตรี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช. โดย พ.ร.บ.ฉบับนี้ มีส่วนในการผลักดันสตรี ให้เท่าเทียมกับบุรุษ คำว่าเท่าเทียมนั้น ต้องดูว่าสัดส่วนเป็นอย่างไร วันนี้หญิงนั้นมีมากกว่า อายุยืนกว่า เพราะผู้หญิงมีความอดทน ปีนี้จึงเป็นปีพิเศษ ในการประชุมวันนี้ผู้หญิงแต่งงานน้อย เพราะอยากมีชีวิตโสด บางคนอยากมีแฟน อยากมีลูกเร็วๆ ซึ่งส่วนใหญ่ที่มีเร็วๆ ผู้ชายหลอกทั้งนั้น ดังนั้นผู้ชายต้องร่วมมีส่วนร่วมในการวางแผนชีวิตด้วย และอยากขอให้เลิกความรุนแรงกับเด็กและสตรี โดยมองว่าผู้ชายเป็นข้าวเปลือก เพราะหว่านที่ไหนก็ขึ้นที่นั่น ไปได้ทั่ว เป็นสิ่งไม่ดี ส่วนผู้หญิงเปรียบเหมือนข้าวสารเพราะกินได้อิ่มท้องนอนหลับ ผู้ชายไปไหนกลับมาบ้านอยู่ในอ้อมอกก็จะกินอิ่มนอนหลับ ส่วนตัวเองยืนยันว่าไม่เคยเมากลับบ้าน
 
                              นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยอมรับว่าวันนี้โอกาสของสตรีที่จะมาเป็นผู้นำแบบผู้ชายในบางเรื่องยังมีน้อยเพราะมีข้อจำกัด บางเรื่องยังต้องให้ผู้ชายเป็นผู้นำ อย่างเช่น สัดส่วนทหารในกองทัพ สำหรับทหารต้องกำหนดบทบาทสตรีให้ชัดเจน ว่าต้องทำงานตรงไหน แต่ผู้หญิงก็ต้องช่วยกันพัฒนาประเทศเนื่องจากมีความอดทนและแข็งแรง ทั้งนี้อยากให้สตรีมีบทบาทเพิ่มเติมในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 สำหรับสัดส่วนในนักการเมือง หญิงชายต้องไปดูว่าสมัครเท่าไหร่ ได้รับเลือกเท่าไหร่ ไม่ใช่ดูทั้งหมดนั้นไม่ได้ โดยในอนาคตอยากให้สตรีเข้ามาสมัครทำงานเพื่อบ้านเมืองเยอะๆ ส่วนที่มีผู้หญิงลาออกจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นั้น ก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน แต่ก็เสียดาย
 
                              นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า หลายอย่างที่ในโลกนี้ยังมีความแตกต่าง ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องจัดระเบียบบ้านเมือง ขจัดความขัดแย้งให้ได้เสียก่อน โดยเราสามารถนำพลังสตรีมาลดความขัดแย้งนี้ได้ รัฐบาลไม่มองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งข้างใดข้างหนึ่งเป็นพิเศษ ส่วนข้อพิพาทระหว่างพระกับฆราวาสนั้น ฝากตำรวจดูด้วยว่า ห้ามให้มีพระเดินขบวน ฆราวาสไปแก้ปัญหาของฆราวาส สงฆ์ไปแก้ปัญหาของสงฆ์ ทะเลาะกันแล้วจะให้ไปห้าม แล้วจะทำอย่างไร
 
                              ทุกวันนี้มีสถานีวิทยุโทรทัศน์กว่า 3 พันแห่งที่ผิดกฎหมาย แล้วจะปล่อยให้เปิดต่อได้อย่างไร รวมถึงมีการปล่อยคลื่นความถี่รบกวนการบิน เดือดร้อนกันไปหมด ประเทศไทยจะเป็นแบบนี้ก็เอา นอกจากนี้ขอยืนยันว่า ไม่เคยมีผลประโยชน์ใด ใครเอาชื่อไปแอบอ้างไปหามา อย่าพูดปากเปล่า โดยวันก่อนมีการอ้างชื่อลูกสาวไปสมัครตำรวจ ซึ่งลูกสาวอยู่บ้านไม่รู้เรื่อง ไอ้คนก็โง่ให้มันหลอก
 
                              ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีสารเนื่องในโอกาสวันสตรีสากล ในวันที่ 8 มี.ค. โดยมีใจความสำคัญว่า รัฐบาลตระหนักถึงความเสมอภาคจึงร่วมกับทุกฝ่ายในการปรับเปลี่ยนมุมมองศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ของสตรีและบุรุษ ตั้งแต่การอบรมเลี้ยงดูให้มีความเท่าเทียม ปรองดองสมานฉันท์ และเนื่องในวันสตรีสากล ขอให้ทุกคนร่วมสร้างสรรค์พัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความเสมอภาคและสันติสุขอย่างแท้จริง

สถานการณ์ข่าว6มี.ค.58

กมธ.ยกร่างฯบทเฉพาะกาล

บทเฉพาะกาลกำหนด ตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ไม่เกิน 120 คน -คณะกรรมการยุทธศาตร์การปฏิรูปแห่งชาติอีก 50 คน

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงความคืบหน้าการพิจารณามาตราที่รอการพิจารณาในบทเฉพาะกาล หมวด 2 การปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรม ส่วนที่ 1 ว่า เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่การดำเนินการปฏิรูปประเทศให้ต่อเนื่อง บรรลุผล จึงให้มีการตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศขึ้น โดยให้มีสมาชิกไม่เกิน 120 คน มีพระมหากษัตริย์เป็นผู้แต่งตั้ง ประกอบด้วย สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ 60 คน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 30 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 30 คน ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ ประกอบด้วย กรรมการซึ่งปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลาและมาจากผู้ทรงวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ไม่เกิน 50 คน พระมหากษัตริย์แต่งตั้งตามมติสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ

ทั้งนี้ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ มีหน้าที่เสนอแนะนโยบายในการปฏิรูปต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในด้านต่างๆ
------------------
บทเฉพาะกาลตัดสิทธิ์กมธ.รธน.2ปีตั้งสภาขับเคลื่อนปฏิรูป

นายคำนูญ สิทธิสมาน โฆษกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พิจารณาบทเฉพาะกาล และมาตราที่ค้างการพิจารณา ซึ่งที่ประชุมพิจารณาข้อเสนอของนายเจษฎ์ โทณะวณิก ที่ให้เว้นวรรคทางการเมืองของแม่น้ำ 5 สาย เป็นเวลา 2 ปี โดยกรรมาธิการ มีมติให้ยืนตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ซึ่งหลังจากกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่งแล้ว ห้ามไปดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองหรื่อกลุ่มการเมือง  เป็นเวลา 2 ปี โดยกรรมาธิการเสียงข้างมากให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวได้ระบุไว้ชัดเจน ว่าให้เว้นวรรคทางการเมืองเฉพาะ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น สปช. และ สนช.ไม่รู้เงื่อนไขนี้ล่วงหน้า จึงไม่เหมาะสมที่จะบรรจุเงื่อนไขนี้ไว้ในรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ว่าห้ามกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการสรรหาคณะต่างๆ ที่จะตั้งขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ  ในมาตรา 279 เพื่อให้การบรรลุวัตถุประสงค์ของการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ จำนวนไม่เกิน 120 คน มาจากสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ 60 คน สมาชิกสภานิติบัญญัติ 30 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏรูป 30 คน พร้อมทั้งตั้ง คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ ที่จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิรูป จำนวนไม่เกิน 15 คน มาจากการแต่งตั้งของพระมหากษัริย์ ซึ่งคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด จำทำหน้าที่ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ / นำแผนงานต่างๆ ที่ได้วางไว้เพื่อการปฏิรูปมาดำเนินการให้เกิดผล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรม ให้ความรูปเกี่ยวกับการปฏิรูป โดยต้องศึกษากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก่อนว่า จะตั้งคณะกรรมการชุดนี้ได้เมื่อใด ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ เช่นเดียวกับนักการเมือง
-----------------------
"คำนูณ" เผย บทเฉพาะกาลตัดสิทธิ์เว้นวรรคทางการเมือง แค่ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2 ปี พร้อมตีตกข้อเสนอ "เจษฎ์"

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลพิจารณาบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ในมาตรา 306 โดย นายเจษฎ์ โทณะวณิก กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะอนุกรรมาธิการร่างบทเฉพาะกาล ได้มีการเสนอให้แม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรคทางการเมือง เป็นระยะเวลา 2 ปีนั้น มติเสียงส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วย ทำให้ข้อเสนอนี้ตกไป แต่ให้ยืนตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ที่กำหนดห้ามมิให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่น หรือ ผู้บริหารท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ หรือผู้ที่ดำรงตำแหน่งใด ในพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมือง ภายใน 2 ปี นับแต่พ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ไม่ได้กำหนดว่า กรรมาธิการทั้ง 36 คน ห้ามไปทำงานในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศ
-----------------
"วันชัย" อัดสื่อบางสำนักนำเสนอไม่ถูกต้อง ทำความหมายที่ ปธ.สปช.ต้องการสื่อผิดเพี้ยน ยันจะทำให้รัฐธรรมนูญออกมาดีที่สุด

นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ วิป สปช. กล่าวถึงกรณีการแถลงข่าวของ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาฏิรูปแห่งชาติ ช่วงวานนี้ ที่มีสื่อบางสำนักพาดหัวข่าวที่ระบุว่า นายเทียนฉาย จะยอมตายหากรัฐธรรมนูญออกมาไม่สมบูรณ์ ซึ่งการพาดหัวข่าวในลักษณะดังกล่าวนี้ทำให้ความหมายของคำพูดของประธาน สปช. ผิดเพี้ยนไป เพราะในข้อเท็จจริงนั้น คือ จะดำเนินการทุกอย่างให้รัฐธรรมนูญออกมาอย่างดีที่สุด เหมาะสมกับคนไทยที่สุด และจะสามารถแก้ไขปัญหาให้ประเทศได้อย่างดีที่สุด และในฐานะที่ดูแลสภาปฏิรูปแห่งชาติ นายเทียนฉาย ยังได้ระบุว่า จะแก้ปัญหาและปฏิรูปการทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดไป และจะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจและสังคม

ทั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นมากกว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมา ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า สปช.จะดำเนินการแก้ไขให้ดีที่สุดและจะอุดรูรั่วช่องโหว่ต่าง ๆ ให้ดีกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ ฉบับปี 2550

ส่วนวาระการปฏิรูปทั้ง 36 ด้าน นั้น นายวันชัย ระบุว่า นายเทียนฉาย ได้รับกรอบแนวทางการปฏิรูปมาจากคณะกรรมาธิการทั้งหมดแล้ว และได้สั่งการให้มีการตั้งกรรมการขึ้น 1 คณะ เพื่อทำหน้าที่เรียงลำดับความสำคัญ และจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 เม.ย.

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ นายเทียนฉาย จะเข้าร่วมประชุมแม่น้ำ 5 สาย โดยมีการนำวาระการปฏิรูปทั้ง 36 ด้าน เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อชี้แจงการดำเนินงานและให้เกิดความเข้าใจตรงกันของทุกฝ่าย
---------------------
กมธ.รธน.ถกบทเฉพาะกาลต่อ-เจษฎ์ยันตัดสิทธิ์กันครหา

การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ มีวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญตามรายมาตราในบทเฉพาะกาล และพิจารณามาตราที่แขวนไว้ทั้งหมด ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน จึงงดให้สื่อเข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยจะเริ่มพิจารณาในมาตรา 315 ซึ่งเป็นมาตราสุดท้ายในบทเฉพาะกาล และนำเรื่องที่ รศ. ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะอนุกรรมาธิการร่างบทเฉพาะกาล ได้มีการเสนอให้แม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรคทางการเมืองเป็นระยะเวลา 2 ปี

 ขณะเดียวกัน นายเจษฎ์ โทณะวณิก กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะอนุกรรมาธิการร่างบทเฉพาะกาล ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กรณีที่ได้มีการเสนอให้
แม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรคทางการเมืองเป็นระยะเวลา 2 ปี ว่า การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นว่าต้องให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ (
ฉบับชั่วคราว) ปี 2557 นั้น เป็นเรื่องปกติที่ต้องเป็นไปตามนี้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่มาจาก คสช. จึงไม่แปลกที่นายกฯ จะเห็นตามนี้

ทั้งนี้  การเสนอแนวคิดนี้เป็นความเห็นส่วนตัว และก็ได้นำเสนอไปตามวาระการประชุม ส่วนจะมีสมาชิกเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้น ก็เป็นธรรมชาติของการประชุม หากไม่เห็นด้วยก็ไม่เสียใจ โดยการเสนอนี้ไม่ใช่เพราะห่วงเรื่องการสืบทอดอำนาจ แต่การที่แม่น้ำ 5 สาย เข้ามาทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศ และเพื่อไม่ให้เป็นข้อครหาว่าเข้ามา เพื่อหวังอะไรเมื่อทำเสร็จแล้ว ส่วนข้อเสนอนี้จะบั่นทอนกำลังใจในการทำงานหรือไม่นั้น ตนเห็นว่า ไม่น่าจะบั่นทอนอะไร หากคิดที่จะทำหน้าที่ให้ดีและไม่ได้หวังว่าจะเล่นการเมืองต่อ อย่างไรก็ตาม คาดว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
------------------
พรเพชร สั่งงดประชุม สนช. ไร้วาระพิจารณา ขณะ บวรศักดิ์ นัดถกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อ ปมเว้นวรรคแม่น้ำ 5 สาย

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา วันนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีคำสั่งงดการประชุม สนช. ในวันที่ 6 มีนาคม 2558 เนื่องจากไม่มีวาระค้างการพิจารณา ภายหลังจากวานนี้ ที่ประชุมพิจารณากระบวนการถอดถอนอดีต 38 ส.ว. ในขั้นซักถามคู่กรณีแล้ว ได้กำหนดวันแถลงปิดสำนวนดคีในวันที่ 11 มีนาคมนี้

ขณะเดียวกัน เวลา 09.00 น. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นัดประชุมเพื่อพิจารณารัฐธรรมนูญรายมาตราต่อเนื่องในบทเฉพาะกาล มาตรา 306 โดยเฉพาะการเสนอให้ตัดสิทธิ์ทางการเมืองของแม่น้ำ 5 สาย ที่จะต้องเว้นวรรค 2 ปีซึ่งเป็นการหารือภายใน งดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ เพราะเป็นประเด็นละเอียดอ่อน
-----------------
"นรีวรรณ" ต้องรอฟังเหตุผลเสนอแม่น้ำอีก 4 สายเว้นวรรค ส่วนตัวมองไม่เหมาะ เป็นการกำหนดกติกาทีหลัง

รศ.ดร.นรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธานกรรมาธิการยกร่าง รัฐธรรมนูญ คนที่ 4 เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า การพิจารณา รายมาตราบทเฉพาะกาลวันนี้เหลืออีกเพียง 2-3 มาตราเท่านั้น ที่ยังหารือแล้วไม่ได้ข้อสรุป หลังจากนั้นก็จะนำเรื่องที่แขวนไว้ทั้งหมดมาพิจารณาเพื่อให้เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดในวันนี้ และเข้าสู่การทบทวนเนื้อหาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะมีการส่งให้กับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และการนำไปชี้แจงกับประชาชนในการลงพื้นที่เวทีต่าง ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ รศ.ดร.นรีวรรณ กล่าวถึงข้อเสนอให้ แม่น้ำ 5 สายเว้นวรรค ว่า เมื่อวานยังไม่มีการพูดคุย ถึง 4 สาย มีเพียงการเห็นชอบตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว กำหนดไว้ให้ กมธ.ยกร่างฯ เท่านั้น ที่จะต้องเว้นวรรค ส่วนอีก 4 แม่น้ำที่เสนอนั้นยังไม่อาจสรุปได้ ต้องรอฟังหลักการ และเหตุผลของผู้เสนออีกครั้งว่ามีเหตุผลอย่างไร ส่วนตัวเห็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะนัก หากจะมีการมากำหนดกติกาเพิ่มเติมทีหลัง
-------------------------
"เจษฎ์" ยันแนวคิดตัดสิทธิ์การเมืองแม่น้ำ 5 สาย ป้องกันข้อครหา ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะอนุกรรมาธิการร่างบทเฉพาะกาล กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แสดงความคิดเห็น การเว้นวรรคทางการเมืองต้องเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 2557 ว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะรัฐธรรมนูญชั่วคราวเกิดขึ้นภายใต้ คสช. พร้อมยืนยันว่า จะยังเสนอแนวคิดนี้ไว้ในรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ของกรรมาธิการจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ยอมรับว่า การเว้นวรรคทางการเมืองจะมีผลกระทบกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในสมัยแรก ซึ่งหลัง 3 ปีทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของตนไม่ได้ป้องกันการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ป้องกันข้อครหาและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
--------------------------------
"ไพบูลย์" ไม่เห็นด้วยแม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรค 2 ปี ชี้ต้องยึดตาม รธน.ชั่วคราว หนุนสัดส่วนสตรีในระบบบัญชีรายชื่อ 1 ใน 3 

นายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการตัดสิทธิทางการเมืองของแม่น้ำ 5 สาย โดยเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ได้กำหนดให้เว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี เฉพาะคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้นบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ในแม่น้ำทั้ง 4 สาย ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน ซึ่งการจะไปตัดสิทธิทางการเมืองจึงดูไม่เหมาะสมและไม่ยุติธรรม

ทั้งนี้ เชื่อว่าจะไม่เป็นการสืบทอดอำนาจและการจะไปเล่นการเมืองต่อ หลังจากพ้นตำแหน่งในแม่น้ำ 4 สาย เป็นสิทธิส่วนบุคคลและสามารถทำได้ หากเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งตามปกติ

นอกจากนี้ นายไพบูลย์ ยังกล่าวว่า เห็นด้วยในเรื่องสัดส่วนสตรีทั้งในระบบบัญชีรายชื่อและสภาท้องถิ่น ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เพราะจะทำให้การดูแลเรื่องสังคมในท้องถิ่นดีขึ้น ซึ่งก็มีกรรมาธิการหลายท่านเห็นด้วย แต่ต้องเคารพในเสียงส่วนมาก หากไม่เห็นด้วย
///////////////
รธน./สืบทอดอำนาจ

นายกฯ ย้ำปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่หวังสืบทอดอำนาจ ทำทุกอย่างให้ประเทศปลอดภัย เรื่องเว้นวรรคยึด รธน.ชั่วคราว 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวเปิดการสัมมนาโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ หรือ CoST ว่า นโยบายสำคัญที่รัฐบาลเคยแถลงไว้คือการขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นสร้างความโปร่งใส ซึ่งที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบต่าง ๆ ทั้งในส่วนภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งอยากให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการเข้ามาปฏิบัติงาน หากมุ่งหวังสืบอำนาจคงไม่ดำเนินการตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศปลอดภัย ทั้งนี้ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตต้องดำเนินการอย่างเป็นธรรมและดำเนินการให้เป็นรูปธรรม การปลูกจิตสำนึกขณะเดียวกันต้องเร่งรัดเรื่องสัญญาคุณธรรมภายในปีนี้ ให้เกิดความเชื่อถือ พร้อมปรับปรุงระบบราชการไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือหาผลประโยชน์ รวมถึงเดินหน้าโครงการ 4 จี ภายใน 6 เดือน

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า ในเรื่องข้อเสนอการเว้นวรรคทางการเมืองแม่น้ำ 5 สายนั้น ยึดตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และขออย่ากังวล โดยจะตัดสินใจด้วยตนเอง พร้อมชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้มีการเรียกบุคคลมาพูดคุยสร้างความเข้าใจเพียง 3-4 ร้อยคน ซึ่งไม่ได้มีการทรมาน และไม่ได้จับคนมาคุมขัง 3-4 พันคน อย่างที่มีการกล่าวหา แต่มีการควบคุมบางบุคคลที่ทำผิดกฎหมายและมีคดี ทั้งนี้ ขอร่วมกันนำประเทศเดินหน้าต่อไป

----------------
พล.อ.ประวิตร บอกเรื่องเว้นวรรค นายกฯ พูดชัดแล้ว ยันไม่คิดสืบทอดอำนาจ ประชุมร่วมยังไม่หารือเรื่อง รธน.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงข้อเสนอให้แม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรคการเมือง 2 ปี ว่า นายกรัฐมนตรีพูดไปหมดแล้ว ยืนยันไม่มีการสืบทอดอำนาจ ถ้าทำเช่นนั้นต่อไปจะไม่มีคนมาทำงาน ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีชี้แจงแล้วคิดว่าคนที่สนับสนุนให้แม่น้ำ 5 สายเว้นวรรคการเมือง 2 ปี น่าจะเข้าใจ

ทั้งนี้ รัฐบาล และ คสช.รับฟังข้อท้วงติงทั้งหมด เพราะเป็นภาพใหญ่ ส่วนแนวทางของรัฐบาลกับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ตรงกัน ก็ต้องมาดูกันอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการยกร่าง แต่เมื่อมาเข้าสู่การพิจารณาของ คสช. ก็ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนการประชุมแม่น้ำทั้ง 5 สาย ในวันที่ 11 มี.ค. นี้ ยังไม่มีการหารือถึงเรื่องดังกล่าว ปล่อยให้คณะกรรมาธิการยกร่างดำเนินการตามโรดแมป

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้สกัดกั้นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลบางกลุ่มนั้น ยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน
----------------------
"ศรีสุวรรณ" ยื่น สปช. ตรวจสอบ สั่งการไม่ให้ สปช. - กมธ.ยกร่าง กระทำการในทางที่มิชอบด้วยกฎหมาย หรือขัดหรือแย้งต่อจริยธรรม

นายศรีสุวรรณ จรรยา อุปนายกและเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อขอให้ตรวจสอบและสั่งการไม่ให้ สปช. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กระทำการในทางที่มิชอบด้วยกฎหมาย หรือขัดหรือแย้งต่อจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในการเสนอหรือแต่งตั้งบุคคลที่เป็นบุตร หรือภรรยา และเครือญาติเข้ามาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการและผู้ช่วยดำเนินการประจำตัว เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ถือว่าเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเอื้อประโยชน์ ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงขอให้ สปช. อย่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และขอให้ดำเนินการตรวจสอบ สั่งการภายในระยะเวลา 7 วัน นับตั้งแต่ที่ได้รับหนังสือร้องเรียนนี้
------------------
ปธ.สภาพัฒนาการเมือง เชื่อ ไม่มีใครยอมรับแนวคิดแม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรค 2 ปี

นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง กล่าวถึงกรณีข้อเสนอให้แม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรคทางการเมืองเป็นเวลา 2 ปี ว่า ในส่วนตัวคิดว่าบุคคลที่ดำรงดำแหน่งดังกล่าวคงไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการกระทบต่อสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้รับ อีกทั้งการเว้นวรรคทางการเมืองเป็นเวลา 2 ปี ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เพียงแค่บุคคลในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น จึงมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่หน่วยงานต่าง ๆ จะยอมรับในแนวความคิดนี้
--------------------
ปธ.สภาพัฒนาการเมือง ชี้ สนช.ตั้งเครือญาติทำงานไม่ถูกต้อง จี้คืนเงินค่าตอบแทน เรียกร้องผู้ตรวจฯ - ป.ป.ช. ตรวจสอบด้านจริยธรรมอย่างเร่งด่วน

นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง แถลงถึงกรณีที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้แต่งตั้ง คู่สมรส บุตรและเครือญาติเป็นผู้ช่วยดำเนินงาน ว่า ในกรณีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพราะบุคคลที่เป็น สนช. ต้องไม่แสวงหาประโยชน์โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้นการให้ผู้ช่วยดำเนินงานพ้นจากตำแหน่งจึงไม่เพียงพอ จึงเรียกร้องให้ สมาชิก สนช.คืนเงินงบประมาณแผ่นดินทั้งหมดที่จ่ายเป็นค่าตอบแทน รวมถึงบุคคลที่ออกมากล่าวเห็นด้วยกับกรณีดังกล่าวควรได้รับการตำหนิจากสังคม

นอกจากนี้ยังเรียกร้องผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจแผ่นดิน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ทำการตรวจสอบจริยธรรมอย่างเร่งด่วน ส่วนสำหรับกรณีบุคคลที่ไม่ใช่คู่สมรส บุตร และเครือญาติ จะต้องทำการตรวจสอบเช่นกัน ว่าได้ปฏิบัติตามหน้าที่หรือไม่ ซึ่งหากพบว่าไม่มีความสามารถหรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ควรต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ในกรณีดังกล่าวจะต้องครอบคลุมไปยังสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) และองค์กรอิสระต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน
//////////////
ความเคลื่อนไหวนายกฯ

นายกฯ เปิดงานวันสตรีสากล ชมผู้หญิงอดทน ขยัน ละเอียดรอบคอบ ยันจะผลักดันกฎหมายส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้น นำพลังสตรีขับเคลื่อนประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2558 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "2 ทศวรรษปฏิญญาปักกิ่งฯ : เสริมพลังสตรี สร้างพลังสังคม" ที่ ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนเดินทางมาเข้าร่วมภายในงานอย่างคึกคัก โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจคอยดูแลตรวจสอบบุคคลเพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมสตรี ว่า มีความอดทน ขยัน ละเอียดรอบคอบ ทำให้มีโอกาสในการทำงานก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับสตรี คือ ร่าง พ.ร.บ.ความเท่าเทียมทางเพศ และจะนำพลังสตรีมาขับเคลื่อนประเทศอย่างสร้างสรรค์ เพื่อลดความขัดแย้ง ส่วนบทบาททางการเมืองของสตรี ควรกำหนดบทบาทหน้าที่บนพื้นฐานที่ชายและหญิงมีความเท่าเทียมกัน ซึ่งจะมากำหนดสัดส่วนโดยจำนวนไม่ได้ เพราะผู้หญิงมีจำนวนมากกว่าผู้ชาย ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะดูแลสตรีอย่างทั่วถึง
-----------------------
คสช.ประเมินสถานการณ์ความมั่นคงปกติดี งานข่าวไม่พบตัวบ่งชี้จะเกิดเหตุรุนแรง ตำรวจเร่งติดตามคนทำผิดอย่างต่อเนื่อง

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกและโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า การประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงทั่วไปยังปกติ การทำงานร่วมกันของฝ่ายปกครอง ทหาร และตำรวจ ราบรื่นดี งานด้านการข่าว ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่ามีอะไรน่าวิตกกังวลในระยะนี้ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเห็นต่าง ก็พยายามบังคับใช้กฎหมาย ควบคู่กับการทำความเข้าใจ และร้องขอให้อยู่ในกรอบเพื่อให้บรรยากาศของบ้านเมืองมีความสงบสุข ให้รัฐบาล และ คสช. ดำเนินงานด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปตามโรดแมป ส่วนความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้กระทำผิดนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและหลักฐาน
-------------------
ผบ.ทบ. ไม่ขอแสดงความเห็นประเด็นข้อเสนอให้แม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรค 2 ปี ชี้ เป็นเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ยัน คสช. ไม่มีเจตนาสืบทอดอำนาจ

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก กล่าวก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกหน่วยกองร้อยของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ที่บ้านดีลัง จ.ลพบุรี ถึงกรณีที่ ดร.เจษฎ์ โทณวณิก กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะอนุกรรมาธิการร่างบทเฉพาะกาล เสนอให้มีการเว้นวรรคทางการเมืองแม่น้ำ 5 สาย คือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าว เนื่องจากในขณะนี้เป็นเพียงแค่ข้อเสนอ ยังไม่ได้ข้อยุติออกมา

ซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้พูดไว้ชัดเจนแล้ว และขอยืนยันว่า คสช.ไม่มีเจตนาที่จะสืบทอดอำนาจหรือแสวงหาอำนาจแต่อย่างใด และทุกอย่างต้องพิจารณาไปตามสถานการณ์
//////////////
สัมปทาน21

ปนัดดา หวัง หารือปิโตรเลียม 2 ฝ่าย วันนี้ แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อเสนอเป็นนโยบายพลังงานที่ยั่งยืน

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายสัมปทานปิโตรเลียม และแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง โดย ม.ล.ปนัดดา กล่าวก่อนการประชุมว่า อยากให้การพูดคุยในวันนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อเสนอเป็นนโยบายพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งจะมีการประมวลผลการประชุมเพื่อให้กระทรวงพลังงาน พิจารณาประกอบเป็นนโนบายของกระทรวงพลังงาน เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป โดย นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่จัดการหารือในวันนี้ เพื่อนำไปสู่บ้านเมืองที่เป็นสุข

ด้าน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ตัวแทนภาคประชาชน กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลที่จัดให้มีการพูดคุยในวันนี้ ขณะเดียวกัน ยอมรับว่า พลังงานเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อน ซึ่งถึงเวลาที่ข้าราชการและภาคเอกชนต้องพูดคุยเพื่อแก้ปัญหา และทำให้ทรัพยากรในประเทศเป็นของคนไทยอย่างแท้จริง ทั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่า ต้องแก้ไขกฎหมายที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2514 ซึ่งรัฐบาลไม่มีอำนาจที่จะกำหนดนโยบายพลังงานโดยตรง และหวังว่า ข้าราชการจะทราบว่าเรื่องใดเป็นเรื่องสำคัญ และปรับปรุงแก้ไขให้ได้มาเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
-----------------------------
"น.ต.ประสงค์" เชื่อ ม.ล.ปนัดดา นำข้อสรุป เสนอ นายกฯ โดยเร็วที่สุด ยันทุกฝ่ายพยายามหาทางออกเพื่อประโยชน์ประเทศ

น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ตัวแทนภาคประชาชน กล่าวว่า การประชุมระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน ในวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเนื่องจากทุกฝ่ายพยายามร่วมกันหาทางออกเพื่อประโยชน์ของ

ประเทศชาติ ขณะเดียวกันเชื่อมั่นว่าข้อสรุปที่ได้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะนำเสนอรายงานถึงนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากทาง
นายกรัฐมนตรี มีความเห็นอย่างไรนั้น จะมีการแจ้งกลับมายังภาคประชาชนอีกครั้ง และเชื่อว่าจะได้รับการแก้ไขเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง
----------------------------
ที่ประชุม สัมปทานปิโตรเลียม ตั้งคณะทำงาน 3 คณะ แก้กฏหมาย  ทบทวนโครงสร้างราคาก๊าซ น้ำมัน และ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมระหว่างภาครัฐ และประชาชน เกี่ยวกับนโยบายการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ว่า ที่ประชุมมีมติให้แต่งตั้งคณะทำงานจำนวน 3 คณะ โดยมีองค์ประกอบฝ่ายละไม่เกิน 10 คน ของแต่ละคณะทำงาน

โดยคณะแรก จะพิจารณาทบทวนการจัดสรรทรัพยากรปิโตรเลียม ทบทวนโครงสร้างและราคาก๊าซ น้ำมันสำเร็จรูป ทบทวนนโยบายเรื่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทับ
ซ้อน  เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ก่อน ส่วนคณะที่ 2 จะพิจารณาการแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พศ.2514 พ.ร.บ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พศ.2514 และกฎหมายที่เกี่ยวกับพลังงานและผลประโยชน์ทับซ้อน และคณะที่ 3 จะพิจารณาในประเด็นการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลียม และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สิทธิชุมชน และสุขภาวะอนามัยชุมชุน โดย ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าให้ภาคประชาชนและภาครัฐร่วมกันหารือเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด
-----------------------

/////////////////
คดีสหกรณ์ยูเนี่ยน

"วิษณุ" ระบุ คดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยึดตามกฎหมาย ป.ป.ช. ขอต่ออายุ เป็นหน้าที่ คสช. ต้องตัดสินใจ 

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยว่า หลังจากได้เชิญ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ว่า แต่ละส่วนดำเนินการไปถึงไหน เพราะคดีนี้เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ซึ่งอยู่ขั้นตอนการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะสาวถึงใคร จะต้องดำเนินตามกระบวนการ เพราะเป็นคดีอาญาอยู่ในชั้นสอบสวน 3 คดี ส่วนคดีทางแพ่ง เป็นการเรียกเงินคืนจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน กับพวกอีก 3 คดี จะมีการนัดหมายภายในปลายเดือนเมษายน นี้

ส่วนกรณีความขัดแย้งระหว่างพระสงฆ์ เชื่อว่าจะทำความเข้าใจกันได้ ส่วนตัวไม่ขอแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตามสถานการณ์เหมือนจะดีขึ้น หลังจากที่มีการยุบคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ และเชื่อว่า จากนี้ไปสถานการณ์น่าจะคลี่คลายอยู่ในระดับที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะขอต่ออายุการทำงานไปอีก 1 ปี ว่า อำนาจในการพิจารณาไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล แต่อยู่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
////////////////////////////
ตรวจสอบศาสนา

"ไพบูลย์" แถลงยุติการทำงานปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา บอกทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว 

นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา แถลงข่าวยุติการทำงานของคณะกรรมการ หลังจากการทำงานตลอด 1 เดือน ที่ผ่านมา กรรมการได้พิจารณาประเด็นสำคัญที่ต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นปัญหาที่สั่งสมมานาน ทั้งเรื่องศาสนสมบัติของวัด และพระภิกษุสงฆ์ ปัญหาของพระสงฆ์ที่ไม่ประพฤติ ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย นำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธา เรื่องการทำผิดพระวินัยและความประพฤติ รวมทั้งปกป้องคุ้มครองกิจการของฝ่ายศาสนจักร ซึ่งถือว่าทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว พร้อมจะเสนอผลการพิจารณาให้ ประธาน สปช. ส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีกระแสกดดันให้ยุบกรรมการชุดดังกล่าว แต่ไม่ใช่ปัจจัยให้ต้องยุติการทำงาน แต่เป็นเพราะภารกิจเสร็จสิ้นมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะสามารถให้พุทธบริษัท และพุทธศาสนิกชนตื่นตัว ออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา
/////////////////////
ศก.ชะลอตัว

ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เผยขณะนี้ไทยเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ห่วงปัญหาความขัดแย้งเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศ ระบุการเปิดเออีซีปลายปีจะเป็นจุดเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจและการเมืองของโลก

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา AEC Business Forum 2015 จัดโดยธนาคารกรุงเทพ โดยระบุว่า ประเทศไทยขณะนี้อยู่ในจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญที่จะต้องปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ แต่ยังเป็นห่วงกลุ่มความขัดแย้งที่ยังมีอยู่ จะเป็นอุปสรรคในการรวมความคิดการพัฒนาประเทศ เพราะขณะนี้ไทยกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทั้งนี้ สำหรับความท้าทายคือจะต้องเอาชนะอุปสรรคให้ประเทศก้าวผ่านความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยหากไทยสูญเสียโอกาสการปฏิรูปประเทศครั้งนี้ อาจทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายและคนไทยจะตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะในอนาคตโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AECในปลายปีนี้ ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองของโลกในอนาคต โดยรัฐบาลจะต้องมุ่งสร้างประเทศให้เป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้ให้ได้ ด้วยการลงทุนระบบขนส่งเชื่อมโยงกันส่วนเอกชนต้องพัฒนาตัวเองเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขัน
///////////////
สถาบันการเงินเอกชน มอง ลดอัตราดอกเบี้ยแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่า ยืนยัน ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า กรณีที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาเงินบาทที่แข็งค่านั้น ยืนยันว่า ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด เพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยที่ระดับร้อยละ 2 ถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก แต่สาเหตุที่ประชาชนไม่มีการบริโภค เนื่องจากประชาชนมีภาระหนี้สูง ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรปรับลดลงมาก  ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่า เป็นผลมาจากรายจ่ายในเรื่องของราคาน้ำมันปรับลดลง เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงมากถึงร้อยละ 50 ส่งผลให้มีเงินสำรองอยู่ในระบบค่อนข้างมาก ดังนั้น ในการแก้ปัญหาโดยการลดดอกเบี้ยอาจไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม การลดอัตราดอกเบี้ย จึงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า และทำให้เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ยืนยันว่า โดยส่วนตัวไม่กังวลปัญหาเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่อง 2
เดือนติดต่อกัน เนื่องจากเงินเฟ้อที่ติดลบมีสาเหตุจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง และยืนยันว่า เงินเฟ้อที่ติดลบ ยังไม่ถือว่าประเทศกำลังเผชิญภาวะ
เงินฝืด เนื่องจากเงินฝืดจะต้องเกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแรง หรือไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ประชาชนไม่มีการจับจ่ายใช้สอย เป็นต้น
/////////////////////////
กระทรวงพาณิชย์ เปิดซองประมูลข้าวเบื้องต้นขาย 7.8 แสนตัน มูลค่า 8 พันล้านบาท เตรียมเสนอ นบข. สัปดาห์หน้า

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวภายหลังการเปิดซองเสนอราคาประมูลข้าว ว่า การเปิดประมูลข้าวครั้งที่ 2/2558 มีผู้ยื่นซองเสนอราคา 40 ราย และมีผู้ชนะการประมูลได้ข้าวไปทั้งสิ้น 38 ราย ปริมาณข้าวรวม 780,000 ตัน จาก 87 คลัง หรือ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 71.7 ของคลังทั้งหมดที่นำออกประมูล ซึ่งหากคำนวณจากราคาพื้นฐาน มูลค่าขั้นต่ำของข้าวที่ขายได้อยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงผลการประมูลเบื้องต้น เพราะในความเป็นจริงผู้เสนอซื้อข้าว ต่างก็เสนอราคาซื้อสูงกว่าราคาพื้นฐาน โดยการขายในครั้งนี้ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ โดย กระทรวงพาณิชย์ จะเสนอคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. พิจารณาในสัปดาห์หน้า
-----------------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่หนักใจ เอกชนร่วมประมูลข้าวน้อย สะท้อนตรวจสอบจริงจัง

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จำนวนเอกชนที่สนใจเข้าร่วมยื่นซองประมูลข้าวในสต๊อกของรัฐบาลครั้งนี้รวม 40 ราย เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่เข้มงวดมากขึ้นประสบความสำเร็จในการตรวจสอบ โดยเฉพาะมาตรการดูแลปัญหาตัวแทนอำพราง หรือ นอมีนี แต่ทั้งนี้ก็เชื่อว่าแม้จะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลไม่มากเหมือนครั้งก่อน แต่ข้าวที่นำออกมาประมูลแบบยกคลัง ปริมาณกว่า 1 ล้านตัน ก็น่าจะระบายได้เกือบทั้งหมด

พุทธอิสระ อ้างเหตุไพบูลย์ ยุกกก.ปฏิรูปศาสนาวัดปากน้ำบีบทหาร

หรือว่าธรรมะจะพ่ายอธรรม
๖ มีนาคม ๒๕๕๘
มีสายรายงานมาว่า วัดปากน้ำบีบทหารให้ถอนคณะปฏิรูปศาสนา มีคุณไพบูลย์ นิติตะวัน และคณะ ออกจากตำแหน่งคณะกรรมการปฏิรูปศาสนา ด้วยเหตุผลว่า คุณไพบูลย์และคณะ อยู่คนละฝ่าย มีอคติ และจ้องจะจับผิดคณะสงฆ์
คำขู่ที่พวกอลัชชีขู่ คือ หากไม่ปลดจะระดมพระออกมาเคลื่อนไหว ที่น่าแปลกใจคือ ทหารดันกลัวคำขู่ ข่าวแจ้งมาว่า ทหารขอร้องมายังคุณเทียนฉาย เพื่อลดความขัดแย้ง และยุติม็อบพระที่จะเคลื่อนออกมากดดันคุณประยุทธ์ คสช. และรัฐบาล โดยทหารได้ให้เหตุผลว่า งานใหญ่ยังรออยู่ อาจทำให้เสียหาย เดินหน้าไปไม่ถึงเป้าหมาย อีกทั้งเพื่อลดอุณหภูมิความขัดแย้ง พวกที่จ้องจะออกมาเคลื่อนไหวจะได้ไม่นำมาเป็นข้ออ้าง ผสมโรงถล่มรัฐบาลและขบวนการปฏิรูป
ฉันรู้สึกว่า พักหลังรัฐใจดี ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ให้กับทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน กลุ่มพระนิสิต กลุ่มเวทีแจ้งวัฒนะ และกลุ่มอื่นๆ ดูท่าว่าทหารจะอดทนมากๆ กับเหตุการณ์ที่ทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายสร้างเงื่อนไขขึ้น คงเพื่อความสงบเรียบร้อยและให้โอกาสทุกกลุ่มได้ระบาย ปลดปล่อยความอัดอั้นออกมาเสียบ้าง เพื่อประโยชน์ของการปกครอง
แต่ยังไงๆ ก็อยากจะขอร้องให้คุณประยุทธ์ คสช. รัฐบาล อย่าได้ทิ้งหลักการความสุจริต ถูกต้อง เที่ยงธรรม และปกปักรักษาหลักการ อุดมการณ์ของศาสนจักรและอาณาจักรให้เจริญ เดินเคียงคู่กันไปให้ได้
หลักการ อุดมการณ์ของอาณาจักร คือ รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
ส่วนหลักการ อุดมการณ์ของพระพุทธศาสนา คือ พระธรรมวินัย
ที่คุณประยุทธ์ คสช. และรัฐบาล ได้พยายามแสดงให้สังคมเห็นว่า การรักษากฎหมายเป็นหน้าที่หลักที่พวกคุณต้องทำให้ได้ ฉันเห็นด้วย ฉันก็จักทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องหลักการ อุดมการณ์ ของพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเสียเงินเสียทอง เสียน้ำตา เลือดเนื้อชีวิต ฉันก็ยอม
ดูท่างานนี้ หากปล่อยให้พวกอลัชชีปฏิรูปสังฆมณฑลเสียเอง ครั้งนี้คงจะมีกฎหมายใหม่ๆ ที่พวกอลัชชีเขียนขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเองและพวกพ้องอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู โดยมิได้ดูหลักธรรมวินัยว่าพระบรมศาสดาทรงสั่งสอนไว้อย่างไร
จะหาว่าฉันมโนเกินไปก็ยอมรับ แต่มันมีเหตุให้ต้องมโนได้เหมือนกัน จากหลายเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นผ่านมา คนผิด คนชั่ว คนทุศีล ล้วนลอยนวล เป็นใหญ่เป็นโต ใช้พระพุทธศาสนา ผ้ากาสาวพัสตร์ ทำมาหากินจนอิ่มหมีพีมัน ร่ำรวยกันทั่วหน้า
หากเป็นอย่างที่ฉันมโนจริงๆ งานนี้ฉันคงจะทนอยู่ร่วมกับพวกอลัชชีพวกนี้ไม่ได้ เพราะไม่หนาพอ หากอยู่แล้วไม่สามารถให้ประโยชน์ได้ สู้ไม่อยู่เสียดีกว่า อายที่จะอยู่
พุทธะอิสระ