PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562

กระทรวงเศรษฐกิจหลัก พลังประชารัฐลั่นเป็นของพรรคแกนนำ


กระทรวงเศรษฐกิจหลัก พลังประชารัฐลั่นเป็นของพรรคแกนนำ

อุตตมชี้คุยปชป.-ภท.ยังไม่จบ ธรรมนัสฉะ ‘ธนกร’ อย่าตีเสมอ ตร.โดดสอบรูป ‘ช่อ’ ในโซเชียล

“อุตตม” บอกเจรจาต่อรองกับ ปชป.- ภท.ยังไม่จบ “สนธิรัตน์” ลั่น ก.เศรษฐกิจต้องเป็นของ พปชร. “ธรรมนัส” ดีดปาก เด็กสามมิตร “เด็กก็ควรอยู่แบบเด็ก ไม่ควรไปเทียบชั้นหัวหน้าพรรค” รับผู้ใหญ่ในพรรคเป็นห่วง “ธนกร” จ๋อยยก “อภัยทาน” หาทางลง โฆษก ภท.จวกแรงไร้มารยาท ชกใต้เข็มขัดเล่นนอกเกม “จุรินทร์” ย้ำคำเดิมยังไม่มีสัญญาณสลับเก้าอี้ ปชป.นิ่งแล้วไร้การต่อรองใดๆ สองพรรคเล็กฮึดทวงเก้าอี้ รมต. “สมคิด” ชี้หน้าที่นายกฯ คัดตัวคนที่ดีที่สุดมาทำงาน ฟังชัดๆ ไม่มีโควตา “สมคิด” “บิ๊กป้อม” บอกยังมีเวลาอย่าห่วง “สมพงษ์” พร้อมเป็นฝ่ายค้านดันแก้ รธน. อนค.ฉะ ส.ว.ลากตั้งหวงอำนาจ ปธ.กกต.รับลูกสอบปูดซื้องูเห่าสีส้ม 120 ล. ตร.เร่งสอบรูป “ช่อ” ว่อนโซเชียล ยกฟ้อง “เอกชัย” กับ คู่หูแจ้งเท็จ “ผบ.ทบ.กบฏ”

การเจรจาต่อรองจัดตั้งรัฐบาลทำท่าจะบานปลาย หลังกลุ่มก๊วนในพรรคพลังประชารัฐเปิดศึก วิวาทะกับ 2 พรรคร่วมอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย เนื่องจากยังเกลี่ยโควตากันไม่ลงตัว ล่าสุดนายธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำภาคเหนือพลังประชารัฐ ต้องออกมาปรามลูกพรรคให้สงบปากสงบคำ

จีนยินดีพลังประชารัฐชนะ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มิ.ย. ที่โรงแรมแชงกรี-ลา นายหลี่ ซี สมาชิกกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประจำมณฑลกวางตุ้ง เข้าพบนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแกนนำพรรค อาทิ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายอิทธิพล คุณปลื้ม รองหัวหน้าพรรค โดยนายหลี่ ซี แสดงความ ยินดีกับไทยที่จัดการเลือกตั้งสำเร็จ พรรคพลังประชารัฐได้รับชัยชนะ ต่อมานายอุตตมให้สัมภาษณ์ว่า นายหลี่ ซี สนใจพัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือ ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ซึ่งนโยบายจีนสอดคล้องกับเรา ทั้งการขับเคลื่อนแก้ปัญหาความยากจน เศรษฐกิจการค้า โดยเฉพาะโครงการอีอีซี ระบบราง ซึ่งไทย-จีนมีหลายจุดเชื่อมต่อ


“อุตตม” รับตั้งรัฐบาลยังไม่จบ

นายอุตตมยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลว่า ถือเป็นสีสันการเมือง สิ่งสำคัญคือเราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ส่วนการเจรจาต่อรองมีเป็นปกติ เชื่อว่าเดี๋ยวก็มีข้อยุติ เมื่อถามว่า การที่ประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าเจรจาจบแล้ว นายอุตตมตอบว่า “เดี๋ยวก็ดู พูดคุยกันอย่างไร บางส่วนจบแล้ว บางส่วนพูดคุยกันต่อ ไม่เป็นไร เรื่องพวกนี้พูดคุยกันได้ เชื่อในทางการเมืองสุดท้ายก็มีข้อยุติ” เมื่อถามว่า ไม่มีรอยร้าวเกิดขึ้นในพรรคและพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอุตตมตอบว่าไม่มี เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุว่าได้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข นายอุตตมตอบว่า เดี๋ยวคุยกันต่อ

“บิ๊กตู่” คนสำคัญเคาะครั้งสุดท้าย

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การจัดสรรโควตากับพรรคร่วม น่าจะจบเร็วๆนี้ ที่ดูเหมือนว่าจะเกิดความขัดแย้งทั้งกับพรรคร่วม และภายในพรรคในการจัดสรรตำแหน่งนั้น มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปมองว่า เป็นความขัดแย้ง ในที่สุดต้องหาข้อยุติ ทุกอย่างน่าจะลงตัวเร็วๆนี้ เมื่อถามว่า แนวโน้มกลับไปยึดดีลเดิมหรือไม่ นายสุวิทย์ตอบว่า ไม่ทราบ ไม่ได้เป็นคนดีล เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังต้องเป็นคนเคาะครั้งสุดท้ายหรือไม่ นายสุวิทย์ตอบว่า ต้องให้เกียรติท่านในฐานะผู้นำประเทศ และผู้นำรัฐบาล น่าจะเข้ามามีส่วนสำคัญในการตัดสินใจ หลังได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว ส่วนทั้ง 4 อดีตรัฐมนตรีจะได้ไปต่อ ในรัฐบาลหน้าครบหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ทุกคนทำได้ทุกภารกิจ ไม่เจาะจงตำแหน่งใด

“สนธิรัตน์” ลั่นเศรษฐกิจต้อง พปชร.

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในฐานะพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องเร่งดำเนินการเรื่องสำคัญ เช่น ด้านเศรษฐกิจ เร่งแก้ปัญหาปากท้อง รายได้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างอนาคตและฐานรายได้ใหม่ เป็นไปตามนโยบายที่สำคัญของพรรค จำเป็นต้องมีกลไกของรัฐในกระทรวงหลักทางเศรษฐกิจ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดความคล่องตัว ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะชะลอตัวและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ต้องพึ่งพาความสำเร็จในการทำงานของรัฐบาล ผลักดันนโยบายตามที่สัญญาไว้ เช่น ขยายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การดูแลราคา และ หาตลาดให้สินค้าเกษตร เร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างงาน สนับสนุนและยกระดับเอสเอ็มดี พัฒนาอุตสาหกรรมยุค 4.0 ขับเคลื่อนอีอีซี ดึงดูดการลงทุนต่างประเทศ โดยจะเร่งเจรจาให้เป็นที่ยอมรับ ของทุกฝ่ายโดยเร็ว แบ่งโควตาตรงตามนโยบาย

“ธรรมนัส” ดีดปากเด็กสามมิตร

ด้านนายธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มีปัญหาตามข่าวที่ปรากฏ เป็นเรื่องของมารยาทการเมือง เราอุตส่าห์ไปเชิญเขามาร่วม เด็กก็ควรอยู่แบบเด็ก ไม่ควรไปเทียบชั้นหัวหน้าพรรค ต้องไปตักเตือนว่าทำอะไรต้องคิดไม่ใช่พูดอย่างเดียว แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น ส่วนการจัดตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีต้องรอหลังโปรดเกล้าฯ ต้องให้นายกฯเป็นคนจัดการ ท้ายที่สุดเชื่อว่าต้องมีผู้ใหญ่มาเจรจาเพื่อยุติปัญหาจะจบลงได้ ทุกอย่างจะแก้ไขได้ ส่วนกระแสข่าวการดึงเก้าอี้รัฐมนตรีต่อเนื่องนั้น เป็นเรื่องผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่มติพรรค พรรคต้องให้ความสำคัญกับผู้ที่เป็น ส.ส. ต้องสร้างกฎเกณฑ์ให้มีวินัย ไม่ใช่คิดจะพูดอะไรก็พูด โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง

ผู้ใหญ่ห่วงเรียกร้องให้กลุ่มตัวเอง

เมื่อถามว่า ประชาชนมองว่าพรรคการเมืองและนักการเมืองหาผลประโยชน์กัน นายธรรมนัสตอบว่า จริงๆแล้วผู้ใหญ่ก็เป็นห่วงกับการที่ไปพูดหรือไปเรียกร้องให้กลุ่มก้อนของตัวเอง ทำให้ประชาชนมองเป็นอย่างนั้น เข้าใจว่าผู้ใหญ่ของพรรคจะเรียกคุย และคงมีทิศทางเหมือนการเลือกประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ก็จบลงด้วยดี เมื่อถามว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ ออกมาปลุก 11 พรรคเล็กทวงเก้าอี้ นายธรรมนัสตอบว่า มีเพียงนายมงคลกิตติ์คนเดียวเท่านั้น มองว่านายมงคลกิตติ์ยังไม่เข้าใจเรื่องการเมือง แต่มองเป็นเรื่องสีสัน เวลาเขาคุยเป็นการเป็นงานก็เป็นคนจริง แต่บางครั้งบางบริบทอยากจะแสดงออก ก็ปล่อยเค้าไป แต่ยอมรับว่าบางครั้งการแสดงออกกระทบต่อภาพลักษณ์

“ธนกร” จ๋อยยก “อภัยทาน” เข้าข่ม

วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ภาพคำสอนของหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ระบุว่า “การยกโทษ” อาจดูเหมือนเราโง่ เหมือนเราแพ้เหมือนเรายอม แล้วเขากำเริบ เราเสียเปรียบ ความจริงไม่ใช่ เรากำลังบำเพ็ญบารมีขั้นสูง คือ “อภัยทาน” อันเป็นทานบารมีอันสูงสุด อภัยทานคือคำสอนของพระพุทธเจ้า พร้อมกับติดแฮชแท็กว่า #ไม่ตอบโต้แน่นอนครับ #ไม่ใช่วัยรุ่นคึกคะนองครับ (พูดเองเจ็บเอง) #ประเทศชาติและประชาชนต้องมาก่อนครับ”

ภท.จวกไร้มารยาทเล่นนอกเกม

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ตอบโต้นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่กล่าวพาดพิงถึงการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทย หวังหางานเข้าบริษัทของตัวเอง ว่า การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นเรื่องผู้ใหญ่ของทั้ง 2 พรรค ได้หารือถึงความเหมาะสม ควรให้ผู้ใหญ่จาก 2 พรรคคุยกันดีกว่า อย่าทำบรรยากาศให้ประชาชนเบื่อหน่าย ที่บอกว่าเราต้องการกระทรวงคมนาคม เพราะต้องการหางานเข้าบริษัทตามที่นายธนกรกล่าวอ้าง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะชัดเจนว่านายอนุทินไม่ได้มีตำแหน่งบริหารใดๆในบริษัทอย่างที่นายธนกรเข้าใจ การออกมาตีกินทางการเมือง โจมตีกันอย่างนี้ถือว่าเสียมารยาททางการเมือง การจะทำงานร่วมกันควรไว้ใจกัน พูดคุยกันโดยตรง ไม่ใช่ออกมาพูดกดดันผ่านหน้าสื่อ การทำแบบนี้เหมือนจ้องเล่นนอกกติกาชกใต้เข็มขัด เพื่อหวังให้จุกแล้วจะมัดมือชก อย่างนี้เล่นนอกเกมกันเกินไป

ไม่มีสัญญาณสลับเปลี่ยนเก้าอี้

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะไม่มีการหารือตัวบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯนายกรัฐมนตรีก่อน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่จะมีการเปลี่ยนกระทรวงที่แต่ละพรรครับผิดชอบ ทุกอย่างยังเป็นไปตามที่มีข้อยุติไปแล้ว ยังไม่เคยมีการประสานงานเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ขอไม่ใช้คำว่ายืนยันในข้อตกลงเดิม เพราะจะกลายเป็นเหมือนทะเลาะกัน หรือขัดแย้งกันไปมา บอกได้ว่านับตั้งแต่วันที่ตกลงกันก็ได้ข้อยุติ และไม่มีสัญญาณใดจากแกนนำตั้งรัฐบาลที่จะเปลี่ยนแปลง และไม่ขอพูดล่วงหน้าว่าหากไม่เป็นไปตามข้อตกลงเดิมแล้วพรรคจะทำอย่างไรเพราะเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น


ปชป.นิ่งแล้วไร้การต่อรองใดๆ

เมื่อถามถึงกรณีที่นายอุตตมะ สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความว่าการเจรจายังไม่นิ่ง นายจุรินทร์กล่าวย้ำว่า เป็นข้อยุติในนาทีสุดท้ายก่อนพรรคมีมติร่วมรัฐบาล และยังไม่มีการประสานมาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ตนพูดถือว่าชัดเจนแล้ว ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์นิ่งแล้วไม่ได้ต่อรองอะไรอีก ทุกอย่างยุตินานแล้ว แต่รอขั้นตอนการโปรดเกล้าฯนายกฯ ซึ่งนายกฯหรือพรรคแกนนำจะแจ้งว่าต้องการให้ส่งรายชื่อตัวบุคคลเมื่อไหร่ อย่างไร จากนั้นพรรคจะมีกระบวนการขั้นตอนตามข้อบังคับต่อไป ส่วนกรณีที่ทางพลังประชารัฐระบุนายกฯจะเป็นคนเคาะรายชื่อรัฐมนตรีสุดท้ายนั้น ไม่อยากคาดเดาอะไร ต้องมองด้วยความเป็นธรรมจากความเป็นจริง เพราะเราเคยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลมาหลายครั้ง เมื่อพรรคร่วมส่งรายชื่อมานายกฯต้องดูอยู่แล้วว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ เป็นการตรวจสอบคุณสมบัติ ถือเป็นงานประจำที่ทำเนียบ เมื่อทุกอย่างถูกต้องนายกฯต้องนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ

ปัดวิจารณ์ปัญหาภายในคนอื่น

เมื่อถามย้ำว่า หากมีการกระทำนอกเหนือจากที่เคยปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ไม่อยากให้พูดไปก่อนเพราะจะกลายเป็นปัญหาโดยไม่จำเป็น เมื่อถามว่ายังมีความมั่นใจหรือไม่ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปได้ตามเป้าหมาย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า บอกไม่ได้ อยู่ที่พรรคแกนนำต้องเป็นตัวหลัก และต้องเป็นผู้ตอบคำถามนี้ เราเป็นแค่ผู้ร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง และไม่ขอพูดหรือวิจารณ์ความไม่เป็นเอกภาพภายในพรรคพลังประชา–รัฐ เพราะจะกลายเป็นการให้ความเห็นข้ามพรรค

ยังไม่เคาะใครได้ขึ้นรัฐมนตรี

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ว่า ที่ประชุมตั้งคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และความเสมอภาคทางเพศ โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับความเสมอภาคและสิทธิขั้นพื้นฐานในชีวิต ทรัพย์สิน การอยู่ในสังคมอย่างเป็นธรรม และการเปิดพื้นที่ให้สตรีมีส่วนร่วมกิจกรรมทางการเมืองเต็มรูปแบบ โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์อีกครั้งวันที่ 11 มิ.ย. เพื่อพิจารณารายงานของคณะกรรมการปฏิรูปพรรคชุดต่างๆอีกกว่า 10 คณะ แต่ยังไม่มีพิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์ คุณสมบัติตัวบุคคลที่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างที่เป็นข่าว จะเริ่มขึ้นได้ต่อเมื่อมีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกฯแล้ว ตามข้อบังคับพรรค


สองพรรคเล็กทวงเก้าอี้ รมต.

ช่วงเที่ยงที่ร้านทีเฮาส์ ถนนวิภาวดีรังสิต นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นัดกลุ่ม 10 พรรคเล็ก ประกอบด้วย พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรค พลังไทยรักไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชานิยม พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลเมืองไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ และพรรคพลังธรรมใหม่ เพื่อหารือถึงตำแหน่งทางการเมือง ปรากฏว่าพอถึงเวลานัดหมายมีเพียง 2 พรรค คือ นายพิเชษฐ สถิรชวาล พรรคประชาธรรมไทย และพรรคไทยศรีวิไลย์ของนายมงคลกิตติ์เท่านั้นที่มาร่วมหารือ นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า เรื่องโควตารัฐมนตรีอยากขอความเป็นธรรมให้ 10 พรรคเล็กด้วย เพราะหากเทียบกับพรรคชาติไทยพัฒนาที่ได้ ส.ส. 10 คน ได้โควตารัฐมนตรี 2 ที่ พรรค ชาติพัฒนามี ส.ส. 3 คน ได้ 1 ที่นั่ง ดังนั้นพรรคแกนนำควรเปิดโอกาสให้พรรคเล็กแสดงฝีมือด้วย ส่วนตัวพร้อมเป็นฝ่ายค้าน หากยังไม่มีข้อยุติเรื่องดังกล่าว

ได้แค่ขู่แต่ยังไม่กล้าถอนตัว

ต่อมานายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ต้องการสอบถามความชัดเจนว่า 10 พรรคเล็กจะได้รับตำแหน่งใดบ้าง เห็นพูดถึงแต่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นจะได้ดูแลกระทรวงใด แต่ 10 พรรคเล็กไม่พูดถึงเลย เหมือนกับไม่ได้อะไรเลยทั้งที่มี 10 ที่นั่ง อย่างน้อยควรมี 2 เก้าอี้ ที่ผ่านมาพรรคเล็กส่งรายชื่อหัวหน้าพรรคทั้ง 10 คนไปยังพรรคแกนนำ ว่าแต่ละคนมีคุณสมบัติถนัดงานด้านใดบ้างเช่น ตนถนัดงานด้านแรงงาน นายมงคลกิตติ์ ถนัดงานด้านการศึกษา ให้พรรคแกนนำพิจารณาว่าจะจัดสรรตำแหน่งอะไรให้ตรงกับคุณสมบัติ แต่ยังไม่มีคำตอบชัดเจน เมื่อถามว่าหาก 10 พรรคเล็กไม่พอใจ จะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายพิเชษฐตอบว่า เราไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว เพราะประกาศหนุนพรรคพลังประชารัฐไปตั้งแต่แรก ต้องร่วมรัฐบาลต่อไป เหมือนตกเป็นภริยาเขาไปแล้ว ต้องดูว่าจะพาพวกเราไปรอดหรือไม่

“ธรรมนัส” แจ้นเคลียร์กลุ่มสิบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายพิเชษฐ และนายมงคลกิตติ์ นัดหารือร่วมกันช่วงเช้า นายธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำภาคเหนือและรับผิดชอบดูแลพรรคขนาดเล็ก ได้นัดหารือกลุ่ม 10 พรรคเล็ก หรือ “กลุ่มสิบ” ทันทีที่โรมแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว ต่อมานายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย แถลงจุดยืนร่วมกับนายธรรมนัสว่า ยังยืนยันจุดยืนเดิมคือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาล นพ.ระวีกล่าวว่า ต่อให้กลุ่ม 10 ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี พรรคพลังธรรมใหม่จะไม่เปลี่ยนจุดยืนเดิม เรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีให้เป็นดุลพินิจของ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจ ยังยืนยันกลุ่ม 10 ยังเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น ไม่แตกกันเหลือ 8 พรรคตามข่าวลือ ขณะที่นายธรรมนัสกล่าวว่า สัดส่วนตำแหน่งของพรรคเล็กนั้น เชื่อว่าหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์จะเรียกทุกพรรคหารือเพื่อหาทางออก แต่ตอนนี้ขอให้หยุดสร้างวาทกรรม วันนี้มาให้กำลังใจและมาร่วมรับฟังเท่านั้น

ฮึ่ม “มงคลกิตติ์” อย่าล้ำเส้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในระหว่างการหารือเกือบ 1 ชั่วโมง นายธรรมนัสได้เข้ามาร่วมประชุมด้วย โดยบางช่วงของการพูดคุย ได้ตักเตือนนายมงคลกิตติ์ให้ระมัดระวังการแสดงความเห็น และท่าทีทางการเมือง โดยเฉพาะการต่อรองเก้าอี้ นอกจากนี้หัวหน้าพรรคบางคนในกลุ่ม 10 ยังได้ยื่นคำขาดในที่ประชุมว่า หากนายมงคลกิตติ์ยังล้ำเส้น ก็อาจมีการทบทวนร่วมกันว่าจะมีนายมงคลกิตติ์อยู่ร่วมในกลุ่ม 10 ต่อไปอีกหรือไม่ ด้านนายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ยืนยันยังอยู่ในกลุ่ม 10 พรรค และยืนยันสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เหมือนเดิม แต่การจัดตั้งรัฐบาลต้องใจกว้าง รอบคอบ เชื่อว่านายกฯ เป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง ไม่เคยลืมท่าน และหวังว่านายกฯจะไม่ลืมตน เพราะตนดูแลนายกฯมาตั้งแต่ปี 2557 ช่วงที่มีการชุมนุม

“ประยุทธ์” เป็นปลื้มจีนชมเปาะ

วันเดียวกันเวลา 09.30 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายหลี่ ซี สมาชิกกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจํามณฑลกวางตุ้ง สาธารณ-รัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์แสดงความชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ที่ใกล้ชิดผูกพันกันมานาน พร้อมเน้นย้ำการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน และการผลักดันความร่วมมือเชิงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ อาทิ ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” และการพัฒนาและเชื่อมโยงเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “ประเทศไทย 4.0” โครงการ EEC เชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดการพัฒนามายังประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งไทยพร้อมให้ความสนับสนุนในฐานะประธานอาเซียน ขณะที่นายหลี่ ซี กล่าวชื่นชมไทยที่จัดการเลือกตั้งทั่วไป โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ส่งผลให้ความสัมพันธ์ไทย-จีนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องผลักดันความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ

“สมคิด” ชี้หน้าที่นายกฯคัด รมต.

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางจีนไม่เคยถามอะไรเกี่ยวกับการเมืองของไทย และเป็นมิตรกับเราเสมอ ยืนอยู่ข้างเราเสมอ เมื่อยังเป็นนายกฯคนเดิมก็มีความต่อเนื่องในความแน่นแฟ้นของความสัมพันธ์ และเชิงนโยบาย ส่วนการฟอร์ม ครม.เป็นหน้าที่ของนายกฯโดยตรง แต่ละพรรคต้องเสนอรายชื่อบุคคลที่เห็นสมควรมา การตัดสินใจต้องเป็นของนายกฯว่าทิศทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ต้องเลือกบุคคลที่ดีที่สุดมาทำงาน และท่านคงเชิญทุกท่านที่เกี่ยวข้องมาดูเรื่องนโยบายร่วมกัน ประเทศต้องมีการขับเคลื่อน และทุกคนก็พยายามส่งคนดีให้นายกฯเลือกสรร

ปัดไม่รู้เห็นการจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามว่า ขณะนี้ทุกพรรคพยายามจับจองเก้าอี้ที่ตัวเองต้องการ นายสมคิดตอบว่า พรรคก็คัดสรรบุคลากรส่งไปให้ นายกฯก็ฟอร์มให้ดีที่สุดแล้วกัน เพราะประเทศต้องเดินไปข้างหน้า นี่เป็นธรรมชาติของการเมือง เมื่อถามย้ำว่า ยังมีการถกเถียงตอบโต้กัน นายสมคิดกล่าวว่า “เห็นหน้าตาผมไหม สดชื่น ผมไม่ได้อ่าน อ่านมากก็ไม่ค่อยสดชื่น ผมว่าประเทศกำลังเข้าสู่จุดที่ดีขึ้น อยากให้สามัคคีกันไว้ ให้นายกฯดูให้ดีที่สุดแล้วกัน ผมเชื่อว่าทุกพรรคคงมุ่งทำดีต่อประเทศทั้งนั้น” เมื่อถามว่า คิดว่าทุกอย่างจะลงตัวโดยเร็วหรือไม่ นายสมคิดตอบว่า อยู่ที่นายกฯ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ควรเอาคนหนุ่มสาวเข้ามาทำงานให้มากขึ้น ผู้ใหญ่อายุมากก็ช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ ส่วนภาพที่ออกมาเป็นเรื่องของการต่อรองเก้าอี้นั้นตนไม่ทราบ ไม่ได้อ่าน ไม่ได้ดู

ฟังชัดๆไม่เคยมีโควตา “สมคิด”

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนเก่าๆควรถอยไปเป็นที่ปรึกษามากกว่าไหม นายสมคิดตอบว่า อยู่ที่แต่ละคน คนอายุมากก็มีประสบการณ์ที่ดี อยู่ที่สุขภาพอนามัยด้วย ตนอยู่มา 2 สมัย 10 ปีพอดี คิดว่ารับใช้บ้านเมืองมาพอสมควรแล้ว ไม่ได้หวงอะไรเลย ถ้าจะอยู่ก็ต้องดูว่าทำอะไรให้บ้านเมืองได้ไหม เดือนหน้าอายุ 67 ปีแล้ว สุขภาพก็ทรุดโทรมทุกวัน “เห็นไหมผอมลงไหม ตอนนี้ตัวเล็กกว่าภรรยาแล้ว” เมื่อถามว่า ชื่อนายสมคิดยังไม่เคยหลุดจากโผ ครม. นายสมคิดตอบว่า เป็นเรื่องของนายกฯ พยายามส่งคนดีให้นายกฯคัดสรร บ้านเมืองต้องไปได้ อยากให้มองในแง่ดี ทั้งจีน ญี่ปุ่น และอเมริกา มาเมืองไทยหมด เราต้องแสดงให้เขาเห็นว่าเรามีเอกภาพ เมื่อถามว่าหากนายกฯเห็นศักยภาพจะอยู่ต่อหรือไม่ นายสมคิดตอบว่า ไม่ทราบ อยู่ที่นายกฯ เมื่อถามย้ำว่า มีการระบุถึงสัดส่วนโควตาของนายสมคิดด้วย นายสมคิดตอบทันทีว่า “ฟังไว้เลย ผมเป็นคนที่ไม่มีโควตา ผมมาทำงานแต่ละครั้ง ผมไม่ได้รับใช้ใคร มาทำงานให้บ้านเมืองเท่านั้น การที่ผมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ มองว่าท่านเป็นคนที่ช่วยดูแลประเทศได้เท่านั้น ทุกคน นักการเมืองทุกคนที่เข้ามาก็ต้องทำเพื่อบ้านเมือง ถ้ามาแล้วทำงานกันไม่ได้ ประเทศจะลำบาก ถ้าเราคิดเสียอย่างนี้ ทุกคนก็เป็นเพื่อนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันทั้งนั้น เดี๋ยวเขาก็ดีกันเองไม่มีอะไร อย่าไปอ่านมาก อย่าไปลงข่าวมาก”

“ป้อม” บอกยังมีเวลาอย่าห่วง

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่เรียบร้อย ว่า ไม่ทราบ ส่วนจะทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายหรือไม่นั้น ก็ว่ากันไป จะให้ทำอย่างไร ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะไม่ได้ดำเนินการ และยังไม่ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ว่ากันไป เมื่อถามว่าเมื่อไหร่การตั้งรัฐบาลจะลงตัว พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ทราบ นายกฯไม่ได้ปรึกษาอะไรตน ส่วนการแย่งชิงกระทรวงกันของพรรคการเมืองต่างๆ คงไม่ต้องไปให้ข้อคิด เพราะเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ขณะนี้ยังมีเวลาปล่อยเขาไปก่อน ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อถามว่าพรรคเล็ก 10 พรรคขู่ถอนตัวจะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ตนไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ได้นายกฯแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล

“วิษณุ” เชื่อวุ่นยังไงก็เดินหน้าได้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่ลงตัวว่า ไม่แน่ใจคำว่าไม่ลงตัว เพราะอาจอยู่ไกลจากข้อเท็จจริง บางส่วนรู้จากสื่อ บางส่วนได้ยินคนนั้นคนนี้พูดแต่ไม่ใช่บุคคลสำคัญจึงไม่รู้ว่าไม่ลงตัวจริงหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาเห็นเป็นเช่นนี้ทุกครั้งตอนจะตั้งรัฐบาล แล้วก็เดินหน้าไปได้ทุกครั้ง เมื่อถามว่ามีการมองว่ารัฐบาลหน้าจะอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบว่ามาจากไหน สื่อเป็นคนสร้างกระแส แล้วตนก็เชื่อกระแส เลยไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าได้รับการทาบทามร่วมรัฐบาลแล้วหรือยัง นายวิษณุตอบว่า ไม่มี ไม่เคยได้ยินว่ามีชื่อตน ดีแล้วที่ไม่มีใครนำมาพูด เมื่อถามว่ามีการล็อกตำแหน่งรัฐมนตรี นายวิษณุตอบว่า ไม่รู้ว่าเขาทำกันอย่างนั้น ได้ยินแต่ข่าวไม่รู้ว่ามันเท็จหรือจริง มีน้ำหนักขนาดไหน เรื่องเช่นนี้ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ และนายกฯคงทราบ อยู่ในฐานะที่ตอบได้ชัดเจน คนอื่นคงตอบยาก ตนไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐแม้แต่นิดเดียว บางอย่างอาจรู้ในส่วนที่อยู่ซีกรัฐบาล แต่ก็เป็นรัฐบาลปัจจุบัน ไม่ใช่รัฐบาลหน้า


อนค.ขอแก้ รธน.เป็นสิทธิ ส.ส.

นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ประกาศผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญบทเฉพาะกาลมาตรา 272 ว่า เป็นสิทธิของนายปิยบุตรในฐานะ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณีที่ทาง ส.ว.ไม่เห็นด้วย คงไม่ถึงขนาดคัดค้าน แต่เป็นการตั้งข้อสังเกตว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ง่ายอย่างที่พูด ถ้าทำได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ความเห็นต่างของสมาชิกรัฐสภาเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเรารักที่จะอยู่ในระบอบปกครองแบบนี้ ก็ต้องยอมรับ และอดทนต่อสิ่งเหล่านี้ ส่วนกรณีที่นายเอกพันธุ์ ปิณฑวนิช ผู้อำนวยการสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งข้อสังเกตว่าการคำนวณคะแนน ส.ส.ของ กกต. อาจมีข้อผิดพลาดนั้น ตนไม่ทราบ เราไม่รู้ว่าใครถูกหรือผิด แต่วันนี้คนที่มีอำนาจคือ กกต. ต้องไปหักล้างสิ่งที่ กกต.คิด ไม่ใช่สร้างกระแสสังคมให้รู้สึกคล้อยตาม ทั้งนี้การใช้อำนาจของ กกต.อาจจะผิดได้ หากมีองค์กรที่มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด ก็ต้องว่ากันใหม่

เลขาสภาฯซ้อมพิธีรับพระบรมราชโองการ

ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยสถานที่ และซักซ้อมพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกฯคนใหม่ ที่ตึกภักดีบดินทร์ นอกจากนี้ สำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่จะเข้าทำข่าวให้แต่งกายสุภาพ งดกางเกงยีนส์ งดเสื้อยืดไม่มีปก งดปล่อยชายเสื้อ และสวมรองเท้าหุ้มส้น โดยแจ้งว่าขอให้แต่งกายสุภาพเพื่อเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดได้รับการประสานจากทีมงานนายกรัฐมนตรี ให้เดินทางมายังตึกภักดีบดินทร์ ภายในทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 12.45 น. ของวันที่ 11 มิ.ย. เพื่อร่วมพิธีการสำคัญ และแจ้งให้แต่งกายชุดปกติขาว

“สมพงษ์” พร้อมเป็นฝ่ายค้าน

วันเดียวกัน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเจรจาต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ดูเหมือนแย่งชิงกันทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความยากลำบากนั้น การจัด ครม. ครั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขผิดปกติ มีความพยายามผลักดันให้พรรคที่ไม่ได้ ส.ส.จำนวนมากที่สุดได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ก็เป็นเพียงรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยขอให้เจรจาผลประโยชน์ทางการเมืองให้จบโดยเร็ว และจัดตั้งได้สำเร็จ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติ พรรคเพื่อไทยพร้อมจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบอย่างเข้มข้นต่อไป ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางการเมือง และการบริหารประเทศในอนาคตต่อไป

น่าเศร้าทุกพรรคไม่เห็นค่า ศธ.

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็นครู รู้สึกใจหายกับระบบการศึกษาไทย เพราะแต่ละพรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลอยู่นี้ ไม่มีใครพูดถึงกระทรวงศึกษาธิการเลย ทั้งที่ผ่านมามีการพูดถึงการปฏิรูปการศึกษา แต่พรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกลับพยายามเอากระทรวงศึกษาไปแลกกับพรรคอื่น และแถมกระทรวงเล็กๆไปด้วย เสมือนขายเบียร์แถมเหล้าขาว เพื่อเอากระทรวงที่สามารถทำมาหากินได้กลับเข้ามาไว้เป็นโควตาตัวเอง ดูเหมือนทุกพรรคจะปฏิเสธกระทรวงศึกษาฯ มองว่าเป็นเรื่องน่าเศร้ากับทิศทางการศึกษาไทย จึงไม่แปลกที่การจัดการศึกษาไทยยังไม่ประสบผลสำเร็จ

อนค. ฉะ ส.ว. ลากตั้งหวงอำนาจ

นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึง ส.ว. ดาหน้าออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เกี่ยวกับอำนาจการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว.ร่วมกับ ส.ส. ว่า การยกข้ออ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศนั้น ไม่จริง การทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ สามารถทำควบคู่กันไปได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของพรรคอนาคตใหม่ เพื่อให้สังคมไทยกลับมาอยู่กับหลักประชาธิปไตย อำนาจการลงมติเลือกนายกฯต้องอยู่ที่ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง หากปล่อยให้ ส.ว.แต่งตั้งมีอำนาจตามมาตรา 272 จะทำให้ ส.ว. มีอำนาจโหวตนายกฯร่วมกับ ส.ส. ถึง 2 วาระ ส่วนข้ออ้างเรื่องผลการทำประชามติ ต้องชี้แจงให้ชัดด้วยว่า การทำประชามติเมื่อปี 2559 เกิดขึ้นภายใต้มาตรา 44 ไม่เป็นไปอย่างเสรีเป็นธรรม ผู้ที่คัดค้านไม่สามารถรณรงค์ได้เต็มที่ และมีการจับกุมคุมขังคนที่เห็นต่าง

ปธ.กกต. รับปากจะพลาดให้น้อยลง

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. พร้อมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้บริหาร พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ร่วมพิธีสักการะพระพรหม ประจำศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เนื่องในโอกาสวันครบรอบวันสถาปนาสำนักงาน กกต.เป็นปีที่ 21 นายอิทธิพรกล่าวว่า จะศึกษาความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น หรือให้มี ความผิดพลาดน้อยลง เพราะจุดมุ่งหวังของการทำ งานของเรา คือจะทำงานให้ดีที่สุด พยายามทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

รับลูกสอบปูดซื้องูเห่าสีส้ม 120 ล.

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคอนาคตใหม่ออกมาเปิดเผยข้อมูลซื้อตัว ส.ส.แลกกับการโหวตนายกฯ 120 ล้านบาท จะมีผลให้ถูกยุบพรรคหรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า เรื่องนี้สำนักงาน กกต.รับคำร้องไว้แล้ว จะพิจารณาว่ามีหลักฐานข้อมูลเบื้องต้นเพียงพอหรือไม่ ถ้าเพียงพอจะรับไว้พิจารณาตามขั้นตอน แล้วเสนอที่ประชุม กกต. หลังจากนั้นจะพิจารณาว่ากรณีดังกล่าวเข้าข่ายลักษณะใด ส่วนมีความคืบหน้าการตรวจสอบคำร้องต่างๆในการเลือกตั้งที่ผ่านมาในขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะให้ใบแดง มีบางส่วนที่ยกคำร้อง บางส่วนให้สืบสวนไต่สวนเพิ่มเติม

ฟุ้ง ลต.ท้องถิ่นผวากระแส อนค.

อีกเรื่อง นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรอง ผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่นของพรรค กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนรัฐศาสตร์การปกครองท้องถิ่นมาตลอดชีวิต การเมืองระดับชาติกับท้องถิ่นต้องเชื่อมโยงกัน กลับกันถ้าไม่เชื่อมกันจะยิ่งลำบาก พรรคไหนดังๆแรงๆ ผู้สมัครต้องการแรงหนุนจากพรรคเหมือนผู้ว่าฯ กทม. ต่อจากนี้คนที่จะไต่เต้าสู่การเมืองระดับชาติควรมาจากการเมืองท้องถิ่น คนที่ติดต่อมาเพราะอยากได้แบรนด์อนาคตใหม่กันทั้งนั้น ตนได้รับการติดต่อมาเยอะมากทั้งติดต่อขอลง ขอไม่ให้ลง กลัวอนาคตใหม่บอกอย่าลง แต่ตนบอกว่าไม่ได้ต้องว่ากันตามระบบ

ตร. เร่งสอบรูป “ช่อ” ว่อนโซเชียล

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่โพสต์ภาพไม่เหมาะสมในสื่อโซเชียลมีเดียว่า เบื้องต้นศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) แจ้งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดว่ามีส่วนใดที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบข้อกฎหมายต่างๆ ว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดหรือไม่ และมอบหมายให้ ผบช.ส.ตรวจสอบอีกทาง เบื้องต้นยังตอบไม่ได้ว่าผิดกฎหมายข้อใด หรือจะผิดไม่ผิดอย่างไร แต่จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆให้มากที่สุด โดยจะยึดหลักกฎหมายเป็นตัวตั้ง

“ศรีสุวรรณ” จองเวรยื่น ป.ป.ช. สอย

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า วันที่ 11 มิ.ย. กกต. เชิญไปไต่สวนกรณีร้องเรียนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้พรรคกู้ยืมเงิน 110 ล้านบาท ส่อขัด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 66 จากนั้นจะไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ น.ส.พรรณนิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่พบหลักฐานในโซเชียลมีเดียว่า น.ส.พรรณิการ์โพสต์ภาพและข้อความจำนวนมากในเฟซบุ๊ก @Pannika Chor Wanich ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันอย่างมิบังควร ส่อขัดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และยังอาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีโทษพ้นจากตำแหน่ง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี

ยกฟ้อง “เอกชัย” กับคู่หูแจ้งเท็จ

ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ศาลอ่านคำพิพากษา ที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายศาลแขวง 2 เป็นโจทก์ฟ้องนายเอกชัย หงส์กังวาน และนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ เป็นจำเลยที่ 1-2 นักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ที่ฝ่ายกฎหมาย คสช.แจ้งความนายเอกชัยและนายโชคชัย ข้อหาแจ้งความเท็จ หลังทั้งคู่แจ้งความ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในข้อหากบฏ กรณีที่ ผบ. ทบ.ให้สัมภาษณ์ทำนองไม่รับรองว่าจะมีการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2561 ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่เพียงพอฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ยกประโยชน์ความสงสัยให้แก่จำเลย พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสอง

“จุลเจิม” ขอไกล่เกลี่ย “ธนาธร”

ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์คดีที่พรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นโจทก์ที่ 1-2 ฟ้อง ม.จ.จุลเจิม ยุคล ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทั้งนี้ทนายโจทก์และทนายจำเลยผู้รับมอบอำนาจเดินทางมาศาล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก ม.จ.จุลเจิม ขึ้นแถลงศาลขอให้เลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยมีความประสงค์ที่จะนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกับโจทก์ โดยฝ่ายโจทก์แถลงไม่คัดค้าน ศาลอนุญาตให้เลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องออกไปเป็นวันที่ 30 ก.ค. เวลา 13.30 น.

ระวังโดนเจาะ


ยังอลหม่านตามคาด แม้จะได้นายกรัฐมนตรีชื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับ มาอีกคำรบแต่ความลงตัวของการจัดตั้งรัฐบาล เกลี่ยตำแหน่งรัฐมนตรียังไม่จบลงง่ายๆ

และดูท่าว่าจะอลเวงยุ่งเหยิงยุ่งหยอยยิ่งกว่าฝอยขัดหม้อ

พรรคประชาธิปัตย์ยืนกระต่ายขาเดียวว่าดีลแรก สารตั้งต้นที่เคยทิ้งหัวเชื้อไว้ ยังไงก็ต้องเป็นแบบเดิม กระทรวงพาณิชย์ เกษตรและสหกรณ์ อย่ามายื้อแย่งคืนไปให้ยาก

เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ตัวจี๊ดจากประชาธิปัตย์ ขู่ฟ่อถ้าพรรคพลังประชารัฐเอา 2 กระทรวงนี้คืน เท่ากับเป็นการผิดสัญญาหรือเงื่อนไขที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ด้วยประการทั้งพวง

หากพลังประชารัฐจะมัดมือชก ได้ตำแหน่งนายกฯไปแล้วไม่แคร์พรรคร่วม ก็อยากฝากบอกว่าไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าผิดสัญญาตั้งแต่ต้นเท่ากับไม่มีหลักประกันใดๆว่าจะไม่ผิดสัญญาอีกในอนาคต

ยังไม่ทันร่วมหอลงโรงอย่างเป็นทางการดี ก็ออกงิ้วออกแขกกันแล้ว

เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย อีกพรรคขนาดกลางตัวแปรสำคัญ เห็นเงียบๆแต่จ้องจะฟาดเรียบนะครับ

“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กสั้นๆ ระบุ กระทรวงมีไว้ให้คนเข้าไปทำงาน ไม่ใช่มีไว้ให้มาเที่ยวแลกไปมา จบข่าว!!!

พร้อมย้ำเงื่อนไข กระทรวงคมนาคม สาธารณสุข การท่องเที่ยวและกีฬา จองแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้

และเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาทันที เมื่อโทรโข่งตัวจี๊ดพรรคพลังประชารัฐ “ดร.แด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ ออกมาสวนแบบไม่ไว้หน้า “กากี่นั้ง”

กระทรวงมีไว้ทำงานให้ประชาชน ไม่ได้มีไว้หางานเพื่อบริษัท แสบไปถึงทรวงมั้ยล่ะโยม!!!

เริ่มต้นก็สาวหมัดซัดกันเองซะแล้ว ทั้งที่พรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ต้องหอบกระเตงกันทำงานไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในฐานะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

เห็นสมการตัวเลขกันชัดเจนไปแล้วในช่วงของการเลือกประธานสภาฯ และนายกรัฐมนตรี ขั้วรัฐบาลมีเสียง ส.ส.เกิน 250 คนอยู่แค่ 1-2 เสียง

หากยังตั้งแง่เล่นเกมชักเย่อสาวไส้กันไปมาไม่เลิกแบบนี้ สภาพการณ์รัฐบาลทุลักทุเลแน่

ถ้าวันไหนสภาฯประชุมนัดสำคัญ ต้องนับองค์ประชุม แล้วเกิดอาการน้อยใจนอตหลุดกันขึ้นมาก็เอวังพังพาบ

ขณะที่ภาพที่ออกมาตอนนี้เหมือนจะต่อรองกันหนักจนควันออกหู ไม่เหลือความเกรงใจกันแล้ว

หากเป็นแบบนี้เรื่อยๆไปวันหนึ่งอาจทิ้งระเบิดลงมากลางวง แยกย้ายสลายโต๋ตัวใครตัวมันให้รู้แล้วรู้รอด เข้าตำราแยกกันไปตายดีกว่าอยู่!!!

จึงถือเป็นงานหนักของ “ลุงตู่” อย่างแท้จริง จะประคองรัฐนาวาที่ลอยปริ่มน้ำไม่ให้อับปางได้ยังไง หากลูกเรือไม่ช่วยกันพาย แถมจ้องเจาะรูให้เรือรั่ว แบบนี้ก็ปวดกบาลแย่

ฉะนั้น ต้องรีบสะสางปัญหาภายในให้จบโดยเร็ว เพราะมีเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาให้ชาวบ้านรออยู่อีกเพียบ

ที่สำคัญประชาชนจับตาดูอยู่ว่าโฉมหน้ารัฐมนตรีของ “ลุงตู่” จะหล่อชวนมอง หรือขี้เหร่เรียกเสียงยี้ และการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่จะฝากความหวังไว้ได้หรือไม่???

นี่คือจุด “คีมึ้ง” ที่ชี้วัดว่า “ลุงตู่” จะได้ไปต่อยาวๆ หรือล่มปากอ่าว!!!

“พ่อลูกอิน”

เหนือกว่าดีลผู้มีอำนาจ


Share : 

“ปักหมุด” กระทรวงคมนาคม “บ่อน้ำมัน” ให้ฝ่ายค้านในสภานอกสภารอถล่มกันจะจะ

ตามปรากฏการณ์แบบที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เด็กปั้นค่าย “สามมิตร” โพสต์เฟซบุ๊กลอยๆกลางอากาศแบบแสบๆคันๆ

กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่มีไว้ให้เข้าไปหางานเพื่อบริษัท

ในจังหวะเบิ้ลมุกไล่หลัง “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เสี่ยใหญ่ยักษ์ก่อสร้างซิโนไทย โพสต์เฟซบุ๊ก “กระทรวงมีไว้ให้คนเข้าไปทำงาน ไม่ใช่มีไว้ให้มาเที่ยวแลกกันไป จบข่าว”

ชามข้าว “คมนาคม” ส่อล่อกันร้าวตั้งแต่ยังไม่เริ่มตั้งวงรัฐบาล

สถานการณ์เดียวกันกับลีลาของ “เดอะคึกรายวัน” นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตอนแรกแสดงจุดยืนรับไม่ได้กับการหนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรี แต่พอโหวตพลิกลิ้นหนุน ก็ประกาศย้ำแล้วย้ำอีกเป็นรอบที่ 10 กว่าๆ ประชาธิปัตย์ต้องได้คุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงพาณิชย์

ขู่ลั่นจากปักษ์ใต้มาเลย ถ้ายึกยักพร้อมถอนยวงร่วมรัฐบาล

ไม่เว้นแม้แต่อาการของทีม กปปส.อย่างนายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่ออกมาโพสต์ด่าคนในพรรคตัวเองต่อรองรัฐมนตรีจนน่าละอาย แถมถือหางพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ต่อรองโควตารัฐมนตรีเป็นเรื่องธรรมดา

เปิดไต๋ ยื้อก้างโควตา รมว.พลังงานไว้ให้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ พี่ใหญ่ทีม กปปส.ในพรรคพลังประชารัฐ ตีกันไม่ให้เอาเก้าอี้ รมว.พลังงานไปแลกกับกระทรวงคมนาคม

ต่างฝ่ายต่างปล่อยของ สำแดงฤทธิ์เดชข่มกันไปข่มกันมา

ว่ากันตามภาษา “นักเลงการเมือง” เสือเจ็บมันจะไม่ร้อง ถ้าร้องจะกลายเป็นตัวอื่นที่ไม่ใช่เสือ

ตามอาการของแต่ละก๊วนแต่ละค่ายที่ส่งเสียงโวยวายกันออกมา เชื่อเลยว่ามันสะท้อนลึกๆ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองหวังไว้ ถึงต้องแสดงท่าทีโวยวายกันเจี๊ยวจ๊าว

โดยเงื่อนไขสถานการณ์ ไหลไปวัดใจ “นายกฯลุงตู่” คนเดียว

อย่างที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์นักข่าว พูดจากปากเจ้าตัวเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการฟอร์ม ครม. ถือเป็นบทบาทหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์โดยตรง

พรรคการเมืองมีหน้าที่เสนอชื่อบุคลากรที่คิดว่าสมควรร่วม ครม.ให้นายกฯได้พิจารณา แต่การตัดสินใจทั้งหมดเป็นหน้าที่ของนายกฯที่จะดูทิศทางข้างหน้าเป็นอย่างไร เพราะประเทศต้องมีการขับเคลื่อน

“สมคิด” บรรจงชงลูกตะกร้อให้ “นายกฯลุงตู่” ฟาดหน้าเนต

ตามสถานะของนายกรัฐมนตรีอำนาจพิเศษ และว่าที่นายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง ผู้ถือความชอบธรรมในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในการคุมทีมบริหาร มีสิทธิเคาะโต๊ะตั้งรัฐมนตรีเป็นด่านสุดท้าย

แบกความหวังคนทั้งประเทศในห้วงการเมืองเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ

ครม.จึงควรต้องออกมาหน้าตา “เกลี้ยงเกลา” ที่สุด ถ้าหวังตามรอยเส้นทางรัฐบุรุษ อดีตรัฐบาล “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ดึงศรัทธาสังคม ประคองเสียงปริ่มน้ำ

และว่ากันตามหลักการ จุดปัญหาคือกระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ ไม่ใช่แค่เก้าอี้หุ้มทองฝังเพชร แต่มันเป็นงานเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากๆของทีม “ลุงตู่” ในการเดินงานต่อเนื่องจาก 5 ปีที่ผ่านมา ปักหมุดลงเสาเข็มวางฐานกันมากว่า 60-70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ตามแนวยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

ถ้าโยนไปให้พรรคร่วมรัฐบาล ความต่อเนื่องสะดุดแน่

และกัปตันทีมอย่างนายสมคิด ก็คงทำได้แค่แทะเม็ดกวยจี๊ไปวันๆ

ฉะนั้น แทนที่จะแจกมั่วๆล่อใจพรรคร่วม มันควรจะดึงมาเป็นโควตาตรงของนายกฯในการวางมืออาชีพบริหาร ตามความจำเป็นในแผนพัฒนาการทางเศรษฐกิจระยะยาวของประเทศ

เทียบกับการอ้างดีลผู้มีอำนาจ ต่อให้เป็น พล.อ.ประยุทธ์เอง ยังไม่สำคัญเท่าเลย

หรือถ้าพรรคร่วมยึกยัก ก็ยังดึงเช็งลากเกมตั้งรัฐมนตรีออกไปแบบไม่มีกำหนดตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ช็อตแรกถ้าเจอทางตันด่านแรกก็ลาออก ซาวเสียงกันใหม่ก็ยังมีแต้ม 250 ส.ว.บวกกับพรรคพลังประชารัฐและแนวร่วมเป็นฐานกลับมาได้ใหม่ และไพ่ตายใบสุดท้าย “ยุบสภา” ก็ยังได้เปรียบพรรคอื่นอยู่ดี

ดุลอำนาจอยู่ในมือเต็มๆขนาดนี้ ถ้ายังปล่อยให้โดนขี่คอกรรโชก

“ลุงตู่” ยังปล่อยเลยตามเลยยึดดีลเดิม ยัดคมนาคมให้ภูมิใจไทย โยนพาณิชย์ให้ประชาธิปัตย์ ตามโพยที่ปล่อยกันออกมาจองล่วงหน้า มีชื่อของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ นั่งแท่น รมว.คมนาคม นายชาดา ไทยเศรษฐ์ นั่ง รมช.มหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน นั่ง รมว.เกษตรฯ

หน้าตา ครม.ใหม่ออกมาแบบที่ “สามล้อฮา ขี้ยาฮือ”

มันก็ห้ามไม่ได้ กับปมที่คนพลังประชารัฐชักระแวง “3 ป.” กับ “2 น.” ที่ “เหยียบตีนกันเล่น” มาตั้งแต่ต้น

เป็นเกมลึกสุดคลาสสิก หลอกใช้คนหามฟรี แต่ท้ายสุดก็จะหนีไม่พ้น คนฝ่ายหนุนพลิกเป็นฝ่ายโค่น

กองเชียร์จะพลิกเป็นกองแช่ง.

ทีมข่าวการเมือง