PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

นักข่าวตปท.สัมฯ"บก.ลายจุด" ทำไมคุณถึงหลบหนี?

บทสัมภาษณ์ บก.ลายจุด สมบัติ บุญงามอนงค์ จาก บล็อค นักข่าวชาวต่างชาติ
http://asiaprovocateur.blogspot.co.uk/2014/06/blog-post.html

ทำไมคุณถึงหลบหนี?



ผมถูกประกาศให้เรียกไปรายงานตัวจากคณะรัฐประหาร ซึ่งผมมองว่าไม่มีความถูกต้องที่คนมีปืนมายึดอำนาจของประชาชนแล้วจะมาสั่งให้ประชาชนไปรายงานตัว และการที่ผมเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ซึ่งเคยมีบทบาทในการนำการชุมนุมต้านรัฐประหาร และกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยมาต่อเนื่อง ผมไม่สามารถยอมรับสถานะของคณะรัฐประหารได้ จึงไม่ไปรายงานตัว หลังจากนั้นก็ดำเนินกิจกรรมต่อต้านการรัฐประหารผ่าน Social Media เขาก็ยิ่งติดตามไล่ล่าหาตัวผม

มีข้อความอะไรจะส่งถึงคณะเผด็จการไทยหรือไม่?

สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับเผด็กการทหารพวกนี้คือ สิ่งที่คุณคิดว่าเป็นอำนาจของคุณนั้น แท้จริงเป็นสิทธิพื้นฐานทางการเมืองของประชาชน คุณไม่ได้ทำหน้าที่ของทหารที่ปกป้องพวกเรา แต่คุณขโมยสิทธิพื้นฐานของเราไป คุณไม่ใช่ฮีโร่ แต่คุณคือโจรทางการเมือง

คุณสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ว่าคุณมีแผนการอะไรเกี่ยวกับอนาคตบ้าง

แผนการของผมก็ยังคงอยู่ในการต่อต้านการรัฐประหาร ทำกิจกรรมเพื่อบอกชาวโลกว่าคนไทยที่นี่ไม่เห็นด้วย และเป็นหนามทิ่มแทงคณะรัฐประหารว่าเราไม่ยอมรับ ขัดขืน และใช้โอกาสนี้ปลุกสำนึกของประชาธิปไตยภายใต้ความหวาดกลัว

คุณรู้สึกอย่างไรที่ลูกสาวคุณถูกกองทัพไทยตามรังควาน?

เป็นเรื่องน่ารังเกียจที่กองทัพใช้วิธีการรังควาณไปถึงครอบครัวและลูกสาวของผม ซึ่งเขาไมมีบทบาทใด ๆ ทางการเมืองเลย แต่นั่นเพราะเขาต้องการกดดันผม ทำให้ผมผะวงหน้าผะวงหลัง เขาทำให้ผมรู้ว่าเขาสามารถถึงตัวลูกสาวของผมได้ และนี่หรือคือวิธีการของชายชาติทหาร

ทหารนำแกนนำเหลืองแดงโคราชจับมือสมานฉันท์กันต่อหน้าย่าโม

เมื่อ 2 มิ.ย.57 พล.ต.ไชยพร รัตนแพทย์ รองแม่ทัพน้อยที่ 2 ในฐานะประธานศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูป ได้เชิญแกนนำกลุ่มการเมืองในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ที่มีแนวคิดขัดแย้งปัญหาการเมือง ทั้งกลุ่มเสื้อแดง - เสื้อเหลือง มาร่วมพบปะพูดคุยกัน ณ ห้องรับรองกองทัพน้อยที่ 2 ค่ายสุรนารี
บุคคลที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ตามนโยบาย คสช. เพื่อละลายพฤติกรรมสีเสื้อที่มีความแตกแยกกันมายาวนาน ประกอบด้วย นายจักริน เชิดฉาย ประธานหอการค้านครราชสีมา ในฐานะ ประธาน กปปส.โคราช, นายสมชาย ลิขิตวรสิริ (ชัย กองเมือง) แกนนำ กปปส., นายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล ประธานกลุ่มพันธมิตรโคราช, นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.โคราช, นายสัมภาษณ์ อัตถาวงศ์ อดีต สส.เขต 11 จ.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย,นายสมโภชน์ ประสาทไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และ นายอภิชาต ดอกแก้วกลาง (แก้ว หนองสรวง) แกนนำ นปช.
สำหรับรูปแบบของการพบปะกันนั้น เป็นการนั่งดื่มกาแฟ พร้อมเปิดโอกาสให้พูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น บรรยากาศค่อนข้างชื่นมื่น แกนนำทั้ง 2 กลุ่ม ให้ความร่วมมือ และแสดงออกด้วยความจริงใจ ด้วยการจับมือ เพื่อต้องการให้เกิดภาพความปรองดอง และความสามัคคีของคนไทย จากนั้นทั้งหมดได้เดินทางไปกราบไหว้ พร้อมสาบานตน กับ ท้าวสุรนารี (ย่าโม) สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง เป็นที่เคารพ และศรัทธาของชาวโคราช และชาวไทย ว่า จะไม่สร้างปัญหาความขัดแย้ง ตามข้อตกลงของ คสช.


"แกรนนูลาร์" ไม่ส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ร่วมแข่ง "เดอะสตาร์ ออสเตรเลียน แบดมินตัน โอเพ่น 2014"

"ชาติต้องมาก่อน"
"แกรนนูลาร์" ไม่ส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ร่วมแข่ง "เดอะสตาร์ ออสเตรเลียน แบดมินตัน โอเพ่น 2014" นอกจากนี้ ยังประกาศยืนยันว่า ทีมจะไม่ส่งนักกีฬาร่วมแข่งขันรายการระดับกรังด์ปรีซ์โกลด์ "โยเน็กซ์ โอเพ่น ซัฟฟอล์ก เคาน์ตี คอมมิวนิตี คอลเลจ ยูเอส โอเพ่น แชมเปียนชิพ" ที่เมืองเบรนด์วูด รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 8-13 ก.ค.นี้อีกด้วย
(ภาพ/ไทยรัฐ)


แถลงการณ์ แกนนอน ฉบับที่ 11


แถลงการณ์ แกนนอน ฉบับที่ 11
เรื่อง....กิจกรรม 3นิ้ว 3เวลา
การชูนิ้วทั้งสามได้กลายเป็นสัญลักษณ์การเรียกร้องสิทธิพื้นฐานทางการเมืองในประเทศที่ปกครองโดยคน 1 คนที่มีอำนาจสูงสุดเป็นดั่ง รัฏฐาธิปัตย์ คือ พลเอกประยุทธ จันทรโอชา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ประชาชนจะมอบสิทธิพื้นฐานนี้ให้กับเขา การแสดงออกว่าสิทธิพื้นฐานนี้เป็นของประชาชน จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องแสดงออก ในขณะที่ประยุทธใช้สื่อทีวีและปิดพื้นที่การแสดงออกของประชาชนให้หดแคบเหลือน้อยเต็มที
กิจกรรม "3นิ้ว 3เวลา" จะเป็นกิจกรรมต่อต้านแบบจรยุทธ
- เล็กและเคลื่อนไหวเร็ว
- ไม่ต้องมีอุปกรณ์ เพียงยืนชูนิ้วทั้ง 3 ของท่านด้วยมือขวา นิ่งไว้ 30 วานาที
- ทำพร้อมกันทั่วประเทศ ได้แก่ 9.00 น 13.00 น และ 17.00 น ของวัน (ใครสะดวกเวลาไหนก็เวลานั้น)
- เลือกสถานที่ ๆ น่าสนใจ แต่ไม่มีตำรวจ หรือ ทหาร แปลว่าต้องปลอดภัย แต่อยู่ในที่สาธารณะ เช่น สถานีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า ป้ายรถเมล์ สี่แยกไฟแดง วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างใกล้บ้านคุณ ฯลฯ
- ถ่ายภาพ หรือ คลิปวิดีโอ มาแชร์ใน Social Network
- อาจนัดเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ ไปทำ Flash Mob เพื่อความบันเทิง
"ยกระดับการต่อต้านรัฐประหารวันละ 3 เวลาพร้อมกัน"
บก.ลายจุด
สูง ขาว พุงโต
2 มิย 57


ประกาศ!! ขอเชิญร่วมชมงานคอนเสิร์ต “คืนความสุขสู่ประชาชน”

ประกาศ!! ขอเชิญร่วมชมงานคอนเสิร์ต “คืนความสุขสู่ประชาชน”
นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม.ร่วมกับ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) กำหนดจัดการแสดงและดนตรี ในชื่องาน “คืนความสุขสู่ประชาชน” ในวันพุธที่ 4 มิ.ย.57 เวลา 16.00 – 19.00 น. ณ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ด้านภัตตาคารพงหลี เขตราชเทวี
ภายในงานท่านจะได้พบกับ การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ทหารบก และ วงดุริยางค์ตำรวจ การแสดงโปงลางจากสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร รวมทั้งได้มีโอกาสพบปะกับดารานักแสดงที่เป็นทหาร ตำรวจ อาทิ หมอก้อง สรวิทย์ ชมการแสดงวงโยธวาทิตของนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม และ กิจกรรมการออกร้านของผู้ประกอบการ ผู้ค้าบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีบริการทางการแพทย์ ตรวจสุขภาพ โดยหน่วยพยาบาลเคลื่อนที่ของโรงพยาบาลพระมงกุฏ การบริการอาหารและเครื่องดื่มฟรีจากกรุงเทพมหานคร ทหาร และ ตำรวจ อีกทั้งกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) จะนำทหารม้ามาร่วมโชว์ในงานด้วย
การจัดกิจกรรมดังกล่าว มีจุดมุ่งหมาย เพื่อคืนความสุขให้แก่ประชาชน โดยกรุงเทพมหานคร ทหาร และ ตำรวจ ร่วมกันดำเนินการ.


ปลัดกต.โต้สหรัฐไทยไม่ถอยจากปชต.

สุดยอดดดด ...ปลัดบัวแก้ว นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว แสดงฝีมือ โต้ลุงแซมลั่น กลางเวทีถกความมั่นคงเอเชียแปซิฟิก ย้ำไทยไม่ล่าถอย จากความเป็นประชาธิปไตย และกำลังทำความเข้าใจ กับบรรดาหุ้นส่วน ทั้งทางด้านยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ ขณะที่ประเทศ กำลังอยู่ในขั้นตอน ของการปฏิรูปทางการเมือง อยากให้สหรัฐฯ มองความสัมพันธ์ ระหว่างทั้งสองประเทศในระยะยาว
"เรามีความมุ่งมั่น ที่จะดำรงแนวทางแห่งประชาธิปไตย และเราต้องการความเป็นปึกแผ่น ซึ่งหากย้อนหลังไปก่อนหน้า คสช.จะเข้าควบคุมอำนาจรัฐบาล ประเทศไทยยังไม่มีประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็น "
"ประเทศไทยไม่ได้กำลังจะหายไปไหน เรายังคงเป็นประเทศเศรษฐกิจ ขนาดใหญ่อันดับ 2 ในอาเซียนเช่นเคย เราจะยังคงร่วมมือ กับประชาคมโลกต่อไป และเราหวังว่า บรรดามิตรของเราจะใช้ข้อเท็จจริง ในการพิจารณา"
"ก่อนหน้านี้ไทยต้องประสบกับ ความขัดแย้งการเมือง ที่ยืดเยื้อ รวมถึงเหตุการณ์ความรุนแรง และ นับวันสังคมไทยจะมุ่งหน้าไปสู่ความแตกแยก ขณะที่รัฐบาล ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ เราควรดำเนินไปในทิศทาง ดังกล่าวต่อไปหรือ ? แนวทางที่เป็นอันตรายต่อ ความมั่นคงของไทย และความมั่นคงของภูมิภาค"
ปลัด สีหศักดิ์ ย้ำว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัวโดยกองทัพ ได้รับการปล่อยตัวแล้ว และการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกจะได้รับการผ่อนคลาย ในไม่ช้า
นับเป็นการตอบโต้ กรณีที่ ชัค เฮเกล รมว.กห สหรัฐฯ วิจารณ์ไทยในที่ประชุม ว่า ไทยได้ถอยออก จากความเป็นประชาธิปไตยไปแล้ว หลัง คสช. เข้าควบคุมอำนาจรัฐบาล เมื่อ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา พร้อมประกาศ ว่า สหรัฐฯได้ชะลอความร่วมมือ ทางการทหารกับไทยแล้ว

4มิ.ย.ทหารคืนความสุขให้ชาวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ในวันพุธที่ 4 มิ.ย. 2557 ตั้งแต่ 16.00 - 19.00 น. กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.), ศูนย์การทหารม้า (ศม.) ร่วมกับสำนักงานเขตราชเทวี, กลุ่มผู้ประกอบการค้า และประชาชนในชุมชนโดยรอบพื้นที่อนุสาวรีย์สมรภูมิ จะร่วมกันจัดงาน "คืนความสุขให้ชาวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" โดยในงานจะมีการแสดงดนตรี โดยวงดนตรีจาก กองดุริยางค์ทหารบก, การให้บริการด้านการแพทย์ โดยทีมแพทย์จาก รพ.พระมงกุฎฯ และการขายสินค้าทั่วไป จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานตามวันและเวลาดังกล่าว

ป.ป.ช.ลุยฟ้องเองคดีไร่ส้ม-สรยุทธ 138 ล.หลังเห็นต่าง"อัยการ"

ป.ป.ช.ลุยฟ้องเองคดีไร่ส้ม-สรยุทธ 138 ล.หลังเห็นต่าง"อัยการ": http://t.co/rrytvlqZPG

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2557 นายภักดี โพธิศิริ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราwww.isranews.org ว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตัวแทนฝ่าย ป.ป.ช. ว่า ในการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช. กับอัยการสูงสุด (อสส.) เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด พนักงานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน), บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดังกับพวก ในคดียักยอกเงินโฆษณาจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กว่า 138 ล้านบาท ในการร่วมผลิตรายการ คุยคุ้ยข่าว ระหว่างปี 2547 – 2549 มีผลสรุปออกมาว่า ตัวแทนทั้งสองฝ่ายต่างยันยืนยันในจุดยืนของตนเองเหมือนเดิม

"ขั้นตอนจากนี้คณะทำงานของทั้งฝ่าย ป.ป.ช. และอัยการ จะนำผลสรุปการประชุมครั้งนี้ กลับมาเสนอให้หน่วยงานของตนเองได้รับทราบ โดยในส่วนของคณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช. จะมีการนำเรื่องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา อย่างช้าไม่เกินวันที่ 5 มิถุนายน นี้"

เมื่อถามว่า จุดยืนของฝ่ายป.ป.ช. กับอัยการ เป็นอย่างไรบ้าง นายภักดีตอบว่า "ในชั้นนี้ คงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้"

เมื่อถามย้ำว่า ป.ป.ช.จะยื่นฟ้องคดีนี้เองใช่หรือไม่ นายภักดี ตอบว่า "การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อคณะทำงานทั้งสองฝ่ายเห็นไม่ตรงกัน ป.ป.ช. ก็มีสิทธิที่จะขอสำนวนคืนกลับมาฟ้องร้องคดีเองตามขั้นตอนของกฎหมาย"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายนัทนศักดิ์ พูลสุข โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ได้หารือกับกรรมการ ป.ป.ช. บางคนแล้ว เพื่อขอให้สอบเพิ่มในประเด็นที่ อสส.ตั้งข้อไม่สมบูรณ์ และถ้ายังไม่ได้ข้อยุติก็จะส่งเรื่องให้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้ฟ้องร้องเอง
----


NGO ในไทยที่ถูกกล่าวหาในนี้สมรุ้ร่วมคิดกับสหรัฐ

Sermsuk Kasitipradit
NGO ในไทยที่ถูกกล่าวหาในนี้สมรุ้ร่วมคิดกับสหรัฐ 
.
ยังมีสื่อออนไลน์อย่าง Land Destroyer ทำความเข้าใจกับประชาคมโลกต่อความเปลี่ยนเแปลงที่เกิดขึ้น
ในไทย และเบื้องหลังที่รัฐบาลสหรัฐผ่านรมว.กต.แสดงความไม่พอใจต่อการเปลี่ยนแปลงในไทย
Thai Coup Stings Western Meddlers เป็นอีกบทความตีพิมพ์ใน land destroyer เปรียบเทียบการรัฐประหารในไทยเหมือนเข็มทิ่มแทงแทงชาติตะวันตกจอมจุ้น ที่มีประโยชน์ในไทยมายาวนานจากการสมรู้ร่วมคิดกับทักษิณ ชินวัตร ซึ่งหลบหนีคดีอาญาแผ่นดินจากการทุจริตคอรับชั่นระหว่างอยู่ในอำนาจ ความไม่พอใจที่ผลประโยชน์เสียหายจากการยึดอำนาจในไทยทำให้ US ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน รวมถึงข้อเรียกร้องให้คืนปชต.กลับสุ่การปกครองของพลเรือนโดยเร็ว

บทความนี้ เขียนโดย นาย Tony Cartarlucci ซึ่งเรียกตัวเองว่านักเขียนและนักวิจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ น่าจะศึกษาเรื่องการเมืองในไทยมายาวนาน ทำให้มีมุมมองที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ระบบปชต.ในไทยแข็งแรงจากระบบการเมืองที่อ้างปชต.แต่เดินหน้าทุจริต หาประโยชน์ ใช้อำนาจแบบไม่ต้องเกรงใจใคร แถมคนแดนไกลยังมีเงินมากมายมหาศาล ใช้เงินต่อยอดเป็นค่าใช้จ่ายให้พวกล๊อบบี้ยีสต์ทั้งหลายทำงานสานประโยชน์ รวมถึงนักกฏหมายอย่าง Robert Amsterdam ที่หากินกับทักษิณมาตลอด ตั้งแต่ผลักดันเอาเรื่องไปศาลอาญาโลก กรณีการปราบปรามกองกำลังเสื่อแดงถล่มเมืองเมื่อปี 53 ศาลอาญาโลกตอกกลับมาหน้าหงาย ไม่รับพิจารณาเรื่องที่เสนอขึ้นมา เพราะเห็นว่าไม่เข้าข่าย ล่าสุดมาเสนอตั้งรัฐบาลผลัดถิ่น ที่ญาติสนิท ทักษิณ นายกฮุนเซน ยังต้องเบือนหน้าหนี..
นาย Tony ยังเปิดประเด็นที่น่าสนใจ ถึงเงินช่วยเหลือจากทางสหรัฐไปยัง NGO ที่เคลื่อนไหวในไทย ซึ่งทาง Tony กล่าวหาว่าเป็น NGO ซ่อนรูปหาประโยชน์ และร่วมเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับที่กระทรวงการต่างประเทศต้องการ มีองค์กรใดบ้าง
The Human Rights Lawyers Association สมาคมนักกฏหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน , Cross Cultural Foundation (มูลนิธิผสานวัฒนธรรม), Union of Civil Liberties สมาคมสิทธิเสรีภาพของปชช. and the Enlawthai Foundation มูลนิธินิติธรรมส่ิงแวดล้อม , and Prachatai สื่อออนไลน์ประชาไทย ที่ไม่เคยวิจารณืรัฐบาลย่ิงลักษณ์ ในแง่เสียหายต่อการใช้นโยบายประชานิยมบริหารประเทศิ อีกทั้งยังส่งเสริมบทความจาบจ้วงให้ร้ายสถาบันมายาวนาน รวมถึงเป็นหัวหอกขับเคลื่อนเพื่อให้เลิก ม. 112 ตามแนวทางที่รัฐบาลสหรัฐต้องการ ......

การเคลื่อนไหวของ NGO เหล่านี้ไม่เคยแสดงตัวหรือตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลย่ิงลักษณ์ ที่อ้างมาจากการเลือกตั้งของประชาชนแต่กลับมีการกระทำการที่ขัดกับหลักการพื้นฐานในระบอบปชต. ไม่เคยตั้งข้อสังเกตต่อการใช้อาวุธสงครามยิงใส่ผู้ชุมนุมที่เคลื่อนไหวอย่างสันติแต่ถูกลอบทำร้ายตลอดช่วงการชุมนุม ไม่เคยตรวจสอการใช้อำนาจรัฐควบคุมสื่อสารมวลชนของรัฐอย่างช่อง11 กรมปชส. นำเสนอข่าวสารไปทิศทางเดียวไม่มีความเห็นจากฝ่ายที่เห็นต่าง ฯลฯ

สมาคมนักข่าวฯ เรียกร้องตร. หยุดปลอมเป็น "นักข่าว" จับผู้ชุมนุม หวั่น กระทบต่อความปลอดภัยของสื่อมวลชน

สมาคมนักข่าวฯ เรียกร้องตร. หยุดปลอมเป็น "นักข่าว" จับผู้ชุมนุม หวั่น กระทบต่อความปลอดภัยของสื่อมวลชน

โฆษกสมาคมนักข่าวฯจี้ ตร.หยุดปลอมตัวเป็นสื่อมวลชน ปะปนเพื่อจับผู้ชุมนุม ชี้กระทบต่อความปลอดภัยของสื่อโดยรวม เตรียมหาช่องทางทางกฎหมายดำเนินการ หากไม่ยุตินำปลอกแขนไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เตือนสื่อเคารพต่อวิชาชีพสูญหายให้แจ้งสมาคมต้นสังกัดทันที ไม่นำปลอกแขนไปให้ผู้อื่นใช้แทน เตรียมรื้อระบบทำปลอกแขนใหม่เร็วๆ นี้

นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ ในฐานะโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีคลิปวิดีโอเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบสวมปลอมแขนสีเขียวอ่อน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการชุมนุมทางการเมือง เข้าจับกุมผู้ชุมนุมรายหนี่งนั้น ถือเป็นภาพที่สมาคมนักข่าวฯ ไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการปฏิบัติการดังกล่าวมีสัญลักษณ์ของสื่อมวลชนไปปรากฏอยู่ด้วย

การกระทำดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของผู้สื่อข่าวและช่างภาพ ทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนความน่าเชื่อถือของสื่อมวลชนโดยรวม
นายมานพ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.ที่ดูแลการชุมนุม ให้สั่งการให้มีการทบทวนการปลอมแปลงตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในลักษณะดังกล่าว เพื่อเข้าทำการจับกุมบุคคล หรือหาข่าวในพื้นที่การชุมนุม เพราะส่งผลอย่างยิ่งต่อเสรีภาพของสื่อมวลชนภาคสนาม

อีกทั้งยังถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติสื่อมวลชน เพราะปลอกแขนดังกล่าวมีตราสัญลักษณ์ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ติดอยู่ มีการผลิตและมีหมายเลขของบุคคลตลอดจนสังกัดปรากฏอยู่ในระบบการแจกจ่าย เพื่อให้การทำงานของสื่อมวลชนเป็นไปอย่างเปิดเผยในพื้นที่การชุมนุมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“ตำรวจมีวิธีการปลอมแปลงตัวเพื่อจับกุมหรือหาข่าวได้หลายวิธี แต่การใช้วิธีดังกล่าวส่งผลต่อผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างยิ่ง หากยังไม่ทบทวน สมาคมนักข่าวฯ จะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน นำปลอกแขนของสื่อไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ต่อไปในทุกกรณี” โฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ กล่าว

โฆษกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวด้วยว่า สองสมาคมวิชาชีพสื่อจะร่วมกันออกแบบปลอกแขนของสื่อมวลชนใหม่ เพื่อให้ยากต่อการปลอมแปลง มีความคงทน และระบุตัวบุคคลอย่างชัดเจนในเร็วๆ นี้ และขอเรียกร้องให้เพื่อนสื่อมวลชนรักษาปลอกแขนแห่งวิชาชีพไว้อย่างดี หากสูญหายให้รีบแจ้งสมาคมต้นสังกัดทันที และขอความร่วมมือเพื่อนสื่อมวลชนงดนำปลอกแขนไปให้แหล่งข่าวด้านความมั่นคง หรือบุคคลอื่นโดยเด็ดขาด ทั้งนี้เพื่อเกียรติภูมิต่อวิชาชีพสื่อโดยรวม

ปลัดกต.บินคุยพม่า แจงโรดแม็ป คสช.ขอ ปธ.อาเซียนหนุนสยาม

ปลัดกต.บินคุยพม่า แจงโรดแม็ป คสช.ขอ ปธ.อาเซียนหนุนสยาม

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรี บินเยือนพม่า พบรัฐมนตรีต่างประเทศ แจงโรดแม็ป คสช. ขอประธานอาเซียนสนับสนุนสยามต่อ ยันเปิดชายแดนต่อ เผยหม่องเข้าใจพร้อมแจงเพื่อนบ้าน ด้านอธิบดีกรมสารนิเทศ เชื่อคงไม่จัดประชุมเฉพาะเรื่อง ยันเล่นบทเชิงรุกประสานนำประชุมอาเซียน-จีน เหมือนเดิม
วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (2 มิ.ย.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปเยือนประเทศพม่า เพื่อเข้าพบและหารือทวิภาคีกับนายวันนา หม่อง ลวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาร์ ในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งนายสีหศักดิ์ จะใช้โอกาสนี้พบปะเพื่ออธิบายสถานะล่าสุดหลังมีการประกาศโรดแมปของประเทศไทยให้รับทราบ และหวังว่า อาเซียนเข้าใจสถานการณ์และข้อเท็จจริงในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

นายเสข กล่าวยอมรับว่า ประเทศอาเซียนต่าง ๆ ได้แสดงความเป็นห่วงเพราะเห็นความสำคัญของไทย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของอาเซียน สถานการณ์ในไทยย่อมส่งผลกระทบในภูมิภาคและเชื่อว่าอาเซียนจะไม่มีการจัดประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทยเป็นการเฉพาะ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและอาเซียนเองยังยึดมั่นในหลักไม่แทรกแซงภายในของประเทศสมาชิก อย่างไรก็ตาม เราพร้อมมีบทบาทและดำเนินนโยบายต่างประเทศเชิงรุกทั้งในต่างประเทศเช่นเดิม และในฐานะที่ไทยเป็นประเทศผู้ประสานงานของอาเซียน - จีน โดยยืนยันว่า ไทยพร้อมแสดงบทบาทนำ ในการทำหน้าที่ประสานการเจรจาในกรอบการประชุมอาเซียน - จีน เพื่อคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งในทะเลจีนใต้

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ กรุงย่างกุ้ง สหภาพเมียนม่าร์ นายสีหศักดิ์ ได้เข้าพบหารือกับนายวันนะ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย รวมทั้งแผนการดำเนินงาน 3 ขั้นตอนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และย้ำถึงบทบาทสำคัญที่ไทยจะยังดำเนินต่อไปในภูมิภาค โดยเฉพาะในด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ และการเข้าร่วมกรอบการประชุมสำคัญต่าง ๆ โดยปลัดกระทรวงฯ ได้ขอให้พม่าในฐานะประธานอาเซียนให้การสนับสนุนการดำเนินการของไทยต่อไป ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่าแสดงความเข้าใจสถานการณ์ของไทย และเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถดำเนินการสำเร็จตามขั้นตอนและกำหนดเวลาที่วางไว้พร้อมทั้งย้ำหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของอาเซียน โดยพม่าในฐานะประธานอาเซียนจะแจ้งพัฒนาการตามที่ได้รับแจ้งจากฝ่ายไทยให้ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ ทราบต่อไป

ในโอกาสนี้ ทั้งสองยังได้หารือถึงประเด็นความร่วมมือทวิภาคี โดยปลัดกระทรวงฯ ได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับพม่าต่อไป ทั้งในด้านการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติมการส่งเสริมการค้าชายแดน การพัฒนาความเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม และโครงการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศย้ำความพร้อมที่จะร่วมมือกับไทย โดยพม่ากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะเปิดสถานกงสุล ณ จังหวัดเชียงใหม่ในอนาคตด้วย

แหล่งข่าวกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การเดินทางของนายสีหศักดิ์ครั้งนี้ เป็นนัยยะทางการเมืองในภูมิภาค โดยหวังจะชี้แจงสถานการณ์ทางการเมืองในไทย ภายหลังที่ คสช.เข้าควบคุมการบริหารประเทศให้รัฐมนตรีต่างประเทศพม่า ซึ่งทำหน้าที่ประธานอาเซียนอยู่ในขณะนี้ได้เข้าใจข้อเท็จจริงอย่างถ่องแท้มากที่สุด เพื่อได้นำไปสร้างความเข้าใจต่อประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยที่ผ่านมามีประเทศในอาเซียนบางประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และพม่า ได้เคยมีแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย


"กิตติรัตน์" โดน ป.ป.ช. สอบโกงประมูลปรับปรุงข้าวเอื้อสยามอินดิก้า

โต้ง ไวท์ลาย โดน ป.ป.ช. สอบโกงประมูลปรับปรุงข้าวเอื้อสยามอินดิก้า
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติตั้งคณะอนุไต่สวนคดีการทุจริตเปิดประมูลให้เอกชนดำเนินการปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบให้แก่ประเทศอินโดนีเซีย (BULOG)ตามสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ จำนวน 300,000 ตัน เมื่อเดือน ธ.ค. 2554
มีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทสยามอินดิก้าเป็นผู้ชนะการประมูล ทั้งที่ บริษัทสยามอินดิก้ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงในลักษณะเป็นนอมินีของบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ของนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย รวมทั้งเคยเป็นคู่สัญญาการค้าขายข้าวกับรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2544/2545 และปี 2546/2547 จำนวน 1.9 ล้านตัน และไม่สามารถส่งมอบข้าวได้ตามสัญญา ผลประโยชน์ที่รัฐควรได้จึงตกไปเป็นของบริษัทสยามอินดิก้า กับพวกพ้องที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เอื้อประโยชน์แก่กันและกันต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน
คดีนี้ นักการเมืองถูกร้องเรียนคือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ (ช่วงต้นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์)
อิศรา http://bit.ly/1e6JBUN

กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมเสนอ คสช ทบทวนความร่วมมือกับสหรัฐ

กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมเสนอ คสช ทบทวนความร่วมมือกับสหรัฐ หลังทำตัวเป็นเจ้าประเทศราชข่มขู่ไทย
๑. ต้องยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติที่ต้องไม่ก้าวก่ายแทรกแซงกันและกัน ไม่ยอมรับการทำตัวเป็นจ้าวประเทศราชอย่างเด็ดขาด
๒. ยกเลิกการซ้อมรบคอบบร้าโกลที่ตกทอดมาจากซีโต้ เพราะคอมมิวนิสต์หมดไปแล้ว
๓. ลดเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐจากจำนวน ๒ พันกว่าคนเหลือไม่เกิน ๒๐๐ คนซึ่งมากพอและมากกว่าสถานทูตอื่นทุกแห่งในประเทศไทยอยู่แล้ว
๔. ทบทวนการร่วมมือและการอนุญาตให้สหรัฐใช้ดินแดนและฐานทัพในประเทศไทยทั้งหมด เพราะไทยไม่มีภัยคุกคามจากภายนอกเนื่องจากอาเซียนจะเปิดเสรีในปี ๒๕๕๘ แล้ว
๕. ยกเลิกพันธมิตรนอกนาโต้ เพราะไทยไม่เกี่ยวกับนาโต้ และความเป็นพันธมิตรนอกนาโต้นั้นทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นมิตรประเทศ
๖. ทบทวนการอนุญาตให้สัมปทานพลังงานทั้งหมดให้เกิดความเป็นธรรมในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าของพลังงานที่มากที่สุดใน เอเชียอาคเนย์
๗. ยกเลิกปฏิบัติการของ usaid ที่จัดการฝึกอบรมในต่างจังหวัดในประเทศไทยทั้งหมด เนื่องจากมีพฤติกรรมที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ในกรณีที่จะตกลงช่วยเหลือให้มอบความช่วยเหลือผ่านกระทรวงการต่างประเทศ.
.... ทำเป็นเล่นไป เหตุการณ์ปี ๒๕๑๘ ที่คนไทยร่วมกันขับไล่ฐานทัพสหรัฐอาจเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังคงละเมิดต่ออธิปไตยของประเทศไทยดังที่ทำอยู่
... คนไทยทั้งในประเทศและทั่วโลกไม่ยอมให้ประเทศไทยถูกทำร้ายแบบซีเรียโมเดลอย่างแน่นอน
... คนไทยต้องขอบคุณ กปปส-กระทรวง ต่างประเทศอย่างยิ่ง และถ้าหากประเทศไทยถูกทำร้ายมากกว่านี้ ก็น่าที่ คสช. จะอนุญาตให้คนไทยได้แสดงความรักชาติด้วยการเดินขบวนพร้อมกันทั่งประเทศและทุกประเทศทั่วโลก เพื่อแสดงพลังของคนไทยกว่า ๔๐ ล้านคนว่าการเข้ามาแก้ปัญหาชาติของทหารเป็นความปรารถนาของประชาชาติไทยอย่างแท้จริง เพื่อปกป้องไม่ให้ประเทศไทยถูกทำลายแบบอิรัค ลิเบีย ซีเรีย หรือยูเครน เตรียมตัวให้พร้อมครับพี่น้องไทยทุกสี
cr; Benjama Connects


คำถามจาก"รสนา"ภึง"พล.อ.อ.ประจิน"

รสนา โตสิตระกูล :

"พล.อ.อ.ประจิน จั่นตองฝ่ายเศรษฐกิจของคสช. หลังประชุมร่วมกับผู้บริหารของกระทรวงพลังงานและรัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 แล้วยอมทำตามทิศทางที่ผู้บริหารในกระทรวงพลังงานและรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานต้องการคือ การขึ้นราคาพลังงานทั้งราคาก๊าซ ราคาน้ำมันในวันที่1 มิถุนายน โดยอ้างว่าเป็นไปตาม"กลไกตลาดเสรี"

ราคาพลังงานทุกชนิดในประเทศไทยเวลานี้ไม่ได้ปรับขึ้นตามกลไกตลาดเสรี แต่เกิดจากกลไกการผูกขาด ที่ไม่ให้ความยุติธรรมต่อประชาชน ราคาตามกลไกตลาดเสรี ต้องเกิดจากการแข่งขันของผู้ผลิตและผู้ค้าหลายราย ซึ่งไม่มีอยู่จริงในประเทศไทย ราคาพลังงานทุกชนิดในไทยไม่มีการแข่งขันใดๆ แต่เป็นราคาที่เกิดจากการกำหนดหลักเกณฑ์ในการอิงราคาทั้งสิ้น และแต่ละหลักเกณฑ์ที่อิงราคาล้วนเป็นไปเพื่อสร้างกำไรสูงสุดให้กลุ่มธุรกิจพลังงาน โดยหลักเกณฑ์ที่อ้างอิงถูกกำหนดจากผู้มีอำนาจในกระทรวงพลังงานที่ไปนั่งเป็นกรรมการในบอร์ดรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ขาดความโปร่งใส ขาดธรรมาภิบาล เพราะมีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนมาเกี่ยวข้อง

คสช.ควรระมัดระวังในเรื่องการอนุมัติใดๆที่มีผลกระทบทำให้ค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิต และค่าขนส่งสูงขึ้น การอ้าง"กลไกตลาด" เพื่อสร้างความชอบธรรมในการขึ้นราคาพลังงานนั้น ประชาชนทั่วไปยังมีข้อกังขาว่าเป็นกลไกตลาดที่เกิดจากการแข่งขันเสรี หรือเป็นกลไกผูกขาดตลาดในธุรกิจพลังงานกันแน่

คสช.ควรปฏิบัติหน้าที่ควบคุมอำนาจเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมและระงับความเดือดร้อนในเรื่องปากท้องของประชาชน ดังเช่นที่ได้อนุมัติจ่ายเงินจำนำข้าวนั้นนับว่าถูกต้องแล้ว แต่การที่คสช.จะอาศัยอำนาจเบ็ดเสร็จของตัวเองอนุมัติให้ขึ้นราคาพลังงานทั้งระบบโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบจะยิ่งซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนที่หนักอึ้งอยู่แล้วให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่คสช.เองกลับยินยอมปล่อยให้คงการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทขนาดใหญ่ที่ถูกลดลงมาเหลือเพียง 20%ต่อไปนั้นซึ่งเป็นมาตราการที่โอบอุ้มคนร่ำรวยในสังคมยังสามารถทำได้

จึงมีคำถามว่า ในเมื่อคสช.ยังสามารถคงการงดเว้นกลไกการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นกับภาคธุรกิจขนาดใหญ่ได้ แต่เหตุใดกลับเดินหน้าใช้กลไกตลาดแบบผูกขาดขึ้นราคาพลังงานที่ส่งผลกระทบต่อการครองชีพของประชาชนคนหาเช้ากินค่ำทั่วไป
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ควรเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคม ภาคนักวิชาการและอดีตกรรมาธิการวุฒิสภาที่ติดตามตรวจสอบนโยบายการกำหนดราคาพลังงานเข้าให้ข้อมูลว่ามีการใช้กลไกการผูกขาดอย่างไรในการกำหนดราคาพลังงาน ที่ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น"กลไกตลาดเสรี มีการกำหนดนโยบายที่ขาดความโปร่งใส และทำลายประโยชน์ของประชาชนอย่างไร ก่อนที่จะมีการอนุมัติการปรับขึ้นราคาพลังงาน จึงจะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่า คสช. มิได้ใช้โอกาสการควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มที่ได้เปรียบอยู่แล้วในสังคมให้ได้เปรียบมากยิ่งขึ้นในสภาวการณ์ของบ้านเมืองที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกและการรัฐประหาร!