PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บิ๊กป้อม เตรียมควง ผบทบ.ผบ.ตร.เยือนพม่า 29-30มิย.



บิ๊กป้อม เตรียมควง ผบทบ.ผบ.ตร.เยือนพม่า 29-30มิย. พบ"ปธน.ตินจ่อ"และ -รมว.กห.-มินอ่อง หล่าย - ซูจี" ถกความมั่นคงและดูแล ปชช.2ชาติ
พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและ รมว.กลาโหม พร้อม ผบ.ทบ. ผบ.ตร. และ เลขาฯสมช. จะเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา อย่างเป็นทางการ ระหว่าง 29 – 30 มิ.ย.59 ตามคำเชิญของ กห.เมียนมา
โดยมีกำหนดการเยี่ยมคำนับและหารือกับ พล.ท เส่ง วิน รมว.กห.เมียนมา และ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ณ กรุงเนปียดอ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ รวมทั้งความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหาระหว่างกัน
ต่อจากนั้น พลเอกประวิตร พร้อมคณะ มีกำหนดการเข้าเยี่ยมคำนับและหารือกับ นาง อ่องซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนม่า
ก่อนที่จะเข้าเยี่ยมคำนับและหารือกับนายติน จ่อ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อหารือร่วมกันในมิติงานด้านความมั่นคง รวมทั้งความร่วมมือในการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศในภาพรวม
ทั้งนี้ การเดินทางเยือนเมียนมา ของรองนรม.และรมว.กหพร้อมคณะ ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการขยายผลสร้างความเชื่อมั่นและไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ต่อพัฒนาการความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของรัฐบาลทั้งสองประเทศในปัจจุบัน

คสช.เตือน "สุเทพ-จตุพร" แสดงความเห็น ขออยู่ในกรอบ ให้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล



คสช.เตือน "สุเทพ-จตุพร" แสดงความเห็น ขออยู่ในกรอบ ให้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ยัน คสช.ไม่สองมาตรฐาน บรรทัดฐานเดียวกัน....ชี้ยังไม่มีข้อมูลว่า "คุณหญิงสุดารัตน์"นัดคุยแกนนำพรรคการเมืองหาทางออก จะเป็นไปในทางลบ หวังทางสร้างสรรค์...ยันเปล่าห้ามปล่อยลูกโป่ง แต่ดุลยพินิจจนท.มองว่าเป็นกิจกรรมหวังผลทางการเมือง หากจะปล่อย ไปปล่อยที่บ้านก็ได้ ยันคสช.เปิดช่องแสดงความคิดเห็น แต่ต้องไม่เป็นกิจกรรมทางการเมือง
พันเอกวินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีที่ "สุเทพ-จตุพร" FB Live แสดงจุดยืน เรื่อง การรับ และไม่รับร่าง รธน.และอาจทำให้เกิดความขัดแย้ง ขึ้นอีกนั้น ว่า หากเป็นการแสดงความเห็น ก้ขออยู่ในกรอบ ให้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โดยยืนยัน คสช.ไม่สองมาตรฐาน หากพบว่า มีการทำผิดกม. เราก็บรรทัดฐานเดียวกัน
ส่วนกรณีที่ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์"นัดคุยแกนนำพรรคการเมืองหาทางออก ทำได้หรือไม่นั้น โฆษกคสช.ชี้ยังไม่มีข้อมูลว่า จะเป็นไปในทางลบ หวังทางสร้างสรรค์
ทั้งนี้ คสช.เปิดช่องให้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้. แต่ในมุมของ จนท. จะพิจารณาด้วยว่า เป็นการทำกืจกรรมทางการเมือง หรือแสดงความคิดเห็น เพราะในบางกรณีก็ใช้การว่ากล่าวตักเตือน
ส่วนกรณีที่ จนท.ตร.-ทหาร จับกุม นักศึกษา ที่ไปปล่อยลูกโป่งให้กำลังใจเพื่อนนศ. นั้น พันเอกวินธัย กล่าวว่า คสช.ไม่ได้ห้ามปล่อยลูกโป่ง แต่เป็นดุลยพินิจจนท.มองว่าเป็นกิจกรรมหวังผลทางการเมือง หากจะปล่อย ไปปล่อยที่บ้านก็ได้ ยันคสช.เปิดช่องแสดงความคิดเห็น แต่ต้องไม่เป็นกิจกรรมทางการเมือง หริอที่สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฏหมาย และดูที่พฤติกรรม และองค์ประกอบโดยรวม ด้วย
ส่วนการที่ มีการมองว่า ความขัดแย้งทางการเมืองและในสังคม สูงขึ้น แม้คสช.จะเข้ามา2ปีแล้ว แต่ยังปรองดองกันไม้ได้นั้น พันเอกวินธัย กล่าวว่า. เป็นเรื่องมุมมองของแต่ละคน เพราะคสช.ได้พยายามสร้างความปรองดอง มาตลอด
พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. กล่าวว่า ความรู้สึกทางการเมือง เป็นธรรมชาติ ในระบอบ ปชต.และเป็น
ความสวยงามของ.ระบอบ ปชต ที่สังคมไทย กำลังเรียนรู้
"แต่อย่างน้อย คสช.ก็ทำให้ พี่น้องประชาชน ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน มากขึ้น ในช่วง 2ปี ที่ คสช.เข้ามา โดยเฉพาะ โครงการประชารัฐ ของรัฐบาล ทำให้ประชาชนมาเจอหน้า มาทำกิจกรรมร่วมกัน มากขึ้น" พันเอกหญิง ศิริจันทร์ กล่าว

บิ๊กป้อม บอก "พวกคสช.เยอะ นะ ทั้งประเทศ"



บิ๊กป้อม บอก "พวกคสช.เยอะ นะ ทั้งประเทศ"
พลเอกประวิตร ฉุน ปฏิเสธข่าวตั้งพรรค ให้หยุดถาม แจงสัมพันธ์กับ"คุณหญิงสุดารัตน์"เผยรู้จักกันตั้งนานแล้ว แต่ไม่ใกล้ชิด โบ้ย ไม่รู้แนวคิดใคร สลายพรรค จดทะเบียนใหม่ เปรย พวกคสช.เยอะ ทั้งประเทศ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองหัวหน้า คสช. อารมณ์เสีย เมื่อนักข่าวถาม ถึงกรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เผยว่าคสช.ตั้งพรรคการเมืองใหม่
"ใคร คสช.จะตั้งพรรค คสช.เยอะนะ ทั้งประเทศ" พลเอกประวิตร กล่าว พร้อมโยนให้ถาม คุณหญิงสุดารัตน์
"ขอให้หยุดถาม ได้แล้ว ชี้แจงไปหลายรอบแล้ว "
"ผมมาทำงานการเมือง ไม่ได้เป็นนักการเมือง"
เมื่อถามว่า แต่ "คุณหญิงสุดารัตน์" ถูกมองง่า ใกล้ชิด กับ ท่าน และคสช. นั้น พลเอกประวิตร รีบออกตัวว่า ไม่ใช่ผม
"ก็รู้จักกันตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้ใกล้ชิด อะไรก็เหมือนรู้จักนักข่าว นี่แหล่ะ"
เมื่อถามว่า เป็นแนวคิดใคร จดทะเบียนพรรคใหม่หมด พลเอกประวิตร กล่าวว่า ยไม่ใช่แนวคิดผม แนวคิด คสช.คนไหนไม่รู้ เพราะ คสช. มันเยอะ ถ้าเป็นคสช. ก็หมายถึง คนทั้งประเทศ

บิ๊กตู่ เผย ส่งคนไปชี้แจงUN ที่ New York แล้ว เตรียมถกรองเลขาUN แทน เพราะ บันคีมุน ไม่ว่าง



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะติดต่อขอพูดคุยกับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ(UN) เพื่อชี้แจงถึงข้อเท็จจริงทางการเมืองของไทยว่า ได้ส่งตัวแทนไปพูดคุยแล้ว ทั้งในส่วนของ คสช. กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่ดูแลกฎหมายโดย ได้ชี้แจงด้วยเหตุผลและหลักการรวม ทั้งหลักฐานที่รัฐบาลมีอยู่ 
ทั้งนี้ ได้นำข้อกฎหมายการกระทำความผิดต่างๆ ชี้แจงต่อ UN แต่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับUNจะว่าอย่างไร ซึ่งตนไม่สามารถพูดเรื่องที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงไม่ได้ เมื่อUNมีข้อสงสัยก็ถามกลับมา โดยเราพร้อมตอบทุกข้อสงสัย
เมื่อถามว่า มีกำหนดพบนายบัน คี มูน เมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ ผมคุยกับท่านแล้ว ช่วงนี้ท่านติดงานในต่างประเทศ ท่านได้เตรียมคณะทางโน้นไว้รอพบอยู่แล้ว โดยมีรองเลขาUNและหากมีอะไรที่ต้องติดต่อสื่อสารกันก็สามารถพูดคุยกันได้ทันที”

ทอ. ปูนบำเหน็จ8ขั้น พร้อมเครื่องราชย์ฯ นักบินฮ.

ทอ. ปูนบำเหน็จ8ขั้น พร้อมเครื่องราชย์ฯ น.ต.พสิษฐ์ เตชะเสน เป็น พล.อ.ท./ร.อ.อลงกรณ์ จันทร์กระจ่าง-น.อ.ส่วน พ.อ.อ.วิสุทธิ์ พุทธรักษา-พล.อ.ต.
พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย โฆษก ทอ. กล่าวว่า จากกรณีที่นักบิน และเจ้าหน้าที่ช่างประจำเฮลิคอปเตอร์
ที่เสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๖ (UH-1H) ประสบอุบัติเหตุ
จากกรณี เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๖ (UH-1H) หมายเลข ๒๒/๑๒ หน่วยบิน ๒๐๓๔ สังกัด ฝูงบิน ๒๐๓ กองบิน ๒ จังหวัดลพบุรี ได้ขาดการติดต่อกับภาคพื้นในขณะปฏิบัติภารกิจลำเลียงทางอากาศ ส่งสิ่งอุปกรณ์ ณ บริเวณสถานีโทรคมนาคมเขาชะเมา จังหวัดระยอง เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ เวลาประมาณ ๑๓.๔๐ น. นั้น
เมื่อ 10.35 น.ศูนย์ค้นหาและช่วยชีวิตได้พบเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว พร้อมร่างนักบิน และช่างเครื่อง ประกอบด้วย
๑. นาวาอากาศตรี พสิษฐ์ เตชะเสน นักบิน (เตรียมทหารรุ่นที่ ๔๑)
๒. เรืออากาศเอก อลงกรณ์ จันทร์กระจ่าง นักบิน (เตรียมทหารรุ่นที่ ๔๖)
๓. พันจ่าอากาศเอก วิสุทธิ์ พุทธรักษา เจ้าหน้าที่ช่างประจำเฮลิคอปเตอร์
จากความสูญเสียดังกล่าว พลอากาศเอก ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้แสดง
ความเสียใจต่อครอบครัว และญาติของผู้เสียชีวิต และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการเรื่อง
สิทธิกำลังพล มอบให้แก่ญาติ และครอบครัวของผู้เสียชีวิต ดังนี้
สิทธิกำลังพล
ได้รับการปูนบำเหน็จพิเศษ ๘ ขั้น
- ได้รับพระราชทานยศ และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังต่อไปนี้
นาวาอากาศตรี พสิษฐ์ เตชะเสน เป็น พลอากาศโท เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
เรืออากาศเอก อลงกรณ์ จันทร์กระจ่าง เป็น นาวาอากาศเอก เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
พันจ่าอากาศเอก วิสุทธิ์ พุทธรักษา เป็น พลอากาศตรี เครื่องราชอิสริยาภรณ์
จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)
- เงินสงเคราะห์ข้าราชการเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ราชการรวม ดังต่อไปนี้
นาวาอากาศตรี พสิษฐ์ เตชะเสน ๓,๐๐๙,๘๓๑ บาทเรืออากาศเอก อลงกรณ์ จันทร์กระจ่าง ๒,๕๓๒,๐๘๓ บาท
พันจ่าอากาศเอก วิสุทธิ์ พุทธรักษา ๒,๗๖๒,๖๖๑ บาท
ในวันนี้ (วันอังคารที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙) กองทัพอากาศ ได้จัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๘ C-130 นำร่างของนักบินและเจ้าหน้าที่ช่างประจำเฮลิคอปเตอร์ผู้เสียชีวิต จากสนามบินอู่ตะเภา มายัง
ท่าอากาศยานทหาร ๒ กองบิน ๖ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ในช่วงค่ำวันนี้
จากนั้นจะนำไปที่โรงพยาบาล ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารหารอากาศ และรอกำหนดการประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

"นายกฯ” เผย หากประชามติไม่ผ่าน ก็ร่างใหม่ ทำใหม่



"นายกฯ” เผย หากประชามติไม่ผ่าน ก็ร่างใหม่ ทำใหม่ ชี้ รธน.ที่ผ่านมา ต่างกันไม่กี่มาตรา ยัน ไม่ออกกฎหมายพิเศษ หาก ม.61 ติดหล่ม หลังศาลรธน.วินิจฉัย ชี้ มีคำสั่งคสช.อยู่แล้ว ยอมรับ ห่วง ตีกัน วันลงประชามติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญ วินิฉัยมาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราวหรือไม่ ในวันที่ 29 มิ.ย. ว่า เรื่องรัฐธรรมนูญตนไม่ได้เป็นคนร่าง แต่เสนอขั้นตอนโรดแมป ว่าต้องมีรัฐธรรมนูญแล้วเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามที่วางไว้ โดยมีคณะทำงาน
" หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน มันต้องเป็นมติประชาธิปไตย เขาเริ่มจากตรงนี้ ทุกคนหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงเท่ากัน เริ่มต้นด้วยการทำประชามติหรือการเลือกตั้ง ถ้าประชามติผ่านก็คือเขาว่าดี แต่ถ้าไม่ผ่านก็คือเขาว่ามันไม่ดี หรือผ่านโดยคนต้องการจะล้ม ไปหาสาเหตุมาให้ผมดูก่อน"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติ ใช้ไม่ได้ นายกฯ กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ตอบแล้ว ทำไมตนต้องตอบอีก แล้วมีมาตราอื่นอีกหรือไม่ ถ้ามาตรานี้ใช้ไม่ได้ก็ใช้มาตราอื่น
" คำสั่งคสช.ก็มี ทำไมต้องออกกฎหมายพิเศษอีก ให้มาตีความหัวหมอกันอยู่นั่น คำสั่งได้คลุมไว้ทั้งหมดอยู่แล้ว วันนี้ยังไม่ได้ใช้ทั้งหมดเลย ถ้าใช้หมดก็ระนาวกันหมด ทำไมไม่ดูตรงส่วนนี้บ้าง ตอนลงโทษคนก็บอกว่าใช้อำนาจ แล้วคนที่ทำความผิดอยู่ทุกวันมีอำนาจอะไร ที่จะมาเที่ยวประกาศให้สังคมสับสน สื่อก็ถามเขาไปบ้างว่ามีอำนาจอะไร"
เมื่อถามว่านายกฯพูดมาหลายเวทีหากประชามติไม่ผ่านนั้นมีวิธีการไว้แล้ว นายกฯ กล่าวว่า วิธีการคือการทำรัฐธรรมนูญใหม่
เมื่อถามว่าหมายความว่ามีรัฐธรรมนูญสำรองรองรับไว้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก แต่มันจะยากอะไร รัฐธรรมนูญแตกต่างกันไม่เท่าไหร่ ตนก็รวมรวมเท่าที่มีอยู่ ซึ่งมีคณะทำงานอยู่แล้ว และฝ่ายกฎหมายก็ดูอยู่ รู้หรือยังว่ารัฐธรรมนูญทั้งหมดที่มีมาแล้ว แตกต่างกันตรงไหน กี่มาตรา มันก็ไม่กี่มาตราหรอก
" รัฐธรรมนูญจะมาจากสหประชาชาติเหรอ บ้านเราก็บ้านเราสิ เราทำเพื่อใคร เพื่อบ้านเราเป็นหลักใช่ไหม ทำไมไม่คิดแบบประเทศอื่นคิดกันบ้าง ผมไม่เข้าใจ ประเทศเพื่อนบ้านที่มาเมื่อสองวันนี้ เขาก็พูดว่าทำทุกอย่างเพื่อประชาชนของเขาก่อน
และผมก็บอกว่าทุกอย่างที่ทำวันนี้เราถือว่าประชาชนเป็นศูนย์กลาง มันก็อันเดียวกัน แต่คำว่าประชาชนเป็นศูนย์กลางมีกี่พวก บ้านอื่นเมืองอื่นเขามีแบบเราหรือไม่ ที่แบ่งเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย พร้อมใช้ความรุนแรง และการกระทำผิดกฎหมาย มันไม่เหมือนกัน ซึ่งของเราค่อนข้างที่จะเอากฎหมายมาสู้กัน ตรงนั้นคืออันตราย
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ในโค้งสุดท้ายจะไม่มีอุปสรรคอะไรขวางโรดแมปที่วางไว้ นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่ามีรัฐธรรมนูญหรือยัง ตามโรดแมปถ้าไม่ผ่านประชามติก็ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ไม่ใช่ว่าตนจะบังคับให้คนต้องผ่าน ตนพูดตรงนี้อย่านำไปตีความผิดกัน ต้องเอาหลักการมาพูด การเลือกตั้งต้องมีรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีก็เลือกตั้งไม่ได้ และการเลือกตั้งจะจัดได้ก็ต้องไม่มีความรุนแรง ไม่มีความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น บ้านเมืองต้องมีเสถียรภาพ ประชาชนออกมาลงคะแนนเสียงด้วยความเป็นอิสระ ตนไม่ได้ไปบังคับใครรับหรือไม่รับ เลือกหรือไม่เลือก ตนเดินโรดแมป และไม่ไปยุ่งเกี่ยวทั้งสิ้น เป็นเรื่องของกระบวนการ
เมื่อถามว่าในฐานะที่นายกฯคุมเกมทุกอย่างตอนนี้ ห่วงอะไรในวันลงประชามติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ห่วงตีกันมั้ง ระหว่างคนไปลงประชามติ บางทีไปเจอคนไม่ถูกชะตากัน ตนมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย อย่าใช้อาวุธก็แล้วกัน และอย่าเอาตนไปยุ่งเกี่ยว มันคนละเรื่อง
เมื่อถามว่าหากเทียบกับการทำประชามติของอังกฤษที่มีเสียงเรียกร้องให้จัดขึ้นรอบสอง แล้วในบ้านจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนั้น นายกฯ กล่าวว่า คนละเรื่องประเด็นกัน เราไม่มีรัฐธรรมนูญ ของเขาเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร และเป็นเรื่องการเข้าออกEU มันคนละเรื่องกัน จะมาถามตนได้อย่างไร คนละประเด็น แต่เรื่องรัฐธรรมนูญในบ้านเรา มีบางฝ่ายพร้อมจะไม่เข้าใจอยู่แล้ว กฎหมายออกมาเท่าไหร่ยังทำอะไรไม่ได้ แล้วจะเอาอย่างไร เอาแบบอังกฤษที่ไม่ต้องมีลายลักษณ์อักษรใช่ไหม ก็รอไปแล้วกัน ให้เราเหมือนอังกฤษเขาก่อน แต่กฎหมายบ้านเราไม่ได้เขียนให้ทำประชามติสองครั้ง ฉะนั้นอย่าถามอะไรที่มันไม่มี
“การทำประชามติ ถ้าโหวตโน ก็ต้องไปถามคนที่ตั้งใจจะล้ม ที่ไม่ใช่ความคิดเป็นอิสรเสรี ที่มีการบิดเบือนกันอยู่ทุกวัน ต้องไปถามประชาชนหรือแม่ค้าที่มีสิทธิเลือกตั้ง ว่ารู้เรื่องรัฐธรรมนูญหรือเปล่า สนใจแค่ไหน เขาเดือดร้อนกับรัฐธรรมนูญแค่ไหนอย่างไร ไปถามคนที่เขาหากินทุกวันนี้บ้าง แต่มันจำเป็นต้องทำรัฐธรรมนูญ เพราะประเทศต้องเป็นประชาธิปไตย หรือต้องการประเทศล้มเหลวก็แล้วแต่ ถ้าเป็นความต้องการของคนไทยก็เอา” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าวันนี้คิดว่าในเรื่องสีเสื้อสลายแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่สนใจ จะสีอะไรก็สีไปเถอะ วันนี้ตนใส่เสื้อหลายสี เหมือนผ้าขาวม้า สีก็คือสีทำให้สีสวยๆดีๆเสียหมด คนไทยไม่มีสี เลือดสีเดียวกันหมด เลือดสีน้ำเงิน สีฟ้า มีไหม ก็เลือดสีแดงทั้งนั้น เลือดความเป็นไทย เลือดบรรพบุรุษมีเหลือกันบ้างไหม หรือไม่มีแล้ว ประชาธิปไตยต้องเลือดคนละสีหรือ
เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสลายสีได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีฉบับเก่าเลยจะไปฉบับใหม่แล้ว การมองไปข้างหน้าของตน ทำไมต้องบอกใคร สื่อก็มองของสื่อไปตนมองของตนเพราะมีอำนาจ เมื่อถามว่าจากที่นายกฯมีอำนาจแล้วคิดว่าจะสลายสีได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนสั่งให้เขาสลายได้ อยู่ที่จะช่วยกันหรือไม่
เมื่อถามว่าหากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถ้ายังมีการแบ่งสีแบ่งฝ่ายเหมือนเดิมจะเสียดายที่เข้ามาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน จะเอายังไงบอกมาถามประชาชนมา สื่ออย่ามาถามแทน เพราะไม่ใช่ประชาชนทั้งประเทศ แต่ขอถามกลับประชาชนต้องการอะไร ให้ประเทศชาติเดินหน้าหรือเปล่า หรือให้เป็นสีแบบนี้ ต้องการคนไม่มีธรรมาภิบาลมาบริหารหรือเปล่า ถามแบบนี้จะได้สร้างสรรค์ ตนหยุดสถานการณ์ให้ยังไม่พออีกหรือ หยุดเพื่อให้จุดกันต่อหรือไง
“ผมมาเสี่ยงทุกวันนี้ไม่ได้ทวงบุญคุณใครเลยนะ คิดว่ามันไม่เสี่ยงหรือไง ผมสามารถทำคนเดียวได้ไหม แล้วก็ไม่มั่นใจว่าประชาชนจะร่วมมือ เพราะสื่อเองยังไม่ร่วมเลย เอาข้างนู้นมาถามข้างนี้ สื่ออาจจะไม่เจตนาแต่ถ้าเอาข้างนู้นมาถามด้วย ตนไม่ฟังเพราะเขาไม่เข้ามาในทางที่ถูกต้อง เวทีก็มี เข้ามาครั้งแรกครั้งเดียวแล้วไม่มาอีก และมาบอกว่าไม่เชิญ มันถูกไหม เช่น เวทีที่สโมสรทหารบก” นายกฯ กล่าว

"นายกฯ" ติง "สุดารัตน์" นัดนักการเมืองรุ่นเก่าหารือแก้ปัญหาชาติ

"นายกฯ" ติง "สุดารัตน์" นัดนักการเมืองรุ่นเก่าหารือแก้ปัญหาชาติ แนะให้ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ก่อน อุบ หลังมีรธน.ใหม่ต้องจดทะเบียนเพื่อสลายพรรคเก่าหรือ ชี้ เป็นเรื่องของผม ยัน ใช้อำนาจในทางสุจริต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย นัดหารือกับนักการเมืองรุ่นเก่าเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ
โดยย้อนถามว่า "ทางออกอะไร แก้ปัญหาอะไร"
เมื่อถามว่า นักการเมืองรุ่นเก่ายอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "แล้วยอมรับในกระบวนการยุติธรรมก่อนหรือเปล่า ขอให้ไปเริ่มจากตรงนั้นก่อน แล้วค่อยมาหารือ ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต่อสู้คดีกันตามขั้นตอน ซึ่งระยะเวลาก็มีอยู่แล้ว ตามขั้นตอนของศาล แล้วค่อยมาหารือกับผม ผมหารือกับผู้กระทำผิดกฎหมายไม่ได้"
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้มีการหารือกันก่อนหรือไม่ หรือต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เขาหารือกันอยู่แล้ว พวกคุณไม่รู้หรืออย่างไร หรือไม่มีเลย ไม่เจอหน้ากันเลยทุกวันนี้ ที่พรรคเขาก็ไปเจอกัน ที่บ้านเขาก็ไปเจอกัน แล้วจะหาว่าไม่เปิดโอกาสอย่างไร เปิดทุกอย่างอยู่แล้ว ดีไม่ดีเดี๋ยวก็คงมานั่งประชุมครม. ด้วยแล้วกัน"
เมื่อถามว่า คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่าหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้ จะต้องมีการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ แสดงว่าเป็นการสลายพรรคการเมืองเก่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนเรื่องดังกล่าวก็ให้ไปถามคนที่พูด ผมไม่ได้เป็นคนพูด วันนี้ไม่มีคำว่าแสดงว่าอะไรทั้งนั้น
ส่วนเรื่องการสลายพรรคเก่านั้น มันเป็นเรื่องของผม จะมาถามอะไร ถ้าจะตอบคำถามนี้ก็ขอให้มายืนอยู่ตรงที่ผมยืน แล้วผมจะไปยืนถามท่านแทน ถ้าผมยืนอยู่ตรงนี้ผมก็จะตอบของผม แต่ยืนยันว่าผมใช้อำนาจของผมในทางสุจริต ที่ผมทำได้ให้ประเทศชาติปลอดภัย ประชาชนมีความสุข ใครที่ไม่มีความสุขก็ให้ไปหาดูว่ามันเกิดจากอะไร ก็ต้องแก้ให้เว้นแต่พวกที่ทำผิดกฎหมายไม่ยอมรับผมก็ช่วยไม่ได้ สื่อฟังมาจากทุกคนแล้วมาถามผม"
เมื่อถามว่า แสดงว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการสลายพรรคการเมืองเก่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว "ผมบอกแล้วว่าเป็นเรื่องของผม ไม่ได้บอกว่าเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ อย่าไปเขียนว่าผมยืนยัน"
เมื่อถามย้ำว่า พูดเช่นนี้เป็นการแทงกั๊กหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "แทงกั๊กคืออะไร ประเทศชาติแทงกั๊กได้หรือ ระหว่างล่มสลายกับไม่ล้มสลายอย่างนั้นหรือ นี่หรือความคิดพื้นฐาน"

แจ้งจับผู้ช่วยเจ้าอาวาสธรรมกายหมิ่นฯ “ดีเอสไอ” ทำ ปชช.เข้าใจผิดคดี “ธัมมชโย”

แจ้งจับผู้ช่วยเจ้าอาวาสธรรมกายหมิ่นฯ “ดีเอสไอ” ทำ ปชช.เข้าใจผิดคดี “ธัมมชโย”
ดีเอสไอส่งผู้แทนกองกฎหมายเข้าแจ้งความกองปราบปราม เอาผิดพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ฐานหมิ่นประมาท ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีพูดผ่านดีเอ็มซีทีวีและเผยแพร่คลิปผ่านยูทิวบ์ พาดพิงดีเอสไอดำเนินคดี “ธัมมชโย” ทำประชาชนเข้าใจผิด
วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายธงชัย สุวรรณาวัชร์ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ผู้แทนกองกฎหมาย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยนำแผ่นซีดีบันทึกภาพและเสียงของพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดีดังกล่าว
นายธงชัยกล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายมหิธร กลั่นนุรักษ์ ผอ.กองกฎหมาย กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ เนื่องจากพบคำพูดของพระครูรูปดังกล่าวมีเนื้อหาพาดพิงกรมสอบสวนคดีพิเศษ เกี่ยวกับกรณีการพิจารณาดำเนินคดีและติดตามจับกุม พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยถูกนำออกเผยแพร่ในช่องธรรมกายแชแนล หรือดีเอ็มซีทีวี และเว็บไซต์ยูทิวบ์ ในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนทั่วไป ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ดี ในส่วนของรายละเอียดต่างๆ นั้นคงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
ด้าน พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้แล้ว โดยจะใช้คณะพนักงานสอบสวนซึ่งทาง พล.ต.ต.ชาญ ได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานขึ้น 1 ชุด เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานในกรณีที่ ผอ.กองกฎหมาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีนี้ด้วย แต่คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะมีการพิจารณาออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องให้เข้าพบพนักงานสอบสวนต่อไป