![รัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเผชิญกับคำถามจากสังคมเรื่องการจัดการความไม่โปร่งใสในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มาภาพ : http://www.thaigov.go.th/index.php/th/media-centre/190815-j1.html](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_t8W6xxtvJ3padAh3u89ezAMcGWGe2oRZ3aZOtf6I8hAtqp72-UIpXGDZZtPeCbdJkJqNFdWVSoXNz220cNI4K5y6qVT5ZMdFQcxtLvCQvHXWltg1mMQnRs3O5wLluw0snTrKkjaC2RScKoq0pPzixLn_2nNrcfkB3OIDPue_0LHid5rAP-MExJfbZyIHoq9GbR3SuprkKOnkw9e14stjkhD1jmK4-OlZ-e71_nfsPC5SOoCWmY9ddZIw=s0-d)
รัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเผชิญกับคำถามจากสังคมเรื่องการจัดการความไม่โปร่งใสในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มาภาพ : http://www.thaigov.go.th/index.php/th/media-centre/190815-j1.html
คำชี้แจงของ พล.อ. ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ต่อโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ไม่เพียงไม่ทำให้ข้อสงสัยหมดไป ยังทำให้เกิดคำถามใหม่ๆ ตามมามากมาย ทั้ง
- เหตุใดถึงไม่เปิดเผยยอดเงินบริจาค ทั้งที่ให้ผ่านกองทุนสวัสดิการทหารบกและผ่านมูลนิธิราชภักดิ์ และเงินที่ใช้จ่ายไปแล้วทั้งหมดเป็นจำนวนเท่าใด
- ตลอด 7 วันในการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มี พล.อ. วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เป็นประธาน ได้ตรวจสอบปัญหาการทุจริตด้วยหรือไม่ ถ้าตรวจสอบ แล้วเหตุใด ผบ.ทบ. ถึงโยนให้ไปถามเรื่องหัวคิวหล่อพระบรมรูป จาก พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. เอง อยู่อีก
- จริงหรือที่เมื่อกองทัพบก (ทบ.) ตรวจสอบโครงการภายในกันเองแล้ว องค์กรอิสระอื่นอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะไม่มีสิทธิเข้ามาตรวจสอบ
รัฐบาลเองก็เหมือนจะรับรู้ว่าคำชี้แจงของ ผบ.ทบ. ไม่สามารถเคลียร์ข้อเคลือบแคลงต่อการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ให้หมดไป พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงเตรียมที่จะ
ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกชุด
สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า พยายามรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ “ตัวเงิน” ทั้งยอดเงินบริจาคและการใช้จ่าย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกตรวจสอบ จนเป็นประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในปัจจุบัน ก่อนพบว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรวบรวมข้อมูลในเรื่องนี้ได้ครบถ้วน เพราะไม่เพียงข้อมูลจะถูกเก็บไว้อย่างกระจัดกระจาย บางข้อมูลยังไม่มีการเปิดเผย หรือบางข้อมูลที่เคยมีการเปิดเผยก็อันตรธานไปเป็นที่เรียบร้อย
กำเนิด “อุทยานราชภักดิ์”
–
อุทยานราชภักดิ์ เป็นโครงการที่ผลักดันโดย พล.อ. อุดมเดช สมัยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. สร้างขึ้นบนที่ดินของ ทบ. ในพื้นที่โรงเรียนนายสิบทหารบก บริเวณฝั่งตรงข้ามสวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ บนเนื้อที่ 222 ไร่เศษ มีสิ่งก่อสร้างสำคัญ 3 ส่วน คือ 1. พระบรมราชานุสาวรีย์อดีตพระมหากษัตริย์ไทย 7 พระองค์ 2. ลานอเนกประสงค์ และ 3. อาคารพิพิธภัณฑ์
– ระยะเวลาในก่อสร้าง แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก ก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์อดีตพระมหากษัตริย์ไทยทั้ง 7 พระองค์และลานอเนกประสงค์ ใช้เวลา 10 เดือน ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2557 – สิงหาคม 2558 ช่วงที่ 2 ก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 เป็นต้นไป
– เดิมมีชื่อว่า
“อุทยานประวัติศาสตร์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม” ได้รับการเปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในวันที่ 27 มีนาคม 2558 หลังจาก พล.อ. อุดมเดช ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้รับทราบว่าจะมีการจัดสร้าง โดยหากมีความจำเป็นอาจจะของบประมาณจากที่ประชุม ครม.
– ชื่อ “อุทยานราชภักดิ์” ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ช่วงปลายเดือนเมษายน 2558 ก่อนที่ พล.อ. อุดมเดช จะจัดงานแถลงข่าว
เปิดตัวโครงการนี้อย่างยิ่งใหญ่ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.)
– พล.อ. อุดมเดช เป็นผู้เปิดเผยว่า โครงการนี้น่าจะใช้เงินราว
700-800 ล้านบาท ก่อนจะบอกในเวลาต่อมาว่าอาจต้องใช้เงินเพิ่มเติมอีก 200-300 ล้านบาท โดยสรุปคือโครงการนี้น่าจะใช้เงินราว 1,000 ล้านบาท ซึ่ง พล.อ. ธีรชัย ก็
ยอมรับว่าตัวเลขอยู่ที่ประมาณนี้
– เงินบริจาคทั้งหมดในช่วงแรกจะเป็นการรับตรงเข้าสู่ “กองทุนสวัสดิการทหารบก” ธนาคารทหารไทย สาขา บก.ทบ. บัญชีกระแสรายวัน หมายเลขบัญชี 077-1-07474-7 ก่อนที่ต่อมา ทบ. จะลงนามใน MOU ร่วมกับธนาคารพาณิชย์อีก 5 แห่ง และร้านสะดวกซื้อในเครือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้แก่ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ให้เป็นอีกช่องทางในการรับบริจาค
–
มูลนิธิราชภักดิ์ จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558 โดยมี พล.อ. อุดมเดช เป็นประธาน
– เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2558 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอุทยานราชภักดิ์
พล.อ. อุดมเดช ให้เหตุผลถึงการจัดสร้างอุทยานแห่งนี้ ไว้ในงานแถลงข่าวเปิดตัวที่ บก.ทบ. เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 ว่า (ดูคลิปด้านบน ระหว่างนาทีที่ 04.55 – นาทีที่ 06.30) วัตถุประสงค์ของการสร้างอุทยานราชภักดิ์มีหลักๆ อยู่ 3 ประการ
- เป็นวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ในทุกยุคทุกสมัย ให้ทุกคนได้ระลึกถึงคุณงามความดีและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
- สถานที่แห่งนี้ เราจะใช้ประกอบพิธีการไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการของ ทบ. เอง หรือส่วนราชการอื่น หรือภาคเอกชนเองก็ตาม เพราะมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร
- เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ประชาชนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจะสามารถเรียนรู้ได้จากห้องพระราชประวัติ ที่จะร้อยเรียงความเข้าใจตั้งแต่เริ่มต้นสยามประเทศ
(คลิปเดิม ระหว่างนาทีที่ 01.36 – นาทีที่ 03.23) “พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงมีคุณูปการใหญ่หลวงต่อประเทศชาติของเรา แต่ละพระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพ มีพระปรีชาสามารถ ไม่ว่าจะเรื่องของการนำทัพในการรบ หรือในยามสงบก็ตาม พระมหากษัตริย์ของเราในทุกยุคทุกสมัยนั้นได้เสียสละความสุขส่วนพระองค์ และดูแลประชาราษฎร์มาอย่างดีที่สุด จนพวกเราทุกคนได้มาอยู่บนผืนแผ่นดินที่มีความเจริญและสงบจนถึงทุกวันนี้ … ทบ. ได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ของเราในทุกยุคทุกสมัย จึงได้คิดกันว่าจะทำอย่างไรที่จะก่อสร้างสถานที่ที่เป็นที่ระลึกของปวงชนชาวไทยต่อพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ จึงได้กำหนดให้มีการก่อสร้างเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ขึ้น”
เงินมาจากไหน
ผู้เกี่ยวข้องในกองทัพและบุคคลสำคัญในรัฐบาลต่างยืนยันตรงกันว่า เงินที่ใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ เป็น “เงินบริจาค” ไม่ใช่งบประมาณของภาครัฐ หรือ “เงินหลวง” แต่จากข่าวที่ปรากฏ ก็พบว่า การเบิกจ่ายเงินบางส่วนในโครงการนี้ยังทำโดยหน่วยงานภายใต้ ทบ. เช่น กรมกิจการพลเรือนทหารบก (กร.ทบ.) กรมยุทธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) เป็นต้น
จากการตรวจสอบข้อมูลที่มีการเปิดเผยทั้งผ่านเว็บไซต์ของ ทบ. และหน่วยงานใต้สังกัด, เว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 และข้อมูลเปิดเผยจากแหล่งอื่นๆ อาทิ จากสื่อมวลชน พบว่า ยอดบริจาคให้กับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่สามารถตรวจสอบได้มี อย่างน้อย 468 ล้านบาท
โดยจะอนุมานว่าการบริจาคเงินที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 16 กันยายน 2558 (วันจดทะเบียนจัดตั้ง
“มูลนิธิราชภักดิ์” อย่างเป็นทางการ) จะถูกส่งเข้าบัญชีของ “กองทุนสวัสดิการทหารบก” ทั้งหมด แบ่งเป็น
1.1 ภาพการรับบริจาคของ พล.อ. อุดมเดช จากบริษัทเอกชน ในงานแถลงเปิดตัวการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 ที่ บก.ทบ.
- บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) 100 ล้าน
- เครือเจริญโภคภัณฑ์ 80 ล้าน
- บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 44.5 ล้าน
- บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 30 ล้าน
- (ชื่อไม่ชัดเจน) 25 ล้าน
- บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง (ชื่อไม่ชัดเจน) … ล้านบาท
- บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) 11.8 ล้านบาท
- การไฟฟ้านครหลวง 1 ล้านบาท
3. จากการ
ระดมทุนผ่านงาน “ราชภักดิ์ Bike and Concert แทนคุณแผ่นดิน”
กว่า 80 ล้านบาท
4. ข้อมูลที่ปรากฏในสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะหน้าข่าวประชาสัมพันธ์ กว่า 41 ล้านบาท
- บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด 30 ล้านบาท
- บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 5 ล้านบาท
- สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่องเจ็ด 2 ล้านบาท
- เงินจาการจัดงานการกุศลของผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 2.2 ล้านบาท
- บริษัท ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 1 ล้านบาท
- การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 3 แสนบาท
- บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) 2 แสนบาท
- บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด 1 แสนบาท
- บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) 1 แสนบาท
- การไฟฟ้านครหลวง 1 แสนบาท
ขณะที่เงินบริจาคที่ให้ผ่านมูลนิธิราชภักดิ์ ยังไม่สามารถตรวจสอบได้
ทั้งนี้ แม้ พล.อ. ธีรชัย จะปฏิเสธให้ข้อมูลเรื่องยอดเงินบริจาคทั้งหมด แต่ได้บอกว่า ยังมีเงินบริจาคที่อยู่ในกองทุนสวัสดิการ ทบ. เหลืออยู่ราว 100-120 ล้านบาท ส่วนมูลนิธิราชภักดิ์ เหลืออยู่ราว 33 ล้านบาท
(นอกเหนือจากเงินบริจาค ที่มาของเงินที่ใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์บางส่วนยังมาจากงบประมาณแผ่นดิน โดยนายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)
เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการใช้งบกลางกว่า 63 ล้านบาท ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์)
![ชการช่างบริจาค100ล้าน](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_sSchSWibIAK36HGnlnNU__krc9T3h-1_AL0AGLs1e43GeAg17LyjW7Q2I8YLZRqGbxvheT7P42Yr74f7iJPpPaNwDualBfSTfkyOMpfN4nM4z6BqMnZuDU-5XCWLZVH3cHliIW4IKKbKuriEQKyla-egC2MgZmet0tnxpMNY0mQYjT_rp_sA2JE8tK3Rr8UR912IisYrka5Hm4OAgg5OH7aoEfRV_2S7vHCd60q6AE4vpoapT1FmzFEpoy3Qr-nupNg97rBJBEfdK_m2atvYayEOzZLchhwFju6jv8FV4iM9mgNYmtRH6WRir3gVpraeBmAcK0zmaQh0DmRkBbs3O5d3f1K1FM9w=s0-d)
บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทเอกชนที่บริจาคเงินเพื่อใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์สูงสุด เป็นเงิน 100 ล้านบาท ที่มาภาพ: http://www.rta.mi.th/rtaweb/activity/page58/140/index.html (ปัจจุบัน ลิงก์นี้ไม่สามารถเข้าดูได้แล้ว)
การใช้จ่ายกับความโปร่งใส
จากการเปิดเผยของ พล.อ. อุดมเดช ยอดเงินที่จะใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์จะอยู่ที่ราว 800-1,000 ล้านบาท แต่ถึงปัจจุบัน ข้อมูลเรื่องการใช้จ่ายเงินบริจาคเพื่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่มีการเปิดเผยอย่างละเอียดมีเพียงค่าใช้จ่ายในการหล่อพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ไทย 7 พระองค์ ซึ่ง พล.อ. ธีรชัย
เปิดเผยว่า อยู่ที่องค์ละ 41-45 ล้านบาท หรือมียอดรวมระหว่าง 287-315 ล้านบาท ดำเนินการโดยกรมกิจการพลเรือนทหารบก (กร.ทบ.)
รายการใช้จ่ายอื่นๆ แม้ผู้เกี่ยวข้องจะระบุว่า “ยินดีเปิดเผย…พร้อมรับการตรวจสอบ” แต่ก็ไม่เคยมีการเปิดเผยอย่างจริงจัง
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบในเว็บไซต์ของ ทบ. และหน่วยงานใต้สังกัด ซึ่งตาม
กฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 103/7 กำหนดให้ต้องเปิดเผยรายการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดรวมถึงการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (เว็บไซต์) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจสอบดูได้ รวมถึงได้เดินทางไปที่ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารของ ทบ. ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ของอาคารสำนักงานเลขานุการกองทัพบก (สลก.ทบ.) เพื่อขอใช้สิทธิตาม
พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540
อย่างไรก็ตาม แม้จะพยายามตรวจสอบโดยใช้ 2 วิธีการดังกล่าว ก็ยังพบโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์เพียง 5 โครงการ รวมทั้งหมด 4 ประเภท ซึ่งทั้งหมดดำเนินการโดย
กรมยุทธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) ประกอบด้วย
- งานปูหินลานสักการะ บันได และลานชั้นบนรอบแท่นพระบรมรูป วงเงิน 34.9 ล้านบาท
- งานสร้างรั้วบริเวณภายในและภายนอกอุทยานราชภักดิ์ (2 โครงการ) รวมวงเงิน 20.2 ล้านบาท
- งานติดตั้งหินอ่อนรอบแท่นพระบรมรูป วงเงิน 11.9 ล้านบาท
- งานสร้างป้ายทางเข้าและอาคารรักษาความปลอดภัย วงเงิน 7.2 ล้านบาท
เมื่อรวมวงเงินการใช้จ่ายทั้ง 2 รายการ ตั้งแต่การหล่อพระบรมรูปฯ (ซึ่งตามาข่าวระบุว่า ดำเนินการโดยกรมกิจการพลเรือนทหารบก) การปูลานหิน การสร้างรั้ว การติดตั้งหินอ่อน มาจนถึงการสร้างป้ายทางเข้าและอาคาร รปภ. พบว่ายังมียอดรวมแค่ กว่า 361.2-389.2 ล้านบาท เท่านั้น ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเงินที่ พล.อ. อุดมเดช ระบุว่าจะใช้ในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ทั้งหมด แสดงว่ายังมีการใช้จ่ายบางรายการที่ “ยังตรวจสอบไม่พบ” ผู้สื่อข่าวจึงใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ มาตรา 11 ยื่นขอข้อมูลเพิ่มเติมจากศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารของ ทบ. ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการดำเนินการ
การรับเงินบริจาคและใช้จ่ายเงินเพื่อจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์เกิดข้อสงสัยมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งหากพิจารณาจากข่าวที่ปรากฏในสื่อมวลชน ข้อมูลส่วนใหญ่จะมาจากทีมสืบสวนสอบสวน (ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่ขยายผลมาจากการสืบสวนสอบสวนคดีที่กล่าวหาว่า นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอดูหยอง กับพวก แอบอ้างเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) มาตรา 112 โดยมีข้อสงสัย เช่น
- โต๊ะจีนรับบริจาคในกิจกรรม “ราชภักดิ์ Bike and Concert แทนคุณแผ่นดิน” มีราคาสูงถึง 1 ล้านบาท
- ต้นปาล์มที่นำมาปลูกบริเวณอุทยานราชภักดิ์มีราคาสูงเกินจริงถึงต้นละ 1 แสนบาท ทั้งที่ได้รับบริจาคมาฟรีจากสวนนงนุช (กรณีนี้ พล.อ. ธีรชัย ชี้แจงแล้ว)
- ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์บางรายถูกออกหมายจับ โดยศาลทหารกรุงเทพได้ออกหมายจับ พล.ต. สุชาติ พรมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. ซึ่งเคยเป็นกรรมการอำนวยการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ และ พ.อ. คชาชาต บุญดี อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 คนสนิทกับ พล.ต. สุชาติ ในข้อหากระทำความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 (สื่อมวลชนสายทหารระบุว่า ทั้ง พล.ต. สุชาติและ พ.อ. คชาชาต มีความใกล้ชิดกับ พล.อ. อุดมเดช) ขณะที่เว็บไซต์หนังสือไทยรัฐรายงานว่า ทีมสอบสวนของ สตช. อยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องการจัดทำเสื้อที่ระลึกในงาน “ราชภักดิ์ Bike and Concert แทนคุณแผ่นดิน” ที่ พ.อ. คชาชาต เป็นผู้รับผิดชอบว่ามีความผิดปกติหรือไม่
![จากซ้ายไปขวา พ.อ คชาชาต บุญดี และ พล.ต. สุชาติ พรมใหม่ ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1002453916479733&set=a.440635312661599.102230.100001454030105&type=3&theater](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_ve3cgqr6UDpTxPj6jsKs3zgfmbfLNdC07LlUQUk2EhT9UVzQ2rC9LtoNAUXmpcYUf2JMLw1-3QGD6j7Q2ikDMOFTGpwlOtfLurGun8SgDZbY6IvkIGw_MHbS8s57uUwUwbcXmlkAqp41Bsd82InEFLf7jcqsptzd0iIs0zffAmX6tqEFf1n7F2tBD7Pm2m_711oy7KPe2toDTDI1-lnEYDclXwwnsGCkm-e9hzxL1qtqYLxnYwBAHPwH2wQEUeUkcY4QUtb-uvdc-2Dr3ukw=s0-d)
(จากซ้ายไปขวา) พ.อ คชาชาต บุญดี อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 และ พล.ต. สุชาติ พรมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก 2 นายทหารซึ่งสื่อมวลชนสายทหารระบุว่ามีความใกล้ชิดกับ พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่ถูกศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับ ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1002453916479733&set=a.440635312661599.102230.100001454030105&type=3&theater
แต่กรณีที่ถูกตรวจสอบอย่างจริงจังมากคือกรณีการหล่อพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ไทยที่ทีมสืบสวนสอบสวนของ สตช. อ้างว่า มีการหักหัวคิวเกิดขึ้น โดยตัวละครสำคัญที่ทีมสืบสวนสอบสวนของ สตช. กำลังตรวจสอบ คือ เซียนพระ ชื่อเล่นอักษรย่อ “อ.อ่าง” มีรายละเอียดเบื้องต้น ดังนี้
1. พระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหง หล่อโดย บริษัท ช.ประติมากรรม อินดัสตรี จำกัด ตั้งอยู่ที่ 30/3 หมู่ 6 ต.วังเย็น อ.เมือง จ.นครปฐม วงเงิน 43 ล้านบาท
เซียนพระหักหัวคิว 10%
2. พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวร หล่อโดย บริษัท เอเชีย ไฟน์อาร์ท จำกัด เลขที่ 59/1 ต.บ้านม้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา วงเงินยังไม่แน่ชัด ไม่มีการหักหัวคิว
3. สมเด็จพระนารายณ์ หล่อโดยบริษัท ร็อคคลา ไฟน์ อาร์ท จำกัด เลขที่ 143 หมู่ 12 ต.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
เซียนพระหักหัวคิว 10%
4. สมเด็จพระเจ้าตากสิน หล่อโดย หจก.ประติมาไฟน์อาร์ท เลขที่ 89 หมู่ที่ 12 กม.58 ถนนกาญจนาภิเษก ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี วงเงิน 44 ล้านบาท
เซียนพระหักหัวคิว 10%
5. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หล่อโดย บริษัท พุทธปฏิมา พรหมรังสี จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 52/25 ถนนพุทธมณฑลสาย 3 เขตทวีวัฒนา กทม. วงเงิน 43 ล้านบาท
เซียนพระหัวคิว 4.7 ล้านบาท
6. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หล่อโดย บริษัท เอเชีย ไฟน์อาร์ท จำกัด เลขที่ 59/1 ต.บ้านม้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา วงเงินยังไม่แน่ชัด ไม่มีการหักหัวคิว
7. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หล่อโดย บริษัท โผนประติมากรรมสากล จำกัด วงเงิน 42 ล้านบาท
หักหัวคิว 8 ล้านบาท
โดย พล.อ. อุดมเดช ได้
ชี้แจงถึงกระแสข่าวเรื่องนี้ว่า
“เรื่องนี้มีส่วนความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะตนคิดว่าทุกวงการก็มีสิ่งเหล่านี้ แต่พอเราทราบว่าน่าจะมีเราก็เข้าไปดำเนินการ โรงหล่อต่างๆ ก็มีความเข้าใจ คนที่สอดแทรกมาก็เป็นการแอบอ้าง แต่ทุกอย่างยุติลงด้วยดี สิ่งที่โรงหล่อต่างๆ อาจจะถูกหลอก โรงหล่อต่างๆ เองก็ไม่อยากให้เกิดอะไรเสียหาย เขาจึงมีการบริจาคโดยสมัครใจส่วนหนึ่ง อีกบางส่วนโรงหล่อก็นำไปใช้ในการทำองค์พระให้สมบูรณ์ ทุกอย่างจบเสร็จด้วยความเรียบร้อย สะอาด บริสุทธิ์ทุกขั้นตอน”
ด้านเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ข่าวสด
รายงานว่า มูลค่าหัวคิวที่เซียนพระหักไปจากการหล่อพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ไทย รวมเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท แต่ผู้เกี่ยวข้องได้เรียกเซียนพระมาพูดคุยที่หน่วยงานราชการแห่งหนึ่งบนถนนราชดำเนิน ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา ก่อนที่เซียนพระจะยอมคืนเงินค่าหัวคิวโดยบริจาคเข้ามูลนิธิราชภักดิ์ และได้เดินทางออกนอกประเทศไปยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์เซียนพระรายดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันยังอาศัยอยู่ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ถึงกระแสข่าวความไม่โปร่งใสในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้เรื่องเงียบที่สุด
ทั้งหมดทั้งปวง คือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่สังคมไทยกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้