PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ใช้ม.44ปิดทีวีเป็นครั้งแรกฟ้าให้ทีวีประเดิม

"ฟ้าให้ทีวี" ครั้งแรกที่ใช้ ม.44 ปิดสถานีโทรทัศน์

จากกรณีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 สถานีวิทยุโทรทัศน์ ฟ้าให้ทีวี (Fah Hai TV) ที่มีพรทิพา หรือ ดีเจฟ้า เป็นเจ้าของ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นและยึดอุปกรณ์ของสถานี โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ประกอบมาตรา 44 หลังตรวจสอบพบว่า รายการทีวีรายการหนึ่งที่ออกอากาศทางสถานี อาจมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน นอกจากนี้ยังพบว่า สถานีฟ้าให้ทีวี ออกอากาศโดยไม่มีใบอนุญาต จึงยึดอุปกรณ์ของทางสถานีเป็นของกลาง ทำให้สถานีออกอากาศไม่ได้อีก

ซึ่งตามปกติอำนาจกำกับดูแลเนื้อหาสื่อโทรทัศน์ เป็นของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และ กสท.จะตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยทำงานด้านต่างๆ โดยมีคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการทำหน้าที่พิจารณาเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ถ้าอนุเนื้อหาฯ มีมติว่าผิดจริง ก็จะส่งต่อให้ กสท. ลงโทษทางปกครอง 

หลังรัฐประหาร คสช.ตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข่าวสารต่อสาธารณะ เช่นโทรทัศน์  โดยส่งเรื่องร้องเรียนไปยังกสท.ว่ามีรายการอะไร ของช่องใดบ้าง ที่ออกอากาศเนื้อหาที่อาจขัดความมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น คสช. ยังใช้มาตรการพิเศษสำหรับช่องการเมืองที่เคยถูกระงับออกอากาศตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 15/2557 คือ จะอนุญาตให้กลับมาออกอากาศก็ต่อเมื่อลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) ซึ่งกำหนดเงื่อนไขว่า ทางสถานียินยอมงดเว้นการนำเสนอเนื้อหาที่ขัดต่อประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 และ 103/2557 หากฝ่าฝืนกสท.อาจพิจารณาถอนใบอนุญาตทันที

จากที่ไอลอว์รวบรวมข้อมูลพบว่า ตั้งแต่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงปัจจุบัน (พฤศจิกายน 2558) มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับช่องโทรทัศน์ที่นำเสนอเนื้อหาทางการเมือง เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมกสท.แล้ว อย่างน้อย 18 กรณี จาก 12 สถานี เช่น สถานีโทรทัศน์พีซทีวีที่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาต,  รายการนินทาการเมือง ช่อง 4 Channel ที่ถูกปรับ 500,000 บาท และการนำเสนอสกู๊ปนักศึกษากลุ่มดาวดิน ของรายการที่นี่ ThaiPBS ซึ่งกสท.มีมติไม่ลงโทษทางปกครอง

ทั้งนี้การเข้าตรวจค้นและยึดอุปกรณ์ออกอากาศของฟ้าให้ทีวี นับเป็นครั้งแรกที่คสช.ใช้มาตรา 44 เพื่อกำกับดูแลสื่อโทรทัศน์โดยตรง แทนที่จะใช้กสท.เป็นกลไกอย่างที่ผ่านมา ภายหลังตรวจค้นนอกจากยึดอุปกรณ์ของสถานีเเล้ว เจ้าหน้าที่ทหารยังนำบุคคล 5 คนที่เกี่ยวข้องกับสถานีไปแจ้งความ ที่กองบังคับการปราบปราม ข้อหา ร่วมกันประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาปลุกปั่น ยั่วยุให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116  

อ่านรายละเอียดเรื่องราวของ กรณีปิดฟ้าให้ทีวี -->http://freedom.ilaw.or.th/case/695

ดูบทความ ข้อมูลและขั้นตอนการปิดกั้นเนื้อหาในสื่อโทรทัศน์ ภายใต้ยุคคสช. --->http://freedom.ilaw.or.th/TVContentRegulation

คำสั่งบิ๊กป้อมตั้งกก.สอบอุทยานราชภักดิ์ของกห.

เผยคำสั่ง พลเอกประวิตร รมว.กลาโหม ใช้อำนาจตาม พรบ.กลาโหม ปี 2551 ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ 9คน มี บิ๊กช้าง พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกลาโหม เป็นประธาน ระบุ มีสิทธิ์เรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำ และขอเอกสาร หลักฐานจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาใช้ แต่ไม่กำหนดกรอบเวลา แต่ให้เร่งสอบแล้วรายงาน รมว.กลาโหม ในโอกาส แรก 


นายกฯ ยั้วะ "เพื่อไทย" จี้ บิ๊กโด่ง-รัฐบาล รับผิดชอบ "ราชภักดิ์" ลั่นไม่ได้ทำผิดอะไร

นายกฯ ยั้วะ "เพื่อไทย" จี้ บิ๊กโด่ง-รัฐบาล รับผิดชอบ "ราชภักดิ์" ลั่นไม่ได้ทำผิดอะไร ยันให้งบฯกลาง ด้วยความสุจริต โยนให้ไปไล่บี้พวกเบิกจ่ายให้รับผิดชอบ ยันไม่ใช่เป็นคสช.แล้วต้องปกป้องทหาร มันแค่คนส่วนน้อยที่ทำผิด ยัน ต้องแยกแยะ คนใกล้ชิด"บิ๊กโด่ง"ทำผิด ถ้าไม่งั้นต่อไปคนใกล้ชิดทำผิดก็ต้องลาออกไปให้หมด คนในกระทรวง ลูกน้องทำผิด แล้วต้องลาออกหมดหรือไง ....อย่าเอาการเมืองต้องรับผิดชอบหมด ยอมไม่ได้อ้างสถาบันหาผลประโยชน์ พร้อมขู่ถ้าทุกอย่างล้มก่อนปี 60 ช่วยอะไรไม่ได้ หากไม่เลิกขยายความเล่นงานกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและอดีตผบ.ทบ.รับผิดชอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ด้วยการลาออกว่า ราชภักดิ์เป็นโครงการมีประโยชน์ต่อแผ่นดิน มีเจตนาดี แต่มีส่วนหนึ่งเอาไปหาประโยชน์ อย่าไปตกเป็นเครื่องมือเขา ซึ่งตนก็มีลงโทษ ทั้งทางวินัย ถอดยศ ยึดเครื่องราชย์ ส่วนทางอาญาก็ออกหมายจับ ทำตามกระบวนการทุกอย่าง กฎหมายก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่จะเลวไปทั้งหมด
เมื่อถามว่า ส่วนที่สตง.ตรวจสอบว่ามีการเบิกจ่ายงบฯกลางไปใช้ในโครงการ นายกฯ กล่าวว่า หน้าที่ของรัฐบาล งบฯกลางที่ขอมามีหลายหน่วยงาน ซึ่งส่วนนั้นเป็นงบฯกลาโหมที่ขอขึ้นมา เป็นโครงการของกองทัพบก ส่วนเขาจะไปใช้อะไรไปดูตรงโน้น ก็ตรวจสอบกันมา ถ้าเขามีการตรวจสอบการใช้งบฯตรวจบัญชีแล้วมันตรง มันก็โอเค แต่ไอ้ที่โกงกันไปก็ต้องไปหากันต่อ จะทำยังไงกับ 2-3 คนที่มันหนีๆพูดกันอยู่ ไปหามาซิ มันก็คือส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ นายกฯ ย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า
"รับผิดชอบเรื่องอะไร ไหนตอบมาซิ ปัดโธ่ และรัฐบาลนั้นรับผิดชอบไหมโครงการจับนำข้าว ก็ถามกันแบบนี้ เขามีหน่วยงานไม่รู้เท่าไร มีรองนายกฯ รัฐมนตรี อธิบดี ผอ.หน่วยงาน ก็ไปไล่สอบมา รัฐบาลต้องรับผิดชอบในทางนโยบาย ซึ่งก็ได้ให้ไปแล้ว และผมให้ก็ด้วยความสุจริต
ผมไม่ได้ทำผิดอะไร ผมให้ถูกตามระเบียบถูกตามงบประมาณหรือเปล่า ถ้าผมให้ถูกระเบียบต้องรับผิดชอบอะไร คนรับผิดชอบคือคนที่เบิกผมไป ซึ่งเขาก็ตรวจแล้วให้ไปไล่ดู อย่ามาโยงกันแบบนี้ มันคนละเรื่อง ไอ้จำนำข้าวใครรับผิดชอถามซิ นายกฯเหรอ มันไม่ใช่ ต้องคณะกรรมการนโยบายจำนำข้าวที่ต้องรับผิดชอบ ใครละเป็นประธาน ที่เขาต้องเรียกค่าละเมิดในฐานะเขาเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว กำกับดูแลไปซิ ถ้านายกฯรับทั้งหมดมันใช่ แต่รับผิดชอบในเชิงนโยบาย ถ้ามันทำไปตามนโยบายที่ชอบทำถูกต้อง หรือจะมาบอกเป็นนโยบายของพรรค มันก็ไม่ใช่ แต่นี้เป็นโยบายรัฐบาลที่เจตนาโดยสุจริต เพราะฉะนั้นอย่าเอาไปพันกัน ผมพูดตามคำศัพท์ของผม ไม่ใช่ตามหลักวิชาการ หรือกฎหมาย อย่ามาจับผิด จับถูก คำถามว่าใครต้องรับผิดชอบอย่ามาถามผม"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ห่วงว่าฝ่ายตรงข้ามจะนำประเด็นเหล่านี้ มาเป็นตัวทำลายศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า คุณจะไปขยายความให้เขาทำไม ผมไปทำแล้วกี่หมื่นอย่าง ทำไปเป็นแสนอย่างแล้ว เรื่องตรงนี้ก็มาขยายกันอยู่ได้ ให้ไปสอบมันก็จบ ใครติดคุกก็ติดไปเถอะ ตนไม่ได้ไปช่วยเขา ถ้ายังขยายความแบบนี้ กระบวนการยุติธรรมก็เสียหาย ความเชื่อถือก็ไม่เป็นธรรม เลือกข้าง คดีอื่นๆเขาก็เข้ากันหมด มีบางคนที่ไม่ยอมเข้า จะผิดไม่ได้ ต้องถูกทั้งหมด แบบนี้จะอยู่ยังไง จะเอาแบบนี้เหรอ ตนยังไม่ได้เข้าข้างใครสักคนเลย ไอ้ความรับผิดชอบก็พูดกันอยู่นั้น รัฐบาลจะไม่อยู่ไม่ได้ ก็ให้รู้กันไป ถ้าจะไม่อยู่ไม่ได้ไอ้เรื่องแบบนี้ อะไรที่เป็นปัญหาเป็นอุปสรรคก็แก้ไป กฎหมายมีก็ทำไป วันนี้ประเทศติดไปสะทุกอย่าง มั่วแต่อยู่ในความขัดแย้ง ให้เข้าใจตนบ้างเข้ามาด้วยเพราะอะไร ไม่ได้เข้ามาเพื่อต่อสู้ปัญหาเก่าๆ ไม่ได้มาต่อสู้กับเขา ให้กระบวนการยุติธรรมไปทำมา
"การทำทุกอย่างมันต้องมีปัญหา เพราะเราเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะทหาร ตำรวจหรือประชาชน ก็มีปัญหาทั้งนั้น ให้กลไกที่มีเขาทำไป ทำไมต้องมาแบ่งฝ่าย ผมไม่ใช่ฝ่ายใครทั้งนั้น ผมคือฝ่ายคน 70 กว่าล้านคน ยกเว้นไอ้คนไม่ดี ผมไม่ใช่ศัตรูใคร ไปเป็นศัตรูกฎหมายโน้น วันนี้ต้องการให้ตีกันอีก ต้องการให้มีผู้ชนะ ผู้แพ้กันหรืออย่างไร คนแพ้ทั้งหมดคือประเทศชาติ และประชาชน จะอยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้น ถ้าทุกอย่างล้มไปก่อนปี 60 ก็ช่วยไม่ได้ ฉันก็พอแล้ว ก็ไปหาใครมาทำก็แล้วกัน ไม่ได้ต้องการสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลหรือคสช.ส่ิงที่ทำอาจช้าบ้าง เร็วบ้าง แต่กลับเอาเรื่องแบบนี้มาขยายความ ทำเพื่ออะไร ผมก็ไม่รู้"นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่าถ้าสตง.เข้ามาตรวจสอบ จะมีปัญหาหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนไม่เคยห้าม ก็ตรวจสอบของเขาไปตามระบบราชการ ใครจะตรวจสอบก็ตรวจสอบมา ซึ่งก่อนตรวจสอบจะทำเรื่องมาก่อน แล้วเราก็ทำเรื่องชี้แจงเขาไป แล้วตรวจสอบหลักฐาน ถ้ามันไม่มีอะไรเขาก็ไม่ตรวจสอบ ถ้าเจอคนผิดก็ลงโทษทางวินัย ไล่ออก ปลดออก ถ้าเป็นคดีอาญาก็ดำเนินการตามปกติว่ากันไป ไม่ว่าจะโครงการอะไร มูลค่าเท่าไรใช้กฎหมายเดียวกัน นี้คือความเท่าเทียมของกฎหมาย ไม่ใช่ว่าตนเป็นคสช.แล้วจะมาปกป้องทหาร เขามีความเข้มแข็งของเขาอยู่แล้ว มันคือคนส่วนน้อย ซึ่งผมสัมฤทธิ์มันก็ปรากฎอยู่ ถ้าเป็นการอ้างสถาบันหาผลประโยชน์รับไม่ได้ ท่านทรงพระเมตตาทุกคนอยู่แล้ว แต่ก็มาชอบทำกันแบบนี้ทำกฎหมายเสียหาย ทำให้สถาบันเสียหายไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ นายกฯกล่าวขึ้นทันทีที่ยังถามคำถามไม่จบว่า "พรรคอะไรไม่รู้ ผมไม่สนใจ"จากนั้น ย้อนถามผู้สื่อข่าว"พรรคอะไรนะ"
เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่าพรรคเพื่อไทย นายกฯกล่าวตอบอย่างเสียงดัง"ผมไม่รู้จัก ไม่สนใจ" ท่านต้องฟังผม ไม่ใช่เอาคำถามที่เขาพูดมาแล้วมาถาม ไปถามคนพูดว่าพูดมาทำไม ไปต่อสู้ให้ตนบ้าง นายกฯทำแบบนี้ ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ไปแก้เรื่องตนกับเขา ไม่ใช่เอาส่ิงที่เขาพูดมาโจมตีตน แล้วเอาตนไปโจมตีเขา สนุกกันนักหรือไง ไม่เข้าใจ พูดกันกี่ทีแล้ว ผมไม่สนใจ ก็เลือกตั้งเข้ามาแล้วกัน เลือกเขาใช่ไหม ก็เลือกมาซิ
เมื่อถามว่า คนที่ถูกออกหมายจับเป็นคนใกล้ชิดพล.อ.อุดมเดช นายกฯกล่าวว่าต้องแยกออกจากกัน คนใกล้ชิดทำผิดใช่ไหม ถ้าไม่งั้นต่อไปคนใกล้ชิดทำผิดก็ต้องลาออกไปให้หมด คนในกระทรวง ลูกน้องทำผิด แล้วต้องลาออกอย่างนั้นเหรอ เขามีกฎหมายอยู่ จะมาบอกเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองเหรอ ก็เอาไปคิดกัน จะผิดจะถูกเขาคิดกันอยู่ มีวิจารณญาณของเขาเอง คนที่เคยอยู่การเมืองแล้วไม่รับผิดชอบ ทำไมไม่ไล่เขา เคยถามเขาแบบนี้หรือเปล่า พอถามแล้วตอบว่างัย ไปแล้วคะ

"บิ๊กตู่"ลั่นเป็น"แพยนต์"พาประชารัฐถึงฝั่งพร้อมกัน ถ้าใครทำแพแตกก็จมน้ำตายกันไป

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 18:30:30 น มติชน

http://www.matichon.co.th/online/2015/11/14486230441448623149l.jpg

 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน  ที่ห้องประชุมดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ สำนักงบประมาณ ถนนพระราม 6  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2559
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวเปรียบเทียบรัฐบาลในวันนี้ว่า เสมือนนำเรือข้ามแม่น้ำ 5 สาย ไม่ใช่เรือแป๊ะ ฉันไม่ใช่แป๊ะ แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะเรียกก็ไม่เป็นไร เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ แต่ตนไม่ใช่แป๊ะ พอพูดถึงเรือแป๊ะสื่อก็จะบอกว่าต้องตามใจแป๊ะ แต่ความหมายของเรือแป๊ะถ้าเป็นเรือจ้างเรือแจวก็จะต้องมีคนรับจ้างพายข้ามฟาก ก็ต้องตามใจคนพาย อยู่ดีๆจะบอกว่าไม่ขอไปเส้นโน้น ขออ้อมไปเส้นนี้ได้หรือไม่ เขาไม่ไปหรอก เพราะจะตายเปล่าๆ นั่นแหละเขาเรียกว่าตามใจแป๊ะแจวเรือจ้าง

“ผมไม่ใช่เรือจ้างพาพวกท่านไปส่ง แต่ผมเป็นแพและเป็นแพขนานยนต์ด้วยซ้ำ ต้องไปให้เร็ว และต้องไปด้วยกันทั้งหมด ขึ้นแพใหญ่ๆไป แค่เรือจ้างเรือแป๊ะไม่พอ เพราะผมต้องเอาคนทั้งหมดไป เอาประชารัฐไป ถ้าทุกคนแยกเรือกันไปมันจะไปไม่ได้ ติเรือทั้งโกลน ติโขนยังไม่ทรงเครื่อง เหมือนกันแหละ แต่งตัวไม่เสร็จมันจะสวยงามได้อย่างไร วันนี้กำลังแต่งตัวอยู่ สื่อเคยได้ยินบ้างไหมคำพวกนี้ ไปอ่านนิทานอีสปกันบ้าง ติเรือทั้งโกลนขณะที่ยังสร้างไม่เสร็จจะไปติทำไม มันเสร็จแล้วก็ไม่ไป ถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ผมก็พูดของผมไปด้วย”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า แพขนานยนต์ของนายกฯจะแตกก่อนปี 60 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “อยู่ที่เธอ ไม่ได้อยู่ที่ฉัน ฉันต่อแพแล้ว ท่านจะทำให้แพแตกก็เรื่องของท่าน ก็จมน้ำกันไป ผมว่ายน้ำเป็นอยู่แล้ว ถ้าไม่ไปด้วยกันตายหมด นอกจากว่ายน้ำไม่เป็นยังโดนเหยียบกันตาย เพราะมันแย่งกันทะเลาะกัน เอาเปรียบกัน ต่างคนอยากอยู่ตรงกลางแพ ริมแพไม่มีใครอยู่ ฉะนั้นอย่าลืมว่าทั้งหมดต้องไปด้วยกัน มันต้องค้ำถ่อไปทุกด้าน เท่าเทียมกัน ถ้าค้ำซ้ายอย่างเดียวก็เลี้ยวขวาตลอด มันต้องค้ำหลัง ค้ำซ้าย ค้ำขวา สื่อต้องสอนคนอย่างนี้ เด็กเล็กจะได้เข้าใจ อย่าไปเขียนศัพท์สวิงสวายจะไม่รู้เรื่อง”

ประยุทธ์ ตอบกรณีฑูตสหรัฐวิจารณ์ ม.112

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2558
'ประยุทธ์'ตอบทูตสหรัฐฯกรณีวิจารณ์ม.112

'ประยุทธ์'ตอบทูตสหรัฐฯกรณีวิจารณ์ม.112

'ประยุทธ์'ตอบทูตสหรัฐฯกรณีวิจารณ์ม.112 ระบุเป็นกฎหมายหมิ่นประมาท เพราะสถาบันฯฟ้องร้องใครเองไม่ได้ ชี้เป็นหน้าที่คนไทยปกป้อง

            27พ.ย.587 เมื่อเวลา 14.00น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2559 กรณีนายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ที่วิจารณ์ถึงบทลงโทษจำคุกแก่ผู้หมิ่นประมาทสถาบันฯ ในงานเสวนาสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา ว่า“ก็เรื่องของเขา ก็เห็นส่งคนมาเจรจาการค้าขายกับผมอยู่ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประเทศอังกฤษและสหภาพยุโรป (อียู) ก็มา ผมก็ถามเขาว่าผมทำดีอย่างนี้    ท่านจะว่าอย่างไร เขาก็บอกว่าดีๆ แต่พอผมถามเขาอีกว่ารัฐบาลประชาธิปไตยทำให้เขาแบบนี้ได้ไหม เขาก็เงียบ ผมทำให้    เพราะผมทำกติกาให้มันชัดเจนขึ้น ทั้งเรื่องการค้าการลงทุนที่ 20 ปีไม่เคยทำมา นี่แหละผมทำหรือเปล่า ก็ลองชั่งน้ำหนักดูว่าการที่ผมเข้ามาแบบนี้ กับไอ้การประชาธิปไตยเลือกตั้งๆ ทุกวัน ซึ่งยังไม่เวลา ตามโรดแมปก็มีอยู่ ก็มาเร่งกันนักหนา”
            เมื่อถามว่าได้มีการอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ก็พูด   แต่เขาไม่เข้าใจ พอใส่กันเรื่อยๆ ก็กลายเป็นมารังแกกัน รังแกว่าพวกนี้ใช้กับฝั่งตรงข้ามมันก็เป็นกฎหมาย คือกฎหมายหมิ่นประมาททุกประเทศมีหมด แต่นี่เพื่อสถาบันฯ เพราะสถาบันฯฟ้องร้องใครไม่ได้  ดังนั้นทำไมถึงต้องมีมาตรา 112 ก็เพื่อปกป้องสถาบันฯ สื่อก็ไปอธิบายคนเขาแบบนี้สิ หน้าที่ของคนไทยที่เราจะต้องปกป้องพระองค์ท่าน ก็ต้องมีการออกกฎหมายเพื่อปกป้องพระองค์ท่าน ปัญหาคือใครจะใช้ประโยชน์อะไรมันเรื่องของคน เข้าใจหรือเปล่า”
            “ถามว่าพวกที่ไปร้องสิทธิมนุษยชนมันทำความผิดหรือเปล่าตามกฎหมายมันเขียนไว้หรือเปล่า ก็เขียนทั้งนั้น แต่กูจะทำ แล้วก็ไปฟ้องสิทธิมนุษยชน มันใช่ไหมเล่า กฎหมาย กฎอัยการศึก มาตรา 44  ทำความผิดหรือเปล่า เขาเขียนไว้หรือเปล่ากฎหมาย ในเมื่อมันเป็นกฎหมายพิเศษช่วงนี้ก็ต้องปฏิบัติตาม แล้วมาบอกว่าจะต้องไม่ปิดกั้น ก็ผมไม่เคยปิดกั้นนี่ จะพูดอะไรก็พูดไป แต่ถ้าพูดด่ารัฐบาลไม่ได้ ทำไม ไม่มีกติกากันบ้างล่ะ ใช่ไหม”นายกฯ กล่าว
            พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าตนเข้ามาแล้วมันมีประชาธิปไตยทั้งหมด 150 เปอร์เซ็นต์ เดิมมัน 150 เปอร์เซ็นต์ไม่ต้อง100%หรอก เพราะมันทำอะไรก็ได้ กฎหมายไม่สนใจแล้วเราจะทำอะไร จะปฏิรูปกันอย่างไร ทุกคนอยากปฏิรูปแต่ไม่อยากมีกฎหมาย ไม่เคารพกฎหมายแล้วจะปฏิรูปได้ไหม เอาประชาธิปไตยปฏิรูปก็เชิญไปเถอะ เชิญ เชิญไปทำกันแล้วกัน 

เมินสหรัฐฯตัดสิทธิพิเศษจีเอสพีชี้เป็นปัญหาเก่า 
 
            พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเตรียมที่จะตัดสิทธิพิเศษทางการค้ากับไทย โดยระบุว่าไทยฝ่าฝืนมาตรฐานของระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP)ซึ่งอนุญาตให้มีการส่งออกสินค้าบางประเภทไปยังสหรัฐฯได้โดยไม่ต้องเสียภาษี โดยมาตรฐานดังกล่าวรวมถึงเรื่องสภาพการทำงานที่ยอมรับได้ และเรื่องการบังคับใช้แรงงาน
 
            นายกฯ กล่าวกลับทันทีว่า“ก็ช่างเขาสิ ช่างเขา ก็ช่างเขาเป็นไรเล่า แล้วทำไมจะไปสู้อะไรกับเขาเล่า แล้วแต่ก่อนไม่มีหรือ แต่ก่อนก็มีเยอะ เยอะยิ่งกว่านี้อีก ก็วันนี้เรากำลังทำอยู่ทั้งหมดทั้งเรื่องแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ไอยูยู ใครทำมาล่ะ มีใครทำไหม จดทะเบียนแรงงานมีไหม ขายของผิดกฎหมายทุกที่มีใครทำมาไหม ไปบอกเขาผมสิ ส่วนสหรัฐฯก็เรื่องของเขา” 
 
              นายกฯ กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ก็ทำอยู่แล้ว มีแนวทางอยู่แล้วไม่ต้องไปสั่งของหรอก มีกต.เขาก็มีอยู่ สถานทูตก็มีอยู่ แต่เขาจะฟังหรือเปล่าก็เรื่องของเขา แต่เราจะต้องปฏิรูปประเทศ แล้วเขาประโยชน์หรือไม่ตนถามหน่อยเขาได้หรือเปล่าที่เราทำอยู่ ไม่อยากได้ก็แล้วแต่ ตนก็ไปหาคนอื่นทำด้วย 
 
            เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่การแก้ไขปัญหาแรงงานไทยทำเต็มที่แล้ว นายกฯ กล่าวว่า “เต็มที่ แต่จะได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ร่วมมือกันหรือไม่ ประชารัฐร่วมหรือไม่   ปัญหาก็เยอะอยู่แล้ว ยังจะเพิ่มปัญหาขึ้นมาอีก แล้วตนไม่ทำใครจะทำ ปัญหานี้มันเกิดขึ้นเมื่อวานหรืออย่างไร   หรือเกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 หรืออย่างไร จะถามว่าเรื่องแบบนี้อยู่ได้ ที่ผ่านมาไม่เคยเสียหายเลยหรือ บอกแล้ว  อะไรที่มันผิดก็ต้องยอมรับ  แล้วบอกเขาสิว่ามันคือปัญหาของเรา แล้วท่านมาพูดแบบนี้สิว่ารัฐบาลประชาธิปไตยมันไม่ได้ทำ พูดได้ไหม กล้าพูดไหม” 

"ปูติน" เอาคืน ลงดาบการค้าตุรกี


updated: 27 พ.ย. 2558 เวลา 17:55:45 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ไม่พยายามปิดปังความไม่พอใจที่มีต่อตุรกี ที่ยิงเครื่องบินรบของรัสเซียตกบริเวณพรมแดนตุรกี-ซีเรีย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (24 พ.ย.) หลังจากละเมิดน่านฟ้าตุรกี ล่าสุด มาตรการลงโทษตุรกีครอบคลุมไปถึงด้านการค้าแล้ว
ไฟแนนเชียล ไทมส์ ระบุว่า Rosselkhoznadzor หน่วยงานตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารของรัสเซีย ประกาศว่า อาหารและสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากตุรกีจะถูกนำมาตรวจเช็กความปลอดภัย ขณะที่ Rospotrebnadzor หน่วยงานด้านความปลอดภัยเพื่อผู้บริโภคของรัสเซียเตรียมดึงสินค้าจากตุรกี รวมถึงเนื้อสัตว์และผลไม้ออกจากเชลฟ์ในร้านค้า โดยอ้างว่าเพื่อตรวจสอบมาตรฐานด้านสุขภาพ

ทั้งนี้ ข้อกำหนดด้านการนำเข้าอาหารเป็นมาตรการที่รัสเซียนำไปมาใช้เพื่อตอบโต้ประเทศคู่ขัดแย้งของตนบ่อยครั้ง ก่อนหน้านี้เคยใช้กับสหรัฐและยุโรปตะวันออกที่พิพาทกันเรื่องวิกฤตยูเครน โดยตุรกีเป็นประเทศที่ส้มหล่นจากการที่รัสเซียคว่ำบาตรอาหารจากชาติตะวันตก ในปี 2557 มูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างรัสเซีย-ตุรกีพุ่งสูงถึง 19% มาอยู่ที่ 4,000 ล้านดอลลาร์



นอกจากนี้ รัสเซียยังพุ่งเป้าไปที่ภาคการท่องเที่ยวของตุรกี กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้ยกระดับการเตือนภัยการเดินทางไปประเทศดังกล่าว พร้อมแนะนำให้คนรัสเซียหลีกเลี่ยงไปเยือนตุรกี ส่วนคนที่ขณะนี้อยู่ในตุรกีให้รีบเดินทางกลับประเทศ

นายโอเลก ซาโฟนอฟ หัวหน้าองค์การการท่องเที่ยวรัฐบาลกลางรัสเซียเผยว่า ตุรกีทำเงินจากนักท่องเที่ยวรัสเซียราวปีละ 10,000 ล้านดอลลาร์ "แต่เห็นได้ชัดว่าตุรกีไม่ต้องการรายได้ส่วนนี้อีกแล้ว" พร้อมเสริมว่า ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศจะถูกระงับทั้งหมด

มีรายงานข่าวว่านักธุรกิจจากตุรกี 39 คนถูกจับกุมข้อหาใช้วีซ่าผิดประเภท โดยเข้ามาในรัสเซียโดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว แต่เข้าร่วมงานแสดงสินค้าเกษตรซึ่งมีจุดประสงค์ด้านธุรกิจ



ด้านนายดิมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเตรียมออกแพ็กเกจคว่ำบาตรทางการค้าต่อตุรกี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ห้ามบริษัทสัญชาติตุรกีใช้ท่าเรือและน่านฟ้าของรัสเซีย ระงับข้อตกลงด้านการลงทุน รวมถึงการแลกเปลี่ยนด้านสังคมวัฒนธรรม

แม้รัฐบาลตุรกีจะพยายามหาทางคลี่คลายสถานการณ์ แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถบรรเทาความโกรธของนายปูตินได้ ผู้นำรัสเซียกล่าวหาว่าตุรกีจงใจทำลายความสัมพันธ์กับรัสเซีย "เรายังไม่ได้ยินคำขอโทษที่ชัดเจนจากฝ่ายการเมือง-ความมั่นคงระดับสูงของตุรกี หรือขอเสนอที่จะชดใช้ความเสียหาย รวมถึงคำมั่นที่จะลงโทษผู้กระทำผิดในครั้งนี้"

ลูกชายประธานาธิบดีตุรกีค้าน้ำมันเถื่อนกับ ISIS':

NED: 'ลูกชายประธานาธิบดีตุรกีค้าน้ำมันเถื่อนกับ ISIS':
นักข่าว NEO เปิดโปงว่าบิลาล แอร์โดกัน ลูกชายประธานาธิบดีตุรกีใช้อาวุธแลกกับน้ำมันเถื่อนของขบวนการ ISIS ที่ลักลอบขนน้ำมันจากซีเรียและอิรักเข้าตุรกี การที่เครื่องบินรัสเซียยิงถล่มโรงกลั่นน้ำมันที่ ISIS ยึดครอง เป็นไปได้ที่จะเป็นสาเหตุทำให้ประธานาธิบดีตุรกีพิโรธ
ถามต่อไปว่าอาวุธที่ตุรกีส่งมอบให้ผู้ก่อการร้าย ISIS นั้นได้แต่ใดมา? แน่นอน ต้องมีชาติมหาอำนาจบางชาติที่แอบขายให้ผ่านตุรกี ผลประโยชน์เกี่ยวพันกันอย่างนี้แล การแก้ปัญหาถึงสลับซับซ้อน
27 พฤศจิกายน 2558
รายละเอียดเพิ่มเติม
http://journal-neo.org/…/russia-will-now-eliminate-all-air…/

ตุรกีผวา ! ลำเลียงรถถังประชิดชายเเดนซีเรียแล้ว ! หลังนักบินพญาหมีขาวรอดชีวิต! ให้สัมภาษณ์ไม่มีการแจ้งเตือนการยิงแต่อย่างใด!!


12274770_936858253065914_7713375325592652557_n 
งานนี้ต้องบอกคงเป็นหนังเรื่องยาวแล้วเป็นแน่เเท้ เมื่อทางนักบินชาวรัสเซียที่รอดชีวิตมา 1 นาย ให้สัมภาษณ์ว่าขณะที่บินเหนือน่านฟ้าซีเรียนั้นไม่มีการแจ้งเตือนการรุกล้ำจากทางตุรกี แต่อย่างใด
12274770_936858253065914_7713375325592652557_n
ต่อมาทาง นายเรเจป ไตยิป เอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี มีคำสั่งถึงกองทัพบกตุรกี ให้นำรถถัง รุ่น M-60 ขึ้นรถไฟเพื่อลำเลียงไปยังชายเเดนซีเรีย ภายใต้ความตึงเครียดระหว่าง รัสเซียกับตุรกี
11248945_936858263065913_1288878117285682060_n

11254663_936858316399241_727731177831109291_n
12249795_936858239732582_7396144378006090129_n
12314009_936858303065909_6398707579173869590_n
12314037_936858286399244_2044687335795860168_n
งานนี้ก็ไม่รู้ว่าจะยังไงเพราะนาโต้ก็สนับสนุนตุรกีในฐานะชาติพันธมิตร แต่รัสเซียนั้นมีท่าทีเเข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด
ที่มา : http://defence-blog.com/army/turkish-tanks-continue-to-be-sent-to-the-the-border-with-syria.html

รัสเซียเร่งปิดเกมคลังเสบียงของ ISIS:

ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
รัสเซียเร่งปิดเกมคลังเสบียงของ ISIS:
บ่อน้ำมันที่ปล้นไปจากรัฐบาลซีเรียและอิรักคือบ่อเงินบ่อทองหรือคลังเสบียงของกลุ่ม ISIS ซึ่งเชื่อมต่อไปถึงตุรกี ระยะนี้ รัสเซียจึงจัดการถล่มโรงกลั่นน้ำมัน รถรรทุกน้ำมัน ฯลฯ แบบเน้นๆ เมื่อขาดเงินสนับสนุน อาวุธก็ไม่มี เกณฑ์คนมาก็ไม่ได้ เครือข่ายต่างๆ ก็หยุดขะงักลง เดาว่าเมื่อพวกนี้ไม่มีเงินไปซื้ออาวุธแล้วนั่นแหละ มหาอำนาจบางชาติถึงจะลงมือปราบอย่างจริงจัง ยามมีเงินก็เป็นมิตรกันดี แต่พอถังแตกก็ชี้หน้าว่าเป็นผู้ก่อการร้ายแล้วเริ่มปราบ ตอนนี้ ก็ฟัง ฯพณฯ ท่านคุยโม้ไปก่อนละกัน
27 พฤศจิกายน 2558
https://www.rt.com/news/323603-isis-oil-smuggling-turkey/
Islamic State’s daring and impudent oil smuggling into Turkey should become a high-priority target in order to cripple the terrorist group,…
RT.COM

เปิดเส้นทางเงินพันล้าน “อุทยานราชภักดิ์” พบ ทบ. โชว์รายการใช้จ่ายไม่ถึงครึ่ง – มีชื่อผู้บริจาค 468 ล้านบาท

Date: 26 พฤศจิกายน 2015
รัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเผชิญกับคำถามจากสังคมเรื่องการจัดการความไม่โปร่งใสในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มาภาพ : http://www.thaigov.go.th/index.php/th/media-centre/190815-j1.html
รัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเผชิญกับคำถามจากสังคมเรื่องการจัดการความไม่โปร่งใสในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มาภาพ : http://www.thaigov.go.th/index.php/th/media-centre/190815-j1.html
คำชี้แจงของ พล.อ. ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ต่อโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ไม่เพียงไม่ทำให้ข้อสงสัยหมดไป ยังทำให้เกิดคำถามใหม่ๆ ตามมามากมาย ทั้ง
  • เหตุใดถึงไม่เปิดเผยยอดเงินบริจาค ทั้งที่ให้ผ่านกองทุนสวัสดิการทหารบกและผ่านมูลนิธิราชภักดิ์ และเงินที่ใช้จ่ายไปแล้วทั้งหมดเป็นจำนวนเท่าใด
  • ตลอด 7 วันในการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มี พล.อ. วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เป็นประธาน ได้ตรวจสอบปัญหาการทุจริตด้วยหรือไม่ ถ้าตรวจสอบ แล้วเหตุใด ผบ.ทบ. ถึงโยนให้ไปถามเรื่องหัวคิวหล่อพระบรมรูป จาก พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. เอง อยู่อีก
  • จริงหรือที่เมื่อกองทัพบก (ทบ.) ตรวจสอบโครงการภายในกันเองแล้ว องค์กรอิสระอื่นอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะไม่มีสิทธิเข้ามาตรวจสอบ
รัฐบาลเองก็เหมือนจะรับรู้ว่าคำชี้แจงของ ผบ.ทบ. ไม่สามารถเคลียร์ข้อเคลือบแคลงต่อการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ให้หมดไป พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงเตรียมที่จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกชุด
สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า พยายามรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ “ตัวเงิน” ทั้งยอดเงินบริจาคและการใช้จ่าย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกตรวจสอบ จนเป็นประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในปัจจุบัน ก่อนพบว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรวบรวมข้อมูลในเรื่องนี้ได้ครบถ้วน เพราะไม่เพียงข้อมูลจะถูกเก็บไว้อย่างกระจัดกระจาย บางข้อมูลยังไม่มีการเปิดเผย หรือบางข้อมูลที่เคยมีการเปิดเผยก็อันตรธานไปเป็นที่เรียบร้อย

กำเนิด “อุทยานราชภักดิ์”

– อุทยานราชภักดิ์ เป็นโครงการที่ผลักดันโดย พล.อ. อุดมเดช สมัยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. สร้างขึ้นบนที่ดินของ ทบ. ในพื้นที่โรงเรียนนายสิบทหารบก บริเวณฝั่งตรงข้ามสวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ บนเนื้อที่ 222 ไร่เศษ มีสิ่งก่อสร้างสำคัญ 3 ส่วน คือ 1. พระบรมราชานุสาวรีย์อดีตพระมหากษัตริย์ไทย 7 พระองค์ 2. ลานอเนกประสงค์ และ 3. อาคารพิพิธภัณฑ์
– ระยะเวลาในก่อสร้าง แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก ก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์อดีตพระมหากษัตริย์ไทยทั้ง 7 พระองค์และลานอเนกประสงค์ ใช้เวลา 10 เดือน ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2557 – สิงหาคม 2558 ช่วงที่ 2 ก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 เป็นต้นไป
– เดิมมีชื่อว่า “อุทยานประวัติศาสตร์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม” ได้รับการเปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในวันที่ 27 มีนาคม 2558 หลังจาก พล.อ. อุดมเดช ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้รับทราบว่าจะมีการจัดสร้าง โดยหากมีความจำเป็นอาจจะของบประมาณจากที่ประชุม ครม.
– ชื่อ “อุทยานราชภักดิ์” ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ช่วงปลายเดือนเมษายน 2558 ก่อนที่ พล.อ. อุดมเดช จะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการนี้อย่างยิ่งใหญ่ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.)
– พล.อ. อุดมเดช เป็นผู้เปิดเผยว่า โครงการนี้น่าจะใช้เงินราว 700-800 ล้านบาท ก่อนจะบอกในเวลาต่อมาว่าอาจต้องใช้เงินเพิ่มเติมอีก 200-300 ล้านบาท โดยสรุปคือโครงการนี้น่าจะใช้เงินราว 1,000 ล้านบาท ซึ่ง พล.อ. ธีรชัย ก็ยอมรับว่าตัวเลขอยู่ที่ประมาณนี้
– เงินบริจาคทั้งหมดในช่วงแรกจะเป็นการรับตรงเข้าสู่ “กองทุนสวัสดิการทหารบก” ธนาคารทหารไทย สาขา บก.ทบ. บัญชีกระแสรายวัน หมายเลขบัญชี 077-1-07474-7 ก่อนที่ต่อมา ทบ. จะลงนามใน MOU ร่วมกับธนาคารพาณิชย์อีก 5 แห่ง และร้านสะดวกซื้อในเครือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้แก่ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ให้เป็นอีกช่องทางในการรับบริจาค
– มูลนิธิราชภักดิ์ จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558 โดยมี พล.อ. อุดมเดช เป็นประธาน
– เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2558 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอุทยานราชภักดิ์
พล.อ. อุดมเดช ให้เหตุผลถึงการจัดสร้างอุทยานแห่งนี้ ไว้ในงานแถลงข่าวเปิดตัวที่ บก.ทบ. เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 ว่า (ดูคลิปด้านบน ระหว่างนาทีที่ 04.55 – นาทีที่ 06.30) วัตถุประสงค์ของการสร้างอุทยานราชภักดิ์มีหลักๆ อยู่ 3 ประการ
  1. เป็นวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ในทุกยุคทุกสมัย ให้ทุกคนได้ระลึกถึงคุณงามความดีและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
  2. สถานที่แห่งนี้ เราจะใช้ประกอบพิธีการไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการของ ทบ. เอง หรือส่วนราชการอื่น หรือภาคเอกชนเองก็ตาม เพราะมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร
  3. เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ประชาชนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจะสามารถเรียนรู้ได้จากห้องพระราชประวัติ ที่จะร้อยเรียงความเข้าใจตั้งแต่เริ่มต้นสยามประเทศ
(คลิปเดิม ระหว่างนาทีที่ 01.36 – นาทีที่ 03.23) “พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงมีคุณูปการใหญ่หลวงต่อประเทศชาติของเรา แต่ละพระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพ มีพระปรีชาสามารถ ไม่ว่าจะเรื่องของการนำทัพในการรบ หรือในยามสงบก็ตาม พระมหากษัตริย์ของเราในทุกยุคทุกสมัยนั้นได้เสียสละความสุขส่วนพระองค์ และดูแลประชาราษฎร์มาอย่างดีที่สุด จนพวกเราทุกคนได้มาอยู่บนผืนแผ่นดินที่มีความเจริญและสงบจนถึงทุกวันนี้ … ทบ. ได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ของเราในทุกยุคทุกสมัย จึงได้คิดกันว่าจะทำอย่างไรที่จะก่อสร้างสถานที่ที่เป็นที่ระลึกของปวงชนชาวไทยต่อพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ จึงได้กำหนดให้มีการก่อสร้างเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ขึ้น”
เส้นทางเงินอุทยานราชภักดิ์

เงินมาจากไหน

ผู้เกี่ยวข้องในกองทัพและบุคคลสำคัญในรัฐบาลต่างยืนยันตรงกันว่า เงินที่ใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ เป็น “เงินบริจาค” ไม่ใช่งบประมาณของภาครัฐ หรือ “เงินหลวง” แต่จากข่าวที่ปรากฏ ก็พบว่า การเบิกจ่ายเงินบางส่วนในโครงการนี้ยังทำโดยหน่วยงานภายใต้ ทบ. เช่น กรมกิจการพลเรือนทหารบก (กร.ทบ.) กรมยุทธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) เป็นต้น
จากการตรวจสอบข้อมูลที่มีการเปิดเผยทั้งผ่านเว็บไซต์ของ ทบ. และหน่วยงานใต้สังกัด, เว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 และข้อมูลเปิดเผยจากแหล่งอื่นๆ อาทิ จากสื่อมวลชน พบว่า ยอดบริจาคให้กับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่สามารถตรวจสอบได้มี อย่างน้อย 468 ล้านบาท
โดยจะอนุมานว่าการบริจาคเงินที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 16 กันยายน 2558 (วันจดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิราชภักดิ์” อย่างเป็นทางการ) จะถูกส่งเข้าบัญชีของ “กองทุนสวัสดิการทหารบก” ทั้งหมด แบ่งเป็น
1. ข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์ของ ทบ. และหน่วยงานใต้สังกัด กว่า 292 ล้านบาท
1.1 ภาพการรับบริจาคของ พล.อ. อุดมเดช จากบริษัทเอกชน ในงานแถลงเปิดตัวการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 ที่ บก.ทบ.
  • บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) 100 ล้าน
  • เครือเจริญโภคภัณฑ์ 80 ล้าน
  • บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 44.5 ล้าน
  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 30 ล้าน
  • (ชื่อไม่ชัดเจน) 25 ล้าน
  • บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง (ชื่อไม่ชัดเจน) … ล้านบาท
  • บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) 11.8 ล้านบาท
1.2 ข่าวประชาสัมพันธ์ในเว็บไซต์ของ ทบ. และหน่วยงานใต้สังกัด
  • การไฟฟ้านครหลวง 1 ล้านบาท
2. ข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง5 มีรายชื่อผู้บริจาครวม 1,288 รายรวมเป็นเงิน กว่า 55 ล้านบาท
3. จากการระดมทุนผ่านงาน “ราชภักดิ์ Bike and Concert แทนคุณแผ่นดิน” กว่า 80 ล้านบาท
4. ข้อมูลที่ปรากฏในสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะหน้าข่าวประชาสัมพันธ์ กว่า 41 ล้านบาท
  • บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด 30 ล้านบาท
  • บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 5 ล้านบาท
  • สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่องเจ็ด 2 ล้านบาท
  • เงินจาการจัดงานการกุศลของผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 2.2 ล้านบาท
  • บริษัท ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 1 ล้านบาท
  • การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 3 แสนบาท
  • บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) 2 แสนบาท
  • บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด 1 แสนบาท
  • บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) 1 แสนบาท
  • การไฟฟ้านครหลวง 1 แสนบาท
ขณะที่เงินบริจาคที่ให้ผ่านมูลนิธิราชภักดิ์ ยังไม่สามารถตรวจสอบได้
ทั้งนี้ แม้ พล.อ. ธีรชัย จะปฏิเสธให้ข้อมูลเรื่องยอดเงินบริจาคทั้งหมด แต่ได้บอกว่า ยังมีเงินบริจาคที่อยู่ในกองทุนสวัสดิการ ทบ. เหลืออยู่ราว 100-120 ล้านบาท ส่วนมูลนิธิราชภักดิ์ เหลืออยู่ราว 33 ล้านบาท
(นอกเหนือจากเงินบริจาค ที่มาของเงินที่ใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์บางส่วนยังมาจากงบประมาณแผ่นดิน โดยนายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการใช้งบกลางกว่า 63 ล้านบาท ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์)
ชการช่างบริจาค100ล้าน
บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทเอกชนที่บริจาคเงินเพื่อใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์สูงสุด เป็นเงิน 100 ล้านบาท ที่มาภาพ: http://www.rta.mi.th/rtaweb/activity/page58/140/index.html (ปัจจุบัน ลิงก์นี้ไม่สามารถเข้าดูได้แล้ว)

การใช้จ่ายกับความโปร่งใส

จากการเปิดเผยของ พล.อ. อุดมเดช ยอดเงินที่จะใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์จะอยู่ที่ราว 800-1,000 ล้านบาท แต่ถึงปัจจุบัน ข้อมูลเรื่องการใช้จ่ายเงินบริจาคเพื่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่มีการเปิดเผยอย่างละเอียดมีเพียงค่าใช้จ่ายในการหล่อพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ไทย 7 พระองค์ ซึ่ง พล.อ. ธีรชัย เปิดเผยว่า อยู่ที่องค์ละ 41-45 ล้านบาท หรือมียอดรวมระหว่าง 287-315 ล้านบาท ดำเนินการโดยกรมกิจการพลเรือนทหารบก (กร.ทบ.)
รายการใช้จ่ายอื่นๆ แม้ผู้เกี่ยวข้องจะระบุว่า “ยินดีเปิดเผย…พร้อมรับการตรวจสอบ” แต่ก็ไม่เคยมีการเปิดเผยอย่างจริงจัง
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบในเว็บไซต์ของ ทบ. และหน่วยงานใต้สังกัด ซึ่งตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 103/7 กำหนดให้ต้องเปิดเผยรายการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดรวมถึงการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (เว็บไซต์) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจสอบดูได้ รวมถึงได้เดินทางไปที่ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารของ ทบ. ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ของอาคารสำนักงานเลขานุการกองทัพบก (สลก.ทบ.) เพื่อขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540
อย่างไรก็ตาม แม้จะพยายามตรวจสอบโดยใช้ 2 วิธีการดังกล่าว ก็ยังพบโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์เพียง 5 โครงการ รวมทั้งหมด 4 ประเภท ซึ่งทั้งหมดดำเนินการโดยกรมยุทธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) ประกอบด้วย
  • งานปูหินลานสักการะ บันได และลานชั้นบนรอบแท่นพระบรมรูป วงเงิน 34.9 ล้านบาท
  • งานสร้างรั้วบริเวณภายในและภายนอกอุทยานราชภักดิ์ (2 โครงการ) รวมวงเงิน 20.2 ล้านบาท
  • งานติดตั้งหินอ่อนรอบแท่นพระบรมรูป วงเงิน 11.9 ล้านบาท
  • งานสร้างป้ายทางเข้าและอาคารรักษาความปลอดภัย วงเงิน 7.2 ล้านบาท
เมื่อรวมวงเงินการใช้จ่ายทั้ง 2 รายการ ตั้งแต่การหล่อพระบรมรูปฯ (ซึ่งตามาข่าวระบุว่า ดำเนินการโดยกรมกิจการพลเรือนทหารบก) การปูลานหิน การสร้างรั้ว การติดตั้งหินอ่อน มาจนถึงการสร้างป้ายทางเข้าและอาคาร รปภ. พบว่ายังมียอดรวมแค่ กว่า 361.2-389.2 ล้านบาท เท่านั้น ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเงินที่ พล.อ. อุดมเดช ระบุว่าจะใช้ในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ทั้งหมด แสดงว่ายังมีการใช้จ่ายบางรายการที่ “ยังตรวจสอบไม่พบ” ผู้สื่อข่าวจึงใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ มาตรา 11 ยื่นขอข้อมูลเพิ่มเติมจากศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารของ ทบ. ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการดำเนินการ
การรับเงินบริจาคและใช้จ่ายเงินเพื่อจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์เกิดข้อสงสัยมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งหากพิจารณาจากข่าวที่ปรากฏในสื่อมวลชน ข้อมูลส่วนใหญ่จะมาจากทีมสืบสวนสอบสวน (ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่ขยายผลมาจากการสืบสวนสอบสวนคดีที่กล่าวหาว่า นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอดูหยอง กับพวก แอบอ้างเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) มาตรา 112 โดยมีข้อสงสัย เช่น
  • โต๊ะจีนรับบริจาคในกิจกรรม “ราชภักดิ์ Bike and Concert แทนคุณแผ่นดิน” มีราคาสูงถึง 1 ล้านบาท
  • ต้นปาล์มที่นำมาปลูกบริเวณอุทยานราชภักดิ์มีราคาสูงเกินจริงถึงต้นละ 1 แสนบาท ทั้งที่ได้รับบริจาคมาฟรีจากสวนนงนุช (กรณีนี้ พล.อ. ธีรชัย ชี้แจงแล้ว)
  • ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์บางรายถูกออกหมายจับ โดยศาลทหารกรุงเทพได้ออกหมายจับ พล.ต. สุชาติ พรมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. ซึ่งเคยเป็นกรรมการอำนวยการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ และ พ.อ. คชาชาต บุญดี อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 คนสนิทกับ พล.ต. สุชาติ ในข้อหากระทำความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 (สื่อมวลชนสายทหารระบุว่า ทั้ง พล.ต. สุชาติและ พ.อ. คชาชาต มีความใกล้ชิดกับ พล.อ. อุดมเดช) ขณะที่เว็บไซต์หนังสือไทยรัฐรายงานว่า ทีมสอบสวนของ สตช. อยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องการจัดทำเสื้อที่ระลึกในงาน “ราชภักดิ์ Bike and Concert แทนคุณแผ่นดิน” ที่ พ.อ. คชาชาต เป็นผู้รับผิดชอบว่ามีความผิดปกติหรือไม่
จากซ้ายไปขวา พ.อ คชาชาต บุญดี และ พล.ต. สุชาติ พรมใหม่ ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1002453916479733&set=a.440635312661599.102230.100001454030105&type=3&theater
(จากซ้ายไปขวา) พ.อ คชาชาต บุญดี อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 และ พล.ต. สุชาติ พรมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก 2 นายทหารซึ่งสื่อมวลชนสายทหารระบุว่ามีความใกล้ชิดกับ พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่ถูกศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับ ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1002453916479733&set=a.440635312661599.102230.100001454030105&type=3&theater
แต่กรณีที่ถูกตรวจสอบอย่างจริงจังมากคือกรณีการหล่อพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ไทยที่ทีมสืบสวนสอบสวนของ สตช. อ้างว่า มีการหักหัวคิวเกิดขึ้น โดยตัวละครสำคัญที่ทีมสืบสวนสอบสวนของ สตช. กำลังตรวจสอบ คือ เซียนพระ ชื่อเล่นอักษรย่อ “อ.อ่าง” มีรายละเอียดเบื้องต้น ดังนี้
1. พระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหง หล่อโดย บริษัท ช.ประติมากรรม อินดัสตรี จำกัด ตั้งอยู่ที่ 30/3 หมู่ 6 ต.วังเย็น อ.เมือง จ.นครปฐม วงเงิน 43 ล้านบาท เซียนพระหักหัวคิว 10%
2. พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวร หล่อโดย บริษัท เอเชีย ไฟน์อาร์ท จำกัด เลขที่ 59/1 ต.บ้านม้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา วงเงินยังไม่แน่ชัด ไม่มีการหักหัวคิว
3. สมเด็จพระนารายณ์ หล่อโดยบริษัท ร็อคคลา ไฟน์ อาร์ท จำกัด เลขที่ 143 หมู่ 12 ต.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เซียนพระหักหัวคิว 10%
4. สมเด็จพระเจ้าตากสิน หล่อโดย หจก.ประติมาไฟน์อาร์ท เลขที่ 89 หมู่ที่ 12 กม.58 ถนนกาญจนาภิเษก ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี วงเงิน 44 ล้านบาท เซียนพระหักหัวคิว 10%
5. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หล่อโดย บริษัท พุทธปฏิมา พรหมรังสี จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 52/25 ถนนพุทธมณฑลสาย 3 เขตทวีวัฒนา กทม. วงเงิน 43 ล้านบาท เซียนพระหัวคิว 4.7 ล้านบาท
6. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หล่อโดย บริษัท เอเชีย ไฟน์อาร์ท จำกัด เลขที่ 59/1 ต.บ้านม้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา วงเงินยังไม่แน่ชัด ไม่มีการหักหัวคิว
7. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หล่อโดย บริษัท โผนประติมากรรมสากล จำกัด วงเงิน 42 ล้านบาท หักหัวคิว 8 ล้านบาท
โดย พล.อ. อุดมเดช ได้ชี้แจงถึงกระแสข่าวเรื่องนี้ว่า “เรื่องนี้มีส่วนความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะตนคิดว่าทุกวงการก็มีสิ่งเหล่านี้ แต่พอเราทราบว่าน่าจะมีเราก็เข้าไปดำเนินการ โรงหล่อต่างๆ ก็มีความเข้าใจ คนที่สอดแทรกมาก็เป็นการแอบอ้าง แต่ทุกอย่างยุติลงด้วยดี สิ่งที่โรงหล่อต่างๆ อาจจะถูกหลอก โรงหล่อต่างๆ เองก็ไม่อยากให้เกิดอะไรเสียหาย เขาจึงมีการบริจาคโดยสมัครใจส่วนหนึ่ง อีกบางส่วนโรงหล่อก็นำไปใช้ในการทำองค์พระให้สมบูรณ์ ทุกอย่างจบเสร็จด้วยความเรียบร้อย สะอาด บริสุทธิ์ทุกขั้นตอน”
ด้านเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ข่าวสด รายงานว่า มูลค่าหัวคิวที่เซียนพระหักไปจากการหล่อพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ไทย รวมเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท แต่ผู้เกี่ยวข้องได้เรียกเซียนพระมาพูดคุยที่หน่วยงานราชการแห่งหนึ่งบนถนนราชดำเนิน ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา ก่อนที่เซียนพระจะยอมคืนเงินค่าหัวคิวโดยบริจาคเข้ามูลนิธิราชภักดิ์ และได้เดินทางออกนอกประเทศไปยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์เซียนพระรายดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันยังอาศัยอยู่ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ถึงกระแสข่าวความไม่โปร่งใสในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้เรื่องเงียบที่สุด
ทั้งหมดทั้งปวง คือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่สังคมไทยกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้

ตุรกีเจตนายิงเครื่องบินรัสเซียโชว์



ปัญหาของผู้นำตุรกี:
ปีพ.ศ.2555 ซีเรียยิงเครื่องบิน F4 แฟนทอมซึ่งเป็นเครื่องบินรบผลิตในอเมริกาของตุรกีตกเพราะละเมิดน่านฟ้าซีเรียจริง
ประธานาธิบดีแอร์โดกันผู้นำตุรกีในปัจจุบัน ออกมาโวยวายว่าซีเรียไม่มี *หลักการ* เพราะว่าโดย *หลักการ* แล้ว การละเมิดน่านฟ้าชั่วระยะเวลาสั้นๆ มิได้เจตนาบุกรุก ไม่ควรจะเอามาเป็นเหตุผลในการยิงเครื่องบิน (Brief airspace violations can't be pretex for attack ) ทั่วโลกก็ยอมรับว่าแอร์โดกันพูดดูมีเหตุผล แต่ในปัจจุบัน ตุรกีอ้างว่าเครื่องบินรบรัสเซียบินแฉลบไปในเขตแดนตุรกีแม้แค่ 17 วินาที กลับยิงตก
ประเด็นก็คือ ๑.รัฐบาลมะกัน ซีเรียและรัสเซียยืนยันตรงกันว่าเครื่องบินมิได้ละเมิดพรมแดนซีเรียแต่อย่างใด ๒.คนยิงนักบินรัสเซียที่กระโดดร่มจนตายกลางอากาศเป็นกลุ่มชาวตุรกี นำโดยชาวตุรกี ๓.ผู้สื่อข่าวตุรกีบางสำนักรู้ล่วงหน้าแล้วว่าเครื่องบิน Su24 ของรัสเซียจะบินผ่านมาให้ยิง จึงไปรอถ่ายรูปไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งปวงเหล่านี้ อาจทำให้มีคนคิดได้ว่าการยิงเครื่องบินดังกล่าวจึงเป็นเจตนายิงโชว์มากกว่า

"เหมือนไม่ร้าย...แต่ลึกกว่าที่เห็น" เปลว สีเงิน

"เหมือนไม่ร้าย...แต่ลึกกว่าที่เห็น" เปลว สีเงิน
จะไปฆ่าทำไม..."นายกฯ ประยุทธ์" น่ะ?
นึกหรือว่า.......
ฆ่านายกฯ ประยุทธ์ตายซะคน แล้วขบวนการแดงทักษิณจะสามารถเปลี่ยนประเทศไทยเป็น "แดงทั้งแผ่นดิน" ทักษิณสถาปนาได้?
จะบอกให้เอาบุญ
ประเทศไทยน่ะ มี "ประยุทธ์" กว่า ๖๐ ล้านคน เพียงแต่ว่า วันนี้..ชั่วโมงนี้..นาทีนี้
๖๐ กว่าล้านประยุทธ์ มอบให้ประยุทธ์ในร่าง "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" คนนี้ เป็นตัวแทน
ทำหน้าที่ "ตัวนำ" รักษ์บ้าน-พิทักษ์เมือง
อย่าให้ใคร-กลุ่มไหน-พวกไหน-คนไหน กัดเซาะ แบ่งแยก-ทำลาย ทั้งประเทศชาติและสถาบัน
"ขอนแก่นโมเดล" ที่เป็นข่าวขณะนี้ ก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไร เป็นรากฝอยแตกแขนงจากรากใหญ่ คือ "ระบอบทักษิณ" ที่ประกาศ
จะเปลี่ยนประเทศเป็น "แดงทั้งแผ่นดิน" ดังทราบกันอยู่!
เมื่อปฏิบัติการสุดท้าย........
"ที่ถนนอักษะ" ของ นปช.แตกพ่ายให้กับกระแส "ไม่เอาระบอบทักษิณ..ไม่เอาแดงทั้งแผ่นดิน จาก "มวลมหาประชาชน"
ที่เหมือนดาวพรั่งพรูพร้อมกันจากท้องฟ้ามารวมจนแลละลานปาน "สะกดโลก" ให้เหลียว
ว่า "หนึ่งเดียว" ที่ทำให้เหนียวแน่น
หนึ่งเดียวนั้น คือ......
"สถาบันกษัตริย์" แห่งองค์สมเด็จพระภูมิพลมหาราชเจ้า!
หลายกลุ่มแดงที่กระจัดกระจายกันไปตอนนั้น ไปรวมตัวกันในรูปแบบต่างๆ
"ขอนแก่นโมเดล" นี่ก็ด้วย!
คงจำกันได้กระมัง......?
ตอนกลางปี ๒๕๕๗ รัฐบาลระบอบทักษิณ โดยยิ่งลักษณ์นอมินี พบปัญหา "สุญญากาศ" ทางการเมือง ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกฯ
บ้านเมือง "ขาดรัฐบาล" บริหารประเทศ!
พลเอกประยุทธ์ "ผบ.ทบ." ขณะนั้น จำต้องเข้ามา "ควบคุมอำนาจการปกครอง" เพื่อมิให้ประเทศต้องไร้ทิศทางเหมือนเรือหางเสือหลุด
ท่ามกลางมรสุม ประชาชนแยกฝ่าย-แยกสีตีกัน
อีกทั้ง "คอร์รัปชัน" เป็นโรคระบาดไปทั่ววงข้าราชการ-นักการเมือง กระทั่งลามเป็นทัศนคติชาวบ้าน
"โกงไม่เป็นไร ได้แล้วเอามาแบ่งปัน"!
พลเอกประยุทธ์ เมื่อเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศ นอกจากยุติการยึดถนนก่อจลาจลแล้ว ยังถือโอกาสชำระล้างคอร์รัปชัน "ล้างบ้าน-กวาดเมือง"
รัฐธรรมนูญก็สะสาง-ร่างกันใหม่
"ระเบียบบ้าน-ระเบียบเมือง" ทรัพยากรแผ่นดิน สมบัติสาธารณะ ที่เปรียบเป็นเหมือนหญิงสาวคนหนึ่ง
ด้วยขาดระเบียบ-ขาดจิตสำนึก-เห็นแก่ตัว และหื่นกระหาย
ถูกคนหลายสิบล้านที่เรียกว่าคนไทย และ "คนนอกชาติ" ที่เข้ามาผสมปนเปอีกไม่รู้กี่สิบล้าน
รุมทึ้งกันตามใจชอบ ชนิด มือใครยาว-สาวได้สาวเอา!
ไทย-ในสภาพหญิงสาวคนหนึ่ง ท่านหลับตาตรองเอาก็แล้วกันว่า จะมีสภาพเป็นอย่างไรในวันนี้
และ....ถ้านิ่งดูดาย ถือว่าธุระไม่ใช่
ปล่อยให้ประเทศตกอยู่ในสภาพถูกรุมทึ้งแบบนั้น "อนาคตประเทศ" จะเป็นอย่างไร?
จึงปฏิวัติระบบ "สังคมชาติ" ไปเสียทีเดียวเลย!
ศูนย์รวมใจคนไทยอยู่ที่สถาบัน........
ฉะนั้น ถ้าตรองตาม ไล่เรียงเรื่อยตั้งแต่บ้านเมืองตกอยู่ใต้ปฏิบัติการระบอบทักษิณ เราจะเห็นว่า
ใจเรารู้....มีบางพวก-บางคน กระทำอย่างที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่า...จงใจหมายหมิ่น........"
แต่...แทบไม่พบว่า ทางราชการบ้านเมือง "รัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ" จะเอาจริงจัง
จน "สถาบัน" ถูกกระทำในลักษณะตุ๊กตา ที่คน ๒ ฝ่าย ต่างอ้าง "ของรัก-ของเรา" แล้วยื้อยุดฉุดกระชาก...แย่งกัน!
ฝ่ายบอบช้ำ คือสถาบัน.....
ถูกฉุดกระชากแล้ว ยังถูกชูเป็นประเด็น ย้ำกันไป-ย้ำกันมา จนเกิดภาพสับสน สถาบัน "มีโทษ" หรือ "มีคุณ" กันแน่?
จนเมื่อรัฐบาล คสช.เข้ามา...
ทุกคนรู้ ปฏิบัติการระบอบทักษิณไปสู่ความเป็น "แดงทั้งแผ่นดิน" คือ
"ต้องโยก" สถาบัน จากความมั่นในหัวใจประชาชนให้ "คลอน"
...........ก่อนที่จะ "ถอน" ในที่สุด ตามแนวคิดของเขา!
เพราะเช่นนั้น "นายกลิน ที. เดวีส์" เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำไทย จึงพูดวานซืน (๒๕ พ.ย.๕๘) ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ย่านถนนสุขุมวิท
"การดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ปกครองของคณะรัฐประหาร"
เรายังกังวลต่อบทระวางโทษที่ยาวนานอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่ศาลทหารไทยพิพากษาต่อพลเมืองฐานละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”
ทูตคือตัวแทนประเทศ ดังนั้น ทีท่า-บทบาท-คำพูด ของนายกลิน ที. เดวีส์ คือ ท่าที-บทบาท-คำพูด ประเทศสหรัฐ
ทำไม..สหรัฐต้องกังวล ไม่ใช่กังวลแทนสถาบัน หากแต่กังวลแทนคนหมิ่นสถาบัน ถึงขั้นก้าวก่ายถึงระดับกฎหมายประเทศเกี่ยวกับสถาบัน
แสดงออก ผิดวิสัยผู้เจริญแล้ว ทั้งไร้มรรยาท ทั้งไม่เคารพในความเป็นประเทศที่เท่าเทียมกัน?
หนึ่งกระทำสหรัฐชัดแจ้งกว่าร้อยพูด จะเห็นว่า ในประเทศเป้าหมาย สหรัฐจะหนุนคนพวกหนึ่งในประเทศนั้นให้ก่อการ
หัวใจไทยอยู่ที่สถาบัน......
ระบอบทักษิณมุ่งโยกสถาบันให้คลอน!
รัฐบาลก่อนเป็นระบอบทักษิณ ถึงรัฐบาล คสช.การกวาดล้าง-จับกุมพวกปองร้าย-จ้องล้มสถาบัน จึงเกิดขึ้น
ไม่เว้นกระทั่งในคราบข้าราชการทหาร-ตำรวจ!
และนี่เอง กลุ่มจักรวรรดินิยมอำนาจ ทั้งสหรัฐ-ยุโรป กระทั่งยูเอ็น จึงออกมาแสดง "อำนาจโลก"
"คดีหมิ่นสถาบันพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ปกครองคณะรัฐประหาร"!
ฟังดูเหมือน...เอ๊ะ คนไทยคิดอะไรต่อสถาบัน หมู่นี้จึงมีคดีหมิ่นเกิดขึ้นมาก?
ความจริงไม่ได้เพิ่ม เมื่อก่อนเขาไม่จับ มาถึงยุค คสช.เขาจับ เพราะเขาไม่คิดล้มสถาบัน
มันตรงตัว ง่ายๆ เช่นนี้เอง!
สหรัฐก็เช่นนี้ ขนอาวุธเข้าซีเรีย บอกโลกว่าไปฆ่าพวกไอซิส
แต่ความจริงที่ปรากฏ....ขนอาวุธไปให้พวกกบฏและพวกไอซิสฆ่าทหารซีเรีย เพื่อล้มรัฐบาลบาชาร์ อัลอัสซาด
กับไทย...เจอหน้าก็ถาม "เมื่อไหร่จะเลือกตั้ง"?
แต่ข้างหลัง ส่งสายลับ ส่งทูต ส่งคน เข้ามาชักใย ซ่องสุม-ส่งเสริมขบวนการแดงทั้งแผ่นดิน จนมีข่าว "ลอบสังหาร" นายกฯ ประยุทธ์ และจับแก๊ง "ขอนแก่นโมเดล"
ขอนแก่นโมเดล มาจากไหน ก็แดงระบอบทักษิณที่แตกจากอักษะ เคยสารภาพถึงโครงข่ายว่าใคร-เป็นใครบ้าง
รวมทั้ง "เงินทุน-เงินหนุน" จากคนต่างแดน!
อย่าว่าแต่ระดับทูตซ่องสุมชนิดเปิดเเผยเลย ขนาดนางฮิลลารี คลินตัน คนที่อเมริกันหมายว่าจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐต่อจากนายโอบามา
ยังถ่ายรูปคู่กับหัวหน้าแก๊ง "แดงล้มเจ้า" ในอเมริกาอะร้าอร่าม!
จึงไม่ต้องสงสัยใดๆ ว่า...
สหรัฐอเมริกา "มหามิตร" คิดซื่อหรือคิดคดกับประเทศไทยบนฐานรวมใจที่ "สถาบันพระมหากษัตริย์"!
ฮามาส ไอซิส อัลกออิดะห์ ตอลิบัน ฮิซบุลเลาะห์ โบโกฮาราม และ ฯลฯ สหรัฐยังสร้างได้
เพื่อเป้าหมาย "ยึดไทย" เป็นฐาน....
ทำไมจะสร้าง "ระบอบทักษิณ" เป็นเสี้ยนในเนื้อ แล้วใช้แต้ม "อำนาจเหนือ" บนความเป็นจ้าวจักรวรรดินิยมหนุนไม่ได้!
"กลิน เดวีส์" มาดี-มาร้าย ผมไม่ทราบ ทราบแต่ว่า แต่ละดอกที่แสดง เหมือนสหรัฐและนาโต โดดป้องตุรกี หลังจากที่....
ให้สอย SU-24 ของรัสเซียร่วง!

ตุรกีปฏิเสธซื้อน้ำมันเถื่อนจากไอเอส.

ตุรกีปัดซื้อน้ำมันเถื่อนจากไอเอส
เมื่อวาน (26 พ.ย.) นายเรเจพ ไทยิพ เออร์ดวน ประธานาธิบดีตุรกีปฏิเสธต่อข้อกล่าวหาของนายดีมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซียที่กล่าวว่า ตุรกีมีความเกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันที่ผิดกฎหมายของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
นายเออร์ดวนกล่าวว่า “คนที่กล่าวหาว่าเราซื้อน้ำมันจากกลุ่มเดอิช (ไอเอส) นั้นจะต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้เห็น”
เขายังกล่าวอีกว่า “น้ำมันที่เดอิชขายนั้นถูกขโมยมาจากอัสซาด คุณก็ไปถามประธานาธิบดีที่พวกคุณสนับสนุนสิ”
ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและตุรกีเริ่มตึงเครียด หลังจากเกิดเหตุตุรกียิงเครื่องบินรัสเซียตกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากเข้ารุกล้ำน่านฟ้า
นายอาห์เม็ด ดาวูโตกรู นายกรัฐมนตรีตุรกีกล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ตุรกีไม่ได้ต้องการจะเพิ่มความตึงเครียดกับรัสเซีย พร้อมกล่าวว่า “รัสเซียเป็นพันธมิตรเรา เป็นเพื่อนบ้านเรา” อีกทั้งยังกล่าวกับรัฐบาลรัสเซียว่า “เราพร้อมจะมีการเจรจาแบบทวิภาคีเสมอ”
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่ตุรกีต้องการให้เกิด”