PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หรือจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สามวีระพงศ์ รามางกูล


ในที่สุดประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์แห่งประเทศฝรั่งเศส ก็ประกาศภาวะสงครามและประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 3 เดือน ภาวะสงครามที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสประกาศคราวนี้ไม่ได้ประกาศสงครามกับประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ประกาศสงครามกับกลุ่ม "รัฐอิสลาม" หรือกลุ่มไอซิส ซึ่งเป็นใครก็ไม่ทราบ เชื่อกันว่ามีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศซีเรียและประเทศอิรัก ประเทศเล็กๆ และยากจนจากผลของสงครามกลางเมืองที่มีประเทศมหาอำนาจหนุนหลังมาเป็นเวลาช้านาน

ความขัดแย้งระหว่างประเทศในคาบสมุทรอาหรับและแอฟริกาเหนือกับกลุ่มพันธมิตรตะวันตกซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นหัวเรือใหญ่ โดยมีอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนีเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด ได้เกิดขึ้นและยืดเยื้อมาเป็นเวลาอันยาวนาน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสหประชาชาติโดยการผลักดันของมหาอำนาจตะวันตกได้ตกลงแบ่งพื้นที่ของประเทศปาเลสไตน์จัดตั้งเป็นประเทศอิสราเอล เพื่อตอบแทนชาวยิวที่ร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่ามกลางการคัดค้านอย่างรุนแรงของกลุ่มประเทศอาหรับ

ตั้งแต่นั้นมาความขัดแย้งระหว่างยุโรปกับอาหรับก็ขยายความรุนแรงขึ้น ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาได้เข้าร่วมขบวนการนี้ ความขัดแย้งก็ทวีคูณอย่างเต็มตัวมากขึ้น

ความเชื่อดั้งเดิมก็คือ บริเวณพื้นที่ตะวันออกกลางนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำมันดิบ แต่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่กลับเป็นบริษัทน้ำมันปิโตรเลียมซึ่งเป็นของประเทศมหาอำนาจเดิมในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เมื่อประเทศอาหรับและประเทศอื่นที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกสามารถรวมตัวกันจัดตั้งองค์กรผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปค จำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อดึงราคาน้ำมันดิบให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รายได้จากน้ำมันก็ทำให้อำนาจการต่อรองของประเทศในคาบสมุทรอาหรับสูงขึ้น

ผลประโยชน์และความมั่นคงของด้านพลังงานทำให้สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรในยุโรปต้องเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันก็พยายามแบ่งแยกประเทศอาหรับให้ขัดแย้งกันอยู่เสมอ โดยใช้นิกายศาสนาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันในหมู่ประเทศอาหรับเป็นเครื่องมือ

เมื่อสงครามระหว่างอิสราเอลกับประเทศอาหรับบรรเทาเบาบางลง เพราะฝ่ายอาหรับไม่สามารถเอาชนะอิสราเอลที่มีสหรัฐและยุโรปตะวันตกหนุนหลังได้ กลุ่มประเทศอาหรับก็แตกแยกกันเอง ขบวนการใต้ดินเพื่อทำสงครามนอกรูปแบบในลักษณะผู้ก่อการร้ายก็เกิดขึ้น

เหตุการณ์เลวลงอย่างมาก เมื่อขบวนการก่อการร้ายสามารถนำเครื่องบินชนตึกแฝด เวิลด์เทรด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมหานครนิวยอร์กและสังคมทุนนิยม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันทีกว่า 3,000 คน และบาดเจ็บอีกมากมาย เหตุการณ์ 911 ในปี ค.ศ.2000 ครั้งนั้นได้สร้างความอัปยศให้กับสหรัฐอเมริกาเป็นอันมาก สหรัฐจึงต้องการแก้แค้นและประกาศสงครามกับผู้ก่อการร้าย เรียกร้องให้ทุกประเทศเข้าร่วมกับสหรัฐในการประกาศต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย

การต่อสู้ทำสงครามจึงเปลี่ยนจากการต่อสู้ทำสงครามสร้างกลุ่มชาติอาหรับ มาเป็นการทำสงครามต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรที่ใกล้ชิด เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี

รูปแบบของการทำสงคราม จากเดิมที่เป็นการทำสงครามระหว่างประเทศใดประเทศหนึ่ง กับอีกประเทศหนึ่งหรือกลุ่มประเทศหนึ่ง กลายเป็นการทำสงครามที่ไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งทำสงครามกับประเทศหนึ่ง แต่เป็นสงครามกองโจร เป็นผู้ก่อการร้าย มีผู้ที่มีจิตอาสายอมเข้าร่วมทำสงครามใต้ดินกับประเทศมหาอำนาจที่เป็นฝ่ายตรงกันข้าม ดังนั้น ขบวนการไอซิสจึงเกิดขึ้นทั่วไปในยุโรปตะวันตก ใช้วิธีการระเบิดฆ่าตัวตายที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มีผู้คนล้มตายกว่า 130 คน บาดเจ็บกว่า 300 คน ซึ่งต้องถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง ขณะเดียวกันประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็สั่งให้กองทัพอากาศฝรั่งเศสส่งเครื่องบินไปโจมตีไอซิสในซีเรียอย่างรุนแรง

ต่อมารัสเซียก็ประกาศโจมตีกลุ่มไอซิสและเข้าช่วยเหลือฝ่ายรัฐบาล พร้อมทั้งกล่าวว่ามีมหาอำนาจในกลุ่ม 20 ให้การสนับสนุนกลุ่มไอซิส ทำให้เกิดความสับสนเป็นอันมากว่าใครอยู่เบื้องหลังใคร

เหตุการณ์ครั้งนี้ลุกลามไปทั่วโลก ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา รัสเซีย รวมทั้งมีการประกาศตั้งไอซิสในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งใกล้ประเทศไทยเข้ามาทุกที ทำให้สถานการณ์น่าเป็นห่วง ประเทศไทยอาจจะถูกดึงเข้าไปร่วมกับความขัดแย้งเหล่านี้โดยไม่จำเป็น และเป็นอันตรายอย่างยิ่งถ้าเราไม่ระมัดระวังและรอบคอบพอ

ประเทศไทยยังโชคดีอยู่บ้างที่ขบวนการไอซิสยังไม่ระบาดเข้ามาในประเทศไทย มหาอำนาจตะวันตกยังไม่ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาภายในประเทศ เรายังรักษาจุดยืนที่ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และหวังว่าเราจะสามารถรักษาจุดยืนเช่นว่านี้ไว้ได้อย่างมั่นคง

ผลประโยชน์ของชาติท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างประเทศของเราก็คือ การที่จะไม่ถูกผลักดันให้ต้องแสดงท่าทีว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด การแสดงท่าทีว่าจะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งย่อมเป็นอันตรายต่อความสงบเรียบร้อยในชาติเป็นอย่างยิ่ง การใช้ความรุนแรงยุติความรุนแรง ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นนโยบายที่ไม่ถูกต้อง

การที่สหรัฐอเมริกาและตะวันตกต้องตกอยู่ในกับดักของภาวะสงครามที่เปลี่ยนรูปแบบไป ก็เพราะคิดว่าความรุนแรงจะสามารถยุติความรุนแรงได้

หลายๆ คนมีความวิตกกังวลว่า การที่ฝรั่งเศสซึ่งถูกโจมตีโดยกลุ่มไอซิสไม่มีทางเลือก นอกจากต้องใช้ความรุนแรงตอบโต้ร่วมกับพันธมิตรของตนคืออังกฤษและสหรัฐอเมริกา มีรัสเซียเข้าร่วมขบวนการโดยอ้างว่าเครื่องบินพลเรือนของตนถูกระเบิดตกในแหลมไซนาย ผู้โดยสารพร้อมด้วยลูกเรือและนักบินเสียชีวิตทั้งหมด ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียกล่าวหามหาอำนาจในกลุ่ม 20 ให้การช่วยเหลือกลุ่มไอซิส เหตุการณ์อาจจะลุกลามกลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่างมหาอำนาจอีกครั้งหลังจากสงครามเย็นยุติลง โชคดีที่ยังไม่ได้ยินว่าจีนและญี่ปุ่นจะถูกดึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แม้ว่าบางประเทศในกลุ่มอาเซียนกำลังจะติดเชื้อเข้าไปแล้ว

ข่าวคราวที่เราเสพอยู่ทุกวันก็มักจะเป็นข่าวจากสำนักข่าวตะวันตก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นข่าวที่เสนอเพียงด้านเดียวคือด้านประเทศตะวันตก ส่วนข่าวอีกด้านหนึ่งของคู่ขัดแย้งเราก็มักจะไม่ได้อ่านหรือไม่ได้ยิน ถ้าได้อ่านได้ยินก็จะน้อยกว่า อาจจะทำให้เรามีความโน้มเอียงที่จะเข้าข้างฝ่ายที่ให้ข่าว ลืมนึกถึงผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวของเราเองก็ได้

ทุกคนทั่วโลกต่างก็ติดตามข่าวเมืองปารีสและเมืองอื่นๆ ในฝรั่งเศสถูกโจมตีโดยกองทัพที่ไม่ปรากฏตัวของไอซิส ข่าวการโจมตีทางอากาศที่ซีเรียและอาจจะรวมไปถึงอิรักด้วย ข่าวการแพร่ระบาดของไอซิสในภูมิภาคอื่นๆ เกิดเป็นความวิตกว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นสงครามศาสนาที่แพร่กระจายไปทั่วโลกหรือไม่

เราควรจะเตรียมพร้อม หากเหตุการณ์บานปลายกลายเป็นสงครามศาสนาแพร่ไปทั่วโลก เราต้องทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยที่สุด ทำอย่างไรสถานการณ์จะไม่แพร่เข้ามาในประเทศโดยเราไม่รู้ตัว ไม่ควรเกิดความรุนแรงขึ้น เพราะความรุนแรงไม่อาจจะยุติได้ด้วยความรุนแรง พยายามไม่ให้ความขัดแย้งภายในประเทศลุกลามกลายไปเป็นเรื่องระหว่างประเทศ เมื่อฝรั่งเศสตัดสินใจเดินหน้าแก้แค้น ประกาศตอบโต้ไอซิสด้วยความรุนแรง อังกฤษ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งพันธมิตรอื่นก็คงจะถูกดึงเข้าร่วมสงครามในรูปแบบใหม่ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในลักษณะนี้ และยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะพัฒนาไปในรูปแบบใด

ที่แน่ๆ ก็คือสงครามระหว่างพันธมิตรยุโรป อเมริกา กับขบวนการไอซิส คงจะยืดเยื้อเป็นสงครามระหว่างมหาอำนาจทางทหารกับประชาชน ผู้คนที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาในศาสนาและพร้อมที่จะพลีชีพเพื่อทำสงครามศักดิ์สิทธิ์จากการรุกรานของคนนอกศาสนา ตราบใดที่ศรัทธายังดำรงคงอยู่ การสู้รบก็คงจะดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด 

สงครามไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น สงครามมีแต่ความสูญเสีย ทุกข์ยาก ปัญหาต่างๆ ในโลกสมัยนี้ไม่อาจจะแก้ไขหรือยุติได้ด้วยสงคราม

ดังเช่นสงครามเวียดนามที่ไม่อาจยุติลงได้ด้วยสงคราม หากแต่เมื่อสหรัฐถอนตัวออกจากเวียดนาม สงครามก็ยุติลง สันติภาพก็กลับคืนมาสู่ประเทศเวียดนาม มิตรภาพระหว่างอเมริกากับเวียดนามก็กลับคืน
สงครามไม่เคยทำให้ใครเป็นผู้ชนะ

ไม่มีความคิดเห็น: