PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ปมเหตุ ม็อบบุกสถานฑูตสหรัฐ



ทูตสหรัฐตำหนิการลงโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามกฎหมายอาญาม.112 เรียกร้องให้มีการแสดงออกค้นคว้าและทำรายงานโดยไม่ต้องกลัวการถูกตอบโต้ “วิสิษฐ เดชกุญชร”ชี้ความเห็นไร้เดียงสาเช่นนี้ช่วยถ่างช่องว่างความเข้าใจคนไทย-คนอเมริกันมากขึ้น
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายกลิน ที.เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐได้รับเชิญให้ไปพบปะและพูดคุยกับสมาชิกที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทย โดยแสดงความวิตกอย่างยิ่งและคาดไม่ถึงในโทษจำคุกคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือที่รู้จักกันในนามกฎหมายอาญามาตรา 112
นายเดวีส์เห็นในเชิงตำหนิว่าไม่ควรจะมีผู้ใดถูกจำคุกในการแสดงความคิดเห็นแบบสันติ “เรายังกังวลกับระยะเวลาอันยาวนานของการลงโทษจำคุกอย่างคาดไม่ถึง ด้วยคำตัดสินของศาลทหารไทยที่มีต่อพลเรือนผู้ละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”
นอกจากนี้นายเดวีส์ยังแสดงความกังวลที่นำกฎหมายหมิ่นประมาทฉบับนี้มาใช้ยับยั้งไม่ให้มีการอภิปรายในที่สาธารณะอย่างกว้างขวางและใช้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่เขาจะชี้ให้เห็นถึงการแสดงออกอย่างเสรีในเรื่องนี้นั้น นายเดวีส์ออกตัวว่าเขามีความเคารพและสหรัฐเองก็มีความชื่นชมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
“เราเชื่อว่าไม่ควรมีใครจะถูกตัดสินจำคุกเพราะการแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ และเราขอสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อส่วนบุคคลหรือองค์กรอิสระที่จะทำการค้นคว้าวิจัยและทำรายงานประเด็นสำคัญนี้ โดยไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะถูกตอบโต้” นายเดวีส์กล่าว
นายกลิน เดวีส์ เพิ่งจะเดินทางมารับตำแหน่งในฐานะเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยได้เพียง 9 สัปดาห์
ในกรณีที่สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตยนั้นนายเดวีส์เน้นว่าเขายังไม่อยากจะตำหนิหรือพูดอะไรในตอนนี้ “ประเทศไทยจะต้องดำเนินการด้วยตัวเอง” นายเดวีส์กล่าว
ขณะเดียวกันเฟซบุ้ค Vasit Dejkunjorn ของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจและอดีตนายตำรวจราชสำนักประจำให้ความเห็นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนว่าอยากจะแนะนำให้ทูตสหรัฐได้ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองของไทยอย่างจริงจัง “เขาควรจะศึกษาเรื่องนี้ก่อนที่จะตอบรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตและจะเดินทางมารับตำแหน่ง (เสียด้วยซ้ำ)”
พล.ต.อ.วสิษฐเขียนอีกว่าการแสดงความเห็นอย่างไร้เดียงสาของนายเดวีส์แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เข้าใจถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย “ถ้าหากได้ศึกษามาบ้าง ท่านเอกอัครราชทูตจะต้องเข้าใจถึงความรักและความเคารพอย่างลึกซึ้งที่ประชาชนคนไทยมีต่อพระมหากษัตริย์ของตน”
นอกจากนี้ทูตสหรัฐจะต้องเข้าใจว่ากฎหมายไทยถูกร่างขึ้นมาจากประเพณีของความรักและความเคารพ ถ้าหากมีความสนใจจริง ทูตสหรัฐจะต้องรู้ด้วยว่าการพิพากษาลงโทษจำคุกด้วยกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพภายใต้กฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นยังมีการพระราชทานอภัยโทษด้วย
พล.ต.อ.วสิษฐกล่าวว่าการแสดงความเห็นของเอกอัครราชทูตอย่างไร้เดียงสาเช่นนี้รังแต่จะทำให้ช่องว่างระหว่างคนอเมริกันและคนไทยถ่างกว้างมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมาแล้วกับทูตสหรัฐคนก่อนที่มาทำซุ่มซ่ามและหยิ่งยะโสจองหอง

ไม่มีความคิดเห็น: