PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561

‘วิษณุ’ฟันธง เอาบ้านพักราชการตั้งบริษัทไม่ผิดกฎหมาย แต่เหมาะสมไหมเป็นอีกเรื่อง

‘วิษณุ’ฟันธง เอาบ้านพักราชการตั้งบริษัทไม่ผิดกฎหมาย แต่เหมาะสมไหมเป็นอีกเรื่อง


“วิษณุ” ชี้บ้านพักราชการตั้งบริษัทไม่ผิดกฎหมาย แต่เหมาะสมหรือไม่เป็นอีกเรื่อง

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 28 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ลูกชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายนายกรัฐมนตรี ใช้บ้านพักในค่ายทหารจดทะเบียนตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่คิดว่าหากมีบ้านอยู่ที่นั่น เวลาจดทะเบียนก็ต้องใช้ตามนี้ แต่การเอาตรงนี้มาตีความว่าจดทะเบียนในค่ายทหาร ซึ่งเป็นคำพูดที่เอาไว้เหน็บแนมกันมากกว่า


ผู้สื่อข่าวถามว่า บ้านพักข้าราชการสามารถนำมาเป็นที่ตั้งบริษัทได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ “พูดกันตรงๆ นะ ไม่มีอะไรห้ามเลย ลองคิดว่าเป็นบ้านเช่าก็ได้ คุณไปอาศัยเขาอยู่ และขอบ้านนั้นเป็นที่ตั้งบริษัท มันก็สามารถทำได้ และถามกลับว่าถ้ามันเป็นของข้าราชการล่ะ มันก็ไม่มีปัญหานี่” รองนายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า โดยหลักการหรือความเหมาะสมแล้ว ก็ไม่ควรทำหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ไม่รู้ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ประเทศไทยมีอะไรที่โดยหลักการไม่น่าทำมีอีกเยอะ แต่ก็ทำ”

"ถ้าผมเป็น Dictator จริง จะตรวจสอบ ผมได้มั้ย":

"ถ้าผมเป็น Dictator จริง จะตรวจสอบ ผมได้มั้ย": บิ๊กตู่ ยัน รัฐบาล คสช.ไม่มีสิทธิพิเศษ องค์กรอิสระก็ตรวจสอบ ไม่มี "ซูเอี๋ย" ขนาด เรื่อง"หมา" ยังโดน
"ผมขอบอก ที่มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลนี้มีสิทธิพิเศษไม่ถูกตรวจสอบ วันนี้องค์กรอิสระ ผมไปทุบอะไรสักอันมั้ย ยังอยู่ครบหรือไม่
มีคนไปฟ้องหน่วยงานต่างๆเมื่อหน่วยงานนั้น ตอบมาด้วยข้อกฎหมายก็หาว่าเป็นพวกเดียวกัน ซูเอี๋ยกัน แล้วอย่างนี้
จะอยู่กันด้วยอะไร
ผมไม่ถูกตรวจสอบหรือ? แค่ซื้อหมายังถูกตรวจสอบ ถ้าผมเป็น“Dictatorจริงๆจะตรวจสอบผมได้ไหม ต้องดูตรงนี้
ถ้าสื่อไม่ไม่ช่วยดูตรงนี้ ต่างชาติจะมองหนักขึ้นไปอีก ประเทศไทยไปไม่ได้หรอก
ถ้ายังติดยึดอยู่ตรงนี้ มันยิ่งจะดึงทั้งขาซ้ายขาขวาเดินไม่ได้ก็ต้องขอร้องกัน"
///
"บิ๊กตู่"ลั่น ไม่มีใคร ไล่ผมออกนอกดินแดนไทย ได้ หลังจบ"นายกฯ" ท้าพวกขู่ "ไม่เป็นนายกฯแล้ว อยู่ไม่ได้" เตือน อย่าเอาคำพูดมาไล่ล่า ผม
"วันหน้าผมไม่ได้เป็นนายกฯ ผมก็ยังอยู่กับท่านอยู่ดี เพราะนี่เป็นดินแดนประเทศไทยจะมาบอกว่าไม่เป็นนายกฯแล้ว อยู่ไม่ได้กฎหมายมันว่าอย่างไร ผมผิดกฎหมายตรงไหน ใครจะมาฆ่าฟันตรงไหน ก็ลองมาก็แล้วกัน ไม่ได้ท้าทาย แต่พูดให้ฟังเฉยๆเพราะท่านเอาคำพูดเหล่านี้มาไล่ล่าผม มันถูกต้องหรือไม่ มาข่มขู่หรือไม่
อย่าไปขยายความให้คนเหล่านี้ อย่าไปสนับสนุน คนที่ทำลายศักดิ์ศรีประเทศไทย
วันนี้ปีจอ เป็นปีหมา เพราะนั้นเราต้องมีชีวิตอยู่ในปีนี้ ด้วยความสงบเงียบ เป็นหมาที่ไม่ดุ หมาที่ใจดี หมาคือสุนัข คือผู้เล็บอันงาม และถือเป็นสัตว์ ที่ซื่อสัตย์กับมนุษย์ที่สุด ดังนั้นใครจะมาว่า ผมดวงตกดวงแตกมันอยู่ที่การกระทำของเราเอง ถ้าดวงไม่ดีแต่ใจเราดีเสียอย่าง มันต้องฟันฝ่าไปได้ อุปสรรคคือกำลังใจบทเรียน ผมคิดอย่างนี้ถึงอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้

ขยาด 3พัน!!

ขยาด 3พัน!!
"บิ๊กตู่" พูดติดปาก "เกิน3 พัน หรือเปล่า" เวลารับ ของขวัญ หวั่น โดยซ้ำรอย แบบ เรื่อง "หมา"
หลังจากโดน "ศรีสุวรรณ จรรยา" ยื่น ปปช.สอบ เรื่องให้ "น้องหมา บางแก้ว" เป็นของขวัญปีใหม่ "บิ๊กป๊อก บิ๊กฉัตร" มาแล้ว
วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2561 ที่กระทรวงยุติธรรม โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และผู้บริหารของกระทรวง ต้อนรับ
โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุมนางเมธินี เทพมณี เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นตัวแทนมอบแจกันดอกไม้และกล่าวอวยพรปีใหม่นายกฯ ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรง มีกำลังกายและแรงใจที่เข้มแข็งในการบริหารประเทศต่อไป เป็นผู้นำตลอดไป
และนายวิศิษฏ์ได้มอบของที่ระลึกให้แก่นายกฯ
นายกฯ ได้ถามว่า "เกิน 3,000 บาทหรือเปล่าเนี่ย"
นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า ไม่เกิน 3,000 บาทแน่นอน

สั่งตรวจแถว 77 จ.

สั่งตรวจแถว 77 จ.
"บิ๊กเล็ก" ถก หน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. เรียก รอง ผอ.รมน.จังหวัด ฝ่ายทหาร ทั้ง 77 จังหวัด ร่วม / สั่งเช็ค "สภาวะแวดล้อม
-ผลกระทบต่อความมั่นคง ตามบัญชา"บิ๊กตู่" แนะใช้"ประชารัฐ” /ขอ มุ่งมั่น เข้มแข็ง เพื่อให้ กอ.รมน. เป็นที่พึ่งชองประชาชนในทุกโอกาส

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะ เลขาธิการ กอ.รมน. เป็นประธาน หน่วยขึ้นตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ครั้งที่ 1/2561 วาระพิเศษ โดยให้ รอง ผอ.รมน.จังหวัด(ฝ่ายทหาร) ทั้ง 77 จังหวัด เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังการชี้แจงและมอบแนวทางในการปฏิบัติงาน ด้วย
พล.ต.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษก กอ.รมน. ได้เปิดเผยว่า พล.อ.ณัฐพล เลขาธิการ กอ.รมน. ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วย รวมถึง กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด ได้ตรวจสภาวะแวดล้อมในพื้นที่ ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง ตามพันธกิจที่ได้รับ และนำนโยบายของ พลเอกประยุทธ์. นายกฯและ ผอ.รมน. ที่มอบให้เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.60 นำไปขยายผล ด้วยการบูรณาการประสานงานกับทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีศักยภาพร่วมกัน
พร้อมกับให้ดำรงประสานงานกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและพบปะกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับทราบและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้บรรลุผล อย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็วที่สุด
พร้อมทั้งให้ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด ยึดถือและปฏิบัติตามแนวทางประชารัฐ ด้วยการรวมพลังภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ รวมถึงเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกคนในการสร้าง”เครือข่ายประชารัฐ” และสร้างสังคมโปร่งใสโดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ปปท. , ปปช. , DSI , ตำรวจ , สรรพากร และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ในการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงาน เพื่อป้องกันและป้องปรามมิให้ข้าราชการของรัฐแสวงประโยชน์ อันมิพึงได้จากประชาชน นักธุรกิจ หรือผู้เดือดร้อน
รวมถึงให้สร้างสรรกิจกรรมเพื่อให้สังคมมีความสุข มีความเข้มแข็ง โดยให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และในการดำเนินการให้ใช้หลักการพัฒนาควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย
พล.ต.พีรวัชฌ์ กล่าวว่า จากข้อมูลด้านการข่าวพบว่ามีขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด(ยาบ้า , ไอซ์ , เฮโรอีน)เข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เพื่อจำหน่ายให้ผู้เสพรายย่อย และลำเลียงยาเสพติดผ่านไปยังต่างประเทศ ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลักลอบที่ยากต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ รวมถึงมียาเสพติดชนิดใหม่ๆเกิดขึ้นอีกหลายประเภท

จากสถานการณ์ พล.อ.ณัฐพล มีความห่วงใย ถึงภัยยาเสพติด ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงด้านสังคม จึงได้ให้ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนภาคครัวเรือนได้ตระหนักถึงภัยจากยาเสพติด และประสานการทำงานกับทุกภาคส่วนในการสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้ชุมชนปลอดยาเสพติด และให้ทุกหน่วยได้มีการประเมินผลการดำเนินงานตลอดเวลาและต่อเนื่อง

นอกจากนี้ พล.อ.ณัฐพล เลขาธิการ กอ.รมน. ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยเข้มงวดกวดขันการปฏิบัติงานด้านการข่าวและดำเนินการสร้างเครือข่ายให้สามารถตอบสนองต่อพันธกิจของหน่วย ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของงาน
มุ่งเน้นการปฏิบัติงานด้านมวลชนและสารนิเทศ รวมถึงสนับสนุนส่งเสริมประชาชนจิตอาสา ได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบกับความมั่นคง ให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้ตระหนักในหน้าที่ ความเสียสละ ความรักสามัคคีของคนในชาติ
พล.อ.ณัฐพล ได้ให้กำลังใจในการปฏิบัติงานแก่ทุกหน่วย โดยให้ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่น เข้มแข็ง เพื่อให้ กอ.รมน. เป็นที่พึ่งชองประชาชนได้ในทุกโอกาส
ถูกใจ

ปปช.ตรวจสอบนาฬิกาประวิตรครบทุกเรือน

BRIEF: ป.ป.ช.เผยประวิตรแจงนาฬิกาที่เป็นข่าว ‘ครบทุกเรือน’ เตรียมสอบเอกชน 4 เจ้าที่ถูกพาดพิง
.
มีความคืบหน้าถูกเผยออกมาทีละนิด สำหรับกรณี 'นาฬิกาปริศนา' จำนวนหนึ่ง ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม สวมใส่ไว้บนข้อมือขวา โดยไม่แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อปี 2557
.
โดยวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ในหนังสือชี้แจงที่เจ้าตัวส่งมาให้ ได้ชี้แจงถึงนาฬิกาตามที่ปรากฏเป็นข่าวทุกเรือน (จนบัดนี้มีพบแล้วอย่างน้อย 15 เรือน ยี่ห้อดังๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Rolex, Patek Philippe, Richard Mille และ Audemars Piguet) โดยมีการพาดพิงเอกชน 4 ราย ซึ่ง ป.ป.ช.จะต้องเรียกมาสอบต่อไป 
.
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังให้ พล.อ.ประวิตรส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมถึงทรัพย์สินอื่นที่ไม่ได้แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สิน อาทิ แหวนเพชร ภายใน 15 วัน
.
“ยืนยันว่า ป.ป.ช.จะทำงานอย่างมืออาชีพ กรณี พล.อ.ประวิตรเป็นประเด็นที่ไม่ซับซ้อน คาดว่าภายในเดือน ม.ค.ก็น่าจะมีความชัดเจนแล้ว ยกเว้นจะต้องสอบพยานเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะต้องขยายไปในเดือนถัดๆ ไป” วรวิทย์กล่าว
.
ในวันเดียวกัน เลขาธิการ ป.ป.ช.ยังแถลงถึงความคืบหน้าคดีสำคัญอื่นๆ หนึ่งในนั้นได้แก่คดีเช่าเหมาลำการบินไทยไปประชุมที่ฮาวาย (ของ พล.อ.ประวิตรและคณะ) เมื่อปี 2559 ซึ่ง ป.ป.ช.อ้างผลการตรวจสอบของ สตง. ที่ระบุว่าไม่พบว่ามีการทำผิดระเบียบ จึงมีมติให้คำร้องตกไปในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริง ไม่รับไว้ไต่สวนความผิด
.
เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายๆ คดีที่เกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิดของ คสช. ป.ป.ช.มักมีมติให้ตกไปในชั้น "แสวงหาข้อเท็จจริง" อาทิคดีอุทยานราชภักดิ์, พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา รับลูกชายเป็นทหาร ขณะเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ฯลฯ ขณะที่คดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร ในปัจจุบัน ก็อยู่ในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริงเช่นกัน
.
.
อ้างอิงจาก

https://www.thairath.co.th/content/1169553

https://www.matichon.co.th/news/791235 (อ่านคำชี้แจงเรื่องการตรวจสอบนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตรจากเลขาฯ ป.ป.ช.อย่างละเอียด)
.
ที่มาภาพประกอบ

http://www.komchadluek.net/news/politic/304764

ให้เป็น"ผู้นำ"ตลอดไป

ให้เป็น"ผู้นำ"ตลอดไป
"บิ๊กตู่" แก้เขิน เลขาฯกพ.อวย "ให้เป็นผู้นำตลอดไป" บอก "เป็นนายกฯ ตลอดไป คงลำบาก" แม้เป็นเจตนาดี ส่วนตัวไม่เคยมีอะไรเป็นการส่วนตัวกับใครทั้งสิ้น ยันเข้ามาไม่ได้หวังอะไร
ก่อนการประชุม หัวหน้าส่วนราชการ ที่ก.ยุติธรรม นางเมธินี เทพมณี เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นตัวแทนมอบแจกันดอกไม้ ให้ พลเอกประยุทธ์
และกล่าวอวยพรปีใหม่นายกฯ ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรง มีกำลังกายและแรงใจที่เข้มแข็งในการบริหารประเทศต่อไป เป็นผู้นำตลอดไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม ว่า ผมยืนยันว่าที่เข้ามาไม่ได้หวังอะไร แต่จะทำให้เกิดความยุติธรรม ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลความยุติธรรม
"ตอนนี้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะ มีกฎหมายใหม่มากขึ้น ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันดูแล จะปล่อยให้มีปัญหาแบบเดิมๆ เกิดขึ้นอีกไม่ได้แล้ว อยู่ที่เราทุกคนต้องช่วยกัน สัญญากับผมแล้วนะว่าจะช่วยกัน "
นายกฯ กล่าวว่า ขอบคุณ อะไรที่เป็นความปรารถดีต่อผมและครอบครัว ถือเป็นกำลังใจให้ผมทำงานต่อไป ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว
"แต่การขอให้เป็นนายกฯ ตลอดไป คงลำบาก แม้เป็นเจตนาดี ส่วนตัวไม่เคยมีอะไรเป็นการส่วนตัวกับใครทั้งสิ้น มุ่งหวังเพียงทำงานปฏิรูปประเทศให้ได้และวางพื้นฐานให้แก่ทุกคน
ในฐานะที่เป็นข้าราชการให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืนในการทำงาน อยู่ได้ด้วยอย่างมีเกียรติยศและความมีศักดิ์ศรี " นายกฯกล่าว
และ ขอโทษที่ไม่ได้ให้ เข้าอวยพรเหมือนทุกปี แต่มีพรให้ทุกคนเสมอ และตลอดมา
จากนี้ขอให้ทุกคนทำงานทุกอย่างสำเร็จลุล่วง และต่อไปทุกคนต้องทำงานอย่างเข้มแข็งด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้มีปัญหาวนกลับมาที่เก่าอีก
ถูกใจ

รออีก 5 เดือน

รออีก 5 เดือน


เริ่มนับถอยหลังอีก 11 เดือนจากนี้ไป คนไทยทั่วประเทศจะได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่ตามโรดแม็ป คสช.

แต่ก่อนจะถึงคิวเลือกตั้งใหญ่เดือนพฤศจิกายน คสช.จะปล่อยผีให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศเป็นการชิมลาง

ล่าสุด นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ องค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ 7,851 แห่ง จะหมดวาระครบ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นจังหวะเหมาะที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นทั่วประเทศเอาฤกษ์เอาชัย

โดยกระทรวงมหาดไทยเสนอให้จัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศเป็นประเดิม

จากนั้นจึงจัดเลือกตั้งเทศบาล และ อบต.ทั่วประเทศเป็นสเตปต่อไป

คาดว่าการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคมปีนี้พอดี

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าคนไทยจะได้เลือกตั้งระดับท้องถิ่นทั่วประเทศก่อนเลือกตั้งใหญ่หรือไม่...

ยังต้องขึ้นอยู่ที่เงื่อนไขสำคัญอีก 2 ประการ

เงื่อนไขที่ 1, ต้องรอไฟเขียวจาก คสช.จะเห็นชอบให้จัดเลือกตั้งระดับท้องถิ่นทั่วประเทศตามกรอบเวลาที่เสนอไปหรือไม่

ถ้า คสช.ไม่โอเคตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย การเลือกตั้งองค์กรปกครองท้องถิ่น 7,851 แห่ง คงต้องชักตะพานแหงนเถ่อต่อไปอีกพอสมควร

เงื่อนไขที่ 2, ต้องรอการแก้ไข ก.ม.เกี่ยวกับคุณสมบัติผู้สมัครเลือกตั้ง อปท.ให้มีมาตรฐานเดียวกับคุณสมบัติผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส.ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

รวมทั้งแก้ไข ก.ม.เพื่อลดจำนวนสมาชิก อบต.จากหมู่บ้านละ 2 คน ให้เหลือหมู่บ้านละ 1 คน เพื่อประหยัดงบค่าจ้าง อบต.ได้อีก 4,700 ล้านบาทต่อปี

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าถ้าหากที่ประชุม สนช.ลากตั้งไม่ทำเรื่องสั้นให้เป็นเรื่องยาว

การแก้ไข ก.ม.เลือกตั้งท้องถิ่นจะเสร็จเรียบร้อยในเดือนมีนาคม

หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนเมษายน

จากนั้นบวกเวลาเพิ่มอีก 45 วัน ก็พร้อมจัดเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเป็นออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อยก่อนปล่อยผีให้มีการเลือกตั้งใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน

“แม่ลูกจันทร์” หวังอย่างยิ่งว่า รัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย

เปิดไฟเขียวให้จัดเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ อบจ.ทั่วประเทศในเดือนพฤษภาคม หรืออีก 5 เดือนจากนี้ไป
ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองได้อีกบานตะเกียง

ผลพลอยได้อย่างสำคัญที่จะตามมาคือ คสช.สามารถนำผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และผลการเลือกตั้ง อบจ.ไปประเมินแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ได้ใกล้เคียงความจริงถึง 80 เปอร์เซ็นต์!!

หรือ ถ้าหาก คสช.ต้องการหยั่งเสียงชาวเมืองหลวงว่ายังเหนียวแน่นมั่นคงกับ คสช.มากเพียงใด...ก็ง่ายนิดเดียว

คือให้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบัน ลงสมัครเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. วัดกับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัครพรรคเพื่อไทยให้รู้แล้วรู้แร่ดกันไปเลย

ถ้า พล.ต.อ.อัศวิน ลงป้องกันแชมป์อีกคน จะเป็นศึกเลือกตั้ง 3 เส้าต้อนรับปีจอ ที่อร่อยเหาะยิ่งกว่าไข่เจียวปูเจ๊ไฝประตูผี 1 ดาวมิชลินแน่นอน

แค่นึกภาพก็น้ำลายสอซะแล้วโยม.
"แม่ลูกจันทร์"

คิวสะดุดต่อตั๋วอำนาจ

คิวสะดุดต่อตั๋วอำนาจ


ต้องโร่เคลียร์ชนักตั้งแต่ต้นปี
ตามซีนที่เรื่องหมาๆประเดิมให้สะดุ้งรับปีจอ
หลังจากนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบเอาผิด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี
กรณีการให้และรับของขวัญที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท เข้าข่ายหมิ่นเหม่ขัดมาตรา 103 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ปมสืบเนื่องจากการที่ “บิ๊กตู่” ซื้อลูกสุนัขพันธุ์บางแก้วราคาตัวละ 6,000 บาท พร้อมเอ่ยปากจะมอบให้แก่ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ฉัตรชัย ระหว่างการลงพื้นที่ ครม.สัญจรที่ จ.พิษณุโลก
“บิ๊กตู่” เจอนักร้องขาประจำกระตุกหนวดเสือ พุ่งเป้าดิสเครดิตทีมงานอำนาจพิเศษต่อเนื่อง
ต้องรีบปัดเผือกร้อนพัลวัน ปฏิเสธยังไม่มีการมอบลูกสุนัขให้ใคร หากใครอยากได้ต้องจ่ายเงินซื้อ ขณะที่ “บิ๊กป๊อก” ออกตัวไม่ขอรับลูกหมาจากนายกรัฐมนตรี เพราะที่บ้านเลี้ยงสุนัขอยู่แล้ว เช่นเดียวกับ พล.อ.ฉัตรชัย ก็ระบุยังไม่ได้รับลูกสุนัขจากนายกฯมาเลี้ยง
น้องเล็ก พี่รอง และเพื่อนรัก รีบดีดตัวออกจากเรื่องหมาๆ ยืนกรานรู้ระเบียบข้อกฎหมาย ป.ป.ช.เป็นอย่างดี ห้ามให้หรือรับทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท
แต่เรื่องของเรื่องงานนี้ “ศรีสุวรรณ” คงทำได้แค่อาศัยเหลี่ยมการเมืองตอดเล็ก ตอดน้อย ฉวยจังหวะตีกิน เป็นแค่สีสันคั่นเวลารับบรรยากาศปีใหม่เท่านั้น
ไม่น่าจะขยายความบานปลายออกไปเหมือนกรณีนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ต้องใจจดใจจ่อลุ้นระทึกการตรวจสอบอยู่ขณะนี้
แต่ที่ต้องลุ้นกันหนักหลังจากนี้คือ โปรแกรมตีตั๋วคั่วเก้าอี้นายกฯคนนอก หวนคืนอำนาจ ภายหลังการเลือกตั้งปลายปี 2561
ในภาวะคะแนนนิยมของรัฐบาลชักร่อยหรอลงเรื่อยๆ ต้นทุนที่เคยมีเป็นกอบเป็นกำในช่วงเข้ามาบริหารประเทศระยะแรกๆถดถอยไปตามกาลเวลา
กองเชียร์ที่เคยผูกมิตร ตีตัวออกห่าง หันไปอยู่ฝั่งตรงข้ามมากขึ้น
เค้าลางอย่างที่เห็นๆกันอยู่ แนวร่วม อาทิ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่ม กปปส. กลุ่มเอ็นจีโอ กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง ชาวประมง ที่เคยเห็นดีเห็นงามร่วมโค่นรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”
เริ่มเปลี่ยนท่าทีไม่ญาติดีกับรัฐบาล คสช.เหมือนเก่า
ตรงกับสัญญาณที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เอ่ยปากเตือนกันตรงๆ “บิ๊กตู่” แทบไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว
สะท้อนสถานภาพรัฐบาลท็อปบูตอยู่ในช่วงขาลงของจริง
ส่วนหนึ่งนอกจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศที่ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น ต้องลุ้นกันช็อตต่อช็อต
อีกส่วนยังต้องเสียอาการทรงตัวจากพฤติกรรมพวกพ้องน้องพี่ที่ฉุดความศรัทธา ทำลายความคาดหวังชาวบ้านลงไปเรื่อยๆ
ในสถานการณ์ที่หมดตัวเลือก โบ้ยความผิดไปให้รัฐบาลเดิมหรือนักการเมืองหน้าเก่าเหมือนในอดีต เพราะกุมอำนาจเบ็ดเสร็จบริหารประเทศย่างเข้าสู่ปีที่ 4 ไม่เหลือข้ออ้างใดๆจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้อีก
ตามภาวการณ์ที่ผู้นำ คสช.ต้องคิดหนัก ทบทวนหาเหตุผลที่ทำให้ต้นทุนหน้าตักหดหาย
ยิ่งการออกมาป่าวประกาศสถานะเป็น “นักการเมือง” เต็มตัว แบไต๋เบิกทางพร้อมลงสนามการเมือง เผยให้เห็นร่องรอยการลุ้นตั้งพรรคทหาร หรือใช้นอมินีเป็นนั่งร้าน ย่อมมีน้ำหนักชัดเจนขึ้นตามลำดับ
เลี่ยงไม่พ้นถูกรับน้องล่อเป้าจากคู่แข่งการเมืองมากขึ้นทุกขณะ
กว่าจะฝ่าแรงเสียดทานไปถึงสังเวียนเลือกตั้งปลายปี มีแนวโน้มต้องเจ็บตัวสะบักสะบอมหนักขึ้นเรื่อยๆ
หากไม่รีบกลบจุดอ่อน ปล่อยให้ปัญหาปากท้องยืดเยื้อ และปล่อยให้แผลคนใกล้ตัวเรื้อรังไปเรื่อยๆ ย่อมกระทบภาพพจน์และศรัทธาประชาชนให้สั่นคลอนไปกันใหญ่
โอกาสคัมแบ็กต่อตั๋วอำนาจอาจลำบากมากขึ้น!!!

ทีมข่าวการเมือง