PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560

วงปฏิรูป ปิ๊งไอเดียเปิดทางทหารเกณฑ์ สมัครเป็นตำรวจควบคุมฝูงชน

วงปฏิรูป ปิ๊งไอเดียเปิดทางทหารเกณฑ์ สมัครเป็นตำรวจควบคุมฝูงชน


คกก.ปฏิรูป ตร. ชงตั้ง ก.รท.รับเรื่องร้องทุกข์ตำรวจ หากพบไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องเยียวยา ปิ๊งไอเดียถกแนวคิดทหารเกณฑ์สมัครตำรวจได้

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 60 ที่รัฐสภา นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานคณะอนุกรรมการด้านสื่อสารสังคม คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมฯ ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน ที่ประชุมได้มีมติให้มีแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ตามที่อนุกรรมการบริหารงานบุคคลเสนอ โดยให้เพิ่มเติมมาตรา 106/1 ให้มีคณะกรรมการพิจารณาร้องทุกข์ ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก ก.ตร.คณะหนึ่ง เรียกว่า "ก.รท." มีอำนาจหน้าที่พิจารณาเรื่องร้องทุกข์ของข้าราชการตำรวจ ประกอบด้วยคณะกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิคนหนึ่ง เป็นประธานกรรมการ และคณะกรรมการจำนวน 8 คน ประกอบด้วย รองเลขาธิการ ก.พ.ที่ได้รับมอบหมาย ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้ความซื่อสัตย์สุจริต ความเที่ยงธรรมเป็นที่ประจักษ์ ไม่เคยเป็นข้าราชการตำรวจมาก่อน จำนวน 3 คน รวมทั้งผู้เคยเป็นข้าราชการตำรวจในตำแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการ หรือตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไปจำนวน 4 คน ให้ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เป็นเลขานุการและผู้บังคับการหน่วยงาน ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของข้าราชการตำรวจ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

"โดยหากมีเรื่องเรียนจากข้าราชการตำรวจให้ถือคำวินิจฉัยของ ก.รท.เป็นที่สุด และให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ผู้มีอำนาจ ก.ตร. หรือ ก.ตช. แล้วแต่กรณีในการสั่งการเยียวยาและแก้ไขหรือดำเนินการตามสมควร เช่น หากมีการโยกย้ายไม่เป็นธรรม และตรวจสอบพบว่าเป็นเรื่องจริง ให้มีการเยียวยา หรือให้บุคคลนั้นกลับไปดำรงตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ งานด้านบริหารงานบุคคลที่ประชุมจะพิจารณาให้แล้วเสร็จในวันที่ 27 ธ.ค. และเสนอต่อรัฐบาลในวันที่ 28 ธ.ค. ตามกรอบระยะที่รัฐบาลกำหนดไว้ เพื่อให้ทันต่อการแต่งตั้งโยกย้ายในปี 2561" นายมานิจ กล่าว

นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงแนวคิดที่จะให้มีตำรวจเกณฑ์ โดยให้ทำในลักษณะเดียวกับทหารเกณฑ์ แต่เมื่อที่ประชุมตรวจสอบแล้วพบว่าเรื่องนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าชายไทยต้องเกณฑ์ทหาร ไม่มีคำว่าตำรวจ ที่ประชุมจึงพิจารณาทางออกโดยอาจจะให้ทหารเกณฑ์ที่ผ่านการเกณฑ์ทหาร และฝึกอบรมมาแล้ว 2 ปี สามารถสมัครเข้าเป็นตำรวจต่อได้ แต่ไม่ได้ให้เกี่ยวข้องกับคดี ให้อยู่ในด้านการดูแลรักษาความปลอดภัย หรือควบคุมฝูงชน เพื่อแก้ปัญหาในขณะนี้ที่ตำรวจขาดแคลนถึง 7,000 นาย อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวนี้ก็ยังไม่ได้มีข้อยุติ ยังต้องพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมต่อไป

"นายกฯบิ๊กตู่" ยัน ไม่มีใครปกป้อง "บิ๊กป้อม" ได้ ปม "นาฬิกาหรู"

"นายกฯบิ๊กตู่" ยัน ไม่มีใครปกป้อง "บิ๊กป้อม" ได้ ปม "นาฬิกาหรู" เป็นเรื่องส่วนตัว ดำเนินการเอง /พร้อมโชว์นาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อ ไซโก้ บอกแจง ป.ป.ช. หมดแล้ว รับรองถูกกม.ไม่ใส่เกินราคา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.กล่าวถึงกระแสกดดันพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และมว.กลาโหม เรื่องนาฬิกาหรูว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
"ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของ พล.อ.ประวิตร ก็จะมีการดำเนินการด้วยตัวท่านเอง ไม่มีใครไปดูแลหรือปกป้องได้ เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน"
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วพล.อ.ประยุทธ์ สวมนาฬิกายี่ห้อใด ขอให้โชว์ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "ทำไมต้องโชว์ ก็ใส่อยู่ทุกวัน"
จากนั้นนายกฯได้ยกมือข้างซ้ายโชว์นาฬิกาอย่างรวดเร็ว พร้อมกล่าวต่อว่า "ขอร้องอย่าให้เป็นประเด็นเลย ผมก็รู้ว่าควรจะเอายังไง ก็เป็นนาฬิกายี่ห้อไซโก้ ใส่แล้วโก้ไหม เด็กๆผมก็ใส่ไซโก ใส่อะไรก็เหมือนกันทั้งนั้น วันข้างหน้าเอาอย่างนี้หรือไม่ ห้อยนาฬิกาปลุกไว้ที่คอ แล้วค่อยว่ากัน"
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวคะยั้นคะยอให้นายกรัฐมนตรี โชว์นาฬิกาข้อมืออีกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธพร้อมระบุว่า ไม่เอาแล้ว ไม่ใส่เกินราคาหรอก ผมมีนาฬิกาหลายเรือนซึ่งได้แจ้งบัญชีทรัพย์ไปกับ ป.ป.ช.ทั้งหมดแล้ว รับรองว่าไม่ผิดกฎหมายแน่

"บิ๊กตู่" ชี้ "พรรคทหาร" ตั้งแล้ว ไม่สำเร็จสักที เผยจะสนับสนุนทุกพรรค

"บิ๊กตู่" ชี้ "พรรคทหาร" ตั้งแล้ว ไม่สำเร็จสักที เผยจะสนับสนุนทุกพรรค ที่เข้าการเมืองอย่างโปร่งใส มองเห็นอนาคต/เผยถาม "สมคิด" แล้ว บอกไม่ได้ตั้งพรรคทหาร/ เมิน "โหรวารินทร์" ทำนายอยู่อีกสมัย แขวะ โหรคือโหร ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง
พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงการตั้งพรรคประชารัฐที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกสมัยนั้น ว่า คงต้องไปถามคนพูด ตนไม่ได้พูดสักคำ
"พรรคทหารคืออะไร ผมยังไม่รู้ หลายคนบอกว่าเป็นพรรคแบบเดิมอะไรต่างๆ
โดยมีทหาร แต่ผมยังไม่เห็นมีทหารที่ไหนมาตั้งพรรคการเมืองให้กับผม
ถ้าเขาไปตั้งของเขาเองก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่เกี่ยวกับผม ฉะนั้น คงไม่มีใครไปตั้งพรรคทหาร
ก็รู้อยู่ว่าตั้งมาแล้วก็คือปัญหา มันไม่เคยสำเร็จสักที จะไปตั้งให้มันเมื่อยทำไม ทุกคนพยายามจะสร้างกระแสให้ได้ว่าจะมีพรรคทหาร ให้คนรังเกียจ ต้องไปดูจุดมุ่งหมายที่เขาพูดกันเพื่ออะไร ไปถามเขาดู
ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลคสช. คิดคำนึงตลอดเวลาที่จะสนับสนุนนั้น เป็นการสนับสนุนทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นพรรคเก่า หรือพรรคใหม่ที่เข้ามาสู่การเมืองอย่างโปร่งใสมีประสิทธิภาพ มองเห็นอนาคตประเทศ เป็นเรื่องของประชาชนที่จะตัดสินในการเลือกต่อไป ทุกพรรคมีโอกาสทั้งสิ้น อย่าไปมองว่าพรรคนี้จะได้ พรรคโน้นจะไม่ได้ เดี๋ยวทุกอย่างจะค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ความชัดเจนจะเกิดขึ้น ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเองในการเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง
ส่วนข่าวให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรคทหารเพื่อสนับสนุนให้นายกฯ อยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมก็ถามนายสมคิดว่าไปตั้งพรรคทหารหรือ นายสมคิดบอกว่าไม่ได้ตั้ง
และการจะสนับสนุนให้นายกฯ อยู่ต่อ มันจะอยู่ต่ออย่างไร ผมก็ยังไม่รู้ ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ต่อไม่อยู่ต่อ รัฐธรรมนูญเขียนไว้เรื่องนายกฯ คนนอก ซึ่งยังไปไม่ถึงตรงนั้นเลย พรรคตั้งใหม่ตั้งเก่าจะไปยังไง ยังมองไม่ออกเลย ทำไมจะต้องไประแวงตรงนั้น เขาเรียกว่ามองปัญหาไปก่อนแล้ว ยังไม่ถึงตรงนั้นจะรีบไปทำไมต้องโน้น ตนคงไม่ไปทำอะไรให้วุ่นวายขนาดนั้น
เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มกปปส. ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในช่วงเวลานี้ที่ออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของท่าน รวมถึงการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งก็เป็นความคิดของท่าน ก็แล้วแต่ประชาชนจะว่าอย่างไร
ส่วนกรณีที่โหรวารินทร์ออกมาทำนายว่าปีหน้าจะมีการเลือกตั้ง และพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯ ต่อไปนั้น ก็โหร สื่อเข้าใจคำว่าโหรหรือไม่ โหรก็คือโหร ก็ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ก็คือโหรเป็นสถิติทางโหราศาสตร์
ส่วนการที่จะให้นายกฯ วิเคราะห์การเมืองในปีหน้านั้น ตนไม่รู้จะวิเคราะห์ยังไง ขอทำงานแก้ปัญหาความยากจนก่อนดีกว่า จะไปวิเคราะห์การเมืองทำไม ตนยังไม่ได้ไปเดินการเมืองสักอัน

“สมชัย” แนะง่ายสุดให้ปลดล็อกไปเลย ดีกว่าใช้ ม.44 ขยายเวลาให้พรรคการเมือง

“สมชัย” แนะง่ายสุดให้ปลดล็อกไปเลย ดีกว่าใช้ ม.44 ขยายเวลาให้พรรคการเมือง


“สมชัย” ชี้ ง่ายสุดให้ปลดล็อก ดีกว่าใช้ ม.44 ขยายเวลาพรรคการเมืองปฎิบัติตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง

เมื่อ‪เวลา 14.00‬ น. วันที่ 20 ธันวาคม ที่สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการกกต. แถลงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ขยายเวลาการทำกิจกรรมของพรรคการเมืองตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า ยังไม่เห็นคำสั่งที่ชัดเจน แต่ถ้ามีการปลดล็อกเพื่อให้ผู้ประสงค์จะตั้งพรรคการเมืองใหม่มาจองชื่อ และหาสมาชิกให้ครบตามที่กฎหมายกำหนด ก่อนที่จะมีการปลดล็อกทั้งหมดในช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกับพรรคการเมืองเดิม ทุกฝ่ายที่ประสงค์จะเข้าสู่การเลือกตั้งต้องเตรียมตัวให้พร้อม แต่การที่คสช.ระบุว่าจะขยายหรืออาจงดเว้นการดำเนินการตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองในบางเรื่อง ถ้าหมายถึงการปฏิบัติตามมาตรา 141 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ก็เห็นว่าไม่เป็นผลดี เนื่องจากหลักคิดในการยกร่างฯมาตรานี้เพื่อปฏิรูปพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง ปราศจากนายทุน เป็นพรรคของประชาชน ซึ่งเป็นการออกแบบที่ดีแล้ว และควรเดินหน้าตามนั้น วิธีการที่ง่ายที่สุดคือควรจะปลดล็อกมากกว่า

นายสมชัย กล่าวอีกว่า การปลดล็อกบางส่วนของ คสช.จะมีผลต่อการเตรียมการของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งจะเริ่มนับเมื่อกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับประกาศใช้แล้ว โดยจะต้องมีการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน หากพิจารณาจากที่นายกฯประกาศต่อสื่อและชาวโลกว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 ซึ่งการพิจารณากฎหมายของสนช.หากแล้วเสร็จและไม่มีององค์กรใดคัดค้าน คาดว่ากฎหมายจะประกาศใช้เร็วที่สุดคือเดือนเมษายนและมีการเลือกตั้งในเดือนสิงหาคม 2561 แต่หากมีการโต้แย้งการประกาศใช้กฎหมายจะล่าช้าออกไปและการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน อย่างที่นายกฯระบุ ดังนั้นพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งใหม่ซึ่งจะต้องมาเริ่มกระบวนการทุกอย่างหลังจดทะเบียนพรรคแล้วพร้อมกับพรรคการเมืองเก่าในช่วงเวลาหลังกฎหมายลูก 4 ฉบับใช้บังคับ การดำเนินการของพรรคการเมืองจะทำทันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะประกาศให้มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งเมื่อไหร่ เพราะตามกฎหมายรัฐบาลจะประกาศช่วงใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำทันทีที่ระยะเวลา 150 วัน เริ่มนับ แต่ปัญหาคือหลังประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง 5 วันจากนั้น กกต.ต้องประกาศกำหนดวันเลือกตั้งและต้องประกาศวันรับสมัครเลือกตั้งภายใน 25 วัน หลังมีพระราชกฤาฎีกาเลือกตั้ง จึงเท่ากับเมื่อรถไฟขบวนแรกออกเมื่อไหร่ ขบวนที่ 2 ขบวนที่ 3 ต้องออกตามทันที คำถามถือระยะเวลาดังกล่าว พรรคการเมืองใหม่-เก่า จะสามารถดำเนินการจัดประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค จัดตั้งสาชาพรรค ตัวแทนประจำจังหวัด จัดทำไพรมารีโหวต เพื่อให้แล้วเสร็จ เพื่อจะเดินมาสมัคร‪ใน 5 วัน‬ดังกล่าวได้หรือไม่

นายสมชัย คาดการณ์ว่า รัฐบาลจะไม่รีบประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง โดยอาจจะประกาศหลังจากที่กฎหมายลูกมีผลใช้บังคับแล้ว 2 เดือนเพื่อให้ทุกฝ่ายมีเวลาเตรียมตัว กกต.เองจะมีเวลาประมาณ 90 วัน ถือว่าเพียงพอ จึงอยากฝากถึงทั้งพรรคใหม่และเก่าหากปลดล็อกแล้วทุกพรรคจะมีเวลาไม่เยอะ อาจเพียง 2 เดือน จึงต้องเตรียมการให้พร้อม เพราะนี่เป็นโจทย์ใหญ่

นายสมชัย กล่าวอีกว่า กกต.ได้รับหนังเชิญเลขาฯ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เข้าร่วมประชุม คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาเสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ของ สนช. เพื่อไปหารือถึงการแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งตนเสียดายที่ไม่ได้รับเชิญ ทั้งที่อยากไปร่วมแสดงความคิดเห็น

มีคนเดียว

มีคนเดียว


การออกมาปูดข่าวใหญ่ ระดับล้วงไข่งูจงอางของ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ปชป. ที่ออกมาแฉแผนตั้งพรรคประชารัฐ เพื่อสืบทอดอำนาจ คสช.

โดยวางตัว ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นหัวหน้าพรรค และ ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ประธาน กก.ยุทธศาสตร์ชาติด้านความสามารถการแข่งขัน เป็นเลขาธิการพรรค

เพื่อเป็นฐานค้ำยัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้นั่งเก้าอี้นายกฯอย่างสะดวกโยธิน

ถือเป็นข่าวซุปเปอร์ฮอตที่สร้างกระแสฮือฮาอย่างแรง

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า ดร.สมคิด ผู้ถูกชี้เป้าจะเป็นหัวหน้าพรรค คสช.ต้องรีบออกมาปฏิเสธข่าวทันที อ้างตัวเองอายุมากแล้ว แถมสุขภาพก็ไม่ค่อยดีและไม่มีความสนใจจะเล่นการเมือง

ส่วน ดร.สถิตย์ ซึ่งถูกระบุว่าถูกวางตัวเป็นเลขาธิการพรรคประชารัฐ ก็ปฏิเสธเป็นพัลวันว่าไม่เป็นความจริง ไม่เคยถูกทาบทามให้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคใหม่ และขณะนี้ยังไม่มีความสนใจจะเล่นการเมือง

เอาเถอะ...ถึงแม้ ดร.สมคิด และ ดร.สถิตย์จะออกมาปฏิเสธข่าวนี้พร้อมกัน

แต่ถ้าสังเกตให้ดีๆ น้ำเสียงปฏิเสธยังไม่เต็มปากเต็มคำ

ไม่ถึงขั้นปฏิเสธเด็ดขาด 100 เปอร์เซ็นต์

แต่หากวันข้างหน้าเกิดจำเป็นต้องให้ “ดร.สมคิด” ถือธงนำพรรคการเมืองเพื่อสานต่อแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

การตัดสินใจอาจเปลี่ยนได้ตามเงื่อนไขของสถานการณ์

“แม่ลูกจันทร์” ยังเชื่อทฤษฎีถ้าไม่มีไฟย่อมไม่มีควัน

กระแสข่าวตั้งพรรคการเมืองใหม่เป็นสะพานคอนกรีตให้ พล.อ.ประยุทธ์ก้าวข้ามการเลือกตั้งไปนั่งเก้าอี้นายกฯคนกลาง

มันมีแนวโน้มผลุบๆโผล่ๆอยู่ตลอดเวลา

เช่น...การที่ พล.อ.ประยุทธ์ โยนคำถาม 6 ข้อให้ประชาชนทั่วประเทศตอบผ่านศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย

ถามประชาชนเห็นด้วย? หรือไม่เห็นด้วย? ที่ คสช.จะสนับสนุนพรรคการเมือง

ถ้าหาก คสช.ไม่มีแนวคิดตั้งพรรคการเมือง “พล.อ.ประยุทธ์” คงไม่ตั้งคำถามประเด็นนี้ให้อึกทึกครึกโครม

“แม่ลูกจันทร์” ไม่แปลกใจถ้า คสช.มีแนวคิดจะตั้งพรรคการเมืองใหม่เพื่อเป็นฐานเสียงในสภาฯ

เพราะแม้ คสช.จะมีเสียง ส.ว.ลากตั้ง 250 คนอยู่ในกำมือ

แต่ถ้าไม่มีเสียง ส.ส.ช่วยสนับสนุนให้เกิดความมั่นคง การทำงานในระบบรัฐสภาก็จะนั่งไม่สนุกลุกไม่สบาย

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ถ้าหาก คสช.จะตั้งพรรคการเมืองของตัวเองเพื่อเป็นฐานสนับสนุนในสภาฯ ก็ต้องมีจำนวน ส.ส.มากพอสมควร

คนที่จะเป็นหัวหน้าพรรคใหม่จะต้องมีผลงานเข้าตาประชาชน เป็นแม่เหล็กดึงดูดคะแนนเลือกตั้งได้เป็นกอบเป็นกำ

ถามว่า ใครมีคุณสมบัติตรงสเปกที่สุดที่จะรับบทบาทสำคัญเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ คสช.??

“แม่ลูกจันทร์” ขอยืนยันเหมือนเดิมว่า ดร.สมคิด เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในบรรดาตัวเลือกที่มีอยู่ไม่กี่คน

ข้อสำคัญ ดร.สมคิด มีความเหมาะสมกับบทเบอร์ 2 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ทางการเมือง

ถ้าไม่มี ดร.สมคิด ช่วยประคองรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะเหนื่อยสาหัสยิ่งกว่านี้หลายเท่าตัว

สรุปแบบฟันธง ถ้า คสช.จะตั้งพรรคการเมืองของตัวเอง เพื่อไม่ต้องยืมจมูก ส.ส.พรรคอื่นหายใจ

มีพรรคการเมืองสาขา คสช.เป็นฐานเสียงหนุนรัฐบาลในสภาฯ

ถ้าไม่เอา ดร.สมคิดก็คิดผิดแล้วโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

คลายปมเพื่อล็อกยาว

คลายปมเพื่อล็อกยาว


ก็นึกว่า “รับทุกลูก” ที่สัญญาณหน่วยเหนือส่งออกมา

แต่ล่าสุดคิว “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธาน สนช.บอกปัดแนวทางที่คนในเครือข่ายท็อปบูตออกมาเสนอแก้กฎหมาย ขยายกรอบเวลาให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมตามเงื่อนไขกฎหมายได้

แนะให้ใช้พรรคการเมืองยื่นขอขยายเวลากับ กกต.แทน

บิ๊ก สนช. ยังเคลียร์ข้อกล่าวหา สมคบคิดยื้อโรดแม็ปเลือกตั้ง ชนิดที่เอาไปแอ็กได้ ไม่ใช่ “สภาฝักถั่ว”
แม้แต่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ลูกทีม “ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานกรธ. ก็แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย กับคิวรื้อกฎหมายรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมือง

นอกจากนี้ คิวปล่อยฟรี สนช.ก็ชักส่อป่วนหลายคิว โดยเฉพาะการพิจารณากฎหมาย ทั้งร่าง พ.ร.บ. การเลือกตั้ง ส.ส. ที่มีข้อเสนอตัดสิทธิผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสุดโหด ทั้งบวกเพิ่มโทษแต่ละครั้งความผิด
หรือประเภทติดแบล็กลิสต์ ห้ามรับราชการกันเลย

รวมทั้งร่างกฎหมาย ป.ป.ช.ที่เปิดทางให้ ป.ป.ช.ชุดเดิม ที่สุ่มเสี่ยงขัดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งต่อไป
ชนิดที่มีเสียงทวงถามถึงมาตรฐานถ้าเปรียบกับองค์กรอิสระอื่น

ส่วนข้อเสนอเพิ่มอำนาจติดเขี้ยวเล็บ ป.ป.ช.สอดส่องทั่วสารทิศ ชนิดดักฟังโทรศัพท์ผู้คนกันได้ ก็ถูกท้วงเหมือนแปลงร่าง ป.ป.ช.เป็นองค์กรเกสตาโปก็ไม่ปาน

แต่ก็นั่นแหละ อาจเพราะต้นท่ออย่างรัฐบาล คสช.ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรชัด ที่อ่านทางดักคอก็จิ้มโฟกัสเอาจากคนเสนอ ใครเล่นลูกตาม ฝ่ายไหนตอบสนอง

โดยทั้งหมดอาจเป็นแค่คิวให้ลูกข่าย“โยนหิน” ปล่อยฟรีหยั่งกระแส แรงต้านเยอะก็ยูเทิร์นหักศอกได้ตลอด

ล่าสุด ก็เป็น “เนติบริกรภาครัฐประหาร”อย่าง ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายฯ มือกฎหมายรัฐบาล ออกมานำร่อง แจกแจงแนวทางแก้ปมเงื่อนเวลาให้พรรคการเมือง

ถ้าไม่ให้กระทบโรดแม็ป ก็น่าจะเป็นแนวทางใช้“อำนาจพิเศษ”มาตรา 44 ปลดล็อก

ตามมาด้วยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป แฟนพันธุ์แท้ “นายกฯลุงตู่”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชูไอเดียอีกรอบ เสนอให้งดใช้ระบบคัดสรรผู้สมัครเบื้องต้น หรือไพรมารีโหวต

เพื่อไม่ให้เสียเวลา กระทบโรดแม็ปเลือกตั้งปลายปี 2561

เหมือนมุ่งแผนเดิม เดินสู่การเลือกตั้งตามดีเดย์ที่“นายกฯลุงตู่”ให้สัญญาประชาคม

สับขาหลอกไป-มากันหลายตลบจนชักมึน จับทางอำนาจพิเศษกันไม่ถูกเหมือนกัน

แล้วก็เป็นไปตามเค้าจริงๆ ล่าสุด ที่ประชุม คสช.เคาะเรียบร้อย ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ปลดล็อกเรื่องเงื่อนเวลา

โดย “บิ๊กตู่” อ้างเพราะมีหลายพรรคการเมืองทำหนังสือมาถึง คสช. รัฐบาล-กกต.และ สนช. เพื่อให้หาวิธีการแก้ปัญหาเรื่องเงื่อนเวลาจดแจ้งสมาชิกพรรค 90-180 วัน ต้องทำตามกฎหมาย

“เราจึงต้องปลดล็อกตรงนี้ให้เขา เป็นมาตรการเพื่อให้การดำเนินการทางการเมืองสามารถทำได้”
ยืนยันไม่กระทบโรดแม็ป

โดยรายละเอียดเป็นแค่เบื้องต้น คงต้องรอดูคำสั่งที่จะประกาศตามมา ตามที่ “บิ๊กไก่อู”พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาลแจกแจง ผู้นำจะไปเช็กเงื่อนไขแต่ละกรณีเพื่อขยับเวลา

สวนเสียงวิพากษ์วิจารณ์คนการเมือง ที่ออกมาชี้ความไม่เหมาะสมการใช้มาตรา 44 ไปลบล้างกฎหมายที่มาโดยกระบวนการนิติบัญญัติ

แทนที่จะปลดล็อกการเมืองคลายปม กลับใช้อำนาจพิเศษแทรกแซงกฎหมายในระบบ

ที่สำคัญ ถึงคลายเงื่อนเวลา แต่หากไม่ปลดล็อก จัดประชุมพรรคการเมืองไม่ได้เช่นเดิม หลายเรื่องที่ต้องทำก็ยังติดเงื่อนไขข้อห้าม

เสียงโวยวายก็ยังต้องดังกระหึ่มเหมือนเดิม.

ทีมข่าวการเมือง

ระทึก!!! นักข่าว-ช่างภาพทำเนียบติดลิฟต์โรงแรมหรู จนท.ยืนมองไม่ช่วยอ้างนายไม่สั่ง

ระทึก!!! นักข่าว-ช่างภาพทำเนียบติดลิฟต์โรงแรมหรู จนท.ยืนมองไม่ช่วยอ้างนายไม่สั่ง


เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 20 ธันวาคม ที่ห้อง Riverside 4 ชั้น 2 โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ถนนเจริญกรุงซอย 30 เขตบางรัก กรุงเทพฯ Dr. Fang Liu เลขาธิการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากนั้นเวลา 09.00 น. ที่ห้อง Ballroom 2-3 โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ถนนเจริญกรุงซอย 30 เขตบางรัก กรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดการประชุมระดับภูมิภาคขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มพิธี ได้เกิดเหตุระทึกขึ้นที่โรงแรมดังกล่าวโดยกลุ่มผู้สื่อข่าว ช่างภาพ และผู้ร่วมงาน จำนวน 9 คน ซึ่งได้ขึ้นลิฟต์มาจากชั้นลานจอดรถ เพื่อขึ้นมายังชั้น 2 ของโรงแรม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานของโรงแรมได้เกิดลิฟต์ค้างและตกอย่างกะทันหัน โดยลิฟต์ได้ตกลงมายังชั้นจี (G) อย่างแรงสร้างความตกใจ ให้กับผู้ประสบเหตุ เมื่อตั้งสติได้ ก็ได้กดปุ่มติดต่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งพนักงงานโรงแรมได้สอบถามถึงจำนวนผู้ที่อยู่ในลิฟต์ และบริเวณชั้นที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมบอกว่าจะเร่งประสานให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่า เวลาผ่านไป 10 นาทีแรก ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเข้ามาช่วย จึงได้ขอความช่วยเหลือไปอีกครั้งก็ได้รับคำตอบว่า แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างแล้ว จากนั้นไฟในจอมอนิเตอร์ของลิฟต์ก็ดับลง อากาศภายในลิฟต์เริ่มน้อยลง ทำให้นายวัฒนะ เจียมพุดซา ผู้ช่วยผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น และนายชยพัทธ์ วิรัชกุล อายุ 61 ปี พนักงานขับรถหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เริ่มมีอาการเวียนศีรษะ แล้วทรุดลงนั่งกับพื้น เพื่อนจึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น นำยาดมไปบรรเทา จนเวลาผ่านไป 20 นาที ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ผู้ประสบเหตุจึงได้โทร พยายามติดต่อมายังเพื่อนผู้สื่อข่าวด้านนอก ให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่องัดลิฟต์ออกเบื้องต้นเพื่อให้มีอากาศหายใจ จนผ่านไปอีก 20 นาที หลังจากที่กลุ่มผู้สื่อข่าวและเพื่อนช่างภาพได้ไปกดดันให้เจ้าหน้าที่เร่งงัดประตูลิฟต์ออก เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างถึงยอมงัดประตูลิฟต์ออก ซึ่งคาดว่าที่ไม่ยอมงัดลิฟต์ตั้งแต่แรก เพราะเกรงลิฟต์จะเสียหาย และไม่ได้รับคำสั่งอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาจึงพยายามใช้ระบบคอมพิวเตอร์รีเซตแทน ทั้งนี้ เมื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุออกมาได้เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาขอโทษ ในความไม่สะดวก และแก้ไขช้า โดยระบุสั้นๆ เพียงว่า หากท่านใดรู้สึกมีอาการไม่ดีเรามีพยาบาลดูแล


ขณะที่ผู้สื่อข่าวซึ่งอยู่ด้านนอกพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลทำเนียบรัฐบาล หลังทราบว่าเพื่อนร่วมงงานยังติดอยู่ในลิฟต์จึงพยายามช่วยเหลือเพราะเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่พร้อมสอบถามว่า ทราบหรือไม่ว่ามีลิฟต์ค้างอยู่จุดไหน ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์หญิงในโรงแรมดังกล่าว กลับยืนยันว่าไม่มีลิฟต์ค้าง เพราะเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์กล้องวงจรปิดตลอด ทำให้ผู้สื่อข่าวยืนยันว่ามีเพื่อนติดอยู่ 9 คน เพราะติดต่อกันได้เมื่อสักครู่ แต่ตอนนี้ขาดการติดต่อ เนื่องจากเวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมงแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าวสอบถามกับเจ้าหน้าที่ลิฟต์ว่ามีลิฟต์ค้างจริงหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จึงยอมรับว่ามีลิฟต์ค้างจริง แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาแก้ไข แค่รับทราบว่าลิฟต์ค้าง แต่ระบุไม่ต้องห่วงมีแอร์ปรับอากาศตลอด

ขณะที่ผู้บริหารโรงแรมซึ่งเป็นชาวต่างประเทศ หลังส่งนายกรัฐมนตรีเข้าห้องรับรอง ได้รีบมาสอบถามว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น แล้วสั่งการให้ลงไปงัดลิฟต์ตัวดังกล่าวทันที

ผู้ช่วยช่างภาพสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า ระหว่างกดลิฟต์จากชั้นจี เพื่อมายังสถานที่จัดการประชุมชั้น 2 ปรากฏว่าลิฟต์เคลื่อนตัวแล้วกระชากเสียงดัง ก่อนจะค้างอยู่ จึงแจ้งขอความช่วยเหลือ ตอนแรกยังรู้สึกปกติ เพราะคิดว่าลิฟต์ค้างธรรมดา และไม่นาน ช่างน่าจะมาแก้ไขได้ แต่ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับ หรือแจ้งจากเจ้าหน้าที่ด้านนอก เมื่อติดอยู่ด้านในนานประกอบกับคนเยอะ อากาศหายใจเริ่มน้อยลง ส่งผลให้ทุกคนเริ่มเวียนหัว โดยเฉพาะผู้ช่วยช่างภาพช่องหนึ่งซึ่งอายุเยอะ เริ่มนั่งลงและเวียนหัวจะอาเจียน เวลาผ่านไปกว่า 30 นาทีเจ้าหน้าที่จึงงัดประตูลิฟต์ ช่วยทุกคนออกมาได้ พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดการให้ความช่วยเหลือถึงล่าช้า ทั้งที่เป็นโรงแรมชื่อดัง ที่สำคัญไม่มีเจ้าหน้าที่คอยสอบถามความเคลื่อนไหว หรือแสดงความเป็นห่วง แต่ปล่อยให้คนด้านในคอยถามแทนว่าดำเนินการถึงไหนอย่างไร

สนช. เสื่อมสลาย

สนช. เสื่อมสลาย
ได้ยินข่าวหนาหูว่า กรรมาธิการพิจารณาร่างพรป. ปปช. จะไม่รีเซ็ท ปปช. ทั้งที่มีสมาชิกถึง 7 มีคุณสมบัติที่อาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ เช่น ระยะเวลาที่พ้นจากตำแหน่งการเมืองไม่ครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด หรือ เป็นหัวหน้าหน่วยงานไม่ถึง ๕ ปี
เหตุผลที่ถูกอ้างมาเพื่อให้ ปปช.ชุดนี้อยู่ต่อ คือ ว่า ปปช. ชุดนี้ทำงานมีประสิทธิภาพ (แต่ชวนสงสัยว่ามีประสิทธิภาพในแง่ไหนกันแน่ หรือ ข้ออ้างเรื่องประสิทธิภาพจะลบล้างเรื่องการมีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญได้หรือ
นึกถึงคราวที่พวกเขาให้ กกต.ทั้งหมดพ้นสภาพ โดยอ้างว่ามีคุณสมบัติไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แต่คราวนี้กลับพลิกลิ้นทำในสิ่งตรงข้าม
ช่วงนั้นแข็งขันที่จะเอา กกต.ชุดนี้ ออกจากตำแหน่ง
ช่วงนี้แข็งขันที่จะเอา ปปช. ชุดนี้ อยู่ในตำแหน่ง
การตัดสินใจที่ไร้มาตรฐานแบบนี้ ยิ่งอยู่ ก็ยิ่งเสื่อม
และหากเรื่องนี้ผ่าน สนช. โดยไม่มีการแก้ไขเสียให้ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม
สนช. ก็จะเสื่อมสลายไปอีกองค์กรหนึ่ง ใครเป็นสมาชิก เงยหน้าก็ละอายต่อฟ้า ก้มหน้าก็อดสูต่อแผ่นดิน