PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562

ผบ.ทบ.บอกผมอ่านเกม ออก!แต่ไม่ตอบโต้!!

ผมอ่านเกม ออก!แต่ไม่ตอบโต้!!
“บิ๊กแดง” ไม่ตอบโต้”ไก่-โบว์” ปล่อย อยากพูดอะไร ก็พูดไป ยัน ไม่ใช่ทัศนคติไม่ดี ทำหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตรงไปตรงมา เปรย อ่านเกมออกเพราะมีประสบการณ์ กับผู้ชุมนุมมาหลายปี
“บิ๊กแดง” พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์. ผบ.ทบ.และเลขาธิการคสช. กล่าวถึง การที่ นายวัฒนา เมืองสุข และ”โบว์อยากเลือกตั้ง” ตอบโต้ว่า ทัศนคตืไม่ดี ว่า ผมไม่เคยบอกว่า ผมมีทัศนคติไม่ดีต่อ
“ผมมีทัศนคติดี แต่ผมต้องกลับไปถามว่า ผมมีประสบการณ์เรื่องผู้ชุมนุมมาไม่รู้กี่ปี เพราะฉะนั้น ผมพอที่จะอ่าน game ออก ถ้าเขาอยากจะพูดอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา ผมก็ไม่โต้ตอบ
แต่ ผมก็จะทำหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงตรงไปตรงมา และปฏิบัติทุกอย่าง ตามคำสั่ง ผู้บังคับบัญชา
“ถ้า ทุกคนไม่ล้ำเส้น ก็ไม่ว่ากัน เพราะการบานปลายหรือไม มันมีองค์ประกอบหลายอย่าง
นายกฯและคณะรัฐมนตรี ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็ทำดีที่สุด บางอย่างเรียนมาคนละอาจารย์ ต่อให้เอาใครมาพูด ก็ไม่เชื่อถูกปลูกฝังมาแบบนี้
ส่วนจะส่งผลกระทบต่อพระราชพิธีหรือไม่นั้น อันนี้ผมตอบไม่ได้ การทำอะไรก็ตาม ขอให้อยู่ในกรอบ
เขามาขีดเส้นไว้ให้คนอื่น เขาก็ต้องขีดเส้น ตัวท่านด้วย ท่านขีดเส้นให้คนนั้นคนนี้เดิน ขีดเส้นขาว เส้นอะไร ให้เดินมัน ก็ต้องขีดเส้นให้ตัวท่านด้วย
“ผมเชื่อว่า ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็ต้องมี feed back กลับผมมาอยู่แล้ว แต่ผมก็พูดในฐานะที่ผมเข้ามามีบทบาทดูแลความสงบเรียบร้อย”

ตามดูแลนักการเมือง

ตามดูแลนักการเมือง
“บิ๊กแดง” เตือน นักการเมือง อย่าไปดูหมิ่นดูแคลน ซักไซร้ไล่เรียง จนท.ที่ตืดตาม ยัน ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปจับผิด แต่ไปดูแลความปลอดภัย เพราะหากมีอะไรก็โยนทหาร อยู่ดี ยัน ติดตามดูแลทุกพรรคเหมือนกัน
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และ เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงการดูแลความเรียบร้อยในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ว่า เราติดตามความเคลื่อนไหว ไปดูการหาเสียงของทุกพรรคอยู่แล้ว ไม่ได้เว้นพรรคใดพรรคหนึ่ง
ทั้งนี้ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ที่ติดตาม ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปจับผิดฝ่ายการเมือง ในทางกลับกันอยากให้มองว่าฝ่ายการเมืองก็มีคู่แข่ง มีคนได้และเสียประโยชน์
“หากเกิดเหตุความวุ่นวาย ซึ่งฝ่ายทหารก็ต้องตกเป็นเป้าอยู่ดี และจะมาโยนความผิดให้ เพราะบางครั้งฝ่ายทหารอยู่เฉยๆก็มีคนมาใส่ร้ายป้ายสี ฝ่ายรัฐบาล ทหารและตำรวจอยู่เสมอ” ผบ.ทบ.กล่าว
ผบ.ทบ. กล่าวว่า เพราะฉะนั้นขอให้ท่านได้สบายใจว่า การที่มีทั้งทหารและตำรวจไป เพื่อเป็นความปรารถนาดี และเราดำเนินการเช่นเดียวกันทุกพรรค
แต่ในกรณีเดียวกันได้เน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่ต้องให้เกียรติ ผู้ที่เข้ามาดำเนินการกิจกรรมทางการเมือง
“และในทางกลับกันฝ่ายการเมือง ก็กรุณาให้เกียรติเจ้าหน้าที่ เข้ามาปฏิบัติงานเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ไปดูหมิ่นดูแคลน ซักไซร้ไล่เรียง เจ้าหน้าที่ที่เขามาติดตาม และอำนวยความสะดวกเรื่องการรักษาความปลอดภัย
แต่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่จำเป็นจะต้องไปแนะนำตัวกับฝ่ายการเมือง เวลาลงพื้นที่ติดตาม

ทหารคุมเข้ม ส่งพัสดุไปรษณีย์

ทหารคุมเข้ม ส่งพัสดุไปรษณีย์
“พลเอก อภิรัชต์” เล่นเอง คุยเอกชน คุมเข้ม การส่งพัสดุไปรษณีย์ หวั่น ส่งยาเสพติด-อาวุธสงคราม -สิ่งผิดกฎหมาย/ประชุมขอความร่วมมือ ผู้ประกอบการไปรษณีย์ หลังสถิติ 3 เดือนจับยาเสพติดส่งผ่านระบบโลจิสติกส์ เพียบ เน้นย้ำ ติดตั้งกล้อง CCTV ย้ำ ผู้ส่งไปรษณีย์ จะต้องใช้บัตรประชาชนต้องตรงกับผู้ส่ง ให้ลูกค้า ถอดแว่นดำ หมวกกันน้อค ยันปราบยาเสพติดต่อ ไม่หยุดแค่3 เดือน

ที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และ รองผอ.รมน.
และ เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อาวุธสงคราม สิ่งผิดกฎหมาย พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทขนส่ง/ผู้ประกอบการธุรกิจรับ-ส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ชั้นนำ15บริษัท เช่น บริษัท Kerry Express ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท เอสซีจี เอ็กซ์เพรส , บริษัท ไดนามิคโลจิสติกส์ , จำกัด บริษัท นิ่มเอ็กซ์เพรส จำกัด , บริษัท ลาล่ามูฟ ประเทศไทย บริษัท ทีเอ็นที เอ็กซ์เพรส เป็นต้น ร่วมประชุม
เพื่อชี้แจง สร้างความเข้าใจ และหารือกับผู้ประกอบการดังกล่าว ให้เกิดความร่วมมือในการป้องกันการลักลอบส่งสิ่งของผิดกฎหมายผ่านธุรกิจรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์และระบบขนส่ง ทั้งนี้การให้ความสำคัญกับระบบการขนส่งสินค้าและพัสดุเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ คสช. จะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนที่กำลังดำเนินการอยู่
พลเอก อภิรัชต์ ระบุว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่บั่นทอนประเทศและเยาวชน เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่มอบให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเร่งปราบปรามในช่วง 3 เดือนนี้ จนปรากฏผลการจับกุมยาเสพติดเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันปัจจุบันระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) และระบบการจัดการส่งสินค้า (Logistics) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้มีผู้ใช้บริการขนส่ง พัสดุภัณฑ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตรวจพบมีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายโดยผ่านธุรกิจรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์
จึงมีความจำเป็นที่ส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องมาร่วมกันกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการป้องกันมิให้มีการใช้ช่องทางดังกล่าวกระทำผิดกฎหมาย
พลเอก อภิรัชต์ ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้พิจารณาเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการรับ-ส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ วันละเป็นล้านชิ้น เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณพื้นที่รับ-ส่ง การบันทึกข้อมูลบัตรประชาชนของผู้ใช้บริการ การอำนวยความสะดวกให้มีการบรรจุหีบห่อ ณ จุดบริการ การใช้ระบบตรวจติดตามการให้บริการ หรือ Tracking System เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ พลเอก อภิรัชต์ ยังได้มอบหมายให้ กอ.รมน. ร่วมกับ ป.ป.ส. และส่วนงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจัดตั้ง ศูนย์รับแจ้งเรื่องตรวจพบการขนสิ่งผิดกฎหมายผ่านธุรกิจให้บริการรับ-ส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบการตรวจสอบต่อไป และยังเป็นการป้องกันผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ของภาคเอกชนด้วย
พลเอกอภิรัชต์ กล่าว ว่าได้มีการเรียกผู้ประกอบการขนส่ง พัสดุมาหารือเพื่อทำความเข้าใจในการลดปัญหายาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมาในรอบ 3 เดือนพบว่ามีการพบว่ามีปริมาณการขนส่งยาเสพติดผ่านไปรษณีย์เป็นจำนวนมากดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้มีการเข้มงวดจริงจัง โดยผู้ส่งจะต้องใช้บัตรประชาชนตนเอง
และ ไปรษณีย์จะต้องติดตั้ง CCTV ให้เห็นหน้าตาคนส่งชัดเจนและต้องถอดหมวกแว่นตาและหมวกกันน็อค
พร้อมย้ำว่าสถิติในรอบ 3 เดือนมีการจับกุม ยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก ที่ขนส่งผ่านระบบโลจิสติกส์ ซึ่งถือว่าน่าตกใจมากและในอนาคตจะต้องมีการแก้กฎหมายและเจ้าหน้าที่จะทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะยาเสพติดเป็นปัญหาที่บ่อนทำลายชาติ ไม่หยุดปราบ ยันทำต่อ

“ป๋าเปรม” งด ร่วมงานเลี้ยงรับรอง วันกองทัพบก



ป๋าเปรมงด ร่วมงานเลี้ยงรับรอง วันกองทัพบก มอบ พลเอกสุรยุทธ์มาแทน....นายกฯบิ๊กตู่-ครม.-ผบ.เหล่าทัพ-องคมนตรี-อดีตผบ.ทบ.เตรียมร่วมงานพรึ่บ! 21 มค. นี้/ วันกองทัพไทย-ทบ.18มค.นี้

ในวันที่.18 ม.ค.62 ที่เป็นวันกองทัพบก และวันกองทัพไทย ที่ตอนเช้า ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ ร่วมงางมาลา และทำพิธีสงฆ์ที่ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ
จากนั้น ช่วง 13.00 น. พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.เป็นประธานกระทำพิธีทางศาสนา เนื่องในวัน ทบ. โดยจะถวายสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 จากนั้นจึงกระทำพิธีสงฆ์ ที่ บก.ทบ.
จากนั้น เวลา 15.30 น. ผบ.ทบ.เป็นประธานในพิธีสวนสนามและกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหารเนื่องในวันทบ. ประจำปี 2562 ณ ลานอเนกประสงค์ ทภ.1 ภายใน ร.11 รอ.
ส่วนงานเลี้ยงรับรอง วันกองทัพบก นั้น จัด21 มค. ที่สโมสรทบ. แต่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่ยังไม่ค่อยแข็งแรงนัก จะไม่มาร่วมงาน เพราะระยะหลัง ป๋าเปรม ไม่ออกงานค่ำ และไม่ต้องการยืนนานๆ
แต่ มอบ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี มาเป็นตัวแทน


Good Monday IO ของทักษิณ



Good Monday IO ของทักษิณ

ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ผู้ต้องคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดา และหลบหนีหมายจับคดีทุจริตประพฤติมิชอบของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายคดี
ล่าสุด คิกออฟการเคลื่อนไหวครั้งใหม่ ด้วยการจัดรายการ Good Monday
น่าจะเรียก IO ของทักษิณ
1. ทักษิณโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ค Thaksin Shinawatra
อ้างว่า “Good Monday รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกกับดร.ทักษิณ ชินวัตร เกิดขึ้น เพราะผมเสียดายเวลา 12 ปีที่อยู่ในต่างประเทศ ได้เห็นความเจริญและความล้าหลังของหลายประเทศในโลก ได้พูดคุยกับผู้นำประเทศทั้งปัจจุบันและอดีตผู้นำทางธุรกิจ นักวิชาการ นักเทคโนโลยีทั่วโลก จึงอยากจะมาเล่าสู่พี่น้องคนไทยทุกคน ที่ทุกวันจันทร์เราตื่นมาทำงานเราอยากจะรู้ว่าสิ่งที่เราทำมาหากินทุกวันนี้ มันยังดีอยู่ไหม ต้องปรับเปลี่ยนอะไร เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกิน... ผมจะพยายามมาพบกับท่านให้ได้ในทุกวันจันทร์ที่ Good Monday”
พูดง่ายๆ ว่า เป็นรายการทอล์ก เดี่ยวไมโครโฟน เหมือนสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีนั่นแหละ
โดยครั้งแรก ทักษิณได้พูด (คลิปเสียง) เรื่อง รู้ให้ทันเพื่อรับมือกับโลก 2020” เศรษฐกิจโลกในปี 2019 และ 2020 ที่จะกระทบกับรายย่อย เรื่องวิกฤติเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ก็มีเรื่องระบบการเงินโลก เทคโนโลยีหุ่นยนต์ เทคโนโลยีด้านสุขภาพ เรื่องว่ามนุษย์จะมีอายุยืนยาวขึ้น สังคมไทยต้องเตรียมสังคมของคนสูงอายุไว้ ฯลฯ
ทักษิณบอกว่า “…วันหลัง ถ้าวันจันทร์ไหนผมว่าง ผมจะมาพูดกับพี่น้องสักครั้งนึง อาจจะเป็นจันทร์เว้นจันทร์ หรือว่าบางจันทร์ก็อาจจะติดกันแล้วแต่นะครับจะพยายามเล่าอะไรให้ฟังให้เป็นความรู้ดีกว่านะครับ เรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ก็ไม่ค่อยอยากเสียเวลาพูด เราพูดกันแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตพวกเราดีกว่า....
2. เนื้อหาสาระที่ทักษิณนำมาพูด ไม่ใช่เรื่องลึกซึ้ง หรือใหม่สดอะไรเลย
เป็นเรื่องที่มีคนพูดกันมาเยอะแยะ หลายคนให้ข้อมูลที่ลึกซึ้ง และสะท้อนความรู้เท่าทันจริงๆ มากกว่า
แต่ที่น่าสนใจ และ รู้ทันทักษิณคือ อะไร?
วาระแอบแฝงที่เลือกเคลื่อนไหวในช่วงนี้ (ช่วงก่อนงานพระราชพิธีและการเลือกตั้ง) คืออะไร?
การเลือกแสดงบทบาทผู้รู้เท่าทันโลก เสมือนปราศรัยสร้างภาพลักษณ์ฝ่ายเดียว แสดงวิสัยทัศน์ สวยๆ หล่อๆ อาบน้ำแต่งตัวเท่ๆ แต่ความเป็นจริงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร? “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำทิ้งปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจไว้แค่ไหน? สร้างภาระหนี้สินจากโครงการทุจริตจำนำข้าวมโหฬารขนาดไหน? แล้วจริงๆ เจ้าตัว บงการใช้นักเคลื่อนไหว นักเลือกตั้ง ประเภทที่ไม่ได้ห่วงใยประเทศชาติส่วนรวมจริงๆ เลยอย่างไร?
3. ในความเป็นจริง ความสำเร็จทางธุรกิจของทักษิณ ล้วนแต่ได้มาจากสัมปทานผูกขาด
อาศัยอำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของตนเอง เอารัดเอาเปรียบคู่แข่งขัน
คนละเรื่อง คนละโลก คนละวิธีการกับที่พยายามพูดจาให้ตัวเองดูดีอยู่ในวันนี้ทั้งสิ้น
ตอนมีอำนาจรัฐ ผ่องถ่ายเงินออกไปไว้ต่างประเทศจริงๆ เท่าไหร่?
พอพ้นจากอำนาจรัฐไปแล้ว ก็ไปทำธุรกิจอะไรประสบความสำเร็จบนเวทีโลกบ้าง?
ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน เคยเขียนบทความกะเทาะเปลือกของทักษิณไว้อย่างถึงแก่น กระชากหน้ากากที่พยายามสร้างภาพว่าตนเองเป็นนักประชาธิปไตย เป็นนักธุรกิจโลกเสรีอย่างหมดเปลือก
บางประเด็น ที่ ดร.สมเกียรติตีแผ่ไว้ เช่น
3.1 “ตัวผมเองรู้จักคุณทักษิณมาตั้งแต่แรกเริ่ม ครั้งที่ผมเป็นนักข่าวโทรทัศน์ในวัยหนุ่ม และคุณทักษิณก็กำลังเป็นนักธุรกิจที่กำลังไต่เต้าขึ้นสู่ความมั่นคงทางธุรกิจ ขยายอำนาจเข้าสู่การเมือง ตอนนั้นคุณทักษิณร่ำรวยมากขึ้นจนสังคมเห็นผิดสังเกต ผมยกมือลุกขึ้นถามในที่ประชุมตอนที่ฟังคุณทักษิณบรรยาย โดยถามว่า คุณทักษิณ คุณร่ำรวยมากแล้ว ทำไมจึงไม่จัดระบบ และงบประมาณของบริษัท เอไอเอส และบริษัท ชินคอร์ป แบ่งเงินเพื่อการวิจัยและพัฒนาไว้บ้างสัก2 – 3 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินรายได้ของบริษัท อย่างเช่น บริษัทสำคัญในโลกเช่น บริษัท ซัมซุง ในเกาหลีใต้ ที่ตอนนั้นเริ่มโดดเด่น
คุณทักษิณ ตอบผมว่า อาจารย์ เอาเงินไปวิจัยเพื่อให้นวัตกรรมได้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นของตัวเองมันสิ้นเปลืองมาก ไม่คุ้มกันนั่นคือคำตอบของคุณทักษิณ
คำตอบนี้ทำให้ผมไม่คิดว่าคุณทักษิณจะสร้างอาณาจักรธุรกิจอุตสาหกรรมอะไรให้เป็นอนาคตทางนวัตกรรมระบบเศรษฐกิจของไทย ผมจึงไม่เห็นว่าคุณทักษิณจะมีคุณค่าอะไรมากไปกว่าคนมีเงินมากธรรมดาๆ เท่านั้น
3.2 “..ตอนที่คุณทักษิณพยายามจะเอาสัมปทานไอบีซี เคเบิลทีวี จาก อสมท ตอนนั้นผมทำงานร่วมอยู่กับ อสมท แต่จนแล้วจนรอดคุณทักษิณก็ยังไม่ได้สัมปทานแถมเทคโนโลยีตัวเองก็ไม่มี ต้องไปให้บริษัทเคลียร์วิว จากฮาวาย มาร่วมทุนด้วย มาวันหนึ่งคุณทักษิณก็เชิญผมไปนั่งคุยด้วย กินข้าวขาหมูราชวัตรที่สำนักงานใหญ่ของไอบีซี อาคารหลังเล็กๆ ย่านราชวัตร คุณทักษิณ ถามผมตัวต่อตัวว่า ผมคิดอย่างไร ถ้าตัวเองอยากจะเข้าไปเป็นผู้อำนวยการ อสมท เสียเอง
คุณทักษิณต้องการเข้าไปจัดการเอาสัมปทาน ไอบีซี จาก อสมท ให้เป็นตัวของตัวเองอย่างง่ายๆ ตอนนั้นผมเป็นผู้สื่อข่าว และผู้ประกาศข่าว ในฐานะบริษัทเอกชนเล็กๆเข้าร่วมงานกับช่อง 9 อสมท ซึ่งผมเดาว่าคุณทักษิณต้องการให้ผมร่วมเป็นพวกด้วย
ผมตอบคุณทักษิณไปว่า คุณทักษิณ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ คุณจะเอาสัมปทานจาก อสมท และจะเข้าไปเป็นผู้อำนวยการ อสมท เสียเองอย่างนี้ ไม่ได้
คุณทักษิณตอบว่า ถ้างั้น ผมให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แล้วก็จะได้ตั้งคนที่ไว้ใจได้เป็นผู้อำนวยการ อสมท จะได้จัดการเอาสัมปทานมาให้ ไอบีซี ของชินคอร์ป และคุณทักษิณ ให้ได้ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ผมนี่ทึ่งในขีดความสามารถในการทุจริตแบบไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายของคุณทักษิณจริงๆ
3.3 “...คุณทักษิณ โดยบริษัท ชินคอร์ป ก็เข้าไปซื้อหุ้นสถานีโทรทัศน์ไอทีวี จาก 10 เปอร์เซ็นต์ พยายามให้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งๆ ที่กฎเดิมห้ามไม่ให้ใครถือหุ้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ แต่คุณทักษิณก็แก้ไขกฎเกณฑ์จนทำได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ มันเหลือติดอยู่ที่ว่าค่าสัมปทานไอทีวีนั้น จะต้องจ่ายให้กับรัฐแพงมากถึง 2.5 หมื่นล้านบาท ในช่วง 30 ปี คุณนิวัฒน์บุญทรง ซึ่งปัจจุบันชื่อ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล
รมว.พาณิชย์ และเป็นเพื่อนนักเรียนทุนอเมริกัน รุ่นเดียวกับผม ถือว่าเป็นเพื่อนนักเรียนสมัยเป็นวัยรุ่นไปต่างประเทศรุ่นเดียวกัน
ตอนนั้นคุณนิวัฒน์ เป็นผู้บริหารบริษัท ชินคอร์ป ของคุณทักษิณ คุณนิวัฒน์ก็ชวนผมเข้าไปทำงานที่ ไอทีวี ผมก็รับงานเพราะอยากบริหารสถานีข่าว เพราะในชีวิตนี้ก็ไม่มีโอกาสเลย ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำ แต่ว่าผมก็ตื่นเต้นดีใจ รับงานที่เพื่อนเสนอให้ เป็นรองผู้อำนวยการ ไอทีวี สายงานข่าว ถือว่ามีอำนาจมากถ้าได้ทำงาน เพราะคุมข่าวเกือบทุกเวลานาทีทาง ไอทีวี ผมได้เงินเดือนจากคุณทักษิณ 200,000 บาท รถยนต์ประจำตำแหน่ง 1 คัน ราคา 2 ล้านกว่าบาท
แต่ได้รับคำสั่งว่าผมจะต้องทำข่าวไอทีวี คุมข่าวไอทีวี ช่วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ให้ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ให้ชนะคุณสมัคร สุนทรเวชให้ได้ ผมในฐานะผู้บริหาร ไอทีวี จะต้องกันไม่ให้ข่าวคุณสมัคร ออกใน ไอทีวี มากกว่าข่าวของคุณหญิงสุดารัตน์ ซึ่งสังกัดพรรคไทยรักไทย
ในวันใดที่ผมทำข่าวคุณสมัครมากกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ผมจะถูกเรียกไปเตือนให้ตรวจสอบเทป แล้วก็บ่นว่า ทำไมผมจึงทำอย่างนั้น แล้วผมก็ถูกขอว่า ผมต้องช่วยพรรคไทยรักไทย ต้องช่วยคุณทักษิณ ซึ่งกำลังไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไอทีวีจะต้องทำข่าวช่วยคุณทักษิณให้ขึ้นครองอำนาจทางการเมืองให้ได้ อันนี้คือคำสั่งจากคณะกรรมการบริหารบริษัท ชินคอร์ป และ ไอทีวี บอกกับผม ต้องการให้นายเขา ไม่ใช่นายผม นายเขา เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ เขาบอกว่า ผมไม่ต้องห่วงเรื่องธุรกิจของไอทีวี ไม่ต้องกลัวว่าไอทีวีจะขาดทุน เพราะจะแบ่งงบโฆษณา 50 เปอร์เซ็นต์จากบริษัท ชินคอร์ป มาส่ง ไอทีวี เป็นประจำ แต่ทำอะไรก็แล้วแต่ช่วยคุณทักษิณ เดี๋ยวเอาเงินชินคอร์ป มาใส่โฆษณา 50 เปอร์เซ็นต์ทั้งระบบ ที่เหลืองบชินคอร์ป งบโฆษณาอีก 50 เปอร์เซ็นต์ จะกระจายไปใช้กับสื่อมวลชนทั้งประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายเพื่อนฝูงสื่อมวลชนทั้งหมดให้ดูแลคุณทักษิณให้ดี
นี่คือความจริงของระบอบทักษิณยุคเริ่มแรก...
4. นั่นแค่บางส่วนบางตอน ใครสนใจใคร่รู้ โปรดไปหาอ่านฉบับเต็มได้
กระชากหน้ากากคนบางคน ได้เฉียบคมนัก
สุดท้าย การเลือกเคลื่อนไหวรอบใหม่ ก่อนงานพระราชพิธีสำคัญ ก่อนเลือกตั้ง ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ IO หรือ Information Operation ยุทธการทางข้อมูลข่าวสารครั้งใหม่ของระบอบทักษิณ แม้ตั้งชื่อว่า Good Monday แต่แต่ทำให้นึกถึง Black Monday (คือเหตุวิกฤติ 19 ต.ค. 1987 ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งเหวลงวินาศสันตะโร) โดยกรณีการเคลื่อนไหวของทักษิณอาจไม่ใช่สัญญาณเหตุตลาดหุ้นแต่อาจเป็นตลาดการเมืองและการเคลื่อนไหวที่น่าจะมาเป็นขบวน มาเป็นชุดๆ จับตาดู ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ทั้งบนดินและใต้ดิน
ระวังอย่าให้กระทบเสถียรภาพของประเทศไทยเราหลังจากนี้ 
สารส้ม


เรตติ้งตก? 'ในความทรงจำ'ซิงเกิ้ลใหม่'บิ๊กตู่' ชาวเน็ตแห่กด'ไม่ชอบ'ถล่มทลาย

เรตติ้งตก? 'ในความทรงจำ'ซิงเกิ้ลใหม่'บิ๊กตู่' ชาวเน็ตแห่กด'ไม่ชอบ'ถล่มทลาย

วันอังคาร ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562, 18.42 น.
15 ม.ค.62 หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เผยแพร่บทเพลง "ในความทรงจำ" ซึ่งเป็นเพลงล่าสุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 10 ม.ค.62 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่องเว็บไซต์ยูทูป (Youtube) "ทำเนียบ รัฐบาล" ซึ่งเป็นช่องอย่างเป็นทางการในการเผยแพร่ภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ ตลอดจนคณะรัฐมนตรี (ครม.) พบว่า มีผู้เข้ามากด "ไม่ชอบ" (Dislike) เป็นจำนวนมาก และมากกว่าผู้ที่กด "ชอบ" (Like) นอกจากนี้ ความคิดเห็นส่วนใหญ่ยังออกไปในทำนองเบื่อหน่าย
อาทิ "ผมมีความตั้งใจเซิร์จชื่อเพลง และอดทนฟังเพลงความหมายไม่มีอะไรเลย วกไปวนมา ช่วงแรกทวงบุญคุณ ปิดท้ายโยนความผิดให้ประชาชน ไว้เป็นมรดก จากนั้นผมก็บรรจงกดดิสไลค์ แล้วผมจะไม่เข้าไปเพิ่มยอดวิวอีก" , "พอรู้ข่าว รีบเข้ามาเลยตู(ดิสไลค์)" , "ถ้าลุงตู่ไปเป็นศิลปิน เชื่อเถอะค่ะ มีแต่คนสนับสนุนน่าจะดังกว่าเป็นนายกนะคะ" , "เห็นด้วยกับเนื้อเพลง ต้องทำอย่างไรให้ประเทศไทย ไม่ซ้ำเดิม รู้ละต้องทำยังไง ที่จะไม่ต้องฟังเพลงแบบนี้" โดยยอดการรับชมในช่วงเวลา 17.30 น.อยู่ที่ 18,232 ครั้ง กดชอบ 73 และกดไม่ชอบ 1,642
ทั้งนี้ เมื่อไปดูตามช่องยูทูปต่างๆ ที่มีผู้นำเพลงดังกล่าวไปอัพโหลดเผยแพร่ ก็พบว่าทุกช่องมีจำนวนการกด Dislike มากกว่าการกด Like ทั้งสิ้น ซึ่งไม่ต่างจากเมื่อครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยเพลง "ใจเพชร" ออกมา เมื่อต้นเดือน ก.พ.61 แล้วพบว่ามีคนแห่เข้าไปกด Dislike พร้อมแสดงความคิดเห็นในทางลบจำนวนมาก จนบางช่องต้องปิดไม่ให้แสดงความคิดเห็น

'บิ๊กตู่007'นั่งรถม้าเจมส์บอนด์แอ่วลำปาง หวานเจี๊ยบบอกรักทุกคน

ฮือฮา!'บิ๊กตู่007'นั่งรถม้าเจมส์บอนด์แอ่วลำปาง หวานเจี๊ยบบอกรักทุกคน 

วันอังคาร ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562, 18.23 น.
 “บิ๊กตู่”007 นั่งรถม้าเจมส์บอนด์เข้าสักการะพระธาตุลำปางหลวง “ให้ผู้เฒ่าผู้แก่ผูกข้อมือสู่ขวัญ ถูกใจมีหญิงชรามอบ"พระไพรีพินาศ"บอกช่วงนี้ต้องพกติดตัวไว้กันศัตรู“พร้อมอ้อนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทยบ่อยๆ
เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 15 ม.ค. ที่อ.เกาะคา จ.ลำปางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เดินทางมายังวัดพระธาตุลำปางหลวง  โดยทันทีที่มาถึงนายกรัฐมนตรีและคณะได้นั่งรถม้าชื่อ”เจมส์บอนด์”หมายเลข 12 เข้ามาภายในบริเวณด้านหน้าวัด โดยนายกรัฐมนตรีได้ลุกขึ้นยืนบนรถม้าพร้อมโบกมือและทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้ประชาชนที่มาต้อนรับ พร้อมกล่าวติดตลกว่า “ผมมารถม้าขื่อเจมส์บอนด์ ส่วนผมเป็น007 “
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เข้าไปภายในพระอุโบสถวัดเพื่อถวายพานพุ่มหน้าโต๊ะหมู่บูชาและจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นนายกฯ ได้ถวายเครื่องสักการะพระครูพิธานนพกิจ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุลำปางหลวง โดยพระครูพิธานนพกิจ ได้มอบพระเจ้าแก้วมรกต หน้าตัก 5 นิ้วให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี  ได้สนทนาธรรมกับเจ้าอาวาสพระธาตุลำปางหลวง  โดยระบุว่าวัด โรงเรียน ชุมชนจะต้องอยู่ร่วมกัน  ศิลปะวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามจะต้องคงและดำรงรักษาไว้ไม่มีประเทศไหนมีเหมือนประเทศไทยอีกแล้ว
จากนั้นผู้สูงอายุในชุมชนได้ร่วมผูกข้อมือสู่ขวัญให้กับนายกรัฐมนตรี และคณะ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเข้าสักการะองค์พระธาตุลำปางหลวง สักการะซุ้มพระพุทธบาท  และบริเวณโดยรอบองค์พระธาตุลำปางหลวงก่อนที่จะลงมาพบประพูดคุยกับบรรดานักท่องเที่ยวที่มีทั้งชาวอิตาลี  ชาวจีนโดยได้ร่วมถ่ายรูปพร้อมสนทนาอย่างเป็นกันเอง  โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงาม มีศิลปะวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวอีกมาก พร้อมได้แนะนำให้นักท่องเที่ยวได้ไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวกับนักท่องเที่ยวชาวจีนว่าชาวจีนเป็น Best Friend ของคนไทยขอให้ช่วยไปบอกต่อและกลับมาเที่ยวเมืองไทยกันเยอะๆ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่าเจ้าอาวาสวัดพระธาตุลำปางหลวงได้ให้พรว่า ให้ทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง ให้ประสบผลสำเร็จทุกอย่างเพื่อประชาชน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบปะกับประชาชนจำนวนมากที่มารอต้อนรับ โดยช่วงหนึ่งได้มีหญิงชราอายุ 76 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ นั่งรถเข็นมารอและได้มอบพระไพรีพินาศ กับพระอุปคุตให้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้ขอบคุณพร้อมกล่าวว่า ต้องนำพระแบบนี้ติดตัวไว้หลายๆองค์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ทำวันนี้ไม่ได้ทำเพื่อตนเองสักนิดเดียว แต่ทำเพื่อทุกคน ดังนั้นอย่าไปเชื่ออะไรเร็วๆคิดว่าจะได้อะไรเร็วๆ มันไม่ได้ เพราะจะพังทั้งประเทศ ดังนั้นต้องเข้าใจว่าการสร้างความเข้มแข็งไม่ใช่เรื่องง่ายท่ามกลางปัญหาที่ซับซ้อน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า " รักทุกคน วันนี้ขี่รถม้าแล้วนะ ม้าชื่อเจมส์บอนด์ และนี่ 007 " โดยชี้มาที่ตัวเอง พร้อมกล่าวอีกว่า คนที่นี่สวยทุกคน งามแต้ๆ จ้าว นายกฯ ไม่ใช่คนพูดเพราะ แต่จริงใจกับทุกคน แต่ขอให้รู้ว่านายกฯ จริงใจกับทุกคน ถ้านายกฯพูดเพราะเอาใจก็บอกว่าน่ารัก แต่หากมีอะไรก็พูดกัน พูดออกมา ไม่ต้องกลัวเพราะนายกฯ ไม่ใช่คนใจร้าย และไม่ใช่คนขี้โมโหด้วย แต่บางทีคนยั่วโมโหก็มีบ้าง ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีรสชาติ นายกฯ ดังนั้นถ้านายกฯเงียบฯ ก็จะไม่มีรสชาติ"
จากนั้นนายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เกาะคา จ.ลำปาง ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

"ป้ายเชียร์ปริศนาโผล่ที่เดิม"ปรารถนาดีประสงค์ร้าย"บิ๊กตู่"หรือเปล่า

"ป้ายเชียร์ปริศนาโผล่ที่เดิม"ปรารถนาดีประสงค์ร้าย"บิ๊กตู่"หรือเปล่า
/////
15 ม.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีผู้ใช้บริการเฟชบุ๊กรายหนึ่งได้เผยแพร่ภาพการขึ้นป้ายคัทเอาท์ขนาดใหญ่ ที่ระบุข้อความในทำนองเชียร์พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่ริมถนนเพชรเกษม หมู่ 1 ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่เคยติดป้ายรูปของพล.อ.ประยุทธ์ ยืนจับมือนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา


ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงลงไปตรจสอบพบว่า ป้ายดังกล่าว ได้ถูกชายกลุ่มหนึ่งนำป้ายมาติดตั้งเมื่อช่วงสายของวันนี้ เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันนี้ (15 ม.ค.) เป็นป้ายขนาดใหญ่ พื้นหลังสีน้ำเงินมีข้อความว่า

“ผมใฝ่หานายกรัฐมนตรีที่ไม่โกงกิน เสียสละ มุ่งมั่นตั้งใจจริง ทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชนด้วยความสื่อสัตย์สุจริต ผมรังเกียจนักประชาธิปไตยที่คอร์รัปชั่นปล้นชาติ ผมปฎิเสธนักประชาธิปไตยที่แฝงอยู่ในคราบเผด็จการรัฐสภา นักประชาธิปไตยที่มีคุณธรรม  ควรหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ มิให้เกิดการสูญเสีย ชีวิตมนุษย์และบาดเจ็บ 2,000 กว่าคน อุดมการณ์ประชาธิปไตย ต้องไม่บอยคอตการเลือกตั้ง ไม่ชัตดาวน์กรุงเทพเป็นอัมพาต ขอสนับสนุนบุคคลที่เข้ามากำจัดผู้ทุจริตทุกรูปแบบ ทำให้บ้านเมืองสงบสุข ไม่วุ่นวาย ป่วนเมืองตามถนน ประชาธิปไตยมีความเห็นต่างได้ แต่ไม่ควรพูดให้แตกแยก แบ่งฝ่าย เกลียดชังกัน”

โดยด้านล่างป้ายลงชื่อ เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่นทุกรูปแบบ จิตอาสา เพื่อสังคม ต่อต้านคอร์รัปชั่น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้ป้ายดังกล่าวยังไม่มีผู้ใดมาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของ หรือ จะเป็นกลุ่มพรรคการเมืองใดหรือเพื่อประสงค์ใดๆทางการเมือง แต่จากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่า ข้อความและลักษณะการพิมพ์ป้าย คาดว่า เป็นเจ้าของเดียวกับป้ายที่เคยปรากฏสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  มาก่อนหน้านี้

ยุทธการ 'พิษล้างพิษ' ถิ่นเหนือ



เมื่อวาน (๑๔ ม.ค.๖๒)
    "นายกฯ ประยุทธ์" ไปเชียงใหม่ ต้องบอกว่า เป็นวาระ "บุญถึง-วาสนาถึง" โดยแท้
    เพราะไปกราบสักการะ "พระธาตุศรีจอมทอง" ที่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็นเบื้องแรก
    พระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ คือ.......
    ทักษิณโมลีธาตุ "กระดูกพระเศียรเบื้องขวาพระพุทธเจ้า"
    ณ แห่งนี้ 
    มีความเป็นมาล้ำลึกพิสดาร และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ผู้ใดได้กราบสักการะและสรงน้ำ สัจจะมั่นใน "ทาน-ศีล-ภาวนา" ทางปฏิบัติ
    ผู้นั้น จะมีแต่ความงอกงามไพบูลย์ ศีลทานภาวนาอันถึงพร้อมแล้วนั้น จะเป็นเกราะแก้วคุ้มภัยในทุกเมื่อ 
    หมู่ชนใดคิดร้าย หมู่ชนนั้น ก็จะวิบัติเป็นไป พินาศแพ้พ่ายไปเอง!
    ในทางกลับกัน.........
    ผู้ใด กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้แล้ว แต่จิตคด กบฏต่อสัจจาธิษฐาน "ทาน-ศีล-ภาวนา" ก็ละเลย 
    ผู้นั้น มีทุคติเป็นที่ไปสถานเดียว 
    ยามมีชีวิตอยู่ ด้วยอสัตย์ต่อชาติ ต่อพระศาสนา และต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก
    จะพบแต่วิบัติ ด้วย "อสัตย์ตัวเองทำ-กรรมตัวเองก่อ" เป็นไปตามคำว่า 
    "ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจารี" 
    ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
    คือ "ศีล-ธรรม" เท่ากับ "เกราะกำบังภัย" เมื่อมีศีล-มีธรรม คนนั้น ย่อมไม่คิดชั่ว-ไม่พูดชั่ว-ไม่ทำชั่ว ทั้งกับตัวเองและผู้อื่น
    "การไม่ทำชั่ว" จะเกิดอานิสงส์ เป็นบารมีปกป้องคุ้มภัย ทั้งภัยธรรมชาติ และภัยจากมนุษย์ด้วยกัน 
    "ความเสื่อม-ความวิบัติ" จะไม่เกิด "สิ่งประเสริฐ" จะเพิ่มพูน
    นี่...เรื่องนี้ ต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษ 
    เพราะผมมองดูแล้ว ปี พ.ศ.๒๕๖๒ นี้ 
    มนุษย์ผู้เห็นผิดเป็นชอบ, มนุษย์ด้าน-หนา-ไร้ยางอาย, มนุษย์ชั่ว-ทรามแล้วได้ดี และผี-ห่า-ซาตาน-มารประเทศ 
    เป็น "วาระสุดท้าย"........
    ที่จะได้อหังการเมืองแล้ว!
    ก็บอกไว้ ถึงเวลานั้น ใครก็ช่วยใครไม่ได้ มีทางเดียว "กลับตัว-กลับใจ" เดินทางในสาย "ทาน-ศีล-ภาวนา" นั่นแหละช่วยได้
    อันนี้ไม่ได้พูดขู่ 
    แต่ก็คิดเหมือนกัน ว่าร้อยจะมีซักหนึ่งหรือไม่หนอ ที่เชื่อว่า ภัยใหญ่กำลังจะมา ด้วยพุทธานุภาพ จะช่วยได้!?
    กลับเข้าเรื่องต่อ เห็นข่าวบอกว่า นอกจากนายกฯ ได้สรงน้ำพระทักษิณโมลีธาตุแห่งวัดพระศรีจอมทองแล้ว
    ยังได้กราบนมัสการ "พระพรหมมงคล" (ทอง สิริมงฺคโล) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง ด้วย 
    พระอาจารย์ทองเป่ากระหม่อมให้นายกฯ มอบพัดใบตาลให้ แต่ก่อนมอบ เอาเคาะศีรษะนายกฯ ซะหนึ่งที
    นายกฯ น้อมรับ........
    แล้วกราบนมัสการด้วยปัญญาไว "มอบพัดให้จะได้ใจเย็นลงใช่ไหมขอรับ จะได้ไม่ใจร้อน?" 
    อืมมม..รู้แล้วก็ดีนะ!
    "ตนเตือนตน ให้พ้นผิด ตนเตือนจิต ตนได้ ใครจะเหมือน ตนเตือนตน ไม่ได้ ใครจะเตือน ตนแชเชือน แล้วใครจะเตือน ให้ป่วยการ" 
    ผมไม่ได้ว่า "ของเก่าในตู้" ท่านว่าไว้ ท่านนายกฯ อยู่ในรุ่น "กลางเก่า-กลางใหม่" ก็เลยหยิบมาฝาก
    ครับ....
    ออกนอกกำแพงธรรม มาการเมืองเรื่องเลือกตั้งกันบ้าง เดี๋ยวจะหลับกันหมด
    นายกฯ ไปเหนือ เพื่อให้เข้าบรรยากาศ ก็ต้องคุยเรื่องเหนือ 
    เลือกตั้งคราวนี้ ภาคเหนือ จากเดิม ส.ส. ๓๖ คน ลดตามสัดส่วนประชากรเหลือ ๓๓ คน 
    คือลดที่ เชียงใหม่, แพร่, อุตรดิตถ์ จังหวัดละ ๑ คน
    ในรอบ ๒๐ ปี "เหนือ-อีสาน" เป็นของพรรคเพื่อทักษิณ มาถึงยุคนี้-พ.ศ.๒๕๖๒ นี้
    ใครที่เป็นแฟนพรรคเพื่อทักษิณ ต้องยึดโลกธรรม ๘ ในข้อที่ว่า "มีตำแหน่ง เสื่อมตำแหน่ง, มีลาภ  เสื่อมลาภ" ให้มากเข้าไว้
    เพราะเที่ยวนี้ "พลังประชารัฐ" เขามาแรง แซงเพื่อทักษิณทุกโค้งจริงๆ!
    เอากันเฉพาะที่เหนือ "เมืองหลวง" ของตระกูลทักษิณ เฉพาะเชียงใหม่ ส.ส. ๙ คน เชียงราย ๗ คน  พะเยา ๓ คน
    ต่อให้ ๓ "เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ-เพื่อชาติ" รุม ๑ คือ "พลังประชารัฐ"
    ดูท่าแล้ว ๓ จะหงายท้องแหงแก๋ สู้ พลังประชารัฐ ๑ เดียวไม่ได้
    เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
    ก็นั่นน่ะซี ฉะนั้น เรามาดูกัน ดูชนิด ไม่หยิบเอาตัวนายกฯ และเนื้องานรัฐบาลมาเป็นแต้มต่อ    
    ภาคเหนือ "เชียงใหม่-เชียงราย-พะเยา" สามจังหวัดนี้ ส.ส. ๑๙ คน ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงรวมประมาณ  ๔ ล้านคน 
    จำนวน ๔ ล้านเสียงนี้.......
    แลก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้ไม่หนี ๔๐ คน!
    ที่ต้องคำนึงกว่านั้น "เชียงใหม่-เชียงราย" เป็นพื้นที่ศักดิ์ศรีของระบอบทักษิณ 
    ถ้าไม่สามารถรักษาเมืองทั้งสองไว้ได้ ถูกพลังประชารัฐ หรือพรรคไหนก็เหอะ เจาะเอา ส.ส.เชียงใหม่-เชียงราย-พะเยาไปกินได้
    นั่นเท่ากับระบอบทักษิณ "เสียเมือง" เป็นสัญญาณแพ้พ่าย-สูญพันธุ์ได้ในที่สุด!
    รูปการณ์จะเป็นอย่างนั้นซะด้วย!
    เพราะพลังประชารัฐวางยุทธศาสตร์ใช้แผน "พิษฆ่าพิษ" ในยุทธวิธีชิงหัวเมืองเหนือ วางตัวคนได้เหมาะเจาะ
    กอปรกับถึงคราว "วิบัติเป็น" ของระบอบทักษิณเองด้วย ผยองว่า เก๋าเหนือเกม แตกพรรคหวังกวาดปาร์ตี้ลิสต์
    เอาเข้าจริง "แตกพรรค" กลายเป็น "พรรคแตก" ลำพังเพื่อไทย "ตัวพ่อ" หัวหมู-หัวแมว ก็คว้าเป็นหัวมังกรไปเชิด
    "ตลกบ่ายคลายเครียด" พอๆ กัน!
    ถามว่า ผู้ติงต๊องในปฐพี และหญิงหน่อย ขวัญใจเจ๊ปวิน มีน้ำยาอะไรไปเรียกคะแนนคนเหนือ?
    "พรรคตัวลูก" ที่แยกสมุนไปขับเคลื่อน ให้ลูกเจ๊เบียบรั้งตำแหน่งว่าที่นายกฯ กะให้ไปกวาดคะแนนในจังหวัดที่ฮั้วกันส่ง-ไม่ส่ง
    นั่น..กับยิ่งลักษณ์ หาเสียง ๔๙ วัน ได้เป็นนายกฯ พอเข้าใจได้
    แต่ที่จะให้ลูกเจ๊เบียบ กับใครต่อใคร รวมทั้งจาตุรนต์ ที่ตัวเองลง ส.ส.แปดริ้วบ้านเกิดคราวที่แล้ว ยังแพ้ยกตระกูล มาเป็นพระเอกเสกมนต์ตรึงใจชาวเหนือ นั้น
    ขอเหิดกำเต๊อะ!
    สรุปแล้ว ภาคเหนือ โดยเฉพาะ เชียงใหม่-เชียงราย-พะเยา-แพร่-น่าน-ลำปาง-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน-อุตรดิตถ์ 
    เมื่อไม่มีทักษิณ, แดง-เยาวภา ขวัญใจอ้ายสมชาย, และ ยิ่งลักษณ์ เป็นยันต์แปะหน้าผากแล้ว 
    ใครล่ะ...
    จะเป็นผู้มีอิทธิพล "ทางจิตวิญญาณ" กับคนเหนือ ในสนามเลือกตั้ง?
    "ยงยุทธ ติยะไพรัช" ผู้ทรงอิทธิพลเหนือ "พรรคเพื่อชาติ" ที่แตกจากเพื่อไทยออกมาตรึงฐาน ๗  เสียงที่เชียงรายงั้นหรือ?
    ความจริง คุณยงยุทธ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว แต่เมื่อยังแสดงบทบาท อย่าพูดถึงแผ่บารมีไปถึงเชียงใหม่เลย
    เอาแค่รักษาพื้นที่เชียงรายให้รอดคราวนี้ได้ ตั้งตนเป็นใหญ่แทนทักษิณได้ทันที!
    แล้ว "พลังประชารัฐ" ใช้ใครเป็นแม่ทัพเผด็จศึกระบอบทักษิณที่ภาคเหนือล่ะ?
    คำตอบคือ "ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า" นั่นไง!
    เป็น "ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ" ของพรรคพลังประชารัฐ
    คอการบ้าน-การเมือง อาจคลับคล้ายคลับคลา คนชื่อ ร.อ.ธรรมนัส 
    แต่ในยุทธจักรผู้มากบารมีแห่งยุค ไม่มีใครไม่รู้จัก "ผู้กองธรรมนัส"
    อดีต จปร. รุ่น ๓๖ รุ่นเดียวกับพลเอกร่มเกล้า และ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ
    ผู้กองธรรมนัส เป็นคนพะเยา เมื่อออกจากราชการ เคยสมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย
    พูดกันชัดๆ ผู้กองธรรมนัส ก็คือคนในระบอบทักษิณมาก่อน "ตู่-จตุพร" คือคนที่รู้ใจกันดีตอนปี ๕๓ 
    เส้นทางการเมืองธรรมนัสหักเห ก็ตอน คสช.เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ ปี ๕๗ 
    สุดท้าย ผู้กองธรรมนัส เป็นตัวเลือกในความหมาย "พิษล้างพิษ"
    พลังประชารัฐ ดึงไปเป็นประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ ที่ต้องบอกว่า ในนาทีนี้ 
    ฟ้าเป็นของนก น้ำเป็นของปลา....
    แต่ "เชียงใหม่-เชียงราย-พะเยา" เป็นของผู้กองธรรมนัส!
    ที่วันก่อน คุณหญิงของปวิน ไปแสดงบทถูกกลั่นแกล้งอ้างว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา ไม่ยอมให้ใช้พื้นที่ปราศรัย นั้น
    เนียน-ไม่เนียน ไม่รู้........
    รู้แต่ว่า นายก อบจ.เป็นคนเครือข่ายเพื่อไทยโดยตรง แต่เล่นอะไรกัน ไม่รู้เขาเหมือนกัน!
    ที่พะเยา ต้องบอกว่า เป็นเมืองของผู้กองธรรมนัส คือ หลังออกราชการ ผู้กองธรรมนัสก็มาเล่นการเมืองท้องถิ่น     
    ทั้งการบริหาร อบจ. ทั้งเทศบาลเมือง ด้วยบารมี "ธรรมนัส" แต่ผู้เดียว
    ไม่เพียงการเมือง.......
    การกุศล การสงเคราะห์ และการบุญ ผู้กองธรรมนัสก็ถึงพร้อม ตั้งมูลนิธิ เป็น "พระมาโปรด" ของชาวบ้านถ้วนทั่วพะเยา
    ฟันธงได้นาทีนี้ด้วยซ้ำ ๓ ส.ส.ของเพื่อไทย ที่ผูกขาดมายาวนาน
    นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ, น.ส.อรุณี ชำนาญยา และนายไพโรจน์ ตันบรรจง
    ถึงคราว "แพ้ยกพรรค" ให้พลังประชารัฐ ๙๙.๙๙% 
    ที่พูดกัน "เด็ดดอกไม้สะทือนถึงดวงดาว" ก็อาจเป็นเช่นนั้น สำหรับผลเลือกตั้งภาคเหนือของพรรคเพื่อทักษิณ
    คือ แพ้ยกโคตรที่พะเยา.......
    สะเทือนถึงแพ้ที่เชียงรายและเชียงใหม่ด้วย
    นี่ละ "พิษล้างพิษ" ของ คสช.เขาละ!