PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562

ไม่เบี้ยวเลือกตั้ง

ประวิตร” อัด “กลุ่มอยากเลือกตั้ง” ตั้งใจป่วน “กองทัพ” สำทับหวังผลยั่วยุให้เกิดความวุ่นวาย เตือนอย่าดึงท็อปบูตเป็นคู่ขัดแย้ง “จ่านิว” เปิดหน้าชนบิ๊กแดง บอกไม่ใช่ลูกผู้ชายโจมตีลับหลัง  “โบว์” ชี้ถูกกลั่นแกล้งแม้เรื่องเครื่องเสียง “ประยุทธ์” ย้ำไม่เบี้ยวเลือกตั้งแน่ โวยอะไรนักหนา ย้อนยุคข้าชั่วเอ็งก็เลว “สุริยะ” ซัดเพื่อไทยเป๋าตุงต้องถาม “บุญทรง จำนำข้าว” หญิงหน่อยสวนกลับต้องย้อนดูยุคซีทีเอ็กซ์ 
     เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.) ให้สัมภาษณ์ในระหว่างตรวจเยี่ยมและมอบโยบายปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ว่าไม่ได้ห่วง อยากให้ตำรวจทำงานให้ดี และกำลังเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ขอให้ทำงานเหมือนอย่างเดิม มีความซื่อตรงต่อประชาชน รักและสามัคคี ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ถามย้ำว่ากังวลหรือไม่ที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น พล.อ.ประวิตรตอบทันทีว่า “ไม่กังวล ก็มีคนอยู่นิดเดียว จากคนตั้ง 70 ล้านคน กับคนร้อยกว่าคนไปกังวลอะไร ก็ตั้งใจป่วนมิใช่เหรอ ใช่มั้ย ก็ตั้งใจป่วน ไม่มีอะไร”
     พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า สถานการณ์ในช่วงเลือกตั้งขอให้ประชาชนคนไทยมีสติ และใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข่าวสารต่างๆ ว่ามีเจตนาอย่างไร หวังให้เกิดผลอะไรหรือไม่ การจัดการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดในกรอบ 150 วัน คือไม่เกินวันที่ 9 พ.ค. โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลจะต้องอำนวยการพระราชพิธีสำคัญให้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ขอให้คอยรับฟังข่าวสารและเหตุผลจาก กกต.ต่อไป
“ขอให้เชื่อมั่นว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาลจะร่วมบริหารจัดการตามที่ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย กองทัพซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ และสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกิดความสงบสุข ขออย่าได้นำกองทัพไปเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือกลุ่มที่มีเบื้องหลังหวังผลยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายหรือความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง พี่น้องประชาชนควรเข้าใจในบริบทที่เกิดขึ้น ดูอย่างรอบด้านและช่วยกันนำพาประเทศไปสู่ความสงบเรียบร้อยต่อไป” พล.ต.กฤษณ์ระบุ
     ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช.กล่าวหลังประชุมสำนักเลขาธิการ คสช.ว่าที่ประชุมได้กล่าวถึงภาพรวมของประเทศที่อยู่ในช่วงวาระสำคัญที่จะมีพระราชพิธีและการจัดการเลือกตั้ง  ซึ่งรัฐบาลและ กกต.กำลังเตรียมงานเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในทุกมิติ สำหรับในส่วน คสช.เน้นย้ำให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ยังคงปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง สนับสนุนงานบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ช่วยเหลือประชาชน และดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวมเพื่อเอื้ออำนวยต่อการจัดการเลือกตั้ง ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ให้ประชาชน โดยเน้นสร้างการรับรู้ในเรื่องความคืบหน้าในการบริหารงานภาครัฐที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การเผยแพร่ข้อมูลจากรายการศาสตร์พระราชาฯ รวมทั้งชี้แจงข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงที่ถูกต้องให้สังคมได้รับทราบ


 สวนบิ๊กแดงไม่ใช่ลูกผู้ชาย
     “ในช่วงเวลานี้การดูแลความสงบเรียบร้อยเพื่อเอื้ออำนวยต่อการเลือกตั้งนั้น เป็นบทบาทหน้าที่ที่สำคัญที่ กกล.รส.จะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่ คสช.กำหนดไว้ และได้กำชับส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหรืออำนวยความสะดวกแก่พรรคการเมืองในการลงพื้นที่พบปะประชาชนและดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในพื้นที่ต่างๆ ให้
เป็นไป

     “ประวิตร” อัด “กลุ่มอยากเลือกตั้ง” ตั้งใจป่วน “กองทัพ” สำทับหวังผลยั่วยุให้เกิดความวุ่นวาย เตือนอย่าดึงท็อปบูตเป็นคู่ขัดแย้ง “จ่านิว” เปิดหน้าชนบิ๊กแดง บอกไม่ใช่ลูกผู้ชายโจมตีลับหลัง  “โบว์” ชี้ถูกกลั่นแกล้งแม้เรื่องเครื่องเสียง “ประยุทธ์” ย้ำไม่เบี้ยวเลือกตั้งแน่ โวยอะไรนักหนา ย้อนยุคข้าชั่วเอ็งก็เลว “สุริยะ” ซัดเพื่อไทยเป๋าตุงต้องถาม “บุญทรง จำนำข้าว” หญิงหน่อยสวนกลับต้องย้อนดูยุคซีทีเอ็กซ์ 
     เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.) ให้สัมภาษณ์ในระหว่างตรวจเยี่ยมและมอบโยบายปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ว่าไม่ได้ห่วง อยากให้ตำรวจทำงานให้ดี และกำลังเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ขอให้ทำงานเหมือนอย่างเดิม มีความซื่อตรงต่อประชาชน รักและสามัคคี ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ถามย้ำว่ากังวลหรือไม่ที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น พล.อ.ประวิตรตอบทันทีว่า “ไม่กังวล ก็มีคนอยู่นิดเดียว จากคนตั้ง 70 ล้านคน กับคนร้อยกว่าคนไปกังวลอะไร ก็ตั้งใจป่วนมิใช่เหรอ ใช่มั้ย ก็ตั้งใจป่วน ไม่มีอะไร”
     พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า สถานการณ์ในช่วงเลือกตั้งขอให้ประชาชนคนไทยมีสติ และใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข่าวสารต่างๆ ว่ามีเจตนาอย่างไร หวังให้เกิดผลอะไรหรือไม่ การจัดการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดในกรอบ 150 วัน คือไม่เกินวันที่ 9 พ.ค. โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลจะต้องอำนวยการพระราชพิธีสำคัญให้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ขอให้คอยรับฟังข่าวสารและเหตุผลจาก กกต.ต่อไป
“ขอให้เชื่อมั่นว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาลจะร่วมบริหารจัดการตามที่ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย กองทัพซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ และสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกิดความสงบสุข ขออย่าได้นำกองทัพไปเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือกลุ่มที่มีเบื้องหลังหวังผลยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายหรือความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง พี่น้องประชาชนควรเข้าใจในบริบทที่เกิดขึ้น ดูอย่างรอบด้านและช่วยกันนำพาประเทศไปสู่ความสงบเรียบร้อยต่อไป” พล.ต.กฤษณ์ระบุ
     ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช.กล่าวหลังประชุมสำนักเลขาธิการ คสช.ว่าที่ประชุมได้กล่าวถึงภาพรวมของประเทศที่อยู่ในช่วงวาระสำคัญที่จะมีพระราชพิธีและการจัดการเลือกตั้ง  ซึ่งรัฐบาลและ กกต.กำลังเตรียมงานเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในทุกมิติ สำหรับในส่วน คสช.เน้นย้ำให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ยังคงปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง สนับสนุนงานบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ช่วยเหลือประชาชน และดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวมเพื่อเอื้ออำนวยต่อการจัดการเลือกตั้ง ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ให้ประชาชน โดยเน้นสร้างการรับรู้ในเรื่องความคืบหน้าในการบริหารงานภาครัฐที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การเผยแพร่ข้อมูลจากรายการศาสตร์พระราชาฯ รวมทั้งชี้แจงข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงที่ถูกต้องให้สังคมได้รับทราบ 
สวนบิ๊กแดงไม่ใช่ลูกผู้ชาย
     “ในช่วงเวลานี้การดูแลความสงบเรียบร้อยเพื่อเอื้ออำนวยต่อการเลือกตั้งนั้น เป็นบทบาทหน้าที่ที่สำคัญที่ กกล.รส.จะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่ คสช.กำหนดไว้ และได้กำชับส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหรืออำนวยความสะดวกแก่พรรคการเมืองในการลงพื้นที่พบปะประชาชนและดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในพื้นที่ต่างๆ ให้เป็นไปอย่างเท่าเทียม เสมอภาค ตามแนวทางที่เหมาะสม ภายใต้กรอบกติกาและกฎหมาย เพื่อสร้างบรรยากาศของประเทศให้เดินหน้าสู่การเลือกตั้งได้อย่างราบรื่น” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าว
     พล.ต.กิตติศักดิ์ บุญพระธรรมชัย ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 (ผบ.พล.ร.6) และ ผบ.กกล.สุรนารี กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานว่าจะมีความวุ่นวายในการเคลื่อนไหวของนักการเมืองเกิดขึ้น โดยทุกอย่างยังปกติ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในพื้นที่ก็ไม่พบการเคลื่อนไหว 
     ส่วนนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์  คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.วิจารณ์การชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่าสร้างความวุ่นวาย ว่า "ผบ.ทบ.พูดจาแบบนี้ไม่ได้ ไม่เป็นลูกผู้ชายพอ เป็นทหารอย่ามาโจมตีประชาชนแบบลับหลังแบบนี้ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งพยายามชุมนุมไม่ให้กระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของคนอื่นอยู่แล้ว การจัดการชุมนุมก็เป็นเพียงระยะสั้น"
“กลุ่มคนอยากเลือกตั้งพร้อมชุมนุมต่อและกำหนดเส้นตายให้รัฐบาลภายในวันที่ 18 ม.ค. ให้ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง อย่างช้าที่สุดควรอยู่ในช่วงวันที่ 10 มี.ค.จะเป็นกรอบที่อยู่ในเวลา  150 วันตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังไม่ทราบว่าการตีความว่าแค่ลงคะแนนเสียงเสร็จ หรือต้องประกาศผลจนเปิดประชุมสภา” นายสิรวิชญ์กล่าว
     น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวเรื่องนี้ว่า การชุมนุมโดยสันติวิธี ตามสิทธิเสรีภาพและสิทธิตามรัฐธรรมนูญทำได้ ลองนึกภาพบ้านเมืองที่ไม่มีการชุมนุม เราจะเกิดทรราชที่ใช้อำนาจได้อย่างตามอำเภอใจ โดยเฉพาะสภาที่ไม่มีฝ่ายค้านและสื่อมวลชนไม่มีเสรีภาพ การชุมนุมจึงเป็นช่องทางในการสื่อสารที่จำเป็น เรามาชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ไม่มีการยุยงปลุกปั่น ตอนนี้รัฐบาลพยายามทำให้สังคมเห็นว่าการชุมนุมเป็นเรื่องผิดปกติ ทั้งที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย ถ้าสังคมตั้งหลักตรงนี้ไม่ได้ เราก็จะเกิดการปิดปากกันเองด้วยการบอกว่าการชุมนุมเป็นสิ่งเลวร้าย เมื่อนั้นรัฐบาลเผด็จการจะสามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ
     น.ส.ณัฏฐายังกล่าวว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลได้กล่าวโจมตีกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง และยังถูกกลั่นแกล้งเรื่องระดับเสียงของเครื่องเสียงด้วย ซึ่งเป็นเหมือนกลไกที่พยายามดิสเครดิตทุกวิถีทาง ทั้งที่กลุ่มพยายามสื่อสารเหตุผลของการไม่เลื่อนเลือกตั้งทุกวิถีทางคืออะไร คสช.ก็พยายามโยงไปเรื่องอื่นตลอดเวลา จึงฝากให้ทุกคนจับตาดูว่าการเลื่อนเลือกตั้งจนอาจทำให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ใครได้ประโยชน์ ซึ่งกลุ่มมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งภายในวันที่ 18 ม.ค.นี้ หากไม่มีความชัดเจนวันที่ 19 ม.ค.กลุ่มก็จะออกมาชุมนุมกันต่อ แต่ยืนยันว่าจะชุมนุมอย่างสันติวิธี และสถานที่ก็เป็นบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
     คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ทุกคนล้วนอยากให้บ้านเมืองสงบ โดยเฉพาะพรรคการเมืองก็อยากเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งต้องสงบก่อนจึงจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งได้ ดังนั้นไม่มีใครที่อยากทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย แต่อยากให้เดินหน้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว และเป็นการเลือกตั้งที่สงบเรียบร้อย อีกทั้งไม่นานก็จะมีงานพระราชพิธีสำคัญ ซึ่งเป็นงานที่น่าปีติยินดี เป็นช่วงเวลาสำคัญของคนไทยทั้งประเทศ จึงหวังว่าคนไทยจะหล่อหลอมหัวใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเตรียมงานพระราชพิธีอย่างสมพระเกียรติ 
ตีมึนไม่รู้บิ๊กแดงหมายถึงอะไร
     “ไม่รู้ว่าสิ่งที่ ผบ.ทบ.พูดหมายความว่าอย่างไร แต่พรรค พท.อยากเห็นความสงบเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง และไม่เห็นประโยชน์ใดที่ใครจะสร้างความวุ่นวาย ทั้งนี้ก็ต้องฝากถึงทหารดูแลความสงบเรียบร้อยด้วย เพราะสนับสนุนให้เกิดความเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เป็นเหตุเลื่อนเลือกตั้ง และการออกมาเรียกร้องของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งก็มองว่าไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่จะมาทำให้เกิดการเลื่อนการเลือกตั้ง” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
     นายชินวัฒน์ หาบุญพาด สมาชิกพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง โพสต์เฟซบุ๊กว่าเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง อยากให้ภาครัฐและฝ่ายทหารที่มีอำนาจเข้าใจประชาชน เข้าใจการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อย่าทำตัวเป็นเชื้อไฟให้เกิดความรุนแรง กลุ่มคนอยากเลือกตั้งไม่ใช่มีเพียงที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ขณะนี้มีทุกจังหวัด เพียงแต่เขาอยากเห็นบ้านเมืองเดินทางไปสู่ความสงบเรียบร้อยเท่านั้น และขอฝากถึงผู้มีอำนาจที่คิดจะสืบทอดอำนาจ ขอให้ท่านคิดถึงอดีตที่เขาเคยทำกันมาในยุคก่อน สุดท้ายเป็นทรราชทั้งนั้น
     นายสุทิน คลังแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความไม่ชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้งว่า จากที่ได้สัมผัสชาวบ้าน เขามองว่าอย่างไรเรื่องพระราชพิธีต้องยกไว้เหนือหัว แม้รัฐบาลระบุเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปเนื่องจากเป็นห่วงกลัวจะกระทบพระราชพิธี ถ้าเป็นห่วงจริงควรเลื่อนวันเลือกตั้งให้เร็วกว่าวันที่  24 ก.พ.เพื่อไม่ให้กระทบ ให้เลือกตั้งวันที่ 10 ก.พ.ก็ได้ แต่ที่ได้ยินมาเป็นเพราะคนบางคนในรัฐบาลไปเชื่อหมอดูบอกว่าฤกษ์วันที่ 24 ก.พ.ไม่ดีทั้งต่อรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องขยับออกไป และอีกเหตุผลคือเพื่อรอให้ผลงานรัฐบาลที่ได้ทำไปออกมา เพื่อที่จะส่งผลดีต่อพรรคที่สนับสนุนตัวเองใช่หรือไม่  
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเอกราช อุดมอำนวย ในฐานะประชาชนคนไทย คนอยากเลือกตั้งที่อดข้าวประท้วงเพื่อเรียกร้องให้ กกต.กำหนดวันเลือกตั้ง ได้เดินทางจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมายังสำนักงาน กกต.เพื่อขอพบนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.เพื่อเรียกร้องให้ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน 
     ขณะเดียวกันที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญาได้นัดพร้อมเพื่อตรวจหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยาน คดีชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งรวม 2 คดี คือ คดีหมายเลขดำ อ.1197/2561 และคดีหมายเลขดำ อ.2893/2561 โดยเป็นกรณีการชุมนุม “หยุดยื้ออำนาจ หยุดยื้อเลือกตั้ง : หมดเวลา คสช. ถึงเวลาประชาชน” เมื่อวันที่ 10 ก.พ.61 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน ซึ่งจำเลยทั้งหมด 7 รายได้รับการประกันตัว โดยอัยการและทนายจำเลยคู่ความทั้งสองฝ่ายได้เสนอให้รวม 2 คดีเข้าด้วยกัน ซึ่งศาลเห็นชอบและนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 1 ส.ค.62
ลั่นไม่เบี้ยวเลือกตั้งแน่
     วันเดียวกันที่ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้เป็นสักขีพยานการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และได้พบปะพูดคุยกับประชาชนตอนหนึ่งว่า "ขอบอกเลยว่าไม่ใช่นายกฯ บ้าอำนาจ ไม่ได้อยากมีอำนาจ ไม่ได้อยากที่จะต่อท่ออะไรทั้งนั้น แต่อยู่เพื่อทำงานให้สำเร็จ ส่วนการเมืองจะเป็นอย่างไรก็ว่าไป และไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกตั้งซึ่งทุกคนคงรู้ว่าต้องเลือกคนอย่างไร จะเลือกอย่างไรจะได้นายกฯ อย่างไร ต้องรู้กติกาก่อน เพราะกติกาเปลี่ยนแปลงไปเยอะ พูดอย่างนี้เพราะเป็นรัฐบาล จึงต้องขอให้ศึกษากติกาข้อมูลและรัฐธรรมนูญต่างๆ ให้ดีด้วย ส่วนเรื่องหาเสียงนั้นตนเองหาเสียงไม่ได้ แต่ต้องการให้ทุกคนเตรียมตัวเองให้เรียบร้อยในการเลือกตั้ง อีกทั้งพิธีสำคัญคือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ใน 70 ปีที่ผ่านมานั้นเป็นของในหลวงรัชกาลที่ 9 ดังนั้นในครั้งนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศอีกครั้งหนึ่ง ที่จะเปลี่ยนแปลงจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพิธีต่างๆ มากมาย ดังนั้นขอให้พวกเรารักษาความสงบเรียบร้อย
     “การเลือกตั้งก็คือการเลือกตั้ง และเมื่อเลือกตั้งแล้วหลังจากนั้นก็มีวิธีการ เช่นเรื่องการตั้งรัฐบาลก็มีเวลาที่ต้องดำเนินการต่อไป ดังนั้นถึงอย่างไรก็ให้ทุกคนเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูนเขียนไว้แล้ว ผมจะมาเบี้ยวไม่ได้ หลายคนมาบอกว่าผมจะเบี้ยวไม่ให้เลือกตั้ง ถึงอย่างไรก็ต้องเลือกเพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ เข้าใจหรือยัง แล้วมีใครปวดหัวปวดท้องกับเรื่องเลือกตั้งหรือไม่ มีผมที่ปวดอยู่ทุกวัน ตื่นเช้ามาก็มีแต่เลือกตั้งๆ เลื่อนเลือกตั้ง ไม่เลื่อนเลือกตั้ง มันอะไรกันนักหนา ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเคารพกติกา แต่เมื่อมีเหตุมีความจำเป็นก็ไปว่ากันมา ก็ไปแก้กันมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องของผม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
     ขณะเดียวกันยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่ต่างๆ โดยนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์  โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง แต่กลับพบว่ามีความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่รัฐที่หมิ่นเหม่ว่าจะเป็นแทรกแซงการทำงานของ กกต.ออกมาให้เห็นอยู่ตลอด ล่าสุดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 (กอ.รมน.ภาค 2) ได้ตั้งคณะทำงานประสานงานมวลชนขึ้นมา 1 ชุด มีทหารยศ พล.ท.เป็นหัวหน้า เพื่อพูดคุยกับผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 20 จังหวัดภาคอีสาน โดยอ้างว่าเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจกฎหมายเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อเตรียมการเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่งจะจัดประชุมที่ จ.อุดรธานีในวันที่ 15 ม.ค.นี้
    “หากดำเนินการจริง ขอตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการแทรกแซงการทำงานของ กกต.หรือไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของ กกต. ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร“ นางลดาวัลลิ์กล่าวและว่า เป้าหมายที่แท้จริงเรื่องนี้คืออะไร  ต้องการเอื้อประโยชน์ให้พรรคที่ถูกมองว่าเป็นพรรคของรัฐบาล คสช.หรือไม่ ขอให้ทหารกลับกรมกองและให้ กกต.เข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวจะเหมาะสมกว่า
ย้อนยุค 'ข้าชั่วเอ็งก็เลว'
     ส่วนที่ จ.นครราชสีมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สัมภาษณ์หลังระหว่างลงพื้นที่ปราศรัยช่วยว่าที่ ส.ส.ในพื้นที่ ว่ายังยืนเป้าหมายพรรคจะได้ ส.ส.ในภาคอีสานมากกว่า 60 คนอยู่ ส่วนกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่าอยู่พรรคเพื่อไทยกระเป๋าตุง อยู่กับลุงตู่กระเป๋าแฟบ เรื่องนี้ขอถามคุณหญิงสุดารัตน์กลับไปว่า อยู่กับเพื่อไทยกระเป๋าตุง  กระเป๋าใครตุง ต้องให้ไปถามนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ดูว่ากระเป๋าใครตุง จะตอบได้ดี 
     “ที่ว่ากระเป๋าแฟบให้ดูที่ราคาพืชผลทางการเกษตร ราคาข้าวพุ่งสูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และชาวนายังได้ค่าเกี่ยวข้าว และลุงตู่ยังให้บัตรสวัสดิการประชารัฐ ทำให้ยุคลุงตู่ชาวนากระเป๋าตุงจริง ผิดกับสมัยยิ่งลักษณ์ชาวนากระเป๋าแฟบ แต่คนที่กระเป๋าตุงคือนายทุนและนักการเมืองผู้มีอำนาจบางคน  ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิง” นายสุริยะระบุ
     คุณหญิงสุดารัตน์ตอบโต้เรื่องนี้ว่า อยากให้นายสุริยะเดินลงมาจากเวทีปราศรัย แล้วไปถามชาวบ้านที่เกณฑ์มานั่งฟังว่ากระเป๋าตุงแน่หรือ หรือตุงเฉพาะช่วงที่มีเครื่องตรวจวัตถุซีทีเอ็กซ์ อย่าคิดว่าทุกคนจะกระเป๋าตุงเหมือนนายสุริยะ
     ทั้งนี้ ในกรณีซีทีเอ็กซ์นั้นก็เกิดในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศขณะนั้น) ซึ่งทั้งคุณหญิงสุดารัตน์เป็น รมว.เกษตรฯ และนายสุริยะก็เป็น รมว.คมนาคมในรัฐบาลดังกล่าวทั้งคู่
     นายสุทินกล่าวเช่นกันว่า เป็นในเชิงประชดประชันนั้น ทั้งที่ทุกวันนี้ไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำมากที่สุด และเรายังเผชิญภาวะคนจนยิ่งจนลง หนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติการณ์ สิ่งที่คุณหญิงสุดารัตน์พูดเป็นสิ่งที่จับต้องได้ทางวิทยาศาสตร์ มีตัวชี้วัดชัดเจน นายสุริยะใสอย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้
     นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษก พปชร.กล่าวว่า ขณะนี้บรรยากาศการลงพื้นที่พบปะประชาชนของทุกพรรคการเมืองเข้มข้น แต่ไม่ค่อยสร้างสรรค์ กลับไปสู่จุดเดิม เริ่มมีความขัดแย้งสูงขึ้นเรื่อยๆ มีการสาดโคลนโจมตีกันเหมือนเดิม ที่สำคัญ พปชร.ถูกกล่าวหาพาดพิงอยู่ตลอดเวลาว่าเอาเปรียบพรรคอื่น ทั้งที่ในความเป็นจริงเราไม่เคยเอาเปรียบใคร เล่นตามกติกา และไม่ขัดแย้งกับใคร ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงหันกระบอกปืนใส่เราตลอดเวลา
     ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวเตรียมยื่นใบลาออกจากการเป็นรองนายกฯ โดยกล่าวพร้อมหัวเราะว่า "ไม่เป็นความจริง วันนี้ยังเดินตรวจราชการกับนายกฯ อยู่เลย ไม่รู้ว่าข่าวออกมาได้อย่างไร ยืนยันว่ายังทำงานไปจนสิ้นรัฐบาล ไม่รู้สึกตกใจที่มีข่าวนี้ออกมา และเชื่อว่าเดี๋ยวก็มีข่าวลือรัฐมนตรีคนอื่นลาออกอีก" 
     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีที่ถือครองหุ้นสัมปทาน ว่าสังคมกำลังถามหามาตรฐานคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบทางการเมืองอยู่เหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย จะไปทำตัวเนียนๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ โดยเฉพาะกรณีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่ถูกสังคมเรียกร้องมานานให้แสดงสปิริตลาออก หรือเกรงว่ากระแสกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีจะลามไปถึงตัว พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่
     ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ที่เปิดเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ส่วนตัวสื่อสารกับสาธารณะ ว่าเข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อมวลชนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งมีน้ำหนักยิ่งกว่า 4 รัฐมนตรี และอยากให้ กกต.เร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หรือถ้าส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้วศาลวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติ ก็ไม่ใช่มีผลเฉพาะความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเท่านั้น แต่ยังจะทำให้คณะรัฐมนตรีพ้นไปทั้งคณะด้วย.

ไม่มีความคิดเห็น: