PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ประยุทธยันลงพื้นที่อีสานแม้มีข่าวปองร้าย

"พลเอกประยุทธ์" โต้ นปช.กล่าวหา กุข่าว แผนป่วนกรุงฯ-ประทุษร้าย นายกฯ-บิ๊กป้อม หวัง กลบข่าวอุทยานราชภักดิ์ ซัด นปช.หนุนหลัง โยง"ขอนแก่นโมเดล" กร้าวไม่กลัวลงพื้นที่ภาคอีสาน พบปะประชาชน บอกทุกวันนี้ก็เสี่ยงอยู่แล้ว
                         
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจ และหน่วยข่าวความมั่นคงตรวจสอบพบแผนป่วนกรุง และมีแผนประทุษร้ายบุคคลสำคัญรัฐบาลว่า มีการตรวจสอบทางการโพสต์ข้อความซึ่งถือว่ามีความผิดตามกฎหมายพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็ต้องมีการสืบสวน สอบสวน 

"ไม่ใช่จะเอาปิดบังกรณีความผิดปกติการก่อสร้างโครงการราชภักดิ์ ของกองทัพบก โครงการนี้ก็ดำเนินการตรวจสอบกันไป บางคนพูดเอาแต่ได้ผมไม่ชอบ จะเอาอะไรก็ได้ให้ตัวเองถูกทั้งหมด และพอคนอื่นผิดเล็กๆน้อยๆ ก็โยนมาทางนี้หมด ทำให้ตนเองมีความชอบธรรม แบบนี้มันมีที่ไหน ไม่เคยบอกว่าอะไรมันถูก มันผิด ไม่เคยทำแบบนั้น มีแต่เอาเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้โอกาสให้ทุกคนมาแก้ข้อกล่าวหาได้ นี้คือสิ่งที่ควรจะเป็น หากทุกคนไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม จะอยู่กันได้อย่างไร"
                                
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องทุกเรื่องมีหลักฐานชัดเจนอยู่ ส่วนโครงการอุทยานราชภักดิ์ ผิดตรงไหนว่ากันตรงนั้น เพราะทุกคนตั้งใจทำกันหมด จะมีอยู่ไม่กี่คน ไม่ใช่ไปพาดพิงกันใหญ่โต ทีพาดพิงจำนำข้าวไม่เห็นเป็นอะไรเลย ต้องแยกแยะออกให้หมด
                                
เมื่อถามว่า มีการออกมาข่มขู่ประทุษร้ายบุคคลสำคัญ นายกฯ ตอบว่า จะไม่ดูแลผมหรืออย่างไรเหล่า แล้วผมจะปกป้องตัวเองได้หรือไม่ เพราะต้องลงพื้นที่พบประชาชน 

เมื่อถามย้ำว่าการข่าวที่ออกมาศักยภาพผู้ออกมาข่มขู่ สามารถทำได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่
                                
"เพราะยึดโยงกับขอนแก่นโมเดล คนแรกอยู่กระบวนการและถูกจับกุมดำเนินคดีอยู่ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนประกันตัวออกไป ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่ถามว่าสิ่งเหล่านี้มันทำได้หรือไม่ แล้วมาขู่งานนี้ด้วย จะมาขู่แบบนี้ได้ไหม ถามว่าคนพวกนี้ทำไมมันกล้า ต้องไปดูกฎหมายเราเป็นอย่างไร ทำไมคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะการบิดเบือน การไม่เอาใจใส่ การกำกับดูแลของผู้มีอำนาจในประเทศ ถึงเป็นปัญหาทับซ้อนมาจนทุกวันนี้ การเมืองไม่เป็นธรรม มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทุจริต นี้แหละปัญหา ถ้าเอาประเด็นเล็กๆน้อยๆ มาตีกันอยู่แบบนี้ มันไม่จบ ต้องดูความผิดอย่างไร มีมูลหรือไม่มีมูล ศาลก็ไปตัดสินกัน ไปสู้คดีกัน การออกมาข่มขู่มันผิดหรือไม่ ซึ่งไม่ต้องข่มขู่ผม จะขู่ผมก็ขู่ไป"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
                                
เมื่อถามว่า เรื่องนี้มองว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ก็เขาพวกไหนเหล่า สีอะไร เขาประกาศตัวว่าเป็นอะไร นปช.ไม่ใช่หรือ แล้วบอกว่าไม่รับผิดชอบ ไม่เกี่ยว

"มาบอกว่ารัฐบาลสร้างภาพ เพื่อกลบเกลื่อนอุทยานราชภักดิ์ ผมก็พูดตรงๆของผมแบบนี้ มันใช่ไหมเหล่า

"ที่มันเกิดขึ้นมาวันนี้ กระบวนการตามกฎหมายก็เดินหน้ามาตลอด ใครผิดก็ว่าไปตามผิด แล้วทำไปทำไม ทำเมื่อไร จะสร้างความสับสน สร้างอันตราย ประทุษร้าย มันไม่ได้ แล้วมาข่มขู่งานนี้ด้วย
                              
เมื่อถามว่า จะต้องมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะทำอะไรได้ จะเพิ่มยังไง เพราะมันมีการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว แล้วประชาชนคนอื่นๆ จะเดือดร้อนหรือไม่ จะมาเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ให้มาใส่เสื้อเกราะ 2 คนหรือไม่ ปัดโธ่ ใครทำก็ให้ระวังโดนคนอื่นแล้วกัน
                              
 เมื่อถามว่า การทำแบบนี้ ส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "คุณก็มาถามคำถามแบบนี้ ถ้าคุณจะถามคำถามแบบนี้ก็มาเป็นนายกฯแล้วกัน ถามทุกเรื่อง ถามในสิ่งที่ไม่ต้องการคำตอบ สื่อต้องสร้างการรับรู้ว่ากฎหมายอยู่ตรงไหน ไม่ใช่คนนั้นพูดมาทาง คนนี้พูดมาทาง สับสนปนเปกันไปหมด มันไม่ใช่ โครงการราชภักดิ์ก็ตรวจสอบอยู่ ยังไม่เสร็จก็ยังไม่เสร็จ กลายเป็นว่าผมไปเร่งตรงโน้น ไม่เร่งตรงนี้" 

ถามว่าเรื่องอื่นๆมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร มีการทักท้วงฟ้องร้องนานหรือยัง ทุกอย่างเป็นตามระบบ เวลา ไม่ใช่ตนไปรังแกใครที่ไหน
                                
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการข่มขู่ ยังลงพื้นที่อีสานได้อีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า"ลงพื้นที่ได้ทั้งนั้นแหละ เรื่องเสี่ยงชีวิตวันนี้ผมก็เสี่ยงอยู่แล้ว ไม่กลัวอยู่แล้ว คิดว่าวันนี้ไม่เสี่ยงอยู่หรือไง จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จยังไม่รู้เลย ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร ก็ยังไม่รู้ ไม่รู้สึกกันบ้างหรืออย่างไร ว่าสถานการณ์วันนี้มันอันตรายมากแค่ไหน ไม่ใช่แค่เพียงแค่ประเทศไทย เพียงอย่างเดียว ก็รู้อยู่ต่างประเทศเกิดอะไรขึ้น การใช้อาวุธสงครามจะเกิดขึ้นไหนในโลกใบนี้ เราต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ลดความขัดแย้ง ใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมดำเนินการ เดินหน้าประเทศ ใช้เศรษฐกิจ ทำการค้า การลงทุน ไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้ ถ้ามัวแต่สร้างความขัดแย้งกันอยู่แบบนี้ คนผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ถูก
                               
 นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องร่วมมือกับรัฐบาล ให้ประเทศชาติเดินหน้าไปให้ได้ เพราะผมมีอุดมการณ์แน่วแน่ ที่จะเดินหน้าประเทศให้ได้ แล้วถึงเวลาผมก็ไปของผม แต่ถ้าเป็นแบบนี้มันจะไปได้หรือไม่ รัฐธรรมนูญเขียนก็ทะเลาะกับรัฐธรรมนูญ ประชามติก็ทะเลาะอีกรอบ เลือกตั้งก็จะทะเลาะกันอีกรอบ ไม่รู้จะเลือกตั้งได้หรือเปล่า 

"แต่ผมยืนยันกับต่างประเทศว่า จะรักษาผลประโยชน์ของทุกชาติที่มาลงทุนในประเทศไทย ทั้งวันนี้และวันหน้า สร้างความมั่นใจให้กับเขา ถามว่าวันนี้ไม่เป็นห่วงประเทศไทยหรืออย่างไร หรือว่าสบายดี ทำยังไงเงินน้อยก็อยากได้เงินเยอะๆ เราก็ต้องช่วยกันสร้างความเข้มแข็ง จะได้สร้างรายได้ สร้างอาชีพ"

ซ้อมสวนสนาม

กองทัพไทย จัดพิธี ถวายสัตย์และปฏิญาณตน ของทหารรักษาพระองค์ 3ธค.นี้  ทบ.แจ้งกำหนดซ้อม27,30พย. ที่สนามหลวง เหล่าทัพจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี2558

ตามที่กองบัญชาการกองทัพไทย มอบหมายให้กองทัพบก เป็นหน่วยหลักในการสนับสนุนการจัด “กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี ๒๕๕๘” เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยกำหนดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๓๐ น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ 

โดย ผบ.สส.จะนำผบ.เหล่าทัพ และทหารรักษาพระองค์ กระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ในวันที่3ธค. นี้

ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในการปฏิบัติ กองบัญชาการกองทัพไทยจึงได้กำหนดการซักซ้อมการปฏิบัติของหน่วยทหารรักษาพระองค์ตามลำดับพิธีและใช้เส้นทางเสมือนจริง เริ่มต้นจากบริเวณด้านหน้าหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เข้าสู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยจะมีการใช้ผิวการจราจรบนถนนโดยรอบสนามหลวง และถนนใกล้เคียง จึงขอแจ้งเพื่อให้หลีกเลี่ยงเส้นทางการจราจร ดังนี้

       ในวันที่ ๒๗ พ.ย.๕๘ และ ๓๐ พ.ย.๕๘ เป็นการซ้อมใหญ่จะมีการควบคุมการจราจรในเส้นทางโดยรอบสนามหลวง และถนนใกล้เคียง เพื่อจัดกำลังทหารรักษาพระองค์ประจำจุดต่างๆ และจะมีการปิดการจราจรเป็นห้วงๆ ดังนี้

     เวลา ๑๕.๓๐  – ๑๖.๓๐ น. จะปิดการจราจร เพื่อจัดแถวทหารและเดินเข้าสู่พื้นที่ประกอบพิธี ตั้งแต่ ถนนสนามไชย ถนนเจริญกรุง ถนนท้ายวัง ถนนพระพิพิธ ถนนหน้าพระลาน ถนนราชดำเนินใน และ ถนนหน้าพระธาตุ     
             
เวลา ๑๖.๓๐ – ๑๗.๓๐ น. ในระหว่างการประกอบพิธีในท้องสนามหลวง จะปิดการจราจรใน ถนนหน้าพระลาน ถนนราชดำเนินใน และ ถนนหน้าพระธาตุ

เวลา ๑๗.๓๐ – ๑๘.๐๐ น. เป็นการเคลื่อนกำลังทหารออกจากสนามหลวงเพื่อกลับที่ตั้งหน่วย จะปิดการจราจร ถนนหน้าพระธาตุ ถนนพระอาทิตย์ และ ถนนสนามไชย

เวลา ๑๒.๐๐ - ๑๘๐๐ (จบพิธี) จะปิดการจราจร ถนนมหาราช ถนนจันทร์ ซอยพระยาเพชร เพื่อใช้เป็นที่จอดขบวนรถของหน่วยทหารรักษาพระองค์

สำหรับในวันประกอบพิธีจริง คือ ๓ ธันวาคม ๕๘ การปฏิบัติก็จะเป็นเช่นเดียวกับการซักซ้อม

 ทั้งนี้ ในระหว่างการใช้เส้นทางและประกอบพิธี จะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรในจุดสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ใช้เส้นทาง ซึ่งกองทัพบกใคร่ขออภัยในความไม่สะดวกและขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวในวันและเวลาที่แจ้งไว้ข้างต้นด้วย

สยบข่อนแก่มโมเดลมุ่งสังหารผู้นำ

Manager การเมือง

26 พ.ย. 2558 06:36

สยบขอนแก่นโมเดลภาค 2 ถล่มกรุงเทพฯสังหาร ประยุทธ์-ประวิตร !?

เมืองไทย 360 องศา 
เมื่อปีที่แล้วหลังเกิดเหตุรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไม่กี่วันก็ได้มีการควบคุมตัวกลุ่มบุคคลหลายรายพร้อมอาวุธสงคราม พร้อมทั้งเอกสารโฆษณาชวนเชื่ออีกจำนวนมากได้ที่จังหวัดขอนแก่น โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าเตรียมก่อเหตุรุนแรงตามจุดสำคัญต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าคนพวกนี้ล้วนเป็น"เครือข่ายของกลุ่มอำนาจเก่า" เป็นกลุ่มติดอาวุธที่มีการจัดตั้งมาก่อนหน้านี้ ซึ่งจากการขยายผลจับกุมครั้งนั้นจึงเป็นที่มาของคำว่า "ขอนแก่นโมเดล"
แต่ที่เป็นเหตุการณ์ครึกโครมก็คือการลอบวางระเบิดที่ศาลพระพรหมที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาธร ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แม้ว่ามูลเหตุจูงใจและคนที่ลงมือจะเป็นคนต่างชาติจะเกียวพันกับเรื่องการส่งกลับผู้อพยพชาวอุยกูร์ แต่ในเวลาต่อมาก็มีการออกหมายจับคนไทยจำนวนหนึ่งและถูกระบุว่าคนไทยดังกล่าวน่าจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่"สมานเมตตาแมนชั่น"ที่บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เมื่อปี 53 และเหตุระเบิดที่มีนบุรีเมื่อปี 57 แม้ว่าในที่สุดแล้วทุกอย่างก็ค่อยๆเงียบหายไป มีแต่ผู้ต้องหาที่เป็นชาวต่างชาติสองคนที่เพิ่งถูกอัยการสั่งฟ้องใน 10 ข้อหาฉกรรจ์ 
ที่น่าสังเกตก็คือการลงมือก่อเหตุที่แยกราชประสงค์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 17 สิงหาคม 2558 โดยผ่านพ้นวันมหามงคลและรายการ"ไบท์ฟอร์มัม"หรือปั่นเพื่อแม่ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ขณะเดียวกันการก่อเหตุที่แยกราชประสงค์ถือว่ามีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลาย"บรรยากาศการท่องเที่ยว" โดยเฉพาะบริเวณนั้นเป็นที่นักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากต้องมากราบไหว้ ซึ่งก็ได้ผลหลังเกิดเหตุก็ทำให้การท่องเที่ยวในบ้านเราซบเซาไปพักหนึ่ง เพิ่งจะมาฟื้นตัวขึ้นมาอีกไม่นาน 
แน่นอนว่าเมื่อแนวทางการสอบสวนก่อนหน้านี้ระบุว่ามีผู้ต้องหาจำนวนหนึ่งที่เป็นคนไทยมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่นที่บางบังทองเมื่อปี 53 และเหตุระเบิดที่มีนบุรี มันก็สามารถโยงไปถึงกลุ่มการเมืองที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติอยู่ในเวลานี้ 
อย่างไรก็ดีคำว่า"ขอนแก่นโมเดล"ก็โผล่ขึ้นมาอีก จากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ออกมาเปิดเผยว่าเวลานี้ได้มีการออกหมายจับและควบคุมตัวบุคคลหลายคนที่ก่อเหตุในช่วงที่มีการซ้อม"ไบท์ฟอร์แด๊ด"หรือ"ปั่นเพื่อพ่อ"และจากการสอบสวนขยายผลทำให้ทราบว่ามีการเตรียมที่จะลงมือในวันจริงโดยเฉพาะมีการวางแผนจะลงมือในกรุงเทพมหานครด้วย 
มีรายงานข่าวว่าเบื้องต้นมีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้วไม่น้อยกว่า 3 คน มีการระบุชื่อและภูมิลำเนา โดยหนึ่งในนั้นเป็นอดีตตำรวจตระเวณชายแดนอายุ 60 ปี ยศจ่าสิบตำรวจ ที่เหลือเป็นชาวจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดเชียงใหม่ โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 112 รวมอยู่ด้วยนอกเหนือจากคดีความมั่นคงอื่นๆ ขณะเดียวกันกรณีที่เกิดขึ้นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีคำสั่งย้ายผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 
จากการเปิดเผยของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เปิดเผยเกี่ยวกับการเตรียมการก่อเหตุในลักษณะ"ขอนแก่นโมเดลภาค2" ในพื้นที่กรุงเทพฯและที่น่าตกใจก็คือมีรายงานระบุว่าคราวนี้ยังมีเป้าหมายลงมือกับ"บุคคลสำคัญในรัฐบาล"อีกด้วย ซึ่งหากพิจารณาจัดลำดับบุคคลสำคัญในรัฐบาลนอกเหนือจากตัวเขาแล้วในจำนวนนั้นย่อมต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.อีกคนหนึ่งแน่นอน
ขณะเดียวกันหากตามรายงานข่าวระบุว่ากลุ่มคนร้ายเตรียมลงมือในช่วงเทศกาลสำคัญ รวมทั้งในช่วงวัน"ปั่นเพื่อพ่อ"นั่นย่อมหมายความว่าในวันดังกล่าวมี"บุคคลสำคัญ"เข้าร่วมและอยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก ดังนั้นการที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดเผยว่ามีการจับกุมคนที่เตรียมก่อเหตุมาได้"หลายคน"ก็ถือว่าน่าตกใจ แต่อีกด้านหนึ่งก็พอใจชื้นขึ้นมาได้บ้างเมื่อมีการออกหมายจับและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้ได้ นั่นเท่ากับว่าทางการสามารถล่วงรู้ความเคลื่อนไหวและสกัดกั้นแผนร้ายดังกล่าวได้ทันท่วงที 
ดังนั้นการเปิดเผยของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกี่ยวกับการทลายแผน"ขอนแก่นโมเดล"ที่มีเป้าหมายทำร้ายบุคคลสำคัญในรัฐบาล และเตรียมลงมือก่อเหตุในกรุงเทพฯในช่วงวันสำคัญ ถือว่าน่าหวาดเสียว เพราะหากเกิดเหตุร้ายขึ้นมาจริง นั่นก็เท่ากับว่า"หายนะ"จนไม่อยากจะหลับตาจินตนาการ นั่นคือการท่องเที่ยว เศรษฐกิจที่กำลังเริ่มมีความเชื่อมั่นกลับมาก็จะดำดิ่ง รวมไปถึงความวุ่นวายจากการสร้างสถานการณ์ผสมโรง จะตามมาอีก แต่นาทีนี้ก็ยังไม่อาจวางใจได้เต็มร้อยแน่นอน !!