PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

"อุ๊งอิ๊ง"โพสบอกพ่อรักประเทศชาติและสถาบัน

วันนี้มานั่งประชุมห้องเดิมพ่อ มาเปิดหนังสือประวัติพ่อดูเล่น ในฐานะของลูก ก็อดคิดไม่ได้ ว่าคนเราคงไม่มีใครดี100% แต่ช่วงที่พ่อเป็นนายกฯ พ่อก็ได้ทำอะไรเพื่อประเทศไว้เยอะมากจริงๆ พ่อออกไป11ปีแล้ว เด็กรุ่นหลังๆคงจะได้ยินอะไรมาต่างๆนานา เสียดายไม่ได้โตทันช่วงที่ผู้ชายที่รักประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยหัวใจและจิตวิญาณ เสียสละเวลาของตัวเองและครอบครัว ไปทุ่มเทให้ประเทศที่เค้ารัก เอามันสมองที่มี คิดแต่จะให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า วันนี้คนเป็นลูก คิดแต่ขอให้พ่อแข็งแรง และมีความสุข ไม่ว่าพ่อจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ไม่หวังอะไร หวังแค่ยังได้ยินเสียงทุกครั้งที่อยากได้ยิน หวังแค่อยากกอดก็ได้กอด แค่นี้จริงๆ #อ่อนแอบ้างเป็นบางเวลา #เหตุเกิดเพราะไม่เจอพ่อเกือบ2เดือน #มันก็จะเพ้อๆหน่อย #อย่าว่าหนูเลย #หนูคิดถึงพ่อจริงๆ #แงงงง 😿

นินจา "ป้อม"มุดลงใต้ดิน



นินจา "ป้อม"มุดลงใต้ดิน
ช่วงนี้ หลบนักข่าว ....เมื่อวาน หลังประชุม ครม.ก็ไม่ให้สัมภาษณ์. เดืนแหวกวงนักข่าว ขึ้นรถกลับ.... มาวันนี้ บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร ก็นั่งรถ มุดลงชั้นใต้ดิน ตึกสำนักเลขาธิการ ครม. เลย....ไม่ตัองผ่าน วงนักข่าว ที่รอที่บันไดหน้าตึก... นักข่าว ได้แต่ แอบส่อง แต่เช้าไปไม่ได้
ผลพวงจาก ให้สัมภาษณ์ เรื่อง "ถ้าเป็น คสช.จะตั้ง พรรค" และ งอนสิ่อ เอารูป ถือปืน หยอก พลเอกเตียบันห์ ไปลงข่าว จนทำให้ ถูกวิจารณ์อย่างหนัก





คำถามเชิงรุกของ"บิ๊กตู่"

คำถาม2ข้อแรก!!ของ"บิ๊กตู่"...หยั่งเชิง กรุยทาง คสช.จะ"ตั้งพรรคการเมืองใหม่"หรือ หนุนพรรคใด เป็นพรรคนอมีนี/ ขอถาม"ประชาชนของผมทั่วประเทศ"
มาอีกแล้ว ...พลเอกประยุทธ์ นายกฯ ถามปชช.6คำถาม หยั่งเชิง คสช.จะ"ตั้งพรรคการเมืองใหม่"หรือ หนุนพรรคใด เป็นพรรคนอมีนี เพราะ นายกฯไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง อยู่แล้ว
พลเอกประยุทธ์ แถลงข่าวครั้งแรก ที่หน้าตึกภักดีบดินทร์ ระบุว่า มีหลายคนพูดนั่นพูดนี่ และประชาชนเรียกร้อง มา ผมจะถาม "ประชาชนของผม" ทั่วประเทศ ตอบมา ผ่านศูนย์ดำรงธรรม
พร้อม อ่าน6คำถาม และ แจกเอกสารคำถามให้นักข่าว ก่อน รีบเดินไป ไม่ยอมตอบคำถามนักข่าว
แต่ที่ถูกจับตามองมากคือ 2 คำถามแรก เพราะ นายกฯเพิ่งแบะท่า ตั้งพรรค หลังจากงานนี้ ไม่ปฏิเสธ การตั้งพรรค แต่บอก ยังไม่คิด รอดูสถานการณ์ก่อน ยังมีเวลาอีกตั้งปี ส่วน บิ๊กป้อม บอก "ถ้าจำเป็นก็ต้องตั้ง"
ข้อ1.วันนี้ เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ นักการเมืองใหม่ๆ ให้ประชาชนพิจารณา สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่‬. การที่มีแต่พรรคการเมืองเดิม นักการเมืองหน้าเดิมๆแล้วได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูป และทำงานอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติ หรือไม่
2.การที่คสช. จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดถือเป็นสิทธิ์ของคสช. ใช่หรือไม่ เพราะนายกฯ ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้งอยู่แล้ว

"นายกฯ" ฝากอีก 6คำถาม ถึงปชช.ให้ตอบผ่านศูนย์ดำรงธรรม

"บิ๊กตู่"โพลล์‬
‪"นายกฯ" ฝากอีก 6คำถาม ถึงปชช.ให้ตอบผ่านศูนย์ดำรงธรรม
#6คำถามจากบิ๊กตู่
1.วันนี้ เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ นักการเมืองใหม่ๆ ให้ประชาชนพิจารณา สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่‬. การที่มีแต่พรรคการเมืองเดิม นักการเมืองหน้าเดิมๆแล้วได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูป และทำงานอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติ หรือไม่
2.การที่คสช. จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดถือเป็นสิทธิ์ของคสช. ใช่หรือไม่ เพราะนายกฯ ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้งอยู่แล้ว
3.สิ่งที่คสช. ทำมาตลอด 3 ปีทำให้มองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศบ้างหรือไม่
-เห็นด้วยกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมาเป็นเวลานาน ด้วยการรื้อใหม่ทำใหม่ การวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเป็นระยะสั้น-กลาง-ยาว เช่น การแก้ปัญหา IUU,ICAO ฯลฯ หรือไม่
- เห็นด้วยกับ การให้มียุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศเพื่อให้การเมืองไทยในอนาคตมีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาลเกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศหรือไม่
- การทำงานของทุกรัฐบาลต้องคำนึงถึงภาพรวมทั้งประเทศ คนทั้งประเทศ ทุกจังหวัด มิใช่ทำแต่ตามนโยบายของพรรคที่ได้หาเสียงไว้ หรือดูแลเฉพาะพื้นที่ที่มีฐานเสียงสนับสนุน. รวมทั้งจะต้องทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติ ให้เกิดความต่อเนื่องใช่หรือไม่
4. การเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีตมาเปรียบเทียบกับการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองก่อนหน้าที่คสช. และรัฐบาลนี้จะเข้ามาเราได้พบเห็นความขัดแย้งความรุนแรงการแบ่งแยกประชาชน เป็นกลุ่มๆเพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่
5.รัฐบาลนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่ผ่านมาของไทย ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาลและมีการพัฒนาประเทศที่มีความต่อเนื่อง ชัดเจน เพียงพอหรือไม่
6.ข้อสังเกตเพื่อพิจารณาเหตุใดพรรคการเมือง นักการเมืองจึงออกมาเคลื่อนไหว ด้อยค่า คสช. รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีบิดเบือนข้อเท็จจริงในการทำงานในช่วงนี้อย่างมากผิดปกติฝากถามพี่น้อง
ประชาชนว่าเพราะอะไร
อำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทยและต่างประเทศ อยากให้ทุกคนที่เป็นคนไทย ได้เป็นผู้พิจารณาตัดสิน
‪แต่ นายกฯปัดตอบ เป็นการสำรวจความเห็นปชช.เรื่อง คสช.ตั้งพรรคใช่หรือไม่‬ แถลง6 คำถาม เสร็จ ไปเลย...

"บิ๊กตู่"ทำโพลล์‬เอง ขอปชช.ตอบอีก6คำถาม หยั่งเชิง"ตั้งพรรคการเมืองใหม่"หรือ หนุนพรรคใด



ชัดเจน!!
"บิ๊กตู่"ทำโพลล์‬เอง ขอปชช.ตอบอีก6คำถาม หยั่งเชิง"ตั้งพรรคการเมืองใหม่"หรือ หนุนพรรคใด พรรคนอมีนี เพราะ นายกฯไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง อยู่แล้ว พอใจแนวทาง คสช.3ปี หรือไม่/ ถามทำไม นักการเมือง เคลื่อนไหวด้อยค่า คสช. รัฐบาลและนายกฯ บิดเบือนข้อเท็จจริงในช่วงนี้ อย่างมากผิดปกติ

1.วันนี้ เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ นักการเมืองใหม่ๆ ให้ประชาชนพิจารณา สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่‬. การที่มีแต่พรรคการเมืองเดิม นักการเมืองหน้าเดิมๆแล้วได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูป และทำงานอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติ หรือไม่

2.การที่คสช. จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดถือเป็นสิทธิ์ของคสช. ใช่หรือไม่ เพราะนายกฯ ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้งอยู่แล้ว

3.สิ่งที่คสช. ทำมาตลอด 3 ปีทำให้มองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศบ้างหรือไม่
-เห็นด้วยกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมาเป็นเวลานาน ด้วยการรื้อใหม่ทำใหม่ การวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเป็นระยะสั้น-กลาง-ยาว เช่น การแก้ปัญหา IUU,ICAO ฯลฯ หรือไม่
- เห็นด้วยกับ การให้มียุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศเพื่อให้การเมืองไทยในอนาคตมีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาลเกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศหรือไม่
- การทำงานของทุกรัฐบาลต้องคำนึงถึงภาพรวมทั้งประเทศ คนทั้งประเทศ ทุกจังหวัด มิใช่ทำแต่ตามนโยบายของพรรคที่ได้หาเสียงไว้ หรือดูแลเฉพาะพื้นที่ที่มีฐานเสียงสนับสนุน. รวมทั้งจะต้องทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติ ให้เกิดความต่อเนื่องใช่หรือไม่
4. การเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีตมาเปรียบเทียบกับการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองก่อนหน้าที่คสช. และรัฐบาลนี้จะเข้ามาเราได้พบเห็นความขัดแย้งความรุนแรงการแบ่งแยกประชาชน เป็นกลุ่มๆเพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่
5.รัฐบาลนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่ผ่านมาของไทย ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาลและมีการพัฒนาประเทศที่มีความต่อเนื่อง ชัดเจน เพียงพอหรือไม่
6.ข้อสังเกตเพื่อพิจารณาเหตุใดพรรคการเมือง นักการเมือง จึงออกมาเคลื่อนไหว ด้อยค่า คสช. รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี บิดเบือนข้อเท็จจริงในการทำงานในช่วงนี้ อย่างมากผิดปกติ ฝากถามพี่น้อง
ประชาชนว่าเพราะอะไร
อำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทยและต่างประเทศ อยากให้ทุกคนที่เป็นคนไทย ได้เป็นผู้พิจารณาตัดสิน

'ทูตสันติสุข' บังเกิดขึ้นแล้ว

"ตูน บอดี้สแลม"...........
๗ วัน ๒๕๗ กม. ขึ้นหลัก ๑๐๐ ล้านที่ "หาดใหญ่" เมื่อวาน (๗ พ.ย.๖๐)!
คิดตามบัญญัติไตรยางศ์
๕๕ วัน จะได้ ๘๐๐ ล้าน เกินเป้า ๗๐๐ ล้านไป ๑๐๐ ล้าน แต่ดูแรงศรัทธามหาชนหนุนเนื่องต่อตูนแล้ว
๑,๐๐๐ ล้าน เอาไปเลย!
ปรากฏการณ์ "พี่ตูน" โดยเฉพาะที่ ๓ จังหวัดใต้ มันให้อะไรที่มากกว่าเงิน ๑,๐๐๐ ล้าน
และต่อให้ ๑,๐๐๐ ล้านล้าน ก็ยังให้ อย่างที่ "พี่ตูน" ให้ไม่ได้
ข้อความต่อจากนี้ มีคนจากยะลาส่งมาให้ ลองอ่านกันดู
เขาคือปรากฏการณ์ เขาคือ men of honor ชายร่างผอมบาง จิตใจดี อ่อนโยน ยิ้มง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน และให้เกียรติเคารพผู้อื่นทุกระดับ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ #ชายที่ชื่อตูน หรือ นายอาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องนำวง rock ชื่อดังอันดับ 1 เมืองไทย ณ เวลานี้
เขาคือ "ผู้ชายที่ทรงอิทธิพลที่สุด" ในประเทศไทย
ไม่ใช่คำกล่าวหรืออวยเกินจริงแต่อย่างใด ชายหนุ่มวัย 38 คนนี้ ได้มาพังทลายกำแพงความอึมครึม ระหว่างพี่น้องมุสลิมในพื้นที่กับคนต่างศาสนา
ไม่เคยมีครั้งใด ที่จะมีผู้คนทุกวัย ทุกระดับตั้งแต่เบตง มาถึงบันนังสตา ที่มายืนคอยต้อนรับบุคคลใดคนหนึ่งแบบนี้ และชายที่กำลังวิ่งอยู่นี้ก็ต่างศาสนาออกไป
ภาพที่เราเห็นกันทางหน้าจอทีวี ไม่ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่ทุกที่ทุกครั้ง ที่มีคนมาคอยให้กำลังใจ ขอถ่ายรูป เขาไม่เคยปฏิเสธ
แถมเป็นคนเซลฟีให้เองอีกด้วย
ด้วยรอยยิ้ม ด้วยความเต็มใจ 2-3 วันมานี้ พื้นที่ตรงนั้น พื้นที่สีแดง พื้นที่ก่อเหตุรุนแรง เปลี่ยนกลับไปเหมือนช่วงก่อนปี 2547
ที่คนทุกศาสนาอยู่ด้วยกันฉันพี่น้อง ถึงแม้จะใช้งบหมื่นล้าน แสนล้าน ก็ไม่มีทางนำรอยยิ้ม นำความสุขมาให้ในพื้นที่ได้
"เท่าชายคนนี้ทำ" แน่นอน
...ทำไมชายคนนี้ถึงได้มีอิทธิพลต่อคนไทยถึงเพียงนี้ ค่าตัวเขาเล่นดนตรี ครั้งละ 750,000 บาทต่อ 2 ชม.
เวลา 60 วันที่เขามาวิ่งครั้งนี้ และเวลาที่เตรียมร่างกายก่อนหน้านี้ สามารถทำเงินให้เขามหาศาล เขาไม่ต้องมาวิ่งให้เหนื่อย แค่คิดว่าต้องวิ่งถึง 2 พันกว่ากิโล ผู้เขียนได้ยินก็เข่าทรุด หน้ามืด มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ที่ต้องวิ่งไกลขนาดนั้น
สภาพภูมิประเทศ เดี๋ยวฝนตก แดดออก แต่เขาไม่หยุด ยังคงวิ่งต่อไป ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ
เขาทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร?
ในโลกนี้จะมีสักกี่คน ที่คิดจะทำแบบเขา วิ่งท่ามกลางภาวะสงครามในพื้นที่ และที่สำคัญ ผู้หญิงของเขา ที่เคียงข้างเขา คุณก้อย คุณเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
คอยให้กำลังใจพี่ตูนตลอดเส้นทาง คุณสองคนก้าวข้ามคำว่าเสียสละไปแล้ว คนที่คิดที่จะทำเพื่อผู้อื่น จนบางครั้งตัวเองอาจจะหมดลมหายใจ
คนแบบนี้เราต้องรักษาให้ดีที่สุด ผู้เขียนดีใจ ที่สมัยวัยรุ่นเรียนช่างกลที่กรุงเทพฯ สิบกว่าปีก่อนติดตามดูเขาแทบทุกงาน ไม่เสียแรงจริงๆ ที่นับถือ
แล้วก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะสามารถทำได้ถึงเพียงนี้ ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีอีกแน่นอน คนที่จะทำได้เหมือนชายที่ชื่อ "ตูน บอดี้สแลม"
บุคคลที่ควรเทิดทูน ชายที่ควรได้รับเกียรติ men of honor
นอกจากนี้แล้ว...........
ยังมีผู้เขียน "ปรากฏการณ์ตูน" อีกมาก ขอยกจาก "มุสลิมไทยโพสต์" มาให้อ่านอีกสำนวน ดังนี้
จากปรากฏการณ์ที่ "ตูน บอดี้สแลม" ได้เริ่มต้นไว้กับโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ กำลังเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวขวัญถึงอย่างกว้างขวาง
แม้โครงการจะเริ่มต้นขึ้นในระยะเวลาแค่เพียง 5 วัน แต่ตูนได้สร้างปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ กับภาพของความรักที่มีให้แก่กัน ภาพแห่งรอยยิ้ม และภาพแห่งน้ำใจของคนชายแดนใต้ ด้ามขวานของไทย
โดยไม่มีการแบ่งแยกใดๆ ว่าคุณคือไทยพุทธ หรือคุณคือไทยมุสลิม กล่าวได้แค่เพียงคุณคือ "คนไทย" และปรากฏการณ์นี้ก็ไม่ได้สร้างแค่รอยยิ้มให้เฉพาะคนชายแดนใต้เท่านั้น
ภาพที่เกิดขึ้น ยังขยายวง สร้างรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความดีใจเปี่ยมสุขมายังคนไทยทั้งประเทศอีกด้วย
และสำหรับในสังคมมุสลิมจังหวัดชายแดนใต้ ประเด็นนี้ก็กำลังเป็นประเด็นที่ถูกนำมากล่าวถึงเช่นกัน
อุสตาซอับดุชชะกรู บินชาฟิอีย์ กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ใน deepsouthwatch.org ว่า
"ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก
ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมูฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
จากโครงการ 'ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ' ระยะทาง 2,191 กิโลเมตร จากใต้สุดที่ อ.เบตง จ.ยะลา สู่เหนือสุด อ.แม่สาย จ.เชียงราย
เพื่อนำรายได้จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่งของตูน นักร้องนำวงบอดี้สแลม พร้อมด้วย ก้อย รัชวิน และทีมงาน
โดยปัจจุบัน ได้ผ่านชุมชนต่างๆ ชายแดนใต้ ซึ่งส่วนใหญ่มีคนชื่นชม
แต่หลังจากมีภาพสาว หรือสตรีมุสลิมในพื้นที่มากมายถ่ายภาพเซลฟี ทำให้นักเลงคีย์บอร์ดบางส่วนออกมาโจมตี แต่ก็มีนักวิชาการมุสลิมบางท่านหรือหลายท่านออกมาชี้แจง หนึ่งในนั้นคือท่าน
อับดุลกอเดร มัสแหละ ได้เขียนบทความผ่านเฟสท่านในหัวข้อ จากกระทงมาถึงตูน....โดยมีรายละเอียดดังนี้
'เมื่อคืน 3/11/60 เป็นคืนลอยกระทง สังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่ริมน้ำ พวกเรามุสลิมก็อยู่ริมน้ำเช่นกัน กระทงกับคนไทย กระทงกับมุสลิม มันก็อยู่ ก็เห็นกันมานาน ตั้งแต่อดีตมา ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาตรงไหน
มุสลิมไม่ลอยกระทง ก็รู้กันมาตั้งนาน เพราะมันไม่ใช่ประเพณี วัฒนธรรมของมุสลิม ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาตรงไหน
แต่ปัจจุบันกลับมีปัญหา ก็ไม่ทราบว่ามันเกิดการขัดข้องทางเทคนิคตรงไหน เมื่อไหร่ หรือมุสลิมหย่อนยาน หรือว่ามุสลิมเกิดเคร่งเกินไป
เคร่งไม่เป็นไร แต่อย่าเคร่งจนล้ำเส้น ไม่ว่าเทศกาลอะไรมา มุสลิมเป็นได้วิจารณ์แหลก หลายคนก็วิจารณ์ล้ำเส้น แบบขาดความเกรงใจ
ผมก็ไม่เห็นว่ามีใครมาชวนมุสลิมไปลอยกระทง และมุสลิมบางคนที่แอบไปงานลอยกระทง ก็ไม่มีใครมาชวนสักหน่อย การที่มุสลิมบางคนไปวิพากษ์ วิจารณ์เกินความพอดี ผมไม่เห็นด้วย หลายครั้ง วิจารณ์เกินเลยมากไป ไปกระทบความเชื่อของเขา
ทำไมล่ะ ใครจะทำตามความเชื่อของใคร มันเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมเราต้องเดือดร้อนด้วย ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ เราก็เคยเห็น และมันก็อยู่กับพหุวัฒนธรรมมาโดยตลอด
เราจะจัดงานอะไร ก็ไม่มีใครมาว่าอะไรเรา วันอีดเราจะมีอะไร เพื่อนๆ ต่างศาสนิกก็ไม่เคยมาก้าวก่ายเรา
แล้วทำไม เมื่อเขามีเทศกาลของเขา เราต้องวิพากษ์จนเกินเลย อุมมุเตาวะสะฎอ มันหายไปไหนหมด
คนในอดีตเคร่งกว่าคนยุคนี้ เขาก็ไม่เห็นจะต้องไปล้ำเส้นกัน เขาถึงอยู่ได้อย่างมีความสุข ท่ามกลางการเข้าใจซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกันที่ตูน บอดี้สแลม ออกวิ่งรณรงค์ซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาล ผมก็งงมากที่บางคนออกมาต่อว่าเสียๆ หายๆ
ภาพลักษณ์ที่พี่น้องมุสลิมสามจังหวัดร่วมกันบริจาค เป็นภาพลักษณ์ที่สวยงาม เพราะเป็นการบริจาคเพื่อมนุษยธรรม หลายฝ่ายชื่นชม สิ่งที่ออกมา มันตรงกันข้ามกับความโหดร้าย แต่ก็แปลก เกิดมีคนรู้สึกไม่พอใจ ผมงงมาก...
โดยเอาภาพที่มีคนถ่าย 'เซลฟี' กับตูนมาวิจารณ์ทั้งๆ ที่ตูนก็นอบน้อมเกรงใจ เขาก็คงเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีของคนมุสลิม
แต่ภาพ 'เซลฟี' เราควรตำหนิใคร หรือเราไม่ได้สอนคนของเราเอง แต่ไปตำหนิคนอื่น มันเลยไม่ต่างกันกับลอยกระทง คนของเราหนีไปเที่ยวเอง แต่เรากลับไปโทษเทศกาลลอยกระทง
ถามว่า 'ตูน' ใครๆ ก็รู้จัก เมื่อผู้คนจะชื่นชมยินดี มันก็เป็นเรื่องปกติ ส่วนสาวๆ มุสลิมที่ออกจะเกินเลย ถามว่าจะโทษใคร
เริ่มแรกก็ผู้ปกครอง พ่อแม่เขานั้นแหละ ที่ต้องตักเตือนเป็นอันดับแรก ส่วนพวกเรานั้น ก็ตักเตือนด้วยกับวิทยปัญญา การตักเตือนมันก็มีรูปแบบไว้แล้ว
การใกล้ชิดระหว่างหญิงสาว-ชายหนุ่มที่มิใช่เป็นญาติใกล้ชิด มัน 'ฮาราม' ต้องห้ามตามหลักการอิสลาม ถามว่ามุสลิมไม่รู้หรือไง รู้หมดละครับ
ก่อนจะไปด่า 'กระทง' ก่อนจะไปต่อว่า 'ตูน'
มาต่อว่าพวกเรากันเองไม่ดีกว่าหรือ...และการจะต่อว่าใคร ก็ควรมองถึงผลกระทบด้วยว่า มันเหมาะสมหรือไม่
ถ้าคิดว่า การบริจาคเงินผ่านตูนเพื่อไปซื้อเครื่องมือแพทย์ ไม่ดี สู้เอาเงินไปสร้างมัสยิดไม่ได้ คุณก็ทำไปเลย มีมัสยิดอีกมากมายที่ยังไม่แล้วเสร็จ ใครที่บริจาคเงินสร้างมัสยิดดีครับ ไม่มีใครว่าไม่ดี
แต่ถ้าเขาจะบริจาคเพื่อมนุษยธรรม แล้วไง...หรือเราคิดว่าคนที่บริจาคเงินผ่านตูน เขาไม่เคยบริจาคเงินสร้างมัสยิดหรือไง
แต่ถ้าจะมีมุสลิมคนใด จะไปช่วยซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้โรงพยาบาล โดยผ่านตูน ซึ่งเขากำลังรณรงค์ นั่นก็เรื่องของเขา
ส่วนเรื่องที่คนของเราเกินเลย นั่นเราต้องมาว่ากันเอง การตักเตือนมิใช่การด่า หรือประจาน ผมว่าไปห้ามคนที่เอาเงินไปซื้อยาบ้า เล่นการพนันดีกว่ามั้ง
ถ้าคุณทำแบบนี้ออกเฟซบุ๊ก รับรองได้ มีคนเชียร์คุณเพียบ ยกเว้นคนขายยาบ้า และเจ้ามือบ่อนเท่านั้นที่ไม่พอใจ
อย่าทำอะไรให้คนเขาคิดว่า มุสลิมนี่ หาความพอดีไม่ได้เลย ใครทำอะไรเป็นขวางหูขวางตาไปทุกเรื่อง มันเสียภาพลักษณ์มุสลิมผู้ใฝ่หาสันติหมด
ปรากฏการณ์ตูนได้สะท้อนให้สังคมมุสลิม จชต./ปตานี ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะโลกโซเชียล ต้องมีทักษะด้านต่างๆ อีกมาก เช่นมุมมองการบริจาคสาธารณประโยชน์ ผ่านต่างศาสนิก ทักษะการสนับสนุนความดี ละเว้นความชั่ว ตามมุมมองศาสนา ทักษะการทำกิจกรรมสาธารณะกับคนต่างวัฒนธรรม
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของผู้เขียน ผู้เผยศาสนธรรมและทุกคนจะร่วมด้วยช่วยกันอย่างไร
ในภารกิจหนุนเสริมความดี ละเว้นความชั่วอย่างมีอารยะ ตามกรอบอิสลาม เพราะอิสลามคือแนวทางการดำเนินชีวิต
ท้ายนี้ ฝากชาวมุสลิมทุกท่าน 2 เรื่อง กรณีตูนวิ่งการกุศลผ่านแต่ละพื้นที่
1.ร่วมกันบริจาค เพราะมันคือ ความดีที่ไม่สิ้นสุด
2.สำหรับมุสลิมผู้ที่เซลฟี ขอให้อยู่ในกรอบของมารยาทและหลักการอิสลาม"
ขอบคุณ:ข้อมูลจาก deepsouthwatch
-----------------------------------------------
ครับ ไม่เพียงใน ๓ จังหวัดใต้ แต่ทั้งประเทศ "ตูน บอดี้สแลม" คือ "ทูตสันติสุข" แห่ง "ไทยพุทธ-ไทยมุสลิม" โดยแท้!

จุด ละเอียดอ่อน ปรับครม. ‘เศรษฐกิจ’ สะท้อน ‘ผลงาน’

จุด ละเอียดอ่อน ปรับครม. ‘เศรษฐกิจ’ สะท้อน ‘ผลงาน’


ภายในความคึกอันจะนำไปสู่การปรับใหญ่ ครม.โดยพุ่งเป้าไปยังกระทรวงในทาง “เศรษฐกิจ” ก็ปรากฏจุดอ่อนไหวขึ้นมา

เป็นจุดอ่อนไหวที่จะมีการ “โละ” รัฐมนตรีบางคน

บังเอิญที่เป็นรัฐมนตรีบางคนในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บังเอิญที่เป็นรัฐมนตรีบางคนในกระทรวงพลังงาน

ล้วนเป็นรัฐมนตรีที่ดำรงยศเป็น “พลเอก”

หากติดตามน้ำเสียงวิพากษ์และวิจารณ์และชี้ถึงแนวโน้มของการปรับ ครม.ก็เริ่มมีความเด่นชัดเป็นลำดับว่าอาจจะลดโควต้า “สายทหาร” ลง

แล้วนำเอา “มืออาชีพ” เข้ามาสอดสวมแทน

เป็นมืออาชีพที่มีประสบการณ์การบริหารในทางธุรกิจ เป็นมืออาชีพที่มิได้เป็นข้าราชการหากแต่ผ่านกระบวนการของภาคเอกชนมาอย่างเจนจบ

ยิ่งวิพากษ์วิจารณ์ก็จะยิ่ง “อ่อนไหว”

ความอ่อนไหวในที่นี้เนื่องมาจากสภาพความเป็นจริงของรัฐบาลเป็นความสืบเนื่องจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

นั่นก็คือ ผลงานและความสำเร็จของ “คสช.”

ไม่ว่า 1 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไม่ว่า 1 คณะรัฐมนตรี ไม่ว่า 1 คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ว่า 1 สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ อันแปรมาเป็นคณะกรรมการปฏิรูปแห่งชาติ
ล้วนเป็น 1 ใน “แม่น้ำ 5 สาย”

ล้วนเป็นผลผลิตและสำเร็จขึ้นมาจากกระบวนการของการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อันมี “คสช.” เป็นผู้รับผิดชอบ

และ “คสช.” ก็มีองค์ประกอบมาจาก “ทหาร”

จึงไม่แปลกที่ สนช.จะมากด้วยทหาร จึงไม่แปลกที่ สปช.หรือ สปท.จะมากด้วยทหาร จึงไม่แปลกที่ภายใน ครม.จะมีทหารเป็นแกนหลัก

กระทั่ง ต่างประเทศเรียกว่า JUNTA

กระแสเรียกร้องให้ “ลด” จำนวนรัฐมนตรีที่มาจากสายทหารลงในการปรับ ครม.ครั้งใหม่จึงเท่ากับตีตรงขนดหางของ คสช.และของรัฐบาลโดยตรง

1 อาจมองได้ว่าเพราะ 3 ปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม

เมื่อประสบความสำเร็จในการสร้างความสงบเรียบร้อย ทำให้เป้าหมายที่ว่าจะ “คืนความสุข” ให้ประชาชนได้มาถึง

“เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”

ขณะเดียวกัน 1 ก็อาจมองได้ด้วยว่าเพราะว่าอุปสรรคและขวากหนามที่การบริหารยังไม่บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่

จึงต้องนำ “มืออาชีพ” เข้ามา ไม่ใช่ “มือสมัครเล่น”

กระแสแห่งการวิพากษ์วิจารณ์จึงพุ่งไปยังกระทรวงเศรษฐกิจที่มีทหารกำกับดูแล ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพลังงาน

เท่ากับมองและประเมินว่ารัฐมนตรี “สายทหาร” เป็นความล้มเหลว

คำถามในเมื่อหัวหน้า คสช.ก็มาจากทหาร ในเมื่อองค์ประกอบภายใน คสช.ก็มีทหารเป็นด้านหลักจะสามารถยอมรับความล้มเหลว ความผิดพลาดเช่นนี้ได้หรือ

การปรับ ครม.โดยเน้นไปยังกระทรวงทางด้าน “เศรษฐกิจ” จึงสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับกระแสการโหมประโคมในห้วง 1 ปีหลังของรัฐบาล

ไม่ว่าจะในด้านความสำเร็จของ “เศรษฐกิจ”

ไม่ว่าจะในด้านความรุ่งโรจน์และคะแนนนิยมจากนานาอารยประเทศและจากประชาชนโดยผ่านจากโพลบางสำนักที่ใกล้ชิดอยู่กับรัฐบาล

คำถามก็คือ เป็นความสำเร็จอย่างแท้จริงจริงหรือ

ทิศทาง ‘ครม.’ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะคือ ‘คำตอบ’

ทิศทาง ‘ครม.’ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะคือ ‘คำตอบ’


เวลาเพียง 1 สัปดาห์ จากวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

อาจ “เร็ว” เกินไปที่จะได้ “คำตอบ”

คำตอบที่ว่า ตกลงจะปรับเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หรือว่าปรับตำแหน่งอื่นในลักษณะอันเรียกว่า “ปรับใหญ่”

ใหญ่เหมือนการปรับเมื่อเดือนสิงหาคม 2558

กระนั้น หากทอดเวลาเนิ่นยาวไปเป็นสัปดาห์ที่ 2 ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแถลงหรือไม่อย่างไร เวลานั่นแหละจะเป็นเครื่องบ่งบอก

บ่งบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ยักษ์

เพราะลำพังเพียงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่น่าจะมีความสลับซับซ้อน แต่เมื่อทบทวนแล้ว “สัญญาณ” เริ่มเด่นชัดว่าน่าจะทำอย่างชนิด “ทิ้งทวน”

สัญญาณจากกระบวนการปรับ ครม.จึงทรงความหมาย

ความจริง ความหมายที่ทุกคนคาดกันอยู่ในขณะนี้ก็มิได้เป็น “ความลับ” แต่อย่างใด เพราะสามารถอ่านออกตั้งแต่ปรากฏใน 2 หลักกิโลเมตรแล้ว

1 คือรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557

หากใครศึกษาอย่างละเอียดก็จะประจักษ์ว่า บทเพลงที่ว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” นั้น จะดำเนินไปในแบบที่รู้กันว่า

“ลับ ลวง พราง”

ขณะเดียวกัน 1 เมื่อศึกษากระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญจากที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ถูกคว่ำโดย สปช.ในเดือนกันยายน 2558 กระทั่งมาถึงมือของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นั่งหัวโต๊ะ

การประกาศและบังคับใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในวันที่ 6 เมษายน นับว่าแจ่มชัดไม่มีการปิดบังอำพรางเจตนา

เราจะทำตาม “สัญญา” ขอ “เวลา” อีกไม่นาน

การปรับ ครม.จึงจะสะท้อนกระบวนการทางความคิด ยุทธศาสตร์ทางการเมืองของรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ว่าเปี่ยมด้วยความมั่นใจเพียงใด

อ่านจากเสียงของ “โหร” ยังไม่เพียงพอ

จำเป็นต้องสัมผัสรูปธรรมในการจัดวางตัวบุคคล ว่ายังให้น้ำหนักอยู่ที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มากน้อยเพียงใด

หากเป็นเช่นนี้ก็พอจะมองได้ว่า “หัวใจ” สำคัญ จะดำเนินไปอย่างไร

เพราะเท่ากับเป็นการยอมรับว่า การบริหารจัดการโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากฝีมือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และคณะ คือความมั่นใจ

เป็นความมั่นใจไม่เพียงเอาชนะ 1 พรรคประชาธิปัตย์

หากที่สำคัญเป็นอย่างมาก 1 คือ การเอาชนะเกียรติภูมิและความสำเร็จพื้นฐานของพรรคไทยรักไทยอย่างสิ้นเชิง

นี่คือกลยุทธ์ “ยืมหอกสนองคืน”

การจัดวางน้ำหนักของ คสช.จะปรากฏเป็นรูปธรรมผ่านกระบวนการปรับ ครม.ครั้งใหม่คือคำตอบทั้งหมดของ คสช.

จากนี้ จึงเห็นได้ว่า การโขยกเขย่าอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ประสานเข้ากับพรรคเพื่อไทย แทบไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับ คสช.

เพราะ คสช.ประเมิน “พรรคการเมือง” ต่ำอยู่แล้ว

เพราะ คสช.ประเมินว่า หากประสาน “ความมั่นคง” อันเป็นจุดแข็งของตนเข้ากับ “เศรษฐกิจ” ในทิศทางของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ย่อมรบที่ไหน ชนะที่นั่น

เหมือนชัยชนะของพรรคไทยรักไทยที่ได้มาในอดีต

ผู้ใหญ่สั่งมา

ผู้ใหญ่สั่งมา

ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพิ่งผ่านความเห็นชอบวาระแรก ด้วยคะแนนเอกฉันท์จากที่ประชุม สนช. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 35 คน พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาต่างๆ ของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ภายใน 30 วัน

จากนั้นจึงส่งกลับไปให้ที่ประชุม สนช. ลากตั้ง ลงมติเห็นชอบอีกครั้งก่อนคลอดออกมาบังคับใช้แทน พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับเดิม

“แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตหยิบสาระสำคัญในร่าง พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับใหม่เป็นน้ำจิ้มสัก 2 ประเด็น

ประเด็นแรก คือ แต่ก่อนร่อนชะไร การไต่สวนคดีทุจริตของ ป.ป.ช.ไม่มีกรอบเวลาชัดเจนทำให้มีคดีค้างท่อกองอยู่ใน ป.ป.ช.เป็นภูเขาเลากา

ฉะนั้น เพื่อลดกระแสโจมตีว่า ป.ป.ช.ดองบางคดี เร่งบางคดี

ในมาตรา 47 ของร่าง พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับใหม่จึงกำหนดกรอบเวลาให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินการไต่สวนคดีทุจริตทุกคดีให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี

หากคดีใด ป.ป.ช.ไม่สามารถไต่สวนวินิจฉัยได้เสร็จใน 1 ปี ให้ขยายเวลาไต่สวนได้ตามความจำเป็น

แต่ต้องไม่เกิน 2 ปี!!

ประเด็นที่ 2 คือมาตรา 178 ของบทเฉพาะกาลในร่าง พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับใหม่กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ที่มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

สามารถดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.ต่อไปจนครบวาระ

ส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช.คนใดที่ขาดคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญต้องพ้นตำแหน่งไป เพื่อสรรหากรรมการ ป.ป.ช.ใหม่เสียบแทนตำแหน่งที่ว่างลง

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน 9 คน มีปัญหาขาดคุณสมบัติถึง 7 คน

ได้แก่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.คนปัจจุบัน (ลูกน้องสายตรงรองนายกฯบิ๊กป้อม) ขาดคุณสมบัติเนื่องจากพ้นตำแหน่งการเมืองไม่ถึง 10 ปี

นายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช. ขาดคุณสมบัติเนื่องจากพ้นจาก ตำแหน่งกรรมการองค์กรอิสระอื่น (กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน) ไม่เกิน 10 ปี

ส่วนกรรมการ ป.ป.ช.อีก 5 คน ได้แก่ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง, นายปรีชา เลิศกมลมาศ, นายณรงค์ รัฐอมฤต, น.ส.สุภา ปิยะจิตติ และ พล.อ.บุญยวัจน์ เครือหงส์ ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไม่ถึง 5 ปี

สรุปว่า มีกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันที่คุณสมบัติตามสเปกแค่ 2 คน

ส่วนประธาน ป.ป.ช. และกรรมการ ป.ป.ช.อีก 6 คน ต้องพ้นจากตำแหน่งเมื่อ พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับใหม่ ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่าบทเฉพาะกาลมาตรา 178 กำลังจะบานเป็นประเด็นร้อนๆ ส่งท้ายเทศกาลลอยกระทง

เพราะลือกันแซ่ดว่ามี “ใบสั่ง” จาก “ผู้ใหญ่” ให้ใช้เสียงข้างมากของคณะกรรมาธิการวิสามัญ แก้ไขเนื้อหามาตรา 178 เพื่อให้ประธาน ป.ป.ช. และกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 7 คน ที่มีคุณสมบัติไม่ครบตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ...

ดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบเทอม

โดยอ้างเหตุผลเพื่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันเร่งสอบสวนคดีทุจริตที่ค้างสต๊อกอยู่ให้เสร็จโดยเร็ว

“แม่ลูกจันทร์” ฟันธงถ้ามี “ใบสั่ง” จาก “ผู้ใหญ่” อย่างที่มีข่าวลือ

รับประกันซ่อมฟรี จะมีการแก้ไขบทเฉพาะกาลประเด็นนี้แน่นอน!!

แต่ที่โจ๋งครึ่มเกินไปหน่อย คือการที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประธาน ป.ป.ช. และ น.ส.สุภา กรรมการ ป.ป.ช. (ซึ่งเป็นผู้มีส่วน ได้ส่วนเสียโดยตรง) ร่วมอยู่ในคณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ป.ป.ช.

ฉะนั้น ถ้ามีการแก้บทเฉพาะกาลให้กรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งต่อได้จนครบเทอม

ก็เท่ากับ พล.ต.อ.วัชรพล และ น.ส.สุภา เอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง??

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แลแฮ.

"แม่ลูกจันทร์"

ถึงจุดใช้มือการเมือง

ถึงจุดใช้มือการเมือง

ถ้าเป็นมวยก็ส่ออาการ “เมาหมัด” มึนไปหมด

ตามฟอร์มล่าสุดที่ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ต้องเคลียร์ข่าวที่ถูกนักวิชาการสายเสื้อแดงคนดัง แฉความสัมพันธ์กับอดีตนักข่าวสาวถึงขั้นมีลูกมีเต้า โดยปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
ยืนยันเลยว่า ตัวเองทำหมันมา 20 ปีแล้ว

เรื่องของเรื่อง ว่ากันตามแนวโน้มสถานการณ์มันสะท้อนภาวะอ่อนไหว “พี่รอง” ตกอยู่ในตำบลกระสุนตก โดนปมร้อนเข้าปะทะไม่หยุดหย่อน มาถึงจุดที่ผวาแม้แต่ข้อมูลข่าวโคมลอยในโซเชียลมีเดียของนักวิชาการเสื้อแดง

กลายเป็นออกแรงช่วยกระพือปมฉาวให้ขยายวงซะอย่างนั้น

ภายใต้บรรยากาศกดดัน กระแสการปรับคณะรัฐมนตรี เสียงยุให้ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. โละทิ้ง “ตัวถ่วง” รอบเอว

โดยเฉพาะเพื่อนพ้องน้องพี่ที่มีปัญหา ก่อนพากันพังทั้งยวง

ล้อกับกระแสสื่อหลัก พักหลังจะเห็นชื่อวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่ที่คิวของ พล.อ.อนุพงษ์ กับรายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พาดหัวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวัน

ชี้เป้า วัดใจ “นายกฯลุงตู่” กันในที

ที่แน่ๆโจทย์ของหัวหน้า คสช.ไม่ได้แค่จะอุ้มพี่น้องเพื่อนต่อไปไหวหรือไม่ แต่มันข้ามไปถึงสูตรที่ต้องลดโควตาทหาร เปิดพื้นที่ให้ “นายกฯลุงตู่” ดึงมือบริหารอาชีพเข้ามาช่วยปั่นเนื้องานในห้วงท้ายของรัฐบาล และนั่นยังอาจหมายถึงโอกาสเปิดให้นักการเมืองอาชีพเข้ามาร่วมทีม

เข้าสู่โหมด “รัฐบาลเพื่อการปฏิรูป”

ตามสถานการณ์ล่าสุดที่นักข่าวเริ่มไล่เช็กข่าวทางลึก แกะรอยรายชื่อ “บิ๊กเนม” นักการเมืองที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายได้รับเทียบจากรัฐบาล คสช.เชิญมาช่วยทำงาน

แบบที่ล่าสุด “ซือแป๋” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ต้องเคลียร์คำถามสื่อมวลชนกรณีที่มีคนเห็นเดินทางไปทัวร์ประเทศจีนกับอดีตรัฐมนตรีคนดัง “มือประสาน” อย่างนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และนายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ยืนยันเป็นแค่ก๊วนเที่ยวขาประจำ

ไม่เกี่ยวกับการนำมือบริหาร นักการเมืองเข้าร่วม ครม.แต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน มันก็เป็นอะไรที่โยงเป็นเงื่อนไขต่อเนื่องกันกับการเปิดทางนักการเมืองเข้าร่วมทำงานตามรูปการณ์ที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้จัดการขุมอำนาจ คสช. ทิ้งทุ่นเป็นประโยค “ปลายเปิด” ว่าด้วยการตั้งพรรคการเมืองทหาร

ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องตั้ง ถ้าจำเป็นก็ต้องตั้ง

แปลความตามนี้ คงหนีไม่พ้นต้องมีพรรคทหารแน่ เพียงแต่ของจริงไม่มีทางหลุดให้จับไต๋ได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่พวกที่เคลื่อนไหวโฉ่งฉ่างให้เป็นข่าว มักจัดอยู่ในประเภทของปลอมที่แอบอ้างสร้างราคาตัวเอง
เชื่อเอาไว้ก่อนเลยว่า “ของเทียม”

เรื่องของเรื่อง มันก็ยังเป็นแค่จังหวะที่นายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวชื่อดังจุดพลุแฉดักทางการตั้งพรรคทหาร ต่อด้วยกระแสการโผล่มาของ “พรรคพลังชาติไทย” ที่มีชื่อของบิ๊กท็อปบูตเป็นแกนนำ
ตามน้ำด้วยคิวของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยืนยันว่า มีการลงพื้นที่ของคนในพรรคนี้จริง และลงพื้นที่ในภาคใต้มานานร่วมปีแล้ว แม้แต่ในภาคอีสานก็เช่นกัน โดยผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่นเป็นหลัก และข้าราชการเกษียณ

แต่ที่แน่ๆ “บิ๊กป้อม” บอกปัดแล้วว่า ไม่รู้จักกับขุนทหารที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสการตั้งพรรค คสช.เริ่มก่อเชื้อชนวนขึ้นมา

มันมีจุดที่น่าสังเกตจากยุทธการเดินหน้าอัดฉีดมาตรการช่วยคนจน ตามคิวที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้สั่งให้กระทรวงการคลังเร่งจัดทำโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 11 ล้านคน ระยะ 2 ที่ลงทะเบียนในโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ

จะประกาศรายละเอียดโครงการภายในเดือนธันวาคมนี้และเริ่มโครงการตั้งแต่ต้นปี 2561

รายการโปรโมชั่นซื้อใจชาวบ้านฐานใหญ่ “ตุนแต้ม” สะสมให้ “ลุงตู่” ไม่หยุด

และจุดที่จับไต๋ได้ จากอาการของนักเลือกตั้งอาชีพทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย ที่ต่างก็ “ล็อกเป้า” ถล่มทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างหนัก

“สมคิด” ต่างหากที่ถูกเล็งเป็นกลไกหลัก ถ้าจะมีพรรค คสช.จริงๆ.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

นายกฯตั้ง6คำถามปชช.จำเป็นมีพรรคใหม่ไหม

นายกฯตั้ง6คำถามปชช.จำเป็นมีพรรคใหม่ไหม
ข่าวการเมือง วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 13:48 น.
821426
นายกรัฐมนตรี ตั้ง 6 คำถามถึงประชาชน จำเป็นต้องมีพรรค-นักการเมืองหน้าใหม่หรือไม่  คสช. สนับสนุนพรรดใด ผิดหรือไม่ ให้มหาดไทยรวบรวมเหมือนเดิม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนตามนโยบาย Thailand 4.0 ครั้งที่ 1/2560 ว่า ขอฝากคำถามถึงประชาชนเพิ่ม 6 ข้อ หลังเคยถามไป 4 ข้อก่อนหน้านี้ โดยให้กระทรวงมหาดไทยไปสอบถามประชาชนตามช่องทางเดิม เนื่องจากมีหลายคนอ้างว่าประชาชนเรียกร้องในหลายเรื่อง จึงอยากถามประชาชนว่า 
1.วันนี้จำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ นักการเมืองหน้าใหม่ ที่มีคุณภาพให้ประชาชนได้พิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปบ้างหรือไม่ และการที่มีแต่พรรคการเมืองเดิมและนักการเมืองหน้าเดิม แล้วได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูปและทำงานต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่
2.การที่ คสช. จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดก็เป็นสิทธิของ คสช.ใช่หรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยอยู่แล้ว 
3.สิ่งที่ คสช. และรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติบ้างหรือไม่ และเห็นด้วยกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่สะสมมานานด้วยการรื้อใหม่ และการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนหรือไม่ นอกจากนี้เห็นด้วยให้มียุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูป เพื่อให้การเมืองไทยในอนาคตมีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาลและมีความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศหรือไม่ อีกทั้งการทำงานของทุกรัฐบาลต้องคำนึงถึงภาพรวมทั้งประเทศไม่ใช่ทำตามเพียงนโยบายพรรคที่หาเสียงไว้ หรือดูแลเฉพาะพื้นที่ฐานเสียงใช่หรือไม่ 
4.การเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีตมาเปรียบเทียบกับการจัดตั้งรัฐบาลวันนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองก่อนที่ คสช.และรัฐบาลเข้ามา มีความขัดแย้ง ความรุนแรงและการแบ่งแยกประชาชนเป็นกลุ่มๆ เพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่ 
5.รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาลและมีการพัฒนาประเทศที่มีความต่อเนื่องชัดเจนเพียงพอหรือไม่ และ
6.เหตุใดพรรคการเมืองและนักการเมือง จึงออกมาเคลื่อนไหวคอยด่า คสช. รัฐบาล และนายกฯบิดเบือนข้อเท็จจริงในการทำงานในช่วงนี้อย่างมากผิดปกติ จึงขอฝากถามประชาชนว่าเพราะอะไร เนื่องจากอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ จึงอยากให้ทุกคนที่เป็นคนไทยช่วยพิจารณาตัดสิน
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=821426