ทิศทาง ‘ครม.’ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะคือ ‘คำตอบ’
ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
อาจ “เร็ว” เกินไปที่จะได้ “คำตอบ”
คำตอบที่ว่า ตกลงจะปรับเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หรือว่าปรับตำแหน่งอื่นในลักษณะอันเรียกว่า “ปรับใหญ่”
ใหญ่เหมือนการปรับเมื่อเดือนสิงหาคม 2558
กระนั้น หากทอดเวลาเนิ่นยาวไปเป็นสัปดาห์ที่ 2 ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแถลงหรือไม่อย่างไร เวลานั่นแหละจะเป็นเครื่องบ่งบอก
บ่งบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ยักษ์
เพราะลำพังเพียงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่น่าจะมีความสลับซับซ้อน แต่เมื่อทบทวนแล้ว “สัญญาณ” เริ่มเด่นชัดว่าน่าจะทำอย่างชนิด “ทิ้งทวน”
สัญญาณจากกระบวนการปรับ ครม.จึงทรงความหมาย
ความจริง ความหมายที่ทุกคนคาดกันอยู่ในขณะนี้ก็มิได้เป็น “ความลับ” แต่อย่างใด เพราะสามารถอ่านออกตั้งแต่ปรากฏใน 2 หลักกิโลเมตรแล้ว
1 คือรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557
หากใครศึกษาอย่างละเอียดก็จะประจักษ์ว่า บทเพลงที่ว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” นั้น จะดำเนินไปในแบบที่รู้กันว่า
“ลับ ลวง พราง”
ขณะเดียวกัน 1 เมื่อศึกษากระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญจากที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ถูกคว่ำโดย สปช.ในเดือนกันยายน 2558 กระทั่งมาถึงมือของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นั่งหัวโต๊ะ
การประกาศและบังคับใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในวันที่ 6 เมษายน นับว่าแจ่มชัดไม่มีการปิดบังอำพรางเจตนา
การปรับ ครม.จึงจะสะท้อนกระบวนการทางความคิด ยุทธศาสตร์ทางการเมืองของรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ว่าเปี่ยมด้วยความมั่นใจเพียงใด
อ่านจากเสียงของ “โหร” ยังไม่เพียงพอ
จำเป็นต้องสัมผัสรูปธรรมในการจัดวางตัวบุคคล ว่ายังให้น้ำหนักอยู่ที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มากน้อยเพียงใด
หากเป็นเช่นนี้ก็พอจะมองได้ว่า “หัวใจ” สำคัญ จะดำเนินไปอย่างไร
เพราะเท่ากับเป็นการยอมรับว่า การบริหารจัดการโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากฝีมือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และคณะ คือความมั่นใจ
เป็นความมั่นใจไม่เพียงเอาชนะ 1 พรรคประชาธิปัตย์
หากที่สำคัญเป็นอย่างมาก 1 คือ การเอาชนะเกียรติภูมิและความสำเร็จพื้นฐานของพรรคไทยรักไทยอย่างสิ้นเชิง
นี่คือกลยุทธ์ “ยืมหอกสนองคืน”
การจัดวางน้ำหนักของ คสช.จะปรากฏเป็นรูปธรรมผ่านกระบวนการปรับ ครม.ครั้งใหม่คือคำตอบทั้งหมดของ คสช.
จากนี้ จึงเห็นได้ว่า การโขยกเขย่าอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ประสานเข้ากับพรรคเพื่อไทย แทบไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับ คสช.
เพราะ คสช.ประเมิน “พรรคการเมือง” ต่ำอยู่แล้ว
เพราะ คสช.ประเมินว่า หากประสาน “ความมั่นคง” อันเป็นจุดแข็งของตนเข้ากับ “เศรษฐกิจ” ในทิศทางของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ย่อมรบที่ไหน ชนะที่นั่น
เหมือนชัยชนะของพรรคไทยรักไทยที่ได้มาในอดีต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น